ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
tt2518

ขอเดา(ราคาทอง)กับเขาบ้าง

โพสต์แนะนำ

เหวงบอกว่าบางคนไง ทำไมมาตั้ง1.2แสน เหวงว่าไงดี มาแถต่อนะรอฟัง 555

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ที่มาโพสต์เรื่องแบบนี้ วันนี้ เพราะ เหตุจากในหน้าแรก สนทนาสด ทำไม Admin มีอำนาจเต็มมือ เปรียบเสมือน ศรฉ. ทำอะไรบ้าง จะต้องมารอให้ศาลพระภูมิสั่งก่อนเหรอ เพ้อเขียนแต่ข้อห้าม คนประเภทนี้ ยิ่งห้ามเหมือนนิ่งอยากทำ ชอบทำในสิ่งที่ห้าม จะได้ดูดีว่า เด็กเส้น รู้จักกับ เจ้าของเวป ไทยโกลด์

ถูกแก้ไข โดย เด็กขายของ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ทำได้ในประเทศไทย ถอน หายใจยาวๆๆ

 

ผมว่า ดีแล้วครับ ยิ่งแสดงออกมามากๆ แนวร่วมที่เป็นประเภทถูกจูงจมูก จะได้รู้สึก ถอนตัวออกมาบ้าง

คนที่รักทักษิณ แต่ไม่อยากแยกประเทศ คงมีมากกว่าพวกแสดงออก มันน่าจะเป็นการฆ่าตัวตายของพวกนั้นเอง เหมือนตอนออก พ.ร.บ. นิรโทษ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

นักบริหารเงิน กล่าวว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 32.58 บาท/ดอลลาร์ ปรับตัวแข็งค่าจากเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 32.62/63 บาท/ดอลลาร์ หลังตลาดต่างประเทศมองเรื่องการยุบรวมเวทีของกลุ่มคณะกรรมการประชาชนเพื่อ การเปลี่ยนแปลงประเทศให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรง เป็นประมุข(กปปส.) เป็นข่าวดี ประกอบกับสถานการณ์ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้น

 

"ต่างชาติรับข่าวดีเรื่องการยุบรวมเวที ประกอบกับราคาทองขึ้น" นักบริหารเงิน กล่าว

 

นักบริหารเงิน คาดเงินบาทวันนี้จะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 32.50-32.65 บาท/ดอลลาร์

 

* ปัจจัยสำคัญ

 

- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 101.31 เยน/ดอลลาร์ แข็งค่าจากเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 101.70 เยน/ดอลลาร์

 

- เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.3774 ดอลลาร์/ยูโร แข็งค่าจากเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 1.3709 ดอลลาร์/ยูโร

 

- อัตราแลกเปลี่ยนบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของ ธปท.อยู่ที่ระดับ 32.6330 บาท/ดอลลาร์

 

- ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เผยปัจจัยความไม่แน่นอนทางการเมืองขยับเป็นข้อจำกัดในการทำธุรกิจ จากเดิมผู้ประกอบการห่วงปัจจัยต้นทุนการผลิตในหลายเดือนติดต่อกัน ชี้ภาคธุรกิจมองแนวโน้มภาระดอกเบี้ยจะเพิ่มขึ้น ขณะที่สินเชื่อแผ่วเหลือเลขตัวเดียวครั้งแรกในรอบ 3 ปี เหตุแผนการปล่อยสินเชื่อและความต้องการสินเชื่อที่ลดลงตามภาวะเศรษฐกิจที่ ชะลอ

 

- ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานภาวะเงินทุนเคลื่อนย้ายเดือนม.ค.พบว่ามีเงินทุนไหลออกสุทธิ 172 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 5,676 ล้านบาท เทียบกับเดือน ธ.ค.ปีที่แล้ว ที่ไหลออกสุทธิ 2,354 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 7.77 หมื่นล้านบาทเนื่องจากธนาคารพาณิชย์ต่างชาติเร่งชำระคืนเงินกู้ระยะสั้น และธนาคารพาณิชย์ไทยนำเงินฝากต่างประเทศเพิ่มขึ้นเพื่อบริหารสภาพคล่อง

 

- ธนาคารออมสิน ประเมินสถานะล่าสุดฝากถอนกลับเข้าสู่ภาวะปกติ เผยยอดธุรกรรมวันละ 5-6 พันล้านบาท สรุปยอดเงินไหลออกสุทธิ 5 หมื่นล้าน เหลือสภาพคล่อง 1.8 แสนล้าน

 

- นายณรงค์ชัย อัครเศรณี คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เปิดเผยว่า ในสถานการณ์เศรษฐกิจชะลอตัว และที่สำคัญเป็นช่วงที่นโยบายการคลังดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจไม่ได้ เพราะเป็นรัฐบาลรักษาการ ติดล็อกจากปัญหาการเมือง

