ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
tt2518

ขอเดา(ราคาทอง)กับเขาบ้าง

โพสต์แนะนำ

World Markets: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ

 

 

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 21 พฤศจิกายน 2555 07:34:39 น.

ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (20 พ.ย.) เพราะได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่ารัฐมนตรีคลังกลุ่มยูโรโซนจะตกลงให้ความช่วยเหลือด้านการเงินต่อกรีซ และจากการที่นักลงทุนมีมุมมองที่เป็นบวกว่า อิสราเอลและปาเลสไตน์จะยอมลงนามข้อตกลงหยุดยิงในฉวนกาซา

 

ดัชนี Stoxx Europe 600 ขยับขึ้น 0.3% ปิดที่ 269.49 จุด

 

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 3462.06 จุด บวก 22.48 จุด ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 7172.99 จุด บวก 49.15 จุด ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 5748.10 จุด บวก 10.44 จุด

 

-- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (20 พ.ย.) หลังจากเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐเตือนว่า เฟดยังไม่มีเครื่องมือที่จะรองรับผลกระทบทางเศรษฐกิจอันเนื่องมาจากภาวะหน้าผาการคลัง

 

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ลดลง 7.45 จุด หรือ 0.06% ปิดที่ 12,788.51 จุด ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 0.92 จุด หรือ 0.07% ปิดที่ 1,387.81 จุด และดัชนี Nasdaq ขยับขึ้น 0.61 จุด หรือ 0.02% ปิดที่ 2,916.68 จุด

 

-- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (20 พ.ย.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจยุโรป หลังจากมูดีส์ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือฝรั่งเส นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของดอลลาร์ และข้อมูลด้านตลาดที่อยู่อาศัยที่แข็งแกร่งของสหรัฐ ยังทำให้นักลงทุนลดการถือครองทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย

 

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ร่วงลง 10.80 ดอลลาร์ หรือ 0.62% ปิดที่ 1,723.6 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 25.9 เซนต์ ปิดที่ 32.93 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค.ร่วงลง 10.8 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,573 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดที่ 638.35 ดอลลาร์/ออนซ์ ลดลง 6.95 ดอลลาร์

 

-- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (20 พ.ย.) เพราะได้รับแรงกดดันจากการคาดการณ์ที่ว่า อิสราเอลและกลุ่มฮามาสจะยอมลงนามข้อตกลงหยุดยิงในฉวนกาซา ซึ่งจะช่วยให้ตลาดคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานในตะวันออกกลาง

 

สัญญาน้ำมันดิบ WTI เดือนธ.ค.ร่วงลง 2.53 ดอลลาร์หรือ 2.8% ปิดที่ 86.75 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) เดือนม.ค.ที่ตลาดลอนดอน ร่วงลง 1.87 ดอลลาร์ หรือ 1.7% ปิดที่ 109.83 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

-- สกุลเงินเยนร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 7 เดือนเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (20 พ.ย.) เนื่องจากการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) จะใช้มาตรการผ่อนคลายการเงินเพิ่มเติม หากพรรคแอลดีพีได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง

 

ค่าเงินเยนร่วงลง 0.32% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ 81.660 เยน จากระดับของวันจันทร์ที่ 81.400 เยน ขณะที่ฟรังค์สวิสขยับขึ้น 0.01% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ 0.9401 ฟรังค์ จากระดับ 0.9402 ฟรังค์

 

ค่าเงินยูโรขยับขึ้น 0.05% แตะที่ 1.2818 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.2811 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์ขยับขึ้น 0.10% แตะที่ 1.5922 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5906 ดอลลาร์สหรัฐ

 

ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียร่วงลง 0.24% แตะที่ 1.0384 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0409 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ร่วงลง 0.40% แตะที่ 0.8165 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.8198 ดอลลาร์สหรัฐ

 

-- ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (20 พ.ย.) เพราะได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่ารัฐมนตรีคลังกลุ่มยูโรโซนจะตกลงให้ความช่วยเหลือด้านการเงินต่อกรีซ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากข่าวบริษัทเกล็นคอร์เข้าเทคโอเวอร์กิจการเอ็กสตราต้า ซึ่งเป็นบริษัทเหมืองรายใหญ่ของอังกฤษ

 

ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ปิดตลาดลอนดอนที่ 5748.10 บวก 10.44 จุด

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: เงินเยนร่วงเทียบดอลล์ คาดญี่ปุ่นผ่อนคลายการเงิน

 

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 21 พฤศจิกายน 2555 07:15:24 น.

สกุลเงินเยนร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 7 เดือนเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (20 พ.ย.) เนื่องจากการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) จะใช้มาตรการผ่อนคลายการเงินเพิ่มเติม หากพรรคแอลดีพีได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง

 

ค่าเงินเยนร่วงลง 0.32% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ 81.660 เยน จากระดับของวันจันทร์ที่ 81.400 เยน ขณะที่ฟรังค์สวิสขยับขึ้น 0.01% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ 0.9401 ฟรังค์ จากระดับ 0.9402 ฟรังค์

 

ค่าเงินยูโรขยับขึ้น 0.05% แตะที่ 1.2818 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.2811 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์ขยับขึ้น 0.10% แตะที่ 1.5922 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5906 ดอลลาร์สหรัฐ

 

ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียร่วงลง 0.24% แตะที่ 1.0384 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0409 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ร่วงลง 0.40% แตะที่ 0.8165 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.8198 ดอลลาร์สหรัฐ

 

เงินเยนร่วงลงหลังจากมีการคาดการณ์ว่า หากพรรคเสรีประชาธิปไตย (แอลดีพี) ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านของญี่ปุ่นได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 16 ธ.ค.นี้ ทางพรรคก็อาจจะผลักดันให้บีโอเจผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติม

 

ส่วนในการประชุมเมื่อวานนี้ บีโอเจมีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0-0.10% ในการประชุมวันนี้ พร้อมกับคงขนาดโครงการซื้อสินทรัพย์เอาไว้ที่ระดับปัจจุบัน 91 ล้านล้านเยน หลังจากที่ได้ขยายวงเงินซื้อสินทรัพย์อีก 11 ล้านเยนในการประชุมเมื่อวันที่ 30 ต.ค.ที่ผ่านมา

 

ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐได้แรงหนุนหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเผยตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านในเดือนต.ค.พุ่งขึ้น 3.6% แตะ 894,000 ยูนิต ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบกว่า 4 ปี นับเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่า ตลาดที่อยู่อาศัยของสหรัฐที่เคยประสบปัญหากำลังปรับตัวดีขึ้น

 

ส่วนค่าเงินยูโรขยับขึ้นในขณะที่นักลงทุนจับตาดูการประชุมกลุ่มยูโรกรุ๊ปที่กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม โดยคาดว่าที่ประชุมจะตกลงให้เงินกู้งวดใหม่ต่อกรีซ นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้หารือกันเกี่ยวกับขั้นตอนต่อไปในการสร้างความเชื่อมั่นว่าโครงการสร้างเสถียรภาพและการเติบโตทางเศรษฐกิจที่นำมาใช้ในปี 2553 นั้นจะประสบความสำเร็จ เพื่อแลกกับเงินกู้งวดใหม่ ซึ่งจะช่วยคลี่คลายวิกฤตการเงินของกรีซและยุโรป

 

นอกจากนี้ นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐในวันนี้ โดยสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ในเวลา 20.30 น.ตามเวลาไทย จากนั้นในเวลา 21.55 น.ตามเวลาไทย จะมีการเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงท้ายเดือนพ.ย.จากรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกน และในเวลา 22.00 น.ตามเวลาไทย จะมีการเปิดเผยดัชนีชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐเดือนต.ค.จากคอนเฟอร์เรนซ์ บอร์ด

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ภาวะตลาดน้ำมัน: น้ำมัน WTI ปิดร่วง $2.53 จากคาดอิสราเอล-ฮามาสหยุดยิง

 

 

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 21 พฤศจิกายน 2555 07:32:38 น.

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (20 พ.ย.) เพราะได้รับแรงกดดันจากการคาดการณ์ที่ว่า อิสราเอลและกลุ่มฮามาสจะยอมลงนามข้อตกลงหยุดยิงในฉวนกาซา ซึ่งจะช่วยให้ตลาดคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานในตะวันออกกลาง

 

สัญญาน้ำมันดิบ WTI เดือนธ.ค.ร่วงลง 2.53 ดอลลาร์หรือ 2.8% ปิดที่ 86.75 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) เดือนม.ค.ที่ตลาดลอนดอน ร่วงลง 1.87 ดอลลาร์ หรือ 1.7% ปิดที่ 109.83 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

อิสราเอลและกลุ่มฮามาสได้จัดการเจรจาที่ฉนวนกาซาโดยมีอียิปต์เป็นคลกลาง หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายได้สู้รบกันอย่างหนัก ขณะที่เจ้าหน้าที่อียิปต์คาดว่าทั้งสองฝ่ายอาจจะยอมทำข้อตกลงหยุดยิง แต่ก็ยังไม่มีข้อสรุปในขณะนี้

 

ก่อนหน้านี้สัญญาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นหลังจากเอฮุด บารัค รมว.กลาโหมอิสราเอลเปิดเผยว่า อิสราเอลจะยังคงเดินหน้าโจมตีฉนวนกาซาและอาจจะเพิ่มความรุนแรงของปฏิบัติการณ์

 

เหตุการณ์โจมตีที่กำลังเกิดขึ้นในกาซาเวลานี้นับว่ารุนแรงสุดในรอบหลายปี โดยเหตุรุนแรงได้เริ่มต้นขึ้นเมื่อวันพุธ เมื่ออิสราเอลได้สังหารผู้บัญชาการของกลุ่มติดอาวุธฮามาสในกาซา ขณะที่กลุ่มฮามาสได้ใช้จรวดพิสัยไกลเป็นครั้งแรกเพื่อตอบโต้การโจมตีของอิสราเอล โดยยิงจรวดดังกล่าวไปยังแถบชานเมืองของนครเยรูซาเลมและกรุงเทลอาวีฟของอิสราเอล

 

สัญญาน้ำมันดิบได้รับแรงกดดันมากขึ้นเมื่อเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐเตือนว่า เฟดยังไม่มีเครื่องมือที่จะรองรับผลกระทบทางเศรษฐกิจอันเนื่องมาจากภาวะหน้าผาการคลัง และยังได้เตือนถึงผลกระทบที่รุนแรงอันเนื่องมาจากภาวะหน้าผาการคลัง

 

"การที่รัฐบาลจะต้องดำเนินการลดการใช้จ่ายและปรับขึ้นภาษีโดยอัตโนมัติตามกำหนดในช่วงปลายปีนี้จะส่งผลให้เกิดภาวะหน้าผาการคลังอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งการลดการใช้จ่ายและขึ้นภาษีด้วยมูลค่าที่สูงในเวลาเดียวกัน จะฉุดรั้งเศรษฐกิจสหรัฐให้เข้าสู่ภาวะถดถอยอย่างรุนแรง" เบอร์นันเก้กล่าว

 

นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยลบหลังจากมูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของฝรั่งเศส ลง 1 ขั้น สู่ระดับ Aa1 จากระดับสูงสุดที่ Aaa เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้ยูโรโซน พร้อมกับให้แนวโน้มความน่าเชื่อถือของฝรั่งเศส เป็น เชิงลบ ซึ่งบ่งชี้ว่ามูดีส์อาจจะปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือลงอีกในวันข้างหน้า

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เมื่อคืนนี้ นายเบน เบอร์นันเก้ ได้มุ่งประเด็นไปที่ " Fiscal Cliff หน้าผาการคลัง " อย่างมาก พร้อมกับ เพดานหนี้ที่ต้องมีการปรับเพิ่มขึ้น / ผลกระทบต่อมาตราการลดหย่อนภาษีที่ดำเนินการใข้มาร่วม 10 ปี เพื่อนๆ ลองคิดจากตัวของเราเองว่า ถ้าเรารู้ / รับฟัง มาว่า มาตราการลดหย่อยภาษีจะสิ้นสุดลง จะทำยังไง ? เก็บภาษีเพิ่มขึ้น สินค้าและบริการต่างๆ ก็จะต้องจ่ายเพิ่มขึ้น / ทำงานรับเงินเดือน ก็ต้องรับเงินสุทธิน้อยลง / ภาษีเงินปันผลจากการเล่นหุ้นฯ ที่สหรัฐฯ เขามีเรียกเก็บ ก็ต้องจ่ายเพิ่มขึ้น

 

"เบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวต่อสมาชิกสภาคองเกรส ในการประชุมที่ผ่านมาว่า

ถ้าหากสภาคองเกรสไม่สามารถแก้ไขปัญหาภาวะ"หน้าผาทางการคลัง" ภายในช่วงสิ้นปีนี้

จะสร้างความเสียหายต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐ ซึ่งอยู่ในภาวะเปราะบางอยู่แล้ว"

ที่มา: กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ (13 พฤษภาคม 2555)

 

หน้าผาทางการคลัง หรือ Fiscal Cliff คืออะไรกัน ?

