ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
tt2518

ขอเดา(ราคาทอง)กับเขาบ้าง

โพสต์แนะนำ

ผู้ประท้วงสเปนปะทะตำรวจไม่พอใจมาตรการรัดเข็มขัด

 

 

ผู้ประท้วงชาวสเปนหลายร้อยคน ปะทะกับตำรวจปราบจลาจล ในเมืองหลวงของสเปนเมื่อวานนี้ โดยพวกเขาไม่พอใจที่รัฐบาลประกาศมาตรการรัดเข็มรอบล่าสุด ชาวสเปนหลายร้อยคน เดินชุมนุมไปตามถนนในเมืองมาดริด เมืองหลวงของสเปน เพื่อแสดงความไม่พอใจต่อมาตรการรัดเข็มขัดรอบใหม่ โดยชุมนุมกันอยู่หน้าที่ทำการพรรคพีเพิลส์ ปาร์ตี้ ของนายมาริอาโน ราฮอย นายกรัฐมนตรีสเปน ก่อนที่จะปะทะกับตำรวจปราบจลาจล หน้าที่ทำการพรรคแรงงานสังคมนิยมซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้าน ในเวลาต่อมา

 

มาตรการรัดเข็มขัดรอบล่าสุด ที่รัฐบาลสเปนประกาศเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ถือเป็นรอบที่ 4นับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว มีเป้าหมายเพื่อลดการใช้จ่ายของรัฐบาลเป็นจำนวน65,000 ล้านยูโร หรือ ราว 2 ล้าน 5 แสนล้านบาท จนถึงปี 2558 ซึ่งเป็นแผนลดการขาดดุลงบประมาณครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์สเปน

 

มาตรการดังกล่าว รวมถึงการขึ้นภาษีการขาย จาก 18 เปอร์เซ็นต์ เป็น 21 เปอร์เซ็นต์ มีผลบังคับใช้วันที่ 1 กันยายนนี้ ซึ่งจะทำให้สินค้าและบริการมีราคาแพงขึ้น ส่งผลให้ประชาชนชะลอการใช้จ่าย และเสี่ยงทำให้สเปนอยู่ในภาวะถดถอยยาวนาน ...การยืดเวลาเกษียณอายุ จาก 65 ปีเป็น 67 ปี และมาตรการอื่นๆ จะเริ่มมีผลบังคับใช้ปลายปีนี้ แต่มาตรการเหล่านี้ ทำให้ชนชั้นกลาง และชนชั้นแรงงานเป็นผู้ได้รับผลกระทบมากที่สุด

 

มาตรการรัดเข็มขัดรอบใหม่มีขึ้นหลังจากที่ชาติยูโรโซนอีก 16 ชาติ เห็นชอบอนุมัติเงินกู้ก้อนแรกให้สเปน จำนวน 3 หมื่นล้านยูโรแล้ว จากเงินกู้ช่วยเหลือทั้งหมด1 แสนล้านยูโร เพื่อช่วยเหลือภาคการธนาคารที่มีปัญหา และขยายเวลาเส้นตายที่ให้สเปนปรับลดยอดขาดดุลงบประมาณออกไปอีก 1 ปีจนถึงปี 2557

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

คว่ำบาตรอิหร่าน ทำน้ำมันแพงขึ้น 1.2%

ข่าวต่างประเทศ วันเสาร์ที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ.2555 8:58น.

 

นักวิเคราะห์ ชี้ ราคาน้ำมันในตลาดโลกจะสูงขึ้น จากการคว่ำบาตรอิหร่านของชาติตะวันตก

วอล สตรีท เจอร์นัล รายงานว่า ในอนาคตอันใกล้นี้ ราคาน้ำมัน จะขยับตัวสูงขึ้น กว่าที่ บารัค โอบามา ผู้นำสหรัฐ ต้องการให้เป็น ประมาณ 1.2 % โดยเป็นผลมาจากการเข้าแทรกแซง และคว่ำบาตรอิหร่าน ซึ่งเป็นยักษ์ใหญ่ของกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมัน

ซึ่งจะทำให้ ราคาน้ำมันดิบ ไลท์ สวีท ครูด ในเดือนหน้า ราคาจะขยับไปอยู่ที่ 87.10 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล สูงขึ้นจกาที่เป็นอยู่ 1.02 เหรียญสหรัฐฯ ซึ่งนักวิเคราะห์ มองว่า การปรับเปลี่ยนราคาที่เกิดขึ้น มาจากการคว่ำบาตรอิหร่านเป็นประเด็นหลัก

 

ทั้งนี้ กระทรวงการคลังและหน่วยงานต่าง ๆ ของสหรัฐ เชื่อว่า สหรัฐ กำลังหาทางผ่อนคลายมาตรการคว่ำบาตรดังกล่าว เพื่อแก้ปัญหาด้านพลังงาน

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

 

ผู้นำบราซิลประกาศจะไม่ใช้มาตรการรัดเข็มขัดในรูปแบบที่กลุ่มประเทศสหภาพยุโรปใช้ เพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ

 

ประธานาธิบดี ดิลมา รูสเซฟฟ์ ของบราซิล ประกาศว่า บราซิล จะไม่ดำเนินตามรอยของสหภาพยุโรปในการใช้มาตรการรัดเข็มขัดเพื่อแก้ไขวิกฤติเศรษฐกิจ แต่จะใช้วิธีการกระตุ้นให้เกิดการลงทุนโดยจะตัดลดอัตราดอกเบี้ยกู้ยืมและลดภาษี รวมทั้งคงนโยบายด้านประกันสังคมและเงินบำนาญเพื่อช่วยเหลือประชาชนไว้ต่อไป

โดยในเวลานี้ บราซิล ซึ่งเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐฏิจใหญ่เป็นอันดับ 6 ของโลก กำลังประสบภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจซึ่งเป็นผลจากภาวะวิกฤติหนี้สินยูโรโซนและการถดถอยทางเศรษฐกิจของจีนและสหรัฐ โดยบรรดานักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจของบราซิลในปีนี้จะโตเพียงร้อยละ 2 เท่านั้น

 

 

ข้อมูลข่าวและที่มา

 

ผู้สื่อข่าว : นิรันดร์ โรจน์ธนานันต์ /สวท.   Rewriter : นิรันดร์ โรจน์ธนานันต์ /สวท.

สำนักข่าวแห่งชาติ กรมประชาสัมพันธ์ : http://thainews.prd.go.th

 วันที่ข่าว : 14 กรกฎาคม 2555

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

กรีซ เผชิญคลื่นความร้อนกว่า44องศา

ข่าวต่างประเทศ วันเสาร์ที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ.2555 9:45น.

