ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
tt2518

ขอเดา(ราคาทอง)กับเขาบ้าง

โพสต์แนะนำ

"เสื้อแดง"แรลลี่ตามจับคนสั่งฆ่าประชาชน 99 ศพ

 

 

นายพายัพ ปั้นเกตุ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทยและแกนนำนปช. กล่าวว่า วันเสาร์ที่ 27 ต.ค. เวลา 10.00-15.00 น. นปช.อีกสายหนึ่งนำโดย พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ นางดารุณี กฤตบุญญาลัย และตนจะร่วมจัดกิจกรรม"แรลลี่ตามจับคนใจหมา สั่งฆ่าประชาชน 99 ศพ กลางเมืองหลวงประเทศไทยโดยมีจุดประสงค์เพื่อต้องการให้รัฐบาลนำคนที่สั่งฆ่าประชาชนที่วันนี้ยังลอยนวลอยู่มาลงโทษ โดยขบวนแรลลี่จะใช้รถมอเตอร์ไซค์เป็นส่วนใหญ่ เบื้องต้นอยากให้มีรถมาร่วมขบวน 300 คัน จัดเป็นรูปขบวนแถวเรียงสาม เคลื่อนไปตามจุดต่าง ๆ ที่มีคนเสื้อแดงเสียชีวิต

 

ทั้งนี้จะออกจากจุดแรกเวลา 10.00 น. ที่ พระบรมราชานุสาวรีย์ร.5 แล้วเคลื่อนไปกองทัพภาคที่ 1 แยกคอกวัว ข้างโรงเรียนสตรีวิทยา อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย สะพานผ่านฟ้า ซอยรางน้ำ บ่อนไก่ แยกราชประสงค์ วัดปทุมวนาราม แล้วมาปิดท้ายบริเวณศาลาแดง บริเวณที่พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง ถูกยิงเสียชีวิต เมื่อขบวนแรลลี่ถึงแต่ละจุดจะมีการจัดกิจกรรมเล็กน้อยและพร้อมใจกันตะโกน "ที่นี่มีคนใจหมาสั่งฆ่าประชาชนกลางเมืองหลวง"

 

อย่างไรก็ตามยืนยันว่า การจัดกิจกรรมแรลลี่ครั้งนี้ ไม่ใช่ต้องการล้อขบวนแรลลี่ของพรรคประชาธิปัตย์ ที่นายบุญยอด สุขถิ่นไทย เคยทำมาก่อนหน้านี้ และที่พรรคประชาธิปัตย์จัดเวทีผ่าความจริงประเด็นใครบงการชายชุดดำ เพราะเชื่อว่า สิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์ทำเพียงแค่เบี่ยงประเด็น คงจุดไม่ติด ทำได้เหมือนแต่ไม่เนียน ใครจะมารู้จักชายชุดดำได้ดีมากกว่าเสื้อแดง

 

เมื่อถามว่าการจัดขบวนแรลลี่เกรงจะถูกคนเมืองกรุงตำหนิหรือไม่ ที่ทำให้เดือดร้อนทำให้การจราจรติดขัด นายพายัพ กล่าวว่า คงไม่ เราพยายามไม่ให้มีผลกระทบต่อประชาชน เราได้บอกก่อนว่าจะจัดกิจกรรมวันใด คงไม่ทำให้รถติด อีกทั้งเป็นวันเสาร์การจราจรคงไม่หนาแน่นเหมือนวันธรรมดา

 

นายพายัพ กล่าวต่อว่า การจัดงานครั้งนี้เป็นการจัดงานของนปช.อีกปีกหนึ่ง ที่ไม่ขอความร่วมมือนางธิดา ถาวรเศรษฐ ประธานนปช.มาร่วมด้วย ไม่ใช่เพราะไม่ถูกกัน ซึ่งกิจกรรมครั้งนี้นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายจตุพร พรหมพันธุ์ คงไม่มาร่วมด้วย แต่สามารถเรียกว่าเป็นการจัดกิจกรรมในนามนปช.ได้ เพียงแต่เป็นนปช.อีกปีกหนึ่ง

 

ปล. จัดกิจกรรมด่า/แช่ง แบบนี้ คนทุกคนมีสิทธิ์ร่วมขบวนได้ เพราะ ด่า " คนสั่ง " น่าไปร่วม ขบวนแรลลี่ และพร้อมใจกันตะโกน "ที่นี่มีคนใจหมาสั่งฆ่าประชาชนกลางเมืองหลวง" คนสั่งตัวจริง " ใครก็ไม่รู้ " คงนอนสะดุ้งโหย๋ง ทุกวี่ทุกวัน กรรมติดตัวทุกชาติไป

ถูกแก้ไข โดย เด็กขายของ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ตลาดโลหะมีค่านิวยอร์ค:ดัชนี CPI สหรัฐหนุนราคาทองปรับขึ้น

 

 

ราคาทองสปอตที่ตลาดสหรัฐปรับขึ้น 11.70 ดอลลาร์ สู่ 1,747.19 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในช่วงท้ายตลาดวันอังคาร หลังจากปิดตลาดดิ่งลงติดต่อกันสองวัน โดยราคาทองได้รับแรงหนุนจากดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐที่ปรับขึ้น 0.6 % ในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นระดับที่ไม่มากพอที่จะทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยุตินโยบายผ่อนคลาย ทางการเงินมากเป็นพิเศษ

 

ราคาสัญญาทองเดือนธ.ค.ปิดตลาดปรับขึ้น 0.5 % สู่ 1,746.30 ดอลลาร์ต่อ ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,736.10-1,748.90 ดอลลาร์

 

ราคาทองร่วงลงไปแตะจุดต่ำสุดรอบ 1 เดือนที่ 1,728.75 ดอลลาร์ในวันจันทร์ ก่อนจะดีดขึ้นในวันอังคาร หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า CPI ปรับขึ้น 0.6 % ในเดือนก.ย. หลังจากปรับขึ้น 0.6 % ในเดือนส.ค. โดยการพุ่งขึ้นอย่างแข็ง แกร่งของดัชนี S&P 500 ของตลาดหุ้นสหรัฐก็มีส่วนช่วยหนุนราคาทองด้วย

 

ราคาทองพุ่งขึ้นมาแล้ว 200 ดอลลาร์/ออนซ์ในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา โดยได้รับแรงหนุนจากความหวังที่ว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของเฟดอาจจะกระตุ้นให้เกิดภาวะเงินเฟ้อ

