ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
tt2518

ขอเดา(ราคาทอง)กับเขาบ้าง

โพสต์แนะนำ

หัวหน้า ศปภ. "ปลอดประสพ" มั่นใจ น้ำไม่ท่วม นิคมนวนคร ให้จับตาใน 7 วัน ถ้าไม่ท่วม รอดแน่ พร้อมยินดีจับมือฝ่ายค้าน ช่วยน้ำท่วม

 

 

 

นายปลอดประสพ สุรัสวดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ในฐานะ หัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) มั่นใจว่า นิคมอุตสาหกรรมนวนคร จะไม่ถูกน้ำท่วม โดยมั่นใจ ร้อยละ 80-90 เพราะอยู่ที่สูง มีการเตรียมการล่วงหน้า และมีประสบการณ์จากนิคมอื่น ๆ โดยในอีก 7 วันข้างหน้า หากสิ้นเดือนตุลาคมแล้ว น้ำไม่ท่วม ก็จะรอด ซึ่งรวมถึง กทม. ด้วย

 

ส่วนระดับน้ำ แม่น้ำเจ้าพระยา หลังจากปล่อยเรือผลักดันน้ำแล้ว ต่ำกว่าคาดการณ์ 2 เซนติเมตร ซึ่งหากฝนตกหนักคงปวดหัว แต่เบื้องต้น ไม่มีฝนใหญ่ โดยแนะนำ คน กทม. ไม่ควรวางใจ ให้ติดตามข่าวสารและเตรียมเก็บของ

 

หัวหน้า ศปภ. เผยอีกว่า ไม่รังเกียจที่จะร่วมมือกับฝ่ายค้าน แก้ปัญหาน้ำท่วม โดยกล่าวติดตลกว่า นักพูดจากฝ่ายค้านที่วิจารณ์การทำงานอยู่ สามารถทำได้ แต่น้ำจะเสียในปากเอง

 

Link : http://www.innnews.co.th/ปลอดประสพมั่นใจน้ำไม่ท่วมนิคมนวนคร--314965_01.html

ติดตามต่อไป

 

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศของธนาคารกสิกรไทย ประจำวันจันทร์ที่ 17 ต.ค. 2554 เวลา 07.21 น. มีดังนี้

 

 

ดอลลาร์สหรัฐ รับซื้อที่ 29.56 บาท ขายออก 30.95 บาท ยูโรอยู่ที่ระดับ 43.00 บาทต่อยูโร ปอนด์อยู่ที่ 49.25 บาทต่อปอนด์ เงินหยวนของจีนอยู่ที่ 4.97 และเงินเยนของญี่ปุ่นอยู่ที่ 0.40393

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

หลังตลาดไท ระดับน้ำท่วมสูง เจ้าหน้าที่เตรียมตัดไฟ หากสูงขึ้นอีก ขณะตลาดยังไม่ปิด

 

 

สถานการณ์น้ำ ย่านตลาดไท จ.ปทุมธานี ขณะนี้ บริเวณด้านหลังของตลาด ซึ่งเป็นโซนตลาดสัตว์เลี้ยง และตลาดต้นไม้ น้ำได้ท่วมสูง ซึ่งถนนบางสายได้ปิดตัวไปแล้ว ส่วนบางสายที่ยังเปิดใช้อยู่ รถเล็กไม่สามารถสัญจรได้ พ่อค้า แม่ค้าในตลาด กล่าวว่า น้ำเริ่มท่วมตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ซึ่งร้านค้าในแถบนี้ต้องทยอยปิดตัว เกรงว่า น้ำจะเข้าไปในร้านของตน ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ของตลาด ก็เผยว่า หากภายในวันนี้น้ำยังสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จะทำการตัดไฟในส่วนของด้านหลังตลาดทั้งหมด

 

อย่างไรก็ตาม ภายในตัวตลาดไทนั้น ยังคงมีการซื้อขายกันอย่างปกติ เนื่องจาก น้ำได้ท่วมเฉพาะบริเวณด้านหลัง ส่วนภายในได้มีการป้องกันไว้แล้ว โดยทางตลาดได้ทำการกั้นสูง 1.50 ซ.ม. ในส่วนของด้านหน้า ก็ได้มีการทำคันกั้นป้องกันไว้แล้วเช่นกัน

 

Link : http://www.innnews.co.th/ระดับน้ำหลังตลาดไทยังท่วมสูง--314946_06.html

 

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ป่านนี้ เจ้าของโรงงานฯ ในนิคมนวนคร อกสั่นขวัญแขวนทำใจเช่นที่ผ่านมา

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดีครับทุกท่าน ขอนำข่าวมาให้อ่านกันนะครับ

 

'จิตติ'เผยยอดขายทองรูปพรรณวูบกว่า50%ข่าวเศรษฐกิจ วันอาทิตย์ที่ 16 เดือนตุลาคม พ.ศ.2554 15:44 น.

314856[0].jpg

 

นายกสมาคมค้าทองคำ เผย ยอดขายทองรูปพรรณวูบกว่า 50 % เหตุ ผู้ค้าต่างจังหวัดเจอพิษน้ำท่วม พร้อมประเมินราคาโลกสัปดาห์หน้า เคลื่อนไหวบวกลบ 10 - 20 ดอลลาร์สหรัฐ

 

 

นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ เปิดเผยว่า จากสถานการณ์น้ำท่วม ทำให้ยอดขายทองคำรูปพรรณหดกว่า 50 % เนื่องจากผู้ค้าทองคำต่างจังหวัดไม่สามารถเดินทางมารับทองคำในส่วนกลางที่ กทม. ได้ ในขณะที่

การซื้อขายทองคำแท่งก็ไม่คึกคักเช่นกัน เนื่องจากราคาทองคำในตลาโลกคงที่ไม่ผันผวน จึงทำให้ลูกค้ามาซื้อขายทองคำกันน้อยในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา

 

ส่วนความเคลื่อนไหวของราคาทองคำโลก สัปดาห์หน้าประเมินว่า จะมีการปรับเพิ่มขึ้นประมาณ 10 - 20 ดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากยังไม่มีปัจจัยชี้ชัดที่ทำให้ราคาทองคำโลกปรับตัวอย่างมีนัยสำคัญ

 

Link : http://www.innnews.co.th/จิตติ-เผยยอดขายทองรูปพรรณวูบกว่า50--314856_02.html