 

- ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจ และธุรกิจธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) ออกบทวิเคราะห์ประเมินเศรษฐกิจไทยปี 2014 มีศักยภาพขยายตัวได้ราว 2.4% โดยความไม่สงบทางการเมืองที่ยืดเยื้อเป็นความเสี่ยงสำคัญ

 

- China Foreign Exchange Trading System(CFETS) รายงานว่า เงินหยวนแข็งค่าขึ้น 0.24% แตะที่ 6.1190 หยวนต่อดอลลาร์เช้าวันนี้

 

- สำนักงานสถิติแห่งชาติของจีน(NBS) เผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ(PMI) ภาคบริการในเดือน ก.พ.เพิ่มขึ้นแตะ 55.0 จาก 53.4 ในเดือน ม.ค.หลังจากปรับตัวลงต่อเนื่อง 3 เดือนติดต่อกัน

 

- สมาคมแลกเปลี่ยนทองคำและเงินของจีน เผยราคาทองคำที่ตลาดฮ่องกงพุ่งขึ้น 175 ดอลลาร์ฮ่องกง เปิดที่ระดับ 12,450 ดอลลาร์ฮ่องกง/ตำลึงในวันนี้ หรือเทียบเท่ากับ 1,346.75 ดอลลาร์สหรัฐ/ทรอยออนซ์ เพิ่มขึ้น 18.93 ดอลลาร์สหรัฐ

 

- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดเพิ่มขึ้นเมื่อวันศุกร์(28 ก.พ.) ขณะที่ดัชนีสำคัญอื่นๆของตลาดปรับตัวขึ้นลงแตกต่างกัน โดยมีแรงหนุนจากความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐเดือน ก.พ.ที่ปรับเพิ่มขึ้น แต่ก็มีปัจจัยลบจากผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ(จีดีพี) ของสหรัฐในช่วงไตรมาส 4 ปี 2556 ที่ลดลงอย่างมากจากประมาณการครั้งแรก

 

- ดอลลาร์ปรับตัวลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักส่วนใหญ่เมื่อวันศุกร์ หลังผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ(จีดีพี) ของสหรัฐในช่วงไตรมาส 4 ปี 2556 ได้ลดลงอย่างมากจากการประเมินครั้งแรก โดยค่าเงินยูโรเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.3820 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.3709 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์ปรับขึ้นสู่ระดับ 1.6758 ดอลลาร์สหรัฐ จาก 1.6684 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวลงเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 101.76 เยน จากระดับ 102.07 เยน และอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.8785 ฟรังค์ จากระดับ 0.883 ฟรังค์ และค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียลดลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.8927 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.8963 ดอลลาร์สหรัฐ

 

- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส(WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดเพิ่มขึ้นเมื่อวันศุกร์ แม้รัฐบาลสหรัฐปรับลดการประเมินผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ช่วงไตรมาส 4 ปี 2556 โดยสัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน เม.ย.ปิดปรับตัวขึ้น 19 เซนต์ แตะที่ 102.59 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์(BRENT) ส่งมอบเดือน เม.ย.ที่ตลาดลอนดอน ปิดบวกขึ้น 11 เซนต์ ที่ 109.07 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดอ่อนแรงลงเมื่อวันศุกร์ หลังมีการเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ปรับตัวดีขึ้นในเดือน ก.พ. โดยสัญญาทองคำตลาด COMEX(Commodity Exchange) ส่งมอบเดือน เม.ย.ปิดร่วงลง 10.2 ดอลลาร์ หรือ 0.77% ที่ 1,321.6 ดอลลาร์/ออนซ์ ส่วนสัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือน พ.ค.ปิดลดลง 11.1 เซนต์ ที่ 21.241 ดอลลาร์ ขณะที่สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือน เม.ย.ปิดลบ 6.6 ดอลลาร์ ที่ 1,446.8 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือน มี.ค.ปิดเพิ่มขึ้น 1.6 ดอลลาร์ ปิดที่ 743.85 ดอลลาร์/ออนซ์

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันที่ 3 มีนาคม 2557)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ราคาทองเริ่มปรับฐานในการซื้อขายช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากในการซื้อขายหลายวันก่อนหน้าราคาปรับตัวขึ้นค่อนข้างมาก รายงานตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ซึ่งออกมาค่อนข้างดีในคืนวันศุกร์ เป็นปัจจัยลบที่กดดันให้มีแรงขายทองคำสลับออกมา

 