 

ราคาทองได้รับแรงหนุนจากคำสั่งซื้อตามปัจจัยทางเทคนิคด้วยเช่นกัน ในขณะที่ ราคาทองเคลื่อนตัวอยู่เหนือแนวรับสำคัญที่ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 50 วัน

 

นายอดัม ซาร์ฮาน ซีอีโอของบริษัทซาร์ฮาน แคปิตัลกล่าวว่า ตราบใดที่ราคาทอง ทรงตัวอยู่เหนือค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 50 วัน ราคาทองก็พร้อมที่จะขึ้นไปทดสอบแนวต้าน สำคัญที่ 1,800 ดอลลาร์

 

นักวิเคราะห์บางรายกล่าวว่า นักลงทุนในทองบางรายออกไปรอดูท่าทีอยู่นอกตลาดท่ามกลางภาวะไม่แน่นอนทางการเมือง ก่อนที่ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดี สหรัฐจะโต้วาทีรอบสอง

 

สำหรับราคาโลหะมีค่าที่ตลาด COMEX ในวันอังคารมีดังต่อไปนี้

ปิดที่ระดับ (ดอลลาร์/ออนซ์) เปลี่ยนแปลง (ดอลลาร์)

ทองเดือนธ.ค. 1,746.30 + 8.70

เงินเดือนธ.ค. 32.959 + 21.60(เซนต์)

 

ส่วนราคาโลหะมีค่าที่ตลาด NYMEX ในวันอังคารมีดังต่อไปนี้

ปิดที่ระดับ (ดอลลาร์/ออนซ์) เปลี่ยนแปลง (ดอลลาร์)

พลาตินั่มเดือนม.ค. 1,645.20 + 12.90

พัลลาเดียมเดือนธ.ค. 638.95 + 6.35

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ตลาดหุ้นยุโรป:หุ้นกลุ่มธนาคารหนุนหุ้นยุโรปปิดพุ่งขึ้น 1.35%

 

 

ตลาดหุ้นยุโรปปิดทะยานขึ้นในวันอังคารตามหุ้นกลุ่มการเงิน โดยตลาดได้รับ แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า รัฐบาลสเปนใกล้ที่จะขอความช่วยเหลือทางการเงินจาก ต่างประเทศ

 

 

ดัชนี DAX ของตลาดหุ้นเยอรมนีปิดพุ่งขึ้น 115.02 จุด หรือ 1.58 % สู่ 7,376.27 หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 7,293.90-7,387.78

ดัชนี CAC-40 ของตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดทะยานขึ้น 80.66 จุด หรือ 2.36 % สู่ 3,500.94 หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 3,428.97-3,500.94

ดัชนี FTSEurofirst 300 ของหุ้นกลุ่มบลูชิพทั่วยุโรปปิดพุ่งขึ้น 14.78 จุด หรือ 1.35 % สู่ 1,113.14 หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,097.84-1,113.40

 

 

ดัชนี Euro STOXX 50 สำหรับหุ้นกลุ่มบลูชิพในยูโรโซนปิดทะยานขึ้น 62.78 จุด หรือ 2.53 % สู่ 2,547.90 ซึ่งถือเป็นการทะยานขึ้นครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่การ พุ่งขึ้น 3.4 % ในวันที่ 6 ก.ย.เป็นต้นมา

ดัชนี STOXX Europe 600 สำหรับหุ้นกลุ่มธนาคารพุ่งขึ้น 2.9 % และถือเป็น หุ้นกลุ่มที่พุ่งขึ้นมากที่สุด โดยได้รับแรงหนุนจากการที่บริษัทโกลด์แมน แซคส์ของ สหรัฐเปิดเผยผลกำไรที่ดีเกินคาด

 

 

เทรดเดอร์บางรายกล่าวว่า ปัจจัยทางเทคนิคบ่งชี้ว่าตลาดหุ้นยุโรปอาจปรับ ขึ้นได้อีกในอนาคต

 

 

นายเจอโรม วิเนอเรียร์ นักวิเคราะห์ของบริษัทไอจี ฟรานซ์กล่าวว่า ดัชนี Euro STOXX 50 มีแนวโน้มที่จะเข้าใกล้จุดสูงสุดของปีนี้ที่ 2,611.42 ซึ่งทำไว้ใน ช่วงกลางเดือนมี.ค.

 

 

ดัชนี IBEX 35 ของตลาดหุ้นสเปนพุ่งขึ้น 261.7 จุด หรือ 3.41 % สู่ 7,940.2 โดยได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า รัฐบาลสเปนใกล้ที่จะขอความช่วยเหลือ ทางการเงินในเร็วๆนี้

ดัชนีพุ่งขึ้นหลังจากบลูมเบิร์ก นิวส์รายงานว่า สมาชิกรัฐสภาเยอรมนีสองคน กล่าวว่า เยอรมนี "เปิดโอกาสให้สเปนขอวงเงินสินเชื่อเพื่อการเฝ้าระวังจากกองทุน คุ้มครองยุโรป"

 

อย่างไรก็ดี สมาชิกรัฐสภาเยอรมนีคนหนึ่งกล่าวในเวลาต่อมาว่า ข่าวดังกล่าว ตีความถ้อยแถลงของเขาในระดับที่มากเกินไป

 

นายนอร์เบิร์ท บาร์ธเลอ โฆษกด้านงบประมาณของพรรคคริสเตียน เดโมแครต (CDU) ของนายกรัฐมนตรีแองเจลา เมอร์เคลของเยอรมนีกล่าวว่า เขาเพียงแค่พูดถึง เรื่องทั่วไปที่ว่า วงเงินสินเชื่อเพื่อการเฝ้าระวังเป็นหนึ่งในทางเลือกหลายๆทาง ภายใต้กองทุนกลไกรักษาเสถียรภาพยุโรป ESM

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ตึงเครียดตอ.กลางหนุนน้ำมันปิดไร้ทิศทาง (17/10/2555)

ราคาน้ำมันสหรัฐปิดตลาดไร้ทิศทาง จากสถานการณ์ตึงเครียดเกี่ยวกับอิหร่าน และปัญหาสู้รบในซีเรีย

 

ราคาน้ำมันดิบไลท์สวีท ตลาดไนเม็กซ์ ส่งมอบเดือนพ.ย. ปรับตัวลง 1 เซนต์ ปิดตลาดที่ 89.79 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์ ตลาดลอนดอน ส่งมอบเดือนพ.ย. ทะยานขึ้น 1.18 ดอลลาร์ ปิดตลาดที่ 115.80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

