ขอเดา(ราคาทอง)กับเขาบ้าง

[Pete 15,187]

::

[Pete 15,187]

ตลาดหุ้นเอเชียเคลื่อนไหวอย่างผันผวน ขณะที่นักลงทุนจับตาดูสภาคองเกรสที่ยังคงเจรจาเกี่ยวกับงบประมาณและเพดานหนี้ของสหรัฐ

 

ดัชนี MSCI Asia Pacific เคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อยแตะที่ระดับ 139.04 จุด เมื่อเวลา 9.16 น.ตามเวลาโตเกียว

 

ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 14,057.79 จุด เพิ่มขึ้น 33.48 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 23,152.92 จุด เพิ่มขึ้น 14.38 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 8,354.91 จุด ลดลง 9.64 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 1,997.17 จุด เพิ่มขึ้น 0.19 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,146.05 จุด เพิ่มขึ้น 7.97 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ที่ 6,395.95 จุด เพิ่มขึ้น 5.47 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,778.03 จุด เพิ่มขึ้น 1.47 จุด และดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียเปิดวันนี้ที่ 5,207.60 จุด ลดลง 0.40 จุด

 

หุ้นแอลจี ยูพลัส คอร์ป ทะยาน 3.2% หุ้นโตเกียว อิเล็กทริก เพาเวอร์ ร่วงลง 4.4% และหุ้นสุมิโตโม มิตซุย ไฟแนนเชียล กรุ๊ป อิงค์ เพิ่มขึ้น 2.1%

 

ตลาดหุ้นจีนปิดทำการวันนี้ เนื่องในวันหยุดเฉลิมฉลองวันชาติ และตลาดหุ้นลาวปิดทำการวันนี้ เนื่องในวัน BOL Foundation Day

 

ทั้งนี้ ตลาดยังคงได้รับแรงกดดันจากการที่สหรัฐต้องปิดหน่วยงานของรัฐบาลเป็นครั้ง แรกในรอบ 17 ปี หลังจากสภาคองเกรสยังไม่สามารถประนีประนอมกันได้เกี่ยวกับร่างงบประมาณชั่ว คราวได้จนถึงขณะนี้

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันที่ 7 ตุลาคม 2556)

 

[Pete 15,187]

สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐที่มีพรรครีพับลิกัน ครองเสียงข้างมากได้มีมติเป็นเอกฉันท์ด้วย คะแนนเสียง 407ต่อ 0 ในการอนุมัติร่างกฎหมายที่จะจ่ายเงินคืนแก่เจ้าหน้าที่รัฐบาล ที่ถูกพักงานราว 800,000 คน ในทันทีที่การชัตดาวน์ของรัฐบาลในปัจจุบันสิ้นสุดลง

 

สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐได้มีมติดังกล่าวเมื่อวันเสาร์ แม้ว่ายังมีความขัดแย้งกันในประเด็นงบประมาณระหว่างพรรคเดโมแครตและรีพับลิกัน

 

ใน ขณะนี้ จะมีเสนอร่างกฎหมายดังกล่าวต่อวุฒิสภาที่มีพรรคเดโมแครตครองเสียงข้างมาก ขณะที่ทำเนียบขาวได้แสดงการสนับสนุนมาตรการนี้ โดยระบุว่าประธานาธิบดีบารัค โอบามาจะลงนามในร่างกฎหมายดังกล่าวเพื่อมีผลบังคับใช้ต่อไป

 

รัฐบาล กลางสหรัฐต้องเผชิญกับการปิดหน่วยงานราชการบางส่วน หรือที่เรียกสั้นๆว่าการชัตดาวน์ หลังจากสภาคองเกรสไม่สามารถผ่านร่างกฎหมายจัดสรรงบประมาณชั่วคราวได้ภายใน กำหนดเส้นตายในเที่ยงคืนของวันที่ 30 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยการชัตดาวน์ครั้งแรกในรอบ 17 ปีดังกล่าวได้ส่งผลกระทบต่อเจ้าหน้าที่รัฐบาลราว 800,000 คน

 

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่รัฐบาลกลางสหรัฐที่ถูกพักงานจะไม่ได้รับค่าจ้างในระหว่างที่ถูก พักงาน จนกว่าสภาคองเกรสจะอนุมัติให้มีการจ่ายเงินคืนสำหรับเจ้าหน้าที่ดังกล่าว

 

ที่มา: money channel (วันที่ 7 ตค.56)

