ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
tt2518

ขอเดา(ราคาทอง)กับเขาบ้าง

โพสต์แนะนำ

**ตลาดหุ้นเอเชียบวกขึ้นเช้านี้ หลังภาคการผลิตสหรัฐขยายตัวในเดือนธ.ค.

 

 

ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ปรับตัวสูงขึ้นเช้านี้ หลังจากที่สหรัฐเปิดเผยข้อมูลภาคการผลิตที่ดีขึ้น ทำให้นักลงทุนมีมุมมองบวกมากขึ้นเกี่ยวกับเศรษฐกิจสหรัฐ

 

 

ดัชนี MSCI Asia Pacific ไม่นับรวมญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 0.1% แตะที่ 476.55 จุด ณ เวลา 11.29 น.ตามเวลาซิดนีย์ โดยมีสัดส่วนหุ้นบวกต่อหุ้นลบเกือบ 3 ต่อ 1 หุ้น

 

 

ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 7,826.34 จุด เพิ่มขึ้น 47.12 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,041.24 จุด เพิ่มขึ้น 10.14 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,225.38 จุด เพิ่มขึ้น 23.64 จุด และดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียเปิดวันนี้ที่ 4,713.20 จุด เพิ่มขึ้น 7.30 จุด

 

 

ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดทำการวันนี้ เนื่องในวันหยุด

 

 

หุ้นริโอ ทินโต กรุ๊ป บวก 1.7%, หุ้นอควอเรียส แพลตินัม พุ่งขึ้น 16% ขณะที่หุ้นซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์ ลดลง 1.3%

 

 

ตลาดหุ้นเอเชียได้รับแรงหนุนหลังจากที่สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) รายงานว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต ขยายตัวสู่ระดับ 50.7 ในเดือนธ.ค. จาก 49.5 ในเดือนพ.ย. ซึ่งตัวเลขที่อยู่สูงกว่าระดับ 50 บ่งชี้ว่าภาคการผลิตของสหรัฐมีการขยายตัวในเดือนที่แล้ว

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

**ตลาดหุ้นญี่ปุ่น-จีนปิดวันนี้เนื่องในวันหยุดประจำชาติ

ตลาดหุ้นญี่ปุ่นและจีนปิดทำการวันนี้ เนื่องในวันหยุดประจำชาติ โดยตลาดหุ้นทั้ง 2 แห่งจะเปิดทำการอีกครั้งในวันพรุ่งนี้

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

DX_1_2_13.jpeg

 

US Dollar Index Is Failing at the 80 Resistance Level, and Should Be Sold แนวต้าน 80.0 แล้วอาจร่วง จากการเทขาย

 

By Cody Tafel Jan 02, 2013 12:26 pm

The New Year is not looking pretty for the US Dollar Index.

 

 

Read more: http://www.minyanville.com/trading-and-investing/currencies/articles/US-Dollar-Index-Is-Failing-at/1/2/2013/id/47076#ixzz2GsI92HkN'>http://www.minyanville.com/trading-and-investing/currencies/articles/US-Dollar-Index-Is-Failing-at/1/2/2013/id/47076#ixzz2GsI92HkN

 

http://www.minyanville.com/trading-and-investing/currencies/articles/US-Dollar-Index-Is-Failing-at/1/2/2013/id/47076

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

gold01022013.gif

 

 

 

Gold Coming off a Rising Trendline Support สถานการณ์บัดนี้ ทั่วโลกมองว่า เทรนของทองคำ ปรับเป็นขาขึ้น หลังจากเมื่อเดือนที่แล้ว ยังขาลงอยู่เลย ณ. ตอนนี้ ก็ต้องเชื่อตลาดฯ แต่เมื่อไหร่ 7,5,2 หรือ 5,35,9 บอกขาย กูก็หนีแล้วครับ

Featured \ Fan Yang \ 10:47 AM EST \ January 2nd, 2013

 

http://www.fxtimes.com/technical-updates/gold-coming-off-a-rising-trendline-support/

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ชำแหละแผน ฟิสคัส คลิฟ หนี้พอก จ่ายภาษีหนัก ส่อฉุด ศก.ดิ่ง (03/01/2556)

หลังจากที่ทำเอานักลงทุนทั่วโลกลุ้นกันตัวโก่งจนถึงวินาทีสุดท้าย ในที่สุดสหรัฐก็คลอดแผนหลีกเลี่ยงหน้าผาการคลัง หรือ “ฟิสคัล คลิฟ” ได้สำเร็จ หลังสภาผู้แทนราษฎรเมืองลุงแซมมีมติอนุมัติแผนฉบับดังกล่าว เมื่อวันที่ 1 ม.ค.ที่ผ่านมา

