ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
tt2518

ขอเดา(ราคาทอง)กับเขาบ้าง

โพสต์แนะนำ

Speculation grew in the European and U.S. trading sessions Monday that the European Central Bank will cut its key cash rate when it meets next week, and that a plan may be introduced to help shore up the finances of struggling members of the region.

 

That plan would reportedly include a large increase in the funds available for lending via the European Financial Stability Fund, as well as a large injection of capital into selected European banks. ประเทศในกลุ่มยูโรโซน เตรียมที่จะอัดฉีดเงิน และ เพิ่มอำนาจ ให้ EFSF ต่อการบริหารหนี้ในกลุ่ม

 

“European politicians appear willing at last to prepare for the inevitable and put measures in place to limit the contagion from a Greek default,” said Julian Jessop at Capital Economics.

 

 

ถูกแก้ไข โดย เด็กขายของ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

รับทราบครับ อ้ายกันไม่ซื้อทองเข้าพอร์ต แต่ดันขายออกมา 5.45 ตัน แต่ก็ไม่ส่ง

ผลต่อราคาเท่าไหร่ แต่ความคิดของนักลงทุนสิ น่ากลัวกว่า เพราะเขาจะเห็น ขาใหญ่ ปล่อยของ

แล้วจะปล่อยออกตามหรือเปล่า นี่สิ น่าคิด

 

สวัดดีครับพี่ใหญ่และเพื่อนๆ ทุกๆ คน

 

ผมว่าก่อนที่ขาใหญ่จะปล่อยของออกมาแค่นี้ คงเพื่อลองเชิงอะไรซักอย่าง...พวกเขาวางกับดักไว้กับนักลงทุนแล้ว ซึ่งก็มีแค่ 2 กลุ่ม

กลุ่มแรกคือกลุ่มปล่อยตาม อีกกลุ่มคือกลุ่มอยู่เฉยๆ ซึ่งผมว่าเขาก็มีแผน 2 จัดการต่อแน่ๆ หลังจากที่ทราบจำนวน

นักลงทุนในแต่ละกลุ่ม ถ้านักลงทุนคายของออกมามากก็อาจจะเก็บเข้าเพื่อดันราคาขึ้น แต่ถ้ายังเฉยๆ กันอยู่ก็อาจจะ

ทิ้งอีกซักก้อนเพื่อให้น้ำกระเพื่อม....ทีนี้ล่ะคงเฉย ไม่ได้แล้ว..

 

วันนี้ใครจะไปเยาวราช ก็วางแผนกันให้ดีๆ นะครับ ช่วงบ่ายคงมีการปิดถนนตั้งแต่แยกวงเวียนโอเดียนจนถึงแยกวัดตึก

ห้ามรถผ่าน เนื่องจากเป็นพิธีเปิดงานเทศกาลกินเจ

ถูกแก้ไข โดย GB2514

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ทองคำปิดร่วงอีก 45 ดอลล์

27 กันยายน 2554 เวลา 07:56 น.

 

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงอีก 40 ดอลล์เนื่องจากนักลงทุนยังคงเดินหน้าเทขายทองคำเพื่อชดเชยการขาดทุนในตลาดอื่นๆ

 

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ดิ่งลง 45 ดอลลาร์ หรือ 2.7% ปิดที่ 1,594.8 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 8 ก.ค.เป็นต้นมา โดยในระหว่างวัน สัญญาทองคำเคลื่อนไหวในกรอบ 1,535.00-1,666.30 ดอลลาร์

 

นักลงทุนยังคงกระหน่ำขายสัญญาทองคำเพื่อชดเชยสภาพคล่องที่ตึงตัว อันเนื่องมาจากการขาดทุนในตลาดอื่นๆ รวมถึงตลาดหุ้นที่ร่วงลงอย่างหนักในช่วงหลายวันที่ผ่านมา

 

นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันหลังจากซีเอ็มอี กรุ๊ป ซึ่งเป็นผู้บริหารตลาดทองคำล่วงหน้า COMEX ประกาศขึ้นค่ามาร์จิ้น หรือเงินหลักประกันในการซื้อสัญญาทองคำอีก 21.4% เป็น 11,475 ดอลลาร์/สัญญาทอง 100 ออนซ์ ซึ่งส่งผลให้ต้นทุนการซื้อขายเพิ่มขึ้นมากกว่า 15% และส่งผลให้สัญญาทองคำร่วงลงอย่างหนัก

 

ทั้งนี้ การประกาศขึ้นค่ามาร์จิ้นสัญญาทองคำของซีเอ็มอีมีเป้าหมายที่จะสกัดการเก็งกำไรในตลาด หลังจากสัญญาทองคำทะยานขึ้นอย่างรุนแรงในช่วงที่ผ่านมา

 