 

กรีซ ยังคงเจอสภาพอากาศร้อนจัด จากคลื่นความร้อนที่แผ่ปกคลุม ล่าสุด มีคำสั่งให้โรงพยาบาลต่าง ๆ อยู่ในภาวะเตรียมพร้อม เพื่อรองรับผู้ป่วย โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุ

กระทรวงสาธารณสุขของกรีซ ประกาศเตือนประชาชนอย่าอยู่กลางแจ้งท่ามกลางแสงแดด และอย่าเดินทางโดยไม่จำเป็น พร้อมยังแนะนำให้สวมใส่เสื้อผ้าที่เบาสบาย สวมหมวก ดื่มน้ำมาก ๆ และอาบน้ำบ่อย ๆ เพื่อบรรเทาอากาศที่ร้อนอบอ้าว ซึ่งเป็นผลมาจากคลื่นความร้อนที่แผ่ปกคลุม จนส่งผลให้อุณหภูมิกลางแจ้งในกรุงเอเธนส์ พุ่งสูงถึง 44 องศาเซลเซียส

ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขของกรีซ ยังมีคำสั่งให้โรงพยาบาลต่าง ๆ เตรียมพร้อมรองรับผู้ป่วยที่จะได้รับผลกระทบจากคลื่นความร้อน โดยเฉพาะผู้สูงอายุซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยง นอกจากนี้ ยังมีการเปิดใช้ศูนย์พักพิง ซึ่งภายในติดตั้งเครื่องปรับอากาศ เพื่อเป็นที่คลายร้อนให้กับประชาชนในหลายเมือง รวมทั้งในกรุงเอเธนส์ ขณะที่ ศูนย์พยากรณ์อากาศ คาดการณ์ว่า คลื่นความร้อนที่แผ่ปกคลุมกรีซ ตั้งแต่เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา จะส่งผลกระทบต่อไปอีก 6-7 วัน

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

 

ชาวสเปนราว 1,000 คน รวมตัวกันประท้วงต่อต้านมาตรการรัดเข็มขัดของนายกรัฐมนตรีมาเรียโน ราจอย

 

ชาวสเปนราว 1,000 คน รวมตัวกันบริเวณหน้าอาคารที่ทำการพรรคป็อปปูล่าร์ ปาร์ตี้ ของนายกรัฐมนตรีมาเรียโน ราจอย แห่งสเปน ในกรุงมาดริด เพื่อประท้วงต่อต้านมาตรการรัดเข็มขัดรอบใหม่ของนายราจอย ซึ่งจะช่วยให้ประหยัดงบประมาณได้ถึง 65,000 ล้านยูโร ภายในเวลา 2 ปีข้างหน้า โดยผู้ประท้วงตะโกนเรียกร้องให้นายราจอยลาออกจากตำแหน่ง จากนั้น กลุ่มผู้ประท้วงได้เคลื่อนตัวไปยังบริเวณหน้าที่ทำการพรรคสังคมนิยม ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้าน เพื่อแสดงความไม่พอใจต่อฝ่ายค้านที่ไม่มีบทบาทในการแก้ไขวิกฤติเศรษฐกิจของสเปนในครั้งนี้

และหลังจากการประท้วงบริเวณหน้าที่ทำการพรรคการเมืองทั้ง 2 แห่งแล้ว กลุ่มผู้ประท้วงได้พยายามเคลื่อนตัวไปยังหน้าอาคารรัฐสภา แต่ตำรวจปราบจลาจลของสเปนเข้าขัดขวางจนเกิดการปะทะกัน และตำรวจจับกุมผู้ประท้วงไป 3 คน

 

 

ข้อมูลข่าวและที่มา

 

ผู้สื่อข่าว : นิรันดร์ โรจน์ธนานันต์ /สวท.   Rewriter : นิรันดร์ โรจน์ธนานันต์ /สวท.

สำนักข่าวแห่งชาติ กรมประชาสัมพันธ์ : http://thainews.prd.go.th

 วันที่ข่าว : 14 กรกฎาคม 2555

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

 

รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังย้ำ วิกฤตเศรษฐกิจยุโรปขณะนี้ไม่ส่งผลกระทบถึงไทย

 

รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังย้ำ วิกฤตเศรษฐกิจยุโรปขณะนี้ ไม่ส่งผลกระทบถึงไทย

นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประเมินสถานการณ์วิกฤตเศรษฐกิจยุโรปขณะนี้ว่า ยังทรงตัว ซึ่งประเทศในกลุ่มยุโรปพยายามแก้ไขปัญหา เช่น การเพิ่มทุน การดำเนินนโยบายดอกเบี้ย ขณะที่ประเทศในอาเซียน ได้ดำเนินนโยบายต่างๆ อย่างรอบคอบเช่นกัน โดยจีน เกาหลี มีการปรับดอกเบี้ยนโยบายลง ส่วนไทยมีหลายมาตรการที่จะเฝ้าระวัง ทั้งอัตราดอกเบี้ย ราคาพลังงาน มาตรการภาษี และขณะนี้ยังไม่ส่งผลกระทบถึงไทย แต่คงต้องดำเนินมาตรการต่างๆ อย่างระมัดระวังต่อไป

นายกิตติรัตน์ ยังกล่าวถึงภาคการส่งออกไทยว่า มีธนาคารของรัฐหลายแห่งพยายามช่วยเหลือผู้ประกอบการ อาทิ การปล่อยสินเชื่อ การตั้งกองทุนค้ำประกัน และการเปิดตลาดใหม่ ส่วนอุตสาหกรรมที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบ ได้แก่ อัญมณี สิ่งทอ เครื่องนุ่งห่ม และอิเลคทรอนิคส์ ซึ่งได้มีการหารือและแก้ไขเป็นรายกรณีแล้ว

 

ข้อมูลข่าวและที่มา

 

ผู้สื่อข่าว : บรมบถ เพ็ญสวัสดิ์ / สวท.   Rewriter : คณิต จินดาวรรณ / สวท.

สำนักข่าวแห่งชาติ กรมประชาสัมพันธ์ : http://thainews.prd.go.th

 วันที่ข่าว : 14 กรกฎาคม 2555

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

หุ้น-น้ำมัน-ทองขึ้นยกแผงเก็งธนาคารกลางทั่วโลกหันกระตุ้นศก.