โดยราคาทองปิด ตลาดเมื่อวันศุกร์ที่ 1,326.40 ดอลลาร์ ต่อออนซ์ ลดลง 2.46 ดอลลาร์ ราคาทำจุดต่ำสุดและจุดสูงสุดที่ 1,319 และ 1,333 ดอลลาร์ ต่อออนซ์ ตามลำดับ ส่วนราคาซื้อขายทองคำแท่งในประเทศ ชนิด 96.5% เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ขายออกที่บาทละ 20,400 บาท และรับซื้อคืนที่บาทละ 20,500 บาท กองทุน SPDR ไม่มีรายงานการเปลี่ยนแปลงปริมาณการถือครองทองคำ โดยปัจจุบันกองทุนถือครองทองคำรวม 803.70 ตัน

 

ราคาทองคำปรับตัวเพิ่ม ขึ้นต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 4 แต่หลังจากราคาทองคำปรับตัวขึ้นมามากจึงเริ่มมีแรงขายทำกำไรสลับออกมา ส่งผลให้ราคาทองคำปิดตลาดใกล้กับระดับปิดของสัปดาห์ก่อนหน้า นักลงทุนยังให้ความสนใจกับการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ เป็นประเด็นหลัก โดยในวันศุกร์ที่ผ่านมามีการรายงานระดับการขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ประจำไตรมาส 4 ของปี 2556 ซึ่งปรากฏว่าขยายตัวขึ้น 2.4% ลดลงจากการประเมินครั้งแรกที่ 3.2% เนื่องจากผลกระทบจากสภาพอากาศเลวร้าย

 

ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนกุมภาพันธ์ของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นสู่ 81.6 จุด จากเดือนมกราคมที่ 81.2 จุด ซึ่งบ่งชี้ว่าอาจมีการใช้จ่ายของผู้บริโภคเพิ่มขึ้น หลังจากสหรัฐฯ ต้องเผชิญสภาวะอากาศที่เลวร้ายในช่วงที่ผ่านมา และช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมามีการรายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อเดือน กุมภาพันธ์ของจีน ซึ่งลดลงสู่ 50.2 จุด จากระดับ 50.5 จุด ในเดือนมกราคม ซึ่งคาดว่าจะเป็นปัจจัยลบกดดันการเคลื่อนไหวของราคาทองผ่านการอ่อนค่าของ เงินหยวน ซึ่งนอกจากจะส่งผลให้เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นแล้ว ยังส่งผลให้ราคาทองในรูปเงินหยวนแพงขึ้น จึงอาจทำให้แรงซื้อจากจีนเริ่มชะลอตัวลง

 

ส่วนภาพการเคลื่อนไหวของ ราคาทองในทางเทคนิค หลังมีสัญญาณเตือนการปรับฐานเกิดขึ้นในช่วงกลางสัปดาห์ ราคาทองเริ่มอ่อนตัวลงในการซื้อขายช่วงปลายสัปดาห์ และยังคงมีแนวโน้มที่ราคาทองจะอ่อนตัวลงต่อในการเคลื่อนไหวสัปดาห์นี้ แนวรับสำหรับเก็งกำไรระยะสั้นอยู่ที่บริเวณ 1,320 และ 1,300 ดอลลาร์ ต่อออนซ์ หากไม่สามารถยืนเหนือแนวรับหลังคาดว่าราคาทองจะอ่อนตัวลงสู่แนวรับบริเวณ 1,280 ดอลลาร์ ต่อออนซ์ต่อไป โดยมีแนวต้านของวันอยู่ที่ 1,345-1,350 ดอลลาร์ ต่อออนซ์

 

 

 

ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์ (03/03/2557)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

ข่าววิ่ง - ข่าววิ่ง

สหพันธ์พลาธิการและการจัด ซื้อของจีน (CFLP) และสำนักงานสถิติแห่งชาติของจีน (NBS) เปิดเผยในวันนี้ว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของจีนในเดือนก.พ.ลดลงแตะ 50.2 จากระดับ 50.5 ในเดือนม.ค.

 

 

 

ดัชนีที่สูงกว่า 50 แสดงให้เห็นว่าภาคการผลิตการขยายตัวจากเดือนก่อนหน้า และหากดัชนีที่ต่ำกว่าระดับ 50 จุดก็จะบ่งชี้ถึงภาวะหดตัว

 

นาย โจว ฉิงเหอ นักวิเคราะห์อาวุโสของ NBS กล่าวว่า ดัชนีแสดงให้เห็นว่าภาคการผลิตกำลังมีการขยายตัว แต่อัตราการเติบโตกำลังชะลอลง ซึ่งเป็นผลมาจากการปรับตัวลงในช่วงวันหยุดเทศกาลตรุษจีน เมื่อผู้ประกอบการส่วนใหญ่ระงับการผลิตและแรงงานเดินทางกลับบ้านในช่วงวัน หยุดสำคัญดังกล่าว

 

