ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
tt2518

ขอเดา(ราคาทอง)กับเขาบ้าง

โพสต์แนะนำ

World Markets: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ (28/12/2555)

ตลาดหุ้นยุโรปปิดขยับขึ้นเมื่อคืนนี้ (27 ธ.ค.) เพราะได้แรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ ซึ่งช่วยให้ตลาดคลายความวิตกกังวลที่ว่าสหรัฐอาจจะเผชิญภาวะหน้าผาการคลัง (fiscal cliff)

 

ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้นเกือบ 0.1% ปิดที่ 280.6 จุด

 

ดัชนี CAC-40 ปิดตลาดฝรั่งเศสที่ 3674.26 บวก 21.65 จุด ดัชนี DAX ปิดตลาดเยอรมนีที่ 7655.88 บวก 19.65 จุด ดัชนี FTSE 100 ปิดตลาดลอนดอนที่ 5954.30 บวก 0.12 จุด

 

-- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (27 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายในขณะที่กำหนดเส้นตายของการใช้มาตรการลดการใช้จ่ายและปรับขึ้นภาษีของสหรัฐ หรือภาวะหน้าผาการคลัง (fiscal cliff) กำลังใกล้เข้ามาทุกขณะ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากรายงานของคอนเฟอเรนซ์ บอร์ดที่ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐร่วงลงในเดือนธ.ค. อันเนื่องมาจากผู้บริโภควิตกกังวลว่าสหรัฐอาจจะไม่สามารถหลีกเลี่ยงภาวะหน้าผาการคลัง

 

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวลง 18.28 จุด หรือ 0.14% ปิดที่ 13,096.31 จุด ดัชนี S&P 500 ลดลง 1.73 จุด หรือ 0.12% ปิดที่ 1,418.10 จุด และดัชนี Nasdaq ลดลง 4.25 จุด หรือ 0.14% ปิดที่ 2,985.91 จุด

 

-- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดขยับลงเมื่อคืนนี้ (27 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่าสหรัฐอาจจะไม่สามารถหลีกเลี่ยงการเผชิญภาวะหน้าผาการคลัง (fiscal cliff) ในปีหน้า นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับแรงกดดันจากรายงานของคอนเฟอเรนซ์ บอร์ดที่ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐร่วงลงในเดือนธ.ค.

 

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ.ลดลง 11 เซนต์ หรือ 0.12% ปิดที่ 90.87 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.พ.ที่ตลาดลอนดอน ลดลง 27 เซนต์ หรือ 0.24% ปิดที่ 110.80 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

-- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (27 ธ.ค.) เนื่องจากความไม่แน่นอนที่ว่าสหรัฐจะสามารถทำข้อตกลงเพื่อหลีกเลี่ยงภาวะหน้าผาการคลัง (fiscal) ได้หรือไม่นั้น ได้กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำเพื่อความปลอดภัย

 

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.เพิ่มขึ้น 3 ดอลลาร์ หรือ 0.18% ปิดที่ 1,663.7 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค.ปิดที่ 30.240 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 20.5 เซนต์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนมี.ค.ปิดที่ 360.10 ดอลลาร์/ปอนด์ เพิ่มขึ้น 3.5 เซนต์

 

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค.ปิดที่ 1531.80 ดอลลาร์/ออนซ์ ลดลง 3.10 ดอลลาร์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค.ปิดที่ 708.50 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 16.10 ดอลลาร์

 

-- สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโร ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (27 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่าสหรัฐอาจจะไม่หลีกเลี่ยงภาวะหน้าผาการคลัง (fiscal cliff) ภายในสิ้นปีนี้ได้ ขณะที่สกุลเงินเยนร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 2 ปีเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากการคาดการณ์ที่ว่าญี่ปุ่นจะผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติม

 

ค่าเงินยูโรพุ่งขึ้น 0.14% แตะที่ 1.3241 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันพุธที่ 1.3223 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์ร่วงลง 0.16% แตะที่ 1.6108 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.6134 ดอลลาร์สหรัฐ

 

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้น 0.50% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 86.050 เยน จากระดับ 85.620 เยน และขยับลง 0.01% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 0.9128 ฟรังค์ จากระดับ 0.9129 ฟรังค์

 

ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียขยับลง 0.03% แตะที่ 1.0372 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0375 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ขยับขึ้น 0.15% แตะที่ 0.8206 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.8194 ดอลลาร์สหรัฐ

 

-- ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (27 ธ.ค.) ขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ

 

ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ขยับขึ้น 0.12 จุด ปิดที่ 5,954.30 จุด หลังจากเคลื่อน ตัวในช่วง 5,942.44-5,997.04 จุด

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันที่ 28 ธันวาคม 2555)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ไทยออยล์คาดน้ำมันปี 56 มีแนวโน้มลดลงเฉลี่ยที่ 105 ดอลลาร์สหรัฐ (28/12/2555)

ไทยออยล์ คาดราคาน้ำมันดิบดูไบปี 56 มีแนวโน้มลดลงเฉลี่ยที่ 105 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หลังอุปทานน้ำมันดิบโลกคลายความตึงตัวลง แต่ยังคงผันผวนจากปัจจัยความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและความไม่สงบในประเทศผู้ผลิตน้ำมันดิบ