วันที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

 

ดาวโจนส์ปรับตัวพุ่งเฉียด 204 จุดเป็นครั้งแรกหลังทรุดตัวมาเป็นเวลายาวนานนับตั้งแต่เดือนพ.ย.ปีที่แล้ว จากข้อมูลเศรษฐกิจเชิงบวก และการทะยานขึ้นของราคาหุ้นเจ.พี.มอร์แกน 6% แม้ว่าแบงก์ยักษ์ใหญ่ในสหรัฐแจงตัวเลขขาดทุนสูงถึง 4.4 พันล้านดอลล์จากการซื้อขายตราสารอนุพันธ์ล่วงหน้าในตลาดเงินลอนดอนในปีที่ผ่านมา ขณะที่จีนรายงานจีดีพี Q2 ปีนี้ขยายตัวต่ำเกินคาดที่ 7.6% ต่ำสุดรอบ 3 ปี ทำให้ตลาดหันไปเก็งกำไรธนาคารกลางในหลายประเทศโดยเฉพาะธนาคารกลางของจีนจะดำนินนโยบายผ่อนคลายทางการเงินมากขึ้น โดยส่งผลให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ขยับตัวขึ้นตามด้วย ราคาน้ำมันไนเม็กซ์ปรับตัวขึ้น 1.02 ดอลลาร์ยืนเหนือ 87 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล รวมทั้งราคาทองที่พุ่งขึ้น 26.70 ดอลลาร์มาอยู่ที่ 1,592 ดอลลาร์ต่อออนซ์

 

 

ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดวานนี้ (13 ก.ค.) ทะยานขึ้น 203.82 จุดหรือ 1.62% ที่ 12,777.09 ดัชนีเอสแอนด์พี 500 พุ่งขึ้น 22.02 จุดหรือ 1.65% ปิดที่ 1,356.78 และดัชนีแนสแด็ก ปรับตัวขึ้น 42.28 จุดหรือ 1.48% ปิดที่ 2,908.47

 

รวมถึงหุ้นฟากฝั่งยุโรปปรับตัวขึ้นแรงทั้ง 3 ตลาดหลัก โดย FT100 ลอนดอนบวก 1.03% CAC40 ฝนี่งเศสบวก 1.46% และ DAX เยอรมันพุ่งขึ้นรุนแรงสุดถึง 2.15% สวนทางข่าวลบจากการที่ "มูดี้ส์" หั่นลดอันดับเครดิตพันธบัตรรัฐบาลอิตาลีเหลือ Baa2 จาก A3 เพราะความเสี่ยงจากต้นทุนดอกเบี้ยพันธบัตรเงินกู้ที่พุ่งขึ้น

 

หุ้นสหรัฐปิดตลาดบวก เพราะได้รับปัจจัยหนุน หลังจากที่กระทรวงแรงงานสหรัฐ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (พีพีไอ) เดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้นสูงเกินคาด 0.1% แม้ราคาพลังงานปรับตัวลดลงอย่างหนักถึง 0.9% ในเดือนที่ผ่านมา ซึ่งข้อมูลดังกล่าว เป็นสัญญาณบ่งชี้ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยังคงต้องเฝ้าระวังความเคลื่อนไหวด้านเงินเฟ้ออย่างต่อเนื่อง

 

การปรับตัวเพิ่มขึ้นของดัชนีพีพีไอ ในเดือนที่ผ่านมาได้รับปัจจัยหนุนจากการพุ่งขึ้นของราคาสินค้าอุปโภคบริโภคในกลุ่มเครื่องใช้ในครัวเรือน รถบรรทุกขนาดเล็ก และอาหารสัตว์ โดยการเพิ่มขึ้นของดัชนีพีพีไอ สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 0.5% อีกทั้ง การเพิ่มขึ้นของดัชนีพีพีไอ ยังหนุนให้ดัชนีเงินเฟ้อขั้นพื้นฐาน ซึ่งไม่รวมราคาอาหารและพลังงานที่ผันผวนเพิ่มขึ้น 0.2%

 

เจพีมอร์แกน เชส ธนาคารรายใหญ่สุดของสหรัฐ ขาดทุนในธุรกิจเทรดดิ้งเป็นวงเงินสูงถึง 4.4 พันล้านดอลลาร์ จากหน่วยงาน Chief Investment Office ซึ่งเป็นหน่วยงานด้านบริหารความเสี่ยงของบริษัท มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะขาดทุน 4 พันล้านดอลลาร์ ส่งผลให้กำไรไตรมาสสองร่วงลง 9% มาอยู่ที่ระดับ 4.96 พันล้านดอลลาร์ จากไตรมาสสองปีที่แล้วที่ระดับ 5.43 พันล้านดอลลาร์ หรือปรับตัวลดลงสู่ระดับ 1.21 ดอลลาร์ต่อหุ้น จากระดับ 1.27 ดอลลาร์ต่อหุ้น แต่ราคาหุ้นกลับพลิกบวกถึง 6%

 

คาดจีนกระตุ้นศก.หนุนน้ำมันไนเม็กซ์บวก

 

ราคาน้ำมันดิบตลาดสหรัฐปิดเพิ่มขึ้น 1.02 ดอลลาร์ ขณะตลาดคาดการณ์จีน ใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมากขึ้น

 

น้ำมันดิบไลท์สวีท ตลาดไนเม็กซ์ ส่งมอบเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 1.02 ดอลลาร์ ปิดตลาดที่ 87.10 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์ ตลาดลอนดอน ส่งมอบเดือนส.ค. ปิดตลาดที่ 102.40 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 1.33 ดอลลาร์จากราคาปิดเมื่อวันพฤหัสบดี

 

ราคาน้ำมันดิบปิดตลาดปรับตัวเพิ่มขึ้น ท่ามกลางกระแสคาดการณ์ที่ว่า รัฐบาลจีน จะเพิ่มมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหลังเศรษฐกิจขยายตัวช้าลง วานนี้ สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน รายงานผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 2 ขยายตัวช้าลงสู่ระดับ 7.6% จากไตรมาสแรกที่ขยายตัว 8.1%

 

สถิติดังกล่าวถือว่า อ่อนตัวลงอย่างต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 นับเป็นอัตราการขยายตัวที่ชะลอตัวลงมากที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาส 3 ของปี 2551 และยังสอดคล้องกับการคาดการณ์ของตลาดที่ต่ำกว่า 8%

 

สำหรับข้อมูลสถิติเบื้องต้นนั้น จีดีพีของจีนขยายตัว 7.8% เมื่อทียบเป็นรายปี แตะ 22.71 ล้านล้านหยวน หรือ 3.6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วงครึ่งปีแรก

 

นอกจากนี้ บรรยากาศการซื้อขายในตลาดน้ำมันยังได้รับแรงหนุนจากกรณีที่สหรัฐประกาศเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรอิหร่านที่เข้มงวดมากขึ้นด้วย แต่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ราคาน้ำมันอาจปรับตัวลดลงในสัปดาห์หน้า ท่ามกลางความวิตกกังวลที่ว่า การขยายตัวทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอ จะบั่นทอนอุปสงค์เชื้อเพลิง

 

สำนักงานพลังงานสากล(ไออีเอ)ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันทั่วโลกในปี 2556 อีก 1 ล้านบาร์เรล หรือ 1.1% เป็น 90.0 ล้านบาร์เรลต่อวัน และได้คงคาดการณ์ปริมาณความต้องการน้ำมันทั่วโลกในปี 2555 ไว้เท่าเดิมที่ 89.9 ล้านบาร์เรลต่อวัน

 

ตัวเลขคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันปีหน้าของไออีเอ นับว่าสวนทางกับรายงานของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) ที่ประเมินว่า อัตราการขยายตัวของอุปสงค์น้ำมันทั่วโลกในปีหน้าจะอยู่ที่ 800,000 บาร์เรลต่อวัน

 