 

นับเป็นข่าวดีต้อนรับปีใหม่ที่นักลงทุนทั่วโลกต่างเฝ้ารอคอยมานาน เห็นได้จากตลาดหุ้นทั่วโลกทั้งในเอเชียและยุโรปที่ต่างทะยานขึ้นขานรับข่าวดีในช่วงเปิดตลาดวันที่ 2 ม.ค. หลังก่อนหน้านี้เกิดความวิตกกังวลว่า สหรัฐอาจล้มเหลวในการบรรลุข้อตกลงจนนำไปสู่การขึ้นภาษี และตัดลดรายจ่ายอัตโนมัติครั้งใหญ่ ที่อาจฉุดเศรษฐกิจของประเทศเข้าสู่ภาวะถดถอยทันที

 

แต่หลังจากที่มีการเผยรายละเอียดของแผนแก้ฟิสคัล คลิฟ ความยาวกว่า 157 หน้า ก็เริ่มมีเสียงเตือนหนาหูจากบรรดานักเศรษฐศาสตร์ ตลอดจนนักการเมืองสหรัฐ ทั้งจากพรรคเดโมแครตและรีพับลิกัน ว่า ในที่สุด แผนดังกล่าวก็อาจไม่สามารถช่วยแก้ปัญหาขาดดุลงบประมาณอันมหาศาลของประเทศได้ แถมยังส่อเค้าฉุดให้ปัญหาขาดดุลย่ำแย่ลงอีกด้วยซ้ำ

 

ปัญหาข้อแรกของแผนเลี่ยงหน้าผาการคลังฉบับนี้ คือ มาตรการด้าน “ภาษี” โดยแม้ประธานาธิบดี บารัก โอบามา จะประสบความสำเร็จในการ “ขึ้นภาษีคนรวย” โดยต่อไปนี้ชาวอเมริกันที่มีรายได้เกิน 4 แสนเหรียญสหรัฐ (ราว 12.4 ล้านบาท) ต่อปี และครอบครัวที่มีรายได้เกิน 4.5 แสนเหรียญสหรัฐ (ราว 13.9 ล้านบาท) ต่อปี จะต้องเสียภาษีเพิ่มขึ้นที่ระดับ 39.6% จากเดิมที่ระดับ 35% ทว่าข้อตกลงเลี่ยง ฟิสคัล คลิฟ ครั้งนี้กลับไม่ครอบคลุมการยืดอายุมาตรการลดหย่อน “ภาษีเพย์โรล” (Payroll Pax)

 

ทั้งนี้ ในสหรัฐ ชาวอเมริกันทุกคนที่มีรายได้จะต้องเสียภาษีเพย์โรล ซึ่งก็คือเงินที่หักจากเงินเดือนหรือค่าจ้าง ทว่าต่างจากภาษีเงินได้ (Income Tax) ตรงที่รัฐจะจัดสรรเงินจำนวนดังกล่าวเข้ากองทุนสวัสดิการสังคมต่างๆ โดยตรง โดยที่ผ่านมารัฐบาลออกมาตรการลดหย่อนภาษีชนิดดังกล่าวเพื่อช่วยแบ่งเบาภาระของประชาชน รวมทั้งกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ

 

ดังนั้น การที่รัฐบาลปล่อยให้มาตรการลดหย่อนภาษีเพย์โรลหมดอายุลง ก็หมายความว่าในช่วงสิ้นเดือน ม.ค.นี้ ชาวอเมริกันที่มีรายได้ทุกคนจะต้องเสียภาษีเพย์โรลเพิ่มขึ้นที่ระดับ 6.2% จากเดิมที่ 4.2% ซึ่งเป็นระดับที่เคยเสียเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมาหรือถ้าจะพูดให้เข้าใจง่าย คือ รายได้ชาวอเมริกันลดน้อยลงนั่นเอง!