ปล. มตินี้ ก็คือ ตกเบิก ทำงานไปก่อน มีเงินแล้วจ่ายให้แน่ๆๆ มาเบิกภายหลังนะ ซึ่งจะสามารถเปิดสำนักงานได้ถึงแม้ยังอยู่ในปัญหางบประมาณที่ยังตกลงกันไม่ได้

[Pete 15,187]

นายกสมาคมผู้ค้าทองคำ เผย พิษเศรษฐกิจ ชนวนเหตุปล้นร้านทอง คาดราคาทองลง หากปมวิกฤติการเงินสหรัฐฯ คลี่คลาย

 

นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมผู้ค้าทองคำ เปิดเผยกับ สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น.ถึงกรณีเกิดเหตุบุกชิงทรัพย์ร้านทองในระยะนี้บ่อยครั้ง ว่า ส่วนหนึ่งมองว่ามาจากเศรษฐกิจ ค่าครองชีพที่อาจส่งผลให้เกิดปัญหากับอาชญากรรม จึงตัดสินใจปล้นชิงทอง โดยเหตุการณ์บุกปล้นร้านทองจะมีเป็นระยะแล้วก็จะเงียบหายไป ทั้งนี้ ทางสมาคมได้แจ้งเตือนให้ร้านทองที่มีความเสี่ยงสูงในพื้นที่เปลี่ยว ห่างไกลชุมชน ให้ทำกรมธรรม์ประกันภัยร้านทองไว้ ขณะที่เหตุการณ์ทองปลอมในระยะนี้พบว่ามีจำนวนน้อยลง หลังจากทางสมาคมได้จัดสัมมนาสัญจรให้ความรู้แก่ผู้ประกอบการร้านทองทั่วประเทศ

 

นอกจากนี้ นายจิตติ กล่าวเพิ่มว่า ในส่วนของราคาทองคำในช่วงนี้ ยังคงต้องจับตาประเด็นการหยุดดำเนินการของหน่วยราชการ หรือ Government Shutdown ของสหรัฐอเมริกา รวมไปถึง ปัญหาเพดานหนี้สาธารณะของสหรัฐฯ ที่มีกรอบกำหนดในวันที่ 17 ตุลาคม นี้ หากสามารถคลี่คลายตกลงได้ อาจทำให้ราคาทองคำถูกลง แต่หากหาทางตกลงไม่ได้ ที่จะส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้น

 

ที่มา : MSN (วันที่ 7 ตุลาคม 2556)

 

[Pete 15,187]

สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐ เมื่อวันที่ 6 ต.ค.ว่า นายจอห์น โบห์เนอร์ ประธานสภาผู้แทนราษฎรพรรครีพับลิกัน ให้คำมั่นเมื่อวานนี้ว่า จะไม่เพิ่มเพดานหนี้สหรัฐ หากไม่มีการปรึกษาหารือกันอย่างจริงจัง เกี่ยวกับสิ่งที่กำลังจะเพิ่มหนี้ ขณะที่ พรรคเดโมแครต กล่าวว่า พรรคจะไม่รับผิดชอบและไม่สนใจความเป็นไปได้ที่สหรัฐจะผิดนัดชำระหนี้ ซึ่งมีแนวโน้มมากขึ้น

 

นายโบห์เนอร์ กล่าวในรายการ “This Week” ทางสถานีโทรทัศน์เอบีซี ว่า ความน่าเชื่อถือของประเทศตกอยู่ในความเสี่ยง เพราะการปฏิเสธของรัฐบาลในนั่งลงเจรจากัน พร้อมกล่าวเพิ่มเติมว่า การลงมติในสภาผู้แทนราษฎรในการผ่านร่างกฎหมายขยายเพดานหนี้ ไม่เพียงพอ หากไม่มีการกำหนดเงื่อนไขบางอย่างเข้ามาด้วย ซึ่งเมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ก็หมายความว่า สหรัฐก็มีแนวโน้มที่จะผิดนัดชำระหนี้ หากประธานาธิบดีบารัค โอบามา ไม่ยอมเจรจา นายโบห์เนอร์ กล่าวว่า นั่นเป็นเส้นทางที่เราต้องเดินไป

 

พรรครีพับลิกันและเดโมแครต ต่างกล่าวหาซึ่งกันและกัน เกี่ยวกับการปิดหน่วยงานราชการ ซึ่งทำให้สหรัฐเป็นอัมพาตมานานเกือบ 1 สัปดาห์แล้ว และยังไม่มีวี่แววว่าจะยุติลงโดยง่าย การต่อสู้กันเกี่ยวกับงบประมาณรายจ่ายที่ยังไม่จบ แต่รัฐบาลสหรัฐต้องเผชิญกับปัญหาการเพิ่มเพดานหนี้เข้ามาอีก เป็น 2 ปัญหาในคราวเดียวกัน โดยสหรัฐต้องตกลงกันให้ได้ในการขยายเพดานหนี้ภายในวันที่ 17 ตุลาคมนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้

 

 

ที่มา: เดลินิวส์(วันที่ 7 ตค.56)

 

[Pete 15,187]

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 7 ตุลาคม 2556 09:17:10 น.