นอกจากนี้ ไออีเอ ยังคาดการณ์ด้วยว่า อุปสงค์จากประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ หรือประเทศที่ไม่ได้เป็นสมาชิกองค์การเพื่อความร่วมมือและพัฒนาทางเศรษฐกิจ (โออีซีดี) จะแซงหน้าอุปสงค์ในกลุ่มโออีซีดี เป็นครั้งแรก

 

สหรัฐคว่ำบาตรองค์กรอิหร่านกว่า 50 แห่ง

 

ขณะที่มีรายงานข่าวว่า สหรัฐคว่ำบาตรองค์กรอิหร่านกว่า 50 แห่ง หวังกดดันให้ยุติโครงการนิวเคลียร์

 

สหรัฐ ใช้มาตรการคว่ำบาตรอิหร่านระลอกใหม่ โดยกลุ่มเป้าหมายในครั้งนี้คือ องค์กรอิหร่านกว่า 50 แห่งที่มีความสัมพันธ์กับเครือข่ายแพร่กระจายนิวเคลียร์และขีปนาวุธ เพื่อกดดันให้อิหร่านยุติโครงการดังกล่าว

 

โดยกระทรวงการคลังสหรัฐระบุว่า "รัฐบาลสหรัฐกำลังพยายามเพิ่มแรงกดดันต่ออิหร่าน เพื่อให้อิหร่านให้ความร่วมมืออย่างจริงจังและคลายความกังวลของประชาคมโลกเรื่องโครงการนิวเคลียร์"

 

ในการเคลื่อนไหวครั้งล่าสุดนี้ สหรัฐได้ขึ้นบัญชีดำองค์กรอิหร่าน 11 แห่งและบุคคลอีก 4 ราย ส่วนใหญ่เป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายแพร่กระจายนิวเคลียร์และขีปนาวุธ อาทิ หน่วยงานด้านลอจิสติกของกองทัพอากาศ กระทรวงกลาโหมอิหร่าน และหน่วยงานในเครืออย่างแอโรสเปซ อินดัสตรีส์ ออร์กาไนซ์เซชั่น

 

ส่วนบางองค์กร ที่ถูกขึ้นบัญชีดำเป็นองค์กรที่เกี่ยวข้องกับ อิสลามิก รีพับลิค ออฟ อิหร่าน ชิปปิ้ง ไลน์ส์ และอิสลามิก เรฟโวลูชันแนรี การ์ด คอร์ป ซึ่งสองหน่วยงานนี้ตกเป็นเป้าการคว่ำบาตรมาหลายครั้งแล้ว

 

นอกจากนั้น กระทรวงการคลังสหรัฐ ยังเปิดโปงบริษัทที่รัฐบาลอิหร่านเปิดขึ้นเพื่อบังหน้าหลายแห่ง อาทิ ปิโตร สุเอซ อินเตอร์เทรด คัมพานี , ฮ่องกง อินเตอร์เทรด คัมพานี ,นูร์ อีเนอร์ยี (มาเลเซีย) จำกัด และปิโตร อีเนอร์ยี อินเตอร์เทรด คัมพานี ซึ่งเป็นบริษัทบังหน้าของนาฟทิราน อินเตอร์เทรด คัมพานี หรือบริษัทน้ำมันแห่งชาติอิหร่าน ขณะที่เนชั่นแนล อิราเนียน แทงเกอร์ คัมพานี รวมถึงเรือเดินสมุทร 58 ลำและหน่วยงานในเครือ 27 แห่ง ก็ตกเป็นเป้าหมายการคว่ำบาตรครั้งนี้ด้วย

 

เศรษฐกิจจีนชะลอตัวเกินคาด

 

จีนส่งสัญญาณเตือนเศรษฐกิจโลก จีดีพีไตรมาส 2 ขยายตัว 7.6% ชะลอตัวมากสุดนับจากปี 2552

 

สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน เปิดเผยว่า เศรษฐกิจจีนขยายตัวในระดับ 7.6% ในไตรมาส 2 ของปีนี้ ชะลอตัวลงจากไตรมาสก่อนที่เติบโต 8.1% และเป็นการชะลอตัวมากสุดนับจากต้นปี 2552 ซึ่งเป็นห้วงเวลาที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติการเงินโลก

 

การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนมาจากภาวะขาลงในตลาดอสังหาริมทรัพย์ และการส่งออกที่ลดลงจากความต้องการบริโภคที่ลดลง การชะลอตัวของเศรษฐกิจแดนมังกรยังตอกย้ำถึงภาวะเศรษฐกิจโลกที่ไม่สดใสใน 3 เขตเศรษฐกิจเสาหลัก ทั้งจีน รวมถึงเศรษฐกิจสหรัฐที่ยังคงอ่อนแอ และปัญหาหนี้ในยูโรโซน

 

เจพีมอร์แกนขาดทุนเทรดดิ้ง4.4 พันล้านดอลล์

 

เจพีมอร์แกนเผยขาดทุนธุรกิจเทรดดิ้ง 4.4 พันล้านดอลลาร์ ฉุดกำไรไตรมาส2 ร่วง 9%

 

เจพีมอร์แกน เชส ธนาคารรายใหญ่สุดของสหรัฐ ขาดทุนในธุรกิจเทรดดิ้งเป็นวงเงินสูงถึง 4.4 พันล้านดอลลาร์ จากหน่วยงาน Chief Investment Office ซึ่งเป็นหน่วยงานด้านบริหารความเสี่ยงของเจพี มอร์แกน ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะขาดทุน 4 พันล้านดอลลาร์ ส่งผลให้กำไรไตรมาสสองร่วงลง 9% มาอยู่ที่ระดับ 4.96 พันล้านดอลลาร์ จากไตรมาสสองปีที่แล้วที่ระดับ 5.43 พันล้านดอลลาร์ หรือปรับตัวลดลงสู่ระดับ 1.21 ดอลลาร์ต่อหุ้น จากระดับ 1.27 ดอลลาร์ต่อหุ้น

 

จากการขาดทุนด้านเทรดดิ้งในแผนกดังกล่าว อาจทำให้เจมี ไดมอนด์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหาร (ซีอีโอ) วัย 56 ปีเผชิญความยุ่งยากในการฟื้นฟูความเชื่อมั่นของนักลงทุนกลับคืนมา หลังจากเจพีมอร์แกนขาดทุนราว 3.97 หมื่นล้านดอลลาร์ในแง่ของมูลค่าการตลาดนับตั้งแต่วันที่ 5 เมษายนที่ผ่านมา

 

ราคาหุ้นเจพีมอร์แกน ปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง แม้ว่านายวอร์เรน บัฟเฟตต์ มหาเศรษฐกิจนักลงทุนชื่อดังของสหรัฐและผู้ถือหุ้นเจพีมอร์แกน ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นบีซีว่า เขายังคงเชื่อมั่นในความสามารถของนายไดมอน และมองว่านายไดมอน เป็นหนึ่งในนายธนาคารที่ดีที่สุดในโลก เพราะมีความเข้าใจด้านการธนาคารและความเสี่ยงเป็นอย่างดี

