ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
tt2518

ขอเดา(ราคาทอง)กับเขาบ้าง

โพสต์แนะนำ

ค่าเงินบาท ตอนนี้ 32.60 บาท แต่วันนี้ มีการนัดเข้าคุยกับ ปปช ของ นางสาวยิ่งลักษณ์ แต่ไม่มา ให้มาแต่พวก นปช. คปก. มาตั้งเวทีหน้า ปปช. แทน แล้วบอกว่า คิดธุระ ถึงแม้แต่อายุรักษาการ จะหมดอายุ ในวันที่ 3 มีนาคม อยู่แล้ว ดังนั้น เพื่อนเล่นทองช่วงนี้ ต้องระวังตัวเวลาออกไปข้างนอกละแวกที่เขาชุมนุมมากๆๆ นะครับ ยิงกัน ปาระเบิด เกิดขึ้นทุกวัน เหมือนกับหากันง่ายๆๆ มาเที่ยวนี้ เขาบอกว่า คาร์บอมบ์ เชียวเลยนะครับ อำนาจไม่เข้าใครออกใคร ถึงคราวจะเสียอำนาจ สสามารถทำได้ทุกอย่างเพื่อสนองความแค้นของตัวเอง

 

ดังนั้น ค่าเงินบาท น่าจะแข็งค่าขึ้น และวิ่งระหว่าง 32.45-32.60 บาท ใน 1-2 วันนี้

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

รายงานฝั่งยุโรป น่าจะสร้างความผันผวนขึ้นมาได้ แต่ต้องระวังข่าวที่ นายโซรอส จะเข้ามาเก็งกำไร ค่าเงินยูโร ด้านขา Short

ถูกแก้ไข โดย เด็กขายของ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

รายงานฝั่งสหรัฐ ตัวเลขการตกงานเขาว่าลดลง ตัวเลขการสั่งสินค้าเขาว่าเพิ่มขึ้น แถม มี นางเยลเลนมาพูด น่าจะเอ่ยว่า ดอกเบี้ยจะขึ้น วงเงินคิวอีจะลดลง ข้อมูลต่างๆ ส่งเสริมด้านลบต่อราคาทอง

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักอื่นๆเมื่อคืนนี้ (26 ก.พ.) โดยได้รับแรงหนุนจากยอดขายบ้านใหม่ที่เพิ่มขึ้นในเดือนม.ค. ซึ่งส่งผลให้มีกระแสคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะยังคงเดินหน้าลดสัดส่วนการซื้อพันธบัตรลงอีก

ค่าเงินยูโรลดลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.3684 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.3743 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์ปรับลงสู่ระดับ 1.6662 ดอลลาร์สหรัฐ จาก 1.6677 ดอลลาร์สหรัฐ

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 102.46 เยน จากระดับ 102.17 เยน และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.8909 ฟรังค์ จากระดับ 0.8871 ฟรังค์

ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนแรงลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.8909 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.9016 ดอลลาร์สหรัฐ

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดขายบ้านใหม่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 9.6% ที่ระดับ 468,000 ยูนิตในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.2551 และสูงกว่าคาดการณ์ของตลาด

ขณะเดียวกัน นักลงทุนต่างก็กำลังรอดูนางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด ซึ่งมีกำหนดแถลงมุมมองเศรษฐกิจต่อคณะกรรมาธิการด้านการธนาคารของวุฒิสภา สหรัฐในวันพฤหัสบดีนี้ โดยคาดกันว่านางเยลเลนอาจจะส่งสัญญาณว่าเฟดจะยังคงปรับลดมาตรการผ่อนคลาย เชิงปริมาณหรือ QE ต่อไป

นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐหลายตัวที่จะมีการเปิดเผยในสัปดาห์ นี้ ซึ่งรวมถึงยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนม.ค., ประมาณการครั้งที่ 2 จีดีพีช่วงไตรมาส 4/2556 และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงท้ายเดือนก.พ.จากรอยเตอร์/มหาวิทยาลัย มิชิแกน

 

ที่มา: ทันหุ้น(วันที่ 27 กพ.57)

 

China Foreign Exchange Trading System (CFETS) รายงานว่า เงินหยวนอ่อนค่าลง 0.32% แตะที่ 6.1224 หยวนต่อดอลลาร์เช้าวันนี้

 

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ในตลาดปริวรรตเงินตราต่างประเทศของจีนนั้น เงินหยวนได้รับอนุญาตให้ปรับตัวขึ้นหรือลงไม่เกิน 1% จากอัตราค่ากลางของการซื้อขายแต่ละวัน

 

ทั้งนี้ อัตราค่ากลางสกุลเงินหยวนเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ อิงกับราคาเฉลี่ยแบบถ่วงน้ำหนัก ก่อนที่ตลาดจะเปิดทำการซื้อขายในแต่ละวัน

 

ที่มา: อินโฟเควสท์(วันที่ 27 กพ.57)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

น้ำมันขึ้น-หุ้นสหรัฐฯทรงตัว ทองคำลงแรงหลังดอลล์แข็งค่า

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 27 กุมภาพันธ์ 2557 05:28 น.