Fiscal Cliff เป็นคำอธิบายสถานการณ์ที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ สูญเสียแรงขับเคลื่อนทางการคลังอย่างฉับพลันและรุนแรง เนื่องจากมาตรการด้านการคลังชั่วคราวที่ใช้กระตุ้นเศรษฐกิจในยามที่เกิดวิกฤตินั้นสิ้นสุดลง และรัฐบาลยังไม่มีมาตรการใหม่ๆ ออกมารองรับ จนเศรษฐกิจสหรัฐฯอาจจะเข้าสู่ภาวะถดถอยรุนแรงอีกครั้ง เมื่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ จะหมดอายุลงพร้อมกันภายในสิ้นปี 2012 นี้

 

กล่าวง่ายๆ คือ เปรียบเสมือนกับการตัดลดงบประมาณแบบดิ่งหน้าผา เป็นมาตรการปรับลดงบประมาณรายจ่ายและเตรียมขึ้นภาษีหลายรายการ โดยจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 มกราคม 2013 หากสมาชิกสภานิติบัญญัติสหรัฐอเมริกาทั้งของพรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกันไม่สามารถบรรลุข้อตกลงกันได้ถึงหนทางที่ดีที่สุด ในการลดงบประมาณขาดดุลและหนี้สาธารณะของประเทศ

 

หน้าผาทางการคลัง : มาตรการที่กำลังจะหมดอายุลงนั้น ประกอบไปด้วย

- การหมดอายุลงของมาตรการลดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภาษีการลงทุน ภาษีคู่แต่งงาน ภาษีครอบครัวที่มีบุตร และภาษีมรดก ที่บังคับใช้ในยุครัฐบาลของประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช นอกจากนี้ ยังมีชาวอเมริกันอีกราว 26 ล้านคนที่จะต้องเผชิญกับการคำนวณอัตราภาษีต่ำสุดแบบใหม่ที่จะทำให้ต้องเสียภาษีเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย 3,700 ล้านดอลลาร์ในการยื่นแบบแสดงรายการภาษีของปีภาษีหน้า และซีบีโอประเมินว่างบประมาณขาดดุลที่จะลดได้จากรายการข้างต้นนี้จนถึงเดือนกันยายนอยู่ที่ 330,000 ล้านดอลลาร์

- การตัดลดงบประมาณรายจ่ายด้านกลาโหมในปีหน้าลง 9 เปอร์เซ็นต์ คิดเป็น 55,000 ล้านดอลลาร์ และอีก 55,000 ล้านดอลลาร์จากโครงการภายในประเทศอื่นๆ ซึ่งรวมถึงการตัดลดงบประมาณในส่วนของผู้ให้บริการในโครงการเมดิแคร์หรือประกันสังคมลง 2 เปอร์เซ็นต์

 

- การหมดอายุลงของเงินสวัสดิการช่วยเหลือผู้ที่ไม่มีงานทำในระยะยาว ที่จะลดงบประมาณขาดดุลถึงเดือนกันยายนได้ 26,000 ล้านดอลลาร์

- การตัดลดเงินเบิกจ่ายสำหรับแพทย์ ที่เข้าร่วมในโครงการเมดิแคร์ลง คิดเป็น 11,000 ล้านดอลลาร์

 

- การหมดอายุของโครงการปรับลดอัตราภาษีที่หักจากเงินเดือนหรือค่าจ้างชั่วคราว 2 เปอร์เซ็นต์ของโอบามา คิดเป็น 95,000 ล้านดอลลาร์

 

- การตัดลดภาษีเล็กๆ น้อยๆ หลายรายการทั้งในภาคธุรกิจและภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ที่รวมกันแล้วรู้จักกันในชื่อประมวลรัษฎากร "บทขยายเพิ่มเติม" ที่รวมถึงเงินลดหย่อนภาษีสำหรับการวิจัยและพัฒนา และการลดภาษีการขายในรัฐที่ไม่มีภาษีเงินได้ คิดเป็นเงินที่จะลดงบประมาณขาดดุลได้ 65,000 ล้านดอลลาร์

 

- ความจำเป็นในการที่จะต้องเพิ่มความสามารถในการกู้ยืมของรัฐบาล (หรือที่เรียกกันว่าเพดานหนี้) ที่ 16.4 ล้านล้านดอลลาร์ โดยคาดว่ารัฐบาลสหรัฐอเมริกาจะมีหนี้สินแตะระดับดังกล่าวในช่วงสิ้นปีนี้ แต่กระทรวงการคลังมีอำนาจในการจัดสรร สับเปลี่ยน โยกย้ายบัญชีเพื่อซื้อเวลาเพิ่มเติมได้อีกหลายสัปดาห์ ดังนั้น สภาคองเกรสยังมีเวลาในการจัดการแก้ปัญหานี้จนถึงต้นปีหน้า (2013)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Fiscal Cliff … หน้าผาทางการคลัง คืออะไร

ในช่วงปีที่ผ่านมา มีคำศัพท์ หรือตัวย่อทางด้านเศรษฐกิจถูกกล่าวขึ้นมาพูดถึงเพิ่มขึ้นมากมาย ไม่ว่าจะเป็น QE (Quantitative

Easing - การผ่อนคลายมาตรการทางการเงิน) LTRO (Long Term Refinance Operations - การปล่อยกู้ระยะยาวแก่ธนาคาร

ในสหภาพยุโรปเพื่อเสริมสภาพคล่อง) Troika (กลุ่มผู้ดูแลการแก้ไขปัญหาหนี้ของกรีซ ประกอบด้วยกองทุนการเงินระหว่างประเทศ