 

ราคาน้ำมันดิบในปี 2555 ภาพรวมยังผันผวนในระดับสูง ราคาน้ำมันดิบดูไบเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 85-25 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 109 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ปรับเพิ่มขึ้นจากราคาเฉลี่ยในปี 2554 ที่ 106 ดอลลาร์สหรัฐ โดยราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นไปแตะระดับสูงสุดที่ 124 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ในช่วงไตรมาส 1 เนื่องจากปัญหาความตึงเครียดระหว่างชาติตะวันตกกับอิหร่านในเรื่องโครงการนิวเคลียร์ รวมทั้งปัญหาความขัดแย้งในตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันได้ปรับตัวลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบปีที่ระดับ 89 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ในช่วงไตรมาส 2 จากปัญหาของกรีซที่อาจผิดนัดชำระหนี้และต้องออกจากการเป็นสมาชิกยูโรโซน ส่วนครึ่งปีหลัง ราคาน้ำมันเริ่มปรับตัวสูงขึ้นมาเฉลี่ยที่ระดับ 107 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล หลังรัฐบาลกรีซประสบความสำเร็จในการปรับโครงสร้างหนี้และได้รับเงินช่วยเหลือรอบที่ 2 จากกลุ่มยูโรโซนและ IMF อีกทั้งยุโรปได้สรุปแนวทางการแก้ปัญหาหนี้สาธารณะ ประกอบกับธนาคารกลางสหรัฐยังออกมาตรการ QE3 และ QE4

 

อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันดิบไม่ได้ปรับตัวสูงขึ้นมากนัก จากปัจจัยเรื่องความไม่แน่นอนในการแก้ปัญหาหน้าผาการคลังของสหรัฐที่จะมีการปรับขึ้นภาษีและลดรายจ่ายของภาครัฐ มูลค่ารวม 600,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในวันที่ 1 มกราคม 2556 กระแสการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อลดต้นทุนในการผลิตน้ำมันจากชั้นหินดินดาน (Shale Oil/Tight Oil) ที่ทำให้อุปทานน้ำมันจากสหรัฐเพิ่มสูงขึ้น ประกอบกับสภาพอากาศในช่วงปลายปีในประเทศตะวันตกที่ไม่หนาวมากนักยังเป็นปัจจัยกดดันราคาน้ำมันในช่วงปลายปี

 

ส่วนภาวะตลาดน้ำมันดิบและคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในปี 2556 มีแนวโน้มที่จะปรับลดลงมาอยู่ที่ระดับเฉลี่ย 105 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล จากระดับเฉลี่ยที่ 109 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ในปี 2555 หลังอุปทานน้ำมันดิบโลกคลายความตึงตัวลง จากการคาดการณ์ว่ากลุ่มผู้ผลิตน้ำมันดิบทั้งในและนอกกลุ่มโอเปกจะสามารถผลิตน้ำมันดิบได้เพิ่มขึ้น และอาจมากเกินกว่าความต้องการใช้ของผู้บริโภคด้วย อย่างไรก็ตาม ภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่มีความแน่นอน รวมถึงสถานการณ์ความไม่สงบในภูมิภาคตะวันออกกลาง และบทบาทของโอเปกในการควบคุมปริมาณการผลิตน้ำมันดิบ เพื่อรักษาความสมดุลของตลาดและระดับราคาน้ำมันไว้ ยังคงเป็นปัจจัยที่ส่งผลให้ราคาน้ำมันในปีหน้ามีความผันผวนอยู่ตลอดทั้งปี

 

เศรษฐกิจโลก : IMF คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกในปี 2556 จะขยายตัวร้อยละ 3.6 ปรับเพิ่มขึ้นจากประมาณการณ์ปี 2555 ที่ร้อยละ 3.3 เศรษฐกิจประเทศพัฒนาแล้วจะขยายตัวที่ร้อยละ 1.5 ขณะที่เศรษฐกิจของประเทศกำลังพัฒนาจะขยายตัวที่ร้อยละ 5.6 นำโดยจีนและอินเดีย อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจโลกมีโอกาสที่จะขยายตัวได้น้อยกว่าที่คาดการณ์จากหลายปัจจัยเสี่ยง โดยเฉพาะปัญหาหน้าผาทางการคลัง (Fiscal cliff) ซึ่งอาจส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐ อาจกลับเข้าสู่ภาวะถดถอยอีกครั้ง ถ้ารัฐสภาล้มเหลวในการจัดการกับปัญหาดังกล่าว นอกจากนี้ วิกฤติหนี้ยุโรปที่อาจลุกลามไปยังประเทศอื่นนอกเหนือจากกรีซ การว่างงานในระดับสูงและมาตรการรัดเข็มขัดที่หลายประเทศต้องนำมาปฎิบัติเพื่อแลกกับเงินช่วยเหลือ ทำให้คาดว่าเศรษฐกิจยูโรโซนจะยังอยู่ในภาวะถดถอยต่อไป และยังมีความไม่แน่นอนทางการเมืองจากการเลือกตั้งในอิตาลีและเยอรมนีในช่วงกลางปี ที่อาจทำให้การดำเนินนโยบายต่างๆ เกิดความล่าช้า อีกทั้งหลายฝ่ายกำลังจับตานโยบายเศรษฐกิจจีนหลังการเปลี่ยนผู้นำคนใหม่เป็นนาย สี จิ้น ผิง ว่าจะมีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมหรือไม่