นายจอห์น โบเนอร์ โฆษกสมาชิกผู้แทนราษฎรพรรครีพับลีกันเปิดเผยว่า สภาผู้แทนราษฎรจะไม่ผ่านร่างงบประมาณชั่วคราวเพื่อยุติการปิดหน่วยงานรัฐบาลและจะไม่เพิ่มเพดานหนี้จนกว่าประธานาธิบดีบารัค โอบามาเลือกการเจรจากัน

 

นายโบเนอร์กล่าวผ่านรายการ "This Week" ของสถานีโทรทัศน์ ABC ว่าสภาผู้แทนฯจะไม่ลงคะแนนเสียงเพื่อผ่านร่างงบประมาณ แม้ว่าสมาชิกพรรครีพับลีกันสายกลางบางส่วนแสดงความเต็มใจร่วมกับสมาชิกเดโมแครตในการผ่านร่างงบประมาณชั่วคราวเพื่อยุติการปิดหน่วยงานรัฐบาลก็ตาม

 

 

 

"ผมไม่อยากเห็นสหรัฐผิดนัดชำระหนี้ แต่ผมจะไม่เพิ่มเพดานหนี้หากไม่มีการพูดคุยอย่างจริงจังเรื่องการจัดการปัญหาที่กำลังก่อหนี้ให้สูงขึ้น" นายโบห์เนอร์กล่าว

 

เขากล่าวว่า ความน่าเชื่อถือของสหรัฐตกอยู่ในความเสี่ยง เนื่องจากรัฐบาลของปธน.โอบามาปฏิเสธที่จะหันหน้าเจรจากัน "เราต้องการพูดคุยเกี่ยวกับแนวทางในการเปิดหน่วยงานรัฐบาลและแนวทางในการเริ่มชำระรายจ่ายของเรา แต่มันจะเกิดได้ก็ต้องเริ่มจากการพูดคุยแบบง่ายๆ"

 

ทั้งนี้ ปธน.โอบามาเรียกร้องให้สมาชิกผู้แทนราษฎรเร่งผ่านร่างงบประมาณชั่วคราวเพื่อเปิดหน่วยงานภาครัฐอีกครั้งและเพิ่มเพดานหนี้โดยไม่มีเงื่อนไขผูกติดมา ขณะเดียวกันเขายังย้ำจุดยืนในการประชุมกับบรรดาผู้นำสภาคองเกรสว่าเขาจะไม่เจรจาเรื่องเพดานหนี้

 

การปิดทำการหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐครั้งแรกในรอบ 17 ปีครั้งนี้เข้าสู่วันที่ 6 และยังไร้วี่แววว่าจะยุติได้โดยเร็ว ขณะที่สภาผู้แทนราษฎรซึ่งมีพรรครีพับลีกันซึ่งมีเสียงข้างมากอยู่ในสภา ผ่านร่างกฎหมายเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาเรื่องการมอบเงินชดเชยให้แก่พนักงานภาครัฐที่ถูกพักงานกว่า 800,000 ราย หากหน่วยงานภาครัฐกลับมาเปิดทำการอีกครั้ง สำนักข่าวซินหัวรายงาน

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย จงดี อำมฤคขจร/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

[GB2514 302]

สวัสดีพี่ใหญ่และเพื่อนสมาชิกครับ

กิจกรรมเมื่อวันหยุดที่ผ่านมาครับ ใครมีโอกาสไปเที่ยวหัวหิน ชะอำ ก็ลองแวะกันเข้าไปดูนะครับ จากถนนใหญ่เข้าไปทาง อ.ท่ายาง ประมาณ 41 กม.ไปกลับก็แค่ 80 กม. กว่าๆ ก่อนกลับกรุงเทพ ท่านจะได้ความอิ่มเอิบใจกลับมาครับ

 

http://www.softbizpl...-chung-huao-mun

 

 

 

 

ขอบคุณภาพจาก website ครับ

ถูกแก้ไข ตุลาคม 7, 2013 โดย GB2514

[Pete 15,187]

