ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
tt2518

ขอเดา(ราคาทอง)กับเขาบ้าง

โพสต์แนะนำ

สหรัฐเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 7 เดือน

 

 

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 25 กันยายน 2555 21:49:09 น.

คอนเฟอเรนซ์ บอร์ด เผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงกว่าคาดการณ์ในเดือนกันยายน โดยทำสถิติสูงสุดในรอบ 7 เดือน ซึ่งนับเป็นอีกปัจจัยที่ช่วยหนุนการขยายตัวของค่าใช้จ่ายภาคเอกชน ซึ่งมีสัดส่วนสูงที่สุดในเศรษฐกิจสหรัฐ

 

คอนเฟอเรนซ์ บอร์ด ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคอยู่ที่ 70.3 ในเดือนกันยายน เพิ่มขึ้นจากระดับ 61.3 ในเดือนสิงหาคม ขณะที่ค่ากลางจากการสำรวจความคิดเห็นของนักเศรษฐศาสตร์คาดว่า จะอยู่ที่ 63.1

 

รายงานดังกล่าวระบุว่า การปรับตัวขึ้นของราคาบ้านและตลาดหุ้นต่างก็ช่วยหนุนความเชื่อมั่นผู้บริโภค ซึ่งอาจส่งผลให้ภาคครัวเรือนเพิ่มการใช้จ่าย ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 70% ของเศรษฐกิจสหรัฐ ในขณะที่อัตราว่างงานที่ยังคงสูงกว่าระดับ 8% และค่าจ้างที่เพิ่มขึ้นในวงจำกัดถือเป็นแรงฉุดรั้งการขยายตัว

 

นอกจากนี้ ชาวอเมริกันยังมีมุมมองที่เป็นบวกเกี่ยวกับการจ้างงาน ภาวะธุรกิจ และ รายได้ในเดือนนี้ โดยดัชนีปรับตัวขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 5 เดือนที่ 50.2 จาก 46.5 ในเดือนสิงหาคม ขณะดัชนีคาดการณ์ในอีก 6 เดือนข้างหน้าพุ่งขึ้นไปแตะที่ 83.7 จาก 71.1 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์

 

สัดส่วนผู้ตอบแบบสอบถามคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด ที่คาดว่า ตำแหน่งงานจะเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 18.5% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ จากระดับ 15.8% ส่วนสัดส่วนผู้ตอบแบบสอบถามที่คาดว่ารายได้จะเพิ่มขึ้นในช่วงอีก 6 เดือนข้างหน้า เพิ่มขึ้นเป็น 16.3% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดของปีนี้ จาก 16% ในเดือนสิงหาคม

 

ในขณะเดียวกัน ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเบื้องต้นของธอมสัน รอยเตอร์ส/มหาวิทยาลัยมิชิแกน ก็ปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดนับตั้งแตเดือนพฤษภาคมในเดือนกันยายน

 

แต่อย่างไรก็ดี การปรับตัวขึ้นของดัชนียังคงถูกฉุดลงโดยอัตราว่างงานที่ยังคงสูงกว่าระดับ 8% เป็นเดือนที่ 43 ติดต่อกัน โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐระบุว่าเป็นสถิติที่อยู่เหนือระดับดังกล่าวอย่างยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ปี 2491

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย เกตุ โนนทิง/สุนิตา โทร.02-2535000 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--

 

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

รมว.คลังกรีซรับควรขอความช่วยเหลือเพิ่มจากอีซีบีเพื่อลดช่องว่างทางการเงิน

 

 

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 25 กันยายน 2555 22:36:34 น.

นายคริสทอส สไตคูราส รัฐมนตรีคลังของกรีซกล่าวว่า กรีซควรเลือกใช้ช่องทางกู้เงินเพิ่มจากธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) เพื่ออุดช่องว่างทางการเงินในปีต่อๆไป ถ้าหากมาตรการรัดเข็มขัดและการปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจที่กำลังดำเนินการอยู่ ไม่บรรลุเป้าหมายตามระยะเวลาที่กำหนด

 

นายสไตคูราสระบุในแถลงการณ์ของกระทรวงเพื่อตอบคำถามของรองนายกรัฐมนตรีกรีซว่า “ความเป็นไปได้ในการการต่ออายุเงินกู้ยืมระยะยาวเมื่อครบกำหนด (rollover) ควรถูกนำมาพิจารณาเพื่อชดเชยช่องว่างด้านงบประมาณ เมื่อพิจารณาจากการที่อีซีบีถือครองพันธบัตรกรีซในวงเงิน 2.8 พันล้านยูโรซึ่งจะครบกำหนดไถ่ถอนในระหว่างปี 2556-2559" เขากล่าว

