ขอเดา(ราคาทอง)กับเขาบ้าง

[namchiang 468]

น้ำมันสหรัฐฯร่วงหลังสต๊อกสำรองสูงลิ่ว วอลล์สตรีทขยับขึ้นสวนทางทองคำ

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 28 พฤศจิกายน 2556 05:30 น.

 

น้ำมันสหรัฐฯร่วงหลังสต๊อกสำรองสูงลิ่ว วอลล์สตรีทขยับขึ้นสวนทางทองคำ

เอเอฟพี/มาร์เก็ตวอชต์ - ราคาน้ำมันสหรัฐฯร่วงลงแรงวานนี้(27) แตะระดับต่ำสุดรอบเกือบ 6 เดือนจากข้อมูลอุปสงค์ที่อ่อนแออย่างมาก ส่วนหุ้นอเมริกาปิดบวกท่ามกลางข้อมูลทางเศรษฐกิจที่ผสมผสาน แต่ทองคำปรับลด หลังดอลลาร์แข็งค่าขึ้น

 

สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนมกราคม ลดลง 1.38 ดอลลาร์ ปิดที่ 92.30 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน เพิ่มขึ้น 43 เซนต์ ปิดที่ 111.31 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

 

ความเคลื่อนไหวในแดนลบของน้ำมับดิบอเมริกา มีขึ้นตามหลังกระทรวงพลังงานสหรัฐฯรายงานคลังน้ำมันดิบสำรองของประเทศ ด้วยพบว่าเพิ่มขึ้นถึง 3 ล้านบาร์เรลเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักวิเคราะห์คาดหมายไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นแค่ราวๆ 500,000 บาร์เรล

 

ตัวเลขของคลังน้ำมันดิบสำรองในรายงานที่เผยแพร่เมื่อวันพุธ(27) นับเป็นการปรับขึ้นอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 13 กันยายน โดยเมื่อรวมกันแล้วสต๊อกน้ำมันดิบของอเมริกา เพิ่มขึ้นถึง 35.8 ล้านบาร์เรล หรือมากกว่าร้อยละ 10 เลยทีเดียว

 

ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯวานนี้(27) ปิดบวกเล็กน้อย ทุบสถิติสูงสุดตลอดกาลรอบใหม่ ท่ามกลางข้อมูลทางเศรษฐกิจอันผสมผสานก่อนหน้าวันหยุดช่วงเทศกาลขอบคุณพระเจ้า

 

ดัชนีดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 24.21 จุด (0.15 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 16,097.01 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 4.49 จุด (0.03 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,807.24 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 27.00 จุด (0.67 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,044.75 จุด

 

หนึ่งวันก่อนหน้าที่ตลาดจะปิดทำการในวันพฤหัสบดี(28) นักลงทุนได้รับข้อมูลที่น่าผิดหวังเกี่ยวกับสินค้าคงทน อย่างไรก็ตามอีกด้านหนึ่งก็มีปัจจัยหนุนจากตัวเลขผู้เข้ารับสิทธิประโยชน์คนว่างงานที่ลดลงและความเชื่อมั่นผู้บริโภคอันแข็งแกร่ง โดยนักวิเคราะห์เชื่อว่าข้อมูลสองอันหลังนี้เพียงพอที่จะหนุนตลาดให้ปิดแดนบวกท่ามกลางการซื้อขายที่เบาบาง

 

ส่วนราคาทองคำวานนี้(27) ปิดลบเล็กน้อย แต่แตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ช่วงต้นเดือนกรกฎาคม หลังถูกกดดันจากดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น โดยราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 3.60 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,237.90 ดอลลาร์ต่อออนซ์

 

http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9560000147519

[chaiklang 161]

อ่อนตามป๋าว่าจริง ก็ยังน่ากลัว

 

ไม่แน่ใจ spot จะ หนับหนุนไหมน้อ

[Pete 15,187]

"เสียงลือเสียงเล่าอ้าง.......อันใด พี่เอย

เสียงย่อมยอยศใคร..........ทั่วหล้า

สองเขือพี่หลับใหล...........ลืมตื่น ฤาพี่

สองพี่คิดเองอ้า................อย่าได้ถามเผือฯ"

[Pete 15,187]

::

[Pete 15,187]

Support: -1236.80, 1227.57 and 1226.28(main).