สำหรับ ดัชนีย่อยต่างๆในเดือนก.พ.นั้น ดัชนีการผลิตลดลงแตะ 52.6 ขณะที่ดัชนีคำสั่งซื้อใหม่ลดลงที่ 50.5 ส่วนดัชนีคำสั่งซื้อสินค้าส่งออกร่วงลงแตะ 48.2 และดัชนีการนำเข้าลดลงที่ 46.5

 

ทั้ง นี้ แม้ว่ามีการปรับตัวอ่อนแรงโดยรวม แต่ดัชนีแนวโน้มการผลิตและภาวะธุรกิจพุ่งขี้นแตะ 61.8 ในเดือนก.พ. ซึ่งบ่งชี้ว่าผู้ประกอบการมีความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้นเกี่ยวกับการขยายตัวทาง เศรษฐกิจในอนาคต

 

ที่มา:อินโฟเควสท์(วันที่ 1 มีค.57)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ตลาดทองคำในสัปดาห์ที่ผ่านมา มีปัจจัยสำคัญได้แก่ ความไม่สงบทางการเมืองในประเทศยูเครน และตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ออกมาไม่ได้ดีอย่างที่ตลาดคาด ทำให้ความต้องการทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยยังมีอยู่ จนทำให้สถาบันการเงินบางแห่งเริ่มทยอยปรับเป้าหมายราคาทองคำในปีนี้ขึ้น แต่การขึ้นยังค่อนข้างจำกัดเพราะตัวเลขยอดขายบ้านใหม่ของสหรัฐยังออกมาดี กว่าหลายฝ่ายคาดไว้ ขณะที่กองทุนทองคำที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง SPDR ซื้อทองคำเพิ่มเล็กน้อยเป็นจำนวน 8.09 ตัน

 

ส่วนค่าเงินบาทอ่อนค่ามาอยู่ที่ 32.65 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ หรืออ่อนลงราว 0.12 บาทจากสัปดาห์ก่อนหน้า ทำให้ราคาทองคำในบ้านเราปรับตัวเพิ่มขึ้นนอกเหนือปัจจัยด้านราคาทองคำโลก

 

ราคาทองคำปรับตัวขึ้นในระยะสั้นตามคาด แต่ยังไม่ถึงเป้าหมายราคา 1,355 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ที่ตั้งไว้ ทางโกลเบล็กยังคงแนะนำให้ คนที่มีทองคำหรือสถานะซื้อทองคำล่วงหน้า ยังคงจับตาบริเวณ 1,319 ดอลลาร์สหรัฐเป็นจุดตัดสินใจ หากหลุดต่ำกว่าราคาดังกล่าว ราคาจะมีแนวโน้มปรับลงต่อจึงควรขายทำกำไรไปก่อน แต่หากราคาไม่ต่ำกว่าบริเวณ 1,319 ดอลลาร์สหรัฐ ยังคงแนะนำให้ถือทองคำหรือสถานะซื้อล่วงหน้าต่อไปเพื่อรอทำกำไรเป้าหมายเดิม ที่ 1,355-1,361 ดอลลาร์สหรัฐ สำหรับภาพใหญ่ ยังมองว่าราคาทองคำยังไม่ใช่ขาขึ้นชัดเจน ยังคาดการณ์ราคาทองคำในปีนี้ที่กรอบเดิมคือ 1,150-1,420 ดอลลาร์สหรัฐ

ที่มา: คมชัดลึก(วันที่ 3 มีค.57)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

จากคอลัมน์เล็กๆ ที่ใช้ชื่อ “วันอาทิตย์คิดเรื่องเงิน” ที่เริ่มต้นพร้อมหนังสือพิมพ์คม ชัด ลึก ตั้งแต่ปี 2544 เป็นคอลัมน์สำหรับตอบปัญหาและข้อข้องใจเกี่ยวกับเรื่องเงินๆ ทองๆ ให้กับผู้อ่าน ที่วันนั้นใช้พื้นที่เพียงเล็กน้อย ขยับขยายจนกลายเป็นสกู๊ปขนาดใหญ่ มีพื้นที่มากขึ้น ขณะที่เนื้อหาก็เป็นการสลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนระหว่างการนำเสนอผลิตภัณฑ์ การลงทุน แนวคิดด้านการบริหารจัดการการเงินส่วนบุคคล รวมถึงตอบคำถามที่ผู้อ่านส่งเข้ามา

 

 

วันนี้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นอีกครั้ง จากที่เคยพบกันทุกวันอาทิตย์ ย้ายมาปักหลักเป็นวันศุกร์แทน ในมุมของคนอ่าน การ “ย้ายวัน” อาจจะไม่มีนัยนัก แต่ในมุมของคนเขียน ต้องสารภาพว่า ไม่ง่ายเลย เนื่องเพราะรูปแบบของวันธรรมดาและวันหยุดพักผ่อนนั้นต่างกันมาก นอกจากจะต้องเปลี่ยนชื่อคอลัมน์แล้ว ยังต้องปรับกระบวนการอีกหลายอย่าง (ไม่นับรวมการปิดต้นฉบับที่ต้องเร็วขึ้น 2 วัน ซึ่งถือเป็นเรื่องโหดร้ายของคนเขียน)

