ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
tt2518

ขอเดา(ราคาทอง)กับเขาบ้าง

โพสต์แนะนำ

เจ๊กิ้ก ไม่ว่าง ขอ น้องแอน แล้วกันนะครับ

ขอแรงน้องแอน ตบ คนที่สั่งให้ย้าย ศปภ มาแถวบางนา คนเขาอยู่ดีๆ จะให้เดือดร้อนแล้วมั๊ยล่ะ (ขอให้เป็นข่าวลือเถอะ)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

นายโธมัส ลี หัวหน้านักวิเคราะห์ของเจพี มอร์แกน เปิดเผยว่าตลาดหุ้นสหรัฐมีแนวโน้มทะยานขึ้นในช่วงใกล้สิ้นปี ขณะที่เศรษฐกิจยังคงเติบโตและการขยายตัวในไตรมาส 4 มีแนวโน้มคล้ายคลึงหรือมีแนวโน้มดีกว่าในไตรมาส 3 แม้ว่าจะปัญหาหนี้กรีซและยุโรปยังคงดำเนินต่อไปและมาสามารถคาดเดาผลลัพธ์ได้ แต่เชื่อว่าความเสี่ยงต่อวิกฤติในระบบได้ลดลง

 

ทั้งนี้ ผลประกอบการไตรมาส 3 ของบริษัทในดัชนี S&P 500 ออกมาน่าพอใจ โดยกำไรต่อหุ้น (EPS) ของบริษัทในดัชนี S&P 500 อยู่ใกล้ระดับ 25.50 ดอลลาร์ สูงกว่าประมาณการณ์ของเจพี มอร์แกนที่ 24.75 ดอลลาร์ และได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ EPS ปีนี้สำหรับบริษัทในดัชนี S&P 500 สู่ 97.75 ดอลลาร์จาก 97 ดอลลาร์ แต่ระบุว่า ตัวเลขประมาณการนี้อยู่ที่ระดับต่ำและอาจยังคงต้องมีการปรับขึ้นต่อไป ขณะที่เขายังคงคาดการณ์ EPS ปี 2012 ไว้ที่ 105 ดอลลาร์สำหรับบริษัทในดัชนี S&P 500

 

ทั้งนี้ เขาแนะนำให้นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นเมื่อปรับตัวลง เมื่อพิจารณาจากแนวโน้มที่สดใสในช่วงใกล้สิ้นปี และแนะนำให้นักลงทุนถือหุ้นที่ปรับตัวตามภาวะเศรษฐกิจ โดยแนะนำหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและการเงิน

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เจ๊กิ้ก ไม่ว่าง ขอ น้องแอน แล้วกันนะครับ

 

ตบยังไงมันลงแล้ว พลังน้องแอนสู้เจ้กิ๊กไม่ได้ :lol:

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

bhtsi.gif

เย้...ยังไม่ผ่าน 1780 !! อย่าโกรธกันน๊ะ ขอยืมรูปแม่สาวคนนี้หน่อย สะดิ้งเหลือเกิน :lol:

 

ตลาดลอนดอนยังไม่ปิด. สงครามยังไม่จบ อย่าเพิ่งนับศพทหาร อิอิ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

วันจันทร์ที่ 07 พฤศจิกายน 2554 เวลา 16:47:08 น.

ผู้เข้าชม : 191 คน

 

รอยเตอร์รายงานว่า เจ้าหน้าที่ยูโรโซนเปิดเผยว่า บรรดารมว.คลังยูโรโซนจะเร่งดำเนินการเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับกองทุนช่วยเหลือยูโรโซนในวันนี้เพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นของตลาดภายในสิ้นเดือนนี้ซึ่งเร็วกว่ากำหนดเดิม 1 เดือน ขณะที่มีความวิตกเพิ่มขึ้นเกี่ยวกับอิตาลี

 

