ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
tt2518

ขอเดา(ราคาทอง)กับเขาบ้าง

โพสต์แนะนำ

สายนี้คงไปซื้อ สตอเบอร์รี่ในเยลลี่ที่ร้าน โอปองแปง ให้สาวๆทานกันบ้าง พอชุ่มชื่นหัวใจนะครับ กำไรที่ได้มา ควรทำบุญ ทำทาน ให้ผู้มีพระคุณ หาของอร่อยๆและรางวัลให้ชีวิต รวมถึงสำคัญมากนะครับ เก็บเอาไว้บ้างเวลาเสียจะได้มีจ่ายเขาครับ ลงทุนอย่างมีแบบแผน มีความสุข สนุกไม่ต้องเครียดกันนะครับ

 

 

ถ้าอยู่ใกล้ว่าจะไปร่วมฉลองด้วยแล้ว อิอิ.

 

แต่วันนี้มีนัดกะแปะ. ของเรากินแค่นี้พอ อิอิ ไม่รวยอะ ขอลงดอยก่อน ไม่ขาดทุนก็พอแล้ว เดี๋ยวขอตั้งต้นชีวิตใหม่ก่อน

 

3432.gif

 

3431.gif

 

เดาว่าที่ ขอนแก่น คงมีขายนะครับ แก้วใส ข้างในมีสตอเบอร์รี่ ลอยอยู่ในเยลลี่สีแดงครับ เวลาซื้อ พนักงานจะไปใส่วิปครีมแล้วราดด้วยซอสสีแดงๆ อร่อยสดชื่นยมากๆครับ มีขายที่ ร้าน โอปองแปง ที่เดียวครับผม :Hi

ถูกแก้ไข โดย DonJuan

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

http://www.youtube.com/watch?v=RQbZubWK0Kk

       เทเลกราฟ/ASTVผู้จัดการ - สื่อต่างประเทศเผยแพร่คลิปวินาทีพลุระเบิดกลางงานตรุษจีนที่จังหวัดสุพรรณบุรี อันคร่าชีวิตประชาชนไป 3 รายและบาดเจ็บหลายสิบ วิดีโอที่บันทึกภาพไว้โดยนักท่องเที่ยวที่เข้าชมงานดังกล่าว

       

       หนังสือพิมพ์เทเลกราฟรายงานว่าขณะที่การจุดพลุเฉลิมฉลองเทศกาลตรุษจีนอันน่าตื่นตาตื่นใจในจังหวัดสุพรรณบุรีกำลังเป็นไปอย่างราบรื่นในช่วงค่ำวันอังคาร(24) ทันใดนั้นก็เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นดอกไม้ไฟกลับปะทุเป็นระเบิดรุนแรง

 

       ทั้งนี้ในคลิปที่เผยแพร่ผ่านทางเว็บไซต์ของสำนักข่าวเทเลกราฟของอังกฤษและถูกนำไปโพสต์ลงบนยูทิวบ์ เป็นภาพของการแสดงเชิดมังกรอยู่บนเวทีและมีการจุดพลุอยู่เบื้องหลัง แต่ระหว่างนั้นก็เกิดการระเบิดครั้งใหญ่เสียงดังสนั่น ลูกไฟปลิวว่อนและกลุ่มควันลอยพวงพุ่ง

       

       จากนั้นเหตุการณ์ถัดมาก็เป็นภาพบ้านเรือนราษฎรที่อยู่บริเวณใกล้เคียงกำลังถูกเปลวเพลิงโหมกระหน่ำ ด้านผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรีบอกว่ามีประชาชนเสียชีวิตในเหตุร้ายนี้ 3 ราย ขณะที่มีบ้านเรือนได้รับความเสียหายจากแรงระเบิดและไฟไหม้มากกว่า 20 หลัง

 

http://www.youtube.com/watch?v=IzQXgPNaxMM

ถูกแก้ไข โดย เด็กขายของ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

TMB Analytics ชี้ดอกเบี้ยนโยบายปี 55: กระสุนที่ (อาจ) ด้าน

 

 

TMB Analytics หรือศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีเอ็มบี ชี้ ขาลงดอกเบี้ยนโยบายยังไม่จบ แต่ค่าต๋ง FIDF อาจจะทำให้ประสิทธิภาพการส่งผ่านของดอกเบี้ยนโยบายแย่ลง

 

 

 