- IMF, ธนาคารกลางยุโรป – ECB และคณะกรรมาธิการยุโรป - EC) เป็นต้น และคำศัพท์คำหนึ่งที่มีการพูดถึงกันบ่อยมากขึ้น

ในช่วงไม่นานมานี้ คือคำว่า Fiscal Cliff

คำว่า Fiscal Cliff หรือแปลเป็นไทยตรงตัวว่า “หน้าผาทางการคลัง” เป็นคำที่ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) เบน เบอร์นันเก้

ใช้เรียกสถานการณ์หัวเลี้ยวหัวต่อของเศรษฐกิจสหรัฐฯในช่วงปลายปีนี้ เนื่องจากเป็นช่วงที่จะมีเหตุการณ์สำคัญๆที่เกี่ยวข้องกับฐานะ

ทางการคลังของสหรัฐฯ ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯอย่างมีนัยสำคัญ โดยเหตุการณ์ที่สำคัญ

2 เหตุการณ์ได้แก่ การสิ้นสุดของมาตรการลดหย่อนภาษีหลายๆมาตรการ และการเริ่มต้นของมาตรการการปรับลดงบประมาณของ

ภาครัฐฯ

 

ในส่วนของมาตรการลดหย่อนภาษีนั้น ในสิ้นปีนี้ จะมีมาตรการลดหย่อนภาษีหลายมาตรการสิ้นอายุลง โดยมาตรการภาษีที่สำคัญ

ที่สุด คือมาตรการการปรับลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ซึ่งได้บังคับใช้มาตั้งแต่ปี 2546 ในสมัยประธานาธิบดีจอร์ช บุช เพื่อปรับลด

อัตราภาษีที่บุคคลธรรมดาจะต้องเสียลง ทำให้ประชาชนมีรายได้คงเหลือเพิ่มขึ้น และช่วยให้เกิดการใช้จ่าย และการบริโภค

ในประเทศ เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจมากขึ้น

นอกเหนือจากมาตรการภาษีแล้ว ยังมีมาตรการทางด้านการปรับลดงบประมาณรายจ่าย หรือการขาดดุลของภาครัฐบาลอีกด้วย

เนื่องจากในปีที่ผ่านมา สหรัฐฯประสบกับปัญหาภาระหนี้ชนเพดานหนี้ (วงเงินสูงสุดที่รัฐบาลจะกู้ได้) ทำให้ต้องมีการปรับเพิ่มเพดานหนี้

สาธารณะเพิ่มเติม โดยเงื่อนไขหนึ่งที่ต้องทำเพื่อการปรับเพิ่มเพดานดังกล่าว รัฐบาลสหรัฐฯจะต้องมีการดำเนินการปรับลดรายจ่าย

ของภาครัฐลงมาด้วย และหากไม่สามารถทำได้ตามเป้าที่กำหนดไว้ ก็จะมีการปรับลดค่าใช้จ่ายของภาครัฐแบบอัตโนมัติ

(Sequestration) ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 2 มกราคม 2556 นี้

ผลจากมาตรการ 2 มาตรการ ทั้งการสิ้นสุดการปรับลดภาษี ประกอบกับการตัดลดงบประมาณด้านรายจ่ายของภาครัฐฯ แม้ว่าจะทำ

ให้รายได้ของรัฐบาลปรับเพิ่มขึ้นกว่า 6 แสนล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ แต่ก็จะกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ยังคงอยู่ใน

ภาวะเปราะบางเป็นอย่างมีนัยสำคัญ เพราะในส่วนของมาตรการภาษี หากสิ้นสุดลง ก็จะทำให้ประชาชนต้องเสียภาษีเพิ่มขึ้น และ

มีเงินคงเหลือเพื่อใช้จ่ายน้อยลง ในขณะมาตรการด้านงบประมาณที่จะต้องปรับลดลงมา ก็จะทำให้รัฐบาลนำเงินออกมาใช้จ่ายเพื่อ

กระตุ้นเศรษฐกิจน้อยลง ซึ่งหากไม่มีการดำเนินการเพื่อแก้ไขเหตุการณ์ทั้งสองอย่างนี้เลย ก็มีสิทธิที่เศรษฐกิจจะหยุดชะงัก หรือ

หดตัวลงรุนแรง หรือเปรียบเสมือนกับการตกหน้าผานั่นเอง

ทั้งนี้ ได้คาดการณ์กันว่า หากเกิด Fiscal Cliff ขึ้นมาเต็มจำนวนทั้ง 6 แสนล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ จะทำให้อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ

ของสหรัฐฯในปีหน้า หดตัวลงถึง 1.00% และจะทำให้อัตราการว่างงานปรับตัวเพิ่มขึ้นมาสู่ระดับ 10% จากระดับปัจจุบันที่ 8.30%

แต่หากปัญหา Fiscal Cliff ไม่ได้เกิดขึ้นเต็มจำนวนอย่างที่คาดไว้ ความรุนแรงก็จะลดน้อยลงมาตามลำดับ แต่ก็จะมีผลกระทบ

ต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจแน่นอนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

 

 

คำถามที่เกิดขึ้นคือ รัฐบาลสหรัฐฯได้รับรู้ปัญหาดังกล่าวไว้ล่วงหน้าแล้ว แต่จะมีการดำเนินอย่างไร เพื่อไม่ให้เศรษฐกิจของประเทศ

ต้องมาตกหน้าผาอย่างที่กล่าวไว้ข้างต้น ซึ่งยังไม่มีคำตอบออกมาที่ชัดเจน ในขณะที่สถานการณ์ดังกล่าวใกล้เข้ามาถึงแล้ว

เนื่องจากในช่วงเดือนพฤศจิกายนที่จะถึงนี้ จะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯ ทำให้ทั้งฝ่ายประธานาธิบดีปัจจุบัน

บารัค โอบามา จากพรรคเดโมแครท และฝ่ายผู้ท้าชิง มิทท์ รอมนีย์จากพรรครีพับลิกัน ต่างก็คุมเชิงกันทางด้านนโยบาย ยังไม่ได้มี

การออกมาตรการ หรือนโยบายใดๆที่เป็นรูปธรรม เช่น จะมีการต่ออายุมาตรการการลดหย่อนภาษีหรือไม่ หรือการปรับลดมาตรการ