 

ทั้งนี้ ในช่วงกลางเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา ตลาดการเงินทั่วโลก ตกอยู่ในภาวะตื่นตระหนก หลังจากเจพีมอร์แกนออกมายอมรับว่า ธนาคารขาดทุนอย่างไม่คาดคิดจากการทำธุรกิจเทรดดิ้งเป็นวงเงินทั้งสิ้น 2 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นผลมาจากการเก็งกำไรที่ผิดพลาดในตราสารอนุพันธ์ของ Chief Investment Office ขณะที่นายไดมอนกล่าวย้ำว่า การขาดทุนครั้งนี้มีสาเหตุมาจาก "ความผิดพลาด, ความประมาท และการตัดสินใจที่ไม่ถูกต้อง"

 

จากนั้นในช่วงปลายเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา มูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของเจพีมอร์แกนลง 2 ขั้น เช่นเดียวกับมอร์แกน สแตนลีย์, ซิตี้กรุ๊ป และโกลด์ แมนแซคส์ โดยมูดีส์กล่าวว่า ธนาคารทุกแห่งที่ถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือในครั้งนี้ ล้วนแล้วแต่มีความเสี่ยงสูง ที่จะขาดทุนจากการลงทุนในตลาดทุน นอกจากนี้ แนวโน้มของศักยภาพในการทำกำไรระยะยาวและการเติบโตของธนาคารทั้ง 15 แห่ง ก็ลดน้อยลงด้วย

 

มูดี้ส์หั่นลดอันดับเครดิตพันธบัตรรัฐบาลอิตาลีเหลือ Baa2

 

มูดี้ส์ ประกาศลดอันดับเครดิตพันธบัตรรัฐบาลอิตาลีลง 2 อันดับจาก A3 เหลือ Baa2 ผลกระทบจากการที่กรีซเสี่ยงออกจากกลุ่มยูโรโซนและภาคการธนาคารของสเปนมีปัญหา ซึ่งการที่อันดับความน่าเชื่อถือของอิตาลีลดลงเหลือ Baa2 โดยอยู่เหนือจาก "ระดับขยะ" เพียง 2 อันดับ อาจส่งผลให้เกิดความวิตกเพิ่มขึ้นต่อวิกฤตหนี้ในภูมิภาค

 

มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส ระบุว่า การลดอันดับเครดิตพันธบัตรรัฐบาลอิตาลีในครั้งนี้ เพราะมีแนวโน้มว่าอิตาลีจะต้องมีต้นทุนในการกู้ยืมสูงขึ้นหรือเข้าถึงตลาดเงินได้ยากขึ้น อันเนื่องมาจากการที่กรีซมีโอกาสจะออกจากยูโรโซนมากขึ้นและภาคการธนาคารสเปนจะเสียความน่าเชื่อถือมากขึ้น

 

นอกจากนี้ การที่แนวโน้มเศรษฐกิจระยะสั้นของอิตาลีแย่ลง เสี่ยงที่จะไม่สามารถทำตามเป้าหมายการคลังได้ ซึ่งอาจทำให้ตลาดเสียความเชื่อมั่นและงดให้เงินกู้ยืมได้

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

51ร.ร.กทม.ติดโรคมือเท้าปาก-ยอดผู้ป่วยพุ่งสูง5ปี

วันที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2555AAAขนาดตัวอักษร| Share on email Share on print Share on twitter Share on facebook Share on myspace Share on stumbleupon Share on digg | More Sharing Services

 

รูปอื่นๆ :

รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เผยสถานการณ์ในกรุงเทพฯ พบโรงเรียน 51 แห่งมีนักเรียนป่วยโรคมือเท้าปาก สั่งปิดชั้นเรียน 11 แห่ง ปิดโรงเรียน 9 แห่ง ยอดผู้ป่วยสะสม 2,002 ราย รับจำนวนผู้ป่วยสูงสุดในรอบ 5 ปี ขณะที่ด่านชายแดนตรวจเข้ม หลังพบด็กเขมรติดเชื้อมือเท้าปากสายพันธุ์ใหม่เพิ่มอีก 4 คนใน จ.พระตะบอง ห่างจากด่านปอยเปตฯ ประมาณ 70 กม.

 

 

พญ.มาลินี สุขเวชวรกิจ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคมือเท้าปากในพื้นที่ กทม. ว่า ที่ผ่านมาได้มีการสั่งกำชับให้มีการเฝ้าระวังโรคติดต่อ ที่อาจเกิดขึ้นมาโดยตลอด โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กเล็ก ซึ่งในส่วนของโรคมือเท้าปากได้ให้เฝ้าระวังมาตั้งแต่เดือน ม.ค. 2555 โดยพบว่ามีสถิติผู้ป่วยเพิ่มขึ้นในระดับสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เมื่อเปรียบเทียบในช่วง 5 ปีย้อนหลัง จนกระทั่งในเดือน มิ.ย.-ก.ค.อัตราการป่วยเพิ่มสูงขึ้นชัดเจน

 

ทั้งนี้ จากรายงานจำนวนผู้ป่วยในพื้นที่ กทม.ล่าสุดอยู่ที่ 2,002 คน จากจำนวน 12,000 คนทั่วประเทศ ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มเด็กเล็กอายุประมาณ 0-4 ปี ซึ่งจำนวนผู้ป่วยโรคมือเท้าปาก กทม.อยู่ในอันดับที่ 12 ของประเทศ มีอัตราผู้ป่วยอยู่ที่ 35 ต่อแสนประชากร

 

พญ.มาลินี กล่าวต่อว่า ในการเข้าควบคุมโรคทางสำนักอนามัยกรุงเทพมหานครจะมีทีมสอบสวนโรคเคลื่อนที่เร็ว ทันทีที่ได้รับแจ้งว่าพบเด็กในโรงเรียนใดที่ป่วยเป็นโรคมือเท้าปากจะเข้าดำเนินการควบคุมป้องกันโดยเร็ว ซึ่งที่ผ่านมาจากการตรวจสอบมีโรงเรียนใน กทม.ที่พบผู้ป่วยโรคมือเท้าปากทั้งหมด 51 แห่ง ในจำนวนนี้ได้สั่งปิดเรียนไปทั้งหมด 9 แห่ง และปิดห้องเรียน 11 แห่ง โดยเป็นการรายงาน ณ วันที่ 11 ก.ค. 2555 ซึ่งมีบางแห่งได้เปิดเรียนแล้ว

 

