ขอเดา(ราคาทอง)กับเขาบ้าง

[Pete 15,187]

PRODUCER PRICE INDEX EX FOOD & ENERGY (MOM)

Actual: 0.2%Cons.: 0.2%Previous:  0.3%

 

The Producer Price Index ex Food & energy released by the Bureau of Labor statistics, Department of Labor measures the average changes in prices in primary markets of the US by producers of commodities in all states of processing. Those volatile products such as food and energy are excluded in order to capture an accurate calculation. Generally speaking, a high reading is seen as positive (or bullish) for the USD, whereas a low reading is seen as negative (or bearish).

[Pete 15,187]

PRODUCER PRICE INDEX EX FOOD & ENERGY (YOY)

Actual: 2.7%Cons.: 2.8%Previous:  2.9%

 

The Producer Price Index ex Food & energy released by the Bureau of Labor statistics, Department of Labor measures the average changes in prices in primary markets of the US by producers of commodities in all states of processing. Those volatile products such as food and energy are excluded in order to capture an accurate calculation. Generally speaking, a high reading is seen as positive (or bullish) for the USD, whereas a low reading is seen as negative (or bearish).

[Pete 15,187]

U Mich consumer sentiment 77.8 vs 76.2 exp

[Pete 15,187]

REUTERS/MICHIGAN CONSUMER SENTIMENT INDEX

Actual: 77.8Cons.: 76.2Previous:  76.4

 

The Reuters/Michigan Consumer Sentiment Index released by the Reuters/University of Michigan is a survey of personal consumer confidence in economic activity. It shows a picture of whether or not consumers are willing to spend money. Generally speaking, a high reading anticipates positive (or bullish) for the USD, while a low reading is seen as negative (or bearish).

[Pete 15,187]

By Steve Goldstein

WASHINGTON (MarketWatch) -- The preliminary reading of the University of Michigan-Thomson Reuters consumer sentiment index climbed to 77.8 in May, up from 76.4 in April and above the 76.0 expected in a MarketWatch-compiled economist poll.

[Pete 15,187]

 

WASHINGTON (MarketWatch) — A drop in gasoline prices dragged producer prices down in April by the most in six months, according to data released by the government on Friday.

 

The Labor Department said producer prices fell a seasonally adjusted 0.2% in April to mark the biggest decline since October. The unadjusted 12-month rise of 1.9% in the rate of wholesale-level inflation was the weakest since October 2009.

 

Excluding food and energy, core producer prices edged up 0.2% — the second month in a row where core prices exceeded the headline rate.

 

Economists polled by MarketWatch had anticipated a 0.1% drop in producer prices and a 0.2% gain for core wholesale prices.

[ariya 1,481]

ป๋า มาแล้วจัดหนักเลยนะ

[ariya 1,481]

ดีด แล้ว

[arthas2u 407]

สบายตัว ปายยย

[ariya 1,481]

สบายตัว ปายยย

 

ออกไปแล้วจิ เจ้เข้าสูงยังออกไม่ได้

ถูกแก้ไข พฤษภาคม 11, 2012 โดย เกี้ยมอี๋

[ariya 1,481]

ทำไมห้องเราเงียบจังไปไหนกันหมด

 

เจ้ดูเกาหลีอยู่

[ariya 1,481]

:37 :bye

[Pete 15,187]

กรีซยังคงเผชิญกับทางตันทางการเมือง ขณะที่สหภาพยุโรปกดดันเพิ่มขึ้น

 

กรีซยังคงเผชิญกับทางตันทางการเมืองวันนี้ ขณะที่การเจรจาจัดตั้งรัฐบาลผสมต้องชะงักงัน หลังการลงคะแนนเสียงเมื่อสุดสัปดาห์ยังไม่สามารถหาข้อสรุปได้