Resistance: - 1244.04, 1253.65 and 1267.61(main)

[Pete 15,187]

ตลาดหุ้นยุโรปคาดเปิดตลาดทรงตัว ขณะนลท.ประเมินทิศทาง

 

 

ตลาดหุ้นยุโรปมีแนวโน้มว่า จะเปิดตลาดทรงตัวในวันนี้ ขณะที่นักลงทุนอยู่ระหว่างประเมินทิศทาง หลังจากราคาหุ้นปิดต่ำกว่าระดับสูงสุดในรอบ 5 ปี

ดัชนี Euro Stoxx 50 ทรงตัวที่ 3,081 เมื่อเวลา 7.11 น.ตามเวลาลอนดอน

หุ้นโบลีเดน อาจจะปรับตัวขึ้นหลังจากที่มอร์แกน สแตนลีย์ ได้ปรับเพิ่มความน่าลงทุนของหุ้นดังกล่าว ส่วนหุ้น KWS Saat อาจจะมีการเคลื่อนไหว หลังจากที่บริษัทได้ยืนยันการคาดการณ์ยอดขายและความสามารถในการทำกำไรของบริษัทในปีงบประมาณปัจจุบัน

 

[Pete 15,187]

บราซิลประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งเป็นการปรับขึ้นเป็นครั้งที่ 6 ติดต่อกัน

 

คณะกรรมการนโยบายการเงิน แห่งธนาคารกลางบราซิล หรือโคปอม ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยกู้ยืมข้ามคืนระหว่างธนาคารจาก 9.5% เป็น 10% ซึ่งเป็นระดับที่สูงที่สุดนับตั้งแต่มีนาคมปีที่แล้ว

 

ธนาคารกลางบราซิลแถลงว่า การพิจารณาปรับเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงดังกล่าว เริ่มมีขึ้นตั้งแต่การประชุมเมื่อเมษายนปีที่แล้ว โดยโคปอมมีมติเป็นเอกฉันท์ให้ปรับอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเป็น 10% ต่อปี

 

ทั้งนี้ บราซิลเป็นประเทศที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงที่สุดในกลุ่มประเทศเศรษฐกิจหลัก ๆ และเป็นเพียงไม่กี่ประเทศในโลกที่อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมเงินสูงอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่อย่างเม็กซิโกและโปแลนด์ต่างปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง เพื่อสู้กับภาวะเศรษฐกิจหดตัว

 

อย่างไรก็ตาม อัตราดอกเบี้ย 2 หลักถือเป็นความพ่ายแพ้ทางการเมืองของประธานาธิบดี ดิลม่า รุสเซฟฟ์ เนื่องจากตอนเธอเข้าดำรงตำแหน่งเมื่อปี 2554 อัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 10.75% หลังจากนั้นธนาคารกลางตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงมาต่ำเป็นประวัติการณ์ที่ 7.25% ในเดือนตุลาคมปีที่แล้ว ซึ่งรัฐบาลหวังว่าจะทำให้เศรษฐกิจขยายตัวได้อย่างยั่งยืน

 

แต่ธนาคารกลางบราซิลต้องปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้น 2.75% นับตั้งแต่เมษายนเป็นต้นมา เนื่องจากไม่สามารถผลักดันให้เศรษฐกิจขยายตัวได้และต้องเผชิญกับภาวะเงินเฟ้อในระดับสูง

 

นักเศรษฐศาสตร์บางคนคาดการณ์ว่า แบงก์ชาติบราซิลอาจต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยไปอยู่ที่ 11 - 12% ต่อปี เพื่อให้อัตราเงินเฟ้ออยู่ในกรอบ 2.5 - 6.5% ต่อปี

 

ที่มา หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ (วันที่ 28 พฤศจิกายน 2556)

 

[Pete 15,187]

มีเดีย แพลนเนอร์ คอนซัลแทนท์

 

