ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
tt2518

ขอเดา(ราคาทอง)กับเขาบ้าง

โพสต์แนะนำ

เช้านี้ ฝั่งเอเชียเจอคำพูดของ อีแว่น กรรมการเฟดที่มีเสียงโหวตในคณะกรรมการฯ เรียกร้องสร้างความเชื่อมั่นต่อการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจสหรัฐ ในฮ่องกง

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดีค่ะทุกคน. โชคดีมีกำไรเยอะๆค่ะ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ตี 4 คืนนี้ หรือ ก็เช้าพรุ่งนี้ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ตลาดสหรัฐฯ กำลังจะปิด มีการออกมาพูดของ นายเบน เบอร์นันเก้

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดีค่ะทุกคน. โชคดีมีกำไรเยอะๆค่ะ

สวัสดีแม่พลอยฯ แม่พลอยกลับมาจากเกาหลี แต่เพื่อนของผม พึ่งเดินทาง และส่งข่าวมาว่า ณ. เมื่อเย็นวานนี้ อุณหภูมิแถวๆ Lotte World หุหุ อากาศขนาดนี้ อุปกรณ์ไม่ครบ ใครเดินทางไปตอนนี้ แย่แน่ๆๆ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

คำขวัญวันเด็กปี 2556 ปีนี้ว่า ....เด็กเอ็ยเด็กดี ต้องมีหน้าที่ 7 ครั้งต่อวันครับ....555

 

จับแก๊งเด็กแสบ รุมตี-ปล้นเหยื่อคืนเดียว 7 ครั้ง

วันอาทิตย์ที่ 13 มกราคม 2556 เวลา 16:01 น.

 

177932.jpg

 

0.jpg

 

เมื่อเวลา 02.30 น.วันนี้(13 ม.ค.) พ.ต.อ.ไชยา คงทรัพย์ ผกก.สน.ลุมพินี พร้อมด้วย พ.ต.ท.อัครวัฒน์ พุ่มไพศาลชัย รอง ผกก.สส.สน.ลุมพินี พ.ต.ท.ณัฐวุฒิ เจียมศรีพงษ์ รอง ผกก.ป.สน.ลุมพินี พ.ต.ต กฤษดา มานะวงศ์สกุล สว.สส. พ.ต.ต.ธเนศ มีทอง สว.สส. พ.ต.ต.วงกต สุวรรณวัฒน์ สวป. พ.ต.ท.วีพงษ์ กงแก้ว สวป. นำกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนและสายตรวจ เข้าจับกุมตัวแก๊งเยาวชนปล้นทรัพย์ ประกอบด้วย นายเนม อายุ 16 ปี นายบอส อายุ 15 ปี นายเฟียร์ อายุ 16 ปี ด.ช.บอม อายุ 14 ปี ด.ช.บาส อายุ 14 ปี ด.ช.หรั่ง อายุ 13 ปี และ.ด.ช.เคน อายุ 13 ปี (ทั้งหมดนามสมมติ) พร้อมด้วยของกลางรถจยย.ยี่ห้อฮอนด้าเวฟไอค่อน สีเหลือง หมายเลขทะเบียน ษทล-79 กทม. รถจยย.ยี่ห้อฮอนด้า เวฟ สีน้ำเงิน หมายเลขทะเบียน อฉธ-646 กทม.เงินสดจำนวน 4,000 บาท โทรศัพท์มือถือ 4 เครื่อง นาฬิกาข้อมือ 4 เรือน จี้ทองคำรูปหัวใจ และแท็ปเล็ต 1 เครื่อง โดยจับกุมได้ภายในซอยสุขุมวิท 1 แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา

 

การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อ 01.00 น.ที่ผ่านมา กลุ่มผู้ต้องหาทั้งหมด ซึ่งมีนายเนม เป็นหัวหน้าแก๊ง ได้พากันใช้รถจยย.ออกตระเวนหาเหยื่อปล้นทรัพย์ถึง 3 รายซ้อน ในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน โดยเริ่มจากรายแรกกลุ่มผู้ต้องหาได้ขี่รถจยย.ของกลางทั้ง 2 คัน มาพบนายญาสี จันทนป อายุ 39 ปี รปภ.ของอาคารสาทรสแควร์ ย่านถนนนราธิวาสราชนครินทร์ กำลังเดินอยู่บริเวณสวนลุมไนท์บาร์ซาร์ ถนนวิทยุ แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน เพื่อจะกลับบ้านย่านบ่อนไก่ จึงตรงเข้าไปรุมกระทือบและใช้ไม้ฟาดนายญาสีจนได้รับบาดเจ็บ ก่อนจะปล้นเอาเงินสดจำนวน 300 บาท โทรศัพท์มือถือ และเครื่องแบบรปภ.ของผู้เสียหายไป