557000002364801.JPEG

น้ำมันขึ้น-หุ้นสหรัฐฯทรงตัว ทองคำลงแรงหลังดอลล์แข็งค่า

เอเอฟพี/รอยเตอร์ - ราคาน้ำมันวานนี้(26) ขยับขึ้นเล็กน้อย จากข้อมูลคลังเชื้อเพลิงสำรองและอากาศหนาวเหน็บรอบใหม่ที่ปกคลุมสหรัฐฯ ส่วนวอลล์สตรีททรงตัว จับตาประธานเฟดเข้าให้ปากคำกับสภาคองเกรส ขณะที่ทองคำ ปิดลบแรง หลังดอลลาร์แข็งค่า

 

สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนเมษายน เพิ่มขึ้น 76 เซนต์ ปิดที่ 102.59 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน เพิ่มขึ้น 1 เซนต์ ปิดที่ 109.52 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

 

รายงานคลังเชื้อเพลิงสำรองรายสัปดาห์ของกระทรวงพลังงานสหรัฐฯที่เผยแพร่เมื่อวันพุธ(26) คือปัจจัยหลักที่ส่งเสริมราคาน้ำมันตลาดนิวยอร์ก หลังพบสต๊อกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นเพียง 100,000 บาร์เรลในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 21 กุมภาพันธ์ น้อยกว่าคาดถึง 8 เท่า บ่งชี้ว่าในชาติผู้บริโภคยักษ์ใหญ่แห่งนี้ยังมีอุปสงค์ที่แข็งแกร่ง

 

ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯวานนี้(26) ทรงตัวในแดนบวกแคบๆ เนื่องจากนักลงทุนจับตาไปที่การเข้าให้ปากคำกับสภาคองเกรสของประธานคนใหม่เฟด

 

ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 21.32 จุด (0.13 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 16,200.98 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 0.09 จุด (0.00 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,845.21 จุด แนสแดก เพิ่มขึ้น 4.48 จุด (0.10 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,292.06 จุด

 

นักลงทุนจับตานางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ ว่าจะมีความเห็นอย่างไรระหว่างเข้าให้ปากคำกับคณะกรรมธิการวุฒิสภาในวันพฤหัสบดี(27) หลังจากเมื่อเร็วๆนี้พบเห็นข้อมูลทางเศรษฐกิจที่ส่วนใหญ่แล้วออกมาน่าผิดหวัง แม้บางส่วนจะกล่าวโทษไปที่สภาพอากาศหนาวเหน็บผิดปกติก็ตาม

 

ส่วนราคาทองคำวานนี้(26)ขยับลงจากระดับสูงสุดในรอบ 4 เดือน หลังดอลลาร์แข็งค่าขึ้น อย่างไรก็ตามมันยังคงอยู่ภายใต้แรงกดดันของนโยบายเศรษฐกิจจีนและความกังวลต่อการฟื้นตัวของสหรัฐฯในระยะสั้น โดยราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 14.70 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,328.00 ดอลลาร์ต่อออนซ์

 

http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9570000022842

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (26 ก.พ.) เนื่องจากนักลงทุนขานรับรายงานของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐที่ระบุว่า ยอดขายบ้านใหม่เดือนม.ค.พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 5 ปีครึ่ง ซึ่งข้อมูลดังกล่าวช่วยให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับทิศทางของตลาด อสังหาริมทรัพย์ในสหรัฐ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 16,198.41 จุด เพิ่มขึ้น 18.75 จุด หรือ +0.12% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,845.16 จุด เพิ่มขึ้น 0.04 จุด หรือ +0.00% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,292.06 จุด เพิ่มขึ้น 4.47 จุด หรือ +0.10%

ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดขายบ้านใหม่สำหรับครอบครัวเดี่ยวพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 5 ปีครึ่งในเดือนม.ค. ซึ่งช่วยลดความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวลงของตลาดอสังหาริมทรัพย์

รายงานระบุว่า ยอดขายบ้านใหม่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 9.6% ที่ระดับ 468,000 ยูนิตในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค. 2551 ในขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่า ยอดขายบ้านใหม่จะลดลงสู่ระดับ 400,000 ยูนิตในเดือนม.ค. จากระดับ 427,000 ยูนิตในเดือนธ.ค.