การใช้จ่ายของภาครัฐ จะดำเนินไปในด้านใด เพราะอาจจะส่งผลต่อคะแนนความนิยมในการเลือกตั้งได้ ทำให้เกิดความเสี่ยง

ทางด้านนโยบายทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และความต่อเนื่องในการดำเนินนโยบายทางเศรษฐกิจในอนาคต นอกจากนี้ นโยบายของ

ผู้สมัครชิงประธานาธิบดีสหรัฐฯทั้ง 2 ฝ่ายต่างก็มีความแตกต่างกันด้วย โดยในส่วนของประธานาธิบดีโอบามา ยังคงสนับสนุนการต่อ

อายุมาตรการลดหย่อนภาษีเฉพาะผู้มีรายได้ต่ำถึงปานกลาง ในขณะที่ทางผู้ท้าชิง ก็ยังชูนโยบายการปรับลดงบประมาณของภาครัฐ

ซึ่งทำให้อนาคตเศรษฐกิจของสหรัฐฯยังคงมีความไม่แน่นอนทางนโยบายอยู่สูง

 

อย่างไรก็ดี จากสถานการณ์ล่าสุดในเรื่องของทางด้านมาตรการภาษี ทางสภาผู้แทนราษฎร(สภาล่าง) ได้มีมาตรการอนุมัติต่ออายุ

การลดหย่อนภาษีสำหรับผู้มีรายได้ต่ำกว่า 250,000 ดอลล่าร์สหรัฐฯเรียบร้อยแล้ว และอยู่ในระหว่างการส่งต่อให้กับสภาสูง

(สภาคองเกรส) ทำการอนุมัติ เพื่อประกาศใช้ต่อไป จึงทำให้ความเสี่ยง และความกังวลในเรื่องของ Fiscal Cliff เริ่มคลี่คลายลงไป

บ้าง แต่ก็ยังไม่หมดสิ้นไปเสียทีเดียว นอกจากนี้ นักวิเคราะห์จากสำนักต่างๆ ต่างก็ได้คาดการณ์ว่าในท้ายที่สุด รัฐบาลสหรัฐฯ

ก็คงจะต้องทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้เกิดภาวะการตกหน้าผาทางเศรษฐกิจ เพราะจะส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯอย่างมหาศาล และ

อาจจะเป็นการจุดชนวนเศรษฐกิจโลกรอบใหม่ต่อจากปัญหาหนี้ในยุโรป

 

แต่เนื่องจากยังคงอยู่ในช่วงที่มีการหาเสียงเลือกตั้ง และ

เป็นช่วงที่จะมีการช่วงชิงคะแนนเสียงระหว่างสองพรรครัฐบาล จึงเชื่อได้ว่ามาตรการใดๆที่จะดำเนินออกมาในช่วงนี้ แม้ว่าท้ายที่สุด

แล้วจะผ่านไปได้ แต่ก็จะผ่านได้แบบหวุดหวิด หรือในนาทีสุดท้าย เช่นเดียวกับในครั้งที่มีการปรับเพิ่มเพดานหนี้สาธารณะในปี

ที่ผ่านมา ซึ่งมีการดึงเวลาให้ล่าช้า เป็นเกมทางการเมืองไปนานกว่าจะอนุมัติให้ผ่านกันไปได้ และจะทำให้ความผันผวนใน

การลงทุนกลับมาอีกครั้ง ดังนั้น ในช่วงนี้จนถึงปลายปี กว่าที่จะมีความชัดเจนทางมาตรการด้านการคลังของสหรัฐฯ นักลงทุน

อาจจะต้องใช้ความระมัดระวังเพิ่มเติม เนื่องจากจะมีความผันผวนมากขึ้นตามข่าวสาร ที่จะมีการพูดถึง Fiscal Cliff มากขึ้นเรื่อยๆ

 

- การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลและหนังสือชี้ชวนก่อนการตัดสินใจลงทุน

- ทัศนะและความคิดเห็นใดๆที่ปรากฏในบทความนี้ เป็นการแสดงทัศนะความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้น

มิได้มาจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด ดังนั้น จึงไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย หรือร่วมรับผิดชอบ ไม่ว่ากรณีใดๆทั้งสิ้น

- ข้อมูล ณ วันที่ 13 สิงหาคม 2555 โดย อาทิตย์ ทองเจริญ ผู้บริหารงานจัดหาผลิตภัณฑ์พิเศษ บริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุนกสิกรไทย จำกัด[/size]

ถูกแก้ไข โดย เด็กขายของ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: คลายวิตกปัญหากรีซ หนุนฟุตซี่ปิดบวก 10.44 จุด

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 21 พฤศจิกายน 2555 07:24:03 น.

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (20 พ.ย.) เพราะได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่ารัฐมนตรีคลังกลุ่มยูโรโซนจะตกลงให้ความช่วยเหลือด้านการเงินต่อกรีซ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากข่าวบริษัทเกล็นคอร์เข้าเทคโอเวอร์กิจการเอ็กสตราต้า ซึ่งเป็นบริษัทเหมืองรายใหญ่ของอังกฤษ

 

ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ปิดตลาดลอนดอนที่ 5748.10 บวก 10.44 จุด

 

ตลาดหุ้นลอนดอนได้รับแรงหนุจากการคาดการณ์ที่ว่า ที่ประชุมรัฐมนตรีคลังยูโรโซนจะตกลงให้เงินกู้งวดใหม่ต่อกรีซ นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้หารือกันเกี่ยวกับขั้นตอนต่อไปในการสร้างความเชื่อมั่นว่าโครงการสร้างเสถียรภาพและการเติบโตทางเศรษฐกิจที่นำมาใช้ในปี 2553 นั้นจะประสบความสำเร็จ เพื่อแลกกับเงินกู้งวดใหม่ ซึ่งจะช่วยคลี่คลายวิกฤตการเงินของกรีซและยุโรป

 

หุ้นเอ็กสตราต้าพุ่งขึ้น 3.1% และหุ้นเกล็นคอร์ ดีดตัวขึ้น 1.6% หลังจากเกล็นคอร์เข้าเทคโอเวอร์กิจการเอ็กสตราต้าเป็นเงินมูลค่า 3.1 หมื่นล้านดอลลาร์

 

หุ้นอินเตอร์คอนติเนนตัล พุ่งขึ้น 2.7% หลังจากบาร์เคลย์สปรับเพิ่มน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นดังกล่าว

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

image-AD74_50AC2CDC.gif

อรุณสวัสดิ์คะ เฮียNamchiang เฮียเด็กขายของ เพื่อนๆ :32

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

น้ำมันดิ่งหลังลือยิวกับฮามาสสงบศึก หุ้นมะกันทรงตัว-ทองคำขยับลง

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 21 พฤศจิกายน 2555 05:29 น.