 

ยกตัวอย่างเช่น ชาวอเมริกันที่มีรายได้เฉลี่ย 5 หมื่นเหรียญสหรัฐ (ราว 1.5 ล้านบาท) ต่อปี จะถูกหักภาษีเพย์โรลราว 80 เหรียญสหรัฐ (ราว 2,480 บาท) ต่อเดือน หรือมากถึง 1,000 เหรียญสหรัฐ (ราว 3.1 หมื่นบาท) ต่อปี ซึ่งแน่นอนว่าจะบั่นทอน “กำลังซื้อ” ของชาวอเมริกันอย่างหนัก และกระทบการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่เพิ่งจะเริ่มโงหัวขึ้นได้ไม่นาน

 

“การขึ้นภาษีจะส่งผลกระทบอย่างหนักต่อชาวอเมริกันทุกชนชั้น ไม่ว่าจะมีรายได้หลักหมื่นหรือหลักล้านก็ตาม เพราะยิ่งรายได้หด การใช้จ่ายก็ลดตาม” โจเอล นารอฟ ประธานบริษัทที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจนารอฟในสหรัฐ เตือน

 

สอดคล้องกับความเห็นของ มาร์ก แซนดี นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสจาก มูดี้ส์ อนาไลติกส์ ที่เตือนว่าการใช้จ่ายที่ลดลงของชาวอเมริกันอาจฉุดการขยายตัวของจีดีพี 0.6% ในปีนี้ ขณะที่ แบรด เดอลอง นักเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์กลีย์ คาดว่าจะฉุดจีดีพีของประเทศมากถึง 2% พร้อมย้ำว่ารัฐบาลไม่ควรยกเลิกมาตรการลดหย่อนภาษีเพย์โรล จนกว่าอัตราว่างงานของประเทศลดเหลือระดับ 6.5%

 

เพราะต้องไม่ลืมว่าการบริโภคภายในประเทศนั้นเป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสหรัฐ โดยคิดเป็นสัดส่วนมากถึง 70% ของระบบเศรษฐกิจของประเทศ

 

นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญยังเตือนว่า แผนดังกล่าวยังไร้ซึ่งการปฏิรูประบบภาษี ซึ่งจำเป็นต่อการลดช่องโหว่ในการเก็บภาษี

 

ยกตัวอย่างเช่น ในระหว่างการแถลงงบประมาณปี 2556 ประธานาธิบดี โอบามา ได้แสดงความต้องการที่จะยกเลิกมาตรการลดหย่อนภาษีสำหรับชาวอเมริกันที่เสียภาษีในอัตรา 28% เพื่อที่ภาครัฐจะได้มีเงินเข้ากระเป๋าเพิ่มขึ้น 5.84 แสนล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 18.1 ล้านล้านบาท) ในระยะเวลา 10 ปี ทว่าข้อเสนอดังกล่าวก็ไม่ได้ถูกบรรจุไว้ในแผนฟิสคัล คลิฟ ครั้งนี้

 

เช่นเดียวกับขึ้นภาษีเงินปันผลที่ 20% แทนการผูกอัตราภาษีไว้กับอัตราเงินเดือนของประชาชน ส่งผลให้ประชาชนทุกชนชั้นที่ถือหุ้นบริษัททางอ้อม เช่น ผ่านกองทุนรวม หรือกรมธรรม์ประกัน กว่า 10 ล้านคนทั่วประเทศ ได้รับผลกระทบกันอย่างถ้วนหน้า

 

“การขึ้นภาษีเงินปันผลจะส่งผลโดยตรงต่อบรรดาบริษัทที่จ่ายปันผลในอัตราสูง โดยจะทำให้บริษัทเหล่านี้จ่ายปันผลแก่ผู้ถือหุ้นน้อยลง ไม่ว่าผู้ถือหุ้นจะมีรายได้สูงต่ำเพียงใด” องค์กรด้านภาษีสหรัฐ เตือน

 

นอกจากปัญหาด้านภาษีแล้ว อีกหนึ่งปัญหาที่นักวิเคราะห์วิตกกังวลมากที่สุดก็คือ เรื่องการตัดลดรายจ่าย ซึ่งล่าสุดเพิ่งถูกชะลอออกไปอีก 2 เดือน

 

ด้านสำนักงบประมาณรัฐสภาสหรัฐ (ซีบีโอ) ซึ่งเป็นหน่วยงานอิสระที่ไม่เกี่ยวข้องกับกลุ่มการเมืองใด เตือนว่า หากรัฐบาลสหรัฐเดินหน้าแผนหลีกเลี่ยงหน้าผาการคลังดังกล่าว จะมีรายได้จากการเก็บภาษี 6 แสนล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 18.6 ล้านล้านบาท) ในช่วงเวลา 10 ปีข้างหน้า

 

ทว่า การตัดลดรายจ่ายซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการตัดลดยอดขาดดุลงบประมาณนั้น กลับมีมูลค่าเพียงแค่ 1.5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 4.65 แสนล้านบาท) เท่านั้น น้อยกว่าที่รีพับลิกันเสนอก่อนหน้านี้ที่ 1.4 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 43.4 ล้านล้านบาท) และที่ โอบามา เคยเรียกร้องเอาไว้ที่ 6 แสนล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 18.6 ล้านล้านบาท)