อย่างไรก็ตาม ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นเพียงเล็กน้อย เนื่องจากนักลงทุนยังคงเทขายทำกำไรหลังจากตลาดพุ่งขึ้นแข็งแกร่งในช่วงก่อน หน้านี้

หุ้น Lowe“s ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกอุปกรณ์ตกแต่งบ้าน พุ่งขึ้น 5.43% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้สุทธิไตรมาส 4/2556 เพิ่มขึ้น 6.3% และยอดขายเพิ่มขึ้น 5.6% สู่ระดับ 1.17 หมื่นล้านดอลลาร์

ขณะที่หุ้นทาร์เก็ต ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ของสหรัฐ ทะยานขึ้น 7.04% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งเกินคาด ส่วนหุ้นวอล-มาร์ท ปรับตัวขึ้น 2% และหุ้นโฮม ดีโปท์ ขยับขึ้น 0.9% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาดเช่นกัน

นักลงทุนจับตาดูนางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะแถลงมุมมองเศรษฐกิจต่อคณะกรรมาธิการด้านการธนาคารแห่งวุฒิสภาสหรัฐในวัน พฤหัสบดีนี้

นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยในวันพฤหัสบดี สหรัฐจะเปิดเผยยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนม.ค. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และในวันศุกร์ จะมีการเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงท้ายเดือนก.พ.จากรอยเตอร์/ มหาวิทยาลัยมิชิแกน

 

ที่มา: ทันหุ้น(วันที่ 27 กพ.57)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

นายสุรพล โอภาสเสถียร ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (เครดิตบูโร) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและการเมืองส่งผลกระทบต่อภาคเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน และสถาบันการเงินต่างมีความกังวลกับเรื่องหนี้ครัวเรือนที่เพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้สถาบันการเงินต่างๆที่เป็นสมาชิกเครดิตบูโร ซึ่งประกอบด้วย ธนาคารพาณิชย์ ผู้ประกอบการธุรกิจการเงินที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน (นอนแบงก์) และสถาบันการเงินต่างๆต่างเข้ามาใช้บริการเข้าดูข้อมูลเครดิตบูโร จากฐานข้อมูลเครดิตจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างมาก เพื่อการวิเคราะห์สินเชื่อและออกบัตรเครดิตตลอดจนการใช้ข้อมูลเครดิตเพื่อ การทบทวนสินเชื่อ โดยทั้งปี 56 มีจำนวนการเข้ามาดูข้อมูลเครดิตบูโรจากระบบฐานข้อมูลเครดิตประเภทบุคคล ธรรมดารวม 29.55 ล้านราย เพิ่มขึ้น 43.10% จากปี 55 ที่อยู่ที่ 20.65 ล้านรายการ ขณะที่การเข้ามาดูข้อมูลเครดิตบูโรจากระบบฐานข้อมูลเครดิตประเภทนิติบุคคลมี 410,000 รายการ เพิ่มขึ้น 78.26% จากปี 55 อยู่ที่ 230,000 รายการ ส่วนจำนวนการเข้ามาดูข้อมูลเครดิตบูโรเพื่อการทบทวนสินเชื่อ 15.96 ล้านรายการ เพิ่มขึ้น 142.55% จากปี 55

 

นายสุรพล กล่าวอีกว่า รายการในฐานข้อมูลเครดิตที่มีการจัดเก็บไว้ในปี 56 มีฐานข้อมูลระบบบุคคลธรรมดา 25.10 ล้านราย หรือ 70.73 ล้านบัญชี ส่วนฐานข้อมูลระบบเชิงพาณิชย์มี 260,000 นิติบุคคล หรือ 4.47 ล้านบัญชี เพิ่มขึ้นจากปี 55 มีข้อมูลระบบเชิงพาณิชย์ 260,000 นิติบุคคล หรือ 4.11 ล้านบัญชี ส่วนการตรวจสอบข้อมูลเครดิตบูโรของประชาชนทั่วไป ในฐานะเจ้าของข้อมูลเครดิต มีประชาชน บริษัทห้างร้านที่เป็นนิติบุคคล และผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเข้าตรวจสอบ 452,549 รายการ.

 

 

 

ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์ (27/02/2557)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ธนาคารอินดัสเทรียล แบงก์ ร่วมกับธนาคารฮั่งเส็ง แบงก์ เปิดเผยว่า ธนาคารพาณิชย์จีนอาจจะเริ่มเตรียมความพร้อม เพื่อรับมือกับความเป็นไปได้ของภาวะฟองสบู่แตกในภาคอสังหาริมทรัพย์ ภายหลังจากที่มีสัญญาณบ่งชี้ถึงการชะลอตัวลงของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในประเทศ

 

อิน ดัสเทรียล แบงก์ และฮั่งเส็ง แบงก์ ระบุว่า ทั้งสองธนาคารได้ยุติการปล่อยเงินกู้สำหรับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์บางประเภท ไปจนถึงสิ้นเดือนมี.ค. หลังจากนั้น ธนาคารจะกำหนดนโยบายใหม่อีกครั้ง

 

การ ประกาศของทั้งสองธนาคารมีขึ้นหลังจากผู้ประกอบการบางรายในเมืองหังโจวได้ หั่นราคาบ้านใหม่ลงอย่างเหนือคาดหมายในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ในขณะที่ตลาดกำลังวิตกกังวลมากขึ้น หลังจากที่สื่อรายงานว่า ธนาคารรายใหญ่ๆในปักกิ่งได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองสำหรับผู้ที่ ซื้อบ้านหลังแรก

 

นัก ลงทุนกล่าวว่า ธนาคารได้เริ่มใช้ความระมัดระวังในตลาดอสังหาริมทรัพย์อันเนื่องมาจากความ วิตกกังวลเกี่ยวกับหนี้เสียในอุตสาหกรรม สำนักข่าวซินหัวรายงาน

 

ที่มา:อินโฟเควสท์(วันที่ 27 กพ.57)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ราคาทองฟิวเจอร์ปรับตัวลดลง หลังพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 17 สัปดาห์

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 26 กุมภาพันธ์ 2557 21:50:05 น.