 

ราคาน้ำมันดิบปิดตลาดไร้ทิศทาง เนื่องจากความวิตกกังวลที่ว่า การชะลอตัวของเศรษฐกิจทั่วโลกจะส่งผลให้ความต้องการเชื้อเพลิงลดลงด้วย หลังจากนายสแตนลีย์ ฟิชเชอร์ ผู้ว่าการธนาคารกลางอิสราเอลกล่าวว่า "เศรษฐกิจโลกใกล้จะเข้าสู่ภาวะถดถอย" ซึ่งยิ่งเป็นการเพิ่มความวิตกกังวล หลังจากที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ได้เตือนเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจในการประชุมสัปดาห์ที่แล้ว

 

ราคาน้ำมันดิบได้รับแรงกดดันมากขึ้น หลังจากสำนักงานศุลกากรจีน เผยว่า จีน ซึ่งเป็นผู้ใช้น้ำมันรายใหญ่อันดับ 2 ของโลก มียอดการนำเข้าน้ำมันดิบลดลง 1.8% ในเดือนก.ย.เมื่อเทียบเป็นรายปี มาอยู่ที่ระดับ 20.08 ล้านตัน

 

นอกจากนี้ สถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางยังเป็นปัจจัยลบ ต่อตลาดน้ำมัน ทั้งความตึงเครียดอิหร่าน และปัญหาการสู้รบในซีเรีย ที่ยืดเยื้อมานาน

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ (วันที่ 17 ตุลาคม 2555)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

มูดีส์ยืนยันอันดับความน่าเชื่อถือพันธบัตรรัฐบาลสเปนที่ Baa3 (17/10/2555)

สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือระหว่างประเทศ มูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส ได้ยืนยันอันดับความน่าเชื่อถือของพันธบัตรรัฐบาลสเปนที่ Baa3 โดยคงแนวโน้มในเชิงลบ

 

มูดีส์ระบุในแถลงการณ์ล่าสุดว่า การตัดสินใจยืนยันอันดับความน่าเชื่อถือของพันธบัตรรัฐบาลสเปนไว้ที่ระดับน่าลงทุนดังกล่าว สะท้อนถึงความคืบหน้าในเชิงบวกในสเปน รวมทั้งในยูโรโซนนับแต่เดือนมิ.ย.

 

มูดี้ส์เชื่อว่าการสนับสนุนของยูโรโซนและธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ประกอบกับความพยายามของรัฐบาลสเปนเอง น่าจะช่วยให้รัฐบาลสามารถยังคงเข้าถึงตลาดทุนได้ในอัตราที่สมเหตุสมผล หากสเปนมีเวลาในการสร้างเสถียรภาพแก่หนี้สาธารณะในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า

 

อย่างไรก็ตาม มูดีส์ยังคงแนวโน้มเชิงลบ เนื่องจากความสี่ยงต่อสถานการณ์โดยทั่วไปยังคงอยู่ในระดับสูง และมีแนวโน้มจะมีการปรับตัวช่วงขาลง

 

นอกจากนี้ มูดีส์เตือนว่าจะมีการปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของสเปนลงหลายขั้น หากการคาดการณ์เกี่ยวกับการสนับสนุนจากยูโรโซนและอีซีบีไม่เกิดขึ้นจริง หรือหากรัฐบาลสเปนไม่ดำเนินมาตรการทางการคลังและด้านการปฏิรูปอื่นๆที่จำเป็น สำนักข่าวซินหัวรายงาน

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันที่ 17 ตุลาคม 2555)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

วิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน : บมจ.ไทยออยล์(17/10/2555)

Moodyคงเครดิตสเปนและเศรษฐกิจเยอรมนีแกร่งขึ้น ปลุกความเชื่อมั่นตลาด "

 

เบรนท์ส่งมอบ พ.ย.ซึ่งเป็นวันสิ้นสุดสัญญา ปรับลดลง 0.73 เหรียญฯ ปิดที่ 115.07 เหรียญฯ ขณะที่เบรนท์ส่งมอบ ธ.ค.ปิดที่ 114 เหรียญฯ ส่วนเวสต์เท็กซัส ส่งมอบ พ.ย. ปรับเพิ่มขึ้น 0.24 เหรียญฯ ปิดที่ 92.09 เหรียญฯ

 

- ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับตัวลดลงจากแรงขายของนักลงทุนในช่วงวันสุดท้ายของสัญญาส่งมอบเดือน พ.ย.

 

+ อย่างไรก็ตามปัจจัยพื้นฐานโดยรวมของตลาดมีทิศทางที่ดีขึ้น จากข่าวทางยูโรโซน ได้แก่ ดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจเยอรมนี (ZEW Economic Sentiment) เดือนต.ค.ซึ่งออกมาดีกว่าที่คาดการณ์ โดยปรับเพิ่มขึ้นที่ -11.5 จาก -18.2 ในเดือนก.ย.

 

+ ประกอบกับบริษัท Moody ยังคงอันดับความน่าเชื่อถือของสเปนไว้ที่ระดับเดิม ทำให้ตลาดคลายความกังวลว่าปัญหาหนี้สาธารณะของสเปนจะไม่เลวร้ายลง และสเปนอาจขอรับเงินช่วยเหลือในเร็ววัน ส่งผลให้ค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้นสูงสุดในรอบ 1 เดือนเมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์

 

+ ตัวเลขผลผลิตภาคอุตสาหกรรมสหรัฐฯประจำเดือนก.ย.ออกมาเป็นบวกช่วยหนุนราคาน้ำมันWTI โดยเติบโตที่ 0.4% และมีกำลังการผลิตที่ 78.3% สาเหตุหลักเป็นเรื่องของการกลับมาดำเนินการได้ตามปกติอีกครั้ง หลังจากอุตสาหกรรมหลายแห่งต้องหยุดไปเนื่องจากผลกระทบของพายุเฮอริเคนไอเซค

 

+ ผลประกอบการของบริษัทในตลาดหลักทรพย์ออกมาเป็นดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ ได้แก่ โกลด์เมน ซึ่งยอดขายของบริษัทในไตรมาส 3/55 เพิ่มขึ้นถึงเท่าตัว และ จอหน์สัน แอนด์ จอหน์สัน ออกมาปรับเป้ากำไรประจำปีของบริษัท