การเจรจาจัดตั้งรัฐบาลผสมของบรรดผู้นำพรรคการเมืองกรีซล้มเหลว ขณะที่เยอรมนีผู้จ่ายเงินกองทุนของสหภาพยุโรปหรืออียู.ขู่จะตัดลดเงินกู้ของกรีซ ด้านนายอันโตนิส ซามาราส ผู้นำพรรคคอนเซอร์เวทีฟ นิว เดโมเครซี กล่าววันนี้ว่า รัฐบาลไม่สามารถจัดตั้งขึ้นมาได้โดยปราศจากพรรคซีริซา ซึ่งคัดค้านแผนกอบกู้เศรษฐกิจของอียู.และกองทุนการเงินระหว่างประเทศหรือไอเอ็มเอฟ. มูลค่า 240,000 ล้านยูโร หรือ 311,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

 

ชาวฟิลิปปินส์ประท้วงบริเวณหน้าสถานทูตจีน เพื่อต่อต้านการ “ความเป็นอันธพาล” ของจีน

 

ชาวฟิลิปปินส์ราว 300 คนประท้วงบริเวณด้านนอกสถานทูตจีนในฟิลิปปินส์วันนี้ กรณีข้อพิพาทเกี่ยวกับพรมแดนในทะเลจีนใต้ ซึ่งผู้ประท้วงประณามรัฐบาลจีนว่า ระรานผู้อื่นอย่างทะนงตัว

สื่อรายงานว่า ผู้ประท้วงถือธงชาติโบกไปมา พร้อมเรียกร้องให้เรือจีนถอนออกจากพื้นที่พิพาทในทะเลจีนใต้ ซึ่งทั้ง 2 ประเทศมีเรือประจำการอยู่นานกว่า 1 เดือน เพื่อเป็นการยืนยันอธิปไตยของแต่ละฝ่ายเหนือพื้นที่ดังกล่าว ด้านผู้จัดการประท้วงในกรุงมะนิลากล่าวว่า มีการวางแผนจัดการชุมนุมในลักษณะคล้ายกันที่สถานทูตจีนทั่วโลกวันนี้ รวมทั้งที่สหรัฐและแคนาดาด้วย

[Pete 15,187]

 

“ปตท.-บางจาก” ประกาศปรับลดราคาขายปลีก “เบนซิน-แก๊สโซฮอล์” ลิตรละ 40 สตางค์ ขณะที่แก๊สโซฮอล์ อี85 ปรับลดลง 20 สตาค์ ดีเซลคงราคาเดิม โดยมีผลเช้า 12 พ.ค.นี้

       

       มีรายงานข่าวว่า บริษัท บางจาก ปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ BCP และบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT ประกาศปรับลดราคาขายปลีกน้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอล์ทุกประเภท ลงลิตรละ 40 สตางค์ ยกเว้นแก๊สโซฮอล์ E85 ปรับลดลงแค่ 20 สตางค์ ส่วนดีเซลยังคงเดิม โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 12 พฤษภาคม 2555 (พรุ่งนี้) เป็นต้นไป

       

       ทั้งนี้ ส่งผลให้ราคาน้ำมันในสถานีบริการ ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ในวันพรุ่งนี้ เป็นดังนี้ เบนซิน 91 ราคาลิตรละ 42.05 บาท แก๊สโซฮอล์ 95 ลิตรละ 38.63 บาท, แก๊สโซฮอล์ 91 ลิตรละ 36.88 บาท แก๊สโซฮอล์ E20 ลิตรละ 35.88 บาท แก๊สโซฮอล์ E85 ลิตรละ 22.98 บาท ส่วนดีเซลยังคงเดิมที่ลิตรละ 30.83 บาท

 

[Pete 15,187]

เอเชียร่วงทุกตลาดเว้นฟิลิปปินส์ฉุดหุ้นไทยลบต่อ

วันที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

 