 

ราคาทองฟิวเจอร์ปรับตัวลดลงเนื่องจากแรงเทขายทำกำไรของนักลงทุนบางกลุ่ม หลังจากราคาพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 17 สัปดาห์ ท่ามกลางสัญญาณการชะลอตัวลงของอุปสงค์ในทองคำในตลาดสปอต

 

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย.ลดลง 0.6% แตะที่ 1,334.20 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ณ เวลาประมาณ 20.57 น.ตามเวลาประเทศไทย

 

นักลงทุนจับตาการรายงานยอดขายบ้านใหม่ในเดือนม.ค.ของสหรัฐ ซึ่งมีกำหนดจะเปิดเผยข้อมูลในวันนี้ ณ เวลา 22.00 น. ตามเวลาประเทศไทย

 

นักวิเคราะห์คาดว่า ข้อมูลตัวเลขดังกล่าวจะลดลงเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกันในเดือนม.ค.

 

ในขณะเดียวกัน นักลงทุนจับตาดูนางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะแถลงมุมมองเศรษฐกิจต่อคณะกรรมาธิการด้านการธนาคารแห่งวุฒิสภาสหรัฐในวันพรุ่งนี้ เพื่อประเมินผลกระทบจากสภาพอากาศที่หนาวจัดต่อการตัดสินใจเกี่ยวกับนโยบายการเงินของเฟด

 

ราคาทองคำปรับตัวขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อเทียบเป็นรายเดือนนับตั้งแต่เดือนส.ค.ที่ผ่านมา อันเนื่องมาจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ และเหตุการณ์ความไม่สงบในประเทศตลาดเกิดใหม่หลายประเทศ

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย เกตุ โนนทิง โทร.02-2535000 ต่อ 349 อีเมล์: ket@infoquest.co.th--

 

http://www.ryt9.com/s/iq31/1845337

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ตลาดบิทคอยน์ในญี่ปุ่นปิดชั่วคราวสร้างความปั่นป่วนทั่วโลก วิตกความน่าเชื่อถือของสกุลเงินเสมือนจริง

 

ตลาดแลกเปลี่ยนบิทคอยน์ในทั่้วโลกปั่นป่วน หลังเวบไซต์ที่เป็นตลาดบิทคอยน์ใหญ่ที่สุดในโลก และจดทะเบียนในญี่ปุ่นเกิดปิดไปกระทันหัน สร้างความหวั่นวิตกต่อความน่าเชื่อถือของบิทคอยน์

 

เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา เวบไซต์เมานท์ก็อกซ์ ดอต คอม (MtGox.com) ซึ่งเป็นตลาดแลกเปลี่ยนบิทคอยน์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดและมีปริมาณการแลกเปลี่ยนมากที่สุดในโลก เกิดล่มกะทันหัน กลายเป็นหน้าว่างเปล่าเมื่อลูกค้าล็อกอินเข้าไป และเมื่อวานนี้ มีการแจ้งชี้แจงว่าขอระงับการทำธุรกรรมทั้งหมดชั่วคราวเพื่อปกป้องเวบไซต์และลูกค้า

 

บิทคอยน์เป็นสกุลเงินเสมือนจริงที่บุคคลหรือกลุ่มบุคคลนิรนามสร้างขึ้นในปี 2552 และมีมูลค่าที่สามารถแลกเปลี่ยนเป็นเงินสดได้จริง

 

การปิดเวบไซต์เมาท์ก็อกซ์ชั่วคราวเกิดขึ้นหลังจากเมานท์ก็อกซ์ระงับการถอนเงินสดของลูกค้า ตั้งแต่วันที่ 7 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยอ้างว่าซอฟต์แวร์เกิดบกพร่อง ทำให้โปรแกรมทำงานผิดพลาด และถูกโจรกรรมในช่วงไม่กี่ปีนี้ ส่งผลให้เมาท์ก็อกซ์สูญบิทคอยน์ไป 744,408 บิทคอยน์ หรือคิดเป็นเงินกว่า 400 ล้านดอลลาร์เมื่อเทียบกับอัตราแลกเปลี่ยนปัจจุบันที่เกือบ 570 ดอลลาร์ต่อ 1 บิทคอยน์

 

ด้านโฆษกรัฐบาลญี่ปุ่นแถลงว่า ทางการกำลังตรวจสอบปัญหาที่เกิดกับเวบไซต์เมานท์ก็อกซ์ และเมื่อทราบรายละเอียดแล้วจะดำเนินมาตรการใดๆหากจำเป็น แต่ยืนยันว่ากระทรวงการคลัง ธนาคารกลาง และคณะกรรมการกำกับตลาดหลักทรัพย์ไม่มีอำนาจรับผิดชอบกำกับดูแลตลาดบิทคอยน์

