ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
tt2518

ขอเดา(ราคาทอง)กับเขาบ้าง

โพสต์แนะนำ

ผู้นำอิหร่านสวดยับชาติตะวันตก

 

ต่างประเทศ 24 กันยายน 2554 - 00:00

ประธานาธิบดีอิหร่าน มะห์มูด อะห์มาดีเนญาด ขึ้นกล่าวปาฐกถาโจมตีชาติตะวันตกเช่นเคยในการมาเยือนยูเอ็นในวันพฤหัสบดี แต่กลับไม่แตะประเด็นปาเลสไตน์ยื่นขอยกระดับสถานภาพ

ผู้นำอิหร่านกล่าวสุนทรพจน์โจมตีชาติตะวันตกเป็นระยะเวลา 30 นาที แต่เขาไม่ได้ระบุถึงการลุกฮือเรียกร้องในตะวันออกกลาง รวมถึงที่เกิดขึ้นในซีเรีย ชาติพันธมิตรของอิหร่านแต่อย่างใด

ตัวแทนจากสหรัฐและชาติตะวันตกอื่นๆ ทยอยวอล์กเอาต์ออกจากห้องประชุม เมื่ออะห์มาดีเนญาดเอ่ยถึง "มหาอำนาจ" ที่คุกคามประเทศใดก็ตามที่ตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ เหตุการณ์ 9/11 และการแทรกแซงทางทหารต่างๆ เช่นเดียวกับทุกครั้งที่เขาปรากฏตัวที่สำนักงานใหญ่ยูเอ็นในแต่ละปี

แม้อะห์มาดีเนญาดจะกล่าวโจมตีแนวคิดไซออนนิสม์ แต่เขาไม่ได้กล่าวถึงการที่ปาเลสไตน์ยื่นเรื่องต่อยูเอ็นเพื่อขอเปลี่ยนแปลงสมาชิกภาพของตน

ทำเนียบขาวตอบโต้อะห์มาดีเนญาดและรัฐบาลอิหร่านว่าเป็นผู้ทำร้ายประชาชนของตนเอง ด้านเดวิด คาเมรอน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ แถลงตอบโต้ในที่ประชุมยูเอ็นว่า เขาละเลยบทบาทผู้นำของตนเอง ซึ่งถึงแม้จะเปิดให้มีการเลือกตั้งในประเทศ แต่กลับปิดกั้นเสรีภาพในการแสดงออก รวมถึงปราบปรามผู้ที่มีความคิดเห็นต่าง

ในขณะเดียวกัน มีผู้ชุมนุมหลายพันคนซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวสหรัฐเชื้อสายอิหร่าน รวมตัวกันภายนอกสำนักงานใหญ่สหประชาชาติ เพื่อประท้วงการมาเยือนของอะห์มาดีเนญาด

นอกจากนี้ อะห์มาดีเนญาดยังเจอศึกการเมืองภายในประเทศ เขาถูกนักการเมือง ศาสนาจารย์ และกองทัพ กล่าวหาว่าเขาตีตนออกห่างจากผู้นำสูงสุด อะยาตุลเลาะห์ อาลี คาเมนี จนคนสนิทของเขาอย่างน้อย 25 คนถูกจับกุม

อีกทั้ง อิสฟันดิยาร์ ราฮิม มาแชอี พันธมิตรทางการเมืองของผู้นำอิหร่าน ยังถูกตั้งข้อหาทุจริตเงินจำนวนกว่า 2.6 พันล้านดอลลาร์ และข้อหา "ผู้นำลัทธินอกรีต" ท้าทายหลักคำสอนทางศาสนา

แม้อะห์มาดีเนญาดจะไม่ได้กล่าวถึงโครงการนิวเคลียร์ในสุนทรพจน์ แต่เขากล่าวในภายหลังว่า อิหร่านจะยุติการเสริมคุณภาพแร่ยูเรเนียม 20% หากรับประกันว่าอิหร่านจะมีเชื้อเพลิงมากพอในการสร้างเตาปฏิกรณ์สำหรับการวิจัยทางการแพทย์.

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

[size="4"]ตำรวจสหรัฐฯ ล้อมจับผู้ประท้วง “ยึดวอลล์สตรีต” ราว 80 ราย

 

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

 

การประท้วง “ยึดวอลล์สตรีต” (Occupy Wall Street) เริ่มขึ้น ตั้งแต่วันที่ 17 กันยายน เพื่อประท้วงความปัญหาช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจน กลุ่มดังกล่าวประกาศความคิดที่จะเปลี่ยนย่านแมนฮัตตัน ให้เป็น “จัตุรัสตอห์รีร์” ของอียิปต์ ซึ่งเป็นศูนย์กลางการประท้วงโค่นล้มประธานาธิบดีฮอสนี มูบารัค

 

เอเอฟพี - ผู้ประท้วงชาวสหรัฐฯ ราว 80 คน ถูกจับกุมวานนี้ (24) ระหว่างการชุมนุมต่อต้านระบบการเงินการคลังของประเทศ และการดำเนินกิจการของตลาดหลักทรัพย์ หรือวอลล์สตรีต นับเป็นการสลายการชุมนุมครั้งใหญ่ที่สุด ตั้งแต่มีการปักหลักชุมนุมตามท้องถนนในนครนิวยอร์ก ราวหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา

 

 

 

โฆษกสำนักงานตำรวจนิวยอร์ก ให้สัมภาษณ์กับเอเอฟพี ว่า “ผู้ประท้วงประมาณ 80 ราย ถูกจับกุม” คนกลุ่มนี้ส่วนใหญ่ถูกดำเนินคดี ข้อหากีดขวางการจราจรและอาคารรัฐบาล รวมทั้งขัดขืนการจับกุม โดยมีเพียงคนเดียวที่ถูกจับกุม ฐานทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ตำรวจ

 