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์จากธนาคารเอชเอสบีซีมองว่า สัญญาทองคำมีแนวโน้มดีดตัวขึ้นอีกเมื่อวงจรของการเทขายสิ้นสุดลง โดยที่ผ่านมานั้นตลาดทองคำผันผวนอย่างหนักเนื่องจากการเก็งกำไรในระยะสั้น

 

http://www.posttoday.com/

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดีเพื่อนๆทุกคนครับ :lol:

ขอบคุณเฮียเด็กขายของ ginger ฯลฯ สำหรับข้อมูลข่าวสารต่างๆครับ...:lol:

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ค่าเงินยูโรดีดตัวขึ้นจากระดับต่ำสุดในระหว่างวัน ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (26 ก.ย.) หลังจากสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นบีซีรายงานว่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงของยุโรปกำลังหารือกันเกี่ยวกับการเพิ่มขนาดและศักยภาพในการปล่อยกู้ของกองทุนรักษาเสถียรภาพการเงินยุโรป (EFSF) ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลงหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดขายบ้านใหม่ร่วงลงเกินคาดในเดือนส.ค.

 

ค่าเงินยูโรดีดตัวขึ้น 0.01% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.3497 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันศุกร์ที่ 1.3496 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์พุ่งขึ้น 0.54% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.5550 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5466 ดอลลาร์สหรัฐ

 

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลง 0.21% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 76.420 เยน จากระดับ 76.580 เยน และดิ่งลง 0.31% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9029 ฟรังค์ จากระดับ 0.9057 ฟรังค์

 

ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้น 0.26% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.9803 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.9778 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์พุ่งขึ้น 0.7781 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7753 ดอลลาร์สหรัฐ

 

สกุลเงินยูโรดีดตัวขึ้นทันทีที่สถานีโทรทัศน์ซีเอ็นบีซีรายงายงานว่า เจ้าหน้าที่ระดับสูงของยุโรปกำลังหารือกันเกี่ยวกับการเพิ่มขนาดและสิทธิอำนาจของกองทุน EFSF ซึ่งปัจจุบันมีวงเงิน 4.40 แสนล้านยูโร

 

ทั้งนี้ มีการคาดการณ์ในวงกว้างว่า รัฐบาลของประเทศสมาชิกยูโรโซนจะอนุมัติการมอบอำนาจใหม่ให้แก่ EFSF ภายในช่วงกลางเดือนต.ค. ซึ่งรวมถึงการอนุมัติจากรัฐสภาเยอรมนีด้วย

 

อย่างไรก็ตาม สกุลเงินยูโรได้รับแรงกดดันในระหว่างวัน หลังจากสถาบัน Ifo เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจซึ่งได้จากการสำรวจผู้บริหาร 7,000 ราย ร่วงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 สู่ระดับ 107.5 ในเดือนก.ย. จากระดับ 108.7 ในเดือนส.ค. ซึ่งตัวเลขที่ได้รับการเปิดเผยล่าสุดถือเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.ปีที่แล้ว

 

ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองเดือนส.ค.ร่วงลง 2.3% มาอยู่ที่ระดับ 295,000 ยูนิตต่อปี จากเดือนก.ค.ที่ระดับ 302,000 ยูนิตต่อปี โดยยอดขายบ้านใหม่เดือนส.ค.ออกมาสอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้

 

ทางการสหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญในสัปดาห์นี้ รวมถึง ราคาบ้านเดือนก.ค., ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐเดือนก.ย., ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนส.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 2 และตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคและรายได้ส่วนบุคคลเดือนส.ค.

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) –(วันที่ 27 กันยายน 2554)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดีเพื่อนๆทุกคนครับ :lol:

ขอบคุณเฮียเด็กขายของ ginger ฯลฯ สำหรับข้อมูลข่าวสารต่างๆครับ...:lol:

ขอขอบใจทา่นเด็กขายของหลายๆเด้อ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สถานีโทรทัศน์ CNBC รายงานว่า ผู้นำยุโรปกำลังหารือกันเกี่ยวกับแผนการเพิ่มขนาดและเพิ่มสิทธิอำนาจให้กับกองทุนรักษาเสถียรภาพการเงินยุโรป (EFSF) ซึ่งปัจจุบันมีวงเงิน 4.40 แสนล้านยูโร (5.95 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) โดยมีการคาดการณ์ว่าผู้นำยุโรปอาจจะเพิ่มเงินทุนให้แก่ EFSF เป็น 1-2 ล้านล้านยูโร

 

สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า การเพิ่มขนาดของกองทุน EFSF มีเป้าหมายที่จะช่วยเหลือธนาคารพาณิชย์ในยุโรปที่ถือครองพันธบัตรของกรีซ ขณะเดียวกันมีการคาดการณ์ในวงกว้างว่า รัฐบาลของประเทศสมาชิกยูโรโซนจะอนุมัติการเพิ่มขนาดและมอบอำนาจใหม่ให้แก่ EFSF ภายในช่วงกลางเดือนต.ค. ซึ่งรวมถึงการอนุมัติจากรัฐสภาเยอรมนีด้วย