 

ทั้งนี้ เพราะหากศึกษาเงื่อนไขต่างๆ ในข้อตกลงอย่างละเอียด จะพบว่ารัฐบาลได้ยืดอายุมาตรการลดหย่อนภาษี อาทิ มาตรการลดหย่อนสำหรับผู้มีรายได้น้อย และสำหรับผู้มีบุตร รวมทั้งเงินช่วยเหลือสำหรับคนว่างงาน และเงินอุดหนุนโครงการประกันสุขภาพเมดิแคร์ ตลอดจนมาตรการช่วยเหลือชนชั้นกลางและผู้มีรายได้น้อยอื่นๆ

 

มาตรการเหล่านี้จึงไม่ต่างอะไรจาก “รายจ่าย” ที่เพิ่มขึ้นถึง 3.3 แสนล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 10.2 ล้านล้านบาท) ในระยะเวลา 10 ปี

 

“ในสมัยอดีตประธานาธิบดี โรนัลด์ เรแกน และจอร์จ ดับเบิลยู. บุช รัฐบาลตกลงที่จะลดรายจ่ายลง 2 และ 3 เหรียญสหรัฐ ตามลำดับ สำหรับการเก็บภาษีทุกๆ 1 เหรียญสหรัฐ แต่หากเทียบกับสมัยประธานาธิบดี โอบามา สถานการณ์กลับตาลปัตร เนื่องจากรีพับลิกันจะต้องยอมเสียเงินภาษีถึง 41 เหรียญสหรัฐ เพื่อแลกกับการตัดลดรายจ่ายลง 1 เหรียญสหรัฐ” ฟอร์บส์ รายงาน

 

หากเป็นเช่นนั้น ยอดขาดดุลงบประมาณของเมืองลุงแซมจะมีแนวโน้มพุ่งสูงกว่าเดิมถึง 4 เท่า จากระดับ 1.09 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 33.79 ล้านล้านบาท) ในปีงบประมาณ 2555 ทะลุระดับ 4 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 124 ล้านล้านบาท) ในระยะเวลา 10 ปีข้างหน้า

 

งานนี้จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่นักการเมืองและนักเศรษฐศาสตร์บางรายจะออกมายอมรับว่า “รู้อย่างนี้ ยอมตกหน้าผาการคลังดีกว่า” เพราะอย่างน้อยการตกหน้าผาการคลังจะทำให้เกิดการขึ้นภาษีและตัดลดรายจ่ายอัตโนมัติ ซึ่งจะช่วยลดยอดขาดดุลงบประมาณของประเทศลงกว่าครึ่งที่ระดับ 6.41 แสนล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 19.8 ล้านล้านบาท) ในปีนี้ และ 4.5 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 310 ล้านล้านบาท) ในช่วงเวลา 10 ปีข้างหน้า

 

“ไม่เพียงแต่ข้อตกลงครั้งนี้จะฉุดกำลังซื้อของชาวอเมริกันแล้ว ยังไม่ช่วยลดรายจ่ายของภาครัฐ แถมยังจะทำให้หนี้ของประเทศพอกพูนอีกมหาศาล” วอชิงตันโพสต์ ระบุ

 

ยิ่งไปกว่านั้นก็คือ นักวิเคราะห์ยังชี้ว่าการชะลอการตัดลดรายจ่ายของประเทศออกไปอีก 2 เดือน ส่งผลให้สหรัฐต้องรับมือกับอีก “3 หน้าผาการคลัง” ในปีนี้ ซึ่งประกอบด้วย 1.การเจรจาขยายเพดานหนี้ในช่วงปลายเดือน ก.พ. ซึ่งหากล้มเหลวจะส่งผลให้สหรัฐผิดชำระหนี้ทันที 2.การเจรจาตัดลดรายจ่ายในเดือน มี.ค. และ 3.การเลื่อนพิจารณาอนุมัติงบประมาณของประเทศ ซึ่งจะหมดอายุลงช่วงปลายเดือน มี.ค.นี้

 

สหรัฐในวันนี้จึงไม่ต่างอะไรจากในช่วงปีที่ผ่านมา ยังคงยืนอยู่ปากเหวหน้าผาการคลังต่อไป และที่สำคัญก็คือ แผนฉบับใหม่ที่ผู้นำสหรัฐยกให้เป็นแผนกู้วิกฤตของประเทศนั้น ก็อาจเป็นตัวการฉุดเศรษฐกิจประเทศสู่ห้วงอันตรายที่น่ากลัว และร้ายแรงยิ่งไปกว่าการตกหน้าผาการคลัง!