 

หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนและสายตรวจ สน.ลุมพินี ได้นำกำลังกันออกติดตามคนร้าย แต่หลังจากนั้นไม่นานก็ได้รับแจ้งเหตุว่ามีกลุ่มวัยรุ่นใช้อาวุธปืนปลอมบุกปล้น เข้าไปปล้นผู้เสียหายในบ้านเลขที่ 2117 ถนนดวงพิทักษ์ แขวงและเขตคลองเตย จึงรีบนำกำลังไปตรวจสอบทันที ซึ่งเมื่อไปถึงก็พบผู้เสียหายคือ น.ส.ทีราวรรณ บุญเลี้ยง อายุ 23 ปี ผู้เสียหาย ให้การว่า เพิ่งถูกมีคนร้ายซึ่งมีรูปพรรณคล้ายกับคนร้ายกลุ่มแรกใช้อาวุธปืนบุกเข้ามาปล้นสร้อยคอทองคำหนักสองสลึงพร้อมจี้รูปหัวใจ จำนวน 1 เส้น พร้อมด้วยจี้ทองแท็ปเล็ต 1 เครื่อง ขณะกำลังนั่งกินข้าวอยู่ในบ้านกับครอบครัว และเพิ่งออกจากบ้านไปไม่นาน เจ้าหน้าที่จึงกระจายกำลังกันออกติดตามจนกระทั่งสามารถจับกุมนายบอส ผู้ต้องหาคนแรกเอาไว้ได้บริเวณไม่ห่างจากจุดเกิดเหตุนัก เบื้องต้นนายบอส สารภาพว่า กลุ่มเพื่อนกำลังจะขี่รถจยย.ออกไปปล้นต่อที่ย่านสุขุมวิท

 

จากนั้นไม่นาน เจ้าหน้าที่ก็ได้รับแจ้งเหตุว่ามีกลุ่มวัยรุ่นกำลังก่อเหตุปล้นทรัพย์อยู่ในซอยสุขุมวิท 1 ทางเจ้าหน้าที่จึงรีบนำกำลังไปตรวจสอบจนกระทั่งพบกลุ่มผู้ต้องหาเพิ่งก่อเหตุไม้เบสบอลรุมทำร้ายนายกรุงสยาม เรืองวิเศษ อายุ 33 ปี พนักงานโรงแรมโอกุระ ย่านเพลินจิต ขณะกำลังนั่งดื่มเบียร์กับเพื่อนร่วมงานอีก 2 คน ก่อนปล้นเอา โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง และเงินสดอีก 1,900 บาท ซึ่งเมื่อผู้ต้องหาเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจก็พยายามหลบหนี แต่ก็ถูกจับกุมเอาไว้ได้ทั้งหมด ส่วนนายกรุงสยามได้รับบาดเจ็บสาหัสศีรษะแตก แขนหัก ซี่โครงหัก ต้องรักษาตัวอยู่ในห้องไอซียู ร.พ.เพชรเวช

 

จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้งหมดให้การรับสารภาพโดยนายเนม หัวหน้าแก๊งให้การว่า ช่วง 2 ปี ที่ผ่านมา ตนเคยถูกตำรวจสน.พญาไท จับกุมมาแล้ว 4 ครั้ง เป็นคดีเสพยาเสพติดและครอบครองกัญชา เข้าออกบ้านเมตตาอยู่เป็นประจำ ตอนนี้กำลังเรียน กศน.อยู่ จนกระทั่งกลางดึกที่ผ่านมา ดื่มเหล้ามาจนเมาได้ที่ ก็นึกอยากดื่มเหล้าต่ออีก ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันกับกลุ่มน้องๆในชุมชนเดียวกันเพิ่งกลับมาจากไปเที่ยวคาราโอเกะย่านเพชรบุรี จึงชวนกันออกไปขี่จยย.หาเหยื่อปล้นทรัพย์เพื่อหาเงินไปดื่มเหล้ากันต่อ แต่รายแรกได้ปล้นมาได้แค่ 300 บาทไม่พอ จึงออกหาเหยื่อไปเรื่อยๆจนกระทั่งมาถูกจับกุมได้ดังกล่าว โดยก่อนหน้านี้เคยพาน้องๆในกลุ่มออกขี่รถจยย.ไปปล้นทรัพย์มาแล้วหลายครั้ง ได้เงินมาก็จะเอามาแบ่งกันไปกินเหล้าหรือเที่ยวเตร่ ส่วนทรัพย์สินอื่นๆพวกโทรศัพท์ นาฬิกา ก็จะแจกจ่ายให้น้องๆในกลุ่มไปใช้