 

 

เอเจนซี/เดอะสตรีท - ราคาน้ำมันดิ่งแรงวานนี้(20) หลังมีข่าวอิสราเอลกับฮามาส เจรจาโดยมีอียิปต์เป็นคนกลาง ยุติการสู้รบในฉนวนกาซา คลายข้อวิตกอุปทานตึงตัว ทว่าความกังวลของประธานเฟด เกี่ยวกับผลกระทบวิกฤต "หน้าผาการคลัง" ต่อเศรษฐกิจอเมริกา ฉุดให้วอลล์สตรีท ทรงตัวและทองคำปิดลบแรง

 

สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนธันวาคม ลดลง 2.35 ดอลลาร์ ปิดที่ 86.75 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 1.87 ดอลลาร์ ปิดที่ 109.83 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

 

เหตุความขัดแย้งในฉนวนกาซา เป็นปัจจัยที่สนับสนุนราคาน้ำมันตลอดช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ทว่าวานนี้(20) ตลาดผ่อนคลายลงไปเล็กน้อย หลังเจ้าหน้าที่รายหนึ่งของฮามาส อ้างว่าบรรลุข้อตกลงหยุดยิงกับอิสราเอลแล้วและคาดหมายว่าน่าจะมีผลบังคับใช้เร็วๆนี้ แม้ทางยิวออกมาปฏิเสธเรื่องดังกล่าวก็ตาม

 

ปัจจัยดังกล่าวได้สร้างความผ่อนคลายแก่นักลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯเช่นกัน อย่างไรก็ตามท้ายที่สุดแล้ว วอลล์สตรีท ก็ปิดในกรอบแคบๆ หลังถูกฉุดโดยความเห็นของ เบน เบอร์นันกี ประธานธาคารกลางอเมริกาเกี่ยวกับแนวโน้มผลกระทบของวิกฤตหน้าผาการคลังต่อเศรษฐกิจของประเทศ

 

ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ ลดลง 5.83 จุด (0.05 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 12,790.13 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 0.83 จุด (0.03 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,916.90 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 1.01 จุด (0.07 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,387.90 จุด

 

เบอร์นันกี เมื่อวันอังคาร(20) กล่าวเตือนเข้มข้นขึ้นต่อเค้ารางวิกฤตหน้าผาการคลัง โดยระบุว่าการตัดรายจ่ายและขึ้นภาษีโดยอัตโนมัติในช่วงสิ้นปี คือภัยคุกคามอย่างใหญ่หลวงต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของอเมริกา

 

คำเตือนของเบอร์นันกี ต่อความขัดแย้งด้านการตัดลบงบประมาณในสภาคองเกสนี้ ก็ฉุดให้ราคาทองคำวานนี้(20) ดิ่งลงอย่างแรงเช่นกัน โดยราคาทองคำตลาดโคเมกซ์ของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนธันวาคม ลดลง 10.80 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,723.60 ดอลลาร์ต่อออนซ์

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

อิสราเอลกับฮามาส เจรจาโดยมีอียิปต์เป็นคนกลาง ยุติการสู้รบในฉนวนกาซา คลายข้อวิตกอุปทานตึงตัว

 

ทางนักรบฮามาสในฉนวนกาซา ออกมาแย้มบรรลุข้อตกลงหยุดยิงในสงคราม 7 วันกับอิสราเอลแล้ว และจะมีการแถลงอย่างเป็นทางการในช่วงค่ำวันอังคาร(20) ตามเวลาท้องถิ่น "จะมีการแถลงข่าวร่วมเกี่ยวกับข้อตกลงหยุดยิงระหว่างฮามาส อิสลามญิฮาดและคนกลางอียิปต์ในค่ำคืนนี้" แหล่งข่าวนักรบญิฮาดอิสลามิค บอกกับเอเอฟพีจากกาซา ซิตี ขณะที่แหล่งข่าวฮามาส ก็ยืนยันข่าวนี้เช่นกัน

 

ข้อตกลงที่กำลังปรากฏนี้จะเป็นการยุติเหตุสู้รบระหว่างสองฝ่ายที่คร่าชีวิตชาวปาเลสไตน์ไปแล้ว 127 ศพ หลังจากเฉพาะในวันอังคาร(20) พบผู้เสียชีวิตจากปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของอิสราเอล เพิ่มอีก 20 ศพ

 

ชาวบ้านผวา หลังกองทัพอากาศอิสราเอลโปรยใบปลิวตามพื้นที่ต่างๆหลายแห่งทั่วเมืองกาซา ซิตี้เมื่อวันอังคาร(20) เตือนประชาชนอพยพออกจากบ้านในทันที จุดชนวนความกังวลต่อปฏิบัติการรุกรานภาคพื้น แม้ยิวประกาศระงับแผนยกกองกำลังเข้าสู่ฉนวนกาซาของชั่วคราวท่ามกลางคำขู่นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮุ ให้แกนนำฮามาสเลือกระหว่างสันติหรือถูกลงทัณฑ์

 

"เพื่อความปลอดภัยของพวกคุณ พวกคุณจำเป็นต้องอพยพออกจากบ้านและมุ่งหน้าไปยังใจกลางกาซา ซิตี้ในทันที" ข้อความหนึ่งในใบปลิวที่พิมพ์เป็นภาษาอาหรับระบุ พร้อมกันนั้นในใบปลิวยังแนะนำเจาะจงถนนที่ประชาชนควรใช้เคลื่อนย้ายออกจากถิ่นฐาน ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ราว 1 ใน 2 ของครึ่งล่างของกาซา ซิตี้ อันประกอบด้วยเขตชีค อัจลิน เขตเทล อัล-ฮาวา เขตไรมาล เขตเซอิตัน เขตเชไจวา-เติร์คแมน และเขตเชไจวา-จาดิดา

 