ส่วน เว็บไซต์ “occupywallst.org” ของกลุ่มผู้ประท้วงรายงานข้อมูลว่า มีผู้ถูกจับกุมประมาณ 80-100 คน ซึ่งส่วนใหญ่ชุมนุมอยู่บริเวณจัตุรัสยูเนียนสแควร์ ที่เกาะแมนฮัตตัน ขณะเดียวกัน มีการเผยแพร่คลิปวิดีโอแสดงเหตุการณ์ที่ตำรวจกำลังใช้ตาข่ายขึงรอบกลุ่มผู้ชุมนุม เพื่อทำการจับกุม

 

การประท้วงภายใต้สโลแกน “ยึดวอลล์สตรีต” (Occupy Wall Street) เริ่มต้นขึ้น ตั้งแต่วันที่ 17 กันยายน ในบริเวณใกล้กับตลาดหลักทรัพย์นครนิวยอร์ก หรือวอลล์สตรีต ซึ่งมีการคุ้มกันแน่นหนา แม้ผ่านมาหนึ่งสัปดาห์ กลุ่มผู้ประท้วงที่มุ่งมั่นก็ยังคงตั้งแคมป์ในสวนสาธารณะใกล้เคียง

 

แม้การบริหารการชุมนุมไม่ชัดเจน ทว่า ผู้ประท้วงก็ยังคงปักหลักชุมนุมต่อไป ทั้งๆ ที่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำการแน่นหนา และฝนตกมาหลายวัน นอกจากนี้ กลุ่มผู้ประท้วงยังใช้การประโยชน์จากโลกออนไลน์ เพื่อสื่อสารข้อความผ่าน ยูทิวบ์ ทวิตเตอร์ และเว็บไซต์อื่นๆ อย่างต่อเนื่อง

 

กลุ่มผู้ประท้วงระบุว่า แรงขับการชุมนุมครั้งนี้มีที่มาจากความโกรธแค้นต่อความแตกต่าง ระหว่างมหาเศรษฐีสหรัฐฯ กับคนยากจนกำลังมีจำนวนเพิ่มขึ้น หลังจากวิกฤตการคลังและสภาวะการถดถอยทางเศรษฐกิจของประเทศ

 

คลิปวิดีโอจากเว็บไซต์ occupywallst.org[/size]

ถูกแก้ไข โดย เศรษฐีน้อย จากร้อยสู่ล้าน

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

โจรปทุมฯลักทรัพย์ร้านทองรวบทันควันข่าวภูมิภาค วันอาทิตย์ที่ 25 เดือนกันยายน พ.ศ.2554 20:54 น.

share

 

โจรเมืองปทุมฯ เจาะฝาโรยตัวลงในห้องน้ำร้านทองตัดสัญญาณกันขโมยและตัดสายกล้องวงจรปิด เจ้าหน้าที่ป่อเต็กตึ๊งตามรวบตัวได้ทันควัน

 

 

ร.ต.อ.สุวัฒน์ โพธิ์รี ร้อยเวรสอบสวน สภ.ปากคลองรังสิต ได้รับแจ้งเหตุจาก นายนิทัศน์ ธรรมพิพัฒน์ เจ้าของร้านทองแม่พลอย ตลาดปูโพธิ์ เลขที่ 99/8 ม.5 ต.บ้านใหม่ อ.เมือง จ.ปทุมธานี ว่า ได้มีคนร้ายเข้ามาขโมยทรัพย์สิน ในร้านโดยคนร้ายยังอยู่ในห้องน้ำ จึงไปที่เกิดเหตุ พร้อมด้วย พ.ต.ท.เชิงชาย พงษ์แขกสวป. และเจ้าหน้าที่ชุดสายสืบ และขอกำเจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊งไปที่เกิดเหตุ

พบว่า คนร้ายได้ปืนหนีออกไปแล้ว โดยมีเจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง จำนวน 2คน วิ่งลาตามคนร้ายไปยังท้ายตลาด จึงจับกุมตัวไว้ได้ ทราบชื่อต่อมา นายธนายุทธ จิตสว่าง อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 145/1 ม.7 ต.บางคูวัด อ.เมือง จ.ปทุมธานี ซึ่งทำงานเป็นพนักขนส่งย่านบางคูวัด พร้อมของกลางฮาร์ดดิสก์ 1 ตัว เงินสดกว่า 2,000 บาท จึงนำตัวมาสอบสวนที่ สภ.ปากคลองรังสิต

 

จากการสอบสวน นายนิทัศน์ ธรรมพิพัฒน์ เจ้าของร้านทองแม่พลอย ได้ให้การว่า ตนมาเช่าห้องเปิดร้านทองในตลาดปูโพธิ์ ซึ่งเป็นอาคารชั้นเดียวปลูกแบบแถวเดียว ประมาณ 10 ห้อง ได้มีคนร้ายปืนลงมาทางฝาห้องน้ำ โดยได้ใช้คีมตัดฝาลงมาสองจุดในห้องน้ำ 1 จุด และนอกห้องน้ำอีก 1 จุด โดยคนร้ายได้ลงมาในห้องน้ำแล้วค่อยๆ เปิดประตูออกมาดูภายนอก ก่อนที่จะลงมือปฏิบัติการโดยได้วิ่งมาที่เครื่องบันทึกภาพ ทำการตัดสายกล้องวงจรปิด และสัญณาณกันขโมยออก ทำให้สัญณาณไปดังเข้าโทรศัพท์มือถือของตน ที่บ้านพักย่านบางคูวัด จึงได้เดินทางมาดูที่ร้านทอง เมื่อเปิดประตูเข้าไปในร้าน ก็พบกับคนร้าย จึงวิ่งออกมาหน้าบ้าน แล้วโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ

 

Link : http://www.innnews.co.th/โจรปทุมฯลักทรัพย์ร้านทองรวบทันควัน--310386_06.html

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บินทัวร์ชม“เอเวอเรสต์”ตก ตายยกลำ ชิ้นส่วนมนุษย์กระจัดกระจาย

 

 

 

สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า เกิดเหตุเครื่องบินเล็ก บุดดา แอร์-103 บีชคราฟ นำนักท่องเที่ยวไปชมความสวยงามของยอดเขาเอเวอเรสต์ตก บริเวณภูเขาใกล้กับกรุงกาฎมัณฑุของเนปาล เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา พบผู้เสียชีวิตรวม 19 คน ในจำนวนนี้ เป็นชาวอินเดีย 10 คน สหรัฐ 2 คน และญี่ปุ่น 1 คน