 

นายโอลลี เรห์น เจ้าหน้าที่ด้านเศรษฐกิจของสหภาพยุโรป (อียู) กล่าวว่า หากรัฐบาลของประเทศสมาชิกยูโรโซนอนุมัติการมอบอำนาจใหม่ให้แก่ EFSF จุด ก็มีความเป็นไปได้อย่างมากว่าจะมีการเพิ่มศักยภาพในการปล่อยกู้ของกองทุน EFSF

 

ทั้งนี้ นักลงทุนในตลาดการเงินจับตาดูสมาชิกสภานิติบัญญัติของเยอรมนีที่จะลงมติเรื่องการเพิ่มขนาดกองทุน EFSF ในวันที่ 29 ก.ย.นี้ โดยที่ผ่านมานั้น เยอรมนีได้คัดค้านการเพิ่มขนาดของกองทุน EFSF เพราะการดำเนินการดังกล่าวอาจจะสร้างความไม่พอใจให้กับผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งของเยอรมนี และจะส่งผลกระทบต่อการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งของพรรคร่วมรัฐบาลด้วย

 

อย่าไรก็ตาม คณะรัฐบาลของนางแองเกลา แมร์เคล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ได้ยอมโอนอ่อนต่อข้อเรียกร้องของผู้นำคนอื่นๆในยุโรปในระดับหนึ่ง ด้วยการอนุมัติข้อเสนอการปรับเปลี่ยนเงื่อนไขบางด้านในกองทุน EFSF เมื่อช่วงปลายเดือนส.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งรวมถึงการอนุญาตให้กองทุน EFSF เข้าซื้อพันธบัตรของรัฐบาลยูโรโซนในตลาดรอง และปล่อยเงินกู้ระยะสั้นให้กับประเทศและธนาคารในยูโรโซนที่ประสบปัญหาด้านการเงิน

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) –(วันที่ 27 กันยายน 2554)

 

 

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดีเพื่อนๆทุกคนครับ :lol:

ขอบคุณเฮียเด็กขายของ ginger ฯลฯ สำหรับข้อมูลข่าวสารต่างๆครับ...:lol:

ขอขอบใจทา่นเด็กขายของหลายๆเด้อ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองเดือนส.ค.ร่วงลง 2.3% มาอยู่ที่ระดับ 295,000 ยูนิตต่อปี จากเดือนก.ค.ที่ระดับ 302,000 ยูนิตต่อปี ซึ่งบ่งชี้ว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ยังคงอ่อนแอและเป็นปัจจัยสำคัญที่ฉุดรั้งการขยายตัวของเศรษฐกิจ

 

อย่างไรก็ตาม ยอดขายบ้านเดือนส.ค.ปีนี้ยังอยู่ในระดับสูงกว่าเดือนส.ค.ปีที่แล้วอยู่ประมาณ 6.1% นอกจากนี้ ยอดขายบ้านใหม่เดือนส.ค.ยังออกมาสอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้

 

ส่วนราคากลางของบ้านใหม่ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 209,100 ดอลลาร์ในเดือนส.ค. ลดลงจากระดับ 228,900 ดอลลาร์ในเดือนก.ค.

 

สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์/เคส ชิลเลอร์จะเปิดเผยราคาบ้านเดือนก.ค.ของสหรัฐในคืนนี้ตามเวลาประเทศไทย โดยนักวิเคราะห์คาดว่าราคาบ้านจะเพิ่มขึ้น 0.1%

 

นอกจากนี้ สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐจะเปิดเผยยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) ประจำเดือนส.ค.ในวันพฤหัสบดีนี้ เวลา 21.00 น.ตามเวลาประเทศไทย ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่าตัวเลขดังกล่าวจะลดลง 1.5%

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) –(วันที่ 27 กันยายน 2554)

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ตลาดหุ้นยุโรปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (26 ก.ย.) ทำสถิติปิดบวกติดต่อกัน 2 วันทำการหลังจากรัฐบาลและธนาคารกลางของประเทศต่างๆได้พร้อมใจกันเรียกร้องให้ผู้นำยุโรปใช้มาตรการควบคุมความเสี่ยงของวิกฤตหนี้สาธารณะ นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากรายงานที่ว่า เจ้าหน้าที่ระดับสูงของยุโรปกำลังหารือกันเกี่ยวกับการเพิ่มขนาดและศักยภาพด้านการปล่อยกู้ของกองทุนรักษาเสถียรภาพการเงินยุโรป (EFSF)

 