ขอบคุณครับที่แนะนำที่แวะ แต่ตรงสี่แยกท่ายาง ตรงไฟแดง น่าจะได้เห็น Hero : Spider Man ไอ้แมงมุม มาขายพวงมาลัยช่วงนี้ ด้วยนะ

[Pete 15,187]

ดัชนีเชื่อมั่นทองต.ค.ทรุด ปัจจัยเสี่ยงเพียบ ผู้ค้าทองแนะลงทุนระยะสั้น

 

 

ศูนย์วิจัยทองคำเผย ดัชนีความเชื่อมั่นราคาทองคำ 46.71 จุด หดตัวจากเดือนกันยายน 17.28 จุด สะท้อนนักลงทุนและผู้ค้าในประเทศเริ่มมีทัศนคติเชิงลบหลังปัจจัยเสี่ยงเพียบ แนะรอความชัดเจนเพดานหนี้สหรัฐฯ ชี้ชะตาทองช่วงท้ายของปี ขณะ Government shutdown เชื่อไม่กระทบถ้าปิดไม่เกินสองสัปดาห์ ด้านความเห็นผู้ค้าแนะลงทุนระยะสั้นรับความผันผวน

 

 

 

นายกมลธัญ พรไพศาลวิจิต ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำ เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นราคาทองคำ (Gold Price Sentiment Index) ชะลอตัวลงต่ำกว่าระดับ 50 จุด อยู่ที่ระดับ 46.71 จุด โดยลดลงจากเดือนกันยายน 17.28 จุด หรือ 27.00% สะท้อนทัศนคติเชิงลบของกลุ่มตัวอย่างที่มีต่อราคาทองคำในประเทศเดือนตุลาคม ซึ่งแยกตามประเภทกลุ่มตัวอย่างพบว่ากลุ่มผู้ค้าทองคำมีค่าดัชนีสูงกว่า 50 จุดเล็กน้อยที่ระดับ 50.83 จุด หมายถึงยังมองเชิงบวกเล็กน้อยแต่กลุ่มผู้ลงทุนกลับมองเชิงลบ ทั้งนี้ ปัจจัยที่กลุ่มตัวอย่างเชื่อว่าจะกระทบต่อราคาทองคำระหว่างเดือน 55.18% ได้แก่ เรื่องความผันผวนของค่าเงินบาท 48.01% ประเด็นการชะลอ QE และ 42.23% คือสำหรับประเด็นปัญหาเพดานหนี้สหรัฐฯ

 

ขณะเดียวกัน ดัชนีความเชื่อมั่นราคาทองคำในระยะ 3 เดือนสอดคล้องกันที่สะท้อนทัศนคติเชิงลบ โดยค่าดัชนีอยู่ที่ระดับ 48.26 จุด ลดลงจากการจัดทำในเดือนกันยายน 18.82 จุด หรือ 28.06% สำหรับคำถามว่านักลงทุนจะซื้อทองคำในช่วงหนึ่งเดือนข้างหน้าหรือไม่ พบว่ากลุ่มตัวอย่าง 36.33% จะซื้อทองคำในช่วงหนึ่งเดือนข้างหน้า กลุ่มตัวอย่าง 40.32% คิดว่าจะยังไม่ซื้อทองคำและ 23.35% ยังไม่แน่ใจว่าจะซื้อหรือไม่ ซึ่งลักษณะพฤติกรรมสอดคล้องกับค่าดัชนีที่มีมุมมองเชิงลบทำให้มีน้ำหนักของกลุ่มที่เชื่อว่าจะยังไม่ซื้อทองคำในช่วงหนึ่งเดือนในสัดส่วนที่มากกว่ากลุ่มที่คิดว่าจะซื้อ

 

ด้าน ดร.ภูษิต วงศ์หล่อสายชล ผู้อำนวยการศูนย์วิจัย เปิดเผยบทสรุปความคิดเห็นผู้ค้าทองคำ (Gold Trader Consensus) ที่รวบรวมตัวอย่างจากผู้ค้าส่งทองคำรายใหญ่ และผู้ประกอบกิจการนายหน้าการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่อ้างอิงกับราคาทองคำ จำนวน 11 ตัวอย่าง เชื่อว่า ราคาทองคำในตลาดโลกช่วงเดือนตุลาคมโดยรวมน่าจะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,200 – 1,440 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์ โดยกลุ่มตัวอย่างเชื่อว่ากรอบราคาต่ำสุดในเดือนตุลาคมน่าจะอยู่ในช่วง 1,260-1,280 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่กรอบสูงสุดน่าจะอยู่ในกรอบ 1,380-1,400 ดอลลาร์ต่อออนซ์