+ ปริมาณการผลิตที่ลดลงเนื่องจากการหยุดซ่อมบำรุงของหลุมผลิตบริเวณทะเลเหนือ อีกทั้งความขัดแย้งที่มีท่าทีจะขยายความรุนแรงในซีเรีย ช่วยขยายส่วนต่างระหว่างราคาน้ำมันดิบเบรนท์กับ WTI

 

- หลังปิดตลาดสถาบันปิโตรเลียมด้านพลังงานสหรัฐฯ (API) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ณ วันที่ 12 ต.ค. 55 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.7 ล้านบาร์เรล เป็นผลมาจากปริมาณการนำเข้าที่เพิ่มสูงขึ้นมาอยู่ที่ 8.89 ล้านบาร์เรลต่อวัน ขณะที่ผลสำรวจรอยเตอร์คาดการณ์ว่าน้ำมันดิบคงคลังปรับเพิ่มขึ้น 1.7 ล้านบาร์เรล เบนซีนเพิ่มขึ้น 5 แสนบาร์เรล ขณะที่ดีเซลและเจ็ทลดลง1.2 ล้านบาร์เรล

 

ราคาน้ำมันเบนซินปรับลดลงสวนทางกับราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากราคาน้ำมันเบนซินในตลาดทางฝั่งสหรัฐฯและยุโรปที่อ่อนค่าลง อย่างไรก็ดีอุปสงค์จากอินโดนีเซีย ซาอุดิอาราเบีย และศรีลังกา ยังคงอยู่ในระดับสูง

 

ราคาน้ำมันดีเซลปรับเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันดิบดูไบ อย่างไรก็ตามความต้องการในภูมิภาคปรับลดลงจากสภาพเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างช้าๆ โดยความต้องการจากประเทศผู้นำเข้าหลังอย่างอินโดนีเซีย และ เวียดนามปรับลดน้อยลง

 

ทิศทางราคาน้ำมันดิบในระยะสั้นและปัจจัยที่น่าจับตามอง

 

กรอบการเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันดิบสัปดาห์นี้ เบรนท์ 110 - 118 เหรียญฯ ต่อบาร์เรล ส่วนเวสต์เท็กซัส 87 - 95 เหรียญฯ

 

ติดตามสถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลางระหว่างซีเรียและตุรกี และอิหร่านกับชาติตะวันตก รวมทั้งการประชุมสุดยอดผู้นำสหภาพยุโรปในวันที่ 18-19 ต.ค. นี้ ส่วนในวันนี้ติดตามตัวเลขยอดขอสร้างบ้านใหม่สหรัฐฯ และผลประกอบการไตรมาส3/55ของแบงค์ อ๊อฟ อเมริกาและอีเบย์

ตัวเลขเศรษฐกิจ / ผลประกอบการไตรมาส 3/55 ของสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้ ได้แก่

วันพุธ: ยอดขอสร้างบ้านใหม่สหรัฐฯ / แบงค์ อ๊อฟ อเมริกา, อีเบย์

วันพฤหัส: ผลสำรวจดัชนีภาคอุตสาหกรรมของฟิลาเดลเฟีย ดัชนีชี้นำภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ และผลผลิตภาคอุตสาหกรรม ยอดค้าปลีก จีดีพี ไตรมาส 3/55 ของจีน /

ไมโครซอฟ, มอร์แกน สแตนลีย์, เวอริซอน

วันศุกร์: ยอดขายบ้านมือสอง / แมคโดนัลด์

 

- การประชุมสุดยอดผู้นำสหภาพยุโรปในวันที่ 18-19 ต.ค. นี้ที่จะมีการหารือในการแก้ปัญหาหนี้ รายละเอียดของเงินช่วยเหลือของสเปนและสหภาพธนาคารของยุโรป

- สเปนจะขอความช่วยเหลือทางการเงินเพิ่มเติมจากสหภาพยุโรปเมื่อไร หลังรัฐบาลได้ประกาศแผนปฏิรูปเศรษฐกิจเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งจะนำไปสู่การที่ธนาคารกลางยุโรปจะเริ่มเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลของสเปน ล่าสุดคาดว่าจะเป็นเดือน พ.ย.

- การตัดสินใจให้เงินช่วยเหลืองวดถัดไปแก่กรีซจาก EC/ECB/IMF ขึนอยู่กับรายงานการตรวจสอบสถานะการเงินกรีซในช่วงกลางเดือน พ.ย. และการดำเนินการของรัฐบาลต่อมาตรการรัดเข็มขัด 11.5 พันล้านยูโร

- สถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างซีเรียและตุรกีมีความรุนแรงขึ้น หลังเกิดการปะทะกับในบริเวณชายแดนของทั้งสองประเทศ ซึ่งส่งผลให้ตลาดกังวลว่าเหตุการณ์จะบานปลายจนนาโต้ต้องยื่นมาเข้ามาร่วม และอาจจะส่งผลกระทบสร้างความเสียหายต่อท่อส่งน้ำมันในตุรกีที่ส่งน้ำมันดิบจากตอนเหนือของอิรัก

- ความกังวลต่อปัญหาโครงการนิวเคลียร์อิหร่านยังคงมีอยู่ แม้ว่าความเป็นไปได้ที่อิสราเอลจะเข้าโจมตีอิหร่านในช่วงเวลาอันใกล้นี้จะลดน้อยลง โดยคาดว่าถ้าจะมีการโจมตีน่าจะเป็นช่วงฤดูใบไม้ผลิหรือฤดูร้อนปีหน้า

 

ที่มา : ฐานเศรษฐกิจ (วันที่ 17 ตุลาคม 2555)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ปธ.เฟดซานฟรานฯชี้มาตรการเฟดล่าสุดจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐกระเตื้อง (17/10/2555)

นายจอห์น วิลเลียมส์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาซาน ฟรานซิสโกกล่าวว่า มาตรการที่เฟดได้ประกาศไปในการประชุมเดือนก.ย.น่าจะช่วยกระตุ้นให้เศรษฐกิจสหรัฐมีการขยายตัวมากขึ้น

 

นายวิลเลียมระบุว่า แม้นโยบายของเฟดจะไม่สามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจได้ทั้งหมด แต่ก็จะสามารถช่วยกระตุ้นอัตราการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและทำให้การปรับตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐมีความคืบหน้าเร็วขึ้น

 