ดัชนี Stoxx Europe 600 พุ่งขึ้น 1.9% ปิดที่ 220.28 จุด

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีพุ่งขึ้น 149.00 จุด หรือ 2.87% ปิดที่ 5,345.56 จุด ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปรับตัวขึ้น 49.23 จุด หรือ 1.75% ปิดที่ 2,859.34 จุด ดัชนี FTSE 100 เพิ่มขึ้น 22.56 จุด หรือ 0.5% ปิดที่ 5,089.37 จุด

 

สถานีโทรทัศน์ซีเอ็นบีซีรายงายงานว่า เจ้าหน้าที่ระดับสูงของยุโรปกำลังหารือกันเกี่ยวกับการเพิ่มขนาดและสิทธิอำนาจกองทุน EFSF ซึ่งปัจจุบันมีวงเงิน 4.40 แสนล้านยูโร ทั้งนี้ คาดว่ารัฐบาลของประเทศสมาชิกยูโรโซนจะอนุมัติการมอบอำนาจใหม่ให้แก่ EFSF ภายในช่วงกลางเดือนต.ค. ซึ่งรวมถึงการอนุมัติจากรัฐสภาเยอรมนีด้วย

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ซีเอ็มอี กรุ๊ป ซึ่งเป็นผู้บริหารตลาดทองคำล่วงหน้า COMEX ประกาศขึ้นค่ามาร์จิ้น หรือเงินหลักประกันในการซื้อสัญญาทองคำอีก 21.4% เป็น 11,475 ดอลลาร์/สัญญาทอง 100 ออนซ์ ซึ่งเป็นการปรับขึ้นค่ามาร์จิ้นเป็นครั้งที่ 3 นับตั้งแต่เดือนส.ค.ที่ผ่านมา และส่งผลให้ต้นทุนการซื้อขายเพิ่มขึ้นมากกว่า 15%

 

ทั้งนี้ ค่ามาร์จิ้นคือเงินประกันขั้นต่ำที่นักลงทุนจะต้องวางไว้กับบริษัทโบรกเกอร์ โดยเมื่อวันที่ 11 ส.ค.ที่ผ่านมา ซีเอ็มอี กรุ๊ป ได้ปรับขึ้นค่ามาร์จิ้นสัญญาทองคำล่วงหน้าเป็น 7,425 ดอลลาร์/สัญญาทองคำ 100 ออนซ์ จากเดิม 6,075 ดอลลาร์ ต่อมาในวันที่ 24 ส.ค.ซีเอ็มอีได้ปรับเพิ่มค่ามาร์จิ้นสัญญาทองคำอีก 27% เป็น 9,450 ดอลลาร์/สัญญาทองคำ 100 ออนซ์ โดยมีเป้าหมายที่จะสกัดการเก็งกำไรในตลาดทองคำ

 

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า การปรับขึ้นค่ามาร์จิ้นครั้งล่าสุดส่งผลให้สัญญาทองคำในตลาด COMEX ร่วงลง 101.9 ดอลลาร์ หรือ 5.9% ปิดที่ 1,639.8 ดอลลาร์/ออนซ์เมื่อวันศุกร์ที่ 23 ก.ย. และร่วงลงอีก 45 ดอลลาร์ หรือ 2.7% ปิดที่ 1,594.8 ดอลลาร์/ออนซ์เมื่อคืนนี้ (26 ก.ย.)

 

นอกจากนี้ ซีเอ็มอียังได้ปรับเพิ่มมาร์จิ้นสัญญาโลหะเงิน 15.6% สู่ระดับ 24,975 ดอลลาร์/สัญญา และยังได้ปรับเพิ่มมาร์จิ้นสัญญาทองแดง 17.6% สู่ระดับ 6,750 ดอลลาร์/สัญญา

 

 

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) –(วันที่ 27 กันยายน 2554)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ เงิน วันที่ 26 กันยายน 2554 โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด (ช่วงเย็น)

 

++ ราคาทองคำมีแนวรับที่ 1,560 1,536 แนวต้านระยะสั้นที่ 1,645 – 1,655 1,690 ระยะสั้นเส้น MA 5 ยังกดไว้ คาดว่าราคาเคลื่อนไหวในกรอบ ถ้าราคาไม่สามารถผ่าน 1,645 – 1,655 ก็จะลงมารับที่ 1,560 ถ้าราคาสามารถผ่าน 1,655 มีโอกาสไปถึง 1,690

 

ราคาผันผวนแรง

 