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

วันนี้ระดับน้ำในคลองต่างๆ ของ กทม.ส่วนใหญ่ยังอยู่ในภาวะปกติ

 

วันนี้ระดับน้ำในคลองต่างๆ ของกรุงเทพมหานครส่วนใหญ่ยังอยู่ในภาวะปกติ

        

สถานการณ์น้ำในพื้นที่กรุงเทพมหานครวันนี้ (17 ต.ค.54) เวลา 07.30 น.ระดับน้ำแม่น้ำเจ้าพระยาวัดที่ปากคลองตลาดอยู่ที่ 1.72 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง ต่ำกว่าแนวคันกั้นน้ำ 1.08 เมตร บางเขนใหม่ อยู่ที่ 2.10 เมตร ต่ำกว่าแนวคันกั้นน้ำ 0.90 เมตร ส่วนบางนา ระดับน้ำอยู่ที่ 1.29 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง โดยน้ำจะขึ้นสูงสุดวันนี้เวลา 09.59 น. อยู่ที่ระดับ 1.08 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง และเวลา 19.43 น. อยูที่ระดับ 0.96 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง ซึ่งระดับน้ำในคลองต่างๆ ของกรุงเทพมหานครส่วนใหญ่อยู่ในภาวะปกติ แต่มีจำนวน 3 คลองฝั่งธนบุรีซึ่งน้ำสูง เนื่องจากฝนที่ตกหนักเมื่อวันที่ 15 ตุลาคมที่ผ่านมา นอกจากนี้ในเช้าวันนี้ยังมีฝนตกเบาบางที่เขตคลองสามวา หนองจอก คันนายาว บางเขน และสายไหม โดยสำนักการระบายน้ำ ยืนยันสถานการณ์น้ำยังปกติ ทรงตัวสามารถรับมือได้

 

ส่วนสถานการณ์เมื่อวานนี้ที่ประตูระบายน้ำพระอินทร์ราชา น้ำในคลอง 1 เอ่อล้นเข้าท่วมบ้านริมสองฝั่งคลองและด้านหลังของพื้นที่ตลาดไท ระดับน้ำสูง 50-60 เซนติเมตร แต่ยังไม่ท่วมตลาดผักและผลไม้จึงยังเปิดให้บริการปกติ โดยประชาชนและผู้ค้าเร่งเสริมกระสอบทรายทำเป็นแนวคันกั้นน้ำ ทั้งนี้ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนหรือต้องการความช่วยเหลือสามารถโทรแจ้งได้ที่สำนักงานเขตทั้ง 50 แห่ง หรือสายด่วนกทม. 1555 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

พื้นที่กรุงเทพฯที่คาดว่าน้ำจะท่วม14-18ต.ค.

16 ตุลาคม 2554 เวลา 12:14 น.

 

สทอภ.เผยพื้นที่ในกรุงเทพฯที่คาดการณ์ว่าน้ำจะท่วมในช่วงน้ำหนุนสูง 14-18 ต.ค.นี้

 

สํานักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ สทอภ. คาดการณ์ว่า ในช่วงวันที่ 14-18 ต.ค.นี้ กรุงเทพฯชั้นในหลายพื้นที่ อาทิ ตลาดบางเขนช่วงกิโลเมตร 1-4 ถนนรามอินทรา จรเข้บัว ลาดพร้าว คลองกุ่ม บึงกุ่ม บางกะปิ หัวหมาก ย่านรามคำแหง ตลอดแนวถนนลาดกระบังและพื้นที่เขตหนองแขม จะเสี่ยงต่อการถูกน้ำท่วมขัง ซึ่งการคาดการณ์ดังกล่าวมาจากการวิเคราะห์พื้นที่น้ำท่วมในอดีต จากภาพดาวเทียมและข้อมูลการระบายน้ำของกรมชลประทาน

 

ทั้งนี้พื้นที่คาดการณ์ทั้งหมดมีดังนี้

 

797D9DAD50EB4BA0ABBA5FBF47FF0833.jpg

 

 

www.posttoday.com

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เบอร์ลินฟิวส์ขาดตอกกลับมะกัน แขวะหนี้อเมริกาผสมโรงก่อวิกฤต

 

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 16 ตุลาคม 2554 20:22 น.

 

Share

3

 

 

 

 

 

รัฐมนตรีต่างประเทศ กิโด เวสเทอร์เวลล์ ของเยอรมนี

       เอเอฟพี - รัฐมนตรีต่างประเทศเมืองเบียร์ตอกกลับลุงแซม แขวะปัญหาหนี้อเมริกามีส่วนอยู่ในวิกฤตปัจจุบัน หลังถูกวอชิงตันวิพากษ์ว่ายูโรโซนไม่พยายามมากพอเพื่อเยียวยาบาดแผลเศรษฐกิจ

       

       “เราต้องไม่ลืมว่าสาเหตุของวิกฤตปัจจุบันไม่ใช่หนี้มากมายในยุโรปเท่านั้น แต่ยังมาจากหนี้มากมายทั่วโลกอีกด้วย

       

       “ดังนั้น ผมจึงไม่อาจเข้าใจคำวิจารณ์บางคำจากเพื่อนอเมริกันของเราที่มีต่อนโยบายการลดหนี้ของเรา” รัฐมนตรีต่างประเทศ กิโด เวสเทอร์เวลล์ ของเยอรมนี ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์รายสัปดาห์ บิลด์ อัม ซอนทาก เมื่อวันอาทิตย์ (16)

       

       ข้อสังเกตของเวสเทอร์เวลล์นับเป็นการปะทะคารมระลอกล่าสุดระหว่างเบอร์ลินกับวอชิงตันเกี่ยวกับความพยายามของยุโรปในการแก้วิกฤต

       

       เดือนที่แล้ว ประธานาธิบดีบารัค โอบามา กระตุ้นให้ยุโรปหาทางแก้ปัญหาให้เร็วขึ้น โดยบอกว่าวิกฤตหนี้และการธนาคารกำลัง ‘เขย่าขวัญ’ ทั่วโลก สร้างความขุ่นเคืองและยั่วยุการตอบสนองนอกแนวทางการทูตจากรัฐมนตรีคลังเยอรมนี

       