“หลังจากที่มีข่าวการแพร่ระบาดของโรคมือเท้าปากตามจังหวัดแนวชายแดน กทม.ก็เป็นห่วงในเรื่องนี้เช่นกัน และเชื่อว่าอาจเล็ดลอดเข้ามาแพร่ระบาดใน กทม.ได้ ดังนั้นมาตรการขณะนี้คือการเฝ้าระวังและเข้าจัดการโรคอย่างรวดเร็วทันทีที่พบผู้ป่วย ซึ่งหากในชั้นเรียนใดพบผู้ป่วยเกิน 2 ราย จะให้ปิดชั้นเรียนทันทีเป็นเวลา 1 สัปดาห์ แต่หากมีการระบาดข้ามชั้นเรียนก็จะให้สั่งปิดโรงเรียนเลยเป็นเวลา 1 สัปดาห์ เช่นกัน” รองผู้ว่าฯ กทม.กล่าวและว่า นอกจากนี้ยังได้กำชับไปทุกโรงเรียนให้ช่วยกัน ซึ่งต้องไม่ให้มีผู้ป่วยเกิดขึ้น แต่หากพบต้องรีบนำเข้าสู่การรักษา ต้องไม่ให้มีผู้เสียชีวิตโดยเด็ดขาด อย่างไรก็ตามเชื้อไวรัสโรคมือเท้าปากที่พบในไทย ไม่รุนแรงเท่าเชื้อที่ระบาดในประเทศกัมพูชา

 

สธ.พร้อมส่งทีมแพทย์ช่วยกัมพูชา

 

ด้านนายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงกรณีการปิดโรงเรียนในจังหวัดราชบุรีเนื่องจากมีเด็กป่วยด้วยโรคมือเท้าปาก ว่า โรคนี้พบได้ในประเทศไทยอยู่แล้ว แต่ตัวเลขผู้ป่วยเกินกว่าปริมาณที่ควรจะเป็นหรือไม่ ขณะเดียวกันเมื่อประเทศเพื่อนบ้านมีเด็กป่วยและเสียชีวิต ก็ต้องระมัดระวังให้ดีที่สุด วันนี้ทางประเทศกัมพูชาก็บอกว่าเอาไม่อยู่ เราก็กำลังพิจารณาอยู่ว่าอาจจะส่งทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านนี้รวมทั้งนำยาเข้าไปช่วยกัมพูชา ถ้าได้รับการร้องขอมา

 

“วันนี้ผมก็ได้เรียนท่านนายกรัฐมนตรีที่มีภารกิจไปเยือนกัมพูชาเพื่อให้คำปรึกษากับสมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา หากท่านมีความประสงค์จะให้ทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากประเทศไทยเข้าไปช่วยก็พร้อมดำเนินการทันที” นายวิทยา กล่าว

 

เมื่อถามว่าจะให้ความมั่นใจกับประชาชนอย่างไรว่าโรคนี้มีอยู่ในประเทศไทยอยู่แล้ว ไม่ได้ลามมาจากกัมพูชา นายวิทยา กล่าวว่า ประชาชนต้องเข้าใจว่าถ้าเด็กรู้จักรักษาความสะอาด ล้างมือ บริโภคอาหารที่สะอาด ยืนยันว่าไม่มีการเสียชีวิต ปลอดภัยแน่นอน

 

เขมรยังลามเด็กป่วยเพิ่มอีก 4

 

วานนี้ (13 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานบริเวณหน้าด่านพรมแดนอรัญประเทศ จ.สระแก้ว ว่า ได้มีพ่อค้า แม่ค้าชาวเขมรซึ่งทำธุรกิจนำเข้าเสื้อผ้ามือสองจากเขมรเข้าไทย ต่างแตกตื่นตรวจสอบข่าวการแพร่ระบาดของโรคมือเท้าปากสายพันธุ์ใหม่ที่คร่าชีวิตเด็กชาวเขมรไปแล้วถึง 64 คน จนทำให้รัฐบาลกัมพูชาต้องร้องขอให้องค์การอนามัยโลกหรือWHO เข้ามาช่วยเหลือ ล่าสุดได้มีเด็กชาวเขมรติดโรคระบาดดังกล่าวเพิ่มอีก 4 รายใน จ.พระตะบอง โดยมีอาการสาหัส 1 ราย ซึ่งอยู่ตรงข้าม อ.คลองหาด จ.สระแก้ว ของไทย และอยู่ห่างจากด่านพรมแดนปอยเปตฯประมาณ 70 กม.

 

โดยชาวเขมรต่างแห่มาดูเว็บไซต์แดป-นิวส์ ของหนังสือพิมพ์เดิมอัมปรึล (หนังสือพิมพ์ต้นมะขาม) ของกัมพูชา ที่ได้รายงานข่าวในเว็บไซต์ ว่า จ.พระตะบอง ตรวจพบเด็กชาวเขมรติดโรคมือเท้าปากสายพันธุ์ใหม่ อีก 4 ราย โดยมีอาการสาหัส 1 ราย ซึ่งในเว็บไซต์ฯ เผยคำกล่าวของนายกุย ซก ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพระตะบอง จ.พระตะบอง ว่าทางโรงพยาบาลพระตะบอง ได้รับคนไข้ซึ่งเป็นเด็ก มีอาการป่วยมีไข้ขึ้นสูงและมีจุดและตุ่มขึ้นตามร่างกาย ตามสอบพบมีเชื้อไวรัสเอนเทอโรไวรัส71 ซึ่งเป็นเชื้อไวรัสมือเท้าปากสายพันธุ์ใหม่ จำนวน 4 ราย โดยมีอาการสาหัส 1 ราย ประกอบด้วย ด.ญ.ซุก จันรี อายุ 3 ปี ซึ่งมีอาการสาหัสที่สุด, ด.ญ.สไร สุคนเทีย อายุ 9 ปี, ด.ญ.ตึก วิจิตกา อายุ 18 เดือน และ ด.ญ.ยาง ปานา อายุ 18 เดือน โดยนายกุย ซก โดยคำกล่าวของ ผอ.โรงพยาบาลพระตะบอง ระบุว่า เด็กชาวเขมรทั้ง 4 คน มีบ้านพักอยู่ตามชนบท พ่อแม่ ได้นำมาส่งเพื่อรักษาตัวที่โรงพยาบาลพระตะบอง

 

ทั้งนี้เว็บไซต์หนังสือพิมพ์เดิมอัมปรึล ได้ลงภาพเด็กหญิงชาวเขมรทั้ง 4 คน ที่ติดเชื้อเอนเทอโรไวรัส 71 ซึ่งมีอาการนอนซมด้วยพิษไข้และมีตุ่มแดงขึ้นเต็มตัว และบรรยายภาพของ ด.ญ.ซุก จันรี อายุ 3 ปี ซึ่งอาการสาหัสกว่าคนอื่นว่ากำลังเกิดอาการชัก ซึ่งจากข่าวดังกล่าวทำให้ชาวเขมรในตลาดปอยเปต ต่างแห่ไปหาดูเว็บไซต์ข่าวดังกล่าวกันอย่างแตกตื่น ทำให้ร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ในฝั่งปอยเปต ประเทศกัมพูชา เต็มไปด้วยพ่อแม่ผู้ปกครองที่มีเด็กเล็กๆ ที่แห่เข้าไปหาดูจนแน่นทุกร้าน

 

