ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
tt2518

ขอเดา(ราคาทอง)กับเขาบ้าง

โพสต์แนะนำ

สวัสดีครับ เฮียนายห้างฯ คุณ เด็กขายของ คุณ nuchaba คุณ ปุยเมฆ คุณ NongRee คุณ GB2514 คุณ Raty คุณ Mr.Li คุณ Aiya คุณfoo คุณ พลอยสีสวย คุณ เกี้ยมอี๋ คุณ พวงชมพู คุณ Racha คุณ arthas คุณ กระต่ายทอง คุณ ขาใหม่ คุณ Jumbo A คุณ nene81 คุณ modtanoiy คุณ kimenyi คุณ Kero. Kero คุณ noijaa คุณ kaykee คุณ ท่านตี๋ คุณ แมวหลวง คุณ Pasaya คุณ nufirst คุณ ดาวเหนือ คุณ noonoon_ja คุณ Madee คุณ khaiped คุณ forgame และทุกๆท่านครับ(ขออภัยที่เอ่ยนามไม่ครบครับ)

 

วันนี้ถ้าไม่หลุด 1660 คงได้เห็น 1690 ได้ในช่วงบ่ายถึงเย็นนะครับ ดูจากสถิติ 3 วันย้อนหลัง ช่วงเวลาดังกล่าวขายมาที่สุด รวมๆเกือบ 30 เหรียญครับ จากนั้น อ้ายกันอาจเอาลงทดสอบ 1670 กันอีกรอบในช่วงดึกครับ และเดาว่าวันนี้จะปิดที่ราคา 1675-1682 นะครับ เดาว่าไม่มีลากลงแรงๆ ค่อยๆไซค์เวย์อัพ รอข่าวรึขาใหญ่ลากแรงๆครับ :047

 

อีกแล้วค่ะ ช่วงเวลาพีคของวงจรชีวิตประจำวันแบ้วยิ่งวันนี้มีภารกิจพิเศษอีก ต้องไปรับหล่นที่บ้านแม่แถวเพชรเกษม-ราชพฤกษ์ แล้วกลับมารับลูกที่พหลโยธิน สงสัยว่าคงได้มีโอกาสแวะปั้มเส้นราชพฤกษ์ ต่อชัยพฤกษณ์ แล้วจบที่แจ้งวัฒนะ แหงม

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

อรุณสวัสดิ์เช้าวันอังคารนะครับ

อ่านเจอข่าวนี้แล้วยังอุ่นใจว่า ทองราคาแพงแบบนี้

ธนาคารกลางหลายประเทศยังเข้าซื้ออยู่ ชาวดอยยังไม่หนาวมากนะครับ

 

Gold price crashes trigger massive central bank buying

 

NEW YORK (Commodity Online): Sharp downside moves in gold prices are triggering massive central bank buying. Gold purchases by central banks have been on the rise over the past years as the unrelenting financial crisis threatens the function of the global economic system.

 

The Financial Times quoted several traders as saying that the sharp price corrections in gold had triggered large purchases by the central banks in recent weeks. The traders state that the Bank of International Settlements, which acts on behalf of the central banks, have been buying significant quantities of gold when gold prices fell. Estimates run into 4-5 tonnes worth $250-$300 million.

 

In 2010, central banks had become net buyers of gold first time since 1988 whereas in 2011, buying rose to a record 439.7 tonnes- a massive 570% increase over 2010.

 

Many analysts expect central bank buying to continue and to be one of the most important driving forces of gold's bull market. The unresolved European debt crisis, threats from Iran and the slowdown in China and the US are all expected to add to gold's bull run over the coming years.

 

http://www.commodityonline.com

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

การลงทุน

วันที่ 20 มีนาคม 2555 08:49

ธปท.จับตาค่าบาท ทะลักเข้าตลาดหุ้น7หมื่นล.

news_img_442576_1.jpg

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

 

แบงก์ชาติจับตาค่าเงินบาทอย่างใกล้ชิด หลังเงินไหลทะลักเข้าตลาดหุ้นตั้งแต่ต้นปีกว่า 7 หมื่นล้านบาท ไหลเข้าตลาดบอนด์ 5.7 แสนล้าน

 

นางผ่องเพ็ญ เรืองวีรยุทธ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายตลาดการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า เงินทุนที่ไหลเข้าในตลาดภูมิภาคเอเชียช่วงนี้ เป็นผลจากการที่นักลงทุนทั่วโลก กล้าที่จะเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น (Risk-on) หลังจากที่สถานการณ์เศรษฐกิจทั้งในสหรัฐอเมริกาและยุโรปมีแนวโน้มที่ดีขึ้น

 

"ตอนนี้เป็นภาวะ Risk on คือ เงินไหลเข้า เพราะมั่นใจมากขึ้นหลังจากที่ปัญหากรีซจบไป อย่างน้อยก็ไม่ผิดนัดชำระหนี้ และมีเงินมาชำระหนี้ ส่วนเศรษฐกิจสหรัฐตัวเลขต่างๆ ที่ออกมาก็ดูดีขึ้น ทำให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งขึ้นเมื่อเทียบกับยูโร"นางผ่องเพ็ญกล่าว

 

อย่างไรก็ตาม ไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่า นักลงทุนจะอยู่ในภาวะ Risk-on ไปอีกนานแค่ไหน เนื่องจากไม่มีใครทราบได้ว่าอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น ดังนั้น สิ่งที่ ธปท.ทำได้ คือ ติดตามดูสถานการณ์เหล่านี้อย่างใกล้ชิด