ตลาดหุ้นเอเชียเทรดเช้านี้ (11 พ.ค) ร่วงลงทุกตลาด ยกเว้นฟิลิปปินส์ยืนบวก 0.35% นำโดยเกาหลีใต้ดิ่งลง 1.4% หั่งเส็งร่วง 1.18% นิคเคอิลบ 0.58% กดดันหุ้นไทยร่วงอีก 4 จุดที่ดัชนี 1,186 เช้าวันนี้ (11 พ.ค.) หลังรูดลง 16 จุดวานนี้ รวมสองวัน 40 จุด ขณะที่แรงกรเพื่อมจากการขายของต่างชาติเพิ้ทขึ้นอีก 4.8 พันล้านบาท แนะเก็บหุ้นพื้นฐานดี หลังหุ้นไทยยังทรุดตามปัจจัยการเมืองกรีซ นักวิเคราะห์แนะเกาะติดข่าวใหญ่ในประเด็นการเมืองและหนี้สาธารณะของกรีซใกล้ชิดในอีก 1-2 สัปดาห์ข้างหน้า เหตุโจทย์คลุมเครือยังมีอีกหลายปมปัญหา เนื่องจากกระทบทิศทางเศรษฐกิจของยุโรป-สหรัฐที่ยังไม่ชัดเจน

 

 

ขณะที่หุ้นเอเชียอื่นๆเช้านี้ มีการเทรดแกว่งตัวในแดนลบทุกตลาดทั้งสิงคโปร์ร่วง 0.69% จีนลบ 0.25% ไต้หวันลบ 1.26% อินโดนีเชียลบ 0.77% ออสเตรเลียลบ 0.26%

 

ทั้งนี้บรรยากาศการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ไทยวานนี้ (10 พ.ค.) ปิดการซื้อขายที่ 1,190.65 จุด ลดลง 16.60 จุด หรือ 1.38% เป็นวันื้สอง หลังจากดิ่งลงเมื่อวันพุธกว่า 23 จุด โดยระหว่างวันปรับตัวแตะระดับต่ำสุดที่ 1,185.89 จุด และปิดการซื้อขายที่ 45,789 ล้านบาท โดยนักลงทุนสถาบัน ขายสุทธิ 896 ล้านบาท บัญชีหลักทรัพย์ ซื้อสุทธิ 327 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศ 4,888 ล้านบาท และนักลงทุนในประเทศ ซื้อสุทธิ 5,457 ล้านบาท

 

หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขาย 5 อันดับแรก คือ บริษัท ปตท. (PTT) ปิดที่ 335 บาท ลดลง 10 บาท หรือ 2.90% มูลค่าการซื้อขาย 3,352 ล้านบาท บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE) ปิดการซื้อขายที่ 4.10 บาท เพิ่มขึ้น 0.32 บาท หรือ 8.47% มูลค่าการซื้อขาย 2,334 ล้านบาท ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) ปิดการซื้อขายที่ 153 บาท ลดลง 2.50 บาท หรือ 1.61% มูลค่าการซื้อขาย 2,271 ล้านบาท บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร (CPF) ปิดการซื้อขายที่ 40 บาท ลดลง 0.75 บาท หรือ 1.84% มูลค่าการซื้อขาย 2,095 ล้านบาท และธนาคารกรุงเทพ (BBL) ปิดการซื้อขายที่ 181 บาท ลดลง 4 บาท หรือ 2.16% มูลค่าการซื้อขาย 1,950 ล้านบาท

 

นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า สาเหตุที่ทำให้หุ้นไทยปรับลดลงในช่วงนี้มาจากปัจจัยที่ไม่แน่นอนของประเทศในกลุ่มยุโรปที่เข้ามากดดัน ประกอบกับนักลงทุนทั่วโลกวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาการเมืองในประเทศกรีซที่ยังวุ่นวาย หลังจากที่ยังไม่มีความชัดเจนในการเลือกผู้นำประเทศ จึงทำให้หลายฝ่ายกังวลว่าปัญหาดังกล่าวจะทำให้วิกฤติการแก้ปัญหาหนี้ในยุโรปจะกลับมาลุกลามอีกครั้ง ซึ่งนักลงทุนต้องติดตามดูปัญหาดังกล่าวอย่างใกล้ชิด

 