จากที่กรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติเป็นเอกฉันท์เมื่อวันที่ 25 ม.ค. 55 ให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีก 25 basis points (bps) เป็นร้อยละ 3.00 จากร้อยละ 3.25 ณ สิ้นปี 2554 นั้น ทาง TMB Analytics คาดว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะถูกปรับลงอีก 25 bps หนึ่งครั้งในช่วงครึ่งปีแรก ซึ่งการประชุม กนง. จะมีขึ้นอีกสามครั้ง ในเดือน มีนาคม พฤษภาคม และ มิถุนายน และน่าจะยืนที่ระดับร้อยละ 2.75 จนสิ้นปี ด้วยสองปัจจัยหลักด้วยกัน คือ ปัจจัยทางเศรษฐกิจมหภาค ปัญหาเดิมที่เรื้อรังมากว่าสองปีแล้ว คือความเสี่ยงของเศรษฐกิจยุโรปที่คาดว่าจะหดตัวประมาณร้อยละ 0.5-1.0 ในปี 2555 นั่นหมายถึงตลาดส่งออกหลักจะส่งผลกระทบเชิงลบทั้งทางตรงและทางอ้อมต่อความต้องการสินค้าส่งออกจากไทย นอกจากนั้น เศรษฐกิจไทยยังต้องใช้เวลาฟื้นตัวจากผลกระทบน้ำท่วมที่น่าจะทำให้เศรษฐกิจไทยเข้าขั้นหดตัวในไตรมาสสุดท้ายของปีที่แล้วถึงร้อยละ 5.3

 

 

 

อีกทั้ง แรงกดดันเงินเฟ้อในช่วงครึ่งปีแรกยังไม่สูง โดยเงินเฟ้อทั่วไปลดลงมาอยู่ที่ร้อยละ 3.53 ในเดือนธันวาคมปีที่แล้วจากร้อยละ 4.19 ณ เดือนพฤศจิกายน และเงินเฟ้อพื้นฐานก็เริ่มทรงตัว โดยผลจากการกระตุ้นการบริโภค การขึ้นค่าจ้างแรงงานในเดือนเมษายน และการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันในประเทศ จะเริ่มส่งผลต่ออัตราเงินเฟ้อในช่วงครึ่งปีหลัง แต่ก็จะไม่ทำให้แรงกดดันเงินเฟ้อบีบคั้นอย่างเช่นในปีก่อนหน้า เนื่องจากการชะลอตัวลงของอุปสงค์ของประเทศคู่ค้าหลักๆ ทั้งนี้ TMB Analytics หรือศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีเอ็มบี ประเมินว่าอัตราเงินเฟ้อทั้งปี 2555 จะเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 3.5 ชะลอลงจากเฉลี่ยร้อยละ 3.8 ในปีที่แล้ว

 

 

 

แต่ทว่า การลดลงของต้นทุนทางการเงินในปีนี้ดังกล่าว อาจไม่สามารถให้ประโยชน์แก่ผู้ประกอบการและภาคเศรษฐกิจจริงอย่างที่เคยเป็น ด้วยสาเหตุที่มาจากปัจจัยเรื่องกฎระเบียบทางการเงินที่เกี่ยวเนื่องกับกับเพิ่มต้นทุนการระดมเงินของธนาคารพาณิชย์ จากแนวทางการเพิ่มค่าธรรมเนียมนำส่งสถาบันคุ้มครองเงินฝากที่ปัจจุบันอยู่ที่ร้อยละ 0.4 อาจเป็นร้อยละ 0.55 หรือสูงกว่านั้น ซึ่งหากธนาคารพาณิชย์ไม่ต้องการรับภาระต้นทุนนี้ทั้งหมดเพียงผู้เดียว ก็สามารถประคองส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยเงินกู้กับเงินฝากไม่ให้ลดลงจากเดิมมากนัก ด้วยการลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก และ/หรือ เพิ่มอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ในส่วนผสมที่พอเหมาะ อย่างไรก็ตาม การลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากทำได้ไม่ง่าย เนื่องจากการแข่งขันระดมเงินฝากที่สูงขึ้นทั้งจากธนาคารพาณิชย์ (ธพ.) ด้วยกันเองเนื่องจากการลดลงของวงเงินคุ้มครองเงินฝากเหลือเพียง 1 ล้านบาทต่อรายต่อสถาบันการเงินในช่วงกลางสิงหาคมปีนี้ และ จากสถาบันการเงินเฉพาะกิจ (SFIs) ที่ไม่จำเป็นต้องจ่ายค่าธรรมเนียมนำส่งสถาบันคุ้มครองเงินฝากดั่งเช่นธนาคารพาณิชย์

 

 

 

จากการศึกษาของ TMB Analytics พบว่า ทุกร้อยละ 0.01 (1 bps) ของค่าธรรมเนียมที่ถูกเก็บเพิ่ม อาจทำให้เงินฝากจำนวน 7,000 ล้านบาท ไหลออกจากธพ. ไปสู่ SFIs ในช่วงสี่ปีที่ผ่านมา เงินฝากของ SFIs เติบโตเฉลี่ยถึงร้อยละ 20 ต่อปี ขณะที่เงินฝากของธพ.เติบโตเฉลี่ยเพียงร้อยละ 5 ต่อปี ปัจจุบันเงินฝากของธพ.จึงมากกว่าเงินฝากของ SFIs เพียง 2.5 เท่า จากสี่ปีที่แล้วอยู่ที่ 4.2 เท่า ซึ่งก็ล้อไปกับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากของ SFIs ที่มากกว่าของธพ. ดังนั้น เราจึงสามารถใช้พฤติกรรมการไหลของเงินฝากจากความแตกต่างของอัตราดอกเบี้ยเงินฝากมาประเมินความเป็นไปได้ที่เงินฝากจะไหลออกจากระบบธนาคารพาณิชย์ไปสู่ SFIs