ผู้นำยูโรโซนตกลงกันในสัปดาห์ที่ผ่านมาที่จะเพิ่มขนาดกองทุนรักษาเสถียรภาพการเงินยุโรป (EFSF) จาก 4.40 แสนล้านยูโร เพื่อทำให้ตลาดเชื่อว่า พวกเขาจะสามารถป้องกันอิตาลีและสเปนจากวิกฤติหนี้ซึ่งส่งผลกระทบแล้วต่อกรีซ, ไอร์แลนด์และโปรตุเกส

 

อย่างไรก็ตาม ข้อตกลงของผู้นำ 17 ชาติที่ใช้สกุลเงินยูโรที่จะเพิ่มขนาดกองทุน EFSF ขึ้น 4-5 เท่านั้น ยังคงจำเป็นต้องได้รับรายละเอียดด้านเทคนิคจากบรรดารมว.คลังก่อนที่ทางกองทุนจะสามารถแสดงประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นต่อตลาด

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

การประกวดมิสเวิลด์ 2011หรือนางงามโลกประจำปี 2011 ปีนี้จัดขึ้นที่ เอิร์ล คอร์ต ในลอนดอนประเทศอังกฤษ เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 6 พฤศจิกายนเป็นการตัดสินรอบสุดท้าย ผลปรากฏว่าสาวสวยจากดินแดนหญิงงามขึ้นชื่อของโลกประเทศเวเนซุเอลา น.ส. อิเวียน ลูนาซอล ซาร์กอส โคลิเมนาเรส วัย 21 ปี คว้ามงกุฎมิสเวิลด์ ไปครอง

 

รองอันดับ 1 ได้แก่ น.ส. กเว็น โดลีน กาแอล ซานดรีน รูไอส์ สาวจากฟิลิปปินส์ และรองอันดับ 2 น.ส.อมันดา วิคตอเรีย วิลลาโนวา เปเรซ สาวงามจากเปอร์โตริโก น้องจูลี่ พัชริดา รอดคงคา ตัวแทนสาวงามจากประเทศไทย พลาดทุกรางวัล

 

อิเวียน ซาร์กอส เรียนจบปริญญาตรีภาควิชาการทรัพยากรบุคคล มีความหวังว่าจะได้ทำงานเกี่ยวกับเด็กและเยาวชน

 

สำหรับสถานที่ประกวดในลอนดอน Earls Court นั้นเป็นจุดเริ่มแรกของการประกวดมิสเวิลด์ครั้งแรกเมื่อปี 1951 การประกวดครั้งนี้ด้านนอกเวทีประกวดมีกลุ่มสิทธิสตรีออกมาประท้วงโดยระบุว่าเป็นการเหยียดหยามความเสมอภาคของสตรี

 

การประกวดครั้งนี้มีการถ่ายทอดสดไปทั่วโลก 150 ประเทศ มีผู้รับชมนับพันล้านคน เป็นตัวเลขจากการแถลงของกองประกวด ผู้เข้าประกวดมี 122 คน จำนวนนี้ 1 ใน 4 เรียนจบปริญญาตรี และมากกว่าครึ่งหนึ่งสามารถพูดได้ 3 ภาษาขึ้นไป

 

ซาร์กอสผู้ได้รับการสวมมงกุฎปัจจุบันเธอทำงานด้านสื่อโทรทัศน์ โดยมีความหวังว่าอนาคตเธอจะทำงานให้กับองค์กรเอกชนและเกี่ยวกับเด็ก นอกจากนี้เธอยังได้จัดตั้งมูลนิธิของตัวเองเพื่อช่วยเหลือเด็กไว้แล้ว

 

การประกวดมิสเวิลด์ครั้งต่อไปจะมีขึ้นที่มองโกเลีย ดินแดนภายในของประเทศจีน

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดีคะ คุณเด็กขายของและเพื่อนๆ

ในช่วงนี้อาจจะมีเพื่อนๆ หลายคน ประสบภัยน้ำท่วม และอาศัยอยู่ในบ้าน ไม่ได้อพยพ มีข้อมูลน่าสนใจนำมาฝากเพื่อนๆ คะ :rolleyes: B)

อาหารที่ควรมีติดบ้านในยามน้ำท่วม http://campus.sanook.com/943409/อาหารที่ควรมีติดบ้านในยามน้ำท่วม/

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Treasury prices rose modestly on Monday, pushing 10-year yields back under 2% briefly, as traders watch political news out of Italy as the country’s bond yields jump, raising worries that Italy is headed toward its own sovereign-debt crisis.