ในการประชุมเมื่อเดือนก.ย. คณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟด (FOMC) ได้ประกาศมาตรการซื้อพันธบัตรวงเงิน 4 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน พร้อมทั้งมีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed funds rate) ที่ระดับ 0 - 0.25 % และขยายระยะเวลาการคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำเป็นพิเศษออกไปจนถึงกลางปี 2558 จากเดิมที่กำหนดไว้ถึงช่วงกลางปี 2557

 

ประธานเฟดซาน ฟรานซิสโกกล่าวว่า เฟดจะยังคงซื้อหลักทรัพย์ที่มีสัญญาจำนองค้ำประกันต่อไปจนกว่าตลาดแรงงานจะแข็งแกร่งขึ้น และมีความเป็นไปได้ที่จะขยายขอบเขตการซื้อให้ครอบคลุมถึงสินทรัพย์ประเภทอื่นๆ หากมีแนวโน้มว่าจะเป็นวิธีการที่มีประสิทธิภาพในการกระตุ้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจ

 

นายวิลเลียมคาดว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ที่แท้จริงของสหรัฐ จะขยายตัวที่ราว 1.75% ในปีนี้ แต่จะปรับตัวดีขึ้นเป็น 2.5% ในปีหน้า และ 3.25% ในปี 2557

 

ส่วนอัตราว่างงานนั้น เขาคาดว่าจะปรับลงสู่ 7.25% ภายในสิ้นปี 2557 จากปัจจุบันที่ 7.8% ขณะที่เงินเฟ้อจะยังคงต่ำกว่า 2% อยู่เล็กน้อยในช่วงหลายปีข้างหน้า

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันที่ 17 ตุลาคม 2555)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

หุ้นเอเชียเปิดตลาดในแดนบวก(17/10/2555)

หุ้นเอเชียเช้านี้เปิดตลาดทะยานขึ้น ตามทิศทางตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง

 

หุ้นเอเชียเช้านี้เปิดตลาดปรับบวก ตามทิศทางตลาดหุ้นนิวยอร์ก ที่ขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งเกินคาดของสหรัฐ นอกจากนี้ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทเอกชนด้วย

 

โดยดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวเปิดที่ 8,777.39 จุด เพิ่มขึ้น 76.08 จุด ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดที่ 1,955.78 จุด เพิ่มขึ้น 14.24 จุด หรือ 0.73% ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียเปิดที่ 4,503.60 จุด เพิ่มขึ้น 12.10 จุด หรือ 0.27% ขณะที่ ดัชนีฮั่งเส็ง ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดพุ่งขึ้น 214.80 จุดหรือ 1.01% มาอยู่ที่ 21,421.87 จุด

 

ที่มา : money channel (วันที่ 17 ตุลาคม 2555)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ประท้วงเหมืองแพลทินัมเขย่าตลาดทองคำโลก (17/10/2555)

ราคาทองคำในตลาดโลกไต่ระดับสูงขึ้นช่วงเร็วๆ นี้ ผลจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของธนาคารกลางหลายประเทศ แต่นี่ไม่ใช่ปัจจัยหลักเพียงประการเดียวที่ขับเคลื่อนตลาด

 

การหยุดงานประท้วงของคนงานเหมืองแพลทินัมในแอฟริกาใต้ ที่ลุกลามไปทั่วประเทศและกลายเป็นเหตุรุนแรงจนมีผู้เสียชีวิตนับสิบราย ทำให้อุตสาหกรรมต้องหยุดชะงัก

 

สถานการณ์ที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบต่อตลาดแพลทินัมโลกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เนื่องจากแพลตินัมประมาณ 80% ของทั่วโลกมาจากแอฟริกาใต้

 

จุดที่น่าสนใจสำหรับผู้ลงทุนในทองคำคือ ความวุ่นวายด้านแรงงานในอุตสาหกรรมแพลิตัมของแอฟริกาใต้ ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเหมืองแร่เกือบทั้งหมดในประเทศแห่งนี้ รวมทั้งทองคำ

 

แม้ว่าแอฟริกาใต้ร่วงลงจากตำแหน่งผู้ผลิตทองคำรายใหญ่ที่สุดของโลกไปแล้ว แต่ก็ยังรั้งอันดับ 5 ด้วยผลผลิต 190 ตันในปีที่ผ่านมา และเป็นประเทศที่มีแหล่งทองคำมากสุดอันดับสองของโลก อยู่ที่ประมาณ 6,000 ตัน

 

ดังนั้น สถานการณ์วุ่นวายในแอฟริกาใต้จึงส่งผลกระทบระยะยาวต่อตลาดทองคำโลกด้วย

 

จนถึงขณะนี้ การประท้วงตามเหมืองทองคำยังไม่เข้าขั้นรุนแรง แต่ข้อเรียกร้องขอขึ้นค่าแรงเป็น 1,514 ดอลลาร์ต่อเดือน และสภาพแวดล้อมการทำงานที่ดีขึ้น ก็ใกล้เคียงกับข้อเรียกร้องของคนงานเหมืองแพลทินัม

 

การหยุดงานประท้วงเกิดขึ้นในบริษัทเหมืองทองคำรายใหญ่หลายแห่ง รวมถึง โกลด์ฟิลด์ และแองโกลโกลด์ อาชานติ โดยแองโกลโกลด์เป็นผู้ผลิตทองคำรายใหญ่สุดอันดับสามของโลกในแง่ของปริมาณ

 

ข้อเท็จจริงประการหนึ่งที่ชวนวิตก คือ คนงานเหมืองเหล่านี้ไม่ยอมฟังผู้นำสหภาพแรงงาน และนัดหยุดงานประท้วงโดยไม่ได้ความเห็นชอบจากผู้นำแรงงาน

 

อันที่จริง คนงานเหมืองทองคำในแอฟริกาใต้อยู่ในกลุ่มคนงานที่ได้รับค่าจ้างสูงที่สุดในประเทศอยู่แล้ว พวกเขาต้องทำงานในสภาพแวดล้อมที่อันตรายที่สุดในอุตสาหกรรมเหมืองแร่ เนื่องจากแร่ทองคำที่พบในปัจจุบันอยู่ลึกมาก อันเป็นเหตุผลที่ทำให้แอฟริกาใต้ตกอันดับผู้ผลิตทองคำรายใหญ่ที่สุดในโลก

 

บริษัทเหมืองทองคำจำเป็นต้องขุดหาทองคำในระดับลึกกว่าเมื่อก่อน ซึ่งนอกจากเป็นอันตรายต่อคนงานแล้ว ยังทำให้ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการสูงขึ้นด้วย ผลที่ตามมาทำให้อัตราผลกำไรลดลง