 

ดังนั้น จึงขอเอาฤกษ์เอาชัยกับพื้นที่ใหม่ วันใหม่และคอลัมน์ใหม่ ด้วยการสมนาคุณให้แก่ผู้อ่าน “คม ชัด ลึก” เพียงแค่ผู้อ่านส่งคำถามหรือข้อข้องใจเกี่ยวกับเรื่องเงินๆ ทองๆ เข้ามาที่อีเมล - k_wuttikul@hotmail.com หรือส่งมาที่ facebook/Kwanchanok Wutthikul Fanpage หนังสือดีๆ อย่าง “เล่าเท่าที่รู้ เล่ม 2” ที่เขียนโดยคุณวีระ ธีรภัทร ก็พร้อมจะส่งให้คุณถึงบ้าน

 

บางคำถามที่สามารถแชร์และน่าจะเป็นประโยชน์สำหรับท่านอื่นๆ จะถูกนำไปออกอากาศในรายการ “เงินทองต้องรู้” ออกอากาศทางวิทยุเนชั่น เอฟเอ็ม 90.5 เมกะเฮิรตซ์ ทุกวันจันทร์ถึงศุกร์ ตั้งแต่ 10.00-11.30 น. และ www.nationradio.co.th ด้วย

 

สำหรับเรื่อง “ชวนคุย” ในสัปดาห์นี้ ต่อเนื่องจากสัปดาห์ที่แล้วว่าด้วยเรื่อง “หนี้” แต่เป็นข้อมูลใหม่ เพราะเป็นตัวเลขจากการแถลงของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคม แห่งชาติ หรือสภาพัฒน์ ที่เปิดเผยภาวะสังคมไทยไตรมาส 4/2556 โดยภาวะรายได้ รายจ่ายและหนี้สินครัวเรือน ซึ่งพบว่า ในช่วงครึ่งแรกของปี 2556 ครัวเรือนไทยมีรายได้ 25,403 บาทต่อเดือนต่อครัวเรือน เพิ่มขึ้น 4.6% ขณะที่รายจ่ายเฉลี่ยอยู่ที่ 19,259 บาทต่อเดือนต่อครัวเรือน เพิ่มขึ้น 5.2% ทำให้ครัวเรือนยังมีเงินเหลือประมาณ 6,144 บาทต่อเดือนต่อครัวเรือน เพื่อที่จะนำไปชำระหนี้หรือเก็บออม

 

โดยในครึ่งปีแรกของปี 2556 ครัวเรือนมีหนี้สินเฉลี่ย 159,492 บาทต่อครัวเรือน เพิ่มขึ้น 8.7% อย่างไรก็ตาม สัดส่วนของครัวเรือนที่เป็นหนี้ลดลงจาก 55.8% ในปี 2554 เหลือ 54.4% ในปี 2556 ขณะที่ช่วงครึ่งหลังของปี 2556 แนวโน้มการใช้จ่ายของครัวเรือนลดลง ขณะที่ภาระหนี้สินก็มีแนวโน้มชะลอลงเช่นกัน ซึ่งสะท้อนให้เห็นจากการที่ยอดคงค้างการให้สินเชื่อเพื่อการอุปโภคบริโภค ส่วนบุคคลของธนาคารพาณิชย์ชะลอตัวลงต่อเนื่องตั้งแต่ไตรมาสแรกของปี

 

น่าที่สนใจที่สุดและสอดคล้องกับตัวเลขเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว คือ การผิดนัดชำระหนี้ไตรมาส 4 ปี 2556 ที่มียอดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) สำหรับสินเชื่ออุปโภคบริโภคส่วนบุคคล เพิ่มขึ้น 26.6% สินเชื่อที่ผิดนัดชำระเกิน 3 เดือน เพิ่มสูงขึ้น 45.8% อยู่ที่ 10,920 ล้านบาท ยอดคงค้างสินเชื่อบัตรเครดิตเกิน 3 เดือน เพิ่มขึ้น 31.3%

 

สภาพัฒน์ขีดเส้นใต้ไว้ด้วยว่า แม้จะเป็นสัดส่วนน้อยในภาพรวมของสินเชื่อ แต่เป็นเครื่องชี้ว่าความสามารถในการชำระหนี้ของครัวเรือนลดลง พร้อมทั้งปิดท้ายว่า สำหรับแนวโน้มปี 2557 ภาวการณ์ก่อหนี้และความสามารถในการชำระหนี้จะขึ้นอยู่กับแนวโน้มเศรษฐกิจและ ค่าจ้างแรงงาน