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ (วันที่ 3 มกราคม 2556)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ทั่วโลกหายระทึก!สหรัฐก้าวพ้นหน้าผาการคลัง (03/01/2556)

สศค.มองแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐดีขึ้น หลังวุฒิสภา-สภาผู้แทนราษฎรผ่านแพคเกจแก้ไขปัญหาหน้าผาการคลังในลักษณะผ่อนปรน

 

นางสาวกุลยา ตันติเตมิท ผู้เชี่ยวชาญเศรษฐกิจมหภาค สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวถึงกรณีที่วุฒิสมาชิกและสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐอเมริกาให้ความเห็นชอบความตกลงใหม่ด้านภาษีและการปรับลดงบประมาณรายจ่ายภาครัฐ เพื่อแก้ไขปัญหาหน้าผาการคลังของสหรัฐอเมริกาว่า ถือเป็นสัญญาณที่ดีต่อภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาและเศรษฐกิจโลก เพราะจะส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาไม่หดตัวแรงกว่าที่คิด เนื่องจาก เป็นข้อตกลงที่ถือว่าผ่อนปรน กล่าวคือ หลีกเลี่ยงการปรับขึ้นภาษีและปรับลดรายจ่ายในจำวนที่มากจนอาจทำให้เศรษฐกิจทรุดตัวอย่างเฉียบพลัน

 

"เท่าที่ดูข้อตกลงของแพกเกจแก้ไขปัญหาหน้าผาการคลัง จะพบว่า มีลักษณะที่ผ่อนปรน ฉะนั้น เมื่อสภาฯสามารถผ่านความเห็นชอบข้อตกลงดังกล่าวได้ ก็จะช่วยให้เศรษฐกิจสหรัฐไม่หดตัวแรงอย่างที่คิด โดยเฉพาะการปรับภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เมื่อไม่ได้ปรับขึ้นมากเกินไป ก็จะทำให้ประชาชนมีกำลังซื้อ ขณะที่ รายจ่ายทางทหารและรายจ่ายอื่น ก็อาจจะไม่ได้ถูกตัดไปมาก เป็นต้น"

 

ทั้งนี้ หากมองผลกระทบที่มีต่อภาพรวมตลาดหุ้นไทย เธอกล่าวว่า ก็น่าจะส่งผลดี เพราะเมื่อเศรษฐกิจสหรัฐไม่หดตัวแรงอย่างที่คิด ก็น่าจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจโลก รวมถึง ตลาดหุ้นไทย อย่างไรก็ดี ยังต้องจับตาถึงปัญหาหนี้สาธารณะของสหรัฐอเมริกาที่จะชนเพดานในเดือนมีนาคมนี้ ซึ่งอาจจะต้องมีการเจรจาเพื่อขยายเพดานหนี้ ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ สหรัฐอเมริกาก็ได้มีข้อตกลงในการขยายเพดานหนี้สาธารณะมาระดับหนึ่งแล้ว

 

"เรามองว่า เงินทุนเคลื่อนย้ายก็ยังคงเกิดขึ้น โดยไหลมายังเอเชีย รวมถึง ประเทศไทย ฉะนั้น การลงทุนในตลาดหุ้นไทยก็น่าจะมีมากขึ้น ขณะเดียวกัน ก็จะทำให้เงินบาทเทียบดอลลาร์สหรัฐปรับค่าแข็งขึ้นด้วย โดยสศค.มองว่า ในปีนี้ บาทเทียบดอลลาร์สหรัฐน่าจะปรับค่าแข็งขึ้นเล็กน้อย โดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ 30.7 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ"เธอกล่าว

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ (วันที่ 3 มกราคม 2556)

ถูกแก้ไข โดย เด็กขายของ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดีสายๆค่ะป๋า วันก่อนไป เซนทรัล ลาดพร้าว เสียค่าจอดไป140฿ แนะนำหน่อยจิ จอดที่ไหนดี

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

จีนเผยดัชนี PMI ภาคบริการเดือนธ.ค.ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3

 

 

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 3 มกราคม 2556 08:47:44 น.

สหพันธ์พลาธิการ และการจัดซื้อของจีน (CFLP) เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายซื้อ (PMI) ของภาคบริการเดือนธ.ค. อยู่ที่ 56.1 ขยับขึ้น 0.5 จากเดือนพ.ย.