       “การให้คำแนะนำคนอื่นง่ายกว่าการตัดสินใจเรื่องของตัวเองเสมอ ผมพร้อมแล้วที่จะให้คำปรึกษารัฐบาลสหรัฐฯ

       

       “แม้โอบามาคิดกลับกัน แต่ตัวผมไม่คิดว่าปัญหาของยุโรปเป็นสาเหตุของปัญหาของสหรัฐฯ” วูลฟ์กัง ชอเบิล ขุนคลังเมืองเบียร์ตอบโต้

       

       กระทั่งศุกร์ที่ผ่านมา (14) นายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคิลของเยอรมนี โจมตีไม่อ้อมค้อมโดยกล่าวว่า เธอรับไม่ได้ที่คนที่เร่งรัดให้แก้ไขวิกฤต กลับมาสกัดกั้นข้อเสนอเรียกเก็บภาษีการทำธุรกรรมในตลาดการเงิน

       

       อย่างไรก็ตาม ในวันเดียวกันนั้น โอบามาและแมร์เคิลได้หารือกันเกี่ยวกับสถานการณ์วิกฤต และดูเหมือนในวันต่อมา เจ้าหน้าที่การคลังระดับสูงแดนอินทรีจะพอใจมากขึ้นกับความคืบหน้าในการหาทางออกสำหรับวิกฤตในระหว่างการประชุมระดับรัฐมนตรีคลังและผู้ว่าแบงก์ชาติของกลุ่มจี20 ที่ปารีส

       

       ทิม ไกธ์เนอร์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ กล่าวว่าเหล่ารัฐมนตรีและผู้ว่าการแบงก์ชาติได้เห็นสัญญาณแง่บวกจากยุโรปเกี่ยวกับแผนการใหม่ที่ครอบคลุมเพื่อจัดการกับวิกฤตยูโรโซน

       

       ทั้งนี้ เวสเทอร์เวลล์ส่งสัญญาณว่าแผนดังกล่าวจะประกอบด้วย 3 ขั้นตอนสำคัญคือ ยุโรปต้องเป็นสหภาพแห่งเสถียรภาพ, การลงโทษประเทศที่มีสถานการณ์งบประมาณอ่อนแอถาวร, และการยกระดับความสามารถแข่งขันของประเทศในสหภาพยุโรป (อียู)

       

       รัฐมนตรีต่างประเทศเมืองเบียร์ยังย้ำว่า เบอร์ลินคัดค้านการออกยูโรบอนด์ หรือพันธบัตรของประเทศในยูโรโซนโดยรวม ตามที่นักเศรษฐศาสตร์มากมายเชื่อว่าเป็นวิธีแก้ไขวิกฤตที่มีประสิทธิภาพ แต่เห็นว่ายุโรปควรเสริมสร้างงบประมาณให้เข้มแข็งควบคู่ไปกับการลดหนี้มากกว่า

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ฝ่ายวิจัยแบงก์คาด ศก.เสียหายหนัก-ชะลอ 2 ไตรมาส เงินเฟ้อกระฉูด 5% (17/10/2554)

ฝ่ายวิจัย ธ.ทหารไทย คาดวิกฤตน้ำท่วมปีนี้ ส่งผลกระทบในวงกว้าง ศก.ส่อชะลอตัว 2 ไตรมาส การผลิตชะงัก “ธุรกิจขนาดใหญ่-พื้นที่เกษตร” เสียหายหนัก แนวโน้มรุนแรงกว่าปี 38 ระบุ เงินเฟ้อพุ่งพรวดแตะ 5% จากราคาสินค้าปรับสูงขึ้น ชี้ อาหาร-น้ำดื่ม ราคาเพิ่มจากอุปสงค์ที่เร่งตัวอย่างผิดปกติ เพราะมีการซื้อกักตุนรับมือสถานการณ์ ส่วนกระสอบทราย ราคาขยับขึ้นเท่าตัว

       

       ฝ่ายวิจัย ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TMB Analytics เผยรายงานทิศทางเศรษฐกิจไทยหลังวิกฤตน้ำท่วม โดยเตือนภาครัฐและประชาชนเตรียมตัวรับมือราคาสินค้าพุ่ง พร้อมประเมินว่า ระดับราคาจะเร่งตัวต่อเนื่องไปถึงช่วงต้นปีหน้า โดยอัตราเงินเฟ้อทั่วไปมีโอกาสแตะร้อยละ 5 นำโดยการเพิ่มขึ้นของราคากลุ่มอาหารสดที่จะขยับขึ้นถึงร้อยละ 12

       

       สำหรับวิกฤตน้ำท่วมในขณะนี้ คาดว่า จะส่งผลกระทบรุนแรงและเป็นวงกว้าง โดยระดับความเสียหายในครั้งนี้สามารถเทียบได้กับปี 2538 ที่ประเทศไทยต้องประสบกับน้ำท่วมหนักในหลายจังหวัด และกินระยะเวลานานถึง 4 เดือน

       

       ทั้งนี้ สิ่งที่กำลังเกิดขึ้น ประชาชนสามารถรับรู้ได้ทันทีถึงราคาสินค้าที่เพิ่มจากอุปสงค์ที่เร่งตัวอย่างผิดปกติในสินค้าหลัก 2 ประเภท ได้แก่ ราคาอาหารและน้ำดื่มที่ปรับขึ้น จากสาเหตุที่ประชาชนเร่งซื้อไปเตรียมกักตุนเพื่อรับสถานการณ์

       

       ขณะที่ ราคาวัสดุก่อสร้างที่เกี่ยวกับการป้องกันน้ำ เช่น กระสอบทรายที่ปกติราคาอยู่ที่ 20-30 บาทต่อถุง แต่ราคากลับพุ่งขึ้นเท่าตัวเป็นประมาณ 50 บาท ส่วนด้านอุปทานของสินค้าอุปโภคบริโภคได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง จากพื้นที่เกษตรกรรมและอุตสาหกรรมหลักที่โดนน้ำท่วม

       

       ระดับราคาสินค้าที่เพิ่มขึ้นนี้จะสูงขึ้นมากเพียงไร และจะต่อเนื่องนานเท่าใดนั้น อาจเปรียบเทียบกับเหตุการณ์ในปี 2538 ที่น้ำท่วมมีความรุนแรงมากที่สุดในเดือนตุลาคม 2554 ทำให้ตัวเลขเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจนจากระดับร้อยละ 5-6 ในช่วงสามไตรมาสแรกของปีนั้น เป็นระดับกว่าร้อยละ 7 ในไตรมาสสุดท้ายของปี ยาวไปถึงต้นไตรมาสสองของปี 2539