ราคาทองคำในตลาดเอเชียเปิดตลาดตอนเช้าวันที่ 26 ก.ย.ที่บริเวณ 1,655 USDต่อออนซ์ โดยมีกรอบการเคลื่อนไหวระหว่าง 1,532 – 1,663 USD ต่อออนซ์ ราคาเคลื่อนไหวต่ำกว่า เส้น Moving ระยะสั้น 5 วัน และมีบางช่วงที่ rebound แต่ไม่สามารถผ่าน MA 5 วันได้ ราคาจึงปรับลดลงมาอีก อย่างไรก็ตาม การปรับลดลงแรงในช่วงบ่ายวันจันทร์โดยลงไปทำ low บริเวณ 1,532 และมีการ rebound ขึ้นในระยะสั้น ซึ่งเมื่อพิจารณากราฟในราย 60 นาที 30 นาทีจะเห็นว่า มีแรง rebound กลับได้ดีและเร็ว คาดว่ามีโอกาสที่ราคาจะวิ่งไปถึง 1,655 / 1,690 USDต่อออนซ์

 

สำหรับปัจจัยที่นักลงทุนต้องจับตามองและคาดว่าจะมีผลกระทบต่อราคาทองคำในช่วงนี้ ได้แก่ สถานการณ์ทางเศรษฐกิจของสหรัฐและยุโรป ปัญหาหนี้ของกรีซ การที่ CME เพิ่มมาร์จิ้นของทองคำอีก 21.5% การถือครองทองคำของ IMF และผลประชุม G20 / EU

 

สถานการณ์เศรษฐกิจสหรัฐ นักลงทุนยังขาดความเชื่อมั่นต่อการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจโลก หลัง Fed ใช้นโยบายว่าจะคงนโยบายดอกเบี้ยต่ำต่อไป ด้วยการออกพันธบัตรระยะยาวทดแทนพันธบัตรอายุสั้น วงเงิน 4 แสนล้านเหรียญฯ (Operation Twist) โดยนักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่เชื่อว่านโยบายดังกล่าว ไม่น่าจะช่วยแก้ไขปัญหาว่างงานที่สูงถึง 9.1%

 

สหภาพยุโรป ปัญหาขาดสภาพคล่องได้ขยายตัวในวงกว้าง โดยเฉพาะ ธ.พ. ยุโรป เพิ่มความระมัดระวังในการปล่อยกู้ระหว่างกัน ซึ่งปัญหาคล้ายคลึงกับเหตุการณ์ในช่วงซับไพร์ม คาดว่าจะเป็นอุปสรรคต่อการค้าระหว่างประเทศที่ต้องอาศัยสินเชื่อการค้า (Trade Financing ผ่านการเปิด L/C และ T/R) โดยสรุปปัจจัยนี้ยังมีน้ำหนักถ่วงค่าเงินยูโร และทำให้ค่าเงินดอลล่าร์ยังแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งน่าจะกดดันให้ราคาน้ำมันดิบโลก และหุ้นที่เกี่ยวกับสินค้าโภคภัณฑ์ อ่อนตัวต่อ

 

ปัญหาหนี้ของกรีซ การที่กรีซมีมาตรการรัดเข็มขัดเพิ่มเติมฉบับใหม่เพื่อช่วยให้ได้รับเงินช่วยเหลือจาก IMF และ EUจนถึงปี 2557 และไม่ต้องประสบกับภาวะขาดแคลนเงินสดในเดือนต.ค.นี้ แต่ทำให้ชาวกรีซกว่า 3 พันคนประท้วงบนถนนสายต่างๆ โดย รมว.คลังกรีซได้กล่าวต่อสมาชิกรัฐสภาว่า เขาคาดว่ามีความเป็นไปได้ 3 ทางในการคลี่คลายวิกฤติหนี้กรีซ โดยความเป็นไปได้ทางแรก คือ การที่กรีซจะผิดนัดชำระหนี้อย่างเป็นระเบียบ โดยใช้วิธี "haircut" หรือการปรับลดมูลค่าหลักทรัพย์ที่นำมาใช้ค้ำประกันการกู้ยืมสำหรับผู้ที่ถือพันธบัตรของกรีซ หรือเท่ากับว่ากรีซเข้าข่ายผิดนัดชำระหนี้ในลักษณะที่สามารถจัดการได้ โดยขอให้ผู้ถือครองพันธบัตรรัฐบาลกรีซปรับลดหนี้ลง 50% ความเป็นไปได้ทางที่สองก็คือการผิดนัดชำระหนี้อย่างไม่เป็นระเบียบ และความเป็นไปได้ทางที่สาม คือ การดำเนินการตามแผนให้ความช่วยเหลือทางการเงินรอบสองซึ่งมีขนาด 1.09 แสนล้านยูโร (1.46 แสนล้านดอลลาร์) โดยกรีซกับกลุ่มเจ้าหนี้ได้ตกลงกันเรื่องมาตรการให้ความช่วยเหลือนี้เมื่อวันที่ 21 ก.ค.54 ซึ่งหากเป็นจริงก็ส่งผลกระทบกับสถาบันการเงินและประเทศต่างๆที่มีการลงทุนในพันธบัตรของกรีซ โดยเฉพาะประเทศขนาดใหญ่ในยุโรปอย่างสเปน, อิตาลี, ฝรั่งเศส และเยอรมัน นักวิเคราะห์บางรายกล่าวว่า ยุโรปอาจจำเป็นต้องใช้กองทุนกู้วิกฤติที่มีขนาดราว 2 ล้านล้านยูโร ถ้าหากวิกฤติหนี้ลุกลามไปถึงสเปนและอิตาลี