 

ตัวเลขดังกล่าวเพิ่มขึ้นติดต่อกันมาเป็นเวลา 3 เดือนแล้ว โดยค่า PMI ที่สูงกว่า 50 แสดงถึงการขยายตัวจากเดือนก่อนหน้า ขณะที่ค่าต่ำกว่า 50 หมายถึงการหดตัวของภาคบริการ สำนักข่าวซินหัวรายงาน

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย วรัญญา อุดมกุศลศรี/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

กรรมาธิการอียูขานรับดีลหน้าผาการคลังสหรัฐ พร้อมแนะสร้างสมดุลการคลัง

 

 

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 3 มกราคม 2556 08:35:03 น.

นายออลลี เรห์น กรรมาธิการกิจการเศรษฐกิจและการเงินของสหภาพยุโรป (อียู) แสดงความพอใจอย่างระมัดระวังต่อแผนเลี่ยงหน้าผาการคลังของสหรัฐ ซึ่งจะช่วยป้องกันไม่ให้เศรษฐกิจสหรัฐเผชิญกับภาวะตกต่ำ

 

เมื่อวานนี้ตามเวลาไทย สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐได้อนุมัติร่างกฎหมายที่ได้รับความเห็นชอบจากวุฒิสภา ซึ่งนับเป็นการสิ้นสุดการถกเถียงทางการเมืองว่าด้วยภาวะหน้าผาทางการคลัง (fiscal cliff) ที่ดำเนินมาหลายสัปดาห์

 

 

 

ภาวะหน้าผาทางการคลังหมายถึงการปรับขึ้นภาษีและลดรายจ่ายขนานใหญ่ที่จะมีผลบังคับใช้โดยอัตโนมัติในวันแรกของปี 2556 หากไม่มีการทำข้อตกลงใดๆ

 

ร่างกฎหมายดังกล่าวได้สกัดการปรับขึ้นภาษีส่วนใหญ่และชะลอการลดรายจ่ายออกไป แต่ยังมีอีกหลายประเด็นที่ยังไม่สามารถตกลงกันได้

 

นายเรห์นยอมรับว่าข้อตกลงดังกล่าวเป็นข่าวดีสำหรับอียู เนื่องจากจะช่วยป้องกันเศรษฐกิจสหรัฐและเศรษฐกิจโลกไม่ให้ปรับตัวขาลงต่อเนื่อง

 

อย่างไรก็ตาม เขาเน้นย้ำว่าการบรรลุข้อตกลงดังกล่าวเป็นเพียงชัยชนะในเชิงป้องกัน เนื่องจากไม่มีแนวทางเพิ่มเติมเกี่ยวกับการสร้างความสมดุลแก่ฐานะการคลังของรัฐบาลกลางสหรัฐ รวมทั้งหนี้สินที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

 

นายเรห์นกล่าวว่า การเลี่ยงหน้าผาการคลังเป็นการชั่วคราวดังกล่าวจะไม่ได้หยุดยั้งการปรับตัวขาลงของเศรษฐกิจยูโรโซน แต่การสร้างความสมดุลทางการคลังอย่างค่อยเป็นค่อยไปจะเป็นแนวทางที่น่าพอใจที่สุดสำหรับยุโรป โดยเสริมว่าจะมีผลกระทบเชิงลบ หากฝ่ายบริหารของสหรัฐยังคงก่อหนี้เพิ่ม สำนักข่าวซินหัวรายงาน

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย พันธุ์ทิพย์ คำเพิ่มพูล/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ราคาทองคำฮ่องกงเปิดตลาดวันนี้ เพิ่มขึ้นแตะ 15,690 HKD/tael

 

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 3 มกราคม 2556 08:35:18 น.

สมาคมแลกเปลี่ยนทองคำและเงินของจีน เปิดเผยว่า ราคาทองคำที่ตลาดฮ่องกงเพิ่มขึ้น 82 ดอลลาร์ฮ่องกง เปิดที่ระดับ 15,690 ดอลลาร์ฮ่องกง/ตำลึงในวันนี้

 

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ราคาดังกล่าวเทียบเท่ากับ 1,699.2 ดอลลาร์สหรัฐ/ทรอยออนซ์ เพิ่มขึ้น 9.1 ดอลลาร์สหรัฐ ที่อัตราแลกเปลี่ยน 1 ดอลลาร์สหรัฐ/ 7.751 ดอลลาร์ฮ่องกงในวันนี้

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ศศิประภา อัครภูติ/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เงินบาทเปิดตลาด 30.36/38 ทรงตัวจากวานนี้ จับตาตลาดหุ้น

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 3 มกราคม 2556 09:22:44 น.