ทั้งนี้ แนะนำให้นักลงทุนไทยลงทุนในบริษัทที่มีปัจจัยพื้นฐานดี และมีความสามารถในการทำกำไรสูง โดยหุ้นไทยมากกว่า 75 บริษัท อยู่ในกลุ่ม SET100 สามารถทำกำไรได้ดี ส่วนปัจจุบันเรื่องราคาสินค้าที่มีราคาแพงในช่วงนี้ซึ่งกระทบต่อผู้ประกอบการนั้น มองว่าผู้ประกอบการต้องดูและศึกษาต้นทุนให้รอบคอบ และดูความสามารถในการลดต้นทุนในการผลิต และปรับราคาสินค้าขึ้นตามต้นทุน เพื่อรองรับความเสี่ยงของกำไรที่จะลดลงแล้ว

 

นางสาวอาภาภรณ์ แสวงพรรค ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (10 พ.ค.) ปรับตัวลดลงต่อเนื่องจากเมื่อวันก่อน เพราะนักลงทุนยังคงกังวลกับปัจจัยการเมืองในประเทศกรีซ ที่ยังไม่มีความแน่นอน โดยยังติดตามเรื่องการเลือกตั้งครั้งใหม่ว่าจะได้รัฐบาลที่ต่อต้านนโยบายรัดเข็มขัดเศรษฐกิจหรือไม่ ขณะเดียวกัน ประเทศสเปนเองก็มีประเด็นเรื่องการเพิ่มทุนของสถาบันการเงิน ซึ่งจะกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจ และก่อให้เกิดความกังวลว่าหนี้ยุโรปจะปะทุขึ้นมาอีกครั้ง

 

เธอกล่าวว่า บรรยากาศการลงทุนในระยะนี้ เชื่อว่านักลงทุนสถาบันต่างประเทศจะยังคงปรับพอร์ตอย่างต่อเนื่อง แต่จะเป็นการไหลออกของเงินทุนต่างประเทศ (Flow Out) หรือไม่นั้น ยังไม่สามารถประเมินได้

 

ทั้งนี้ ปัจจัยบวกเรื่องผลประกอบการในประเทศที่เริ่มประกาศออกมาและส่วนใหญ่ดีขึ้นตามคาดก็เป็นปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้นไทย แต่หลักทรัพย์ที่ปรับเพิ่มขึ้นรับผลประกอบการนั้นไม่ใช่หลักทรัพย์ขนาดใหญ่ จึงไม่สามารถพยุงดัชนีให้อยู่ในแดนบวกได้

 

นายสมชาย เอนกทวีผล ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า ดัชนีตลาดหลักทรัพย์วานนี้ ได้ปรับตัวลดลงต่อเนื่องจากเมื่อวานนี้ เนื่องจากนักลงทุนยังคงมีความวิตกกังวลกับปัญหาวิกฤติหนี้ในประเทศกรีซและยุโรป แต่ในช่วงบ่ายดัชนีได้เริ่มกลับมาอยู่ในระดับทรงตัวดีขึ้น เพราะยังไม่มีปัจจัยใหม่ๆ เข้ามากระทบต่อบรรยากาศการลงทุน ดังนั้นจึงประเมินว่าในระยะต่อไปตลาดหุ้นไทยจะมีจังหวะรีบาวด์ดีขึ้น แต่ยังจะมีความกังวลกับปัญหาหนี้ยุโรปและตัวเลขเศรษฐกิจของประเทศต่างๆ จึงทำให้กรอบการเคลื่อนไหวในเชิงบวกยังคงอยู่ในวงที่จำกัด ทั้งนี้ แนะนำเก็งกำไรระยะสั้น โดยเน้นหุ้นที่ราคาปรับตัวลงแรงและมีพื้นฐานที่ดี ประเมินแนวรับ 1,185 จุด และประเมินแนวต้าน 1,200 จุด และแนวต้านถัดไป 1,205-1,210 จุด

 