บมจ.โกลเบล็ก โฮลดิ้ง แมนเนจเม้นท์ มองกรอบราคาทองคำที่ $$1,208-1,277/Oz หรือ 18,400-19,440 บาท/บาททองคำ (อ้างอิงค่าเงินบาทที่ 31.86 บาท/$) ด้านกูรู โกลเบล็ก “ทรงวุฒิ อภิรักษ์ขิต ” กรรมการผู้จัดการ GBX เผยเฟดอาจจะเริ่มลดขนาดโครงการซื้อสินทรัพย์ในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า

 

ทรงวุฒิ อภิรักษ์ขิต กรรมการผู้จัดการ บริษัท โกลเบล็ก โฮลดิ้ง แมนเนจเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GBX แนะนำกรอบการลงทุนราคาทองคำในสัปดาห์นี้ (25 — 29 พฤศจิกายน 2556) ว่า โกลเบล็ก ให้กรอบราคาทองคำที่ $1,208-1,277/Oz หรือ 18,400-19,440 บาท/บาททองคำ (อ้างอิงค่าเงินบาทที่ 31.86 บาท/$)โดยมองว่า แม้ราคาทองคำจะปรับตัวขึ้นในระยะสั้น แต่หากยังไม่สามารถยืนเหนือ $1,300/Oz ได้จะยังมีแรงขายจากสถาบันการเงินเป็นปัจจัยกดดันต่อราคา

 

โดยจะเห็นได้จากราคาทองคำโลกในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับตัวลงจากสัปดาห์ก่อน หน้าประมาณ $46.04/Oz หรือคิดเป็น 3.57% ปิดที่ระดับ $1,289.40/Oz (ณ เวลา 10.00 น. วันที่ 25/11/56) โดยมีจุดต่ำสุดที่ $1,236.60/Oz และมีจุดสูงสุดที่ $1,289.40/Oz โดยราคาทองคำปรับตัวลงตลอดสัปดาห์ โดยได้รับแรงกดดันจากธนาคารกลางสเปน

 

ทั้งนี้ ธนาคารกลางสเปน ได้เปิดเผยว่า อัตราหนี้เสียในเดือนกันยายนเพิ่มขึ้น 12.7% เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนสิงหาคมที่ 12.1% และเมื่อเทียบกับตัวเลขในเดือนเดียวกันปีที่แล้วที่ 10.7% เนื่องจากผู้กู้ยืมไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนด ในขณะที่เศรษฐกิจสเปนยังมีอัตราการว่างงานอยู่ถึง 26%

 

นอกจากนี้ รายงานการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เมื่อวันที่ 29-30 ตุลาคม ระบุว่า เจ้าหน้าที่ระดับสูงของเฟดจำนวนมากพิจารณาว่าเฟดอาจจะเริ่มลดขนาดโครงการ ซื้อสินทรัพย์ในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า แต่อย่างไรก็ตาม ราคาทองคำเริ่มสร้างฐานได้ เนื่องจาก นายเบน เบอร์นันกี้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) กล่าวกับนักเศรษฐศาสตร์ในวอชิงตันว่า อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงของสหรัฐฯ มีแนวโน้มจะยังคงอยู่ที่ระดับต่ำต่อไปเป็นเวลานาน หลังจากเฟดยุติมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ หรือ QE

 

นอกจากนี้ คณะกรรมาธิการธนาคารประจำวุฒิสภาสหรัฐฯ ได้ลงมติด้วยคะแนนเสียง 14 ต่อ 8 เสียง รับรองนางเจเน็ต เยลเลน รองประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ให้เข้ารับตำแหน่งประธานเฟดคนใหม่ต่อจากนายเบน เบอร์นันกี้ ซึ่งเธอได้สนับสนุนต่อการใช้มาตรการ QE

 

ทั้งนี้ จากปัจจัยดังกล่าวในข้างต้น ทางโกลเบล็ก จึงแนะนำให้ทยอยขายออกที่แนวต้าน $1,255-1,277/Oz หรือ 19,110-19,440 บาท/บาททองคำ และมีจุดซื้อกลับทำกำไรที่แนวรับ $1,208-1,230/Oz หรือ 18,400-18,730 บาท/บาททองคำ