 

สิ่งที่เกิดขึ้นกับเมาท์ก็อกซ์ทำให้มีเสียงเรียกร้องมากขึ้นทั้งในญี่ปุ่น และสหรัฐว่าควรมีการออกฎข้อบังคับควบคุมการแลกเปลี่ยนสกุลเงินเสมือนจริงนี้และคุ้มครองผู้บริโภค ท่ามกลางกระแส

 

กังวลว่าตลาดบิทคอยน์อาจล่มสลาย ขณะที่ตลาดแลกเปลี่ยนบิทคอยน์อีก 6 รายรีบออกแถลงการณ์ร่วมกัน สร้างความมั่นใจว่ากรณีที่เกิดกับเมาท์ก็อกซ์จะไม่ส่งผลต่อมูลค่าบิทคอยน์โดยรวม

 

นักวิเคราะห์ในสหรัฐบอกด้วยว่า การนำตัวผู้กระทำผิดในการโจรกรรมบิทคอยน์เป็นสิ่งที่เป็นไปได้ยาก และอาจทำลายความน่าเชื่อถือของสกุลเงินเสมือนจริงนี้ ซึ่งถูกสร้างขึ้นโดยมีเป้าหมายเพื่อปิดบังตัวตนในการทำธุรกรรมการเงิน ทำให้ตลาดบิทคอยน์ถูกห้ามดำเนินการในบางประเทศที่กังวลเรื่องการถูกใช้เป็นช่องทางทำธุรกรรมของกลุ่มผิดกฎหมาย

 

บิทคอยน์เคยมีอัตราแลกเปลี่ยนสูงสุดที่กว่า 1,000 ดลอลาร์ต่อบิทคอยน์เมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว และดิ่งลงเหลือเพียง 135 ดอลลาร์เมื่อวันอังคาร ขณะที่มูลค่าบิทคอยน์ทั้งหมดที่มีการซื้อขายโดยหลายบริษัทในตลาดโลกอาจมีมูลค่าถึง 6,400 ล้านดอลลาร์

 

ที่มา หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ (วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2557)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

นปช.ยังปักหลักหน้า ป.ป.ช.แกนนำเริ่มปราศรัย

ข่าวการเมือง วันพฤหัสบดีที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2557 9:04น.

 

นปช.เริ่มปราศรัยหน้า ป.ป.ช. แล้ว ส่วนการแถลงข่าวรับทราบข้อกล่าวหา ย้ายสถานที่โดยไม่เปิดเผย

บรรยากาศการชุมนุมของกลุ่ม นปช. ที่บริเวณด้านหน้าสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในช่วงเช้า บนเวทีทางแกนนำได้มีการเริ่มปราศรัยโจมตีการทำงานของฝ่ายค้านตลอดช่วงที่ผ่านมา รวมไปถึงกลุ่ม กปปส. ในการปิดประเทศชัดดาวน์กรุงเทพมหานคร ขณะที่บรรยากาศภายในสำนักงาน ป.ป.ช. นั้น ยังคงเงียบเหงาโดยมีเจ้าหน้าที่เดินทางมาทำงานเพียงจำนวนไม่มากเท่านั้น ขณะที่การแถลงข่าวรับทราบข้อกล่าวหาของทางนายกรัฐมนตรี ในวันนี้ ได้เปลี่ยนสถานที่ออกไปจากที่สำนักงาน ป.ป.ช. แต่ยังไม่มีการเปิดเผยสถานที่ ที่จะมีการรายงาน รวมไปถึงรับทราบข้อกล่าวหาที่ทาง นายกรัฐมนตรี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้เตรียมตัวส่งทนายความ เดินทางมารับทราบข้อกล่าวหาในวันนี้

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส

 

- ทองเริ่มปรับฐานหลังปิดบวกต่อเนื่องติดต่อกันหลายวัน

 

- ยอดขายบ้านใหม่สหรัฐเพิ่มขึ้นสูงสุดรอบ 5 ปี

 

- ค่ำนี้ติดตามคำแถลงประธานเฟด

 

- ราคาทองคำเริ่มมีการปรับฐานเกิดขึ้นหลังจากหลายวันที่ผ่านมาราคาปรับตัวขึ้น อย่างต่อเนื่อง การแข็งค่าของเงินดอลลาร์กลับมาเป็นปัจจัยลบที่กดดันให้ราคาทองคำอ่อนตัวลง และส่วนหนึ่งอาจเป็นผลจากปัจจัยทางเทคนิคซึ่งเริ่มมีสัญญาณเตือนการปรับฐาน ที่เริ่มมีสัญญาณเตือนในการซื้อขายวันอังคาร

 