 

 

 

ส่วนราคาทองคำแท่งในประเทศ (ความบริสุทธิ์ 96.5%) กลุ่มตัวอย่างเชื่อว่าราคาจะเคลื่อนไหวระหว่าง 18,200-20,900 บาทต่อหนึ่งบาททองคำ และกรอบการเคลื่อนไหวต่ำสุดกลุ่มตัวอย่างให้น้ำหนักระหว่าง 18,800-19,000 บาทต่อหนึ่งบาท และมีกรอบการเคลื่อนไหวสูงสุดบริเวณ 20,600-20,900 บาทต่อหนึ่งบาททองคำ โดยมีประเด็นเรื่องเพดานหนี้สหรัฐฯเป็นประเด็นสำคัญที่

 

 

 

อาจจะกำหนดทิศทางของราคาทองคำในช่วงท้ายของปี นอกจากนี้ยังเชื่อว่าทิศทางของค่าเงินบาทน่าจะยังผันผวนในช่วงไตรมาส 4 ต่อเนื่องจึงเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่นักลงทุนต้องให้ความสำคัญ

 

 

 

สำหรับการพิจารณาผลกระทบของสถานการณ์ Government Shutdown หรือการปิดทำการชั่วคราวของหน่วยงานรัฐของประเทศสหรัฐอเมริกาเกิดเหตุการดังกล่าวในช่วงปี ค.ศ. 1976-1996 จำนวน 17 ครั้งพบว่าโดยทั่วไปไม่มีความสัมพันธ์ต่อราคาทองคำไปในทิศทางใดทั้งในช่วงของการปิดทำการ หลังจากเปิดทำการในช่วงสัปดาห์แรก และหลังจากเปิดทำการในช่วง 1 เดือนแรก แต่ที่น่าสังเกตุคือในกรณีที่มีการปิดหน่วยงานรัฐเป็นเวลานานกว่า 2 สัปดาห์ขึ้นไปพบว่าราคาทองคำมักจะมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นทั้งในช่วงของการปิดทำการ หลังจากเปิดทำการในช่วงสัปดาห์แรก นอกจากนี้ยังพบว่าในช่วงของการหาข้อตกลงไม่ว่าสภาล่าง (house) และสภาสูง (senate) จะเป็นพรรคเดียวกันหรือไม่ ไม่มีผลต่อระยะเวลาของการปิดทำการและไม่กระทบต่อราคาทองคำเช่นกัน

 

[Pete 15,187]

ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลงในช่วงบ่ายวันนี้ เหตุวิตกเพดานหนี้-ชัตดาวน์

 

 

ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลงต่อช่วงบ่ายวันนี้ เนื่องจากสภาคองเกรสของสหรัฐยังไม่สามารถตกลงกันได้เกี่ยวกับเพดานหนี้และการปิดหน่วยงานบางส่วนของสหรัฐ หุ้นบริษัทวัสดุ และสาธารณูปโภคปรับตัวลง

ดัชนี MSCI Asia Pacific Index ร่วง 0.8% เมื่อเวลา 137.93 เมื่อเวลา 12.06 น.ตามเวลากรุงโตเกียว

หุ้นบลูมอนท์ กรุ๊ป ร่วง 75% หลังจากที่บริษัทได้สรุปข้อตกลงเพื่อซื้อกิจการบริษัท โคคาล ส่วนหุ้นซัน ฮุง ไค พร็อพเพอร์ตีส์ ปรับตัวลง 2.4% ส่วนหุ้นโตเกียว อิเล็กทริก พาวเวอร์ ร่วง 7.6%

นายจอห์น โบเนอร์ โฆษกสมาชิกผู้แทนราษฎรพรรครีพับลีกันเปิดเผยว่า สภาผู้แทนราษฎรจะไม่ผ่านร่างงบประมาณชั่วคราวเพื่อยุติการปิดหน่วยงานรัฐบาลและจะไม่เพิ่มเพดานหนี้จนกว่าประธานาธิบดีบารัค โอบามาเลือกการเจรจากัน

นายโบเนอร์กล่าวผ่านรายการ "This Week" ของสถานีโทรทัศน์ ABC ว่าสภาผู้แทนฯจะไม่ลงคะแนนเสียงเพื่อผ่านร่างงบประมาณ แม้ว่าสมาชิกพรรครีพับลีกันสายกลางบางส่วนแสดงความเต็มใจร่วมกับสมาชิกเดโมแครตในการผ่านร่างงบประมาณชั่วคราวเพื่อยุติการปิดหน่วยงานรัฐบาลก็ตาม