ด่านชายแดนเข้มห้ามเด็กเขมรเข้า

 

ส่วนบรรยากาศบริเวณหน้าด่านพรมแดนอรัญประเทศ จ.สระแก้ว หลังข่าวแพร่สะพัดว่ามีเด็กชาวเขมรป่วยเป็นโรคมือเท้าปากชนิดรุนแรง เพิ่มขึ้นอีก 4 ราย โดยลามมาถึง จ.พระตะบอง ซึ่งอยู่ติดชายแดน ด้าน จ.สระแก้ว และอยู่ด่านพรมแดนอรัญประเทศ ประมาณ 70 กม. ทำให้ ร.อ.อภินันท์ สงครามชัย ผบ.ร้อย ทพ.1206 ฉก.กรม.ทพ.12 กกล.บูรพา ได้ประสานความร่วมมือกับ พ.ต.ท.เบญจพล รอดสวาสดิ์ รอง ผกก.ตม.จว.สระแก้ว นำเจลล้างมือฆ่าเชื้อมาไว้ที่บริเวณจุดตรวจร่วมทางเข้าตลาดโรงเกลือ หน้าด่านพรมแดนอรัญประเทศ จ.สระแก้ว เพื่อให้ชาวเขมรที่จะเดินทางเข้าตลาดโรงเกลือล้างมือฆ่าเชื้อก่อนจะเดินทางเข้าประเทศไทย

 

นอกจากนี้ยังให้ จนท.เข้าร่วมกับ จนท.ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ใช้เครื่องเทอร์โมสแกน ตรวจเช็คไข้ เด็กเขมรที่เดินทางเข้าประเทศไทยทุกคน ส่วนมาตรการป้องกัน หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 12 กองกำลังบูรพา ได้สั่งห้ามแรงงานชาวเขมรที่ได้รับการอนุโลมให้เดินทางเข้ามาทำงานรับจ้างบริเวณชายแดนชนิดเช้าไปเย็นกลับห้ามนำเด็กเล็กอายุ ต่ำกว่า 10 ปี เข้ามาในประเทศไทย

 

สสจ.ระนองสั่งเฝ้าระวังเด็กติดเชื้อ

 

ขณะที่นายแพทย์ธงชัย กีรติหัตถยากร นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดระนอง กล่าวว่า ตามที่มีข่าวการป่วยของเด็กจาก โรคมือ เท้า ปาก ในหลายจังหวัด ประกอบกับมีรายงานการระบาดในประเทศเพื่อนบ้านโดยรอบได้แก่ประเทศเวียดนาม ซึ่งพบผู้ป่วยแล้วกว่า 4 หมื่นรายเสียชีวิต 18 ราย ขณะที่สิงคโปร์ มาเลเซีย และไต้หวันก็มีรายงานการระบาดของโรคในกลุ่มเด็กวัยก่อนเรียน ทำให้เกิดความกังวลว่าอาจทำให้เกิดการระบาดในพื้นที่อื่นๆ ของประเทศไทยได้

 

เนื่องจาก โรคมือ เท้า ปาก เป็นโรคติดต่อที่เกิดจากเชื้อไวรัสชนิดหนึ่ง ซึ่งพบได้บ่อยในกลุ่มเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี โดยเฉพาะช่วงอากาศเย็นและชื้น โรคนี้ติดต่อได้จากการสัมผัสโดยตรงกับน้ำมูก น้ำลาย อุจจาระหรือแผลตุ่มพองของผู้ป่วย และมีการรับเชื้อเข้าสู่ปาก อาการทั่วไปไม่รุนแรง มีไข้ต่ำ เกิดตุ่มพองและแผลเล็กๆ ในปากและคอ มีตุ่มขึ้นที่มือ เท้า และบริเวณก้น จะหายเองภายใน 7-10 วัน การป้องกันจึงต้องเน้นความสะอาดส่วนบุคคล โดยเฉพาะสถานรับเลี้ยงเด็ก ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก และโรงเรียนที่มีชั้นอนุบาล ซึ่งผู้ดูแลเด็ก ผู้ปกครอง ครูพี่เลี้ยงต้องเอาใจใส่และสอนให้เด็กมีการปฏิบัติตัวที่ถูกต้อง

 

โดยเฉพาะการล้างมือให้สะอาดทุกครั้งด้วยน้ำและสบู่ก่อนเตรียมอาหารหรือก่อนรับประทานอาหารและหลังการขับถ่าย ใช้ช้อนกลางขณะรับประทานอาหารร่วมกัน หลีกเลี่ยงการใช้แก้วน้ำ หลอดดูด หรือผ้าเช็ดหน้าร่วมกัน ให้เด็กอยู่ในที่ที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก ไม่อยู่ในที่แออัด

 

ขณะนี้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดระนองได้ประสานกับศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก สถานรับเลี้ยงเด็ก สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาจังหวัดระนอง ซึ่งเป็นสถานที่ที่มีเด็กเล็กรวมเป็นกลุ่มใหญ่ เพื่อให้ความรู้และคำแนะนำในการป้องกันโรคมือ เท้า ปากในเด็ก

 

ร.ร.ในเมืองโอ่งเร่งทำความสะอาด

 

ขณะที่สถานการณ์ในจังหวัดราชบุรี หลังพบว่ามีเด็กป่วยด้วยโรคมือ เท้า ปาก รวมกว่า 116 คน ทำให้หลายโรงเรียนเร่งทำความสะอาด โดยเมื่อวานนี้ (13 ก.ค.) คณะครูในโรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.โพธาราม จ.ราชบุรี เร่งทำความสะอาดอุปกรณ์การเรียน โต๊ะ เก้าอี้ ของเล่น แก้วน้ำ รวมทั้งพื้นโรงเรียน โดยใช้น้ำยาฆ่าเชื้อที่ได้รับมาจากสำนักงานสาธารณสุข จ.ราชบุรี หลังพบเด็กนักเรียนชั้นอนุบาลป่วยเป็นโรค มือ เท้า ปาก จำนวน 12 ราย และทางโรงเรียนได้สั่งปิดแล้วและจะเปิดในวันที่ 16 ก.ค.นี้

 

นพ.บุญเรือง ชูไชยแสงรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดราชบุรี กล่าวถึงสถานการณ์โรคในจังหวัดว่า ด้วยกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้มีการเฝ้าระวังเชื้อโรคมือ เท้า ปาก มาเป็นเวลากว่า 10 ปี แล้ว พบว่าสายพันธุ์ส่วนใหญ่เป็นชนิดไม่รุนแรง รวมทั้งมีระบบเฝ้าระวังที่รวดเร็วรู้ทันสถานการณ์ของโรค จึงทำให้สถานการณ์ไม่น่าห่วง ประชาชนไม่ควรตื่นตระหนก อีกทั้งยังไม่น่าวิตกกังวลแต่อย่างใด แม้ จ.ราชบุรี มีแนวเขตติดกับประเทศเพื่อนบ้านก็ตาม

 