 

อุปสงค์น้ำมันสำเร็จรูป : ความต้องการใช้น้ำมันของโลกยังคงขยายตัว โดยสำนักงานพลังงานสากล (IEA) คาดว่าความต้องการใช้น้ำมันของโลกในปี 2556 จะเฉลี่ยอยู่ที่ 90.4 ล้านบาร์เรลต่อวัน ปรับเพิ่มขึ้น 0.8 ล้านบาร์เรลต่อวันจากปี 2555 โดยกว่าร้อยละ 45 ของความต้องการใช้ส่วนที่เพิ่มขึ้นนั้นมาจากภูมิภาคเอเชีย ขณะที่อีกร้อยละ 25 มาจากภูมิภาคตะวันออกกลาง ส่วนความต้องการใช้จากกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว โดยเฉพาะยุโรปจะยังหดตัว และสหรัฐ จะทรงตัวในระดับเดิม

 

อุปทานน้ำมันดิบ : อุปทานน้ำมันดิบในปี 2556 จะอยู่ในภาวะสมดุล แม้จะมีความกดดันจากมาตรการคว่ำบาตรต่ออิหร่านเพื่อยับยั้งการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ แต่การผลิตน้ำมันดิบของโลกที่ปรับสูงขึ้นจะช่วยชดเชยส่วนที่ขาดหายไปนี้ได้ โดยการผลิตจากกลุ่มนอกโอเปกคาดว่าจะขยายตัวถึง 0.86 ล้านบาร์เรลต่อวัน โดยเฉพาะจากอิรักและสหรัฐที่จะปรับเพิ่มขึ้น 0.57 ล้านบาร์เรลต่อวัน ทำให้การผลิตน้ำมันดิบจากกลุ่มโอเปกจะยังอยู่ในระดับใกล้เคียงกับปี 2555 ที่ประมาณ 30.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน

 

ปริมาณน้ำมันคงคลัง : ปริมาณน้ำมันคงคลังทั่วโลกยกเว้นสหรัฐ ยังคงอยู่ในระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา จากสภาพเศรษฐกิจที่ไม่เอื้ออำนวย ทำให้อุปสงค์น้ำมันอยู่ในระดับต่ำ โดยเฉพาะในยุโรป ส่งผลให้โรงกลั่นหลายแห่งซื้อและผลิตน้ำมันเท่าที่จำเป็นและหลีกเลี่ยงการเก็บน้ำมันคงคลังในปริมาณมาก นอกจากนี้การที่โครงสร้างราคาซื้อขายน้ำมันในอนาคตสำหรับตลาดล่วงหน้ามีราคาที่ต่ำกว่าราคาปัจจุบันเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ผู้ผลิตและผู้ค้าน้ำมันต้องการเก็บน้ำมันคงคลังในระดับต่ำ

 

สถานการณ์การเมืองระหว่างประเทศในตะวันออกกลาง : ความขัดแย้งระหว่างอิหร่านกับชาติตะวันตกในเรื่องโครงการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ที่ยังไม่สามารถหาข้อสรุปได้ สงครามกลางเมืองในซีเรียที่เริ่มบานปลายจนกลายเป็นความขัดแย้งระหว่างประเทศกับตุรกี ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและกลุ่มติดอาวุธฮามาสในฉนวนกาซาที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะยุติ รวมทั้งความขัดแย้งระหว่างซูดานและซูดานใต้ที่ยังไม่สามารถตกลงกันได้ และการที่กลุ่มโอเปกต้องการจะควบคุมราคาน้ำมันดิบให้อยู่ในระดับ 100 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ยังเป็นปัจจัยสำคัญที่จะหนุนราคาน้ำมันในปีหน้าไม่ให้ลดต่ำลงไปมาก

 

ฤดูกาลและภัยธรรมชาติ : เป็นปัจจัยสำคัญที่ยากจะคาดการณ์ได้ล่วงหน้า และมักส่งผลทำให้ราคาน้ำมันในแต่ละฤดูกาลมีความผันผวนเป็นอย่างมาก เนื่องจากการผลิตและความต้องการใช้น้ำมันอาจจะหยุดชะงักลงอย่างฉับพลัน โดยเฉพาะหากเกิดขึ้นในประเทศผู้ผลิตและผู้บริโภคน้ำมันรายใหญ่ของโลก อาทิ เหตุการณ์พายุเฮอริเคนไอแซคและแซนดี้ในสหรัฐปีที่ผ่านมา

 

กฎหมายและระเบียบข้อบังคับต่างๆ: ติดตามนโยบายการสนับสนุนการใช้พลังงานทดแทนทั้งในสหรัฐ และยุโรป การบังคับใช้กฎหมายเพิ่มความเข้มงวดในการทำธุรกรรมทางการเงิน การเปิดเผยข้อมูลของกองทุนเฮดจ์ฟันด์ การทำธุรกรรมอนุพันธ์โดยเฉพาะการซื้อขายนอกตลาด (Dodd-Frank Act) ซึ่งจะมีผลโดยตรงต่อการเก็งกำไรในตลาดน้ำมัน . - สำนักข่าวไทย