 

นอกจากนิ้ นายสไตคูราสยังระบุว่า ในกรณีที่การปฏิรูปไม่บรรลุเป้าหมายของการปรับตัวเลขงบประมาณประจำปีหรือโครงการแปรรูปรัฐวิสาหกิจตามข้อตกลงในการรับความช่วยเหลือจากเจ้าหนี้ต่างประเทศในปี 2553 กรีซควรจะใช้ทางเลือกอื่นด้วยเช่นกัน เช่น การออกตราสารหนี้ระยะสั้น

 

ทั้งนี้ แผนการสร้างเสถียรภาพและปฏิรูปของกรีซซึ่งได้รับความช่วยเหลือในรูปเงินกู้จากประเทศยุโรปและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เป็นวงเงินหลายพันล้านยูโร มีจุดประสงค์เพื่อหลีกเลี่ยงการล้มละลายของกรีซและการถอนตัวออกจากยูโรโซน สำนักข่าวซินหัวรายงาน

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย เกตุ โนนทิง/สุนิตา โทร.02-2535000 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

]ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดบวกขานรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐแข็งแกร่ง

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 26 กันยายน 2555 06:06:22 น.

ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (24 ก.ย.) หลังจากมีรายงานว่าดัชนีราคาบ้านและดัชนีราคาผู้บริโภคของสหรัฐ ปรับตัวเพิ่มขึ้นเกินคาด ซึ่งข้อมูลดังกล่าวเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีความแข็งแกร่งขึ้น

 

ดัชนี Stoxx Europe 600 ดีดตัวขึ้น 0.4% ปิดที่ 275.78 จุด

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 7,425.11 จุด เพิ่มขึ้น 11.95 จุด หรือ 0.16% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 3,513.81 จุด เพิ่มขึ้น 16.59 จุด หรือ 0.47% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 5,859.71 จุด เพิ่มขึ้น 20.87 จุด จุด 0.36%

 

ตลาดหุ้นยุโรปดีดตัวขึ้นขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ โดยเมื่อช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาไทย สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์/เคส ชิลเลอร์เปิดเผยว่า ราคาบ้านในสหรัฐปรับตัวสูงขึ้นมากกว่าคาดการณ์ในเดือนกรกฎาคม ซึ่งนับเป็นอีกสัญญาณที่บ่งชี้ว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์จะเป็นอีกปัจจัยที่หนุนเศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว

 

ทั้งนี้ ดัชนีราคาบ้าน S&P/Case-Shiller ใน 20 เมืองเพิ่มขึ้น 1.2% ในเดือนกรกฎาคม เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปี 2554 และเป็นการปรับตัวขึ้นสูงสุดนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2553 เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองซึ่งอยู่ในระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ได้ดึงดูดกลุ่มผู้ซื้อบ้าน

 

ขณะที่คอนเฟอเรนซ์ บอร์ดเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนกันยานของสหรัฐอยู่ที่ 70.3 ในเดือนกันยายน เพิ่มขึ้นจากระดับ 61.3 ในเดือนสิงหาคม โดยทำสถิติสูงสุดในรอบ 7 เดือน สะท้อนให้เห็นว่ายอดการใช้จ่ายภาคเอกชนซึ่งมีสัดส่วนสูงที่สุดในเศรษฐกิจสหรัฐนั้น มีแนวโน้มขยายตัวแข็งแกร่ง

 

หุ้นลอนซา ซึ่งเป็นบริษัทผลิตเคมีภัณฑ์รายใหญ่ของสวิส พุ่งขึ้น 3% หลังจากหนังสือพิมพ์เดอะกาเดียนรายงานว่า บริษัท BASF SE และบริษัทซาอุดิ เบสิค อินดัสทรีส์ กำลังให้ความสนใจเข้าซื้อกิจการของลอนซา

 

หุ้นวอลโว่ พุ่งขึ้น 4.2% หลังจากบริษัทเปิดเผยแผนปรับโครงสร้างการดำเนินงานในญี่ปุ่นและสหรัฐ โดยมีเป้าหมายที่จะกระตุ้นผลกำไรเพื่อรับมือกับการชะลอตัวลงของตลาดโลก

 

อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มรถยนต์รายอื่นๆของยุโรปร่วงลง โดยหุ้นเดมเลอร์ปรับตัวลง 1.6% หุ้นโฟล์คสวาเก้นร่วงลง 1.7% และหุ้นบีเอ็มดับเบิลยู ดิ่งลง 1.4%

 

นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของยุโรปในวันนี้ โดยในเวลา 13.45 น. ฝรั่งเศสจะเปิดเผยผลสำรวจความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.ย. และในเวลา 15.00 น. อิตาลีจะเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนก.ค.