 

จากการสอบสวนขยายผลเพิ่มเติมผู้ต้องหายอมรับสารภาพว่า ตั้งแต่ช่วงหัวค่ำของวันที่ 12 ม.ค. ได้พาพวกไปตระเวนไปปล้นทรัพย์เหยื่อมาแล้วทั้งหมด 4 ครั้ง ในท้องที่ สน.พญาไท สน.ดินแดง และสน.มักกะสัน ก่อนจะมาก่อเหตุในท้องปล้นทรัพย์ที่ สน.ลุมพินี อีก 3 ครั้บ รวมเป็น 7 ครั้ง เบื้องต้นได้แจ้งข้อหา ปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธและใช้ยานพาหนะ ก่อนนำตัวส่งศาลเยาวชนและครอบครัวกลางพิจารณาว่าการจับกุมกลุ่มเยาวชนทั้งหมดชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ จากนั้นศาลจะพิจารณาส่งสถานพินิจต่อไป ทั้งนี้หากผู้เสียหายรายใดสงสัยว่าอาจจะถูกผู้ต้องหากลุ่มนี้ปล้นทรัพย์ไปก็ให้มาดูตัวและของกลางได้ที่สน.ลุมพินี

 

http://www.dailynews.co.th/crime/177932

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ทองคำปิดร่วง $17.4 เหตุคาดจีนชะลอกระตุ้นศก.

 

 

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- เสาร์ที่ 12 มกราคม 2556 07:10:58 น.

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดอ่อนแรงลงเมื่อคืนนี้ (11 ม.ค.) เนื่องจากตลาดคาดว่าจีนอาจชะลอการกระตุ้นเศรษฐกิจ หลังเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น แต่ราคาทองปรับตัวขึ้นในรอบสัปดาห์ เนื่องจากตลาดมองว่าข้อมูลเศรษฐกิจของจีนในช่วงที่ผ่านมาเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงความต้องการทองคำ

 

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.ปิดร่วงลง 17.4 ดอลลาร์ หรือ 1.04% ที่ 1,660.6 ดอลลาร์/ออนซ์

 

 

 

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค.ปิดลดลง 51 เซนต์ ที่ 30.408 ดอลลาร์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนมี.ค.ปิดขยับลง 5.50 เซนต์ ที่ 3.654 ดอลลาร์/ปอนด์

 

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย.ปิดลบ 3.10 ดอลลาร์ ที่ 1,631.20 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค.อ่อนแรงลง 75 เซนต์ ปิดที่ 701.45 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาทองล่วงหน้าดีดตัวขึ้น 22.5 ดอลลาร์ หรือ 1.4% เมื่อวันพฤหัสบดี หลังจากข้อมูลการค้าที่แข็งแกร่งของจีนได้หนุนมุนมองบวกเกี่ยวกับเศรษฐกิจโลก ซึ่งช่วยให้นักลงทุนบางรายมีความเชื่อมั่นในตลาดอีกครั้ง หลังจากที่ตลาดร่วงลงในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา

 

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์บางรายกล่าวว่า ข้อมูลเศรษฐกิจจีนก็ได้จุดปะทุความวิตก เนื่องจากอาจจะสกัดการผ่อนคลายทางการเงินของธนาคารกลางจีน ซึ่งถือเป็นปัจจัยลบสำหรับทองและได้ถ่วงการซื้อขายในวันศุกร์ แม้ว่าทองอาจจะได้รับแรงหนุนจากความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อ เนื่องจากทองได้รับการพิจารณาว่าเป็นแหล่งประกันความเสี่ยงจากราคาผู้บริโภคที่พุ่งขึ้น

 

จีนเปิดเผยวานนี้ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 2.5% จากปีก่อนหน้า หลังจากดัชนีปรับขึ้น 2% ในเดือนพ.ย.