 

CME เพิ่มมาร์จิ้นของทองคำอีก 21.5% และมีผลบังคับใช้ในวันจันทร์นี้ซึ่งจะส่งผลลบต่อราคาทองคำได้พอควร จากดีมานต์ที่ลดลงไป และข้อมูลจากคณะกรรมการการค้าสัญญาล่วงหน้าสินค้าโภคภัณฑ์ (CFTC) ของสหรัฐระบุว่า นักลงทุนลดการถือครองสัญญาล่วงหน้าและออปชั่นทองลงเป็นสัปดาห์ที่ 6 ในรอบ 7 สัปดาห์ที่ผ่านมา

 

IMF มีที่ท่าว่าจะมีเงินไม่เพียงพอในการให้กู้กับประเทศที่มีปัญหาทางด้านการเงิน หาก IMF ประกาศระดมเงินทุนโดยการขายทองคำอีกจะเป็นปัจจัยลบต่อตลาดทองคำได้มาก ซึ่งในตอนนี้ IMF ถือว่ามีการถือครองทองคำมากเป็นอันดับ 3 รองจาก สหรัฐและเยอร์มัน โดยเชื่อว่าหากมีการขายออกมาจริงตามข้อสังเกต จะเป็นการขายให้กับธนาคารกลางเป็นส่วนใหญ่ ผ่านตลาดไม่มากนัก แต่อย่างไรก็ตามข่าวการขายทองคำของ IMF จะส่งผลลบต่อตลาดได้รุนแรงในระยะสั้นก่อน

 

การประชุม G20 และ IMF ไม่ได้ลงรายละเอียดเรื่องการแก้ปัญหาวิกฤติยูโรโซน แต่เน้นภาพใหญ่เกี่ยวกับการเสริมสร้างความมั่นคงด้านอาหาร, ฟื้นฟูสาธารณูปโภคพื้นฐานในประเทศยากจน และเสริมสร้างเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น

 

เจ้าหน้าที่ยุโรปก็มุ่งความสนใจไปยังวิธีการต่างๆในการเพิ่มเงินทุนในกองทุนรักษาเสถียรภาพการเงินยุโรป (EFSF) ซึ่งมีวงเงิน 4.40 แสนล้านยูโรในปัจจุบัน แต่ต้องผ่านร่างอนุมัติขยายกองทุน EFSF ซึ่งต้องลุ้นให้เยอรมัน Vote ผ่านรัฐสภาของเยอรมันในวันพฤหัสบดีที่ 29 ก.ย.

 

ผลสรุปในประเด็นทั้งหมดไม่สามารถทำให้นักลงทุนมั่นใจต่อการแก้ปัญหาทางของเศรษฐกิจโลก จึงได้เทขายเลี่ยงสินทรัพย์ทุกประเภท และหันมาถือครองเงินสดสกุลดอล์ล่าร์แทน

 

การประชุมที่ต้องติดตาม

การประชุมสภาของเยอรมัน ในวันที 29 ก.ย. 54 เกี่ยวกับเรื่องการเพิ่มขนาดกองทุน EFSF ซึ่งจะต้องผลักดันให้ผ่าน

 

การวิเคราะห์ทางเทคนิค

 

++ ราคาทองคำมีแนวรับที่ 1,560 1,536 แนวต้านระยะสั้นที่ 1,645 – 1,655 1,690 ระยะสั้นเส้น MA 5 ยังกดไว้ คาดว่าราคาเคลื่อนไหวในกรอบ

ถ้าราคาไม่สามารถผ่าน 1,645 – 1,655 ก็จะลงมารับที่ 1,560 ถ้าราคาสามารถผ่าน 1,655 มีโอกาสไปถึง 1,690

++ ราคาโลหะเงินมีแนวรับที่ 27 26 และแนวต้านที่ 29.6 30.9 34.8 ระยะสั้นคาดว่าราคาเคลื่อนไหวในกรอบ

 

อบรมทุกวันอังคารและพฤหัส ที่ออฟฟิศอาคารจตุรัสจามจุรี ชั้น 12

สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,

http://www.classicgoldfutures.co.th

http://www.classicgold.co.th

http://www.chiabsengheng.co.th

http://www.facebook.com/ClassicGoldGroup

http://www.youtube.com/ilovecgf

http://www.twitter.com/ilovecgg

http://classicgoldfutures.blogspot.com

http://itunes.apple.com/th/app/classic-gold/id464234361?mt=8

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

(Update) โบรกฯมองแนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้มีลุ้นรีบาวน์ตามตลาดต่างประเทศ หลังดิ่งหนัก!แรงขายฟอร์ซเซล รับช่วงนี้ตลาดยังผันผวน