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

ถูกแก้ไข โดย เด็กขายของ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: วิตกเศรษฐกิจสเปน ฉุดดาวโจนส์ปิดร่วง101.37 จุด

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 26 กันยายน 2555 06:35:27 น.

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (24 ก.ย.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและการเมืองของสเปน ได้บดบังปัจจัยบวกจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ รวมถึงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่พุ่งขึ้นเกินคาด นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันหลังจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นในด้านลบเกี่ยวกับมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบ 3 (QE3) ที่เฟดประกาศใช้ในการประชุมครั้งล่าสุด

 

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ร่วงลง 101.37 จุด หรือ 0.75% ปิดที่ 13,457.55 จุด ดัชนี S&P 500 ลดลง 15.30 จุด หรือ 1.05% ปิดที่ 1,441.59 จุด และดัชนี Nasdaq ลดลง 43.06 จุด หรือ 1.36% ปิดที่ 3,117.73 จุด

 

ในช่วงแรกนั้นตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ รวมถึงดัชนีราคาบ้านใน 20 เมืองที่เพิ่มขึ้น 1.2% ในเดือนก.ค.ซึ่งเป็นการพุ่งขึ้นสูงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค. 2553 และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนกันยานของสหรัฐอยู่ที่ 70.3 ในเดือนกันยายน เพิ่มขึ้นจากระดับ 61.3 ในเดือนสิงหาคม โดยทำสถิติสูงสุดในรอบ 7 เดือน

 

แต่ตลาดไม่สามารถรั้งแรงบวกเอาไว้ได้ จึงได้ปรับตัวลงมาเคลื่อนไหวในแดนลบ เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวเกี่ยวกับเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและการเมืองของสเปน หลังจากมีรายงานว่าชาวสเปนหลายพันคนได้ออกมาประท้วงที่กรุงมาดริดเมื่อวานนี้ เพื่อต่อต้านมาตรการรัดเข็มขัดครั้งใหม่ที่รัฐบาลได้บรรจุอยู่ในร่างงบประมาณประจำปี 2556 ซึ่งคาดว่าจะมีการประกาศในสัปดาห์นี้

 

กระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับวิกฤตการณ์ในสเปนได้จุดปะทุให้เกิดแรงเขายทั่วตลาด นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันหลังจากนายชาร์ลส์ พลอสเซอร์ ประธานเฟดสาขาฟิลาเดลเฟียได้ออกมาแสดงความเห็นว่า มาตรการ QE3 แทบจะไม่มีผลในการกระตุ้นเศรษฐกิจและลดอัตราว่างงาน มีแต่จะส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือของเฟด

 

หุ้นแคทเตอร์พิลลาร์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์สำหรับการก่อสร้าและเหมืองแร่ ดิ่งลง 4.25% หลังจากบริษัทปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการสำหรับปี 2558 เนื่องจากเศรษฐกิจทั่วโลกชะลอตัวลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้

 

นักลงทุนจับตาดูยอดขายบ้านใหม่เดือนส.ค.ของสหรัฐ ซึ่งจะมีการเปิดเผยในคืนนี้เวลา 21.00 น.ตามเวลาไทย โดยนักวิเคราะห์คาดว่ายอดขายบ้านใหม่เดือนส.ค.จะเพิ่มขึ้นจากเดือนก.ค.

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลงเช้านี้ เหตุวิตกเศรษฐกิจทั่วโลกชะลอตัว

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 26 กันยายน 2555 08:49:50 น.

ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงเช้านี้ เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ธนาคารกลางทั่วโลกใช้ อาจไม่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจโลกได้

 

ดัชนี MSCI Asia Pacific Index (MXAP) ลดลง 0.9% ที่ระดับ 122.14 น. ณ เวลา 10.01 น.ตามเวลาโตเกียว โดยมีสัดส่วนหุ้นลบต่อหุ้นบวกกว่า 5 ต่อ 1 หุ้น

 

ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 8,941.75 จุด ลดลง 149.79 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 20,485.99 จุด ลดลง 212.69 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 7,702.77 จุด ลดลง 31.36 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 1,973.11 จุด ลดลง 18.30 จุด,  ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,040.26 จุด ลดลง 26.87 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ที่ 5,317.10 จุด ลดลง 8.07 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,614.37 จุด ลดลง 4.21 จุด และดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียเปิดวันนี้ที่ 4,363.70 จุด ลดลง 9.20 จุด