[Pete 15,187]

เงินบาทเปิด 31.26/30 รอความชัดเจนประเด็นสหรัฐฯ มองกรอบวันนี้ 31.28-31.40

 

 

นักบริหารเงิน เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้ที่ระดับ 31.26/30 บาท/ดอลลาร์ จากเย็นวันศุกร์ที่ปิดตลาดที่ระดับ 31.29/31 บาท/ดอลลาร์ ล่าสุดอ่อนค่ามาอยู่แถวๆ 31.32/33 บาท/ดอลลาร์

"ตลาดยังรอความชัดเจนเรื่องงบประมาณของสหรัฐฯ ว่าสุดท้ายแล้วจะผ่านงบประมาณได้ทันหรือเปล่า ขณะเดียวันก็มีเรื่อง Debt ที่จะต้อง Cut Off กันในวันที่ 17 ตุลาคมนี้ จะผ่านได้ทันหรือเปล่า ค่าเงินสกุลอื่นๆในภูมิภาคต่างก็ยังอ่อนค่า แต่เงินบาทอ่อนค่ามากกว่าชาวบ้านเล็กน้อย อาจจะมีปัจจัยอื่นๆ"นักบริหารเงิน กล่าว

นักบริหารเงิน คาดว่า เงินบาทจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 31.28-31.40 บาท/ดอลลาร์

ล่าสุด SPOT อยู่ที่ระดับ 31.3300 บาท/ดอลลาร์ ส่วน THAI BAHT FIX 3M อยู่ที่ 2.44515% และ THAI BAHT FIX 6M อยู่ที่ 2.45857%

[Pete 15,187]

GBX ชี้กรอบลงทุนทองคำที่ $1,277-1,351/Oz แนะจับตาสหรัฐฯ ขณะที่หุ้นไทยมีลุ้นไปต่อ ชี้ TRUE- LIVE -CCP สัญญาณเทคนิคฟื้น

 

 

บมจ.โกลเบล็ก โฮลดิ้ง แมนเนจเม้นท์ มองกรอบราคาทองคำที่ $1,277-1,351/Oz หรือ 18,960-20,050 บาท/บาททองคำ(อ้างอิงค่าเงินบาทที่ 31.30 บาท/$) แนะจับตา การประกาศยอดจ้างงานนอกภาคเกษตรและอัตราว่างงานสหรัฐฯ ด้าน “ ทรงวุฒิ อภิรักษ์ขิต ” กรรมการผู้จัดการ GBX แนะเก็งกำไรตามกรอบ ชี้ราคาทองคำยังคงผันผวน ขณะที่บล.โกลเบล็ก เชื่อหุ้นไทยยังไปต่อได้ แนะหุ้น TRUE-LIVE-CCP เหตุสัญญาณทางเทคนิคฟื้นตัว

 

นายทรงวุฒิ อภิรักษ์ขิต กรรมการผู้จัดการ บริษัท โกลเบล็ก โฮลดิ้ง แมนเนจเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GBX แนะนำกรอบการลงทุนราคาทองคำในสัปดาห์นี้ (7 – 11 ตุลาคม 2556) ว่า โกลเบล็ก ให้กรอบราคาทองคำที่ $1,277-1,351/Oz หรือ 18,960-20,050 บาท/บาททองคำ(อ้างอิงค่าเงินบาทที่ 31.30 บาท/$) โดยในสัปดาห์นี้อาจมีการประกาศยอดจ้างงานนอกภาคเกษตรและอัตราว่างงานหากสภาคองเกรสอนุมัติแผนการใช้จ่ายก็จะทำให้หน่วยงานรัฐบาลกลับมาเปิดดำเนินงานอีกครั้ง

 

โดยจะเห็นได้จากราคาทองคำโลกในสัปดาห์ที่ผ่านมาได้ปรับตัวลดลงจากสัปดาห์ก่อนหน้าประมาณ $25.48/Oz หรือคิดเป็น 1.90% ปิดที่ระดับ $1,315/Oz (10.00น. 4/10/56) โดยมีจุดต่ำสุดที่ $1,277.50/Oz และมีจุดสูงสุดที่ $1,351.55/Oz ซึ่งราคาทองคำปรับตัวลงก่อนเนื่องจากดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 56.2 ในเดือนกันยายน จากระดับ 55.7 ในเดือนสิงหาคม นับเป็นการขยายตัวในอัตราที่เร็วที่สุดในรอบเกือบสองปีครึ่งแสดงถึงเศรษฐกิจเริ่มกลับมาขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง

 

ทั้งนี้ ราคาทองคำได้ปรับตัวขึ้นจากความกังวลเกี่ยวกับสหรัฐฯประกาศปิดหน่วยงานบางส่วนของรัฐบาล หลังจากสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาไม่สามารถตกลงกันได้เกี่ยวกับร่างกฎหมายงบประมาณฉุกเฉิน และตัวเลขจ้างงานของภาคเอกชนจาก ADP ระบุว่า ภาคเอกชนสหรัฐจ้างตำแหน่งงานเพิ่ม 166,000 ตำแหน่งในเดือนกันยายน เมื่อเทียบกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ประเมินว่าภาคเอกชนสหรัฐฯจะจ้างตำแหน่งงานเพิ่ม 178,000 ตำแหน่ง และการประกาศดัชนี ISM ภาคบริการเดือนกันยายนลดลงมากกว่าที่คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 57.4 คอยหนุนต่อราคาทองคำเพิ่มเติม

 

“อย่างไรก็ตามนักลงทุนยังวิตกกังวลต่อรายงานของฟิทช์ เรทติ้งส์ ที่ระบุว่า ราคาทองคำอาจจะไม่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากนักในอีก 2-3 ปีข้างหน้า เนื่องจากแนวโน้มในช่วงที่ผ่านมานั้น ทองคำถูกใช้เป็นเครื่องมือด้านการเงินและการถือครองเพื่อหลีกเลี่ยงภาวะเงินเฟ้อ มากกว่าที่จะเป็นการซื้อขายที่เกิดจากอุปสงค์ที่แท้จริง” นายทรงวุฒิ กล่าว

 

อย่างไรก็ตาม จากปัจจัยดังกล่าวในข้างต้น ทางโกลเบล็ก แนะนำให้เล่นเก็งกำไรในกรอบที่ $1,277-1,351/Oz หรือ 18,960-20,050 บาท/บาททองคำ(อ้างอิงค่าเงินบาทที่ 31.30 บาท/$) และมีการกำหนดจุดตัดขาดทุนหากผิดทาง เนื่องจากราคาทองคำอาจปรับตัวขึ้นหรือลงได้แรงหลังพักตัวในสัปดาห์ที่แล้ว

 

นอกจากนี้ ทางโกลเบล็ก ยังแนะนำนักลงทุนจับตาแนวโน้มทิศทางเศรษฐกิจในสัปดาห์นี้ อาทิ ผลผลิตมวลรวมยูโรโซน ,ยอดดุลการค้าสหรัฐฯ ,ยอดจ้างงานอกภาคเกษตรสหรัฐฯ ,อัตราว่างงานสหรัฐฯ ,FOMC Meeting Minutes ,ประชุมธนาคารกลางอังกฤษ ,ยอดผู้ขอรับสวัสดิการสหรัฐฯ ,ยอดค้าปลีกพื้นฐาน(MoM) ,ดัชนีราคาผู้ผลิตสหรัฐฯ ,คาดการณ์ความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐฯ

 

ด้านนักวิเคราะห์หลักทรัพย์โกลเบล็ก ประเมินแนวโน้มกรอบการลงทุนในตลาดหุ้นไทย สัปดาห์นี้ว่า สัญญาณการแกว่งตัวในระยะสั้น ดัชนีมีการแกว่งตัวแคบๆ วอลุ่มลดลงกว่าครึ่งแสดงถึงการขายทำกำไรระยะสั้นออกมาบางส่วน ในขณะที่ดัชนีไม่มี New low และประคองตัวปิดเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 10 วันได้ หากช่วงนี้ดัชนีไม่ถอยกลับลงมาทำ New low หรือปิดต่ำกว่า 1418 จุดอีก จึงจะมีลุ้นดีดกลับขึ้นต่อแถวๆ 1440 จุดต่อไป

 

ขณะที่ ดัชนีในระยะกลาง มีแนวโน้มดีดกลับขึ้นหลังจากหลุดลงไปต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย 5 และ 10 สัปดาห์ แต่ไม่หลุดเส้นค่าเฉลี่ย 75 วัน หากสัปดาห์นี้ดัชนีไม่ถอยกลับลงมาปิดต่ำกว่า 1400 จุดอีก คาดดัชนีลุ้นดีดกลับแถวๆ แนวต้านเส้นค่าเฉลี่ย 25 สัปดาห์ที่ 1467-1468 จุด ผ่านได้ลุ้นขึ้นต่อจุดสูงสุดเดิมที่ 1494 จุดต่อไป