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

หุ้นสหรัฐฯ-น้ำมัน-ทองคำพุ่ง หลังคองเกรสผ่านกม.เลี่ยง'หน้าผาคลัง'

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 3 มกราคม 2556 05:20 น.

556000000053301.JPEG

เอเอฟพี - วอลล์สตรีทและราคาทองคำวานนี้(2) พุ่งแรง หลังสภาคองเกรสผ่านข้อตกลงหลีกเลี่ยงการขึ้นภาษีเอากับชาวอเมริกันจำนวนมาก ตลอดจนการตัดลดงบประมาณรายจ่ายอย่างมโหฬาร ขณะที่ปัจจัยนี้ก็ดันน้ำมันทะยานเช่นกัน แม้สองฝ่ายยังขัดแย้งเกี่ยวกับประเด็นตัดลดรายจ่ายของรัฐบาลกลาง

 

ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 286.87 จุด (2.19 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 13,391.01 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 92.75 จุด (3.07 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 3,112.26 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 36.23 จุด (2.54 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,462.42 จุด

 

สภาล่างของสหรัฐฯลงมติในคืนวันอังคาร (1) ด้วยคะแนน 257 ต่อ 167 เสียง รับรองร่างกฎหมายประนีประนอมซึ่งมุ่งหลีกเลี่ยงการขึ้นภาษีเอากับชาวอเมริกันจำนวนมาก ตลอดจนการตัดลดงบประมาณรายจ่ายอย่างมโหฬาร ที่ผ่านความเห็นของของวุฒิสภาไปก่อนหน้านั้นในเวลาประมาณ 02.00 น.ของวันเดียวกัน

 

ปัจจัยดังกล่าวคลายความกังวลแก่นักลงทุน ที่ก่อนหน้านี้หวั่นเกรงว่าสหรัฐฯอาจต้องเผชิญกับภาวะหน้าผาการคลัง อันเสี่ยงฉุดเศรษฐกิจสหรัฐฯ กลิ้งตกลงสู่หายนะ และผลักให้ราคาน้ำมันวานนี้(2) ขยับขึ้นแรง

 

สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ เพิ่มขึ้น 1.30 ดอลลาร์ ปิดที่ 93.12 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล สูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 18 กันยายน ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน เพิ่มขึ้น 1.36 ดอลลาร์ ปิดที่ 112.47 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

 

ตลาดน้ำมันขานรับข่าวสภาคองเกรสเห็นชอบร่างกฎหมายประนีประนอม คลายความกังวลต่อวิกฤตนห้าผาการคลังไปเปราะหนึ่ง อย่างไรก็ตามแนวโน้มทางบวกของราคาน้ำมันถูกฉุดรั้งไว้โดยข้อวิตกเกี่ยวกับประเด็นการตัดลดรายจ่ายของรัฐบาลกลางที่ถูกเลื่อนออกไปก่อน

 

อย่างไรก็ตามข่าวดีเกี่ยวกับข้อตกลงที่นำพาสหรัฐฯหลุดพ้นจากการขึ้นภาษีและตัดลดรายจ่ายโดยอัตโนมัติ ก็สะท้อนไปถึงตลาดทองคำที่วานนี้(2) ปิดบวกพอประมาณ โดยราคาทองคำตลาดโคเมกซ์ของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ เพิ่มขึ้น 13.00 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,688.80 ดอลลาร์ต่อออนซ์

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

3 มกราคม 2556 07:47

น้ำมันดิบพุ่ง1.30$มะกันพ้นหน้าผาการคลัง

news_img_484260_1.jpg

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

 

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้น 1.30 ดอลลาร์ อยู่ที่ 93.12 ดอลลาร์/บาร์เรล ขานรับสหรัฐพ้นหน้าผาการคลัง

 

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนก.พ.เพิ่มขึ้น 1.30 ดอลลาร์ หรือ 1.42% ปิดที่ 93.12 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.พ.ที่ตลาดลอนดอน 1.36 ดอลลาร์ หรือ 1.22% ปิดที่ 112.47 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

บรรยากาศการซื้อขายในตลาดน้ำมันนิวยอร์กเป็นไปอย่างคึกคักหลังจากสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ มีมติด้วยคะแนนเสียง 257 ต่อ 167 ผ่านร่างกฎหมายเพื่อหลีกเลี่ยงภาวะหน้าผาการคลังเมื่อวานนี้ตามเวลาไทย หลังจากที่พรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครตสามารถประนีประนอมกันได้ในรายละเอียดเกี่ยวกับกฎหมายดังกล่าว