 

 

หากค่าธรรมเนียมที่ธพ.ต้องส่งสถาบันคุ้มครองเงินฝากเพิ่มขึ้นอีกร้อยละ 0.15 เป็นร้อยละ 0.55 ไปให้กับผู้ฝากเงิน เงินฝากจากธพ. อาจไหลไปยัง SFIs ประมาณ 1.05 แสนล้านบาทได้ นั่นหมายความถึงธพ.จะต้องพยายามรักษาระดับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากไว้ในระดับที่รักษาฐานลูกค้าได้ ซึ่งอาจต่ำไม่พอเพียงต่อการชดเชยต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ดังนั้น การไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลงจึงอาจเป็นทางออกหนึ่งของธพ.ในการรักษาความสามารถในการแข่งขันและการทำกำไร ในอดีตธพ.จะตอบสนองต่อการปรับดอกเบี้ยนโยบายขาลงมากกว่าขาขึ้น โดยดอกเบี้ยเงินกู้ (MLR) ลดลงโดยเฉลี่ย 5.8 bps ต่อทุกการลด 10 bps ของดอกเบี้ยนโยบาย ในขณะที่ตัวเลขเดียวกันนี้ในช่วงดอกเบี้ยขาขึ้นอยู่เพียง 3.8 bps ต่อทุกการเพิ่ม 10 bps ค่าธรรมเนียมดังกล่าวอาจทำให้อัตราส่วนการตอบสนองนี้ลดลงตามเหตุผลที่กล่าวมาข้างต้น ซึ่งท้ายที่สุดแล้ว การส่งผ่านนโยบายการเงินด้วยการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ กนง. จึงอาจไร้ประสิทธิภาพไปโดยปริยาย

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ตลท.พร้อมประกาศใช้เกณฑ์การซื้อขายหลักทรัพย์สำหรับระบบการซื้อขายใหม่

 

 

ตลาดหลักทรัพย์ฯ ปรับปรุงเกณฑ์การซื้อขายหลักทรัพย์ให้สอดคล้องกับแนวทางของตลาดหุ้นชั้นนำในต่างประเทศ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการซื้อขายของผู้ลงทุนให้มีความสะดวกรวดเร็ว ลดความซับซ้อนของเกณฑ์ เพิ่มความยืดหยุ่นและคล่องตัว ถือเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ในการเพิ่มขีดความสามารถของตลาดหลักทรัพย์ฯ

คาดว่าจะเริ่มใช้เกณฑ์ที่ปรับปรุงใหม่ พร้อมระบบการซื้อขายหลักทรัพย์ใหม่ในเดือนกรกฎาคม 2555

 

นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า

ตามที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยพัฒนาระบบซื้อขายหลักทรัพย์ตามแผนแม่บทการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศ (ITMaster Plan) ซึ่งคาดว่าจะเริ่มใช้ระบบใหม่ในเดือนกรกฎาคมปีนี้ พร้อมกันนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ศึกษาหลักเกณฑ์การซื้อขายของตลาดหุ้นชั้นนำในต่างประเทศ เพื่อให้เกณฑ์ที่ปรับปรุงใหม่เป็นไปในแนวทางเดียวกับมาตรฐานสากลและไม่ซับซ้อน ซึ่งจะส่งผลให้การทำงานของระบบซื้อขายเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

 

"ตลาดหลักทรัพย์ฯ มุ่งพัฒนาบริการเพื่อสนองตอบโอกาสทางการเงินของผู้ลงทุนโดยปรับปรุงหลักเกณฑ์และระบบซื้อขายให้ทันสมัยรอง รับนวัตกรรมการซื้อขายและผลิตภัณฑ์ทางการเงินใหม่ ๆ ในอนาคต โดยเกณฑ์ซื้อขายที่จะปรับปรุงในครั้งนี้ เช่น การปรับปรุงในส่วนของวิธีคำนวณราคาเปิด-ราคาปิดของหลักทรัพย์

การเพิ่มเติมคำสั่งประเภทที่จับคู่ซื้อขายทันที (Market Order) การปรับปรุงช่วงราคาเสนอซื้อขายสูงสุด-ต่ำสุดประจำวัน (Ceiling and Floor Prices) สำหรับหลักทรัพย์ที่เข้าซื้อขายเป็นวันแรกให้มีอัตราขึ้น-ลงเท่ากัน (Symmetric price band) และการปรับปรุงเกณฑ์การทำหน้าที่ของผู้ดูแลสภาพคล่องของกองทุนอีทีเอฟ เป็นต้น" นายจรัมพรกล่าว