 

นอกจากค่าจ้างแรงงานเพิ่มขึ้นแล้ว บริษัทเหมืองทองคำยังต้องจ่ายค่าไฟสูงขึ้นด้วย โดยค่าไฟในแอฟริกาใต้พุ่งขึ้นประมาณ 25% ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา

 

ในส่วนของนักลงทุน เห็นได้ชัดว่าความวุ่นวายที่เกิดขึ้นแอฟริกาใต้ตอนนี้ มีความร้ายแรงมากสำหรับบริษัทที่พยายามทำธุรกิจเหมืองแร่ในประเทศแห่งนี้ ตัวอย่างเช่น แองโกลโกลด์ อาชานติ ซึ่งอาศัยแอฟริกาใต้เป็นแหล่งผลิตทองคำประมาณ 1 ใน 3 ของบริษัท

 

มาร์ก คูติฟานิ หัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) แองโกลโกลด์ กล่าวว่า อุตสาหกรรมเหมืองทองคำในแอฟริกาใต้ "ยืนอยู่บนคมหอกคมดาบ"

 

ขณะนี้ดูเหมือนว่ากลไกลดั้งเดิมที่ใช้แก้ไขข้อขัดแย้งในแอฟริกาใต้จะไม่ได้ผลอีกต่อไป สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันอาจเรียกได้ว่าเลวร้ายที่สุดนับจากช่วงสิ้นสุดนโยบายแบ่งแยกสีผิวเมื่อปี 2537

 

เดวิด เดวิส นักวิเคราะห์จาก เอสบีจี ซิเคียวริตีส์ กล่าวว่า อุตสาหกรรมเหมืองทองคำในแอฟริกาใต้มาถึงทางตันในเวลาอันรวดเร็ว การหยุดงานประท้วงอย่างผิดกฎหมายจะกลืนกินอุตสาหกรรมในที่สุด

 

บริษัทเหมืองทองคำในแอฟริกาใต้จะได้รับผลกระทบทั้งขึ้นทั้งล่อง ไม่ว่าจะยอมรับข้อเสนอของคนงานหรือไม่ หากไม่ยอมรับข้อเสนอ ก็ต้องปิดเหมืองเนื่องจากไม่มีคนทำงาน แต่ถ้ายอมรับข้อเสนอ เหมืองหลายแห่งก็ต้องปิดตัวลงอยู่ดี เพราะไม่สามารถทำกำไรได้อีกต่อไป

 

ผลลัพธ์สุดท้ายคือ การผลิตทองคำในแอฟริกาใต้จะถูกบั่นทอนนานหลายปีหรือเป็นการถาวร ซึ่งจะผลักดันให้ราคาทองคำยิ่งทะยานสูงขึ้นต่อไป

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ (วันที่ 17 ตุลาคม 2555)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ซีอีโอสหรัฐวอนคองเกรสเลี่ยงตกหน้าผาการคลัง (17/10/2555)

 

ซีอีโอของภาคเอกชนสหรัฐ เรียกร้องมากยิ่งขึ้น เพื่อให้สมาชิกสภาคองเกรส ประนีประนอมกัน และบรรลุข้อตกลงในการสกัดภาวะ fiscal cliff หรือภาวะที่มาตรการปรับขึ้นภาษีและปรับลดงบรายจ่ายวงเงิน 6 แสนล้านดอลลาร์ของรัฐบาลสหรัฐ จะเริ่มมีผลบังคับใช้โดยอัตโนมัติในต้นปีหน้า และเรียกร้องให้มีการปรับลดระดับหนี้ของสหรัฐลงด้วย

 

ซีอีโอ ของบริษัทขนาดใหญ่บางแห่งในสหรัฐกล่าวว่า สภาคองเกรส จำเป็นต้องขึ้นภาษี ที่เรียกเก็บจากคนรวย และต้องปรับลดโครงการสวัสดิการของรัฐบาลกลาง เช่น โครงการเมดิแคร์ (ระบบประกันสุขภาพสำหรับผู้สูงวัย)และสวัสดิการสังคม เพื่อลดหนี้ของรัฐบาลกลาง และปกป้องการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐ

 

ความเห็นของซีอีโอกลุ่มนี้ สวนทางกับจุดยืนของสมาชิกสภาคองเกรส ที่มาจากพรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกัน โดยสมาชิกพรรครีพับลิกันต่อต้านมาตรการปรับขึ้นภาษี ในขณะที่สมาชิกพรรคเดโมแครตส่วนใหญ่ต้องการดำเนิน โครงการสวัสดิการสังคมที่ได้รับความนิยมสูงต่อไป

 

นายโรเบิร์ต เกรทเฟลด์ ซีอีโอของบริษัท Nasdaq OMX Group ซึ่งเป็นผู้ประกอบการตลาดหุ้น กล่าวว่า แต่ละฝ่ายต้องร่วมกันแบกรับความยากลำบากในเรื่องนี้ เป็นเรื่องที่ยากมากที่นักการเมือง จะดำเนินนโยบายที่สร้างความไม่พอใจให้แก่หลายๆคน แต่ถ้าหากจะให้เราแก้ไขปัญหานี้ เราก็มองว่าสหรัฐจำเป็นต้องขึ้นภาษีและลดงบรายจ่ายลง

 

ด้านนายสก็อต เดวิส ซีอีโอ บริษัทยูไนเต็ด พาร์เซล เซอร์วิส อิงค์ (UPS) กล่าวว่า จำเป็นต้องมีการประนีประนอมกัน ปัญหานี้ไม่สามารถแก้ไขได้ ด้วยการทำตามความต้องการของพรรคการเมืองหนึ่งพรรค แต่คณะกรรมการซิมป์สัน-บาวล์สเคยชี้ แนวทางแก้ไขปัญหานี้ไว้แล้ว และแผนการของซิมป์สัน-บาวล์สก็เป็นแผนการที่ดี

 

ทั้งนี้ ซิมป์สัน-บาวล์ส คือคณะกรรมการความรับผิดชอบและการปฏิรูปการคลังแห่งชาติที่ประธานาธิบดีบารัก โอบามาจัดตั้งขึ้นในปี 2553 โดยคณะกรรมการชุดนี้ แนะนำให้ใช้ทั้งวิธีการปรับขึ้นภาษีและปรับลดงบรายจ่าย แต่สหรัฐไม่ได้นำแผนการของซิมป์สัน-บาวล์สมาบังคับใช้