 

การลงมติดังกล่าวของสภาผู้แทนราษฎรมีขึ้นหลังจากวุฒิสภาสหรัฐมีมติด้วยคะแนนเสียง 89 ต่อ 8 ผ่านร่างกฎหมายหลีกเลี่ยงภาวะหน้าผาทางการคลัง ไปเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาตามเวลาไทย ซึ่งร่างกฎหมายดังกล่าวจะป้องกันไม่ให้มีการปรับขึ้นภาษีเงินได้ส่วนบุคคลที่มีรายได้ต่ำกว่า 400,000 ดอลลาร์ และครัวเรือนที่มีรายได้ไม่เกิน 450,000 ดอลลาร์ อีกทั้งยังขยายระยะเวลาการให้สวัสดิการแก่ผู้ว่างงานในระยะยาว

 

http://www.bangkokbiznews.com

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สหรัฐพ้นหน้าผาการคลัง หนุนน้ำมัน WTI ปิดทะยาน $ 1.30

วันพฤหัสบดี, 03 มกราคม 2556 08:25 | อัพเดตล่าสุดเมือ วันพฤหัสบดี, 03 มกราคม 2556 08:25 | วันเผยแพร่ | พิมพ์ | อีเมล

 

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ.เพิ่มขึ้น 1.30 ดอลลาร์ หรือ 1.42% ปิดที่ 93.12 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

 

ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.พ.ที่ตลาดลอนดอน 1.36 ดอลลาร์ หรือ 1.22% ปิดที่ 112.47 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

 

 

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (2 ม.ค.) หลังจากสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาสหรัฐมีมติผ่านร่างกฎหมายที่จะช่วยให้สหรัฐสามารถหลีกเลี่ยงภาวะหน้าผาการคลัง (fiscal cliff)ได้

 

 

ตลาดได้รับแรงหนุนมากขึ้นเมื่อสหพันธ์พลาธิการและการจัดซื้อของจีน (CFLP) เผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนธ.ค.ทรงตัวอยู่ที่ระดับ 50.6 ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงจากระดับของเดือนพ.ย. โดยตัวเลขที่สูงกว่าระดับ 50 บ่งชี้ว่ากิจกรรมภาคการผลิตของจีนมีการขยายตัว

 

 

นอกจากนี้ ตลาดน้ำมันนิวยอร์กยังได้รับปัจจัยบวกจากสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง โดยมีรายงานว่าอิหร่านกำลังทำการซ้อมรบทางทะเลที่บริเวณช่องแคบฮอร์มุซ ซึ่งเป็นเส้นทางเดินเรือที่สำคัญในตะวันออกกลาง พร้อมกับขู่ว่าจะปิดช่องแคบแห่งนี้หากอิหร่านถูกโจมตีทางทหารอันเป็นผลมาจากโครงการนิวเคลียร์

 

http://www.moneychannel.co.th

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดีสายๆค่ะป๋า วันก่อนไป เซนทรัล ลาดพร้าว เสียค่าจอดไป140฿ แนะนำหน่อยจิ จอดที่ไหนดี

5555555 ไม่กล้าเปิดเผยแล้วครับ คราวที่แล้ว บ่นเรื่อง Stamp จอดรถฟรี อยู่ที่ใดบ้าง เช่น ที่โรบินสัน บางรัก วางอยู่ที่ หน้าทางเข้า B2S ผลตอนนี้ แมร่งเก็บหายไปแล้ว ต้องลงไปขั้นล่าง Stamp ที่ Top แทน หรือไม่ก็หน้า Fast Food และ สำหรับที่ 2 คือ เซ็นทรัล ขิดลม Stamp จอดรถเพิ่มเป็น 4 ขั่วโมง วางอยู่หลัง Cashier ร้าน FoodLoft ผลตอนนี้ แมร่งเก็บหายไปแล้ว เหมือนกัน สุดท้าย เดี๋ยวนี้ แวะที่ไหน ต้องซื้อของ 500 บาท จึงจอดรถยนต์ได้ฟรี 3-4 ขั่วโมง

 

ส่วนตัวผม เซ็นทรัลฯ ลาดพร้าว ไม่ได้ไปมาหลายปีแล้วครับ แถบนั้น ส่วนใหญ่ อตก. ( ไปหาของอร่อยทาน ) หรือไม่ก็ ตลาดนัดซันเดย์ ( ไปหาซื้อสัตว์ประหลาดมาเลี้ยง ล่าสุดก็ซื้อลิงมาโมเสส )

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...