 

ทั้งนี้ การปรับปรุงเกณฑ์การซื้อขายหลักทรัพย์ดังกล่าวได้ผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ และเปิดรับฟังความคิดเห็นจากบริษัทสมาชิกเมื่อวันที่ 23 มกราคม ที่ผ่านมา โดยคาดว่าจะประกาศเกณฑ์การซื้อขายหลักทรัพย์ใหม่ในเดือนเมษายน และมีผลบังคับใช้พร้อมกับระบบการซื้อขายใหม่ในเดือนกรกฎาคม 2555 ซึ่งรายละเอียดของเกณฑ์ที่ปรับปรุงใหม่จะมีการเผยแพร่ผ่าน www.set.or.th ต่อไป

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

 

เดาว่าที่ ขอนแก่น คงมีขายนะครับ แก้วใส ข้างในมีสตอเบอร์รี่ ลอยอยู่ในเยลลี่สีแดงครับ เวลาซื้อ พนักงานจะไปใส่วิปครีมแล้วราดด้วยซอสสีแดงๆ อร่อยสดชื่นยมากๆครับ มีขายที่ ร้าน โอปองแปง ที่เดียวครับผม :Hi

เสี่ย Donjuan ครับ ไฮเทคด้วยรูปภาพหน่อยครับ

000VSHEDBC85FB6D356515m.jpg

 

แล้วอย่าลืมตามด้วย อิ่มเลย

 

66394n_008_L.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ผลสำรวจชี้ซีอีโอมองเศรษฐกิจโลกปีนี้ถดถอย

วันที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2555AAAขนาดตัวอักษร| |

 

ผลสำรวจของ "ไพรซ์วอเตอร์เฮาส์ คูเปอร์" ระบุซีอีโอทั่วโลกจาก 60 ประเทศ เกือบ 50% มองเศรษฐกิจโลกอยู่ในภาวะถดถอยช่วง 12 เดือนต่อจากนี้ไป ขณะที่นักลงทุนทั่วโลกจับตามองเวทีประชุมเวิลด์ อิโคโนมิค ฟอรัมที่ครั้งที่ 42 ได้เปิดฉากขึ้นแล้ว ที่เมืองดาวอส กดดันให้มีการแก้วิกฤติหนี้สาธารณะยุโรปอย่างจริงจัง รวมถึงผลกระทบที่มีต่อเศรษฐกิจโลก

 

 

 ไพรซ์วอเตอร์เฮาส์ คูเปอร์ เปิดเผยผลสำรวจซีอีโอทั่วโลกประจำปีครั้งที่ 15 พบว่า เกือบ 50% ของซีอีโอทั่วโลกจำนวน 1,258 คนเชื่อว่าเศรษฐกิจโลกจะถดถอยต่อไปในช่วง 12 เดือนข้างหน้า และมีเพียง 15% เท่านั้นที่มองว่า เศรษฐกิจจะปรับตัวดีขึ้นในช่วงปี 2555 นี้

 นอกจากนี้ ความเชื่อมั่นในระยะสั้นของบรรดาซีอีโอชั้นนำโลก ในเอเชียแปซิฟิก ยังร่วงลงเหลือ 42% จาก 54% เมื่อปีที่แล้ว โดยความเชื่อมั่นในจีนลดลงต่ำสุดเมื่อเทียบกับชาติอื่นๆในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

 ผลสำรวจชิ้นนี้  ซึ่งถูกนำออกเผยแพร่ในการประชุมประจำปีของเวิลด์ อิโคโนมิค ฟอรัม (WEF) ที่เมืองดาวอส ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ระบุว่า 80% ของซีอีโอวิตกเกี่ยวกับความไม่แน่นอนในการเติบโตของเศรษฐกิจโลก ขณะที่ 64% วิตกเรื่องความไม่มีเสถียรภาพในตลาดทุน และซีอีโอในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมีความกังวลเกี่ยวกับความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนมากที่สุดเป็นอันดับ 2

        ผลสำรวจของไพรซ์วอเตอร์เฮาส์ คูเปอร์ ซึ่งทำการสำรวจซีอีโอจาก 60 ประเทศในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2554 ยังระบุว่า กว่า 50% ของซีอีโอ ที่ตอบแบบสอบถาม มีแผนเพิ่มจำนวนพนักงานในอีก 12 เดือนข้างหน้า โดยเฉพาะในแวดวงธุรกิจสื่อและอุตสาหกรรมบันเทิง และ 70% ของซีอีโอมีแผนปรับกลยุทธธุรกิจในอีก 12 เดือนข้างหน้าเช่นกัน เพราะมีแรงกดดันพื้นฐานจากความต้องการของลูกค้า ตลอดจน ภาวะแวดล้อมทางเศรษฐกิจ และการลดต้นทุนในการดำเนินธุรกิจยังคงเป็นหัวใจสำคัญของการดำเนินธุรกิจในระยะต่อไป