 

เคยชวนคุณวีระ ธีรภัทร สนทนาในรายการวิทยุ “เงินทองต้องรู้” คุณวีระมองความพังทลายของ “ชั้นเศรษฐกิจ” ที่ยุบตัวทีละชั้นจากปัญหาทางการเมืองที่ยืดเยื้อ ต่อเนื่องและยาวนานว่า ข้อควรระวังสำหรับความเสี่ยงที่จะเกิดกับเศรษฐกิจในรอบนี้ กลุ่มที่จะได้รับผลกระทบมากที่สุด จะเป็นกลุ่มผู้มีรายได้ที่เรียกว่า “กลาง-กลาง” และ “กลาง-ล่าง” ส่วนกลุ่มที่ได้รับผลกระทบน้อยหรือไม่ได้รับผลกระทบ จะเป็นกลุ่มที่มีรายได้ “กลาง-บน” และ “บน-บน”

 

ถามให้ชัดลงไปอีกว่า รายได้ระดับ “กลาง-กลาง” และ “กลาง-ล่าง” ใช้แนววัดกันที่เท่าไหร่ คุณวีระบอกว่า ถ้า “กลาง-กลาง” ก็คือ รายได้ระหว่าง 5 หมื่นบาทถึง 1 แสนบาทต่อเดือนต่อครัวเรือน ส่วน “กลาง-ล่าง” ก็คือ รายได้ต่ำกว่า 5 หมื่นบาทต่อเดือนต่อครัวเรือน มากกว่า 1 แสนบาทต่อเดือนต่อครัวเรือนก็จัดเป็นกลุ่ม “กลาง-บน” ไปถึง “บน-บน”

 

เหตุที่เป็นอย่างนั้น เพราะกลุ่มที่มีรายได้ต่ำกว่า 1 แสนบาทต่อเดือนต่อครัวเรือน ยังมีภูมิคุ้มกันที่ไม่เพียงพอ เป็นมนุษย์เงินเดือน หาเช้ากินค่ำ มีค่าใช้จ่ายมากและมีหนี้ ความทนทานของภาวะเศรษฐกิจที่ “เหือดแห้ง” จากวิกฤติการเมืองที่ยืดเยื้ออาจจะไม่เพียงพอ

 

เป็นคำเตือนที่จะเชื่อหรือไม่เชื่อ ก็อีกเรื่องหนึ่ง แต่เมื่อต้องระวัง ก็น่าจะต้องระวัง

 

สำหรับ “คนแบกหนี้” ทั้งหลาย มีข้อแนะนำจากศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน (ศคง.) ธนาคารแห่งประเทศไทยว่า จะแบกหนี้อย่างฉลาด ต้องยึดหลัก 2-3 ประการ ดังนี้ ประการแรก ให้ยึดหลัก จ่ายครบ จ่ายตรงเวลา เลี่ยงปัญหาผิดนัดชำระหนี้ เพราะการจ่ายหนี้คืนเต็มจำนวน จะช่วยให้ไม่เสียดอกเบี้ย (กรณีไม่เบิกถอนเงินสด) การจ่ายขั้นต่ำหรือมากกว่าอย่างตรงเวลา ก็จะช่วยรักษาประวัติเครดิต ส่วนถ้าใครมีปัญหาเงินไม่พอชำระหนี้ ก็สามารถหาทางออกด้วยการจัดระบบใช้จ่ายใหม่ ด้วยการไม่เพิ่มหนี้ ใช้จ่ายลดลง และหารายได้เสริม รวมทั้งเจรจากับเจ้าหนี้ เช่น การขอขยายเวลา ลดจำนวนเงินผ่อนต่อเดือน

 

ที่สำคัญอย่า “หนีหนี้” เพราะทำให้ประวัติเครดิตไม่ดี เสียโอกาสในการขอสินเชื่อ เสียค่าใช้จ่ายในการทวงถามหนี้ รวมถึงอาจถูกฟ้องร้องและดำเนินคดี

 

ปิดท้ายวันนี้ เก็บมาฝากจากคอลัมน์ “จดหมายจากผู้ว่าการถึงอาจารย์ป๋วย” เขียนโดย ดร.ประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ตีพิมพ์ในวารสารพระสยาม ของธนาคารแห่งประเทศไทย ฉบับแรกประจำเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ 2557 ว่า ภาคครัวเรือน ควรสร้างวินัยทางการเงิน เริ่มตั้งแต่สถาบันครอบครัว ลดการก่อหนี้ที่ไม่จำเป็นลง และพัฒนาความรู้ความสามารถให้เพิ่มขึ้น ภาคธุรกิจควรลดต้นทุน เพิ่มคุณภาพ ปรับปรุงประสิทธิภาพ ภาครัฐควรปรับปรุงระเบียบข้อจำกัดต่อศักยภาพการแข่งขัน พัฒนาสาธารณูปโภคและระบบขนส่งมวลชนเพื่อลดต้นทุนด้านการขนส่งของประเทศ และพัฒนาคุณภาพการศึกษาตลอดจนปฏิรูปธรรมาภิบาล และสร้างความเท่าเทียมกันในสังคมทั้งทางด้านโอกาส รายได้ และมีส่วนร่วมของประชาชนในทุกระดับ เพื่อลดความแตกแยกในสังคม