 

บริษัทหลักทรัพย์ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) (FSS) รายงานว่า ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (26 ก.ย.) ปรับตัวลดลงค่อนข้างรุนแรง โดยปรับตัวลงเกือบถึง 10% ในระหว่างวัน ซึ่งคาดว่าส่วนหนึ่งมาจากแรงขาย Forced Sell จากการปรับตัวลงแรงของราคาหุ้นหลายๆ ตัวในช่วงที่ผ่านมา ก่อนที่จะเริ่มมีแรงซื้อกลับเข้ามาบ้างในช่วงบ่าย ทำให้ดัชนีหุ้นไทยสามารถดีดกลับขึ้นมาได้บ้าง

 

ขณะที่เช้านี้ (27 ก.ย.) บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศเริ่มกลับมาดูดีขึ้นด้วย หลังนักลงทุนเริ่มมีความหวังว่ายุโรปจะดำเนินการในการสกัดกั้นผลกระทบหากกรีซผิดนัดชำระหนี้ได้ รวมทั้งอาจจะหาแนวทางใหม่ในการลดหนี้ของกรีซลงได้บ้าง ทำให้ FSS คาดว่า SET มีโอกาสที่จะเริ่มแกว่งทรงตัวได้อีกครั้ง อย่างไรก็ตามแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐยังไม่ดีขึ้น ทำให้ตลาดหุ้นไทยยังมีลักษณะแกว่งตัวผันผวนอยู่เช่นเดิม ดังนั้นเทรดดิ้งเล่นตามรอบให้ขายทำกำไรบ้างเมื่อตลาดบวก ส่วนที่แนะนำให้ทยอยเลือกหุ้นเข้ารับเพื่อถือลงทุนไปบ้างแล้วนั้น ถ้าตลาดดีดขึ้นให้เน้นถือแต่ไม่จำเป็นต้องรีบซื้อเพิ่ม

 

กลยุทธ์: ถ้าซื้อเพื่อถือจะเลือกหุ้นรับเฉพาะตลาดปรับตัวลงแรง แล้วเน้นถือไม่ซื้อเพิ่มถ้า SET บวก ส่วนการเข้าเทรดดิ้งเน้นซื้อตอนลง และขายทำกำไรบ้างเมื่อบวก

 

ด้านนายเจริญ เอี่ยมพัฒนธรรม ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทฟลักทรัพย์ เคทีซีมิโก้ จำกัด ให้ความเห็นว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้น่าจะรีบาวน หลังจากวานนี้ปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงจากความกังวลปัญหาหนี้สหรัฐและยุโรป โดยขณะนี้นักลงทุนเริ่มปรับมุมมองตลาดหุ้นไทย โดยมองว่าตลาดไม่ได้เลวร้ายมากนัก อีกทั้ง ราคาหุ้นต่อกำไร (พีอี) ได้ปรับตัวลดลงมาก โดยปัจจุบันอยู่ที่ 10 เท่า เทียบกับช่วงก่อนหน้าอยู่ที่ 14 เท่า ถือว่าน่าลงทุน

 

ขณะเดียวกันยังมองว่ากองทุนหุ้นระยะยาว (LTF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) น่าจะมีแรงซื้อเข้ามาเพิ่ม เนื่องจากดัชนีลงมาต่ำ ทำให้นักลงทุนหันเข้ามาลงทุนผ่าน LTF และ RMF เพิ่ม

 

ส่วนกรอบการเคลื่อนไหวดัชนีวันนี้คาดแนวรับ 900 จุด ถ้าหากหลุดอาจลงมาถึง 867 จุด ซึ่งเป็นแนวรับสำคัญ ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 925 และ 950 จุด

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บาทเปิดตลาดที่ 31.03/05 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าตามภูมิภาค หลังค่าเงินยูโรกลับมาแข็ง จับตาแนวทางแก้ปัญหาหนี้ยูโรโซน

 

 

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BBL) กล่าวถึงการเคลื่อนไหวค่าเงินบาทในวันนี้ (27 ก.ย.) ว่า เปิดตลาดที่ระดับ 31.03/05 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าจากช่วงเย็นวานนี้ที่ระดับ 31.11/18 บาท/ดอลลาร์ สอดคล้องค่าเงินในภูมิภาค หลังเงินยูโรกลับมาปรับตัวแข็งค่า

 

ทั้งนี้ ปัจจัยที่ตลาดจับตาดูยังคงเป็นเรื่องแนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้เสียของยูโรโซนที่ยังไม่มีความชัดเจนเพิ่มเติมออกมา รวมถึงทิศทางการลงทุนในตลาดหุ้นบ้านเรา

 

ส่วนแนวโน้มค่าเงินบาทวันนี้ คาดเคลื่อนไหวตามค่าเงินในภูมิภาค อยู่ในกรอบ 31.00-

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ภาวะตลาดทองคำ by Hua Seng Heng Gold Futures

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ ThaiPR.net -- อังคารที่ 27 กันยายน 2554 09:45:13 น.