       

       หลังจากนั้น เงินเฟ้อจึงค่อยปรับระดับลงมาสู่ภาวะปกติ หรือประมาณได้ว่าอัตราเงินเฟ้อที่มีอุทกภัยรุนแรงเสริม สูงกว่าระดับปกติที่ควรจะเป็น ถึงราวร้อยละ 30 และอัตราเงินเฟ้อของกลุ่มอาหารสดที่มีสัดส่วนน้ำหนักในการคำนวณอัตราเงินเฟ้อทั่วไปประมาณร้อยละ 15 มีการเพิ่มของระดับราคาในอัตราที่สูงมาก โดยอัตราเงินเฟ้อในหมวดอาหารสดขยับขึ้นถึงร้อยละ 15 ในช่วงปลายปี จากระดับร้อยละ 10 ในเดือนกันยายนปีเดียวกันนั้น ดังนั้น หากการเปลี่ยนแปลงของระดับราคาที่ได้รับเป็นไปในทิศทางและขนาดเช่นที่ปี 2538

       

       TMB Analytics ประเมินว่า ผลกระทบจากน้ำท่วมในขณะนี้จะทำให้ระดับอัตราเงินเฟ้อทั่วไปปรับขึ้นไปที่ร้อยละ 5.1 และอัตราเงินเฟ้อหมวดอาหารสดเป็นร้อยละ 11.9 ในช่วงสองเดือนสุดท้ายของปี 2554 จากอัตราเงินเฟ้อร้อยละ 4.0 และ 7.9 ตามลำดับในเดือนกันยายนที่ผ่านมา

       

       นอกจากปัญหาด้านเงินเฟ้อแล้ว ยังพบว่า วิกฤตน้ำท่วมในช่วงปี 2538 ส่งผลให้การเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) และการบริโภคในประเทศชะลอตัวถึงสองไตรมาส ซึ่งในปีนี้ ความเสียหายในภาคการผลิตที่รุนแรงจากโรงงานที่อยู่ในนิคมอุตสาหกรรมซึ่งเป็นบริษัทขนาดใหญ่ จะรั้งให้ขนาดของการชะลอของเศรษฐกิจ ลงมากกว่าที่เกิดขึ้นในช่วงปี 2538 ได้

 

ที่มา : ASTVผู้จัดการออนไลน์ (วันที่ 17 ตุลาคม 2554)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สหรัฐฯต้องออกกฎหมาย‘ค่าเงินหยวน (17/10/2554)

การขาดดุลการค้าอย่างมหาศาลของสหรัฐฯ กำลังทำลายตำแหน่งงานในสหรัฐฯมากขึ้นเรื่อยๆ แต่กระนั้น จนกระทั่งถึงเวลานี้ ประธานาธิบดีบารัค โอบามา และประธานสภาผู้แทนราษฎร จอห์น โบห์เนอร์ ก็ยังคงแสดงท่าทีคัดค้านมาตรการประการหนึ่งซึ่งสามารถที่จะปรับเปลี่ยนสถานการณ์เช่นนี้ได้ มาตรการดังกล่าวก็คือ “ร่างกฎหมายค่าเงินหยวน”

       

       ร่างกฎหมายค่าเงินหยวน (China Currency Bill) [1] คือร่างกฎหมายเพื่อการสร้างงานฉบับสำคัญที่สุดเท่าที่รัฐสภาสหรัฐฯจักสามารถผ่านออกมาได้ ร่างกฎหมายฉบับนี้ได้รับการสนับสนุนอย่างแข็งขันจากวุฒิสมาชิกทั้งของพรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครตรวมแล้วเกือบ 80 คนทีเดียว จากทั้งสภา 100 คน แต่กระนั้น ประธานาธิบดีบารัค โอบามา และประธานสภาผู้แทนราษฎร จอห์น โบห์เนอร์ (John Boehner) กลับแสดงท่าทีคัดค้าน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าทั้งคู่ต่างก็ไม่ได้ตระหนักถึงความเป็นจริงของปัญหาที่กำลังรุมเร้าโจมตีเศรษฐกิจอเมริกันอย่างไม่ยอมหยุดยอมหย่อน

       

       การขาดดุลการค้าในปริมาณร่วมๆ 600,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ กำลังทำลายตำแหน่งงานของชาวอเมริกัน มากกว่าที่วิกฤตสินเชื่อที่อยู่อาศัย, การมีกฎระเบียบควบคุมภาคธุรกิจมากเกินไป, ตลอดจนค่าใช้จ่ายด้านการดูแลสุขภาพอันสูงลิ่ว เหล่านี้รวมกันเสียอีก

       

       ชาวอเมริกันนั้นไม่ได้หลงลืมวิธีการในการผลิตสินค้าหรือในการแข่งขันหรอก ไม่เหมือนอย่างที่ประธานาธิบดีโอบามาพยายามทำให้เราเชื่อเลย ชาวอเมริกันไม่ได้เป็นคนโง่เง่าขาดการศึกษา หรือเป็นคนไม่รู้แจ้งเห็นจริงเกี่ยวกับวิธีการในการแข่งขันกับคนอื่นๆ ในระดับโลก หากแต่เป็นพราะความบกพร่องล้มเหลวไม่ลงมือทำอะไรในประเด็นปัญหาซึ่งท่านประธานาธิบดีเองก็ระบุออกมาอย่างชัดเจนว่า คือ “ลัทธิพาณิชย์นิยมของฝ่ายจีน” (Chinese mercantilism) ตลอดจนไม่ลงมือทำอะไรในประเด็นปัญหาต่างๆ ซึ่งอุดมการณ์ของท่านประธานาธิบดีบดบังไม่ให้ลงมือกระทำ เป็นต้นว่า การพัฒนาแหล่งพัฒนาอันอุดมสมบูรณ์ของสหรัฐฯ เช่นนี้แหละที่กำลังทำให้ชาวอเมริกันถูกปฏิเสธไม่ให้ได้รับโอกาสที่จะเข้าแข่งขันอย่างเป็นธรรม

       