 

“ช่วงชีวิตหนึ่งของคนเราย่อมมีโอกาสต้องผ่านร้อนผ่านหนาว การเสริมสร้างภูมิคุ้มกันที่ดี ย่อมทำให้สุขภาพแข็งแรงขึ้นได้ ประเทศชาติก็เช่นเดียวกัน”

ที่มา: คมชัดลึก(วันที่ 3 มีค.57)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดียามเที่ยงครับ

 

เช้านี้ ราคาท้าทาย เอามาก ๆ

 

ถ้าทะลุ 1245$ น่าตามไหมครับ ?

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ตลาดหุ้นเอเชียร่วงลงบ่ายวันนี้ เหตุวิตกภาคการผลิตจีน,การเมืองยูเครน

 

 

ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลงในช่วงบ่ายวันนี้ หลังจากภาคการผลิตจีนในเดือนก.พ.ขยายตัวชะลอลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 8 เดือน และจากสถานการณ์ในยูเครนที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น

ดัชนี MSCI Asia Pacific ร่วงลง 1% แตะ 136.52 เมื่อเวลา 12.16 น.ตามเวลาฮ่องกง

ตลาดหุ้นเอเชียอ่อนแรง หลังสหพันธ์พลาธิการและการจัดซื้อของจีน (CFLP) และสำนักงานสถิติแห่งชาติของจีน (NBS) เปิดเผยเมื่อวันเสาร์ว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของจีนในเดือนก.พ.ลดลงแตะ 50.2 จากระดับ 50.5 ในเดือนม.ค.

ขณะเดียวกันสถานการณ์ทางการเมืองในยูเครนเลวร้ายลง หลังจากที่ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซีย ได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภาในการส่งกำลังทหารเข้าไปไครเมีย ซึ่งเป็นภูมิภาคทางตอนใต้ของยูเครน

ไครเมียได้กลายเป็นจุดศูนย์กลางของวิกฤตการเมืองของยูเครน ขณะที่ความตึงเครียดได้ปะทุขึ้นบนคาบสมุทรดังกล่าว หลังจากเมื่อเดือนที่แล้ว รัฐสภายูเครนมีมติถอดถอนอดีตปธน.วิคเตอร์ ยานูโควิช ที่มีท่าทีสนับสนุนรัสเซีย

ทางด้านประธานาธิบดีบารัค โอบามาของสหรัฐกล่าวเตือนว่า สหรัฐ “วิตกกังวลอย่างยิ่ง" เกี่ยวกับรายงานการเคลื่อนไหวทางทหารของรัสเซียในยูเครน และเตือนว่า “จะมีผลเสีย" จากการแทรกแซงทางทหารดังกล่าว

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

โกลเบล็ก ให้กรอบลงทุนทองคำ1,305 -1,375 เหรียญ/ทอยออนซ์ พร้อมแนะจับตาหุ้น STEC – CK – GFPT เหตุสัญญาณทางเทคนิคฟื้นตัว

 

 

บมจ.โกลเบล็ก โฮลดิ้ง แนะนักลงทุนเก็งกำไรทองคำตามกรอบสัญญาณทางเทคนิค 1,305 – 1,375 เหรียญต่อทอยออนซ์ หรือ 20,170-21,250 บาท/บาททองคำ พร้อมแนะจับตาปัจจัยเศรษฐกิจต่างประเทศ ขณะที่นักวิเคราะห์โกลเบล็ก แนะลงทุน STEC – CK – GFPT เหตุสัญญาณทางเทคนนิคหนุน

 

นายโสฬส สาครวิศว กรรมการผู้จัดการ บริษัท โกลเบล็ก โฮลดิ้ง แมนเนจเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GBX แนะนำกรอบการลงทุนราคาทองคำในสัปดาห์นี้ (3 – 7 มีนาคม2557) ว่า จากการประเมินแนวโน้มและทิศทางการลงทุนในทองคำ โดยให้กรอบการลงทุนไว้ที่ 1,305 – 1,375 เหรียญต่อทอยออนซ์ หรือ 20,170-21,250 บาท/บาททองคำ (อ้างอิงค่าเงินบาทที่ 32.60 บาท/เหรียญ) ทั้งนี้หากผ่านกรอบการลงทุนดังกล่าว เชื่อว่ากรอบการลงทุนลำดับถัดไปมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นทดสอบแนวต้าน ที่ระดับ 1,365-1,375 เหรียญต่อทอยออนซ์ แนะนำเก็งกำไร ตามกรอบการลงทุน