ด้านนายวรวุฒิ อุ่นใจ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ออฟฟิศเมท จำกัด (มหาชน) หรือ OFM ผู้ประกอบธุรกิจจัดจำหน่ายสินค้าสำนักงาน เปิดเผยว่า ในเดือน มิ.ย.นี้ บริษัทจะหารือกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เกี่ยวกับรูปแบบการเพิ่มทุนของบริษัท เพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต และช่วยเพิ่มฟรีโฟลตให้กับหุ้นของบริษัท และมีเป้าหมายจะย้ายจากตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ เข้าไปซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และภายใน 3-4 ปีข้างหน้าบริษัทมีแผนจะเข้าไปลงทุนในประเทศเพื่อนบ้าน ผ่านการเปิดร้านเทรดดี้เดย์ช็อปและระบบอีคออมเมิร์ซเพื่อรองรับ AEC ในปี 2558

 

นายวรวุฒิ กล่าวว่า บริษัทได้ปรับเป้าหมายรายได้ของบริษัทปี 2555 เพิ่มเป็น 25% จากเดิมที่คาดหมายการเติบโตของรายได้รวมที่ 20% และเชื่อว่ายอดขายปีนี้จะมากกว่า 1.6 พันล้านบาท จากปีที่แล้วที่มียอดขาย 1.2 พันล้านบาท โดยบริษัทมีแผนจะกระจายยอดขายไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น เนื่องจากยังมองเห็นโอกาสในการขยายตัว กลุ่มลูกค้าปัจจุบันยังกระจุกตัวในตัวเมือง ซึ่งเป็นกลุ่มที่นิยมสินค้าไฮเทค

 

ส่วนแนวโน้มกำไรสุทธิในปี 2555 คาดว่าจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 50-60% จากปี 2554 ที่มีกำไรสุทธิ 46 ล้านบาท และไตรมาส 1/2555 มีกำไรแล้ว 30 ล้านบาท ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าจะมีอัตรากำไรสุทธิไม่ต่ำกว่า 6% จาก 3.6% ในปี 2554 และช่วงไตรมาส 1/2555 อยู่ที่ 6.8% แล้ว เนื่องจากบริษัทมีต้นทุนการดำเนินงานลดลง ขณะที่ยอดขายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

 

เขากล่าวอีกว่า บริษัทมีแผนจะเปิดเทรนดี้เดย์ช็อป 2-3 แห่งในปีนี้ หลังจากเปิดแห่งแรกไปแล้วที่เมกา บางนา ใช้เงินลงทุนแห่งละไม่ถึง 30 ล้านบาท ซึ่งสาขาดังกล่าวไม่ได้เน้นเปิดร้านเพื่อทำยอดขาย แต่ต้องการแนะนำสินค้าให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมลูกค้าให้มาซื้อผ่านออนไลน์

 

"แนวโน้มยอดขายปีนี้ทำนิวไฮเกือบทุกเดือน มียอดขายทะลุ 10 ล้านบาทต่อวันแล้ว ซึ่งจะเป็นมาตรฐานในการสร้างยอดขายเพิ่มขึ้นในอนาคต แต่ยอดขายเฉลี่ยจะอยู่ที่ 7 ล้านบาทต่อวัน แนวโน้มยอดขายดีขึ้นต่อเนื่องมีทิศทางที่จะอยู่ในระดับใกล้เคียงกันทุกไตรมาส จากเดิมที่ยอดขายจะดีมากในช่วงไตรมาส 1 และไตรมาส 3"

 

นอกจากนั้น บริษัทยังอยู่ระหว่างการเจรจาความร่วมมือกับ บมจ.จีเอ็มเอ็มแกรมมี่ (GRAMMY) ในฐานะที่เป็นผู้ถือหุ้นในบริษัท เพื่อนำสินค้าของศิลปินแกรมมี่มาขายผ่านร้านค้าและช่องทางจำหน่ายของบริษัท โดยมีแผนจะตั้งคลังสินค้าใหม่ที่มีขนาดใหญ่กว่าเดิมเป็นเท่าตัวในปี 2556 รองรับสินค้าที่มีมาวางขายมากขึ้น หลังจากมีพันธมิตรร้านค้าต่างๆ มากขึ้น ซึ่งบริษัทตั้งงบตกแต่งและก่อสร้าง 120 ล้านบาท

ถูกแก้ไข พฤษภาคม 11, 2012 โดย เด็กขายของ