 

หุ้นบีเอชพี บิลลิตัน ลดลง 1.2% และหุ้นโตโยต้า มอเตอร์ คอร์ป ติดลบ 1.9%

นักวิเคราะห์กล่าวว่า นักลงทุนวิตกกังวลว่ามาตรการต่างๆที่ธนาคารกลางหลายแห่งทั่วโลกใช้ ไม่สามารถแก้ปัญหาทางโครงสร้างได้

 

นอกจากนี้ ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียยังได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของตลาดหุ้นนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลง 101.37 จุด หรือ 0.75% ปิดที่ 13,457.55 จุด เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและการเมืองของสเปน ได้บดบังปัจจัยบวกจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ รวมถึงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่พุ่งขึ้นเกินคาด

 

นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันหลังจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นในด้านลบเกี่ยวกับมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบ 3 (QE3) ที่เฟดประกาศใช้ในการประชุมครั้งล่าสุด

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ปรียพรรณ มีสุข/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้าทรงตัวถึงอ่อนลง, เกาะติดราคาน้ำมันโลก-Window Dressing

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 26 กันยายน 2555 08:52:02 น.

นายปริญทร์ กิจจาทรพิทักษ์ ผู้บริหารสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์และกลยุทธ์การลงทุน บล.เคทีบี (ประเทศไทย)กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะทรงตัว ถึงอ่อนตัวลง เนื่องจากตลาดฯยังไม่ค่อยมีปัจจัยใหม่ และตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่จะอยู่ในแดนลบเล็กน้อย

 

ทั้งนี้ ช่วงนี้ให้ติดตาม 2 ประเด็นด้วยกัน คือ ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปิดไตรมาส 3/55 ยังยืนเหนือไตรมาส 2/55 ได้หรือไม่ หากทำได้ก็จะช่วยสนับสนุนหุ้นในกลุ่มพลังงานจะดี และ Window Dressing ช่วงก่อนปิดงบฯไตรมาส 3/55 จะมีหรือไม่ด้วย

 

วันนี้ให้กรอบการแกว่งตัวของดัชนีไว้ที่ 1,278-1,290 จุด พร้อมแนะ"ขายทำกำไร"ในช่วงสั้น

 

--อินโฟเควสท์ โดย พรเพ็ญ ดวงเฉลิมวงศ์/ศศิธร โทร.02-2535000 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--

 

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

นายกฯเยอรมนี-ปธ.อีซีบีชี้จำเป็นต้องปฏิรูปยูโรโซนเพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขัน

 

 

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 26 กันยายน 2555 08:57:00 น.

นายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคลของเยอรมนี และนายมาริโอ ดรากิ ประธานธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) เห็นพ้องกันว่าจำเป็นต้องมีการปฏิรูปยูโรโซนเพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันและฟื้นความน่าเชื่อถือ

 

นายสเตฟเฟน ไซเบิร์ท โฆษกของนายกรัฐมนตรีเยอรมนี กล่าวหลังการพบปะกันของนางแมร์เคลและนายดรากิว่า ทั้งสองได้หารือกันเกี่ยวกับการกำกับดูแลด้านการธนาคารยุโรปและการประชุมสุดยอดสหภาพยุโรป (อียู) ในเดือนต.ค.

 

“ความเต็มใจอย่างมากที่จะปฏิรูปเป็นสิ่งจำเป็นในยุโรป เพื่อที่จะปรับปรุงศักยภาพการแข่งขันและฟื้นฟูความน่าเชื่อถือ" นายไซเบิร์ทกล่าวในแถลงการณ์ฉบับหนึ่ง แต่เขาไม่ได้ระบุรายละเอียดของการหารือดังกล่าว

 

แผนการของอีซีบีในการซื้อพันธบัตรของประเทศสมาชิกยูโรโซนที่มีปัญหาหนี้สินแบบไม่จำกัดจำนวน เพื่อช่วยลดต้นทุนการกู้ยืมของประเทศดังกล่าวนั้น ได้สร้างความกังขาแก่เยอรมนี ซึ่งเจ้าหน้าที่บางรายเชื่อว่าจะกระทบต่อความเป็นอิสระของอีซีบีและจะกระตุ้นเงินเฟ้อ

 