       เรื่องมันง่ายๆ เลย เศรษฐกิจสหรัฐฯกำลังได้รับความเสียหาย เนื่องจากสิ่งที่ชาวอเมริกันทำออกมานั้น มีอุปสงค์ (demand) อยู่น้อยเกินไป ชาวอเมริกันกำลังอยู่ในภาวะจับจ่ายใช้สอยกันอีกครั้งหนึ่งแล้ว ทว่านับตั้งแต่ไตรมาสแรกของปี 2009 ยอดขาดดุลการค้ากลับเพิ่มขึ้นไป 55% โยในไตรมาสสองของปีนี้ ยอดขาดดุลการค้าสูงถึงเกือบๆ 600,000 ล้านดอลลาร์ หรือเท่ากับ 4% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) การขาดดุลเหล่านี้แทบทั้งหมดเลย คงต้องขอขอบคุณการนำเข้าสินค้าเข้าซึ่งได้รับการอุดหนุนอย่างไม่เป็นธรรมจากประเทศจีนเพิ่มขึ้นลิ่วๆ , การที่มีกำแพงขวางกั้นกีดกันไม่ให้สินค้าออกของสหรัฐฯเข้าสู่แดนมังกร, ตลอดจนการที่ราคาน้ำมันเพิ่มสูงขึ้น

       

       เงินทุกๆ ดอลลาร์ที่จ่ายออกไปยังต่างประเทศ เพื่อซื้อหาสินค้าจีนหรือซื้อหาน้ำมัน แล้วไม่ได้หวนกลับคืนมาซื้อหาสินค้าออกของสหรัฐฯนั้น คืออำนาจซื้อที่สูญเสียไป ซึ่งอำนาจซื้อเหล่านี้สามารถที่จะมาเป็นตัวสร้างตำแหน่งงานให้แก่ชาวอเมริกันได้ หากลดยอดขาดดุลการค้าร่วมๆ 600,000 ล้านดอลลาร์ต่อปี ลงมาให้ได้สักครึ่งเดียว ก็จะสร้างงานขึ้นมาได้อย่างน้อยที่สุด 5 ล้านตำแหน่งแล้ว

       

       เพื่อทำให้ผลิตภัณฑ์จีนมีราคาไม่แพงแบบเทียมๆ ในเวลาวางขายอยู่ตามห้างร้านในสหรัฐฯ ปักกิ่งกำลังทำให้เงินหยวนมีมูลค่าต่ำกว่าความเป็นจริงประมาณ 40% วิธีทำก็ง่ายๆ เลย จีนกำลังพิมพ์เงินหยวนออกมา และเที่ยวซื้อหาเงินดอลลาร์ในตลาดเงินตราราวๆ 450,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯต่อปี เพื่อประคับประคองให้ค่าเงินตราและสินค้าออกของตนมีราคาถูก ในการดำเนินการดังกล่าว จีนยังใช้ดอลลาร์เหล่านั้นบางส่วนไปอุดหนุนการนำเข้าน้ำมัน และขับดันให้ราคาน้ำมันเบนซินในสหรัฐฯเพิ่มสูงขึ้น

       

       ยิ่งกว่านั้น จีนยังดำเนินมาตรการอุดหนุนการส่งออกในรูปแบบต่างๆ กว่า 200 มาตรการเพื่อช่วยเหลือพวกอุตสาหกรรมภายในแดนมังกร และสกัดกั้นขัดขวางการนำเข้าผลิตภัณฑ์ของสหรัฐฯที่มีความสามารถในการแข่งขันสูง เป็นต้นว่า รถยนต์, ผลิตภัณฑ์พลังงานทางเลือก, ตลอดจนผลิตภัณฑ์อะไรก็ตามที่แดนมังกรเลือกที่จะส่งเสริมของจีนเอง การปั่นค่าเงิน, การอุดหนุน, และการแอบตั้งกำแพงกีดกันไม่ให้ขายผลิตภัณฑ์ต่างประเทศตั้งแต่รถยนต์ไปจนถึงแผงพลังงานแสงอาทิตย์ เหล่านี้ล้วนแต่เป็นการละเมิดทั้งเจตนารมณ์และลายลักษณ์อักษรในคำมั่นสัญญาของจีนในตอนที่จะเข้าเป็นสมาชิกองค์การการค้าโลก (WTO) ที่ว่าจะส่งเสริมให้การค้าดำเนินไปอย่างเสรียิ่งขึ้น และเปิดทางให้สินค้าต่างประเทศสามารถเข้าไปยังตลาดแดนมังกรได้

       

       ทั้งหมดที่ประธานาธิบดีโอบามาเคยกระทำมาเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็คือการร้องเรียนพร่ำบ่น ขณะที่ประธานโบห์เนอร์เลือกที่จะทำน้อยกว่านั้นอีก มิหนำซ้ำทั้งคู่ซึ่งต่างยังคงหยั่งรากฝังแน่นอยู่กับอดีต แต่ละคนจึงยังคงเกาะอยู่กับใบสั่งทางอุดมการณ์ ซึ่งแทบไม่ได้ช่วยแก้ไขคลี่คลายปัญหาเหล่านี้เลย

       

       ประธานาธิบดีโอบามานั้นยังคงยึดมั่นศรัทธาอยู่กับ “ทุนนิยมแบบสหกรณ์อาหาร” (Food Co-Op Capitalism) นั่นคือ ใช้จ่ายงบประมาณแผ่นดินให้มากขึ้น, หาทางแบ่งสรรกระจายรายได้กันเสียใหม่, ออกนโยบายควบคุมอุตสาหกรรม, และทำข้อตกลงการค้าเสรีที่ไม่ได้ช่วยลดการขาดดุลการค้าแถมยังทำลายตำแหน่งงาน ขณะเดียวกันประธานโบห์เนอร์ก็เกาะแน่นอยู่กับ “ทุนนิยมยุคกางเกงลุงเชย” (Knickers Era Capitalism) ซึ่งมุ่งหน้าแต่จะให้ตัดลดการเก็บภาษี, ตัดลดการใช้จ่ายงบประมาณ, และตัดลดการออกระเบียบกฎเกณฑ์ต่างๆ อย่างชนิดไม่มีการจำแนกแยกแยะ ทั้งคู่ต่างก็ทำให้อเมริกาประสบความผิดพลาดล้มเหลวมาแล้ว คนแรกนั้นคือตั้งแต่ปี 2008 เมื่อตอนที่พรรคเดโมแครตยังคุมสภาล่างอยู่ และได้ทำให้ทั้งระบบราชการและการขาดดุลอยู่ในอาการบวมป่อง ขณะที่คนหลังคือในระหว่างช่วง 6 ปีแรกของยุคประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช

       

       ร่างกฎหมายค่าเงินหยวน จะเปิดทางให้บรรดากิจการและคนงานของสหรัฐฯที่ได้รับความเสียหายจากค่าเงินตราที่ต่ำกว่าความเป็นจริงถึง 40% ของจีน ได้รับการบรรเทาความเดือดร้อน ด้วยการที่สหรัฐฯจะจัดเก็บอากรชดเชยจากสินค้าจีน จนกว่าจีนจะยุติการเข้าไปแทรกแซงในตลาดเงินตรา การกระทำเช่นนี้ในที่สุดแล้วน่าจะทำให้จีนยินยอมประนีประนอมในประเด็นปัญหานี้ แต่ถ้าหากไม่ยอม มันก็ยังจะทำให้มีตำแหน่งงานบางส่วนหวนกลับมายังสหรัฐฯ มีรายงานว่าวุฒิสภากำหนดที่จะลงมติร่างกฎหมายฉบับนี้ในวันอังคารที่ 11 นี้แล้ว [2]

       

       พวกบริษัทอเมริกันอย่าง จีอี (GE) และ แคเตอร์พิลลา (Caterpillar) ซึ่งต่างก็ได้นำเอาตำแหน่งงานตลอดจนกิจการจำนวนมากภายในบริษัทของพวกเขาที่เคยว่าจ้างคนอเมริกันทำ ออกไปให้ทำกันในประเทศจีนแทน และเวลานี้ได้กลายเป็นลูกค้าของลัทธิกีดกันการค้า (protectionism) ของปักกิ่งไปเสียแล้ว ได้พยายามพูดจาจนกระทั่งทำให้ประธานาธิบดีโอบามาเชื่อว่า ร่างกฎหมายค่าเงินหยวนคือลัทธิกีดกันการค้า และจะจุดชนวนให้เกิดสงครามการค้า

       

       แท้ที่จริงแล้ว จีนนั่นแหละคือนักลัทธิกีดกันการค้า และอเมริกาก็อยู่ในสงครามการค้าอยู่แล้ว –โดยที่จีนกำลังระดมขว้างก้อนหินเข้าใส่ ขณะที่ประธานาธิบดีโอบามาก็กำลังพ่นกระหน่ำสู้รบด้วยคำพูด จีนกำลังทำตัวเป็นอันธพาลระรานอเมริกา แต่ประธานาธิบดีโอบามาปฏิเสธไม่ยอมที่จะลุกขึ้นต่อสู้กับการระรานดังกล่าว ส่วนประธานโบห์เนอร์ก็เห็นว่าการถูกข่มเหงเช่นนั้นยังไม่เป็นไร

       

       ตัวผมนั้นเติบโตขึ้นมาในถิ่นพำนักของผู้ใช้แรงงานที่อุดมด้วยความบึกบึนแข็งกร้าว แถมผมยังเป็นเด็กตัวเล็กที่สุดในโรงเรียน ผมได้เรียนรู้ว่าการทำตัวแหยๆ เมื่อถูกข่มเหงรังแกนั้นไม่ได้ผลอะไรหรอก บางครั้งสิ่งที่คุณควรทำก็มีเพียงแค่คว้าเอาไม้ดุ้นใหญ่ๆ ขึ้นมาแล้วก็ตีโต้กลับไป หลังจากฟาดหนักๆ ไปสักสองสามที แม้กระทั่งพวกอันธพาลใหญ่ก็ยังหวนกลับมามีเหตุมีผลมากขึ้น

       

       โลกของเราเป็นสถานที่ซึ่งเต็มไปด้วยความวุ่นวายยุ่งเหยิง และเต็มไปด้วยคนที่น่ารังเกียจ ชาวอเมริกันจะต้องตอบโต้รับมือให้สมน้ำสมเนื้อกับที่พวกเขาประสบพบเห็น ไม่ใช่ทำอย่างที่พวกเพื่อนๆ ของโอบามาในชุดสูทห้างบรูกส์บราเธอร์ส (Brooks Brothers) ที่รีดเรียบปราณีต พร่ำบอกกับเรา

       

       หมายเหตุผู้แปล

       

       [1] ร่างกฎหมายฉบับนี้มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า Currency Exchange Rate Oversight Reform Act of 2011 แต่เนื่องจากเนื้อหาสำคัญของร่างกฎหมายมุ่งไปที่การ “ลงโทษ” การปั่นค่าเงินหยวนให้ต่ำเกินความเป็นจริงของจีน ดังนั้นจึงนิยมเรียกกันทั่วไปว่า China Currency Bill

       [2] วุฒิสภาสหรัฐฯอนุมัติร่างกฎหมายฉบับนี้เมื่อวันอังคาร(11) ตามคาด ด้วยคะแนน 63 ต่อ 35 ทว่าประธานสภาผู้แทนราษฎร จอห์น โบห์เนอร์ แถลงในเวลาต่อมา ประณามร่างกฎหมายนี้ว่ามีอันตรายร้ายแรงที่จะก่อให้เกิดสงครามการค้า พร้อมกับแสดงท่าทีชัดเจนว่าเขาจะไม่นำเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร ทั้งนี้หากเขาขัดขวางได้สำเร็จ ร่างกฎหมายฉบับนี้ก็ต้องตกไปโดยปริยาย

       

       ปีเตอร์ โมริซี เป็นศาสตราจารย์แห่ง คณะธุรกิจสมิธ (Smith School of Business) มหาวิทยาลัยแมริแลนด์ และเป็นอดีตหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ คณะกรรมาธิการการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐฯ (US International Trade Commission)

 

ที่มา : ผู้จัดการออนไลน์ (วันที่ 17 ตุลาคม 2554)

 

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ไอเอ็มเอฟเครียดวิกฤติศก. อาจลุกลามทั่วโลกไม่ยาก (17/10/2554)