 

Yields ทั้ง สหรัฐ และ อิตาลี สูงขึ้น

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Greece, Italy’s Berlusconi in the spotlight

 

MONDAY MORNING’S TOP STORIES

ตลาดสหรัฐฯ ยังไม่เปิด แต่นี่คือประเด็นถกของเจ้ามือฯ คืนนี้

ถูกแก้ไข โดย เด็กขายของ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

7 พย. 2554 20:24 น.

 

เมื่อวันที่ 7 พ.ย. 2554 รายงานในเขตพื้นที่สน.บางพลัดระดับน้ำลดลงไปประมาณ 40 ซม. (น้ำลดเนื่องจากใช้เครื่องสูบน้ำออก) ถนนจรัญสนิทวงศ์ และ ถนนสิรินธร ยังคงมีน้ำท่วมขังสูงประมาณ 1 เมตร ยังคงปิดการจราจร

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

bhtsi.gif

post-775-049631000%201320670850.gif

เย้...ยังไม่ผ่าน 1780 !! อย่าโกรธกันน๊ะ ขอยืมรูปแม่สาว 2 คนนี้หน่อย สะดิ้งเหลือเกิน :lol:

 

555 โดนโจมตีกลับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เลขาฯวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย เผย นิคมฯบางชัน เตรียมดำเนินการเร่งระบายน้ำในคลองบางชัน ลงคลองแสนแสบ ส่วนน้ำที่เอ่อรอบนิคมฯ ยังเพิ่มขึ้น แต่ยังไม่กระทบโรงงาน

 

 

 

นายธเนศ วีระศิริ เลขาธิการวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าวถึง ที่นิคมอุตสาหกรรมบางชันว่า ภายหลังจากทางนิคมอุตสาหกรรมได้รับเครื่องปั๊มน้ำ มาติดตั้งบริเวณบึงกระเทียม ที่ทำหน้าที่เป็นแก้มลิง รับน้ำจากทางทิศเหนือของทางนิคมอุตสาหกรรมนั้น ขณะนี้ได้มีการร้องขอเครื่องปั๊มน้ำ และเรือผันน้ำ เพื่อมาติดตั้งที่บริเวณคลองบางชัน เพื่อเร่งผันน้ำให้ลงสู่คลองแสนแสบ โดยเร็วที่สุด โดยในวันพรุ่งนี้ คาดว่า จะได้รับในสิ่งที่ร้องขอไป ซึ่งหากได้รับแล้ว ก็จะดำเนินการติดตั้งทันที สำหรับมวลน้ำที่ไหลเข้าล้อมรอบนิคมอุตสาหกรรมนั้น ขณะนี้มีปริมาณเพิ่มสูงขึ้น แต่ยังไม่ส่งผลกระทบต่อตัวโรงงานที่อยู่ภายในนิคมอุตสาหกรรม

 

ทั้งนี้ นายธเนศ ยังฝากด้วยว่า อยากให้เจ้าหน้าที่ดูแลในเรื่องของพนังกั้นน้ำของทุกพื้นที่ ที่ได้รับผลกระทบน้ำท่วม และคอยดูแลอย่างใกล้ชิดตลอดเวลา

 

Link : http://www.innnews.co.th/น้ำเอ่อ-รอบนิคมฯบางชัน-เริ่มสูง--319701_03.html

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

กทม.วอนปชช.เว้นวรรคลอยกระทง

 

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

 

กทม.วอนปชช.เว้นวรรคลอยกระทงปีนี้ หวั่นเพิ่มยอดขยะท่วมกรุง บี้รัฐสั่งห้ามเล่นพลุเด็ดขาด

 

 