อย่างไรก็ตาม นายดรากิกล่าวในการประชุมภาคอุตสาหกรรมที่กรุงเบอร์ลินเมื่อวานนี้ว่า อีซีบีมีวัตถุประสงค์ที่จะจัดการ “ความกังวลที่ไร้เหตุผลเกี่ยวกับยูโรโซนที่ส่งผลกระทบต่อความสามารถของเราในการสร้างความมั่นใจต่อความมีเสถียรภาพด้านราคา" ซึ่งเน้นย้ำถึงพันธสัญญาของอีซีบีตามอำนาจหน้าที่ในการรับมือเงินเฟ้อ

 

นายดรากิกล่าวว่ารัฐบาลยูโรโซนควรดำเนินมาตรการที่เด็ดขาดสำหรับอนาคตของยูโรโซน โดยกล่าวเสริมว่ามาตรการของอีซีบีมีจุดประสงค์ในการบรรเทาวิกฤตหนี้ สำนักข่าวซินหัวรายงาน

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย พันธุ์ทิพย์ คำเพิ่มพูล/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: ทองปิดบวก $1.8 หลังสหรัฐเผยข้อมูลเศรษฐกิจสดใส

 

 

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 26 กันยายน 2555 07:21:09 น.

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดขยับขึ้นเมื่อคืนนี้ (2 ก.ย.)  เพราะได้แรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ รวมถึงดัชนีราคาบ้านและดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้นสูงกว่าการคาดการณ์

 

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 1.8 ดอลลาร์ หรือ 0.1% ปิดที่ 1,766.40 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดที่ 33.948 ดอลลาร์/ออนซ์ ลดลง 3.60 เซนต์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค.ปิดที่ 1,631.80 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 9.80 ดอลลาร์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดที่ 640.85 ดอลลาร์/ออนซ์ ร่วงลง 4.65 ดอลลาร์

 

สัญญาทองคำดีดตัวขึ้นหลังจากสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์/เคส ชิลเลอร์เปิดเผยว่า ราคาบ้านใน 20 เมืองของสหรัฐเพิ่มขึ้น 1.2% ในเดือนกรกฎาคม เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปี 2554 และเป็นการปรับตัวขึ้นสูงสุดนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2553 เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองซึ่งอยู่ในระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ได้ดึงดูดกลุ่มผู้ซื้อบ้าน

 

ขณะที่คอนเฟอเรนซ์ บอร์ดเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนกันยานของสหรัฐอยู่ที่ 70.3 ในเดือนกันยายน เพิ่มขึ้นจากระดับ 61.3 ในเดือนสิงหาคม โดยทำสถิติสูงสุดในรอบ 7 เดือน สะท้อนให้เห็นว่ายอดการใช้จ่ายภาคเอกชนซึ่งมีสัดส่วนสูงที่สุดในเศรษฐกิจสหรัฐนั้น มีแนวโน้มขยายตัวแข็งแกร่ง

 

อย่างไรก็ตาม สัญญาทองคำปรับตัวขึ้นในกรอบที่จำกัด เพราะได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ เนื่องจากดอลลาร์ที่แข็งค่าจะทำให้สัญญาทองคำซึ่งซื้อขายด้วยสกุลเงินดอลลาร์นั้น มีราคาสูงขึ้นสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่นๆ

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ยูโรอ่อนแรง เหตุวิตกปัญหาเศรษฐกิจสเปน

 

 

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 26 กันยายน 2555 07:40:46 น.

สกุลเงินยูโรอ่อนแรงลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (25 ก.ย.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจและการคลังของสเปน หลังจากมีรายงานว่าชาวสเปนจำนวนมากได้ออกมาประท้วงต่อต้านมาตรการรัดเข็มขัด นอกจากนี้ ยูโรยังได้รับแรงกดดันจากดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของเยอรมนี

 

ยูโรอ่อนตัวลง 0.17% แตะที่ 1.2908 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันจันทร์ 1.2930 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนแรงลง 0.18% แตะที่ 1.6190 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.6219 ดอลลาร์สหรัฐ

 

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐขยับลง 0.09% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 77.780 เยน จากระดับ 77.850 เยน และดีดตัวขึ้น 0.18% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9373 ฟรังค์ จากระดับ 0.9356 ฟรังค์

 

ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียร่วงลง 0.36% แตะที่ 1.0381 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0418 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ขยับลง 0.10% แตะที่ระดับ 0.8218 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.8226 ดอลลาร์สหรัฐ

 

ค่าเงินยูโรอ่อนแรงลงหลังบริษัทวิจัยตลาด GfK เปิดเผยว่า ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเยอรมนีมีแนวโน้มทรงตัวในเดือนต.ค. โดยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคล่วงหน้าอยู่ที่ 5.9 ซึ่งเป็นระดับเดียวกับเดือนก.ย.