ทั้งนี้ สาธารณสุขจังหวัดก็กำชับให้เจ้าหน้าที่ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดในพื้นที่อำเภอต่างๆ อีกทั้งช่วงปีนี้พบเด็กป่วยโรคมือเท้าปาก จำนวนไม่มาก เมื่อเทียบกับสถิติช่วงเดียวกันของปี ที่ผ่านมาและ ไม่มีผู้เสียชีวิต พร้อมกันนี้ได้ประสานกับโรงเรียน หากพบว่ามีเด็กป่วยกว่า 2 รายขึ้นไป ให้หยุดสอนชั่วคราว เพื่อเป็นการป้องกันการแพร่ระบาด และทำความสะอาดสถานที่เพื่อฆ่าเชื้อ

 

อุทัยธานีผวาหลังพบติดเชื้อ 136 ราย

 

ด้านนายมงคล บัวตูม ผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลสว่างอารมณ์ กล่าวว่า โรงเรียนอนุบาลสว่างอารมณ์ พบเด็กในระดับปฐมวัย (อนุบาล 1) ป่วยเป็นโรคมือเท้าปาก รายแรก โดยผู้ปกครองเด็กนำบุตรไปตรวจรักษาที่คลินิกแห่งหนึ่งในตัวจังหวัด เมื่อพบว่าเป็นโรคมือเท้าปาก จึงให้เด็กพักอยู่กับบ้าน ส่วนโรงเรียนอนุบาลสว่างอารมณ์ ยังเปิดทำการเรียนการสอนตากปกติ แต่ได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขเข้าไปตรวจสอบที่โรงเรียน และนำเครื่องใช้ส่วนตัวของเด็กเล็กออกไปผึ่งแดด พร้อมให้ความรู้เรื่องการป้องกันโรคมือเท้าปาก แก่ เด็กๆ ครู และผู้ปกครอง อาทิ การกินอาหารที่ปรุงสุกผ่านความร้อน การใช้ช้อนกลาง การล้างมือให้สะอาดก่อนหยิบจับอาหาร เพื่อป้องกันการแพร่ระบาด

 

สำหรับจังหวัดอุทัยธานี พบเด็กติดเชื้อโรคมือเท้าปาก แล้วรวม 136 ราย กล่าวคือ ในเดือน พ.ค. พบ 48 ราย ในเดือน มิ.ย. พบ 67 ราย และในเดือน ก.ค. พบ 21 ราย ส่วนใหญ่พบเขต อ.ทัพทัน อ.เมืองอุทัยธานี และ อ.ลานสัก ไม่มีผู้เสียชีวิต

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Fed‬'s Lockhart: More QE Not Impotent, Nor Is It 'Miracle Cure'

From @djfxtrader

Fed‬'s Lockhart, FOMC Voter: More QE Not Impotent, Nor Is It 'Miracle Cure'

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Goodbye, QE3?

Fri, Jul 13 2012, 02:54 GMT

 by  BabyPips.com FX-Men Team  - BabyPips.com   |   View company's profile

http://www.fxstreet.com/fundamental/analysis-reports/piponomics/2012/07/13/

 

The dollar index soared to a new 2-year high on Wednesday after the Federal Open Market Committee (FOMC) had left QE3 hopefuls disappointed once again. The index tapped a high of 89.093 as the dollar ended the day higher against most of its major counterparts.

 

Back in June, the markets rallied at the expense of the dollar as investors anticipated the need for QE3. But I can't help but wonder if these gains will all be undone now that the Fed has settled for a mere extension of Operation Twist and appears to be moving away from further easing.

usdx.png

 

But before we get down and dirty with the nitty-gritty details of the minutes, let's do a quick recap of what happened in the FOCM's June 19-20 meeting.

 

In its last FOMC statement, many were disappointed that the Fed didn't announce QE3 and instead just went with an extension of its Operation Twist program. Still, policymakers didn't exactly leave the markets empty handed.

 

They gave investors hope for more stimulus down the line as the central bank's growth, inflation, and unemployment forecasts were all revised for the worse. Hence, people had reason to believe that QE3 was still a possibility.

 

However, the minutes of the latest meeting reveal that the Fed may actually be shying away from more stimulus. Surprising at it may sound, it appears as though central bankers are expecting the economy to pick up steam over the coming months!

 

While two out of the 12 voting members of the FOMC have hinted that they're ready to pull the QE trigger once more, two others indicated that such a move would only be needed if employment conditions do not get better or if the economy faces more headwinds.

 

Right now, though the Federal Reserve recognizes the risks to the global economy posed by the European debt crisis, it still believes that the U.S. economy isn't in immediate danger. According to the minutes, the FOMC is content with its extension of the Operation Twist program. Heck, the committee even described the risk of further economic deterioration as being "low at present." How's that for confidence, eh?

 

One thing you should note though is that the FOMC minutes were based on the meeting back in June, before the release of highly concerning manufacturing, non-manufacturing, and employment data. It'll be interesting to see if the policymakers' stances have changed after seeing these weak reports. After all, they do present solid arguments for more easing.

 

In any case, we'll know on August 1, when the FOMC is due to hold its next meeting. Sit tight, forex fanatics! This QE3 drama ain't over yet!

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

T170212_06C.gif

ป๋า ก็พักผ่อนเหมือนกันนะ พี่กัปตันด้วย เพลงนี้ แปะ ให้2ชายโฉด (ขอโทษค่ะ โสด) แห่งห้องขอเดา อิอิ แปะแล้วต้องรีบเผ่น

 

 

http://www.youtube.com/watch?v=vPUrfyRCqeQ&feature=youtube_gdata_player

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

 

มันบอกผมเป็นแกนนำ ห้องก็จองเป็นชื่อผม ผมจองเองด้วย :_02

 

ที่นัดกันทีแรก เมียผมไม่ได้ไปนะ โสดคืนเดียว อดลั่นล้า :033 เลย ว่าจะชวนเจ้อยู่ :uu หนุ่มๆเพียบโสดๆทั้งนั้น 555

 

ถ้ายกเลิกไม่ได้ เราไปกันสองคนไหม รอลูกหลับ ก่อน แกก็ให้เมียรีดผ้าแล้วกัน อิ อิ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Fed‬'s Lockhart: More QE Not Impotent, Nor Is It 'Miracle Cure'

From @djfxtrader

Fed‬'s Lockhart, FOMC Voter: More QE Not Impotent, Nor Is It 'Miracle Cure'

พี่ใหญ่ค่ะ ความน่าจะเป็น นำ้หนัก เป็นอย่างไรค่ะ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ถ้ายกเลิกไม่ได้ เราไปกันสองคนไหม รอลูกหลับ ก่อน แกก็ให้เมียรีดผ้าแล้วกัน อิ อิ

 

ยกเลิกไปแล้วเจ้ ต้องไปดูแลพ่อตาแม่ยายนี่ซิ ทำสุกี้กินกันที่บ้าน :_02

ถูกแก้ไข โดย luk

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...