เมื่อวันที่ 7 พ.ย.พญ.มาลินี สุขเวชวรกิจ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.) กล่าวถึงเทศกาลลอยกระทง ประจำปี 2554 นี้ ว่าในพื้นที่กรุงเทพฯ ที่ยังไม่ประสบอุทกภัยก็ยังคงมีหน่วยงานภาครัฐและเอกชนจัดงานอยู่ แต่ก็คงจะจัดในรูปแบบเรียบง่าย เนื่องจากขณะนี้กรุงเทพฯ ประสบปัญหาในเรื่องของอุทกภัยในหลายจุด จึงวอนประชาชนที่จะลอยกระทงในปีนี้ให้งดใช้กระทงในการลอย เนื่องจากว่าจะเป็นการเพิ่มขยะในแม่น้ำ ซึ่งขณะนี้มีขยะเกินขีดความสามารถของกทม. และเป็นอุปสรรคในการระบายน้ำ

 

 

รองผู้ว่าฯกทม.กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ขอให้รัฐบาลมีคำสั่งหยุดเล่นพลุ และดอกไม้ไฟเพราะเกรงว่าจะเป็นสาเหตุให้เกิดเพลิงไหม้บ้านเรือนประชาชน เนื่องจากประชาชนบางส่วนไม่ได้อาศัยอยูในบ้านเรือน อาจส่งผลให้เจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือได้ช้า และทำให้เพลิงไหม้ขยายวงกว้างมากยิ่งขึ้นส่งผลกระทบให้บ้านเรือนเสียหาย ซ้ำเติมประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนมากยิ่งขึ้น

ถูกแก้ไข โดย เศรษฐีน้อย จากร้อยสู่ล้าน

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

จุลินทรีย์บำบัดน้ำเสีย

 

โดย : ชนวน รัตนวราหะ

 

วันนี้ เห็นว่าคนไทยส่วนใหญ่ยังไม่ทราบว่า E.M. และจุลินทรีย์คืออะไร มีเบื้องหลังความเป็นมาอย่างไร

 

 

ในฐานะที่เป็นผู้ที่ติดตามศึกษาเกี่ยวกับการใช้จุลินทรีย์ในการเกษตรรวมทั้งการบำบัดน้ำเสีย จึงอยากจะให้ข้อเท็จจริงบางประการว่า E.M.มีความเป็นมาอย่างไร โดยเฉพาะในเหตุการณ์ที่เกิดภัยน้ำท่วมในขณะนี้

 

 

ผู้เขียนในฐานะผู้ที่ได้ศึกษาติดตามจุลินทรีย์ อี.เอ็ม. มาตั้งแต่สิ่งนี้ได้เกิดขึ้นในประเทศไทยกว่า 20 ปี รู้สึกยินดีและดีใจที่ราชการ ได้มีความเข้าใจและยอมรับว่าผลผลิตจุลินทรีย์ (แบบก้อนและแบบน้ำ) ที่เกิดจากภูมิปัญญาของคนไทยสามารถแก้ไขปัญหาน้ำเน่าเสียจากภาวะน้ำท่วมขังในครั้งนี้ โดยเฉพาะการใช้บำบัดความเน่าเหม็นจากฟาร์มไก่ที่มีซากไก่ตายนับล้านตัวด้วย ซึ่งหากจะมองย้อนหลัง แต่ก่อนนี้ราชการส่วนใหญ่ได้มองข้ามสิ่งเหล่านี้ไปอย่างน่าเสียดาย มิหนำซ้ำยังมีนักวิชาการของราชการได้รวมหัวกันประกาศอย่างเป็นทางการว่าสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องเหลวไหลและหลอกลวงอีกด้วย ซึ่งอาจจะเป็นด้วยเหตุผลที่ผลผลิตจุลินทรีย์เหล่านี้เป็นภูมิปัญญาตะวันออกไม่เคยมีอยู่ในตำราฝรั่งที่พวกเขาเล่าเรียนมาก็เป็นได้

 

 