 

นอกจากนี้ ยูโรยังได้รับแรงกดดันจากรายงานที่ว่าชาวสเปนหลายพันคนได้ออกมาประท้วงที่กรุงมาดริดเมื่อวานนี้ เพื่อต่อต้านมาตรการรัดเข็มขัดครั้งใหม่ที่รัฐบาลได้บรรจุอยู่ในร่างงบประมาณประจำปี 2556 ซึ่งคาดว่าจะมีการประกาศในสัปดาห์นี้

 

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐได้รับแรงหนุนหลังจากนายชาร์ลส์ พลอสเซอร์ ประธานเฟดสาขาฟิลาเดลเฟียได้ออกมาแสดงความเห็นว่า มาตรการ QE3 แทบจะไม่มีผลในการกระตุ้นเศรษฐกิจและลดอัตราว่างงาน มีแต่จะส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือของเฟด

 

นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังได้รับปัจจัยบวกจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ หลังจากสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์/เคส ชิลเลอร์เปิดเผยว่า ราคาบ้านใน 20 เมืองของสหรัฐเพิ่มขึ้น 1.2% ในเดือนกรกฎาคม เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปี 2554 และเป็นการปรับตัวขึ้นสูงสุดนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2553 เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองซึ่งอยู่ในระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ได้ดึงดูดกลุ่มผู้ซื้อบ้าน

 

ขณะที่คอนเฟอเรนซ์ บอร์ดเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนกันยานของสหรัฐอยู่ที่ 70.3 ในเดือนกันยายน เพิ่มขึ้นจากระดับ 61.3 ในเดือนสิงหาคม โดยทำสถิติสูงสุดในรอบ 7 เดือน สะท้อนให้เห็นว่ายอดการใช้จ่ายภาคเอกชนซึ่งมีสัดส่วนสูงที่สุดในเศรษฐกิจสหรัฐนั้น มีแนวโน้มขยายตัวแข็งแกร่ง

 

นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของยุโรปในวันนี้ โดยในเวลา 13.45 น. ฝรั่งเศสจะเปิดเผยผลสำรวจความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.ย. และในเวลา 15.00 น. อิตาลีจะเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนก.ค. นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูยอดขายบ้านใหม่เดือนส.ค.ของสหรัฐ ซึ่งจะมีการเปิดเผยในคืนนี้เวลา 21.00 น.ตามเวลาไทย โดยนักวิเคราะห์คาดว่ายอดขายบ้านใหม่เดือนส.ค.จะเพิ่มขึ้นจากเดือนก.ค.

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

ถูกแก้ไข โดย เด็กขายของ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

นักวิเคราะห์เตือนผล QE3 ทำเงินบาทผันผวนหนัก (26/09/2555)

นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เตือนผลจาก QE3 ทำเงินบาทอาจผันผวนหนัก จับตาสถานการณ์ทุนต่างชาติ ต่อเนื่องอย่างน้อย 30 เดือน

 

ในงานสัมมนาประจำปี ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. นายศุภวุฒิ สายเชื้อ กรรมการผู้จัดการสายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ภัทร กล่าวถึง กรณีที่ธนาคารกลางสหรัฐออกมาตรการผ่อนคลายทางการเงินรอบ 3 หรือ QE 3 โดยอัดฉีดเงิน 4 -4.5 ล้านเหรียญสหรัฐต่อเดือน โดยไม่มีข้อจำกัดว่าสิ้นสุดเมื่อไหร่ จะส่งผลทำให้ค่าเงินบาทมีความผันผวนมาก เนื่องจากมีเงินทุนต่างชาติไหลเข้ามาลงทุนในประเทศที่มีผลตอบแทนอัตราดอกเบี้ยสูงกว่า รวมทั้งไทย เพราะดอกเบี้ยพันธบัตรของสหรัฐฯ ระยะ 2 ปี อยู่ที่ 0.25% ส่วนพันธบัตรไทย ดอกเบี้ยสูงถึง 3% 

 

 

โดยต้องติดตามสถานการณ์การไหลเข้าของเงินทุนอย่างต่อเนื่อง อย่างน้อย 30 เดือน หรือ ถึงกลางปี 2558 เนื่องจากไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าเงินทุนจำนวนมากจะไหลเข้าเมื่อไหร่ โดยเฉพาะภาคเอกชนที่ไปกู้เงินจากต่างประเทศ เพราะเห็นว่าอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าในประเทศไทย ต้องระวังความผันผวนของค่าเงิน ดังนั้น ควรซื้อประกันความเสี่ยงไว้ล่วงหน้า ส่วนผู้ฝากเงินมีแนวโน้มที่จะได้รับอัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น จากการที่ธนาคารพาณิชย์แข่งขันระดมเงินฝากอย่างต่อเนื่อง 