 

ด้านสมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) รายงานภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยวานนี้ (19 มี.ค.) มีมูลค่าการซื้อขายรวม 39,522 ล้านบาท โดยประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด คือ พันธบัตร ธปท. มีมูลค่าซื้อขาย 26,445 ล้านบาท หรือคิด 67% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด

 

นักลงทุนกลุ่มกองทุนมีสถานะซื้อสุทธิ 3,672 ล้านบาท นักลงทุนกลุ่มบริษัทจดทะเบียนในประเทศซื้อสุทธิ 1,648 ล้านบาท และกลุ่มของนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะซื้อสุทธิ 2,343 ล้านบาท

 

ขณะที่ตลาดหุ้นไทย วานนี้ (19 มี.ค.) ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างร้อนแรงดัชนีขึ้นไปแตะที่ระดับ 1,201.61 จุด ก่อนที่จะมีแรงเทขายทำกำไรกดดัชนีไหลลงมาปิดตลาดที่ระดับ 1,189.50 จุด ลดลง 0.06 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายหนาแน่นกว่า 4 หมื่นล้านบาท โดยนักลงทุนต่างประเทศ ยังคงซื้อสุทธิต่อเนื่อง 3,267 ล้านบาท

 

ทั้งนี้ จากต้นปีจนถึงปัจจุบันตลาดหุ้นไทยปรับขึ้นมาแล้วกว่า 164.18 จุด หรือ 16.01% ขณะที่นักลงทุนต่างชาติมียอดซื้อสุทธิตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน 70,557.01 ล้านบาท

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เศรษฐกิจต่างประเทศ

วันที่ 20 มีนาคม 2555 06:36

ทองคำสหรัฐปิดพุ่งเกือบ12ดอลล์-ยูโรแข็งค่า

news_img_442559_1.jpg

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

 

ราคาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้น 11.5 ดอลลาร์ เนื่องจากนักลงทุนเข้าช้อนซื้อเก็งกำไรหลังสัญญาทองคำร่วงลงอย่างหนักเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

 

ราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์ ส่งมอบเดือนเม.ย.พุ่งขึ้น 11.5 ดอลลาร์ หรือ 0.7% ปิดที่ 1,667.3 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1667.0 - 1653.8 ดอลลาร์ต่อออนซ์

 

ส่วนสกุลเงินยูโร แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์ก หลังจากการประมูลพันธบัตรของกรีซ ผ่านไปอย่างราบรื่น ซึ่งข้อมูลดังกล่าว ช่วยให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับการลุกลามของวิกฤตหนี้ยุโรป

 

ทั้งนี้ สกุลเงินยูโรพุ่งขึ้น 0.52% แตะที่ 1.3241 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันศุกร์ที่ 1.3173 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่สกุลเงินปอนด์แข็งค่าขึ้น 0.33% แตะที่ 1.5895 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5843 ดอลลาร์สหรัฐ

 

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ อ่อนตัวลง 0.08% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 83.340 เยน จากระดับ 83.410 ดอลลาร์สหรัฐ และร่วงลง 0.49% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 0.9108 ฟรังค์ จากระดับ 0.9153 ฟรังค์

 

ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลีย แข็งค่าขึ้น 0.21% แตะที่ 1.0608 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0586 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ดีดตัวขึ้น 0.23% แตะที่ 0.8260 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.8241 ดอลลาร์สหรัฐ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สัญญาน้ำมันดิบที่ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (19 มี.ค.) เพราะได้ปัจจัยบวกจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ขณะที่สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ตลาดลอนดอนร่วงลง หลังจากมีรายงานว่าผลผลิตน้ำมันดิบของลิเบียและซาอุอาระเบียปรับตัวสูงขึ้น

 

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ที่ตลาด  NYMEX ส่งมอบเดือนเม.ย.พุ่งขึ้น 1.03 ดอลลาร์ หรือ 0.96% ปิดที่ 108.09 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 106.55-108.24 ดอลลาร์

 

ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอนส่งมอบเดือนพ.ค.ปรับตัวลง 10 เซนต์ หรือ 0.08% ปิดที่ 125.71 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 124.82-126.05 ดอลลาร์

 

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบ WTI พุ่งขึ้นหลังจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลง 0.5% เมื่อเทียบกับยูโรเมื่อวานนี้ ขณะที่ดัชนีดอลลาร์ (dollar index) ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับ 6 สกุลเงินที่เป็นคู่ค้าหลักของสหรัฐ ร่วงลง 0.5% ซึ่งการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์จะทำให้สัญญาน้ำมันดิบซึ่งซื้อขายในรูปสกุลเงินดอลลาร์ มีมูลค่าที่น่าดึงดูดใจ

 

นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากรายงานของสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) ของสหรัฐที่ระบุว่า ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัย ซึ่งสะท้อนความเชื่อมั่นของผู้สร้างบ้านเกี่ยวกับตลาดที่อยู่อาศัยของสหรัฐ อยู่ที่ระดับ 28 ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.2550 และไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนก.พ.ที่ผ่านมา หลังจากที่ปรับตัวขึ้นติดต่อกันมา 5 เดือน

 

อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับตัวลดลง หลังจาก Joint Organization Data Initiative (JODI) เปิดเผยข้อมูลบนเว็บไซต์ว่า ซาอุดิอาระเบีย ซึ่งผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ที่สุดในกลุ่มโอเปค ผลิตน้ำมันได้ 9.87 ล้านบาร์เรล/วันในเดือนมกราคม เพิ่มขึ้น 0.6% จากระดับ 9.81 ล้านบาร์เรล/วันในเดือนธันวาคม ส่งผลให้ผลผลิตน้ำมันเดือนดังกล่าวเกือบแตะระดับสูงสุดเป็นอันดับ 2 ในรอบกว่า 31 ปี

 

นอกจากนี้ JODI ระบุว่า ซาอุดิอาระเบียส่งออกน้ำมัน 7.51 ล้านบาร์เรล/วันในเดือนมกราคม เพิ่มขึ้นจาก 7.36 ล้านบาร์เรล/วันในเดือนธันวาคม ด้านปริมาณน้ำมันดิบสำรองของประเทศอยู่ที่ระดับ 254.6 ล้านบาร์เรลในเดือนมกราคม เพิ่มขึ้น 5.9% จากระดับ 240.6 ล้านบาร์เรลในเดือนธันวาคม

 

ขณะที่การปิโตรเลียมของลิเบียรายงานว่า ลิเบียวางแผนที่จะส่งออกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นเป็น 1.4 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าอุปทานน้ำมันของลิเบียปรับตัวสูงขึ้น

 

นักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงาน (EIA) จะเปิดเผยในวันพุธนี้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า สต็อกน้ำมันดิบจะพุ่งขึ้น 2.4 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นจะลดลง 1.1  ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันเบนซินจะร่วงลง 2.1 ล้านบาร์เรล และคาดว่าอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันจะลดลง 0.5%

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันที่ 20 มีนาคม 2555)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สกุลเงินยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (19 มี.ค.) หลังจากการประมูลตราสารหนี้ของกรีซผ่านไปอย่างราบรื่น ซึ่งข้อมูลดังกล่าวช่วยให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับการลุกลามของวิกฤตหนี้ยุโรป

 

สกุลเงินยูโรพุ่งขึ้น 0.52% แตะที่ 1.3241 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันศุกร์ที่ 1.3173 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่สกุลเงินปอนด์แข็งค่าขึ้น 0.33% แตะที่ 1.5895 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5843 ดอลลาร์สหรัฐ

 

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลง 0.08% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 83.340 เยน จากระดับ 83.410 ดอลลาร์สหรัฐ และร่วงลง 0.49% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 0.9108 ฟรังค์ จากระดับ 0.9153 ฟรังค์

 

ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้น 0.21% แตะที่ 1.0608 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0586 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ดีดตัวขึ้น 0.23% แตะที่ 0.8260 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.8241 ดอลลาร์สหรัฐ

 

สกุลเงินยูโรดีดตัวขึ้นหลังจากกรีซสามารถประมูลตราสาร CDS (credit default swap) ซึ่งเป็นตราสารอนุพันธ์ที่ใช้รับประกันการผิดนัดชำระหนี้ ได้อย่างราบรื่น ซึ่งข้อมูลดังกล่าวช่วยให้ตลาดคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับการลุกลามของวิกฤตหนี้

 

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สกุลเงินยูโรได้แรงหนุนมากขึ้นเมื่อนายลูคัส ปาปาเดมอส นายกรัฐมนตรีกรีซ ได้แสดงความเชื่อมั่นว่ากรีซจะรอดพ้นจากการผิดนัดชำระหนี้ และมั่นในว่าเศรษฐกิจภายในประเทศจะฟื้นตัวขึ้น

 

อย่างไรก็ตาม ธนาคารกลางกรีซคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจของประเทศจะหดตัว 4.5% ในปี 2555 และจะยังคงอยู่ในภาวะถดถอยต่อไปในปีหน้า นอกจากนี้ ยังได้คาดการณ์ในรายงานประจำปีว่าด้วยว่า อัตราว่างงานจะยังคงอยู่สูงกว่าระดับ 19% ในปีนี้

 

เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) อนุมัติการจ่ายเงิน 2.8 หมื่นล้านยูโร (3.67 หมื่นล้านดอลลาร์) เพื่อให้ความช่วยเหลือทางการเงินสำหรับกรีซ โดยไอเอ็มเอฟจะจัดสรรเงินงวดแรกจำนวน 1.65 พันล้านยูโรให้แก่รัฐบาลกรีซในทันที ซึ่งวงเงินดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการให้ความช่วยเหลือระหว่างประเทศ

 

การประกาศจัดสรรเงินช่วยเหลือของไอเอ็มเอฟมีขึ้นหลังจากที่กรีซเสร็จสิ้นการแลกเปลี่ยนพันธบัตรมูลค่า 1.772 แสนล้านยูโร (2.325 แสนล้านดอลลาร์) เมื่อไม่นานไม่นี้ ซึ่งปูทางให้กรีซมีคุณสมบัติเพียงพอที่จะได้รับเงินช่วยเหลือรอบสองจากไอเอ็มเอฟ/อียูเป็นวงเงินรวม 1.30 แสนล้านยูโร

 

สมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) ของสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัย ซึ่งสะท้อนความเชื่อมั่นของผู้สร้างบ้านเกี่ยวกับตลาดที่อยู่อาศัยของสหรัฐ อยู่ที่ระดับ 28 ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.2550 และไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนก.พ.ที่ผ่านมา หลังจากที่ปรับตัวขึ้นติดต่อกันมา 5 เดือน

 

ทางการสหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญในสัปดาห์นี้ รวมถึงตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนก.พ., ยอดขายบ้านมือสองเดือนก.พ., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐเดือนก.พ. และยอดขายบ้านใหม่เดือนก.พ.