จับตาประชุมดาวอสปีนี้

   การประชุมเศรษฐกิจโลกที่ดาวอส เริ่มขึ้นแล้วในวันนี้ โดยเนื้อหาสาระหลักจะเน้นไปที่การอภิปรายเกี่ยวกับปัญหาหนี้สาธารณะในยุโรปและผลกระทบของปัญหาดังกล่าวต่อเศรษฐกิจโลก

  นางแองเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี  กล่าวเปิดการประชุม ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งที่ 42 และมีผู้เข้าร่วมการประชุมรวมทั้งหมดกว่า 2,600 คน ประกอบด้วยผู้นำรัฐบาลกว่า 40 ประเทศ นักการธนาคารชั้นนำระดับโลกจำนวน 19 คน เจ้าหน้าที่รัฐบาล นักธุรกิจชั้นนำระดับโลก นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ผู้นำสหภาพแรงงาน ผู้ประกอบการรุ่นใหม่ และนักวิชาการ

  นายทิม เวเบอร์ บรรณาธิการเศรษฐกิจของเว็บไซต์บีบีซี เผยว่า หนึ่งในประเด็นสำคัญที่จะถูกหยิบยกขึ้นมาหารือในการประชุมครั้งนี้ ครอบคลุมถึงการอภิปรายเกี่ยวกับอนาคตของทุนนิยม การผงาดขึ้นมาของจีนในเวทีเศรษฐกิจโลก การกำกับดูแลสถาบันการเงิน และผลกระทบของการประท้วงที่เกิดขึ้นทั่วโลก

  นายเวเบอร์ กล่าวด้วยว่า การประชุมดังกล่าวเริ่มต้นขึ้นท่ามกลางข่าวร้ายทางเศรษฐกิจไม่ว่าจะเป็นการที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ออกมาเตือนว่า เศรษฐกิจโลกกำลังตกอยู่ในภาวะเสี่ยงจากวิกฤติ และผลสำรวจที่ระบุว่า ประชาชนสูญเสียความไว้วางใจในรัฐบาลและภาคธุรกิจ รวมไปถึงบรรดาผู้บริหารระดับโลก ก็สูญเสียความเชื่อมั่นในการลงทุนเช่นกัน

   ทั้งนี้ ผลสำรวจความเห็นผู้เชี่ยวชาญระดับโลก จำนวน 345 คนจากภาคธุรกิจ รัฐบาล องค์กรระหว่างประเทศและนักวิชาการด้านต่างๆ จากทั่วโลก ซึ่งเป็นสมาชิกของฟอรัม เน็ตเวิร์ก ออฟ โกลบอล อะเจนดา เคาน์ซิล ระบุว่า 54% ของผู้ตอบแบบสอบถาม คาดการณ์ว่าในอีก 12 เดือนข้างหน้า โลกจะเกิดปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองเชิงภูมิศาสตร์ครั้งใหญ่ เพิ่มขึ้นจาก 36% ที่เป็นการสำรวจในไตรมาสล่าสุด

  ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นโลก ซึ่งจัดทำเป็นครั้งที่ 3 ของเวทีประชุมดับเบิ้ลยูอีเอฟ ซึ่งสำรวจเรื่องความร่วมมือกันทั่วโลก ในการรับมือกับปัญหาต่างๆ ลดลงติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 3

  ทั้งนี้ การประชุมประจำปีดับเบิลยูอีเอฟ ประจำปี 2555 ที่เมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เริ่มระหว่างวันที่ 25-29 ม.ค.นี้

   "ความวุ่นวายทางการเมืองเชิงภูมิศาสตร์ ในพื้นที่สำคัญๆในปีนี้ เป็นปัจจัยลบ ที่จะส่งผลต่อเศรษฐกิจโลกและส่งผลกระทบโดยตรงต่อระดับความเชื่อมั่นในปัจจุบัน และมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดปัญหาวามวุ่นวายทางเศรษฐกิจเชิงภูมิศาสตร์ อาทิเช่น การผิดนัดชำระหนี้ ที่จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อตลาดโลก"นายลี โฮเวลล์ กรรมการผู้อำนวยการดับเบิลยูอีเอฟ ซึ่งรับผิดชอบการประชุมประจำปีและการจัดทำรายงานความเสี่ยงโลกประจำปี2555 ของดับเบิลยูอีเอฟ ให้ความเห็น

   นอกจากนี้ นายไมเคิล ยูซีม ศาตราจารย์จากวอร์ตัน สคูล มหาวิทยาลัยเพนซิลวาเนีย ให้ความเห็นว่า ความเชื่อมั่นด้านธรรมาภิบาลที่ต่ำและความวิตกกังวลสูงว่าจะเกิดปัญหาความวุ่นวายทั้งทางการเมืองและเศรษฐกิจ ทำให้ภาพรวมของการจัดทำดัชนีออกมาในเชิงลบ และผลสำรวจล่าสุด บ่งชี้ว่า บรรดาผู้นำในโลกธุรกิจและเจ้าหน้าที่ให้บริการด้านสาธารณะ ต้องการให้มีการเจรจาเพื่อหาทางรับมือกับปัญหาดังกล่าวในที่ประชุมดาวอสปีนี้อย่างเร่งด่วน