 

นายบิมเลช ลัล คาร์น่า ผู้อำนวยการฝ่ายกู้ภัยของสนามบินนานาชาติ ตรีภูวัน เปิดเผยว่า เครื่องบินลำนี้ เพิ่งจะกลับจากบินชมภูเขา ตอนที่ตกในบริเวณเทือกเขาในกอตตาดา ทำให้คนบนเครื่องเสียชีวิตทั้งหมด

 

เจ้าหน้าที่สนามบิน ระบุว่า เครื่องบินได้ขาดการติดต่อไปเมื่อเวลา 07.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น หรือราว 08.45 น. ตามเวลาในไทย ก่อนจะบินชนภูเขาในอีกไม่กี่นาที

 

ด้านสถานีโทรทัศน์ อะเวนิว เทเลวิชั่น ของเนปาล ได้รายงานอ้างผู้เห็นเหตุการณ์ว่า เห็นเปลวเพลิงที่เครื่องบิน ก่อนจะตก และต้องเดินขึ้นเขาราว 1 ชั่วโมงครึ่ง จึงไปถึงจุดที่เครื่องบินตก และเห็นชิ้นส่วนมนุษย์กระจัดกระจาย

 

สำหรับ บุดดา แอร์ เป็นสายการบินเอกชน มีสำนักงานอยู่ที่กาฎมัณฑุ เสนอแพ็คเกตการเที่ยมชมยอดเขา เอเวอเรสต์ มูลค่า 8,240 รูปีต่อหัว หรือราว 4,200 บาท และระบุในเว็บไซท์ด้วยว่า เครื่องบินชนิดนี้ถือว่าปลอดภัยที่สุดที่ให้บริการในประเทศ

 

วันที่ 25/9/2011

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

คาดราคาทองคำพุ่งขึ้นต่อเนื่อง นักลงทุนหนีความเสี่ยง ดอลลาร์-น้ำมัน-หุ้น

 

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 25 กันยายน 2554 21:07 น.

 

Share

 

 

“เลขาฯสมาคมค้าทองคำ”ประเมินทิศทางราคาทองคำ ยังโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้น จากปัญหาเศรษฐกิจในสหรัฐฯที่ยังไม่ดี รวมถึงในยูโรโซน กดดันให้นักลงทุนหนีเงินสกุลดอลลาร์ น้ำมัน และหุ้น หันมาลงทุนในทองคำเพิ่มเติม แม้ปัจจุบันมีการปรับฐานลงไปบ้างแล้ว

 

นายพิชญา พิสุทธิกุล เลขาธิการสมาคมค้าทองคำ เปิดเผยถึงแนวโน้มราคาทองคำว่าปัญหาเศรษฐกิจในสหรัฐฯยังไม่มีท่าทางจะฟื้นในช่วง2-3ปีนี้แน่นอน เนื่องจากนโยบายในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของสหรัฐฯในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมาไม่สามารถลดตัวเลขคนว่างงานในประเทศลงได้

 

ขณะที่ปัญหาการบริโภคภายในประเทศก็ไม่กระเตื้องขึ้น ประกอบกับนักลงทุนไม่มีความเชื่อมั่นในสกุลเงินดอลล่าร์ จึงได้เปลี่ยนจากการถือครองดอลลาร์,น้ำมันและหุ้น มาที่ทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่มีความมั่นคงและปลอดภัยสูง ดังนั้นทำให้ทองคำจึงเป็นสินทรัพย์ที่มีความต้องการสูงทั้งจากธนาคารกลางของประเทศต่างๆและนักลงทุน ส่งผลให้ราคาทองคำพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ว่าจะมีการปรับฐานลงมาบ้างแต่ยังคงสามารถที่จะยืนได้เหนือระดับที่ 1,800เหรียญ/ออนซ์ได้

 

นอกจากนี้ ยังต้องติดตามความวิตกกังวลถึงประเด็นหนี้สินรัฐบาลในประเทศกลุ่มยูโรโซนที่ทั่วโลกกำลังจับตามองว่ารัฐบาลเยอรมันและฝรั่งเศส ซึ่งเป็นแกนสำคัญนั้น จะมีนโยบายใหม่ๆ ออกมาเพื่อยับยั้งปัญหาไม่ให้ลุกลามไปยังประเทศสมาชิกอื่นๆในแถบยูโรโซนได้หรือไม่

ส่วนในอีกหลายๆ ประเทศของกลุ่ม เริ่มออกมาตราการเพื่อป้องกันปัญหาที่อาจส่งผลกระทบต่อประเทศของตน โดยกำหนดให้ธนาคารพาณิชย์ในประเทศต้องเพิ่มสัดส่วนการกันสำรองเผื่อหนี้สูญ รวมทั้งลดการก่อหนี้สาธารณะเพื่อไม่ให้เป็นภาระต่อการชำระหนี้คืนในอนาคต และเพื่อลดความเสี่ยงจากความผันผวนในเศรษฐกิจโลก

 

ปัจจัยเหล่านี้ มีผลทำให้นักลงทุนหันมาลงทุนในเอเชียเพิ่มมากขึ้น เพราะมีอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่สูง เช่น จีน,อินเดีย,เกาหลีใต้,ไทย,มาเลเซีย,อินโดนิเซีย,เวียดนาม เป็นต้น ซึ่งส่งผลให้แต่ละประเทศมีเงินไหลเข้าจำนวนมาก และไปซื้อทองคำเพิ่มมากขึ้นจนอุปสงค์ต่อทองคำมีมากกว่าปริมาณที่ผลิตได้ หมายถึงยิ่งทำให้ราคาทองคำให้สูงขึ้นอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา

 