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันที่ 20 มีนาคม 2555)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้น 0.7% เมื่อคืนนี้ (19 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเข้ามาช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากสัญญาทองคำร่วงลงอย่างหนักเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

 

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย.พุ่งขึ้น 11.5 ดอลลาร์ หรือ 0.7% ปิดที่ 1,667.3 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1667.0 - 1653.8 ดอลลาร์

 

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนพ.ค.พุ่งขึ้น 35.1 เซนต์ ปิดที่ 32.955 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนพ.ค.ดีดตัวขึ้น 3.1 เซนต์ ปิดที่ 3.909 ดอลลาร์/ปอนด์

 

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย.พุ่งขึ้น 9.20 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,684.70 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย.พุ่งขึ้น 5.90 ดอลลาร์ ปิดที่ 707.60 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สำนักข่าวซินหัวรายงานโดยอ้างความคิดเห็นของนักวิเคราะห์ในตลาดว่า การที่สัญญาทองคำร่วงลงอย่างหนักเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ถือเป็นโอกาสที่นักลงทุนจะเข้ามาช้อนซื้อเก็งกำไร เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่มองว่าทองคำยังคงเป็นแหล่งการลงทุนที่แข็งแกร่งในระยะยาว

 

สัญญาทองคำร่วงลง 3.3% ในสัปดาห์ที่แล้ว เนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจที่ซบเซาของสหรัฐ และจากการที่นักลงทุนผิดหวังต่อธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ไม่ได้ส่งสัญญาณว่าจะมีการใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบที่ 3 (QE3) ในการประชุมครั้งล่าสุด

 

อย่างไรก็ตาม เทรดเดอร์รายหนึ่งคาดว่า สัญญาทองคำจะไม่ดีดตัวขึ้นมากนักจากระดับในปัจจุบัน เนื่องจากนักลงทุนมีความระมัดวังในการซื้อขาย หลังจากตลาดทองคำผันผวนในสัปดาห์ที่แล้ว และมีความเป็นไปได้ว่าสัญญาทองคำจะเริ่มเข้าสู่ระยะพักฐานในสัปดาห์นี้

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันที่ 20 มีนาคม 2555)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ซาอุดิอาระเบีย ผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ที่สุดในกลุ่มโอเปก ผลิตน้ำมัน 9.87 ล้านบาร์เรล/วันในเดือนมกราคม เพิ่มขึ้น 0.6% จากระดับ 9.81 ล้านบาร์เรล/วันในเดือนธันวาคม ส่งผลให้ผลผลิตน้ำมันเดือนดังกล่าวสูงสุดเป็นอันดับ 2 ในรอบกว่า 31 ปี

 

Joint Organization Data Initiative (JODI) เปิดเผยข้อมูลบนเว็บไซต์ว่า ซาอุดิอาระเบียส่งออกน้ำมัน 7.51 ล้านบาร์เรล/วันในเดือนมกราคม เพิ่มขึ้นจาก 7.36 ล้านบาร์เรล/วันในเดือนธันวาคม ด้านปริมาณน้ำมันดิบสำรองของประเทศอยู่ที่ระดับ 254.6 ล้านบาร์เรลในเดือนมกราคม เพิ่มขึ้น 5.9% จากระดับ 240.6 ล้านบาร์เรลในเดือนธันวาคม

 

ซาอุดิอาระเบียผลิตน้ำมัน 10.05 ล้านบาร์เรล/วันในเดือนพฤศจิกายน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบกว่า 31 ปี

 

ทั้งนี้ ซาอุดิอาระเบียผลิตน้ำมันมากขึ้นก่อนที่สหภาพยุโรป (อียู) จะห้ามชาติสมาชิกนำเข้าน้ำมันจากอิหร่านอย่างสิ้นเชิงตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคมเป็นต้นไป

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันที่ 19 มีนาคม 2555)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

"ความกังวลอิหร่าน และปัญหาโรงกลั่นในสหรัฐฯดันราคาน้ำมันดิบขึ้นต่อ" (20/03/2555)

ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ที่ตลาดนิวยอร์ก ส่งมอบเดือน เม.ย. ปรับเพิ่มขึ้น 1.03 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล  มาปิดที่ 108.09 เหรียญฯ ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์ ที่ตลาดลอนดอน ส่งมอบเดือน พ.ค. ปรับลดลง 0.10 เหรียญฯ ปิดที่ 125.71 เหรียญฯ

 

๑ ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันดิบ

+ ตลาดยังคงให้น้ำหนักกับประเด็นความขัดแย้งเรื่องโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน กับชาติตะวันตก เพราะยังไม่มีแนวโน้มว่าจะจบลงอย่างไร ซึ่งภายในกลางปีนี้มาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ และยุโรปจะเริ่มมีผลบังคับใช้ และจะส่งผลกระทบต่อการส่งออกอย่างน้อย 5 แสนบาร์เรลต่อวัน ซึ่งจะทำให้ตลาดน้ำมันดิบตึงตัวมากขึ้น โดยระยะสั้นนักลงทุนจับตามองการหารือกันในการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศสหภาพยุโรปในวันที่ 23 มี.ค. นี้