 

ซีอีโอ ที่แสดงความเห็นในครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของซีอีโอ 100 คน ที่รวมตัวกันรณรงค์ภายใต้ชื่อ Fix the Debt มีจุดประสงค์เพื่อกระตุ้นให้นักการเมืองสหรัฐยอมประนีประนอมกันและทำให้ฐานะการคลังมีแนวโน้มที่ยั่งยืน

 

ที่มา : หนังสืิอพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ (วันที่ 17 ตุลาคม 2555)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

S&P ประกาศ ลดอันดับความน่าเชื่อถือธนาคารสเปน 11 แห่ง(17/10/2555)

สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ส หรือ เอสแอนด์พี ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือด้านคู่ค้าระยะยาวของธนาคารสเปน 11 แห่ง และปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือด้านคู่ค้าระยะสั้นของธนาคารสเปนอีก 4 แห่ง กับประกาศให้มีแนวโน้มเชิงลบแก่อันดับความน่าเชื่อถือระยะยาวและระยะสั้นของธนาคาร 3 แห่ง ขณะที่ให้มีแนวโน้มเชิงลบแก่อันดับความน่าเชื่อถือระยะยาวของธนาคารสเปนอีก 3 แห่ง คงอันดับความน่าเชื่อระยะยาวของธนาคารสเปน 4 แห่ง และคงแนวโน้มเชิงลบสำหรับความน่าเชื่อถือระยะสั้นของธนาคาร 1 แห่ง ขณะที่ให้แนวโน้มเชิงลบแก่อันดับความน่าเชื่อถือระยะสั้นของธนาคาร 1 แห่ง

 

การปรับเปลี่ยนอันดับความน่าเชื่อถือสำหรับภาคธนาคารสเปนในครั้งนี้ มีขึ้นต่อเนื่องจากที่เมื่อสัปดาห์ก่อนเอสแอนด์พี ได้ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือระยะยาวของสเปนลง 2 ขั้น สู่ระดับ BBB- ซึ่งสูงกว่าระดับขยะเพียงขั้นเดียวเท่านั้น เนื่องจากเศรษฐกิจของสเปนอยู่ในภาวะที่ถดถอยรุนแรงและจำกัดทางเลือกด้านนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการจะแก้ไขปัญหาหนี้ภายในประเทศ.

 

ที่มา : money channel (วันที่ 17 ตุลาคม 2555)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ชาวสวนยางขู่ ปิดสนามบิน จี้รัฐโอนเงิน (17/10/2555)

ประธานชุมนุมสหกรณ์สวนยางสตูลขู่รัฐบาล หากไม่โอนเงินซื้อยางพาราตามที่ "ณัฐวุฒิ" รับปาก จะปิดสนามบินหาดใหญ่

 

เมื่อวันที่ 16 ต.ค.2555 นายชำนาญ เมฆตรง ประธานชุมนุมสหกรณ์กองทุนสวนยางสตูล กล่าวว่า จากกรณีที่เกษตรกรชาวสวนยางพาราจากภาคใต้และทั่วประเทศ ได้ไปชุมนุมกันที่หน้าทำเนียบรัฐบาลเมื่อวันที่ 9 ต.ค.ที่ผ่านมา เพื่อทวงเงินที่รัฐบาลจ่ายเงินโครงการพัฒนาศักยภาพราคายางพารา

 

โดยรัฐบาลจ่ายผ่านองค์การสวนยาง (อสย.) ให้สหกรณ์รับซื้อยางพาราต่างๆ ไปซื้อน้ำยางพารา จากเกษตรกรฯในราคาที่เกษตรกรพอใจ และทางสหกรณ์ฯ ก็จะทำยางพาราแผ่นรมควัน ส่งขายให้ อสย.แต่ปัญหาเกิดขึ้นเนื่องจากทางสหกรณ์ฯ ต่างๆ ใน จ.สตูล ได้รับซื้อน้ำยางพาราสดจากเกษตรกรฯ ทำยางพาราแผ่นรมควันส่งขายให้ อสย.แต่ทาง อสย.ไม่จ่ายเงินให้สหกรณ์ฯ ใน จ.สตูล มีทั้งหมด 18 สหกรณ์ฯ รวมเงินที่ อสย.ค้างไว้ 65 ล้าน 8 แสนบาท ดังนั้นจึงไปชุมนุมเรียกร้องดังกล่าว

 

กระทั่งนายณัฐวุฒิ ใสเกื้อ รมช.เกษตรฯ มารับปากกับผู้ชุมนุมว่าทางรัฐบาลจะโอนเงินให้ในวันที่ 12 ต.ค.2555 และจะทยอยโอนเงินไปเรื่อยๆ จนถึงวันที่ 19 ต.ค.2555 แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการโอนเงินเลย

 

ดังนั้นตนเองจะรอดูไปจนถึงวันที่ 19 ต.ค.2555 หากไม่โอนเงินเข้าบัญชีก็จะต้องมีการปรึกษาหารือกับแกนนำในภาคใต้ อาจจะดำเนินการขั้นเด็ดขาด โดยอาจจะมีการปิดสนามบินหาดใหญ่ จ.สงขลา ก็ได้ แต่ตอนนี้รอดูท่าทีรัฐบาลก่อน

 

ที่มา : ASTV ผู้จัดการออนไลน์ (วันที่ 16 ตุลาคม 2555)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

อรุณสวัสดิ์เช้าวันพุธ ครับทุกๆท่าน

ในที่สุดราคาทองก็ดีดกลับขึ้นมาจนได้

ลงไปต่ำสุดราว.528ให้ชาวดอยใจหายวาบ

ตอนนี้ดีดกลับขึ้นมา1.752ให้ใจชื้นกันบ้างแล้ว

คงต้องรอลุ้นให้มีแรงอ฿ดวิ่งขึ้นต่อไปนะครับ

ขอให้ทุกท่านโชคดีครับ

 

17 ตุลาคม 2555 06:37

ประท้วงเหมืองแพลทินัมเขย่าตลาดทองคำโลก

news_img_474307_1.jpg

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

 

ประท้วงเหมืองแพลทินัม เขย่าตลาดทองคำโลก

 

ราคาทองคำในตลาดโลกไต่ระดับสูงขึ้นช่วงเร็วๆ นี้ ผลจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของธนาคารกลางหลายประเทศ แต่นี่ไม่ใช่ปัจจัยหลักเพียงประการเดียวที่ขับเคลื่อนตลาด