 

นอกจากนี้ บล.โกลเบล็ก แนะนำลงทุนในหุ้น TRUE โดยมองว่าระดับราคาดีดกลับขึ้นมาทำ New high ในรอบ 7 วัน หากราคาไม่ถอยกลับลงมาปิดต่ำกว่าแถวๆ 8.40 บาท โอกาสที่ราคาหุ้นมีลุ้นดีดกลับต่อแถวๆ 8.75 บาท ก่อนขยับขึ้นทำ New high ต่อแถวๆ 8.95-9.15 บาท ขณะนี้หุ้น LIVE เป็นอีกหนึ่งหุ้นที่น่าจับตา เนื่องจากระดับราคาดีดกลับขึ้นมาทำ New high ในรอบ 1 สัปดาห์ โดยมีวอลุ่มเพิ่มขึ้น หากราคาไม่ถอยกลับลงมาปิดต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย 75 วัน ที่ 0.48-0.47 บาท ราคามีลุ้นขึ้นทดสอบจุดสูงสุดเดิมในรอบ 2 สัปดาห์ที่ 0.50-0.51 บาทต่อไป

 

และสุดท้ายแนะนำหุ้น CCP เนื่องจากระดับราคาดีดกลับขึ้นมาทดสอบจุดสูงสุดเดิมในรอบ 7 วันอีกครั้ง โดยมีวอลุ่มเพิ่มขึ้น และหากราคาไม่ถอยกลับลงมาปิดต่ำกว่า 6.30-6.25 บาท หุ้นมีลุ้นผ่านแนวต้านที่ 6.50 บาทขึ้นทดสอบแนวต้านเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันแถวๆ 6.85-6.90 บาท

[auntnextdoor 4,268]

ขอบคุณป๋าค่ะ

[Pete 15,187]

Support: -1311.78, 1304.58, 1290.14, 1271.25 and 1263.16(main)

Resistance: - 1326.57(main), 1339.75, 1346.24.

[Pete 15,187]

วิกฤติเพดานหนี้ US มุ่งสู่สัปดาห์ที่ 2

ข่าวเศรษฐกิจ วันจันทร์ที่ 7 ตุลาคม พ.ศ.2556 13:54น.

 

"วิกฤติเพดานหนี้" สหรัฐฯ ยังไร้ทางออกชัดเจน แม้กำลังเข้าสู่ภาวะขบขันเป็นสัปดาห์ที่ 2

สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า วันนี้ (7 ต.ค.) รัฐสภาคองเกรสแห่งสหรัฐอเมริกา กำลังเข้าสู่ภาวะความเสี่ยง เป็นสัปดาห์ที่ 2 แล้ว ซึ่งถือว่าเป็นสัปดาห์สำคัญในการต่อสู้การขยายงบประมาณชำระหนี้สหรัฐ

 

ขณะที่ นายจอห์น โบห์เนอร์ ประธานสภาผู้แทนราษฎรพรรครีพับลิกัน ให้คำมั่นเมื่อวานนี้ว่า จะไม่เพิ่มเพดานหนี้สหรัฐโดยเด็ดขาด หากยังไม่มีการปรึกษาหารือกันอย่างจริงจัง ส่วนทางด้านพรรคเดโมแครต ตอบโต้ทันทีว่า พรรคจะไม่รับผิดชอบ และไม่สนใจความเป็นไปได้ที่สหรัฐจะผิดนัดชำระหนี้แต่อย่างใด ซึ่งนักวิเคราะห์หวั่นใจว่า มีแนวโน้มความเป็นไปได้สูงมากขึ้น

 

ท่ามกลางการเจรจาที่ไร้วี่แววว่าจะเห็นพ้องไปในทางเดียวกัน สภาวะความเสี่ยงและความกดดันของสหรัฐก็เพิ่มมากขึ้น โดย ประธานาธิบดีบารัก โอบามา พยายามเรียกร้องให้สมาชิกผู้แทนราษฎร เร่งผ่านร่างงบประมาณชั่วคราว เพื่อเปิดหน่วยงานภาครัฐอีกครั้ง รวมถึงเพิ่มเพดานหนี้โดยไม่มีเงื่อนไขใดๆ ผูกมัด

 

อย่างไรก็ตาม รัฐสภาคองเกรส ยังไร้ทางออกสำหรับปัญหานี้อย่างสิ้นเชิง นานาประเทศหวั่นกระทบเศรษฐกิจ หากสหรัฐไม่สามารถชี้ทางออกได้ก่อนถึงเส้นตาย 17 ตุลาคม นี้