+ ราคาน้ำมันเบนซินในตลาดซื้อขายล่วงหน้าของสหรัฐฯ ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ช่วยหนุนราคาน้ำมันดิบ WTI  หลังจากที่บริษัท Valero Energy ประกาศที่จะหยุดเดินเครื่องโรงกลั่นขนาด 235,000 บาร์เรลต่อวันที่อารูบา เนื่องจากประสบภาวะขาดทุน นอกจากนี้ยังมีโรงกลั่นขนาด 182,000 บาร์เรลต่อวัน ของบริษัท PBF Energy ในรัฐเดลาแวร์ต้องลดกำลังการกลั่นลง หลังจากเกิดเหตุเพลิงไหม้ช่วงวันศุกร์ที่ผ่านมา

+ นักวิเคราะห์คาดการณ์ปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลังของสหรัฐฯ สิ้นสุดวันที่ 16 มี.ค. จะปรับลดลงถึง 2.1 ล้านบาร์เรล ซึ่งช่วยสนับสนุนราคาน้ำมันเบนซินในสหรัฐฯ เช่นกัน

+ ดัชนีตลาดบ้านของสหรัฐฯ เดือนมี.ค. ยังคงยืนในระดับสูงสุดตั้งแตเดือน มิ.ย. 2550 ที่ 28 จุด ทำให้ตลาดเชื่อมั่นมากขึ้นว่าตลาดบ้านของสหรัฐฯ ได้ผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว และอยู่ในช่วงการฟื้นตัว

+ นักลงทุนเริ่มกลับเข้าซื้อสกุลเงินยูโร ทำให้แข็งค่าขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 1 สัปดาห์เทียบกับเงินดอลลาร์ฯ หลังจากที่ขั้นตอนการเคลมประกันพันธบัตรรัฐบาลกรีซมูลค่ารวม 3,200 ล้านยูโร ผ่านไปได้ด้วยดี โดยจะมีการจ่าย 78.5 เซนต์ ให้ผู้ที่ได้ทำประกันไว้เพื่อชดเชยมูลค่าของพันธบัตรที่ลดลงไป

 

ราคาน้ำมันดิบดูไบ ที่ตลาดสิงคโปร์ ส่งมอบเดือน พ.ค. ปรับเพิ่มขึ้น 1.60 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 123.73 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล  

 

๑ ทิศทางราคาน้ำมันระยะสั้น

ไทยออยล์คาดราคาน้ำมันดิบเบรนท์ในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวในกรอบ 120 - 127 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนเวสต์เท็กซัสเคลื่อนไหวที่กรอบ 103 - 110 เหรียญฯ สัปดาห์นี้ติดตามการประชุมของรัฐมนตรีต่างประเทศของสหภาพยุโรปในวันที่ 23 มี.ค. นี้ รวมถึงการเจรจาระหว่างผู้นำ 6 ประเทศและอิหร่านในเรื่องโครงการนิวเคลียร์ว่าจะมีทิศทางอย่างไรต่อไป รวมทั้งตัวเลขยอดขายบ้านใหม่ของสหรัฐฯ คืนนี้

 

๑ ราคาน้ำมันสำเร็จรูปตลาดสิงคโปร์

ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันดิบดูไบ ประกอบกับปัจจัยพื้นฐานในภูมิภาคยังคงแข็งแกร่งจากแรงซื้อของอินโดนีเซียที่อยู่ในระดับสูงมาก เนื่องจากราคาในประเทศยังได้รับการอุดหนุนให้ต่ำกว่าราคาตลาดโลกมาก

 

ราคาน้ำมันดีเซล ปรับเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันดิบดูไบ อย่างไรก็ตามตลาดยังถูกกดดันจากอุปทานที่ค่อนข้างมาก ทำให้มีแรงขายในตลาดอย่างต่อเนื่อง

 

๑ ปัจจัยที่น่าจับตามอง

• ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่

วันอังคาร: ยอดการขอสร้างบ้านใหม่ รวมถึงดัชนีราคาผู้ผลิตเยอรมนี

วันพุธ: ยอดขายบ้านมือสอง

วันพฤหัสฯ: ยอดผู้ขอรับสิทธิประโยชน์การว่างงาน และแถลงการณ์ประธานธนาคารกลาง รวมถึง ยอดการสั่งซื้อสินค้าอุตสาหกรรมและดัชนีราคาผู้ผลิตและผู้บริโภคสหภาพยุโรป

วันศุกร์: ยอดขายบ้านใหม่

 ติดตามรายละเอียดของนโยบายการบูรณการทางการเงินของสหภาพยุโรป และประเด็นเรื่องกองทุนถาวรกลไกสร้างเสถียรภาพยุโรป (ESM) กองทุนชั่วคราวเสถียรภาพการเงินยุโรป (ESFS) ในการประชุมของรัฐมนตรีการคลังสหภาพยุโรปในวันที่ 30-31 มี.ค. นี้

 ความคืบหน้าของการเปิดการเจรจาระหว่าง 6 ประเทศแกนนำหลักของโลกและอิหร่านในเรื่องโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน ติดตามว่าการเจรจาจะมีขึ้นเมื่อใดและสถานที่ใด รวมทั้งอิหร่านจะยอมให้สำนักงานปรมาณูสากลเข้าตรวจสอบพื้นที่ตั้งโครงการนิวเคลียร์หรือไม่ ซึ่งเป็นหนึ่งในเงื่อนไขของชาติตะวันตกในการยอมเปิดเจรจาครั้งนี้