  นอกเหนือจากการหารือเพื่อกระตุ้นการจ้างงานและกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ

  บรรดาผู้ตอบแบบสอบถาม ยังคงมองแง่ลบเกี่ยวกับแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจโลก ขณะที่วิกฤติความเชื่อมั่นไม่ได้ปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงสองไตรมาสที่ผ่านมา  โดย 60% ของผู้ตอบแบบสอบถาม มองว่าไม่มีความเชื่อมั่นในธรรมาภิบาลของรัฐ ส่งสัญญาณว่า มีความเชื่อถือหรือเชื่อมั่นว่าบรรดาผู้นำทางการเมืองจะรับมือกับปัจจัยเสี่ยงทั่วโลกได้น้อยลง

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เสี่ย Donjuan ครับ ไฮเทคด้วยรูปภาพหน่อยครับ

000VSHEDBC85FB6D356515m.jpg

 

แล้วอย่าลืมตามด้วย อิ่มเลย

 

66394n_008_L.jpg

 

ภาพใช้เลยครับ อันนั้นเลย อร่อยสุดๆ สาวๆชอบมากกก :32 ป๋าเรานี่สุดยอด หาภาพมาได้ไง นับถือจริงๆ อิอิ ว่าแต่ คะแนนหมด กดไม่ได้ ติดเอาไว้ก่อนนะครับ :uu

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

รองประธานาธิบดีจีน เตรียมเยือนสหรัฐกลางเดือนหน้า

รองประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน เตรียมพบหารือกับประธานาธิบดีบารัก โอบามา ของสหรัฐ ที่กรุงวอชิงตัน ในวันที่ 14 เดือนหน้า ซึ่งตรงกับวันแห่งความรัก คาดว่าผู้นำ ทั้งสองจะพูดคุยกันในหลายเรื่องตั้งแต่ความสัมพันธ์ของสองฝ่ายไปจนถึงประเด็นโลก ทั้งนี้ เป็นที่ทราบกันดีว่ารองประธานาธิบดีสี จะได้ขึ้นมาเป็นผู้นำสูงสุดคนต่อไปของจีน เมื่อสัปดาห์ก่อนเขากล่าวแสดงความหวังว่าการเยือนสหรัฐที่กำลังจะมีขึ้นจะช่วยลดความตึงเครียดระหว่างสองประเทศลงได้ในอนาคต

 

 

ยอดค้าปลีกอิตาลีดิ่งส่อเค้าเศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอย

สำนักงานสถิติแห่งชาติของอิตาลี รายงานว่ายอดการค้าปลีกของอิตาลีในเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว ดิ่งลงร้อยละ 0.3 หลังจากปรับเพิ่มขึ้นมาร้อยละ 0.2 ในเดือนตุลาคม หากคิดเป็นรายปียอดค้าปลีกในเดือนดังกล่าวจะลดลงถึงร้อยละ 1.8 สะท้อนว่าเศรษฐกิจอิตาลี ซึ่งใหญ่เป็นอันดับ 3 ของยุโรป กำลังส่อเค้าเข้าสู่ภาวะถดถอยรอบใหม่จากปัญหาหนี้สาธารณะที่กำลังคุกคามหลายชาติยูโรโซน ทั้งนี้ รัฐบาลอิตาลี คาดการณ์ว่าปีนี้จีดีพีของประเทศน่าจะหดตัวลงราวร้อยละ 0.4 แต่ไอเอ็มเอฟ เชื่อว่าน่าจะรุนแรงกว่านั้นโดยคาดไว้ที่ร้อยละ 2.2

 

 

‘ปูติน’ ยันรัสเซียไม่มีวันเปลี่ยนไปเป็นเผด็จการ

นายกรัฐมนตรีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย กล่าวกับนักศึกษาที่มหาวิทยาลัยในไซบีเรีย ยืนยันว่ารัสเซียจะไม่มีทางเปลี่ยนไปเป็นเผด็จการเด็ดขาด การยืนยันดังกล่าวของนายกฯ ปูตินก็เพื่อขจัดความกังวลเรื่องการผูกขาดอำนาจ หลังเขาประกาศกลับมาทวงเก้าอี้ประธานาธิบดีอีกสมัย หลังเคยดำรงตำแหน่งนี้มาแล้วนานถึง 8 ปี ช่วงปี 2543-2551

 

 

สหรัฐเตรียมซ้อมรบร่วมกับเกาหลีใต้ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า

สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานอ้างการเปิดเผยของโฆษกกองทัพสหรัฐ ระบุว่าสหรัฐและเกาหลีใต้ เตรียมจะจัดการซ้อมรบประจำปีร่วมกันในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า แม้ว่าสถานการณ์บนคาบสมุทรเกาหลีจะยังคงอ่อนไหวเพราะอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านอำนาจการปกครองในเกาหลีเหนือ ด้านกระทรวงกลาโหมของเกาหลีใต้ ปฏิเสธที่จะยืนยันข่าวการซ้อมรบดังกล่าว แต่สื่อท้องถิ่นกลับระบุว่าการซ้อมรบจะมีขึ้นอย่างแน่นอนเพียง แต่ยังไม่ทราบกำหนดวันเท่านั้น ทั้งนี้ การซ้อมรบระหว่างสหรัฐและเกาหลีใต้ ผ่านพ้นไปอย่างราบรื่นเมื่อปีที่แล้ว แม้ว่าทางการเปียงยางจะออกมาขู่ว่าจะใช้กำลังทหารตอบโต้ ก็ตาม

ถูกแก้ไข โดย เด็กขายของ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

แคนาดาเปิดเผยมาตรการคว่ำบาตรครั้งใหม่ต่อซีเรีย

นายจอห์น แบร์ด รัฐมนตรีต่างประเทศแคนาดา ประกาศวานนี้ ตามเวลาท้องถิ่นว่า มาตรการคว่ำบาตรครั้งใหม่ต่อธนาคาร 4 แห่ง บริษัทน้ำมัน 3 แห่ง และ ประชาชนอีก 22 คน มีส่วนเชื่อมโยงกับรัฐบาลของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ของซีเรีย

แถลงการณ์ของนายแบร์ดระบุว่า แคนาดาต้องการทำให้เกิดความมั่นใจว่า กำลังทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้เพื่อโดดเดี่ยวรัฐบาลที่สมควรถูกตำหนิอย่างซีเรีย และว่า นายอัสซาดและผู้ที่สนับสนุนเขาจะต้องได้รับสารที่บ่งบอกว่า บรรดาชาติที่รักสันติภาพของโลกกำลังร่วมกันทำงานเพื่อยุติการปกครองที่กดขี่ของรัฐบาลเขา ทั้งนี้ มาตรการคว่ำบาตรครั้งใหม่ดังกล่าวพุ่งเป้าต่อ “อินดัสเตรียล แบงค์” “ป๊อบปูลา เครดิต แบงค์” “เซฟวิ่ง แบงค์” และ “อะกริคัลเจอรอล โคออปเปอเรทีฟ แบงค์” รวมทั้งบริษัทการปิโตรเลียรมอีก 3 แห่ง และประชาชนอีก 22 คนด้วย

 

 

 

 

 

สมาชิกวุฒิสภาสหรัฐตั้งคำถามเกี่ยวกับการค้าอาวุธขององค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือให้กับรัสเซีย

 

สมาชิกวุฒิสภาสหรัฐตั้งคำถามแสดงความกังวลเกี่ยวกับการค้าอาวุธขององค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือหรือนาโต้ให้กับรัสเซีย และเกรงว่าอาวุธเหล่านี้อาจถูกนำมาใช้ต่อต้านพันธมิตรสหรัฐ อีกทั้งยังเกรงว่า สักวันหนึ่งการค้าอาวุธดังกล่าวจะขยายไปสู่จีน

นายริชาร์ด ลูการ์ สมาชิกรัฐสภาต้องการให้ศูนย์วิจัยแห่งรัฐสภาหรือ ซีอาร์เอส. ตรวจสอบเงื่อนงำเกี่ยวกับการค้าเทคโนโลยีและอุปกรณ์ด้านการทหารของพันธมิตรนาโต้ให้กับรัสเซียซึ่งมีการรายงานหลายฉบับ และในจดหมายที่ส่งถึงซีอาร์เอส. นายลูการ์ยังได้มีการตั้งคำถามเกี่ยวกับผลกระทบของการค้าอาวุธดังกล่าวว่า อาจถูกนำไปใช้ในการโจมตีหลายครั้งต่อพรมแดนนาโต้

 

ข้อมูลข่าวและที่มา

 

ผู้สื่อข่าว : พรทิพย์ แสงมหาชัย   Rewriter : พรทิพย์ แสงมหาชัย

สำนักข่าวแห่งชาติ กรมประชาสัมพันธ์ : http://thainews.prd.go.th

 วันที่ข่าว : 26 มกราคม 2555

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

 

ภาพใช้เลยครับ อันนั้นเลย อร่อยสุดๆ สาวๆชอบมากกก :32 ป๋าเรานี่สุดยอด หาภาพมาได้ไง นับถือจริงๆ อิอิ ว่าแต่ คะแนนหมด กดไม่ได้ ติดเอาไว้ก่อนนะครับ :uu

เส้นทางบางวันที่เด็กขายของเข็นรถขายของ เหนื่อยล้าเมื่อย จะแวะที่ รพ. บำรุงราษฎร์ มีอาหารและเครื่องดื่ม ครบที่คุณ Donjuan กล่าว บรรยากาศดี สิ่งสวยงามเยอะ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