 

ทั้งนี้ไม่เห็นด้วยที่ ธปท. จะเข้าแทรกแซงค่าเงินบาทอย่างต่อเนื่อง เพราะจะยิ่งสร้างปัญหาขาดทุนให้กับงบดุลของธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งปัจจุบันงบดุลของ ธปท.มีขนาดใหญ่มาก และขาดทุนเพิ่มขึ้น หากยังเข้าแทรกแซงค่าเงินบาทอย่างต่อเนื่อง จะทำกระทบต่อความยืดหยุ่นของนโยบายและการออกนโยบายการเงินมีข้อจำกัด ถึงเวลาแล้วที่ประเทศไทยต้องลดการพึ่งพาการส่งออกและหันมากระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศ เลิกตั้งเป้าหมายว่าการส่งออกต้องขยายตัวถึง 3 เท่าของจีดีพี 

 

 

ส่วนสถานการณ์น้ำในขณะนี้ นายศุภวุฒิ กล่าวว่า ไม่ได้มีผลต่อการตัดสินใจลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ เพราะข้อมูลที่รัฐบาลแจ้งว่ามีปริมาณน้ำในเขื่อนเพียง 1 ใน 4 ของปริมาณน้ำในปีที่ผ่านมา ทำให้นักลงทุนมั่นใจว่าปีนี้ประเทศไทยจะไม่เกิดน้ำท่วมรุนแรงเหมือนปี 2554 แต่สิ่งที่นักลงทุนกังวล คือ ปัญหาการเมืองไทยที่ยังมีความไม่แน่นอน

 

ที่มา : ครอบครัวข่า 3 (วันที่ 26 กันยายน 2555)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

ยูโรโซนปรับลดคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจของยูโรโซน (26/09/2555)

สแตนดาร์ดแอนด์พัวร์ส บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือยักษ์ใหญ่จากสหรัฐ ประกาศเมื่อวานนี้ในการปรับลดคาดการณ์แนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจของยูโรโซนในระหว่างปีนี้และปีหน้า และคาดว่าเศรษฐกิจยูโรโซนจะหดตัวลงในปีนี้ในอัตราที่มากกว่าที่คาดการณ์ไว้เดิม

ที่มา : สำนักข่าวแห่งชาติ(วันที่ 26 กันยายน 2555)

 

ไอเอ็มเอฟจ่อปรับลดคาดการณ์ศก.โลก ขู่ให้ใบแดงอาร์เจนฯหากศก.ยังย่ำแย่(26/09/2555)

วอชิงตัน ดี.ซี. (เอพี/บีบีซี นิวส์) -นางคริสตีน ลาการ์ด กรรมการผู้จัดการใหญ่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือไอเอ็มเอฟกล่าวว่า ไอเอ็มเอฟเตรียมจะปรับลดตัวเลขคาดการณ์การเติบโตเศรษฐกิจโลกในเดือนตุลาคมนี้ เนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจในช่วง 12 เดือน และ 6 เดือนที่ผ่านมา มีแนวโน้มลดลงและอ่อนแอกว่าที่คาด โดยปัจจัยเสี่ยงที่ใหญ่ที่สุดต่อเศรษฐกิจโลกคือ ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับปัญหาวิกฤติหนี้ยูโรโซน ทั้งนี้ ในเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา ไอเอ็มเอฟได้ปรับลดคาดการณ์การเติบโตเศรษฐกิจโลกของปี 2556 หรือปีหน้า เหลือร้อยละ 3.9แต่คงตัวเลขคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจโลกในปีนี้ไว้ตามเดิมที่ร้อยละ 3.5 โดยไอเอ็มเอฟออกตัวเลขคาดการณ์การเติบโตเศรษฐกิจโลกทุก 6 เดือน และกำลังจะมีการประชุมไอเอ็มเอฟร่วมกับธนาคารโลกในกรุงโตเกียว ในวันที่ 12-14 ต.ค.นี้

 