 การประชุมของรัฐมนตรีต่างประเทศของสหภาพยุโรปในวันที่ 23 มี.ค. นี้ ที่จะหารือในเรื่องมาตรการคว่ำบาตรน้ำมันของอิหร่าน หลังผู้นำเข้าเอเชียเรียกร้องให้ยกเว้นการคว่ำบาตรต่อบริษัทประกันภัยที่ทำประกันน้ำมันดิบของอิหร่า

 สถานการณ์ความไม่สงบในประเทศผู้ผลิตน้ำมันดิบในตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ ได้แก่ ไนจีเรีย ซีเรีย อิรัก เยเมน และซูดาน ซึ่งจะส่งผลให้อุปทานน้ำมันดิบในตลาดมีความตึงตัวยิ่งขึ้น

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ (วันที่ 20 มีนาคม 2555)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

โบรกฯมองแนวโน้มหุ้นไทยวันนี้แกว่งช่วงแคบ หลังจากเมื่อวานยังไม่ผ่านแนวต้าน 1,200 จุด แรงซื้อต่างชาติยังหนุน มีโอกาสขยับบวก

 

บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (KGI) มองถึงแนวโน้มการลงทุนตลาดหุ้นไทยวันนี้ (20 มี.ค.) ว่า ดัชนีน่าจะแกว่งตัวในกรอบจำกัด และน่าจะบวกได้บ้าง หลังจากเมื่อวานไม่ผ่านแนวต้านทางจิตวิทยาที่ 1,200 จุดแต่ต่างชาติยังคงซื้อสุทธิหนักมืออยู่ ตลาดหุ้นต่างประเทศทั้งสหรัฐฯ และยุโรปต่างปิดเกือบไม่เปลี่ยนแปลงจากวันก่อนหน้าเช่นเดียวกัน เนื่องจากสหรัฐฯ ไม่มีการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญ แต่จะเริ่มมีออกมาในวันนี้ไปถึงปลายสัปดาห์ เน้นในตัวเลขภาคอสังหาริมทรัพย์สหรัฐฯ ซึ่งหากตัวเลขออกมาดีกว่าคาด อาจดันให้เงินดอลลาร์ฯ กลับมาแข็งค่าอีกครั้ง

 

อย่างไรก็ดีเมื่อคืนนี้เงินดอลลาร์ อ่อนลงเล็กน้อยหลังจากสกุลเงินยูโรได้รับจิตวิทยาเชิงบวกว่าการประมูลตราสาร Credit Default Swap (CDS) ของกรีซผ่านไปได้ด้วยดี และคืนเงินให้กับผู้ซื้อประกันความเสี่ยงดังกล่าวในระดับหนึ่ง ซึ่งหมายความว่าประเด็นของกรีซได้ผ่อนคลายลงอีก และในวันนี้ (20มี.ค.) ก็จะเป็นวันที่กรีซจะชำระคืนพันธบัตร 1.45 หมื่นล้านยูโรโดยใช้เงินช่วยเหลือที่ได้มาจากแผนกอบกู้รอบที่ 2

 

ส่วนปัจจัยในประเทศยังค่อนข้างนิ่ง มีเพียงการติดตามผลประชุม กนง. ในวันที่ 21 มี.ค. ซึ่งน่าจะตรึงดอกเบี้ยนโยบายที่ 3.0% และไม่ส่งผลกระทบต่อตลาด

 

กลยุทธ์: ยังคงแนะนำให้เล่นหุ้นเสี่ยงต่ำและหุ้นปันผลสูงเป็นหลัก เรายังแนะนำซื้อ INTUCH, MAKRO,EASTW รวมทั้งซื้อหุ้นกลุ่มก่อสร้างที่ราคาหุ้นขึ้นช้ากว่าตลาดเช่น TASCO และ STEC เป็นต้น ส่วนหุ้นหลักยังมองว่าไม่คุ้มเสี่ยงเข้าซื้อ ณ ราคาปัจจุบัน

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ (วันที่ 20 มีนาคม 2555)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

จีนขาดดุลการค้าสูงสุดนับจากปี 2532 ในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาจากการที่วิกฤติหนี้ยุโรปส่งผลลบต่อภาคการส่งออกของจีนในขณะที่การนำเข้าเพิ่มขึ้นมากหลังจากช่วงวันหยุดยาว โดยสำนักงานศุลกากรของจีนแถลงว่าการส่งออกของจีนในเดือนกุมภาพันธ์เพิ่มขึ้น 18.4% จากเดือนเดียวกันปีก่อน ในขณะที่การนำเข้าเพิ่มขึ้น 39.6% ในช่วงเดียวกัน ส่งผลให้จีนขาดดุลการค้าในเดือนกุมภาพันธ์ทั้งสิ้น 31.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ  ด้านกระทรวงพาณิชย์จีนเปิดเผยว่าการที่จีนขาดดุลการค้าจำนวนมากในเดือนกุมภาพันธ์นั้น อาจเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพียงชั่วคราวเท่านั้น โดยรวมแล้วยังคงคาดว่าจะมียอดเกินดุลการค้าในปีนี้ แต่ตัวเลขจะค่อยๆลดลง และคิดเป็นสัดส่วนเป็นเปอร์เซนต์ที่น้อยลงเมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี)

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ (วันที่ 18 มีนาคม 2555)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

แขวน "SP" และ "NP" หุ้นGEN พบทุจริตใช้เงินเพิ่มทุนผิดวัตถุประสงค์

 

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 19 มีนาคม 2555 23:11 น.