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย พันธุ์ทิพย์ คำเพิ่มพูล โทร.02-2535000 อีเมล์: pantip@infoquest.co.th--

 

http://www.ryt9.com/s/iq03/1566774

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

US$1,667

ถูกแก้ไข โดย เด็กขายของ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ตลาดซื้อขายดอลลาร์/เยน:เยนร่วงแตะนิวโลว์เช้านี้

 

เยนร่วงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 2 ปีครึ่งเมื่อเทียบกับดอลลาร์ในช่วงเช้านี้ ที่ตลาดเอเชีย หลังจากนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะได้ตอกย้ำความจำเป็นสำหรับมาตร การกระตุ้นทางการเงินแบบเชิงรุก และเรียกร้องให้ ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) กำหนดเป้าหมายอัตราเงินเฟ้อระยะกลาง

นายอาเบะกล่าวเมื่อวานนี้ว่า บีโอเจต้องกำหนดเป้าหมายอัตราเงินเฟ้อ 2% และทำให้เป้าหมายดังกล่าวเป็นเป้าหมายระยะกลาง แทนที่จะเป็นเป้าหมายระยะ ยาว ขณะที่บีโอเจจะประชุมนโยบายในวันที่ 21-22 ม.ค.นี้

เขายังกล่าวอีกว่า เขาจะพบปะกับผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบายการเงินในวัน พรุ่งนี้เพื่อขอความเห็นว่า ผู้ใดเหมาะสมที่จะเป็นผู้ว่าการบีโอเจคนต่อไป

รัฐบาลของนายอาเบะมีอำนาจในการเสนอชื่อผู้ดำรงตำแหน่งต่อจากนาย มาซาอากิ ชิราคาวะ ผู้ว่าการบีโอเจคนปัจจุบันที่จะสิ้นสุดวาระการดำรงตำแหน่งใน เดือนเม.ย.นี้ แต่การเสนอชื่อต้องได้รับการเห็นชอบจากทั้งสภาล่างและสภาสูง

เทรดเดอร์กล่าวว่า ข้อเรียกร้องล่าสุดของนายอาเบะที่ต้องการให้มีการ ผ่อนคลายมาตรการทางการเงินแบบเชิงรุกนั้นได้กดดันค่าเงินเยน และหนุนดอลลาร์ พุ่งขึ้น ซึ่งพุ่งแตะระดับ 89.67 เยนในระบบ EBS ซึ่งเป็นระดับสูงสุดตั้งแต่เดือนมิ.ย. ปี 2010

"การยืนยันที่ว่าจะมีการผลักดันให้มีผู้ว่าการคนใหม่ และผู้ว่าการคนใหม่จะ ต้องดำเนินนโยบายอัตราเงินเฟ้อ 2 % และมาตรการกระตุ้นทางการคลังจะเป็นปัจจัย ลบที่สำคัญต่อเยน" นายคัลลัม เฮนเดอร์สัน ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย FX โลกจากสแตน ดาร์ดชาร์เตอร์ด แบงก์ กล่าว

"นั่นเป็นข่าวดีต่อสินทรัพย์ญี่ปุ่น ในแง่ของตลาดหุ้น แต่ไม่ได้เป็นข่าวดีสำหรับ ค่าเงินเสมอไป"

ในสัปดาห์ที่แล้ว ญี่ปุ่นได้อนุมัติมาตรการกระตุ้นวงเงิน 1.17 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นงบรายจ่ายมากที่สุดนับตั้งแต่เกิดวิกฤติการเงิน เพื่อพยายามกระตุ้นเศรษฐกิจ

ดอลลาร์อยู่ที่ 89.48 เยน เพิ่มขึ้น 0.3% จากระดับช่วงท้ายตลาดนิวยอร์ค เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว

นักวิเคราะห์กล่าวว่า ดอลลาร์อาจจะพุ่งขึ้นอีกเมื่อเทียบกับเยนในระยะใกล้

"คิดว่าระดับ 90.00 จะเป็นระดับเป้าหมายทางจิตวิทยา" เทรดเดอร์จาก ธนาคารญี่ปุ่นแห่งหนึ่งในสิงคโปร์กล่าวถึงแนวโน้มดอลลาร์/เยน

ยูโรพุ่งขึ้นมาที่ 119.86 เยน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดตั้งแต่เดือนพ.ค.ปี 2011

ขณะเดียวกัน ยูโรพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดตั้งแต่เดือนเม.ย.ปีที่แล้วที่ 1.3370 ดอลลาร์ และในช่วงเช้านี้ ยูโรอยู่ที่ 1.3361 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 0.1%

ยูโรพุ่งขึ้นหลังจากนายมาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ไม่ได้ส่งสัญญาณว่า อีซีบีจะลดอัตราดอกเบี้ยในอนาคตอันใกล้