อย่างไรก็ตามการที่แต่ละประเทศจะเปลี่ยนสัดส่วนจากสกุลเงินตราต่างประเทศมาเป็นทองคำนั้น ธนาคารกลางแต่ละชาติต้องคำนวณถึงสภาพคล่องด้วย เพราะถ้านำเงินที่มีอยู่มาซื้อทองคำจำนวนมาก เมื่อเกิดปัญหาการเงินภายในประเทศขึ้น สภาพคล่องที่จะเปลี่ยนทองคำมาเป็นเงินนั้น อาจมีความคล่องตัวน้อยกว่าการถือเงินสด ซึ่งอาจจะกระทบต่อปริมาณเงินหมุนเวียนในประเทศได้

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เว็บไซต์ชื่อดังของสิงคโปร์ได้เผยแพร่ภาพที่กำลังเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในสังคมสิงคโปร์ ภาพกิจกรรมรับน้องใหม่ของมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง ซึ่งมีกิจกรรมและพฤติกรรมที่ล่อแหลมและไม่เหมาะสมเป็นอย่างยิ่ง

 

ตามรายงานระบุว่า ภาพดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมรับน้องใหม่ของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีแห่งหนึ่งของสิงคโปร์ ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา โดยนักศึกษารุ่นพี่ได้จัดกิจกรรมรับน้องขึ้น ซึ่งมีหลายกิจกรรมที่ล่อแหลมและเสื่อมแบบสุดโต่ง อาทิ สั่งให้รุ่นน้องชายหญิงนอนพื้นและจ้องตากันในท่านอนทับร่าง หรือ สั่งให้รุ่นน้องชายหญิงทานขนมอบกรอบชนิดแท่งแบบปากต่อปาก ทั้งนี้กิจกรรมดังกล่าวยังมีรายงานว่า รุ่นน้องบางรายถึงกับเกิดอาการอับอายและยอมรับไม่ได้ พากันร้องไห้โฮจำนวนหลายราย

 

ล่าสุด ทางมหาวิทยาลัยดังกล่าว ได้ออกแถลงการณ์ขอโทษเกี่ยวกับกิจกรรมรับน้องสุดเสื่อม จนกลายเป็นเหตุที่ถูกสังคมกดดันอย่างหนักแล้ว โดย ผู้อำนวยการของมหาวิทยาลัย เตรียมประชุมหารือ ร่วมกับประธานนักศึกษา เพื่อกำชับและสร้างขอบเขตของกิจกรรมรับน้อง รวมทั้งป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะดังกล่าวเกิดขึ้นอีก

 

ขณะที่จากการสอบถามชาวสิงคโปร์ พบว่ามีคนจำนวนมากที่มีความคิดอคติกับกิจกรรมรับน้องในปัจจุบัน โดยหลายรายมีทัศนคติในเชิงลบและรู้สึกรังเกียจ อีกทั้งยังประณามว่า การรับน้องเป็นกิจกรรมที่ไม่มีความสร้างสรรค์และเป็นบ่อนทำลายนักศึกษาสมัยใหม่ อย่าไรก็ตามชาวสิงคโปร์บางส่วน ยังอยากเห็นการรับน้องที่ขาวสะอาด ส่งเสริมในทางที่ดี และสามารถเข้าใจถึงแก่นแท้ของการรับน้องได้อย่างสมบูรณ์

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

กลุ่มผู้ให้การสนับสนุนพรรคฝ่ายค้านรัสเซียชุมนุมคัดค้านการกลับมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีรัสเซียของนายวลาดิเมียร์ ปูตินในปีหน้า

 

- กลุ่มผู้ให้การสนับสนุนพรรคฝ่ายค้านรัสเซียราว 300 คนได้พากันชุมนุมกลางกรุงมอสโกเพื่อคัดค้านการกลับมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีรัสเซียของนายวลาดิเมียร์ ปูตินนายกรัฐมนตรีของรัสเซียในปีหน้าหลังจากที่นายปูตินเคยดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีรัสเซียระหว่างปี 2543-2551 รายงานข่าวแจ้งว่า กลุ่มแนวร่วมสหพลเรือนของนายแกรี่ คาสปารอฟ อดีตแชมเปี้ยนหมากรุกกับบรรดาผู้นำพรรคฝ่ายค้านนอกสภาได้ถือป้ายประท้วงที่เขียนว่า นายปูตินจะต้องไม่กลับมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีอีกครั้งหนึ่ง และการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นเป็นเรื่องที่น่าขบขัน

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

เจ้าหน้าที่บริหารระดับสสูงชั่วคราวของธนาคารใหญ่สุดในสวิสได้รับมอบหมายให้ปรับโครงสร้าง

 

- นายคาสปาร์ วิลลิเกอร์ ประธานธนาคารยูบีเอส ซึ่งเป็นธนาคารใหญ่ที่สุดในสวิตเซอร์แลนด์กล่าวว่า นายแซร์โจ แอร์มอตตี หัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหารหรือซีอีโอ ชั่วคราวได้รับมอบหมายให้ปรับโครงสร้างขององค์กร หลังจากนายออสวัลด์ กรือเบล ซีอีโอคนก่อนลาออกเพราะเกิดเรื่องนักค้าสร้างความเสียหาย 2,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือราว 69,000 ล้านบาท คณะกรรมการบริหารยูบีเอสยอมรับการลาออกของนายกรือเบลวัย 67 ปี เมื่อวานนี้ และแต่งตั้งนายแอร์มอตตีเป็นซีอีโอชั่วคราว ขณะนี้กำลังมองหาผู้สมัครทั้งคนในและคนนอกมานั่งตำแหน่งซีอีโอคนต่อไป

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

จีนตั้งเครื่องขายทองเครื่องแรกในกรุงปักกิ่ง

 