 

ที่มา : MCOT (วันที่ 28 ธันวาคม 2555)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ราคาทองคำฮ่องกงเปิดตลาดวันนี้ เพิ่มขึ้นแตะ 15,430 HKD/tael (28/12/2555)

สมาคมแลกเปลี่ยนทองคำและเงินของจีน เปิดเผยว่า ราคาทองคำที่ตลาดฮ่องกงเพิ่มขึ้น 30 ดอลลาร์ฮ่องกง เปิดที่ระดับ 15,430 ดอลลาร์ฮ่องกง/ตำลึงในวันนี้

 

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ราคาดังกล่าวเทียบเท่ากับ 1,671.26 ดอลลาร์สหรัฐ/ทรอยออนซ์ เพิ่มขึ้น 3.25 ดอลลาร์สหรัฐ ที่อัตราแลกเปลี่ยน 1 ดอลลาร์สหรัฐ/ 7.750 ดอลลาร์ฮ่องกงในวันนี้

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันที่ 28 ธันวาคม 2555)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ภาวะตลาดน้ำมัน: วิตกภาวะหน้าผาการคลัง ฉุดน้ำมัน WTI ปิดลบ 11 เซนต์ (28/12/2555)

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดขยับลงเมื่อคืนนี้ (27 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่าสหรัฐอาจจะไม่สามารถหลีกเลี่ยงการเผชิญภาวะหน้าผาการคลัง (fiscal cliff) ในปีหน้า นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับแรงกดดันจากรายงานของคอนเฟอเรนซ์ บอร์ดที่ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐร่วงลงในเดือนธ.ค.

 

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ.ลดลง 11 เซนต์ หรือ 0.12% ปิดที่ 90.87 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.พ.ที่ตลาดลอนดอน ลดลง 27 เซนต์ หรือ 0.24% ปิดที่ 110.80 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

วอลุ่มการซื้อขายในตลาดน้ำมันนิวยอร์กมีอยู่เพียงบางเบา เนื่องจากนักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายในขณะที่กำหนดเส้นตายของการใช้มาตรการลดการใช้จ่ายและปรับขึ้นภาษีของสหรัฐ หรือภาวะหน้าผาการคลัง กำลังใกล้เข้ามาทุกขณะ

 

นักลงทุนวิตกกังวลมากขึ้นเมื่อนายแฮร์รี่ รี้ด ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภาสหรัฐเตือนว่า สหรัฐอาจจะไม่สามารถบรรลุข้อตกลงเพื่อหลีกเลี่ยงภาวะหน้าผาการคลังได้ก่อนกำหนดเส้นตายสิ้นปี 2555 เนื่องจากการเจรจาของพรรครีพับลิกันและเดโมแครทยังไม่มีความคืบหน้า

 

นอกจากนี้ ตลาดน้ำมันยังได้รับแรงกดดันหลังจากคอนเฟอเรนซ์ บอร์ดรายงานว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนธ.ค.ของสหรัฐร่วงลงมาอยู่ที่ระดับ 65.1 จุด เนื่องจากผู้บริโภควิตกกังวลว่าสหรัฐอาจจะไม่สามารถหลีกเลี่ยงภาวะหน้าผาการคลัง

 

อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบขยับลงเพียงเล็กน้อย เนื่องจากตลาดได้รับแรงหนุนในระหว่างวันจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 22 ธ.ค. ลดลง 12,000 ราย มาอยู่ที่ระดับ 350,000 ราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 4 ปีครึ่ง และยอดขายบ้านใหม่เดือนพ.ย.พุ่งขึ้น 4.4% แตะที่ 377,000 ยูนิต/ปี ซึ่งเป็นอัตราการขยายตัวที่รวดเร็วที่สุดในรอบ 2 ปีครึ่ง สะท้อนให้เห็นว่าตลาดที่อยู่อาศัยของสหรัฐเริ่มฟื้นตัวขึ้น

 

นักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันประจำสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 21 ธ.ค. ซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยในวันศุกร์นี้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า สต็อกน้ำมันดิบจะลดลง 2 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นจะลดลง 950,000 บาร์เรล สต็อกน้ำมันเบนซินจะเพิ่มขึ้น 400,000 บาร์เรล และอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันจะขยับขึ้นแตะระดับ 91.6%

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันที่ 28 ธันวาคม 2555)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: เงินดอลล์ร่วงเหตุวิตกสหรัฐเผชิญหน้าผาการคลัง (28/12/2555)

สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโร ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (27 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่าสหรัฐอาจจะไม่หลีกเลี่ยงภาวะหน้าผาการคลัง (fiscal cliff) ภายในสิ้นปีนี้ได้ ขณะที่สกุลเงินเยนร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 2 ปีเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากการคาดการณ์ที่ว่าญี่ปุ่นจะผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติม

 

ค่าเงินยูโรพุ่งขึ้น 0.14% แตะที่ 1.3241 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันพุธที่ 1.3223 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์ร่วงลง 0.16% แตะที่ 1.6108 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.6134 ดอลลาร์สหรัฐ