 

การหยุดงานประท้วงของคนงานเหมืองแพลทินัมในแอฟริกาใต้ ที่ลุกลามไปทั่วประเทศและกลายเป็นเหตุรุนแรงจนมีผู้เสียชีวิตนับสิบราย ทำให้อุตสาหกรรมต้องหยุดชะงัก

 

สถานการณ์ที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบต่อตลาดแพลทินัมโลกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เนื่องจากแพลตินัมประมาณ 80% ของทั่วโลกมาจากแอฟริกาใต้

 

จุดที่น่าสนใจสำหรับผู้ลงทุนในทองคำคือ ความวุ่นวายด้านแรงงานในอุตสาหกรรมแพลิตัมของแอฟริกาใต้ ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเหมืองแร่เกือบทั้งหมดในประเทศแห่งนี้ รวมทั้งทองคำ

 

แม้ว่าแอฟริกาใต้ร่วงลงจากตำแหน่งผู้ผลิตทองคำรายใหญ่ที่สุดของโลกไปแล้ว แต่ก็ยังรั้งอันดับ 5 ด้วยผลผลิต 190 ตันในปีที่ผ่านมา และเป็นประเทศที่มีแหล่งทองคำมากสุดอันดับสองของโลก อยู่ที่ประมาณ 6,000 ตัน

 

ดังนั้น สถานการณ์วุ่นวายในแอฟริกาใต้จึงส่งผลกระทบระยะยาวต่อตลาดทองคำโลกด้วย

 

จนถึงขณะนี้ การประท้วงตามเหมืองทองคำยังไม่เข้าขั้นรุนแรง แต่ข้อเรียกร้องขอขึ้นค่าแรงเป็น 1,514 ดอลลาร์ต่อเดือน และสภาพแวดล้อมการทำงานที่ดีขึ้น ก็ใกล้เคียงกับข้อเรียกร้องของคนงานเหมืองแพลทินัม

 

การหยุดงานประท้วงเกิดขึ้นในบริษัทเหมืองทองคำรายใหญ่หลายแห่ง รวมถึง โกลด์ฟิลด์ และแองโกลโกลด์ อาชานติ โดยแองโกลโกลด์เป็นผู้ผลิตทองคำรายใหญ่สุดอันดับสามของโลกในแง่ของปริมาณ

 

ข้อเท็จจริงประการหนึ่งที่ชวนวิตก คือ คนงานเหมืองเหล่านี้ไม่ยอมฟังผู้นำสหภาพแรงงาน และนัดหยุดงานประท้วงโดยไม่ได้ความเห็นชอบจากผู้นำแรงงาน

 

อันที่จริง คนงานเหมืองทองคำในแอฟริกาใต้อยู่ในกลุ่มคนงานที่ได้รับค่าจ้างสูงที่สุดในประเทศอยู่แล้ว พวกเขาต้องทำงานในสภาพแวดล้อมที่อันตรายที่สุดในอุตสาหกรรมเหมืองแร่ เนื่องจากแร่ทองคำที่พบในปัจจุบันอยู่ลึกมาก อันเป็นเหตุผลที่ทำให้แอฟริกาใต้ตกอันดับผู้ผลิตทองคำรายใหญ่ที่สุดในโลก

 

บริษัทเหมืองทองคำจำเป็นต้องขุดหาทองคำในระดับลึกกว่าเมื่อก่อน ซึ่งนอกจากเป็นอันตรายต่อคนงานแล้ว ยังทำให้ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการสูงขึ้นด้วย ผลที่ตามมาทำให้อัตราผลกำไรลดลง

 

นอกจากค่าจ้างแรงงานเพิ่มขึ้นแล้ว บริษัทเหมืองทองคำยังต้องจ่ายค่าไฟสูงขึ้นด้วย โดยค่าไฟในแอฟริกาใต้พุ่งขึ้นประมาณ 25% ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา

 

ในส่วนของนักลงทุน เห็นได้ชัดว่าความวุ่นวายที่เกิดขึ้นแอฟริกาใต้ตอนนี้ มีความร้ายแรงมากสำหรับบริษัทที่พยายามทำธุรกิจเหมืองแร่ในประเทศแห่งนี้ ตัวอย่างเช่น แองโกลโกลด์ อาชานติ ซึ่งอาศัยแอฟริกาใต้เป็นแหล่งผลิตทองคำประมาณ 1 ใน 3 ของบริษัท

 

มาร์ก คูติฟานิ หัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) แองโกลโกลด์ กล่าวว่า อุตสาหกรรมเหมืองทองคำในแอฟริกาใต้ "ยืนอยู่บนคมหอกคมดาบ"

 

ขณะนี้ดูเหมือนว่ากลไกลดั้งเดิมที่ใช้แก้ไขข้อขัดแย้งในแอฟริกาใต้จะไม่ได้ผลอีกต่อไป สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันอาจเรียกได้ว่าเลวร้ายที่สุดนับจากช่วงสิ้นสุดนโยบายแบ่งแยกสีผิวเมื่อปี 2537

 

เดวิด เดวิส นักวิเคราะห์จาก เอสบีจี ซิเคียวริตีส์ กล่าวว่า อุตสาหกรรมเหมืองทองคำในแอฟริกาใต้มาถึงทางตันในเวลาอันรวดเร็ว การหยุดงานประท้วงอย่างผิดกฎหมายจะกลืนกินอุตสาหกรรมในที่สุด

 

บริษัทเหมืองทองคำในแอฟริกาใต้จะได้รับผลกระทบทั้งขึ้นทั้งล่อง ไม่ว่าจะยอมรับข้อเสนอของคนงานหรือไม่ หากไม่ยอมรับข้อเสนอ ก็ต้องปิดเหมืองเนื่องจากไม่มีคนทำงาน แต่ถ้ายอมรับข้อเสนอ เหมืองหลายแห่งก็ต้องปิดตัวลงอยู่ดี เพราะไม่สามารถทำกำไรได้อีกต่อไป

 

ผลลัพธ์สุดท้ายคือ การผลิตทองคำในแอฟริกาใต้จะถูกบั่นทอนนานหลายปีหรือเป็นการถาวร ซึ่งจะผลักดันให้ราคาทองคำยิ่งทะยานสูงขึ้นต่อไป

 

Tags : ทองคำโลก

 

http://www.bangkokbiznews.com

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...