 

       ตลาดหลักทรัพย์ แขวน SP และ NP หลังพบการใช้เงินเพิ่มทุนผิดจากวัตถุประสงค์ อีกทั้งมีข้อบกพร่องในระบบการควบคุมภายในที่เกี่ยวกับการซื้อหุ้นและวอร์แรนต์ซื้อหุ้นเกินวงเงินที่ได้รับอนุมัติ จนเกิดความเสียหายต่อบริษัท ซึ่งทำให้เกิดความเสียหายแก่ GEN ผู้สอบบัญชีไม่สามารถตรวจสอบได้ เร่งให้แก้ไขงบงวดสิ้นปี54 และแจ้งงบภายใน 17 เมษายนนี้

       

       ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย แจ้งว่า เมื่อวันที่ 16 มีนาค 55 สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) แจ้งให้บริษัท เจนเนอรัล เอนจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ GEN แก้ไขงบการเงินประจำปี 54 สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 54 โดยให้นำส่งภายในวันที่ 17 เมษายน 55 เนื่องจากสำนักงาน ก.ล.ต.พบว่าผู้สอบบัญชีได้เสนอรายงานการตรวจสอบ โดยไม่สามารถแสดงความเห็นต่องบการเงินดังกล่าวได้เนื่องจาก ผู้สอบบัญชีถูกจำกัดขอบเขต การตรวจสอบโดยผู้บริหาร ในประเด็นที่ GEN ได้นำเงินเพิ่มทุนไปใช้ผิด

       

       โดยเงินที่ได้นำไปซื้อหุ้นและใบสำคัญแสดงสิทธิ หรือวอร์แรนต์ ซื้อหุ้นของบริษัท พี พลัส พี จำกัด (มหาชน) หรือ PLUS และได้ซื้อเกินจำนวนที่ได้รับอนุมัติจากมติที่ประชุมคณะกรรมการบริหารจนทำให้ GEN มีผลขาดทุนเป็นรวม 265 ล้านบาท นอกจากนี้ ผู้สอบบัญชียังพบว่า มีข้อบกพร่องอย่างมากในระบบการควบคุมภายในที่เกี่ยวข้องกับการซื้อหุ้นและวอร์แรนต์ซื้อหุ้นดังกล่าวจนเกินวงเงินที่ได้รับอนุมัติ ซึ่งทำให้เกิดความเสียหายแก่ GEN ผู้สอบบัญชีจึงไม่สามารถตรวจสอบให้เป็นที่พอใจเกี่ยวกับความถูกต้องและครบถ้วนของรายการบัญชีซื้อหุ้นและวอร์แรนต์ซื้อหุ้นดังกล่าวข้างต้นได้

       

       ดังนั้น ตลาดหลักทรัพย์จึงขึ้นเครื่องหมาย "SP" (Suspension) เพื่อห้ามการซื้อหรือขายหลักทรัพย์ของ GEN ตั้งแต่การซื้อขายของวันที่ 19 มีนาคม 55 เพื่อให้ผู้ถือหุ้นและผู้ลงทุนทั่วไปได้ศึกษาข้อมูลดังกล่าวประกอบการพิจารณารายงานผู้สอบบัญชี ตัวเลขงบการเงิน และหมายเหตุประกอบงบการเงินโดยจะอนุญาตให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์พร้อมกับการขึ้นเครื่องหมาย NP ( Notice Pending ) ตั้งแต่การซื้อขายของวันที่ 20 มีนาคม 55 จนกว่าบริษัทดังกล่าวจะนำส่งงบการเงินฉบับแก้ไข

       

       ทั้งนี้ ในกรณีดังกล่าวตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้เคยประกาศข่าวให้ GEN ชี้แจงข้อมูลต่อผู้ลงทุนกรณีฝ่ายจัดการใช้เงินเพิ่มทุนไปซื้อหุ้น PLUS ซึ่งไม่ตรงกับวัตถุประสงค์การใช้เงินเพิ่มทุนก่อนได้รับสัตยาบันจากคณะกรรมการในภายหลัง ซึ่งเคยแจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ไปแล้วเมื่อเดิอนมิถุนายน 54

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

คุมเชิงชั่วคราว

 

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 20 มีนาคม 2555 06:05 น.

 

Share

 

 

 

       คุมเชิงชั่วคราว

       ตลาดหุ้นยุโรปและสหรัฐ คืนวันจันทร์เคลื่อนไหวอย่างเงียบเหงา ดัชนีทุกตลาดแกว่งตัวช่วงแคบมาก โดยย่านยุโรปปรับตัวลงกันเบาบาง ขณะที่ดาวโจนส์เพิ่มขึ้นเพียง 6 จุด ราคาทองคำขยับขึ้นมาที่ 1,663 ดอลลาร์ต่อออนส์ ราคาน้ำมันทรงตัวอยู่ที่ระดับ 107 ดอลลาร์ต่อบาเรลล์ ซึ่งถือว่า ปัจจัยภายนอก ไม่ได้ชี้นำในทางบวกหรือลบต่อตลาดหุ้นไทยแต่อย่างใด