 

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้น 0.50% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 86.050 เยน จากระดับ 85.620 เยน และขยับลง 0.01% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 0.9128 ฟรังค์ จากระดับ 0.9129 ฟรังค์

 

ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียขยับลง 0.03% แตะที่ 1.0372 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0375 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ขยับขึ้น 0.15% แตะที่ 0.8206 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.8194 ดอลลาร์สหรัฐ

 

นักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายในขณะที่กำหนดเส้นตายของการใช้มาตรการลดการใช้จ่ายและปรับขึ้นภาษีของสหรัฐ หรือภาวะหน้าผาการคลัง กำลังใกล้เข้ามาทุกขณะ และนักลงทุนวิตกกังวลมากขึ้นเมื่อนายแฮร์รี่ รี้ด ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภาสหรัฐเตือนว่า สหรัฐอาจจะไม่สามารถบรรลุข้อตกลงเพื่อหลีกเลี่ยงภาวะหน้าผาการคลังได้ก่อนกำหนดเส้นตายสิ้นปี 2555 เนื่องจากการเจรจาของพรรครีพับลิกันและเดโมแครทยังไม่มีความคืบหน้า

 

ทั้งนี้ ความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะหน้าผาการคลังส่งผลให้ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนธ.ค.ของสหรัฐร่วงลงมาอยู่ที่ระดับ 65.1 จุด จากการเปิดเผยของคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด ซึ่งเป็นองค์กรวิจัยเอกชน

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันที่ 28 ธันวาคม 2555)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: แรงซื้อหนุนทองคำปิดบวก 3 ดอลลาร์ (28/12/2555)

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (27 ธ.ค.) เนื่องจากความไม่แน่นอนที่ว่าสหรัฐจะสามารถทำข้อตกลงเพื่อหลีกเลี่ยงภาวะหน้าผาการคลัง (fiscal) ได้หรือไม่นั้น ได้กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำเพื่อความปลอดภัย

 

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.เพิ่มขึ้น 3 ดอลลาร์ หรือ 0.18% ปิดที่ 1,663.7 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค.ปิดที่ 30.240 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 20.5 เซนต์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนมี.ค.ปิดที่ 360.10 ดอลลาร์/ปอนด์ เพิ่มขึ้น 3.5 เซนต์

 

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค.ปิดที่ 1531.80 ดอลลาร์/ออนซ์ ลดลง 3.10 ดอลลาร์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค.ปิดที่ 708.50 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 16.10 ดอลลาร์

 

นักลงทุนเข้าถือครองทองคำเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงในขณะที่กำหนดเส้นตายของการใช้มาตรการลดการใช้จ่ายและปรับขึ้นภาษีของสหรัฐ หรือภาวะหน้าผาการคลัง กำลังใกล้เข้ามาทุกขณะ ขณะที่นายแฮร์รี่ รี้ด ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภาสหรัฐเตือนว่า สหรัฐอาจจะไม่สามารถบรรลุข้อตกลงเพื่อหลีกเลี่ยงภาวะหน้าผาการคลังได้ก่อนกำหนดเส้นตายสิ้นปี 2555 เนื่องจากการเจรจาของพรรครีพับลิกันและเดโมแครทยังไม่มีความคืบหน้า

 

ในระหว่างวันนั้น สัญญาทองคำพุ่งขึ้นแตะระดับ 1,666.1 ดอลลาร์/ออนซ์ชั่วขณะหนึ่ง แต่ได้ถอยร่นลงมาหลังจากนั้นเนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐทำให้นักลงทุนลดความต้องการถือทองคำ โดยสหรัฐเปิดเผยว่าจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 22 ธ.ค. ลดลง 12,000 ราย มาอยู่ที่ระดับ 350,000 ราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 4 ปีครึ่ง ซึ่งลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 360,000 ราย

 

นอกจากนี้ สหรัฐเปิดเผยว่ายอดขายบ้านใหม่เดือนพ.ย.พุ่งขึ้น 4.4% แตะที่ 377,000 ยูนิต/ปี ซึ่งเป็นอัตราการขยายตัวที่รวดเร็วที่สุดในรอบ 2 ปีครึ่ง และเป็นตัวเลขที่สอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ สะท้อนให้เห็นว่า ตลาดที่อยู่อาศัยของสหรัฐเริ่มฟื้นตัวขึ้น

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันที่ 28 ธันวาคม 2555)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ท่านหมอดู ดู ดู้ ดู จริงหริอเปล่า อะไรบ้างเอ่ย

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ญี่ปุ่นเผยดัชนี CPI เดือนพ.ย.ลดลง 0.1% บ่งชี้ญี่ปุ่นยังเผชิญเงินฝืด (28/12/2555)

กระทรวงสื่อสารและกิจการภายในประเทศของญี่ปุ่นเปิดเผยในวันนี้ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ) เดือนพ.ย.ลดลง 0.1% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งบ่งชี้ว่าญี่ปุ่นยังคงเผชิญกับภาวะเงินฝืด

 

ส่วนดัชนีซีพีไอพื้นฐานซึ่งไม่นับรวมราคาในหมวดอาหารสด อยู่ที่ 99.5 เมื่อเทียบกับฐาน 100 ในปี 2553