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

US$1,667

ซื้อวันศุกร์ ขายไปแล้ว 1667 จากที่ซื้อ 96 ไว้ ในทุนน้อย เพราะ 99 ติดไว้หลายโลแล้ว

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สรุปราคาซื้อขายทองคำและ Gold Futures ภายในประเทศ ณ วันจันทร์ที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2556 เวลา 09.00 น. (14/01/2556)

ราคาทองคำเปิดตลาดที่ระดับ 1,668 เหรียญ/ออนซ์ และกลับมาปิดช่วงกลางคืนที่ระดับ 1,661 (22.30 น.) เหรียญ/ออนซ์ ค่าเงินบาทปิด 30.29บาท/ดอลลาร์ ราคาสมาคมเปิดที่ 23,900 บาท กับ 24,000 บาท และกลับมาปิดที่ 23,900 บาท กับ 24,000 บาท ปริมาณการซื้อขาย Gold Futures 50 บาทอยู่ที่ 4,597 คู่สัญญา แบบ 10 บาท อยู่ที่ 11,698 คู่สัญญา และ Silver Futures อยู่ที่ 11 คู่สัญญา Open Interest แบบ 50 บาท ลดลง 0.3 % แบบ 10 บาท ลดลง 0.9 % และ Silver Futures เพิ่มขึ้น 2.29 % GFG13 ปิด 24,150 บาท และ GFJ13 ปิด 24,280 บาท GF10G13 ปิดที่ 24,150 บาท GF10J13 ปิดที่ 24,280 บาท SVG12 ปิดที่ 933 บาท

 

สัญญา Comex ปิดลดลง 17.4 ดอลลาร์ ปิดที่ระดับ 1,660.6 ดอลลาร์/ออนซ์ Silver ปิดลดลง 51เซ็นต์ ที่ระดับ 30.408 ดอลลาร์/ออนซ์ SPDR ถือครองทองคำ 1,337.73 ตัน (เท่าเดิม) น้ำมัน NYMEX ปิด ลดลง 26เซนต์ ปิดที่ระดับ 93.56 ดอลลาร์/บาร์เรล ดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 17.21 จุด ปิดที่ 13,488.43 จุด

 

Ratio Gold / Silver เท่ากับ 54 ต่อ 1

ข่าวที่สำคัญ

The Bullion Desk, Reuter, Bloomberg, Kitco

ตัวเลขอัตราเงินเฟ้อของจีนที่แตะระดับสูงสุดในรอบ 7 เดือนในเดือนธันวาคมที่ระดับ 2.5% และดัชนีภาคการผลิตที่ออกมาที่ระดับ 1.9% มากกว่าคาดการณ์ ทำให้มีความกังวลว่าธนาคารกลางจีนอาจจะไม่ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม แต่ทองอาจจะได้รับแรงหนุนจากความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อ จากความเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยและอาจมีแรงซื้อในช่วงตรุษจีน

 

ได้มีความกังวลครั้งใหม่จากนักวิเคราะห์ Goldman Sach, UBS AG และ ANZ ว่าการส่งออกของจีนที่เพิ่มขึ้นเกินคาดของจีนนั้นอาจไม่เป็นไปตามความจริง เพราะไม่สอดคล้องกับการเคลื่อนไหวของสินค้าผ่านท่าเรือ และการนำเข้ากับประเทศคู่ค้า และตัวเลขที่ผิดจากความเป็นจริงอาจเกิดจากยอดการสั่งซื้อจากต่างประเทศในดัชนีการผลิตภาคอุตสาหกรรม

 

ธนาคารกลางญี่ปุ่นอัดฉีดเงินจำนวน 10.3 ล้านล้านเยน หรือ 1.16 แสนล้านดอลลาร์เข้าสู่เศรษฐกิจเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและรัฐบาลจะตั้งเป้าเงินเฟ้อที่ 2% ร่วมกับธนาคารกลางญี่ปุ่น

 

นายโอบามาจะผลักดันแผนเพื่อการอพยพ ที่รวมถึงแนวทางทางกฎหมายเช่น ผู้อพยพที่ไม่มีเอกสารยืนยันจำนวน 11 ล้านคน หากแผนนี้สำเร็จจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจสหรัฐจำนวน 1.5 ล้านล้านดอลลาร์ แม้ว่าพรรคเดโมแครตจะยังไม่มีคำตัดสินใจขั้นสิ้นสุดออกมา แต่พรรคก็จะต่อต้านการที่พรรครีพลับลิกันจะแตกข้อกฎหมายนี้เป็นข้อกฎหมายเล็กๆ