กรุงเทพฯ--27 ก.ย.--ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส

- ทอง/โลหะเงินผันผวนตามตลาดหุ้นทั่วโลก

- SPDR ถือทองลดลง 5.45 ตัน

- คาดทองฟื้นหลังตลาดคลายกังวลยุโรป

แนวโน้มราคาโลหะมีค่า

การเคลื่อนไหวของราคาทองยังแกว่งตัวผันผวน โดยวานนี้ราคาดีดตัวขึ้นสู่แนวต้านบริเวณ 1,660 ดอลลาร์ ในช่วงเช้าก่อนตลาดการเงินของไทยจะเปิดทำการ แล้วกลับมีแรงขายออกมามากจนราคาปรับฐานลงหลุดแนวรับบริเวณ 1,630 และ 1,600 ดอลลาร์ ก่อนที่จะลงไปทำจุดต่ำสุดระหว่างวันที่บริเวณ 1,536 ดอลลาร์ แล้วจึงดีดตัวกลับลดช่วงการติดลบลง การที่ราคาร่วงลงแรงในช่วงดังกล่าวนั้น คาดว่าเป็นแรงขายที่เกิดขึ้นจากความกังวลเกี่ยวกับประเด็นปัญหาต่างๆ ซึ่งกดดันให้ตลาดหุ้นทั่วโลกร่วงลงแรง นักลงทุนที่ถือทองอยู่บางส่วนจึงขายทองคำออกเพื่อลดความเสี่ยงในพอร์ตลง แต่ด้วยระดับราคาที่ปรับลงไปแรงจึงมีแรงซื้อกลับเข้ามามาก การเคลื่อนไหวของราคาทองวานนี้จึงแกว่งตัวอย่างผันผวน เช่นเดียวกันกับราคาโลหะเงินที่ปรับฐานลงไปทำจุดต่ำสุดที่บริเวณ 26 ดอลลาร์ ก่อนที่จะดีดตัวกลับลดช่วงการติดลบลง จนทำให้ภาพเทคนิคของทั้งราคาทองและราคาของโลหะเงินเริ่มมีสัญญาณในทางบวกเกิดขึ้น โดยแท่งเทียนของราคาโลหะทั้ง 2 ชนิด ซึ่งมีระดับราคาปิดสูงกว่าระดับต่ำสุดของวันในปริมาณมาก พร้อมกับการที่เครื่องมือทางเทคนิคชนิดอื่นๆลงไปเคลื่อนไหวในระดับต่ำ และใกล้มีสัญญาณซื้อเกิดขึ้น การเคลื่อนไหวของราคาในช่วงนี้จึงมีแนวโน้มที่ราคาจะเริ่มดีดตัวกลับ แต่ก็ยังมีแนวโน้มที่ราคาจะแกว่งตัวขึ้นลงผันผวนและมีกรอบการแกว่งตัวค่อนข้างกว้างต่อไป หากว่าวันนี้ราคาโลหะทั้ง 2 ชนิดปิดบวกได้ ก็จะเป็นสัญญาณยืนยันสัญญาณซื้อและราคาก็จะมีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวขึ้นได้ต่อไป โดยราคาทองคำมีแนวต้านอยู่ที่บริเวณ 1,630-1,635 และ 1,650/ 1,660 ดอลลาร์ ส่วนโลหะเงินมีแนวต้านระยะสั้นอยู่ที่ 31 ดอลลาร์ และ 32.50 ดอลลาร์ แต่หากราคากลับปรับฐานลงไปต่ำกว่าแนวรับที่ 29.90 ดอลลาร์ สำหรับราคาโลหะเงินและ 1,590-1,600 ดอลลาร์สำหรับราคาทอง อาจมีแรงเทขายกลับออกมาอีก จนราคาอาจกลับอ่อนตัวลงสู่จุดต่ำสุดของวานนี้อีกครั้ง อย่างไรก็ตามคาดว่าตลาดที่เริ่มมีมุมมองเชิงบวกต่อสถานการณ์ในยุโรป ประกอบกับระดับราคาหุ้นของหลายประเทศปรับฐานลงมาลึก จึงคาดว่าจะมีแรงซื้อกลับเข้ามาในช่วงการทำงบช่วงสิ้นไตรมาศ และจะทำให้ภาพรวมการลงทุนในช่วงนี้เริ่มดีขึ้น

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...