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันที่ 28 ธันวาคม 2555)

 

รมว.คลังญี่ปุ่นหารือผู้ว่าการบีโอเจ ตอกย้ำสองฝ่ายประสานนโยบายร่วมกัน (28/12/2555)

นายทาโร่ อาโสะ รัฐมนตรีคลังญี่ปุ่น เปิดเผยว่า เขาได้พบปะหารือกับนายมาซาอากิ ชิรากาวะ ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ในวันนี้ ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันว่าทั้งสองฝ่ายจะสร้างความร่วมมือด้านนโยบายและการแก้ปัญหาต่างๆต่อไป

 

นายชิรากาวะเดินทางไปหานายอาโสะในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากที่นายอาโสะได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีคลังคนใหม่เมื่อวันพุธที่ผ่านมา

 

ก่อนหน้านี้นายกรัฐมนตรีชินโสะ อาเบะ ได้กดดันให้บีโอเจผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติมและใช้มาตรการเชิงรุกมากขึ้นเพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศ ขณะเดียวกันมีกระแสคาดการณ์ว่าบีโอเจจะขานรับข้อเรียกร้องของนายอาเบะที่ต้องการให้บีโอเจกำหนดเป้าหมายเงินเฟ้อไว้ที่ 2% อย่างเร็วที่สุดในเดือนหน้า แม้จะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่ารัฐบาลชุดใหม่กำลังก้าวก่ายการทำงานของบีโอเจก็ตาม สำนักข่าวเกียวโดรายงาน

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันที่ 28 ธันวาคม 2555)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ผู้นำเสียงข้างมากวุฒิฯสหรัฐชี้โอกาสบรรลุข้อตกลงเลี่ยง fiscal cliff มีน้อยมาก (28/12/2555)

นายแฮร์รี รีด ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภาสหรัฐกล่าวว่า ทำเนียบขาวและสภาคองเกรสอาจจะไม่สามารถบรรลุข้อตกลงเพื่อหลีกเลี่ยงภาวะหน้าผาการคลัง (fiscal cliff) ได้ทันกำหนดเส้นตายสิ้นปีนี้ เนื่องจากการเจรจาระหว่างพรรครีพับลิกันและเดโมแครตยังไม่มีความคืบหน้า

 

ทั้งนี้ นายรีดได้เรียกร้องให้สมาชิกพรรครีพับลิกันในสภาคองเกรสผลักดันร่างกฎหมายการคลัง เพื่อจะช่วยให้สหรัฐสามารถหลีกเลี่ยงภาวะหน้าผาการคลัง หรือภาวะที่มาตรการลดการใช้จ่ายและการขึ้นภาษีวงเงินรวม 6 แสนล้านดอลลาร์ จะมีผลบังคับใช้โดยอัตโนมัติในช่วงต้นปีหน้า นอกเสียจากว่าทำเนียบขาวและสภาคองเกรสจะสามารถตกลงกันได้ก่อนสิ้นปีนี้

 

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ด้านการเมืองบางคนมองว่า เนื่องจากในขณะนี้ใกล้จะถึงวันที่ 1 ม.ค. 2556 เข้าไปทุกขณะนี้ ดังนั้นโอกาสที่พรรครีพับลิกันและเดโมแครคจะทำข้อตกลงในเรื่องการลดหนี้สินของรัฐบาลได้นั้น จึงมีน้อยมาก

 

นายทิโมธี ไกธ์เนอร์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐ คาดว่าหนี้สินของรัฐบาลสหรัฐจะเพิ่มขึ้นถึงระดับ 16.4 ล้านล้านดอลลาร์ในวันที่ 31 ธ.ค. ซึ่งเป็นเพดานสูงสุดที่รัฐบาลกลางกำหนดไว้

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันที่ 28 ธันวาคม 2555)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เมื่อนายหมอ กับ นายดู มารวมกัน เป็น หมอดู

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ภาวะตลาดหุ้นไทย: ปิดบวก 1.08% แรงซื้อ LTF-RMF ดีเกินคาด ลุ้นปิดปี 1,400-Fiscal cliff จบสวย

 

 

SET ปิดช่วงบ่ายที่ระดับ 1,397.19 จุด เพิ่มขึ้น 14.96 จุด(+1.08%) มูลค่าการซื้อขาย 37,165 ล้านบาท นักวิเคราะห์ฯ ระบุตลาดหุ้นไทยปรับขึ้นต่อจากแรงซื้อกองทุน LTF-RMF ดันดัชนีทะลุ 1,390 จุดเข้าใกล้ 1,400 จุด แนวโน้มพรุ่งนี้วันสุดท้ายของสัปดาห์และของปีคาดนักลงทุนชะลอ-ต่างชาติลดบทบาท เหลือแต่กองทุนในประเทศที่จะเป็นหลักช่วยพยุงตลาด โดยให้แนวต้าน 1,400 จุด แนวรับ 1,380 จุด

 

 

ตลาดหลักทรัพย์ปิดตลาดช่วงบ่ายวันนี้ที่ระดับ 1,397.19 จุด เพิ่มขึ้น 14.96 จุด(+1.08%) มูลค่าการซื้อขาย 37,165 ล้านบาท