ขณะเดียวกัน นางลาการ์ดยังเตือนอาร์เจนตินาว่า อาจได้รับ “ใบแดง” ถ้าหากว่ายังไม่สามารถให้ตัวเลขเศรษฐกิจที่เชื่อถือได้ โดยใบแดงหมายถึงอาร์เจนตินาอาจถูกไอเอ็มเอฟออกมาตรการลงโทษ ตัดสิทธิ์การออกเสียงในไอเอ็มเอฟ จนถึงโทษสูงสุดคือ ไล่ออกจากไอเอ็มเอฟ สาเหตุที่อาร์เจนตินาจะถูกลงโทษ มาจากการให้ข้อมูลตัวเลขเงินเฟ้อที่ถูกมองว่าไม่น่าเชื่อถือคือ ร้อยละ 10 ในขณะที่นักเศรษฐศาสตร์แย้งว่า เงินเฟ้ออาร์เจนตินาที่แท้จริงน่าจะอยู่ที่ร้อยละ 24 ซึ่งต่างกันมาก ก่อนหน้านี้อาร์เจนตินาได้รับ “ใบเหลือง” จากไอเอ็มเอฟไปแล้ว คือไอเอ็มเอฟได้ยื่นคำขาดให้เวลาอาร์เจนติน่า 3 เดือน โดยมีเส้นตายในวันที่ 17 ธันวาคมนี้ แก้ปัญหาเรื่องการให้ข้อมูลตัวเลขเศรษฐกิจที่ไม่น่าเชื่อถือ

 

ที่มา : แนวหน้า(วันที่ 26 กันยายน 2555)

 

ปล. การปรับลดคาดการณ์ลง ไม่เป็นผลดีต่อราคาทอง ที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้น จาก QE3 มันคนละเรื่องเดียวกัน

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ยูโร/เยนร่วงต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์หลังความเชื่อมั่นผู้บริโภคเยอรมนีซบเซา (26/09/2555)

ยูโรร่วงลงที่ระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 2 สัปดาห์เมื่อเทียบเงินสกุลเยน หลังดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเยอรมนีอยู่ในภาวะที่ซบเซา ในขณะที่ต้นทุนการกู้ยืมของเสปนปรับตัวสูงขึ้นท่ามกลางวิกฤตในยูโรโซนที่ย่ำแย่ลง

 

ยูโรเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อยที่ระดับ 100.68 เยน ณ เวลา 07.42 น. ในนิวยอร์ก หลังแตะที่ 100.16 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 13 ก.ย. ขณะเดียวกัน ยูโรเกือบจะทรงตัวเมื่อเทียบกับดอลลาร์โดยอยู่ที่ระดับ 1.2936 ดอลลาร์ หลังจากที่แตะที่ 1.2887 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 13 ก.ย. เช่นเดียวกัน ส่วนเยนเทียบดอลลาร์อยู่ที่ 77.83 เยน หลังจากที่แตะที่ 77.66 เยน ซึ่งเป็นระดับแข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 14 ก.ย.

 

ยูโรปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักทั้ง 16 สกุลหลังต้นทุนกู้ยืมของสเปนปรับตัวขึ้นในการประมูลขายตั๋วเงินคลังในวงเงิน 4 พันล้านยูโร (5.2 พันล้านดอลลาร์)

 

นอกจากนี้ ยูโรยังปรับตัวลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์หลังบริษัทวิจัยตลาด GfK เปิดเผยว่า ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเยอรมนีมีแนวโน้มทรงตัวในเดือนต.ค. โดยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคล่วงหน้าอยู่ที่ 5.9 ซึ่งเป็นระดับเดียวกับเดือนก.ย.

 

GfK ระบุว่าผู้บริโภคชาวเยอรมันจะยังคงใช้จ่าย แม้ว่ามีความกังวลเกี่ยวกับภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจของประเทศอื่นๆในภูมิภาค โดยมุมมองของผู้บริโภคในเยอรมนียังคงมีความสดใสในเดือนต.ค.

 

ส่วนดัชนีย่อยต่างๆนั้น ดัชนีคาดการณ์ทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ -17.2 ในเดือนก.ย. จาก -18.9 ในเดือนส.ค. หลังจากที่ลดลงในช่วง 3 เดือนก่อน แต่ดัชนีคาดการณ์รายได้ในเดือนก.ย.ร่วงลงอย่างหนัก แตะ 23.9 จาก 31.6 ในเดือนก่อนหน้า

 

ดัชนีแนวโน้มการซื้อในเดือนก.ย.ยังคงอยู่ที่ 33.1 ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนส.ค.

 

ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดยรวมของ Gfk จะระบุถึงตัวเลขในเดือนถัดไป ขณะที่ดัชนีย่อยต่างๆ จะระบุถึงตัวเลขในเดือนปัจจุบัน

 

การเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่เมื่อวานนี้สถาบัน Ifo รายงานว่าดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจของเยอรมนีเดือนก.ย.ลดลงแตะ 101.4 จาก 102.3 ในเดือนส.ค. โดยเป็นการปรับตัวลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกัน

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันที่ 26 กันยายน 255)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...