เมื่อประมาณ พ.ศ. 2530 หรือ 25 ปีที่ผ่านมา กลุ่มศาสนานิกายหนึ่งของญี่ปุ่น ได้นำเอา ผลิตภัณฑ์จุลินทรีย์ที่มีชื่อเรียกว่า อี.เอ็ม. เข้ามาเผยแพร่ในประเทศไทย โดยบอกแต่เพียงว่า อี.เอ็ม. คือ จุลินทรีย์ที่มีประสิทธิภาพ (Effective Micro-organism) แต่ไม่มีการเปิดเผยว่าจุลินทรีย์พวกเป็นชนิดอะไร ซึ่งโดยปกติผลิตภัณฑ์จุลินทรีย์ที่นำเข้ามาใช้ทางการเกษตรและการแพทย์จะต้องระบุว่าจุลินทรีย์ที่นำมานั้นเป็นชนิดอะไร เช่น Bacillus, Rhizobium, Streptomycin ฯลฯ ฉะนั้น คนไทยจึงรู้แต่เพียงว่า อี.เอ็ม.คือจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ควรนำมาใช้ทั้งการเกษตรในลักษณะของปุ๋ยบำรุงดิน บำบัดน้ำเสีย และอื่นๆ อีกมากมายจนคนที่ได้รับข้อมูลรู้สึกว่าเป็นเรื่องมหัศจรรย์ที่ไม่น่าจะเป็นไปได้

 

 

ผู้เขียนทราบว่ากลุ่มคนที่นำ อี.เอ็ม. เข้ามาประเทศไทยครั้งแรกนั้น แบ่งเป็น 2 พวก คือพวกที่ต้องการทำธุรกิจเป็นหลัก กับอีกพวกหนึ่งต้องการใช้ อี.เอ็ม. เป็นเครื่องมือในการเผยแผ่ศาสนานิกายที่ใช้พลังจักรวาลให้เกิดเป็นประโยชน์ต่อสังคมและมนุษยชาติ ซึ่งในที่สุดก็ทราบว่ามีการขัดแย้งเกิดขึ้นระหว่าง 2 พวกดังกล่าว โดยพวกที่ใช้ อี.เอ็ม.เป็นธุรกิจได้เดินหน้าทำประชาสัมพันธ์และวิ่งเต้นเข้าหาราชการบางหน่วยที่มีพลังและเครือข่ายทั่วประเทศ

 

 

เมื่อ ประมาณ ปี 2532 ผู้เขียนในฐานะผู้อำนวยการสถาบันวิจัยการทำฟาร์มในครั้งกระนั้น ได้รับเชิญไปสัมมนาเรื่อง อี.เอ็ม. เป็นเวลา ถึง 5 วัน เมื่อแรกได้รับเชิญก็ยังลังเล แต่ด้วยความหวังที่ต้องการทราบว่า อี.เอ็ม.คืออะไร ทำได้อย่างไร เพื่อจะได้เอาไปเผยแพร่สู่เกษตรกร แต่ตลอดการสัมมนา 5 วันนั้น คณะวิทยากรไม่ได้อธิบายให้ทราบว่า อี.เอ็ม. คืออะไร

 

 

ถึงแม้จะมีการซักถามหลายครั้งก็ตาม ภายหลังเสร็จการสัมมนาแล้วผู้เขียนมีความรู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมาก จึงได้พูดฝากทิ้งท้ายไว้กับวิทยากรที่มากล่าวสรุปการสัมมนาในครั้งนั้นว่า "ผมรู้สึกผิดหวังกับการสัมมนาในครั้งนี้ เพราะเป็นการเชิญให้มานั่งฟังสรรพคุณของ อี.เอ็ม. เพื่อจะได้เอาไปขยายเผยแพร่โดยไม่รู้ว่าสิ่งนี้คืออะไร ในฐานะนักวิชาการเกษตรผมจึงไม่สามารถจะรับสิ่งนี้ได้ และที่สำคัญก็คือ หากสิ่งนี้ดีจริง เกษตรกรไทยก็ต้องพึ่งการซื้อจากประเทศญี่ปุ่นเพียงประการเดียว ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ผมรับไม่ได้เช่นกัน" คำพูดดังกล่าวได้สร้างความไม่พอใจให้แก่คณะผู้จัดสัมมนาเป็นอย่างมาก