 

 

การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีเคลื่อนไหวในแดนบวกได้ตลอดวัน โดยขยับขึ้นแตะจุดสูงสุดของวันที่ระดับ 1,398.80 จุด ส่วนดัชนีจุดต่ำสุดของวันอยู่ที่ 1,384.24 จุด

 

 

ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 324 หลักทรัพย์ ลดลง 225 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 168 หลักทรัพย์

 

 

น.ส.ธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป(ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นต่อเนื่องจากแรงซื้อกองทุนที่ช่วยหนุนดัชนีทะลุ 1,390 จุดเข้าใกล้ 1,400 จุด โดยเคลื่อนไหวผันผวนค่อนข้างมากในช่วงก่อนปิดตลาด

 

 

ขณะที่ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียส่วนใหญ่ผันผวนในแดนบวก แต่ละตลาดยังจับตาประเด็นการแก้ไขปัญหา Fiscal cliff ของสหรัฐฯ ที่จะเปิดการเจรจาในเย็นนี้ว่าจะมีข่าวออกมาในเชิงบวกหรือลบ หากผลออกมาในเชิงลบคือไม่ได้ข้อสรุปหรือไม่มีความคืบหน้าเพิ่มเติมอาจมีความกังวลเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่ตลาดหุ้นไทยไม่น่าได้รับผลกระทบมากเพราะมีแรงซื้อกองทุน LTF-RMF ที่ยังช่วยประคองตลาดอยู่ แต่หากได้ข้อสรุปในเชิงบวกก็จะทำให้มีตลาด upside บวกขึ้นต่อเนื่อง

 

 

แนวโน้มพรุ่งนี้ (28 ธ.ค.)คาดบรรยากาศการลงทุนคล้ายวันนี้เนื่องจากเป็นวันสุดท้ายของสัปดาห์และของปี นักลงทุนเริ่มชะลอลงทุน วอลุ่มคงเบาบาง แรงซื้อขายต่างชาติลดบทบาทลง เหลือแต่กองทุนในประเทศที่ยังช่วยพยุงตลาดไว้ในช่วงนี้ พร้อมให้แนวรับ 1,380 จุด แนวต้าน 1,400 จุด

 

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่

CPALL มูลค่าการซื้อขาย 2,200.50 ล้านบาท ปิดที่ 46.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท

UV มูลค่าการซื้อขาย 1,959.19 ล้านบาท ปิดที่ 10.20 บาท เพิ่มขึ้น 0.85 บาท

PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,730.44 ล้านบาท ปิดที่ 335.00 บาท เพิ่มขึ้น 4.00 บาท

PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 1,248.60 ล้านบาท ปิดที่ 163.50 บาท เพิ่มขึ้น 4.00 บาท

INTUCH มูลค่าการซื้อขาย 1,202.84 ล้านบาท ปิดที่ 70.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

**ตลาดหุ้นเอเชียเพิ่มขึ้นเช้านี้ คาดญี่ปุ่นเพิ่มซื้อสินทรัพย์หลัง CPI ลดลง

 

 

 

 

ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวสูงขึ้นเช้านี้ โดยการนำของตลาดหุ้นญี่ปุ่นที่พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง หลังญี่ปุ่นรายงานว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ) เดือนพ.ย.ลดลง ซึ่งทำให้เกิดการคาดการณ์ว่า ข้อมูลดังกล่าวจะกระตุ้นให้ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ขยายโครงการซื้อสินทรัพย์เพื่อหนุนเศรษฐกิจให้หลุดพ้นจากภาวะเงินฝืด

 

 

กระทรวงสื่อสารและกิจการภายในประเทศของญี่ปุ่นเปิดเผยในวันนี้ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ) เดือนพ.ย.ลดลง 0.1% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งบ่งชี้ว่าญี่ปุ่นยังคงเผชิญกับภาวะเงินฝืด

 

 

ส่วนดัชนีซีพีไอพื้นฐานซึ่งไม่นับรวมราคาในหมวดอาหารสด อยู่ที่ 99.5 เมื่อเทียบกับฐาน 100 ในปี 2553

ดัชนี MSCI Asia Pacific Index (MXAP) เพิ่มขึ้น 0.1% ที่ระดับ 129.02 จุด ณ เวลา 9.58 น.ตามเวลาโตเกียว โดยมีสัดส่วนหุ้นบวกต่อหุ้นลบ 3 ต่อ 2 หุ้น

 

 

ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 10,406.36 จุด เพิ่มขึ้น 83.38 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 22,706.33 จุด เพิ่มขึ้น 86.55 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 7,700.87 จุด เพิ่มขึ้น 52.46 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 1,984.84 จุด ลดลง 2.51 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,194.13 จุด เพิ่มขึ้น 10.20 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ที่ 5,810.40 จุด เพิ่มขึ้น 15.51 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,686.70 จุด เพิ่มขึ้น 12.54 จุด และดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียเปิดวันนี้ที่ 4,651.80 จุด เพิ่มขึ้น 3.80 จุด

 

 