จีนซึ่งเป็นผู้ซื้อทองรายใหญ่อันดับสองของโลกได้ติดตั้งเครื่องจำหน่ายทองคำเครื่องแรกในย่านการค้าของกรุงปักกิ่ง เว็บไซต์หนังสือพิมพ์พีเพิ่ล เดลีของจีนรายงานว่า นักจับจ่ายซื้อของบนถนนหวังฝูจิ่ง ซึ่งเป็นถนนคนเดินชื่อดังของกรุงปักกิ่งสามารถใช้เงินสดหรือบัตรธนาคารซื้อทองแท่งหรือเหรียญทองคำจากเครื่อง ราคาอ้างอิงตามราคาตลาด จำกัดให้ซื้อได้สูงสุดไม่เกินครั้งละ 2.5 กิโลกรัม หรือไม่เกินครั้งละ 1 ล้านหยวนหรือราว 5 ล้านบาท เป็นเครื่องจำหน่ายทองคำเครื่องแรกในจีน หลังจากที่อังกฤษ สหรัฐ ตะวันออกกลางและยุโรปมีมาก่อนแล้ว เครื่องจำหน่ายทองคำนี้เป็นของธนาคารพาณิชย์การเกษตรปักกิ่งร่วมกับบริษัทค้าทองคำแห่งหนึ่ง ตั้งเป้าจะติดตั้งเพิ่มตามย่านที่ปลอดภัย เช่น ร้านทอง ในสโมสรเอกชนชั้นสูง

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

ฝรั่งเศสปฏิเสธรายงานข่าวเตรียมเงินหลายแสนล้านบาทช่วยเหลือธนาคารใหญ่

 

- กระทรวงการคลังฝรั่งเศสปฏิเสธรายงานข่าวที่ว่า ทางกระทรวงกำลังเตรียมแผนปรับโครงสร้างเงินทุน 10,000-15,000 ล้านยูโรหรือราว 420,000-630,000 ล้านบาทเพื่อช่วยเหลือธนาคารรายใหญ่ 5 รายที่กำลังเผชิญปัญหาวิกฤติหนี้โดยหนังสือพิมพ์ชูร์นัล ดู ดิมองช์ รายงานว่า รัฐบาลได้ยื่นข้อเสนอนี้ระหว่างประชุมเมื่อวันที่ 11 กันยายนที่ผ่านมาต่อผู้บริหารของธนาคารเบเเอนพี ปาริบาส์ ธนาคารโซซิเอเต เยเนราล ธนาคารเครดิต์ อะกริโกล ธนาคารเบเปเออ และธนาคารเครดิต์ มูชวล แต่ถูกธนาคารโซซิเอเต เยเนราลปฏิเสธเพราะเห็นว่าข้อเสนอนี้ไม่ครอบคลุมธนาคารที่เดือดร้อนทั้งหมดและทางธนาคารไม่ต้องการมีมลทิน

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

:rolleyes: :rolleyes: สวัสดีเช้าวันจันทร์ค่ะ

วันนี้ชาวดอยทั้งหลายเตรียมรวมตัวช่วยกันลุ้นให้หลุดจากดอยต่อค่ะ

ชมน้ำค้างแข็งมานานแล้วนะ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

HONG KONG (MarketWatch) — Last week, not just the Hang Seng Index but a range of Asian currencies and markets suffered their biggest weekly drop since 2008, as investors dumped risk assets and sought safety in the U.S. dollar. อาทิตย์ที่แล้วตลาดหุ้นตกมากที่สุด

ตั้งแต่ปี 2008 นักลงทุนเทขายสินทรัพย์เสี่ยง และมองหาแหล่งปลอดภัยในสกุลเงินดอลล์สหรัฐ

 

It may look and feel like a rerun of the financial crisis of three years ago. But the big difference is the policy response.

มันอาจเหมือนการกลับมาอีกครั้งของวิกฤติทางการเงินเมื่อ 3ปีที่แล้ว แต่มันมีความแตกต่างกันมาก คือ มาตราการต่างๆที่จะออกมารับมือ

 

Back then, overwhelming policy action by governments around the world turned the rout into a terrific equity-buying opportunity. A repeat this time around looks less likely. เหตุการณ์ครั้งนี้ ดูเหมือนจะน้อยลง จากการที่รัฐบาลและทั่วโลกเข้ามาเกี่ยวข้อง

 

Last week, we learned there will be no QE3 from the Fed. The next disappointment could be from Europe. The latest European rescue plan appears to involve an enlarged stabilization fund amid rumors Greece may have a managed debt default, while still staying in the euro zone

อาทิตย์ที่แล้ว เราได้รู้ว่าจะไม่มี นโยบายผ่อนคลายทางการเงินครั้งที่ 3 จากเฟด ความผิดหวังอันต่อมาอาจเกิดในยุโรป ล่าสุดแผนช่วยเหลือปรากฎว่า

ปล่อยให้กรีซผิดนัดชำระหนี้ เพื่อรักษากลุ่มยูโรโซนให้คงไว้.

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

LOS ANGELES (MarketWatch) -- Japanese exporter and resource stocks fell in early Monday trading as the market returned from a three-day weekend, with the benchmark Nikkei Stock Average JP:NIK -0.10% down 0.4% at 8,523.15

 

เช้านี้ ตลาดหุ้นญี่ปุ่นลดลงนิดหน่อย หลังจากหยุดยาวมา 3 วัน

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Latest News

8:14p. Japanese stocks fall in post-holiday trade

8:13p. Australia's S&P/ASX 200 up 1.3% at 3,953.70 early

8:01p. Japan's Topix down 0.1% at 743.60 in early moves

8:00p. Japan's Nikkei Average opens down 0.2% at 8,547.62

7:47p. Japan's Nikkei Average futures up 0.7% on SGX

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ระเบิดเวลาเศรษฐกิจโลก สหรัฐ-ยุโรปฉุดหุ้นไทยดิ่ง

วันจันทร์ ที่ 26 กันยายน 2554 เวลา 0:00 น

เนื้อหาข่าว

 

วิกฤติเศรษฐกิจรอบใหม่กำลังคืบคลานและรอวันระเบิดขึ้นอีกครั้ง หลังจากที่ลุ้นและรอคอยกันมานาน แต่ในที่สุดแล้วที่ประชุมคณะกรรมการธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ก็ไร้ซึ่งยาแรงที่จะอัดฉีดเข้าเส้นเลือดเพื่อไปหล่อเลี้ยงเศรษฐกิจของสหรัฐให้โงหัวขึ้น แต่เป็นเพียงการออกมาตรการเบา ๆ ด้วยการหอบพันธบัตรระยะสั้นอายุต่ำกว่า 3 ปีออกมาขาย มูลค่ารวม 400,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อนำเงินที่ได้ไปซื้อพันธบัตรระยะยาวอายุ 6-30 ปีแทน เพื่อหวังกดดันให้ผลตอบแทนของพันธบัตรระยะยาวลดลงเหลือ 2.8%