- คืนวันนี้ประธานธนาคารกลางสหรัฐมีกำหนดแถลงมุมมองเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจของ สหรัฐต่อคณะกรรมาธิการการเงินการธนาคารราว 22.00 น. นักลงทุนต่างรอติดตามว่าประธานธนาคารกลางสหรัฐจะมีมุมมองต่อเศรษฐกิจของ สหรัฐในลักษณะใดหลังจากหลายสัปดาห์ที่ผ่านมารายงานตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐ โดยส่วนใหญ่มีสัญญาณชะลอตัวหลังมีการปรับลดการซื้อพันธบัตรลง

 

- รายงานยอดขายบ้านใหม่เดือนมกราคมของสหรัฐซึ่งรายงานในช่วงค่ำที่ผ่านมานั้น มียอดขายเพิ่มขึ้นเป็น 4.68 แสนยูนิต จากที่ประเมินไว้ที่ 4.06 แสนยูนิต ส่วนการรายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐประจำสัปดาห์ นี้ ผลสำรวจประเมินว่าจะมีผู้ว่างงานราว 3.36 แสนราย จากสัปดาห์ก่อนที่ 3.33แสนราย ส่วนยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนประเมินว่าจะหดตัวลง 0.7%

 

- ราคาทองปรับตัวลงสู่แนวรับบริเวณ 1,325-1,330 ดอลลาร์ และปิดตลาดทรงตัวที่แนวรับดังกล่าว สัญญาณเตือนการปรับฐานที่เกิดขึ้นจากเครื่องมือทางเทคนิคจะยุติลงหากราคาทอง ดีดตัวขึ้นไปยืนเหนือแนวต้านบริเวณ 1,345 ดอลลาร์ ได้ แต่หากราคาทองยังคงเคลื่อนไหวต่ำกว่าแนวต้านดังกล่าว คาดว่าราคาทองยังมีแนวโน้มที่จะอ่อนตัวลง โดยมีแนวรับถัดไปอยู่ที่แนวรับบริเวณ 1,300 ดอลลาร์

 

- ราคาโลหะเงินปรับตัวลงในปริมาณมาก จึงเป็นสัญญาณเตือนว่าราคายังมีแนวโน้มที่จะปรับตัวลงต่อ หากราคาดีดตัวขึ้นในระหว่างวัน ที่แนวต้านบริเวณ 21.50 ดอลลาร์ เป็นระดับแนวต้านที่ควรระวังแรงขายที่คาดว่าจะมีกลับออกมา โดยมีแนวรับของวันอยู่ที่บริเวณ 20.0-20.80 ดอลลาร์

 

โกลด์ฟิวเจอร์สเดือนก.พ.57

 

Close chg. Support Resistance

 

20,610 -150.00 20,500/20,400 20,700/20,850

 

ราคาทองปิดตลาดทรงตัวที่แนวรับแรกของเมื่อวานนี้บริเวณ 1,325-1,330 ดอลลาร์ ในขณะที่มีสัญญาณเตือนการปรับฐานเกิดขึ้นจากเครื่องมือทางเทคนิค ดังนั้นหากราคาดีดตัวขึ้นในระหว่างวันควรปิดสถานะซื้อเพื่อลดความเสี่ยง โดยมีแนวต้านของวันอยู่ที่บริเวณ 1,345 ดอลลาร์ ส่วนแนวรับสำหรับกลับเข้าเปิดสถานะซื้อเก็งกำไรยังคงอยู่ที่บริเวณ 1,325-1,330 ดอลลาร์ และ 1,300 ดอลลาร์ ตามลำดับ

 

ที่มา : ThaiPR.net (วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2557)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

นักบริหารเงิน เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้ที่ระดับ 32.59/60 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าจากเย็นวานนี้ที่ปิดตลาดที่ระดับ 32.52/54 บาท/ดอลลาร์

 

"เช้านี้เงินบาทอ่อนค่าตามภูมิภาคหลังดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับทุก สกุลจากตัวเลขยอดขายบ้านใหม่ของสหรัฐฯ ออกมาดี ดีที่สุดในรอบ 5 ปีครึ่ง ทำให้บาทดีดขึ้นมา" นักบริหารเงิน กล่าว

 

ทั้งนี้ ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทวันนี้ระหว่าง 32.55-32.67 บาท/ดอลลาร์

"คาดว่าวันนี้เงินบาทน่าจะมีโอกาสทดสอบแนวต้านด้านบนแถวๆ High เดิม ที่ 32.67...ส่วนข้างล่างคงไม่ได้ลงไปเยอะ "นักบริหารเงิน กล่าว

 

* ปัจจัยสำคัญ

- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 102.38 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่อยู่ที่ระดับ 102.34 เยน/ดอลลาร์

 

- ส่วนเงินยูโร อยู่ที่ระดับ 1.3690 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานนี้ที่อยู่ที่ระดับ 1.3745 ดอลลาร์/ยูโร

 

- อัตราแลกเปลี่ยนบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ 32.5620 บาท/ดอลลาร์

 