 

 

ในช่วง 20-25 ปี 2530-2554 ที่ผ่านมา คณะผู้ทำธุรกิจ อี.เอ็ม. ได้สร้างกำไรจากการขาย ผลิตภัณฑ์จุลินทรีย์อย่างมากมาย (เพราะต้นทุนการผลิตต่ำมาก) กำไรอันมหาศาลนี้ทำให้เขาสามารถทำประชาสัมพันธ์ผ่านทางสื่อได้อย่างแพร่หลายโดยมีหน่วยราชการบางหน่วยเป็นผู้สนับสนุน จนกระทั่ง คำว่า อี.เอ็ม. ได้กลายเป็นชื่อเรียกผลิตภัณฑ์จุลินทรีย์ทุกอย่าง เหมือนกับ คนทั่วไปเรียกผงซักฟอกทุกชนิดว่า "แฟ้บ" ทั้งที่ผงซักฟอกนั้นอาจจะเป็นยี่ห้ออื่นก็ตาม เป็นต้น

 

 

เมื่อปี พ.ศ.2539 อาจารย์ภรณ์ ภูมิพันนา (อาภรณ์ พุกกะมาน) ได้มาขอให้ผู้เขียนในฐานะรองอธิบดีกรมวิชาการเกษตร ช่วยทำหนังสือเชิญ นายฮาน เคียว โช (Han Kyo Cho) ซึ่งเป็นประธานสมาคมเกษตรธรรมชาติแห่งประเทศเกาหลี เพื่อมาบรรยายและสาธิตการทำน้ำจุลินทรีย์พื้นบ้าน (Indigenous Micro-organism) ที่กรมวิชาการเกษตร การบรรยายในวันนั้นได้เปิดเผยให้คนไทย ได้รู้ว่า แท้จริงแล้ว อี.เอ็ม. กับจุลินทรีย์พื้นบ้านนั้นมีขบวนการผลิตที่ใช้การหมัก (Fermentation) ที่ใช้ปริมาณน้ำตาลที่พอเหมาะกับอินทรียวัตถุ เช่น เศษพืช ผลไม้ สมุนไพร ฯลฯ ในอัตรา 1 ต่อ 3 (น้ำตาลต่ออินทรียวัตถุ) จะได้จุลินทรีย์ที่มีประสิทธิภาพเกิดขึ้นจำนวนมากมาย (ใน 1 ซีซี 15-20 ล้านตัว) เป็นประโยชน์ในการย่อยอินทรียวัตถุให้เป็น ฮิวมัสซึ่งเป็นปุ๋ยชั้นเลิศของพืช และช่วยบำบัดน้ำเสียได้ดี

 

 

ในการบรรยายวันนั้นมีคนไทยที่คุ้นเคยกับการใช้ อี.เอ็ม.มาร่วมประมาณ 200 คน ซึ่งหลังจากนั้นเป็นต้นมา คนไทยจำนวนดังกล่าว ซึ่งรวมถึง ดร.อรรถ บุญนิธี อดีตอาจารย์ผู้อาวุโสจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้มีส่วนสำคัญที่ได้นำขบวนการที่เปิดเผยนี้ไปพัฒนาต่อจนกลายเป็นผลิตภัณฑ์จุลินทรีย์ที่หลากหลาย ซึ่งรวมถึงจุลินทรีย์บอล ที่มีชื่อเรียกแตกต่างกันไปและได้นำมาใช้แก้ไขปัญหาของประเทศอยู่ขณะนี้ ซึ่งเป็นความคิดและภูมิปัญญาของคนไทยที่ได้รับการจุดประกายจากนาย ฮาน เคียว โช ชาวเกาหลี ดังกล่าว

 

 