 

ความพยายามของสหรัฐที่เน้นรักษาอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับต่ำใกล้ 0% ต่อไปอีก 2 ปี ตลอดจนการที่เฟดออกถ้อยแถลงว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังมีความเสี่ยง !!! จึงไม่สามารถเรียกความเชื่อมั่นของนักลงทุนกลับมาได้ และทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกต้องผิดหวัง เพราะไร้วี่แววของมาตรการการแก้ปัญหาเศรษฐกิจชัดเจน ผสมโรงกับปัญหาหนี้สินท่วมหัวของประเทศในแถบยุโรปที่ยังเดือดปุด ๆ โดยเฉพาะความเสี่ยงของกรีซที่จะผิดนัดชำระหนี้กับเจ้าหนี้ต่างประเทศ จึงกลายเป็นต้นตอสำคัญที่ทำให้นักลงทุนตื่นตระหนกเทกระจาดหุ้นทั่วโลกอย่างหนัก กดดันให้ราคาหุ้นแดงเถือกทั้งกระดาน จนทำให้นักลงทุนหลายคนต้องบาดเจ็บเลือดไหลซิบ ๆ ไปตามกัน

 

เห็นได้จากการลงทุนในตลาดหุ้นไทย ที่แม้จะอยู่ห่างไกล แต่ก็ได้รับผลกระทบไม่น้อย เพราะวันแรกที่รับรู้ข่าว ก็ฉุดดัชนีให้ลดลงฮวบฮาบ โดยเฉพาะวันที่ 22 ก.ย. ที่ผ่านมา ดัชนีหุ้นไทยก็ดิ่งเหวหลุดระดับ 1,000 จุด เป็นครั้งแรกในรอบ 6 เดือน จากนั้นก็ถลำลงต่อเนื่องจนมาปิดตลาดที่จุดต่ำสุดของวันที่ 990.59 จุด ลดลงถึง 39 จุด ส่วนวันที่ 23 ก.ย. ซึ่งเป็นวันทำการสุดท้ายของสัปดาห์ ดัชนีก็ยังดำดิ่งต่อเนื่อง จนมาปิดตลาดที่ระดับ 958.16 จุด

 

ในปัจจุบันต้องยอมรับว่าตลาดหุ้นถือเป็นสิ่งสะท้อนปัจจัยลบต่าง ๆ และซึมซับข่าวสารได้เร็วที่สุด ดังนั้น เมื่อภาพรวมการลงทุนในตลาดหุ้นเริ่มไม่สดใส หลังดัชนีทรุดตัวลงต่อเนื่องจนกู่ไม่กลับ หลายคนจึงหวาดกลัวว่า ปัญหาเศรษฐกิจรอบนี้จะเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่า ’วิกฤติเศรษฐกิจรอบใหม่กำลังปะทุขึ้น” หรือจะ ’ซ้ำรอยกับวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์”ที่เคยระเบิดขึ้นในปี 51 ที่ผ่านมา และหากเป็นเช่นนั้นจริงความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นครั้งไหนจะรุนแรงมากกว่ากัน

 

เมื่อย้อนไปดูวิกฤติแฮมเบอร์เบอร์ในรอบที่ผ่านมา ซึ่งปะทุขึ้นเมื่อกลางเดือน ก.ย. 51 พบว่า มาจากการที่สถาบันการเงินประสบปัญหาสินเชื่อด้อยคุณภาพในตลาดเงินกู้เพื่อที่อยู่อาศัยของสหรัฐ (ซับไพร์ม) ส่งผลให้สถาบันการเงินขนาดยักษ์หลายแห่งที่กระโดดเข้าไปลงทุน ประสบปัญหาขาดทุนและขาดสภาพคล่องอย่างรุนแรง ทำให้ต้องปิดกิจการหรือตกอยู่ในฐานะง่อนแง่น ซึ่งได้สร้างความเสียหายใหญ่โตแก่ผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย จนเปรียบเสมือนกับ ’สึนามิการเงินโลก“ ก็ว่าได้ หลัง เลห์แมน บราเธอส์ วาณิชธนกิจอันดับ 4 ของโลก ประกาศล้มละลาย ขณะเดียวกันธนาคารกลางของสหรัฐ ก็ต้องเข้าไปช่วยเหลือ ด้วยการปล่อยกู้อย่างเร่งด่วนให้กับบริษัทประกันภัยรายใหญ่ที่สุดของโลกคือ อเมริกา อินเตอร์เนชันแนล กรุ๊ป หรือเอไอจี

 

สิ่งที่เกิดขึ้นกับยักษ์ใหญ่อย่างเอไอจี และเลห์แมน บราเธอร์ส ซึ่งเป็นที่คุ้นเคยของคนไทย เพราะเป็นผู้ถือเงินเข้ามาซื้อสินเชื่อที่อาศัยในไทยในช่วงวิกฤติต้มยำกุ้ง และเป็นแหล่งทุนให้โครงการอสังหาริมทรัพย์ หลายโครงการในไทยมานานกว่า 10 ปีจึงเป็นเหตุให้นักลงทุนแตกตื่น และสร้างความสั่นสะเทือนให้กับนักลงทุนทั่วโลก เพราะต่างเทขายสินทรัพย์เสี่ยงออกมาถ้วนหน้า ฉุดตลาดหุ้นทั่วโลกร่วงระเนนระนาด เช่นเดียวกับตลาดหุ้นไทยที่นักลงทุนต่างชาติเทขายสุทธิถึง 158,000 ล้านบาท จากการถอนเงินลงทุนเพื่อนำเงินไปฟื้นฟูประเทศตนเองที่ต้องเผชิญกับวิกฤติ ทำให้สภาพคล่องในระบบการเงินหดตัวอย่างรุนแรง ร้อนถึงธนาคารกลางของประเทศต่าง ๆ ทั้ง 4 ทวีป ที่เร่งอัดฉีดสภาพคล่องเข้าระบบเพื่อกอบกู้สถานการณ์ให้เป็นปกติ และเรียกขวัญกำลังใจของนักลงทุนให้กลับมา