 

นอกจากนี้ ทางโกลเบล็ก ยังแนะนำนักลงทุนจับตาแนวโน้มทิศทางเศรษฐกิจในสัปดาห์นี้ อาทิ ยอดทำสัญญาขายบ้านสหรัฐฯ ,ยอดอนุญาตสร้างบ้านสหรัฐฯ ,ยอดสร้างบ้านสหรัฐฯ ,ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในสหรัฐฯ ,ประมาณการณ์ผลผลิตมวลรวมอังกฤษ , ยอดผู้ขอรับสวัสดิการสหรัฐฯ ,ยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทนพื้นฐานสหรัฐฯ ,สหรัฐฯหยุดเนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า และอัตราว่างงานยูโรโซน

 

ที่มา : ThaiPR.net (วันที่ 28 พฤศจิกายน 2556)

 

[Pete 15,187]

::

[tanawatbkk 60]

สวัสดียามค่ำครับป๋า

[Pete 15,187]

Support: -1236.80, 1227.57 and 1226.28(main).

Resistance: - 1244.04, 1253.65 and 1267.61(main)

งาน Motor Expo เริ่มพรุ่งนี้ คนไปรอบสื่อมวลชนเขาว่าดอกบัวตูมบานสะพรั่งกว่าปีที่แล้วเยอะ ค่ายน้องโตฯ น้องฮอนฯ ชิดตกลงคลอง ให้ดูแต่รถยนต์เท่านั้น

[sriwanitchayakorn 531]

ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับป๋า ตามดูมานานแล้ว ขอบคุณมาก ๆ ครับ มีประโยชน์มากเลยครับ

[Pete 15,187]

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 29 พฤศจิกายน 2556 06:41:21 น.

ดัชนีและภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ประจำวันที่ 28 พฤศจิกายน 2556

 

*ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดทำการวันพฤหัสบดีที่ 28 พ.ย.เนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,302.42 จุด เพิ่มขึ้น 9.36 จุด +0.22%

 

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,387.37 จุด เพิ่มขึ้น 36.24 จุด +0.39%

 

 

 

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,654.47 จุด เพิ่มขึ้น 5.00 จุด +0.08%

 

ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซียปิดที่ 4,233.93 จุด ลดลง 17.56 จุด -0.41%

 

ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดที่ 1,807.60 จุด เพิ่มขึ้น 9.14 จุด +0.51%

 

ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดที่ 23,789.09 จุด ลดลง 17.26 จุด -0.07%

 

ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดที่ 6,169.96 จุด เพิ่มขึ้น 116.09 จุด +1.92%

 

ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดที่ 2,219.37 จุด เพิ่มขึ้น 18.30 จุด +0.83%

 

ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดที่ 2,045.77 จุด เพิ่มขึ้น 16.96 จุด +0.84%

 

ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดที่ 15,727.12 จุด เพิ่มขึ้น 277.49 จุด +1.80%

 

ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันปิดที่ 8,362.43 จุด เพิ่มขึ้น 66.55 จุด +0.79%

 

ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,334.30 จุด เพิ่มขึ้น 1.40 จุด +0.03%

 

-- ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดทำการวันพฤหัสบดีที่ 28 พ.ย.เนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า

-- ตลาดน้ำมันนิวยอร์กปิดทำการวันพฤหัสบดีที่ 28 พ.ย.เนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า

-- ตลาดทองคำนิวยอร์กปิดทำการวันพฤหัสบดีที่ 28 พ.ย.เนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า

-- ตลาดเงินนิวยอร์กปิดทำการวันพฤหัสบดีที่ 28 พ.ย.เนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า

-- ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (28 พ.ย.) เพราะได้แรงหนุนจากรายงานที่ระบุว่าเศรษฐกิจอังกฤษขยายตัวได้ดีในไตรมาส 3 อย่างไรก็ตาม ตลาดยังคงได้รับแรงกดดันจากแรงขายทำกำไร

 