ข้อความในใบปลิวนั้นไม่ได้บอกเหตุผลถึงการออกคำสั่งดังกล่าว เพียงแต่ให้สัญญาว่าทุกคนที่ปฏิบัติตามจะปลอดภัย "นี่คือการเผชิญหน้าชั่วคราว ท้ายที่สุดแล้ว ทุกคนจะได้กลับบ้าน" ใบปลิวพาดพิงถึงเหตุปฏิบัติการโจมตีทางอากาศอันดุเดือดของกองทัพอิสราเอลต่อฉนวนกาซา ต่อเนื่องยาวนานเข้าสู่วันที่ 7 "ตามกฎระเบียบของกองทัพอิสราเอล พลเมืองทุกคนจะถูกกันออกจากระยะที่เป็นอันตราย"

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

**ตลาดหุ้นเอเชียบวกขึ้นเช้านี้ หลังตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านสหรัฐพุ่งสูง

 

ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวสูงขึ้นเช้านี้ หลังจากที่สหรัฐเปิดเผยว่าตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 4 ปี ส่งสัญญาณว่าเศรษฐกิจสหรัฐกำลังฟื้นตัว

 

ดัชนี MSCI Asia Pacific เพิ่มขึ้น 0.3% ที่ระดับ 121.20 จุด ณ เวลา 10.15 น.ตามเวลาโตเกียว โดยมีสัดส่วนหุ้นบวกต่อหุ้นลบ 2 ต่อ 1 หุ้น

 

ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 9,213.73 จุด เพิ่มขึ้น 71.09 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 21,367.55 จุด เพิ่มขึ้น 139.27 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 7,150.24 จุด เพิ่มขึ้น 4.47 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 1,895.72 จุด เพิ่มขึ้น 5.54 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 2,961.29 จุด เพิ่มขึ้น 2.47 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ที่ 5,505.34 จุด เพิ่มขึ้น 4.76 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,624.11 จุด ลดลง 0.09 จุด และดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียเปิดวันนี้ที่ 4,387.50 จุด เพิ่มขึ้น 1.80 จุด

 

หุ้นโตโยต้า มอเตอร์ คอร์ป เพิ่มขึ้น 1.9%, หุ้นเวสต์ไซด์ คอร์ป ทะยาน 3.9% และหุ้นฮาร์วีย์ นอร์แมน โฮลดิงส์ ขยับลง 1.1%

 

ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านในเดือนต.ค.พุ่งขึ้น 3.6% แตะ 894,000 ยูนิต ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับแต่เดือนก.ค.2551 หรือสูงสุดในรอบกว่า 4 ปี เทียบกับระดับ 863,000 ยูนิตในเดือนก.ย. ซึ่งมีการปรับลงจากเดิมที่ 872,000 ยูนิต โดยข้อมูลล่าสุดนับเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่า ตลาดที่อยู่อาศัยของสหรัฐที่เคยประสบปัญหากำลังปรับตัวดีขึ้น

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ตลาดซื้อขายดอลลาร์/เยน:เยนร่วงแตะนิวโลว์ช่วงเช้านี้

 

 

 

 

เยนร่วงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 7 สัปดาห์เมื่อเทียบกับดอลลาร์ในช่วงเช้านี้ที่ ตลาดเอเชีย และร่วงลงเมื่อเทียบกับยูโรจากมุมมองที่ว่า ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) จะถูกกดดันให้ดำเนินนโยบายผ่อนคลายทางการเงินแบบเชิงรุกมากขึ้น

 

 

ยูโรทรงตัวใกล้ระดับต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์เมื่อเทียบดอลลาร์ โดยได้แรง หนุนจากความหวังที่ว่า รมว.คลังยูโรโซนจะบรรลุข้อตกลงเพื่อเบิกจ่ายเงินช่วยเหลือ กรีซในการเจรจาเพื่อหาทางลดหนี้ของกรีซสู่ระดับที่สามารถชำระคืนได้

 

 

ในช่วงเช้านี้ ดอลลาร์/เยนอยู่ที่ 81.75 แทบไม่เปลี่ยนแปลงจากระดับช่วง ท้ายตลาดนิวยอร์คเมื่อวานนี้ หลังจากพุ่งสูงสุดที่ 81.80 ในช่วงแรก ซึ่งเป็นระดับสูง สุดตั้งแต่ต้นเดือน เม.ย.

 

 

ยูโร/เยนอยู่ที่ 104.65 แทบไม่เปลี่ยนแปลงจากระดับช่วงท้ายตลาดนิวยอร์ค หลังจากพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือนที่ 104.76 ในช่วงแรก

 

 

ยูโร/ดอลลาร์อยู่ที่ 1.2814 ใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์ที่ 1.28295 ที่ทำไว้เมื่อวานนี้ ขณะที่ตลาดกำลังจับตาดูการประชุมรมว.คลังยูโรโซนโดยหวังว่าจะมี ความคืบหน้าเกี่ยวกับข้อตกลงเพื่อช่วยเหลือกรีซ

ดัชนีดอลลาร์อยู่ที่ 80.895 หลังร่วงลงจากระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือนครึ่งที่ ทำไว้เมื่อวันจันทร์ที่ 81.455

 

นายเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวว่า เฟดไม่มี เครื่องมือที่จะลดผลกระทบหากเกิดสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดจากภาวะ fiscal cliff

 

 

เขายังคงระบุว่า นโยบายการเงินของสหรัฐจะเป็นแบบผ่อนคลายต่อไป โดย อัตราดอกเบี้ยจะอยู่ใกล้ระดับ 0% ต่อไปจนถึงกลางปี 2015 เป็นอย่างช้า

 

แต่เขาก็แทบไม่ได้ส่งสัญญาณว่าเฟดอาจจะปรับเปลี่ยนโครงการซื้อพันธบัตรอย่าง ไรในช่วงต้นปีหน้าเพื่อพยายามกระตุ้นการปล่อยกู้มากขึ้นที่อัตราดอกเบี้ยต่ำ

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

"เบอร์นันเก้"เตือนหน้าผาการคลังคุกคามศก. ชี้เฟดยังไม่มีเครื่องมือรองรับ

 

เบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้เรียกร้องให้สภาคองเกรส และคณะทำงานของประธานาธิบดีบารัค โอบามา เร่งทำข้อตกลงเพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญกับภาวะหน้าผาการคลัง (fiscal cliff) โดยกล่าวว่า การปรับขึ้นภาษีและการลดการใช้จ่ายในเวลาเดียวกันนั้น จะเป็นภัยคุกคามต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐ

 

ทั้งนี้ แม้การเจรจาเรื่องแนวทางการหลีกเลี่ยงภาวะหน้าผาการคลังระหว่างโอบามาและผู้สภาคองเกรสเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาจะเป็นไปอย่างสร้างสรร แต่ทั้งสองฝ่ายก็ยังมีความคิดเห็นที่ต่างกันในหลายๆด้าน

 

เบอร์นันเก้กล่าวว่า ความไม่แน่นอนด้านการคลังจะส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจเรื่องการใช้จ่ายของภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจสหรัฐ พร้อมกับเตือนว่า เฟดยังไม่มีเครื่องมือที่จะรองรับผลกระทบทางเศรษฐกิจอันเนื่องมาจากภาวะหน้าผาการคลัง

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

รอเก้อใช่ไหมล่า อิ อิ เจ้าก๊กมากมาย

 

ยังงี้เรียกว่าไม่เก้อนะ เพียงแต่ว่ากล้ากันอ๊ะป่าว 555

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอบคุณและอรุณสวาสค่ะ คุณเด็กขายของ คุณเกี๊ยมอี๋ คุณpasaya คุณAiya คุณarthas และทุกๆท่าน

เมื่อคืนตั้งราคาไว้ที่25000 =1719+เข้าใจว่าไม่ติด ต้องรอ10.00น. ดูจากกราฟเหมือนลงมาที่1722+นะค่ะป๋า

ถ้าป๋าเก็บ ตะโกนบอกด้วยนะค่ะ ขอบคุณค่ะ

 

สวัสดีค่ะ

1719 ไม่น่าติดค่ะ แต่ถ้าวันนี้ตั้งราคานี้อีกละก็ อาจจะดอยค่ะ อิอิ

ล้อเล่น วันนี้ต้องดูราคาใหม่อีกที

โชคดีนะคะ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เรื่องคนดีต้องเผยแพร่ครับ

แท็กซี่สิงคโปร์สุดซื่อสัตย์ คืนเงินนักท่องเที่ยวไทยลืมไว้บนรถกว่า 27 ล้านบาท blank.gif โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 20 พฤศจิกายน 2555 12:53 น.

 

blank.gif 555000014928201.JPEG เซีย กา เทียน คนขับแท็กซี่ผู้ซื่อสัตย์ blank.gif

เอเอฟพี - คนขับแท็กซี่ชาวสิงคโปร์ได้รับการยกย่องประหนึ่งฮีโร่คนหนึ่ง เมื่อเขาได้นำเงินสด 1.1 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ หรือกว่า 27 ล้านบาท คืนให้แก่นักท่องเที่ยวชาวไทย 2 สามีภรรยา ที่ลืมเงินจำนวนดังกล่าวไว้บนรถของเขา

 

เซีย กา เทียน วัย 70 ปี ต้องตกตะลึงเมื่อพบเงินจำนวนมากในกระเป๋าเอกสารสีดำบนเบาะหลังรถ เมื่อวันจันทร์ (19) ที่ผ่านมา หลังเขาขับรถพาสามีภรรยานักท่องเที่ยวคู่นี้ไปส่งที่ศูนย์การค้าแห่งหนึ่ง

 

"เมื่อผมเห็นเงินดังกล่าว ผมคิดว่าปัญอยู่นี่แล้ว ผมมั่นใจว่ามีเงินไม่ต่ำกว่า 200,000 ดอลลาร์ในกระเป๋า" หนังสือพิมพ์สเตรทไทมส์รายงาน โดยอ้างคำกล่าวของคนขับแท็กซี่ผู้มีประสบการณ์ในธุรกิจนี้มานานถึง 31 ปี

 

อย่างไรก็ตาม เมื่อเขานำเงินดังกล่าวกลับไปยังสำนักงานของหายได้คืนของบริษัทขนส่ง คอมฟอร์ตเดลโกร เพื่อนร่วมงานของเขายิ่งตกตะลึงกว่า เมื่อนับจำนวนธนบัตรใบละ 1,000 ดอลลาร์ ได้ยอดรวม 1.1 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ทีเดียว

 

"เงินไม่สำคัญสำหรับผม มันไม่ได้เป็นของผม ดังนั้นผมจะใช้มันได้อย่างไร" เขาบอกกับเสตรทไทมส์

 

สำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทยคู่นั้นก็ได้แจ้งไปทางบริษัทขนส่งว่าทำของหาย โดยเซียรอให้พวกเขามารับเงินคืนไป

 

อย่างไรก็ตาม รายงานข่าวไม่ได้ระบุว่า นักท่องเที่ยวชาวไทยคู่นี้ ที่ไม่มีการเปิดเผยชื่อเสียงเรียงนาม พกเงินจำนวนมากขนาดนั้นไปทำอะไร

 

ส่วนเซียก็ได้รับเงินจำนวนหนึ่งจากพวกเขาเพื่อแสดงความขอบคุณ ขณะที่ทางบริษัทแท็กซี่ก็วางแผนตบรางวัลให้แก่เขา สำหรับการบริการอันดีเยี่ยมเช่นนี้

 

"การพบเงินสด 1 ล้านดอลลาร์ไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นได้ทุกวัน และในความเป็นจริง พวกเราก็สงสัยว่า คนอีกมากมายเท่าไรที่อาจจะถูกล่อลวงให้เก็บมันเข้ากระเป๋า" แทมมี แทน โฆษกบริษัทขนส่งเผย และว่า "พวกเราภูมิใจในตัวเขาอย่างยิ่ง และดีใจที่ผู้โดยสารได้รับเงินของพวกเขาคืน"

 

นี่นับเป็นครั้งที่ 2 ที่คนขับแท็กซี่ของบริษัทดังกล่าวได้คืนของมีค่าให้กับผู้เป็นเจ้าของ โดยในปี 2009 คนขับแท็กซี่รายหนึ่งได้ส่งคืนทองคำแท่งหนัก 5 กิโล มูลค่าถึง 377,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ หรือราว 9.5 ล้านบาททีเดียว

 

http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9550000141594

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...