 

แต่มารอบนี้ปัญหาดูเหมือนจะหนักหนาสาหัสพอสมควร เพราะเป็นปัญหาทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นกับยักษ์ใหญ่ 2 ทวีป คือ สหรัฐ และยุโรป เริ่มจากปัญหาหนี้สินล้นพ้นตัวของประเทศกรีซจนทำให้รัฐต้องประกาศมาตรการต่าง ๆ เพื่อรัดเข็มขัด หลังยอดใช้จ่ายและหนี้สาธารณะพุ่งกระฉูด และส่อเค้าว่าจะลุกลามไปยังประเทศอื่น ๆ ในยุโรปให้ล้มเป็นโดมิโน ทั้งโปรตุเกส ไอร์แลนด์ สเปน และอิตาลี จนทำให้ผู้นำของแต่ละประเทศในยุโรปต้องระดมสมองงัดมาตรการพยุงและช่วยเหลือกรีซไม่ให้ล้ม แต่จนถึงทุกวันนี้ปัญหาก็ยังไม่สามารถแก้ไขได้และไม่น่าไว้วางใจ

 

เมื่อปัญหาหนี้สินในยุโรปที่ยังไม่จางหาย ผสมโรงเข้ากับปัญหาเศรษฐกิจสหรัฐที่อ่อนแอ ซึ่งงัดแทบทุกกลยุทธ์เพื่อชุบให้เศรษฐกิจฟื้นตัว ไม่ว่าจะเป็นมาตรการการอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบ หรือมาตรการคิวอี 1 และคิวอี 2 ตลอดจนการประกาศก้องไปทั่วโลกว่าสหรัฐจะใช้นโยบายดอกเบี้ยต่ำไปอีก 2 ปี แต่ดูเหมือนว่าเครื่องมือทางการเงินต่าง ๆ ที่ขนออกมาใช้ผลักดันให้เศรษฐกิจฟื้นตัวจะไม่ค่อยได้ผลนัก เป็นเพียงการซื้อเวลาและเรียกความเชื่อมั่นของนักลงทุนได้ในระยะสั้น ๆ เท่านั้น แต่พอล่าสุด การที่เฟดออกมาส่งสัญญาณว่าเศรษฐกิจสหรัฐ ยังมีความเสี่ยง และไร้ยาแรงกระตุ้น จึงเป็นการตอกย้ำว่า “เศรษฐกิจโลกจะเข้าสู่ภาวะถดถอยอย่างจริงจัง” ดังนั้น ทุกคนที่ถือสินทรัพย์เสี่ยงอย่างหุ้น จึงเทขายออกมาถ้วนหน้า เพื่อกอดเงินสดไว้ให้อุ่นใจ ทำเอานักลงทุนทั่วโลกหัวใจแทบวายกับราคาหุ้นที่ดิ่งลงเหวอย่างรวดเร็ว

 

มาถึงวันนี้ คงยากที่จะคาดเดาบทสรุปของปัญหาเศรษฐกิจในรอบนี้ แต่บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซียพลัส ได้ออกบทวิเคราะห์ ระบุว่า วิกฤติหนี้สาธารณะในยุโรป น่าจะจบลงคล้าย ๆ กับวิกฤติซับไพร์ม และน่ากระทบต่อธนาคารพาณิชย์ ในฐานะที่เป็นเจ้าหนี้หลัก ซึ่งวิกฤติรอบที่แล้วตลาดหุ้นโลก ตกต่ำนาน 1 ปี ดัชนีตลาดหุ้นโลก (สหรัฐ และยุโรป) ตกต่ำเกือบ 50% แต่ในรอบนี้ตลาดหุ้นโลก โดยเฉพาะสหรัฐ และยุโรป ตกต่ำเกือบ 30% ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา ขณะที่ประเทศกำลังพัฒนาตกต่ำน้อยกว่าดังนั้น หากคาดว่าปัญหาในรอบนี้จะกินเวลานานใกล้เคียงกับรอบที่แล้ว จึงเป็นไปได้ที่ตลาดหุ้นโลกอาจจะตกต่ำต่อไป

 

เช่นเดียวกับ ’จรัมพร โชติกเสถียร” กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ที่มองว่า ปัญหาในรอบนี้คล้ายกับวิกฤติการเงินสหรัฐปี 51 ที่เงินไหลออกจากเอเชียเพื่อนำเงินกลับไปแก้ไขปัญหา หรือขายในตลาดที่มีกำไรและนำไปชดเชยตลาดที่ขาดทุน แต่ไหลออกมากน้อยเพียงใด และขายนานแค่ไหนนั้น ประเมินได้ยาก เพราะเป็นปัญหาที่เกิดจากตลาดโลก ซึ่งนักลงทุนควรติดตามข้อมูลต่างประเทศอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะข้อมูลกองทุนขนาดใหญ่ ว่าจะมีการเคลื่อนย้ายเงินทุนไปลงทุนสินทรัพย์ใดบ้าง

 

นอกจากนี้ ยังสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนด้วยว่า ขณะนี้ถือเป็นจังหวะในการลงทุนในตลาดหุ้นไทย เพราะการลงทุนระยะยาวยังน่าสนใจ ซึ่งควรใช้วิกฤตินี้เป็นโอกาสในการเลือกลงทุนบริษัทจดทะเบียนที่มีพื้นฐานดี โดยเลือกบริษัทที่มีธุรกิจเกี่ยวกับการบริโภคในประเทศ เพราะเชื่อว่าหากตลาดหุ้นไทยลงไปถึงระดับหนึ่งจะมีนักลงทุนไทยและต่างประเทศพร้อมเข้าซื้อ เนื่องจากยังมีเงินจำนวนมหาศาลในตลาดทั่วโลกที่มองหาโอกาสการลงทุน ซึ่งภูมิภาคเอเชียเป็นที่ยอมรับว่าน่าสนใจมากที่สุด และปัจจุบันตลาดหุ้นไทยมีกำไรสูงสุดเป็นอันดับ 2 ของเอเชีย

 

ไม่ว่าปัญหาเศรษฐกิจรอบนี้ จะแตกกระจายกลายเป็นวิกฤติเศรษฐกิจรอบใหม่หรือไม่นั้น นักลงทุนจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องติดตามข่าวสารและสถานการณ์ในต่างประเทศอย่างไม่

กะพริบตา ไม่เช่นนั้นอาจเจ็บหนักจนถอนตัวไม่ทันก็ได้.