ปารีส (เอเอฟพี/รอยเตอร์) - นางคริสติน ลาการ์ด ผู้อำนวยการ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือไอเอ็มเอฟ กล่าวต่อผู้สื่อข่าว ภายหลังประชุมหารือกับรัฐมนตรีคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางของกลุ่มประเทศร่ำรวย 20 ชาติ และกลุ่มประเทศเกิดใหม่ โดยยอมรับวานนี้ว่า ภาวะเศรษฐกิจของโลกตกอยู่ในสภาพอันเลวร้าย และมีความวิตกกังวลว่า วิกฤติหนี้สินในยุโรปอาจลุกลามไปยังพื้นที่ต่างๆ ทั่วโลก ซึ่งหากไม่มีปัจจัยมาเกื้อหนุน สถานการณ์น่าจะเลวร้ายกว่าที่จะดีขึ้นเมื่อช่วง 3 สัปดาห์แล้ว

 

นอกจากนี้ นางลาการ์ด กล่าวต่อไปว่า ตลาดเกิดใหม่มีความวิตกเกี่ยวกับการเสี่ยงติดเชื้อวิกฤติหนี้สินจากประเทศร่ำรวยมายังประเทศตลาดเกิดใหม่ ไปจนถึงประเทศที่มีรายได้ต่ำ ก่อนหน้านี้ นายฌอง-คล็อด ทริเชต์ ประธานธนาคารกลางยุโรป กล่าวว่า กองทุนเสถียรภาพทางการเงินในยุโรป ซึ่งได้รับสัตยาบัน จากรัฐสภายุโรปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว จะสามารถนำมาช่วยควบคุมวิกฤติหนี้สินในเร็วๆ นี้ ภายหลังวิกฤติดังกล่าวได้บ่อนทำลายความเชื่อมั่นในยูโร และหนี้สินของหลายประเทศสมาชิกทางใต้ของยุโรป

 

ด้าน นายวูล์ฟกัง ชอเบิ้ล รัฐมนตรีคลังของเยอรมนีกล่าวในกรุงปารีสของฝรั่งเศสว่า ไอเอ็มเอฟมีแหล่งทรัพยากรที่สามารถปฏิบัติตามคำสัญญา และแผนการเพิ่มทุนในระบบธนาคาร เป็นส่วนหนึ่งของการแก้ปัญหาวิกฤติหนี้สิน

 

ทั้งนี้ การประชุมสุดยอดผู้นำ 20 ชาติในเมืองคานส์ ของฝรั่งเศส ช่วงต้นเดือนหน้า จะให้การอนุมัติแก่แผนการ เพิ่มทุน และระบุธนาคารที่ได้รับผลกระทบ ส่วนธนาคารต่างๆ จะได้รับการยืนยันจากรัฐมนตรีคลังของเยอรมนี และโลกจะไม่มีโอกาสขึ้นภาษีว่าด้วยการทำธุรกรรมทางการเงิน

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์แนวหน้า (วันที่ 17 ตุลาคม 2554)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

กรุงเทพฯ 16 ต.ค.- บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด รายงานว่า เงินบาทแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐ โดยเงินบาทปรับตัวในทิศทางที่แข็งค่าขึ้นเกือบตลอดสัปดาห์ ท่ามกลางความคาดหวังต่อมาตรการแก้ไขวิกฤตหนี้และเสริมความแข็งแกร่งให้กับภาคการเงินที่ชัดเจนในการประชุมสุดยอดผู้นำสหภาพยุโรป หลังจากที่ประเทศสมาชิกยูโรโซนให้สัตยาบันรับมาตรการขยายบทบาทของกองทุน EFSF ครบทุกประเทศแล้ว

 

นอกจากนี้ เงินบาทยังได้รับแรงหนุนจากทิศทางการแข็งค่าของสกุลเงินในภูมิภาคและแรงซื้อสุทธิของนักลงทุนต่างชาติในตลาดหุ้นไทย อย่างไรก็ดี เงินบาทลดช่วงบวกกลับมาในช่วงปลายสัปดาห์ท่ามกลางความกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจและความแข็งแกร่งของภาคธนาคารในยุโรป ในวันศุกร์ (14 ต.ค.) เงินบาทปิดตลาดที่ 30.76 จากระดับ 30.98 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (7 ต.ค.)

 

สำหรับแนวโน้มสัปดาห์ถัดไป (17-21 ตุลาคม 2554) เงินบาทอาจเคลื่อนไหวในกรอบ 30.70-31 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ โดยคงต้องจับตาสัญญาณของแผนยุทธศาสตร์ในการแก้ไขวิกฤตหนี้ยูโรโซนแบบเบ็ดเสร็จจากที่ประชุมระดับรัฐมนตรีคลัง ในวันที่ 21 ต.ค. และระดับผู้นำสหภาพยุโรปในวันที่ 23 ต.ค. ถ้อยแถลงที่อาจสะท้อนถึงมุมมองต่อเศรษฐกิจสหรัฐ จากประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ตลอดจนข้อมูลเศรษฐกิจจีนเดือนก.ย.และจีดีพีประจำไตรมาส 3/2554 รวมถึงการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ ที่สำคัญได้แก่ ตัวเลขเงินทุนไหลเข้าสุทธิสู่ตลาดการเงินสหรัฐ เดือน ส.ค. ยอดขายบ้านมือสอง ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจ ข้อมูลการเริ่มสร้างบ้าน และการขออนุญาตก่อสร้าง ดัชนีราคาผู้บริโภคและผู้ผลิต ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนก.ย. ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัย เป็นต้น.-

 

ที่มา : สำนักข่าวไทย(วันที่ 17 ตุลาคม 2554)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

กรุงเทพฯ 16 ต.ค.- บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด รายงานว่า เงินบาทแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐ โดยเงินบาทปรับตัวในทิศทางที่แข็งค่าขึ้นเกือบตลอดสัปดาห์ ท่ามกลางความคาดหวังต่อมาตรการแก้ไขวิกฤตหนี้และเสริมความแข็งแกร่งให้กับภาคการเงินที่ชัดเจนในการประชุมสุดยอดผู้นำสหภาพยุโรป หลังจากที่ประเทศสมาชิกยูโรโซนให้สัตยาบันรับมาตรการขยายบทบาทของกองทุน EFSF ครบทุกประเทศแล้ว

 

นอกจากนี้ เงินบาทยังได้รับแรงหนุนจากทิศทางการแข็งค่าของสกุลเงินในภูมิภาคและแรงซื้อสุทธิของนักลงทุนต่างชาติในตลาดหุ้นไทย อย่างไรก็ดี เงินบาทลดช่วงบวกกลับมาในช่วงปลายสัปดาห์ท่ามกลางความกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจและความแข็งแกร่งของภาคธนาคารในยุโรป ในวันศุกร์ (14 ต.ค.) เงินบาทปิดตลาดที่ 30.76 จากระดับ 30.98 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (7 ต.ค.)