- สนข.เตรียมเสนอรัฐบาลใหม่ขอใช้งบกลางปี 57 เริ่มต้นโครงการระบบราง หากศาลรัฐธรรมนูญชี้ พ.ร.บ. 2 ล้านล้านขัดกฎหมาย ชี้มีความสำคัญต่อการพัฒนาประเทศ แต่ เกิดยาก จึงต้องพยายามเริ่มต้น พร้อมเปิดเวทีประชันไอเดียออกแบบภายใน 3 สถานีไฮสปีดสายเหนือดึงประชาชนมีส่วนร่วม

 

- สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ สศค. เป็นห่วงภาคการท่องเที่ยวมากขึ้น เพราะได้รับผลกระทบโดยตรงจากปัญหาการเมืองที่ยืดเยื้อ เบื้องต้นประเมินว่า หากลากยาวถึงกลางปีนี้ จะกระทบตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติหายไป 20% หรือประมาณ 3 ล้านคน เหลือ 28 ล้านคน จากเป้าหมายที่ 31 ล้านคน ที่อาจทำให้รายได้หายไปมาก ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่เข้ามากดดันการเติบโตของจีดีพีไทยในปีนี้เพิ่มขึ้น ด้วย

 

- นักวิเคราะห์ฯคาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่งแคบ ทั้งในแดนบวก-ลบ เหตุตลาดทั่วโลกไม่ได้มีปัจจัยใหม่เข้ามา ขณะเดียวกันกำลังรอการแถลงของประธานเฟดในคืนนี้ ประเด็นการดำเนินนโยบายทางด้านการเงิน-ภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งจะทำให้ตลาดฯชัดเจนขึ้น ด้านตลาดภูมิภาคเช้านี้ส่วนใหญ่บวกเฉลี่ย 0.1-0.3% ส่วนบ้านเรายังต้องติดตามสถานการณ์การเมือง พร้อมให้แนวรับ 1,295-1,300 แนวต้าน 1,310-1,315 จุด

 

- ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักอื่นๆเมื่อคืนนี้ (26 ก.พ.) โดยได้รับแรงหนุนจากยอดขายบ้านใหม่ที่เพิ่มขึ้นในเดือนม.ค. ซึ่งส่งผลให้มีกระแสคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะยังคงเดินหน้าลดสัดส่วนการซื้อพันธบัตรลงอีก

 

- ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงในช่วงเช้าวันนี้ ขณะที่ค่าเงินของกลุ่มตลาดเกิดใหม่และเงินดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลง

 

- ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวเพิ่มขึ้น นำโดยหุ้นกลุ่มค้าปลีก ในขณะที่ดัชนี S&P 500 ซื้อขายที่ระดับเกือบสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังสหรัฐเปิดเผยยอดขายบ้านใหม่เดือนม.ค.ที่พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบมากกว่า 5 ปี อย่างเหนือคาดหมาย

 

- กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดขายบ้านใหม่สำหรับครอบครัวเดี่ยวพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 5 ปีครึ่งในเดือนม.ค. ซึ่งช่วยลดความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวลงของตลาดอสังหาริมทรัพย์

 

- นายเอริค โรเซนเกรน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาบอสตัน กล่าวว่าเฟดควรจะดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไป และไม่ควรเร่งรีบลดขนาดการซื้อพันธบัตรรายเดือน เมื่อพิจารณาจากตลาดแรงงานที่อ่อนแอต่อเนื่องและความไม่แน่นอนเกี่ยวกับสภาพ อากาศที่ส่งผลกระทบต่อข้อมูลเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมา

- นางแคทเธอรีน แอชตัน หัวหน้าฝ่ายนโยบายต่างประเทศของสหภาพยุโรป (อียู) ได้แสดงความกังวลอย่างมากเกี่ยวกับสถานการณ์รุนแรงทางการเมืองที่เกิดขึ้นใน ประเทศไทย โดยนางแอชตันได้แสดงความกังวลดังกล่าวผ่านทางโฆษกประจำตัว

 

- สมาคมแลกเปลี่ยนทองคำและเงินของจีน เปิดเผยว่า ราคาทองคำที่ตลาดฮ่องกงลดลง 120 ดอลลาร์ฮ่องกง เปิดที่ระดับ 12,330 ดอลลาร์ฮ่องกง/ตำลึง เทียบเท่ากับ 1,333.77 ดอลลาร์สหรัฐ/ทรอยออนซ์ ลดลง 12.98 ดอลลาร์สหรัฐ ที่อัตราแลกเปลี่ยนล่าสุดที่ 1 ดอลลาร์สหรัฐ/ 7.761 ดอลลาร์ฮ่องกง

 

ที่มา: อินโฟเควสท์(วันที่ 27 กพ.57)

ถูกแก้ไข โดย เด็กขายของ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

นายเอริค โรเซนเกรน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาบอสตัน กล่าวว่าเฟดควรจะดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไป และไม่ควรเร่งรีบลดขนาดการซื้อพันธบัตรรายเดือน เมื่อพิจารณาจากตลาดแรงงานที่อ่อนแอต่อเนื่องและความไม่แน่นอนเกี่ยวกับสภาพ อากาศที่ส่งผลกระทบต่อข้อมูลเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมา

 

นายโรเซนเกรนกล่าวว่าเฟดควรมีความอดทนอย่างมากต่อการลดมาตรการผ่อนคลาย เชิงปริมาณหรือ QE เนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจและตลาดแรงงานในช่วงที่ผ่านมายังคงย่ำแย่

 

ประธานเฟดบอสตันกล่าวว่า เป็นเรื่องสำคัญมากในการที่ตลาดแรงงานจะยังคงปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง และนโยบายการเงินควรช่วยหนุนให้มีการจ้างงานอย่างเต็มที่อีกครั้ง ขณะที่อัตราเงินเฟ้อยังคงต่ำมาก

 

นายโรเซนเกรนระบุว่า เป็นเรื่องยากที่จะตีความข้อมูลจ้างงานในเดือนก.พ.ที่จะเปิดเผยในเดือนหน้า เนื่องจากข้อมูลดังกล่าวได้รับอิทธิพลจากสภาพอากาศที่เลวร้าย

 

เขากล่าวว่า ความแน่นอนดังกล่าวทำให้เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลมากขึ้นสำหรับเฟดที่จะมี ความอดทนในการพิจารณาปรับลดนโยบายผ่อนคลายทางการเงินที่เฟดได้ดำเนินการอยู่

 

ทั้งนี้ เฟดได้มีมติปรับลดสัดส่วนขนาดมาตรการ QE ลงในการประชุม 2 ครั้งล่าสุด ซึ่งส่งผลให้วงเงินในการซื้อพันธบัตรในปัจจุบันอยู่ที่ 6.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2557)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เอสแอนด์พีระบุหนี้ภาคเอกชนของจีนพุ่งแตะระดับสูงเป็นประวัติการณ์จะเป็นปัจจัยเร่งการปรับโครงสร้างภายในประเทศ

 

สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P) สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ ระหว่างประเทศ ระบุว่า หนี้ภาคเอกชนของจีนพุ่งแตะระดับสูงเป็นประวัติการณ์ และมีแนวโน้มที่จะเป็นปัจจัยเร่งการปรับโครงสร้างภายในประเทศ และทำให้มีการผิดนัดชำระหนี้มากขึ้น ขณะที่ปัญหาการชำระคืนสินเชื่อเพิ่มมากขึ้น

 

เอสแอนด์พี คาดการณ์ว่า บริษัทนอกภาคสถาบันการเงินของจีนมีหนี้ทั้งหมด จากการกู้ยืมธนาคารและการออกพันธบัตรประมาณ 12 ล้านล้านดอลลาร์ ณ สิ้นปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นสัดส่วนมากกว่า 120% ของจีดีพี

 

บริษัทของจีนมีหนี้เพิ่มขึ้นแบบที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน โดยการวิเคราะห์ ของธอมสัน รอยเตอร์ต่อบริษัทจดทะเบียนที่ไม่ใช่สถาบันการเงินทั้งขนาดกลาง และขนาดใหญ่ 945 แห่ง บ่งชี้ว่า หนี้ทั้งหมดพุ่งขึ้นมากกว่า 260% จาก 1.82 ล้านล้านหยวน (2.984 แสนล้านดอลลาร์) สู่ 4.74 ล้านล้านหยวน (7.773 แสนล้านดอลลาร์) ระหว่างเดือนธ.ค.2008-ก.ย.2013 แม้ไม่คาดว่าจะเกิดวิกฤติสินเชื่อในเร็วๆนี้ แต่นักวิเคราะห์ก็ได้กล่าวว่า บริษัทต่างๆของจีนในธุรกิจที่มีหนี้สินมากที่สุด อาทิ เครื่องจักร, เดินเรือ, ก่อสร้างและเหล็กกล้้า กำลังทำการขายสินทรัพย์และทำการควบรวมกิจการเพื่อหลีกเล่ี่ยงการผิดนัดชำระหนี้จากการกู้ยืม

 

นายคริสโตเฟอร์ ลี กรรมการผู้จัดการฝ่ายธุรกิจจีนของ S&P ใน ฮ่องกงคาดว่า จะมีการผิดนัดชำระหนี้มากขึ้น "ต้นทุนการกู้ยืมได้ปรับตัว ขึ้นแล้วอันเนื่องมาจากสภาพคล่องที่ตึงตัว" เขากล่าว

 

ที่ผ่านมา รัฐบาลจีนแทบไม่เคยปล่อยให้บริษัทเอกชนต้องล้มละลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริษัทของรัฐ ซึ่งส่วนหนึ่งเนื่องจากวิตกว่าจะเกิดการ ปลดพนักงานในวงกว้าง และอาจนำไปสู่ความไม่สงบทางสังคม ในกรณีที่บริษัทแห่งหนึ่งแห่งใดล้มละลาย ผู้ถือหุ้นกู้ในประเทศมีแนวโน้มที่จะได้รับการชำระหนี้ก่อนเจ้าหนี้รายอื่นๆ

 

ที่มา : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ (วันที่ 26 กุมภาัพันธ์ 2557)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...