       ส่วนภายในก็ไม่มีปัจจัยใหม่ ทั้งด้านบวกและลบแต่อย่างใด ส่งผลให้ไม่สามารถประเมินแนวโน้มตลาดหุ้นวันอังคารนี้ได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะเมื่อวานนี้ มีความผันผวนเกิดขึ้นรุนแรง ระหว่างการซื้อขายในภาคเช้า ซึ่งคึกคักสดใส จนดัชนีทำลายสถิติสูงสุดใหม่ในรอบ 16 ปี ผ่านทะลุ1200 จุดขึ้นมา แต่ภาคบ่ายกับทรุดตัวลง เพราะแรงขายจากนักลงทุนในประเทศ ซึ่งหวั่นไหวในความสูง และชิงทำกำไร โดยนักลงทุนสถาบันในประเทศ ยังคงปักหลักขายอย่างหนัก จนดัชนีกลับมาปิดติดลบ0.06 จุด

       แต่นักลงทุนต่างชาติ ก็ยังซื้อสุทธิต่อเนื่องอีกกว่า 3,200 ล้านบาท โดยยอดซื้อสุทธิสะสมตั้งแต่ต้นปีนี้ รวมแล้วกว่า 70,000 ล้านบาท ซึ่งถือว่าสูงมาก และเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ ผลักดันให้ดัชนีขยับขึ้นมากว่า 100 จุดในม้วนเดียวในรอบนี้

       ตลาดหุ้นกำลังเข้าสู่จุดหัวเลี้ยวหัวต่อ จะฝ่าด่าน1200 จุดได้หรือไม่ เพราะถือว่าได้แตะแล้ว แต่แตะ1200 จุดแล้ว จะไปต่อหรือหยุดพัก ส่วนปัจจัยที่จะสนับสนุนให้ดัชนีเดินหน้าต่อไป ตอนนี้เหลือเพียงประการเดียวคือ แรงซื้อจากต่างชาติเท่านั้น และต้องซื้อหนักๆ เพราะปัจจัยบวกด้านอื่น นักลงทุนขานรับไปหมดแล้ว

       หุ้นกลุ่มที่จะเป็นตัวนำตลาด หุ้นกลุ่มไหนจะเด่น ก็อยู่ในภาวะที่คาดเดาลำบาก เพราะหมุนเวียนเปลี่ยนกลุ่มเล่นกันแต่ละวัน แต่โดยรวมแล้ว กลุ่มหลักๆ หุ้นขนาดใหญ่ ราคาเริ่มเต็มอิ่มแล้ว ซึมซับข่าวต่างไปหมด และแทบไม่มีช่องที่จะขยับขึ้นไป ขณะที่ราคาถือว่าไม่ถูกแล้ว จะเก็งกำไรระยะสั้น ส่วนต่างราคาก็แคบลง และอาจไม่คุ้มกับความเสี่ยง

       ท่ามกลางสถานการณ์ที่ไม่อาจประเมินความแน่นอนได้ ไม่รู้ว่าหุ้นจะเดินหน้าต่อหรือปรับฐานลงมา นักลงทุนอาจต้องปรับกลยุทธ์ หันมายืนคุมเชิงกันชั่วคราว และเชื่อว่า คงไม่มีใครกล้าบุกไล่ซื้อแล้ว เพราะเริ่มกลัวความสูงกัน

       และดัชนีก็ไต่ขึ้นมาสู่ความลาดชัน กำหนดกลยุทธ์ไม่ดี อาจพลาดพลั้งติดดอยได้

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เงินบาทเปิด 30.71/73 แนวโน้มอ่อนตัว สวนทางค่าเงินในภูมิภาค

 

 

 

 

นักบริหารเงินจากธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย เปิดเผยว่า เช้านี้เงินบาทเปิดตลาดที่ระดับ 30.71/73 บาท/ดอลลาร์ ทรงตัวจากเย็นวานนี้ที่ปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 30.71/74 บาท/ดอลลาร์ แต่ล่าสุดเงินบาทอ่อนค่าลงมาอยู่ที่ระดับ 30.75/77 บาท/ดอลลาร์ สวนทางภูมิภาคที่ส่วนใหญ่แข็งค่าเพราะยูโรแข็งค่าหลังจากการประมูลตราสารหนี้ของกรีซผ่านไปอย่างราบรื่น

 

 

"บาทสวนทางชาวบ้านเหมือนกัน ไม่แน่ใจว่าเกิดจากอะไร" นักบริหารเงิน กล่าว

 

 

ส่วนความเคลื่อนไหวของค่าเงินสกุลหลักต่างประเทศช่วงเช้าวันนี้ เงินเยนอยู่ที่ระดับ 83.46/48 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่อยู่ที่ระดับ 82.97 เยน/ดอลลาร์ ส่วนเงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.3230/3232 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานนี้ที่อยู่ที่ระดับ 1.3150 ดอลลาร์/ยูโร

 

 

นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทน่าจะมีทิศทางแกว่งตัว แม้ว่าจริงๆแล้วน่าจะมีทิศทางเดียวกับภูมิภาค แต่หลังจากเช้านี้ค่อนข้างสวนทางตลาดก็เลยคาดว่าน่าจะแกว่ง

 

 

ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวระหว่าง 30.70-30.80 บาท/ดอลลาร์

 

 

วันนี้ วันอังคาร กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนก.พ.

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

หุ้นฮ่องกงเปิดตลาดปรับตัวลงในวันนี้ แต่ก็ได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มพลังงาน และกลุ่มสาธารณูปโภค โดยหุ้นฮ่องกง แอนด์ ไชน่า ก๊าซพุ่งขึ้นหลังแถลงผลกำไรปีที่ แล้วเพิ่มขึ้น

 

ณ เวลา 9.12 น.ตามเวลาไทย ดัชนีฮั่งเส็งลดลง 89.44 จุดหรือ 0.42% มาที่ 21,025.85

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...