ผู้เขียนต้องการให้สาธารณชนได้ทราบว่าเบื้องหลังความสำเร็จของการใช้จุลินทรีย์เพื่อบำบัดน้ำเน่าเสียของรัฐบาลในครั้งนี้ ได้มีกลุ่มคนไทยกลุ่มหนึ่งได้ต่อสู้ดิ้นรนหาความรู้ประสบการณ์อย่างที่เรียกว่า “ปากกัดตีนถีบ” ท่ามกลางการดูถูกดูแคลนและต่อต้านจากหน่วยราชการบางหน่วยซึ่งมีนักวิชาการนิยมฝรั่งอย่างไม่ลืมหูลืมตา แม้กระทั่งการไปขอสนับสนุนทุนวิจัยก็ยังถูกบอกว่าหากมีการนำเอาน้ำชีวภาพเข้ามาเกี่ยวข้องก็จะไม่อนุมัติการให้ทุน เป็นต้น

 

 

ผลิตภัณฑ์จุลินทรีย์ถึงแม้จะมีชื่อเรียกแตกต่างกันมากมาย เช่น อี.อ็ม. น้ำสกัดชีวภาพ น้ำหมักชีวภาพ ก้อนเชื้อจุลินทรีย์ ฯลฯ แต่โดยหลักการทางวิทยาศาสตร์นั้นเป็นหลักการเดียวกัน กล่าว จุลินทรีย์ในธรรมชาติแบ่งออกเป็น 3 พวก

 

 

1. จุลินทรีย์ที่ดี ได้แก่พวกที่ย่อยสารอินทรีย์ให้เป็นฮิวมัส (สารที่เป็นปุ๋ยแก่พืช) จะไม่มีกลิ่นเหม็นเกิดขึ้นระหว่างขบวนการหมัก เป็นวงจรของธรรมะที่เป็นไปตามธรรมชาติ

 

 

2. จุลินทรีย์ที่เลว ได้แก่พวกที่เป็นเชื้อโรค พืช มนุษย์ และสัตว์ พวกนี้จะย่อยอินทรีย์สารเป็นอาหารแต่จะทำให้เกิดกลิ่นเหม็นและโรคภัยไข้เจ็บ เป็นวงจรอธรรม ที่เกิดจากการทำลายธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมโดยมนุษย์

 

 

3. จุลินทรีย์ที่เป็นกลาง พวกนี้จะเป็นพลังเงียบ (เช่นเดียวกับมนุษย์) หากฝ่ายจุลินทรีย์ดีมีจำนวนมากก็จะปรับตัวเข้ากับฝ่ายที่ดี แต่ในทางตรงข้ามหากจุลินทรีย์เลวมีจำนวนมากก็จะปรับตัวเข้าพวกที่เลวเช่นกัน

 

 

ในสภาพธรรมชาติที่บริสุทธิ์ เช่น ในสภาพป่าไม้จะมีเชื้อจุลินทรีย์ที่ดีอยู่อย่างมากมายและจะยึดครองเป็นเสมือนฐานทัพที่จุลินทรีย์เลวไม่สามารถจำกล้ำกรายเข้าไปได้ ฉะนั้น ดินในป่าไม้ธรรมชาติจะเป็นดินที่สมบูรณ์หากหยิบเอาดมกลิ่นก็จะไม่มีกลิ่นเหม็นเลย เพราะสรรพคุณของการย่อยอินทรียวัตถุด้วยจุลินทรีย์ที่ดีดังกล่าว

 

 

ในทางตรงข้าม ในชุมชน ตลาดสด สภาพน้ำท่วมขัง สภาพแวดล้อมที่ถูกทำลาย การย่อยอินทรียวัตถุด้วยจุลินทรีย์เลว เช่น ซากสัตว์ มูลมนุษย์ สัตว์ จึงเกิดกลิ่นเหม็นและเป็นสาเหตุของเชื้อโรคทั้งมนุษย์และสัตว์

 

 