 

สำหรับแนวโน้มสัปดาห์ถัดไป (17-21 ตุลาคม 2554) เงินบาทอาจเคลื่อนไหวในกรอบ 30.70-31 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ โดยคงต้องจับตาสัญญาณของแผนยุทธศาสตร์ในการแก้ไขวิกฤตหนี้ยูโรโซนแบบเบ็ดเสร็จจากที่ประชุมระดับรัฐมนตรีคลัง ในวันที่ 21 ต.ค. และระดับผู้นำสหภาพยุโรปในวันที่ 23 ต.ค. ถ้อยแถลงที่อาจสะท้อนถึงมุมมองต่อเศรษฐกิจสหรัฐ จากประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ตลอดจนข้อมูลเศรษฐกิจจีนเดือนก.ย.และจีดีพีประจำไตรมาส 3/2554 รวมถึงการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ ที่สำคัญได้แก่ ตัวเลขเงินทุนไหลเข้าสุทธิสู่ตลาดการเงินสหรัฐ เดือน ส.ค. ยอดขายบ้านมือสอง ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจ ข้อมูลการเริ่มสร้างบ้าน และการขออนุญาตก่อสร้าง ดัชนีราคาผู้บริโภคและผู้ผลิต ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนก.ย. ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัย เป็นต้น.-

 

ที่มา : สำนักข่าวไทย(วันที่ 17 ตุลาคม 2554)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ชีวิตท่ามกลางน้ำท่วม

 

0photo.jpg

 

และภาพจาก Post today ครับ

 

DE03693278C2471E887425C291D27B21.jpg

 

1467A3E6A0D64DED9C711901949EC16C.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ฝนกระหน่ำ 4 เขื่อนล้นท่วมพิมาย อ.พิมาย จ.นครราชสีมา

 

ภายหลังจากที่เกิดฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่องกว่า 3 วันในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา จนทำให้ปริมาณน้ำภายในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั้ง 4 แห่งของจังหวัดนครราชสีมา มีปริมาณน้ำเกินระดับกักเก็บหมดแล้วทุกแห่ง และมีการพร่องน้ำออกจากอ่างเก็บน้ำทั้งหมดอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับในพื้นที่ลุ่มน้ำต่างๆ ตอนล่างของอ่างเก็บน้ำทั้ง 4 แห่ง ยังคงมีปริมาณน้ำฝนตกลงมาสมทบอยู่ตลอดเวลา ส่งผลให้ลำน้ำมูล ซึ่งเป็นลำน้ำที่ต้องรองรับปริมาณน้ำจากลุ่มน้ำทุกแห่งของจังหวัด ประกอบด้วยลุ่มน้ำลำตะคอง, ลุ่มน้ำลำเชียงไกร และลุ่มน้ำจักราช มีปริมาณน้ำเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนล้นตลิ่งเข้าสร้างความเสียหายเป็นวงกว้างจังหวัดนครราชสีมา น้ำได้ล้นตลิ่งแม่น้ำมูลเข้าท่วมพื้นที่ทำการเกษตรและชุมชนในพื้นที่ 3อำเภอ คือ อำเภอชุทพวง อำเภอเมืองยาง อำเภอลำทะเมนชัย รวม 44,792 ไร่ โครงชลประทานนครราชสีมาได้ติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำในเขื่อนลำตะคลอง จำนวน 12 เครื่อง

 

ล่าสุด ในช่วงเช้าวันนี้ ปริมาณน้ำที่เอ่อล้นตลิ่งลำน้ำมูล ได้เอ่อเข้าท่วมศูนย์ราชการภายในอำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา แล้วบางส่วนส่งผลให้ขณะนี้สถานีตำรวจภูธรพิมาย ซึ่งอยู่ติดกับลำน้ำมูล ถูกน้ำทะลักเข้าท่วมบริเวณด้านหน้าปิดเส้นทางเข้าออกสูงประมาณ 30 - 60 ซม. เจ้าหน้าที่ตำรวจต่างต้องเร่งนำกระสอบทรายกว่า 1,000 ใบ มาทำแนวพนังกั้นน้ำเพื่อไม่ให้น้ำทะลักเข้าท่วมภายในสถานีตำรวจ เช่นเดียวกันกับสำนักงานที่ดินจังหวัดนครราชสีมา สาขาพิมาย และโรงพยาบาลเวชกรรมพิมาย เมติคอล น้ำจากลำน้ำมูลก็กำลังเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่บ้างแล้ว และยังคงมีแนวโน้มที่จะเพิ่มระดับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากยังคงมีฝนตกโปรยปรายลงมาในพื้นที่ตลอดเวลา

 

ทั้งนี้ ทางศูนย์ประมวลวิเคราะห์สถานการณ์น้ำ สำนักชลประทานที่ 8 นครราชสีมา รายงานสถานการณ์น้ำในลำน้ำมูลที่อำเภอพิมาย จ.นครราชสีมา ล่าสุดว่า สถานการณ์ปริมาณน้ำในลำน้ำมูลที่ไหลผ่านอำเภอพิมายเมื่อช่วง 06.00 น. วันนี้ ระดับน้ำยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดปริมาณน้ำเฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 5.54 เมตร สูงกว่าตลิ่ง 54 ซม. จึงประกาศเตือนระดับที่ 2 ให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยใกล้ทางน้ำของอำเภอพิมายเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำล้นตลิ่งตลอด 24 ชั่วโมง โดยเฉพาะในชุมชนที่อยู่ติด 2 ฝั่งของลำน้ำมูลในพื้นที่ลุ่มต่ำประกาศเตือนในระดับ 3 เนื่องจากมีน้ำท่วมขังแล้วบางจุด

ระวีวรรณ ณรงค์ศรี/ข่าว

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...