 

รัฐ-เอกชนตบเท้ามั่นใจพื้นฐานไทยแกร่งรับมือเศรษฐกิจโลกผันผวนได้แน่ เกาะติดสถานการณ์ใกล้ชิดชี้มีบทเรียนเร่งป้องกันความเสี่ยงช่วยเหลือตัวเอง

 

“กิตติรัตน์ ณ ระนอง” รองนายกฯและ รมว.พาณิชย์ มองว่า ตลาดหุ้นไทยตกลงอย่างหนักตามตลาดหุ้นทั่วโลกว่า เกิดขึ้นจากภาวะตกใจของนักลงทุน และความผิดหวังของคนอเมริกัน ประกอบกับความตื่นตระหนกกับข่าวที่ผู้นำตลาดการเงิน ทั้งผู้อำนวยการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) และ รมว.คลังของสหรัฐ ออกข่าวยอมรับว่าเศรษฐกิจโลกกำลังอยู่ในภาวะอันตราย จึงยิ่งสร้างความหวั่นวิตกในตลาดให้มีมากขึ้นอีก เมื่อหุ้นฝั่งตะวันตกตกลง หุ้นฝั่งตะวันออก และหุ้นไทยก็จะตกลงตาม เพราะนักลงทุนมีการเชื่อมโยงข้อมูล และเงินถึงกัน แต่เชื่อว่าภาวะนี้น่าจะเกิดขึ้นระยะสั้น ผ่านไป 2-3 วันก็จะเข้าสู่ภาวะปกติ เพราะข่าวเศรษฐกิจสหรัฐฯถดถอยไม่ใช่ข่าวใหม่ ขณะที่ฝั่งเอเชีย และยังมีโครงสร้างเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งกว่า จึงยังแรงดึงดูดทางการลงทุนดีกว่า เงินจึงน่าจะกลับเข้ามาลงทุนได้ใหม่ และโชคดีที่วันนี้ตรงกับวันศุกร์ ติดกับวันหยุดอีก 2 วัน ดังนั้นนักลงทุนยังมีเวลาตั้งสติและตัดสินใจ ซึ่งเชื่อว่าในสัปดาห์หน้า ตลาดหุ้นไทยน่าจะประคับประคองต่อไปได้

 

ธนิต โสรัตน์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจสหรัฐ และยุโรปได้ลุกลามมากขึ้นในช่วง 3 เดือนนี้ยังไม่เห็นผลต่อผู้ประกอบการโดยตรงเพราะออร์เดอร์ต่าง ๆ คู่ค้าต่างสั่งซื้อสินค้าไปเรียบร้อยแล้ว ส่วนใหญ่จะหวือหวาในตลาดหุ้น และค่าเงินบาทที่ผันผวน เชื่อว่าจะอยู่ในภาวะซึมอย่างนี้ไปอีกเป็นปีและอาจขยายวงกว้างมาสู่อาเซียนที่เป็นคู่ค้าของทั้ง 2 ประเทศ ตรงนี้ไทยจะได้รับผลพวงที่เกิดขึ้นแน่นอน โดยเฉพาะผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่ทำธุรกิจส่งออก หากร้ายแรงมากอาจถึงขั้นปิดกิจการได้ ในระยะสั้นนี้ภาคอุตสาหกรรมต้องติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด และสร้างเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงโดยเฉพาะค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นหากทะลุไปถึง 29 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ จะทำให้ขายของได้เงินน้อยลง และต้องใช้เงินจำนวนมากหากต้องนำเข้าวัตถุดิบ ดังนั้นต้องปรับตัวหาตลาดที่มีเสถียรภาพค่าเงินไม่แกว่งตัวมาก

 

ทรงพล ชีวะปัญญาโรจน์ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย ระบุว่า แม้ว่าตลาดหุ้นไทยจะได้รับผลกระทบจากนอกประเทศจนส่งผลให้ค่าเงินบาทของไทยอ่อนค่าตามไปด้วยนั้น แต่พื้นฐานเศรษฐกิจไทยยังแข็งแกร่งเพียงพอ ซึ่งค่าเงินบาทที่ปรับขึ้นและลงของค่าเงินประมาณ 50 สต. ต่อดอลลาร์สหรัฐ ถือว่าเป็นเรื่องปกติไม่น่าวิตกกังวลจนเกินไป แต่ต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดโดยเฉพาะสหรัฐและยุโรปในช่วง 1-2 สัปดาห์นี้ก่อนว่าเป็นอย่างไรบ้าง ขณะเดียวกันผู้ส่งออกและนำเข้าควรปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เพื่อความปลอดภัยและดูเหตุการณ์ให้ชัดเจนก่อนไม่เช่นนั้นเมื่อค่าบาทอ่อนจะกระทบผู้นำเข้าทำให้มาร์จิ้นที่ควรได้รับจะหายหมด ในทางกลับกันหากค่าเงินบาทแข็ง อาจทำให้รายได้ที่ควรได้รับหายไปเช่นกัน นอกจากนี้นักลงทุนหันไปลงทุนทองคำกันมากหลังจากที่ทองคำแท่งได้ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 1,780 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ส่วนผู้ประกอบการธุรกิจเริ่มแปลงเงินกู้จากสกุลเงินบาทเป็นดอลลาร์สหรัฐเพิ่มขึ้น จึงทำให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าลง.

 

ขวัญหทัย แนวหล้า

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...