แต่เมื่อมีการนำเอาจุลินทรีย์ที่ดี ที่ได้จากเพาะเลี้ยงจำนวนมาก เช่น ก้อนจุลินทรีย์ น้ำชีวภาพ สาร พ.ด. ของกรมพัฒนาที่ดิน ฯลฯ ไปใช้บำบัด ซึ่งก็เปรียบได้กับการส่งทหารเข้าไปต่อสู้กับอริราชย์ศัตรูเพื่อยึดพื้นที่กลับคืน ในการต่อสู้ดังกล่าว หากปริมาณจุลินทรีย์ที่ดีมีจำนวนไม่มากพอก็จะพ่ายแพ้ต่อจุลินทรีย์เลว เพราะจุลินทรีย์ที่เป็นกลางก็จะไปเข้าข้างจุลินทรีย์เลว แต่หากปริมาณจุลินทรีย์ดีมีจำนวนมากขึ้น จุลินทรีย์ที่เป็นกลางก็จะหันมาเป็นพวกทำให้มีจำนวนมากขึ้นก็จะเอาชนะจุลินทรีย์เลวได้และสามารถจะยึดครองพื้นที่ได้อย่างถาวรระยะยาว เพราะในสภาพแวดล้อมมีอาหาร (ขยะที่เป็นอินทรียวัตถุ) ก็คือสิ่งปฏิกูลทั้งหลายที่หมักหมมอยู่ในสภาพหลังน้ำท่วมขังที่อยู่ในทุกวันนี้

 

 

การเพาะเลี้ยงจุลินทรีย์ที่ดีนั้น ทำได้ไม่ยากและต้นทุนต่ำมาก กล่าวโดยสรุป ก็เริ่มจากการไปเก็บเชื้อจุลินทรีย์ที่ดีจากพื้นที่ป่าหรือบริเวณพื้นที่ป่าละเมาะที่ไม่มีการใช้สารเคมี แล้วนำดินมาเพาะเลี้ยงในน้ำตาลดิบ รำข้าว หมักให้ขยายจำนวน สัก 2-3 สัปดาห์ แล้วจึงเอาไปขยายต่อ ในส่วนผสมของผลไม้ 3 ส่วน น้ำตาล 1 ส่วน ใส่น้ำพอท่วม ปิดภาชนะพอให้มีอากาศบ้างเพื่อให้เกิดการหมักประมาณอย่างน้อย 1-2 สัปดาห์ น้ำหมักที่ได้จะมีจำนวนจุลินทรีย์ที่ในปริมาณที่นับเป็นร้อยล้านตัวใน 1 ซีซี น้ำหมักจุลินทรีย์ได้นี้สามารถนำไปใช้กำจัดนำเสียได้โดยตรง หรือ เอาไปผสมกับดินเหนียว รำข้าว แกลบ ปั้นเป็นก้อนก็จะได้ ก้อนจุลินทรีย์ที่มีการนำไปใช้กันเช่นทุกวันนี้

 

 

วิธีการนี้สามารถใช้บำบัดกลิ่นเหม็นและสร้างภาวะที่สะอาดได้ในตลาดสดหลายแห่ง เช่น ตลาดสหกรณ์การเกษตรบ้านลาด เพชรบุรี ตลาดรังสิต ปทุมธานี รวมทั้งน้ำเน่าเสียในวัด วิธีการนี้สามารถใช้บำบัดกลิ่นเหม็นและสร้างภาวะที่สะอาดได้ในตลาดสดหลายแห่ง เช่น ตลาดสหกรณ์การเกษตรบ้านลาด เพชรบุรี ตลาดรังสิต ปทุมธานี รวมทั้งนำเน่าเสียในวัดบวรนิเวศวิหาร เป็นตัวอย่างที่เป็นรูปธรรม

 

 

ผมฝันที่จะเห็น กรุงเทพมหานครและเทศบาลทั่วประเทศไทย ได้เอาจริงเอาจังกับการบำบัดมลภาวะใน ตลาดสด และคลองต่างๆ ที่มีน้ำเน่าเสียด้วยวิธีนี้ ผมได้เคยเสนอความคิดนี้ผ่านไปทางนักการเมืองที่พอจะเข้าใจเรื่องนี้ไปยังผู้บริหารกรุงเทพมหานครคนก่อนๆ นี้ แต่ก็ไม่ได้รับการตอบสนอง

 

 

 

Tags : ชนวน รัตนวราหะ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...