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดวันทำการล่าสุดที่ 6,654.47 จุด เพิ่มขึ้น 5.00 จุด หรือ +0.08%

 

-- ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (28 พ.ย.) เพราะได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ โดยหุ้นริโอทินโต ทะยานขึ้นแข็งแกร่งสุด นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงบวกจากภาวะการซื้อขายที่คึกคักในหุ้นกลุ่มธนาคารด้วย

 

ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.4% ปิดที่ 325.19 จุด

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,302.42 จุด เพิ่มขึ้น 9.36 จุด หรือ +0.22% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,387.37 จุด เพิ่มขึ้น 36.24 จุด หรือ +0.39% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,654.47 จุด เพิ่มขึ้น 5.00 จุด หรือ +0.08%

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

[Pete 15,187]

โบรกเกอร์มองม็อบยกระดับกระทบหุ้นไทยวันนี้

ข่าวเศรษฐกิจ วันศุกร์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ.2556 10:04น.

 

นักวิเคราะห์ มอง หุ้นไทยสุดสัปดาห์มีโอกาสปรับตัวลงอีก หลัง ม็อบประกาศยกระดับชุมนุม

นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ประเมินแนวโน้มการลงทุนในตลาดหุ้นไทยวันนี้ (29 พ.ย.) คาดว่า SET จะยังถูกกดดันจากการเตรียมประกาศยกระดับการชุมนุมทางการเมืองขึ้นอีก ซึ่งอาจจะยิ่งทำให้สถานการณ์ร้อนแรงมากขึ้น รวมทั้งตลาดหุ้นในภูมิภาคเช้านี้ ที่เริ่มมีการแกว่งลบ หลังจากยังไม่มีปัจจัยสนับสนุนเพิ่มเติม ซึ่งตลาดหุ้นสหรัฐเมื่อคืนนี้ก็ปิดทำการ เนื่องในวันขอบคุณพระเจ้าด้วย ทำให้ ฝ่ายวิเคราะห์ คาดว่า จะส่งผลให้ SET ยังมีโอกาสปรับตัวลงต่อเนื่องอีกครั้ง และมีโอกาสที่ดัชนีจะไหลลงไปแถวจุดต่ำที่ 1,345 จุด อีกครั้ง หรือต่ำกว่าลงไปได้ด้วย ดังนั้น ช่วงนี้แนะนำให้เริ่มชะลอการเข้าเทรดดิ้งไว้ก่อนดีกว่า

 

ขณะที่ บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด มองว่า ตลาดยังจะเผชิญความผันผวนระยะสั้นต่อไป เนื่องจากสถานการณ์วันหยุดสุดสัปดาห์ อาจมีความรุนแรงขึ้น จากกลุ่มผู้ชุมนุมที่เริ่มมีเหตุการณ์ให้เราเห็นมากขึ้นตามลำดับ เนื่องจาก นายกฯ ไม่ยอมรับสภาประชาชน หากแต่ยอมรับการเจรจาหาทางออก ซึ่งแน่นอนว่า ได้สร้างความไม่พอใจให้กับกลุ่มผู้ต่อต้านรัฐบาลยิ่งลักษณ์อย่างแน่นอน

 

สำหรับ กลยุทธ์การลงทุนสำหรับ "นักเก็งกำไรรายวัน" ให้ใช้กลยุทธ์ "ขึ้นขาย-ลงซื้ออย่างระมัดระวัง" ส่วน "นักลงทุนข้ามปี" แนะนำกลยุทธ์ "ทยอยซื้อหุ้นพื้นฐาน แกร่งตามลำดับขั้นต่อไป" โดย ในวันนี้คาดว่า SET จะอยู่ในช่วง 1,350-1,365 จุด

[Pete 15,187]

ราคาทองคำวานนี้แกว่งตัวขึ้นลงในกรอบแคบ เนื่องจากตลาดการเงินของสหรัฐฯ ที่ปิดทำการในวันขอบคุณพระเจ้าจึงส่งผลให้ขาดปัจจัยชี้นำสำคัญๆ จากสหรัฐฯ ประกอบกับในระยะนี้นักลงทุนส่วนใหญ่ต่างเริ่มชะลอการลงทุน จึงทำให้การเคลื่อนไหวของราคาทองเป็นการแกว่งตัวในกรอบแคบ