อรุณสวัสดิ์ช่วงวันหยุดยาวช่วงตรุษจีนนะครับ (ร้านผมยังหยุดอยู่)

เปิดมาฝรั่งแจกอั่งเปาทอง รวยกันถ้วนหน้าเลยนะครับ

มาดูข่าวกันดีกว่า

วันที่ 26 มกราคม 2555 06:09

ราคาทองพุ่ง2% รับข่าวเฟดคงดอกเบี้ยต่ำ

 

news_img_432148_1.jpg

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

ราคาทองคำตลาดสหรัฐปิดตลาดขยับขึ้น 35.60 ดอลลาร์หรือ2.1% รับข่าวเฟดคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำสุดใกล้ศูนย์เปอร์เซนต์ต่อไป

สัญญาทองคำล่วงหน้า ส่งมอบเดือนก.พ. ปรับตัวขึ้น 35.60 ดอลลาร์ หรือ 2.1% ปิดที่ระดับราคา 1,700.10 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ถือเป็นการปิดที่ราคาเหนือระดับ1,700 ดอลลาร์เป็นครั้งแรก นับตั้งแต่ต้นเดือนธันวาคมเป็นต้นมา

ส่วนราคาโภคภัณฑ์ประเภทอื่นส่วนใหญ่ ปิดตลาดขยับขึ้นตามราคาทองคำ ขณะที่เงินสกุลดอลลาร์อ่อนค่าเมื่อเทียบเงินสกุลหลักอื่นๆของโลก

โดยราคาเงิน ส่งมอบเดือนมีนาคม ขยับขึ้น 1.146 ดอลลาร์ หรือ 3.6% ปิดที่ 33.121 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ราคาทองแดง ปรับตัวขึ้น 2.2 เซนต์ ปิดที่ 3.8295 ดอลลาร์ต่อปอนด์ พัลลาเดียม ขยับขึ้น 12.80 ดอลลาร์ ปิดที่ 693.35 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และทองคำขาว ส่งมอบเดือนเมษายน ปรับตัวขึ้น 27.20 ดอลลาร์ ปิดที่ราคา 1,579.60 ดอลลาร์ต่อออนซ์

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เส้นทางบางวันที่เด็กขายของเข็นรถขายของ เหนื่อยล้าเมื่อย จะแวะที่ รพ. บำรุงราษฎร์ มีอาหารและเครื่องดื่ม ครบที่คุณ Donjuan กล่าว บรรยากาศดี สิ่งสวยงามเยอะ

 

อ่า... :32 ได้ความสดชื่น ระรื่นตา สบายหัวใจ จัดไปเพื่อสร้างความสุขและอารมณ์ที่ดีในชีวิต เพื่อการต่อสู้ต่อไป กับมุมมองชีวิตที่ดี เพราะอารมณ์ดี ทำอะไรก็ดีไปหมดดดดดดดดดดดดดดด :La

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

LOS ANGELES (MarketWatch) -- Hong Kong stocks gained sharply in opening trade Thursday, as the market caught up with regional gains after a long Chinese New Year holiday, with the Hang Seng Index HK:HSI +1.02% rising 1,1% to 20,315.56 and the Hang Seng China Enterprises Index add +1.5%

 

ตลาดฮ่องกง เปิดขายวันแรก หลังจากหยุดช่วงเทศกาลตรุษจีน หุ้นเพิ่มขึ้น 1.1%

 

By Michael Kitchen

LOS ANGELES (MarketWatch) -- South Korea said Thursday its economy grew 0.4% in the fourth quarter, missing estimates and falling well below the central bank's forecast. Compared to a year earlier, gross domestic product grew 3.4%. Surveys by Dow Jones Newswires and Reuters had tipped quarter-on-quarter rises of 0.5% and 0.8%, respectively, after 0.8% growth in the third quarter. The Bank of Korea had late last year projected a 1% rise for fourth-quarter GDP. The central bank, which released the data, said that the key export sector saw a 1.5% drop, "driven, for example, by communication devices." South Korea's benchmark Kospi stock index KR:0100 +0.17% rose nonetheless, adding 0.2% in early trade, while the Korean won also firmed slightly on the foreign-exchange market.

เกาหลีใต้ออกรายงานภาวะเศรษฐกิจวันนี้ อัตราการเจริญเติบโต GDP 0.4% ในไตรมาส 4 ตกต่ำไม่ดีจากที่ธนาคารกลางคาดไว้ว่า จะเพิ่มขึ้น 1%

ถูกแก้ไข โดย เด็กขายของ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอถามอาเฮียหน่อยคะว่า เดี๋ยวอาแปะสมาคมประกาศราคา ควรน่าจะเป็นเท่าไหรคะ แล้ววันนี้แนวโน้มค่าเงินบาทจะควรจะอ่อนหรือแข็งขึ้นคะ

ขอบคุณคะอาเฮีย

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...