 

แต่หากพิจารณาจากปัจจัยตัวเลขเศรษฐกิจ ทาง Globlex ยังเชื่อว่าแนวต้านที่ ระดับ 1,365-1,375 เหรียญต่อทอยออนซ์ อาจจะไม่ผ่าน เนื่องจากเกิดสัญญาณ Bearish Divergence ระหว่างราคาทองคำและ RSI ในกราฟวัน ทำให้ในระยะกลาง อาจมีการย่อตัวลงได้ โดยภายในสัปดาห์นี้ แนะนำให้นักลงทุนจับตา ปัจจัยจากตัวเลขเศรษฐกิจในต่างประเทศ ที่จะเป็นตัวแปรในการลงทุน อาทิ ดัชนีภาคการผลิตสหรัฐ , ประกาศดอกเบี้ยออสเตรเลีย , ผลผลิตมวลรวมออสเตรเลีย(QoQ) , ยอดจ้างงานทั่วประเทศสหรัฐ , ดัชนีภาคบริการสหรัฐ , ประกาศดอกเบี้ยยูโรโซน , ผลการประชุมธนาคารกลางยูโรโซน , ยอดผู้ขอรับสวัสดิการสหรัฐ , ยอดจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐ , อัตราว่างงานสหรัฐ และ ยอดดุลการค้าสหรัฐ

 

ทางด้านนักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์โกลเบล็ก จำกัด มองแนวโน้มการลงทุนในตลาดหุ้นว่า สัญญาทางเทคนิคในระยะสั้น ดัชนีมีความพยายามดีดกลับต่อเนื่อง โดยผ่านขึ้นมาปิดเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 75 วันได้ ประกอบกับ MACD ดีดกลับขึ้นมายืนเหนือเส้น SIGNAL ด้วย หากดัชนีไม่ถอยกลับลงมาปิดต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย 75 วันแถวๆ 1,323 จุดอีก จึงจะมีลุ้นดีดกลับขึ้นทดสอบจุดสูงสุดเดิมในรอบ 2 สัปดาห์บริเวณ 1,332-1,333 จุดอีกครั้ง ปิดได้ลุ้นต่อ 1,342-1,351 จุดต่อไป

 

สำหรับกรอบสัญญาณทางเทคนิค ในระยะกลาง ดัชนีกรอบสามารถประคองตัวปิดเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 5 และ 10 สัปดาห์ได้ต่อเนื่อง ทำให้ MACD มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นแต่ยังอยู่ต่ำกว่าศูนย์ หากสัปดาห์นี้ดัชนีไม่ถอยกลับลงมาหรือปิดต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย 5 สัปดาห์แถวๆ 1,311 จุดอีก จึงจะมีลุ้นดีดกลับขึ้นทำ New high ในรอบ 2 สัปดาห์ที่ 1,333 จุด ก่อนผ่านขึ้นทดสอบเส้นค่าเฉลี่ย 25 สัปดาห์ที่ 1,359 จุดต่อไป

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ฝรั่งเดาทองยามบ่าย กล่าวว่า ตกใจ ราคาทองพุ่งขึ้นในเวลาของภาวะตลาดทองเอเชีย พุ่งกว่า $20 เนื่องจากสถานการณ์ทางการเมืองในยูเครนได้ทวีความตึงเครียดมากขึ้น ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนมีความต้องการถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัย แตะที่ 1,343.1 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเมื่อวันศุกร์ร่วงไปที่ 1321 นักลงทุนคงตกใจกันมาก สหรัฐ รัสเซีย จะคุยกันหาข้อยุติได้หรือไม่ ..........ในมุมของผม เมื่อทองขยับขึ้นไปแล้ว จากเงื่อนไขที่จำกัดคือ ความขัดแย้งที่จะต้องจบลงด้วยการเจรจา เดี๋ยวก็จบ จึงไม่เสี่ยงที่จะไล่ตามตอนนี้ เพราะอาจมีการแค่ทดสอบถึง 1350-1354 เท่านั้น แล้วก็ย่อตัวลง ไม่น่าที่จะผ่านไปได้ในขณะนี้ ผมมองว่า $1350 ตรงนี้ เป็นจุดขายทำกำไรของนักเก็งกำไร แล้วราคาจะย่อลง มาที่ 1337 ห้ามต่ำกว่า 1333 อีกครั้งเหมือนวันศุกร์นะ เพราะราคาจะไหลหลุดลงมาอีก วนเวียนแถวๆ 1327-1323

 

พร้อมแนวทางขาเสี่ยง ดังนี้

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...