 

โดยราคา ทองคำปิดตลาดเมื่อวานนี้ที่ 1,242.31 ดอลลาร์ ต่อออนซ์ เพิ่มขึ้น 5.21 ดอลลาร์ ต่อออนซ์ ราคาทำจุดต่ำสุดและจุดสูงสุดที่ 1,234 และ 1,247 ดอลลาร์ ต่อออนซ์ ตามลำดับ ส่วนราคาซื้อขายทองคำแท่งในประเทศชนิด 96.5% เมื่อวานนี้ ขายออกที่บาทละ 18,950 บาท และรับซื้อคืนที่บาทละ 18,850 บาท กองทุน SPDR ไม่มีรายงานการเปลี่ยนแปลงปริมาณการถือครองทองคำ โดยปัจจุบันกองทุนถือครองทองคำรวม 843.21 ตัน

 

การเคลื่อนไหวของราคา ทองคำวานนี้โดยรวมแล้วเป็นการแกว่งตัวในกรอบค่อนข้างแคบเนื่องจากขาดปัจจัย ชี้นำสำคัญๆ จากสหรัฐฯ ซึ่งวานนี้ตลาดการเงินของสหรัฐฯ ปิดทำการและจะกลับมาเปิดทำการอีกครั้งในวันนี้ แต่ก็จะเปิดทำการเพียงครึ่งวันส่งผลให้การเคลื่อนไหวของราคาทองยังคงมีแนว โน้มที่จะแกว่งตัวในกรอบแคบเพื่อรอปัจจัยใหม่

 

โดยในสัปดาห์หน้าจะมี การประชุมของธนาคารกลางยุโรป ซึ่งมีการสร้างความประหลาดใจต่อตลาดด้วยการปรับลดดอกเบี้ย ในการประชุมครั้งที่ผ่านมา รวมทั้งรายงานตัวเลขการจ้างงานเดือนพฤศจิกายนของสหรัฐฯ ซึ่งในการรายงานเดือนก่อนหน้ากลับมีการจ้างงานเพิ่มขึ้นสูงกว่าระดับที่ตลาด ประเมินไว้ และกดดันให้ราคาทองคำกลับปรับตัวลดลง ส่วนปัจจัยในระยะสั้นนั้น คาดว่านักลงทุนต่างรอติดตามรายงานยอดการใช้จ่ายในการซื้อสินค้าของผู้บริโภค ในสหรัฐฯ ในช่วงวันขอบคุณพระเจ้า ซึ่งส่วนใหญ่หากผู้บริโภคมีการใช้จ่ายเงินจำนวนมากในช่วงนี้ก็จะเป็นสัญญาณ ว่าจะมีการใช้จ่ายเงินเพิ่มขึ้นต่อเนื่องไปจนถึงช่วงสิ้นปี และจะเป็นปัจจัยบวกต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่พึ่งพาการบริโภคของประชาชนเป็นปัจจัยหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

 

ส่วน ภาพเทคนิคของราคาทองโดยรวมแล้วยังมีแนวโน้มอ่อนตัว แต่ด้วยนักลงทุนส่วนใหญ่ในต่างประเทศเริ่มชะลอการลงทุนในช่วงวันขอบคุณพระ เจ้าและบางส่วนจะชะลอการลงทุนยาวไปถึงสิ้นปี ดังนั้นการแกว่งตัวของราคาทองในช่วงนี้หากยังไม่มีปัจจัยใหม่ๆ ที่มีนัยสำคัญ ราคาทองก็จะแกว่งตัวในกรอบแคบ โดยมีแนวรับของวันอยู่ที่บริเวณ 1,220-1,230 ดอลลาร์ ต่อออนซ์ ส่วนแนวต้านที่ควรระวังแรงขายที่คาดว่าจะมีกลับออกมายังคงอยู่ที่บริเวณ 1,250 -1,260 ดอลลาร์ ต่อออนซ์

 

 

 

ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์ (29/11/56)