หุ้นแคนนอน อิงค์ บวก 1.7%, หุ้นโตชิบา คอร์ป ทะยาน 3.7% และหุ้นบีเอชพี บิลลิตัน เพิ่มขึ้น 1.3%

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ราคาทองไม่ปรับ รูปพรรณขาย 24,550

 

เมื่อเวลา 09.32 น. สมาคมค้าทองคำ รายงานการปรับราคาทองคำประจำวันที่ 28 ธ.ค. 2555 ครั้งที่ 1

ราคาทองคำแท่ง รับซื้อบาทละ 24,050 บาท ขายออกบาทละ 24,150 บาท

ราคาทองคำรูปพรรณ รับซื้อบาทละ 23,695.08 บาท ขายออกบาทละ 24,550 บาท

ราคาทองไม่ปรับเปลี่ยน

 

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สาวอินเดียเหยื่อข่มขืนกินยาตาย หลังตร.บีบให้แต่งงานกับผู้ก่อเหตุ

 

สาวอินเดียวัย 17 ปี ซึ่งเป็นอีกคนหนึ่งที่ตกเป็นเหยื่อถูกรุมข่มขืน ตัดสินใจฆ่าตัวตาย หลังถูกตำรวจกดดันให้ถอนฟ้องและแต่งงานกับหนึ่งในคนร้ายที่ร่วมกันข่มขืนเธอ นับเป็นคดีที่สร้างความสะเทือนสังคมล่าสุด ที่เกิดขึ้นหลังเกิดเหตุนักศึกษาหญิงด้านกายภาพบำบัด ถูกข่มขืนบนรถเมล์ที่กรุงนิวเดลี เมื่อช่วงกลางเดือนที่ผ่านมา และก่อให้เกิดคำถามรอบใหม่ เกี่ยวกับแนวทางรับมือกับอาชญากรรมทางเพศของตำรวจ

 

มีรายงานว่า ตำรวจหนึ่งนายถูกไล่ออก ส่วนอีกนายถูกสั่งพักราชการ เกี่ยวกับความรับผิดชอบของพวกเขา ในการปฏิบัติต่อเหยื่อข่มขืน หลังเด็กสาวเคราะห์ร้ายถูกกลุ่มคนร้าย ประทุษร้ายทางเพศในระหว่างเทศกาลดิวาลี ที่เมืองปาเตียลา ในรัฐปัญจาบ เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน

 

ตำรวจเปิดเผยว่า เด็กสาววัยรุ่นรายนี้ ได้วิ่งหนีออกมาจากบริเวณที่ถูกข่มขืน ไปที่สถานีตำรวจเพื่อแจ้งความ แต่ตำรวจทั้งสองนายกลับไม่ยอมให้ความช่วยเหลือในการสืบสวนทำคดี และหลังจากนั้น ตำรวจหนึ่งในสองคน ยังพยายามโน้มน้าวให้เธอถอนแจ้งความ จนกระทั่้งเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ก็มาพบว่าเธอเสียชีวิตเพราะดื่มยาพิษ

 

ไม่มีการจับกุมคนร้าย ตั้งแต่ก่อนที่เธอจะเสียชีวิต แต่เพิ่งจะมีการควบคุมผู้ต้องสงสัย 3 คน เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน โดยในจำนวนนี้ มีอยู่ 2 คน ที่ถูกจับกุมตามการกล่าวหาของเหยื่อ ที่เคยให้ปากคำเอาไว้ตั้งแต่ตอนแจ้งความว่า เป็นคนลงมือข่มขืนเธอ ส่วนอีกคนหนึ่งเป็นผู้หญิง ซึ่งเกี่ยวข้องฐานเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด

 

พี่สาวของเด็กสาวเคราะห์ร้าย ให้สัมภาษณ์ต่อสถานีโทรทัศน์ของอินเดียว่า น้องสาวไม่ยอมรับข้อเสนอเป็นเงินชดเชย เพื่อยุติคดี หรือแต่งงานกับหนึ่งในคนร้ายที่เป็นคนข่มขืน แต่ตำรวจก็เริ่มกดดันให้เธอให้ตัดสินใจเลือกเอาทางใดทางหนึ่ง

 

ปล. สถานการณ์ในอินเดีย อาจลุกลามบานปลาย เพราะเหล่าประชาชนอินเดีย เริ่มไม่พอใจในสถานการณ์บางอย่างที่เกิดขึ้น ทั้งนี้ อาจผลักดันให้นักลงทุนที่มีตังค์ เข้าซื้อทองแท่งจริง เพื่อความปลอดภัย ระวังนะครับ เที่ยงนี้ แต่ถ้าเจอแบบพี่ไทย นักลงทุนก็เล่นหุ้นต่อ เพราะเขาใหญ่

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ไม่เก็บค่าด่านมอเตอร์เวย์-วงแหวนตะวันออก

 

ไม่เก็บค่าธรรมเนียม เส้นทางมอเตอร์เวย์ ศรีนครินทร์-ชลบุรี และวงแหวนรอบนอกด้านตะวันออก บางพลี-บางปะอิน ตั้งแต่เวลา 16.00 น. วันที่ 27 ธ.ค.55 ถึง 24.00 น. วันที่ 3 ม.ค.56 เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนช่วงเทศกาลปีใหม่

 

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...