 

รายงานยอดขาดดุลการค้า (Trade Balance) ของสหรัฐที่พุ่งสูงเกินคาดในเดือนพ.ย.มีสาเหตุมาจากยอดนำเข้าสินค้านอกกลุ่มปิโตรเลียมที่พุ่งแตะระดับสูงสดในรอบกว่า 5 ปี

 

กระทรวงการคลังสหรัฐเปิดเผยว่า รัฐบาลกลางสหรัฐขาดดุลงบประมาณ 260 ล้านดอลลาร์ในเดือนธ.ค. ทั้งนี้ ยอดขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลกลางสหรัฐได้แตะระดับ 1.1 ล้านล้านดอลลาร์ในปีงบประมาณ 2555 ที่สิ้นสุดในเดือนก.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งนับว่าสูงกว่าระดับ 1 ล้านล้านดอลลาร์มาเป็นปีที่ 4 ติดต่อกัน

 

ผู้จัดการกองทุนของ Tocqueville Gold Fund ได้กล่าวว่ามุมมองเชิงลบได้เกิดขึ้นอย่างมากแล้ว ทำให้เกิดจุดน่าเข้าซื้อทองคำ และจะทำให้ทองคำมีแนวโน้มขาขึ้นใหม่อีกครั้ง

 

การปิดสถานะ Long จำนวน 1.19 ล้านออนซ์ ทำให้มีสถานะ Short เพิ่มขึ้นทั้งหมด 0.26 ล้านออนซ์ โดยสถานะLong สุทธิลดลง1.46 ล้านออนซ์สู่ระดับ 18.116 ล้านออนซ์ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดตั้งแต่กลางเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา

 

ค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้น หลังจากการประกาศคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0.75% ของอีซีบี

รัฐสภากรีซอนุมัติร่างกฎหมายภาษีฉบับใหม่ในเช้าวันนี้ เพื่อที่จะสร้างความมั่นใจเกี่ยวกับการเบิกจ่ายเงินกู้งวดใหม่จากเจ้าหนี้ ระหว่างประเทศที่มีจุดประสงค์ในการช่วยให้เศรษฐกิจกรีซกลับมาฟื้นตัวอีก ครั้ง

 

นายวูลฟ์กัง ชอยเบิล รมว.คลังเยอรมนีจะพบปะกันนายอเล็กซิส ซิปราส ผู้นำฝ่ายค้านของกรีซในวันจันทร์ที่จะถึงนี้ ขณะที่นายซิปราสเป็นผู้ที่วิพากษ์วิจารณ์มาตรการรัดเข็มขัดที่เยอรมนีให้การสนับสนุน

 

ตัวเลขเศรษฐกิจเมื่อคืนวันศุกร์

- Trade Balance ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ -42.1B คาดการณ์ที่ระดับ -41.1B ตัวเลขจริงออกมาที่ระดับ -48.7 B

 

ตัวเลขเศรษฐกิจวันนี้

- ตัวเลขเศรษฐกิจ

วิเคราะห์ทางเทคนิค

Gold —MTS Gold มองว่า ราคาทองคำน่าจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 1,655 — 1,675 เหรียญ ยังคงแนะนำให้นักลงทุนใช้กลยุทธ์เดิม คือShortบริเวณ 1,675 เหรียญขึ้นไป แล้วซื้อกลับปิดสถานะ Short Position บริเวณ 1,655 โดยประมาณ นักลงทุนหาจังหวะในการเข้าซื้อและขาย แต่ยังให้แนะนำเป็นลักษณะ Short ก่อน หลักการและภาพรวมจะเห็นได้ว่า ราคาทองคำยังมีการแกว่งตัวอย่างมาก และราคาในรูปของเงินบาทก็ยังอยู๋ในทิศทางแนวโน้มขาลง ในเชิงเทคนิคระยะสั้นๆ คาดว่าจะเคลื่อนตัวไปในทิศทาง Sideways จึงแนะนำให้นักลงทุนปรับเป็น Sideways Trading ในช่วงสัปดาห์นี้ ในระยะกลางกับระยะยาวยังยืนยันว่าเป็นแนวโน้มขาลงตราบใดที่ราคายังไม่สามารถ ยืนเหนือ 1,695 เหรียญได้

 

Gold Futures G13 จะมีแนวรับที่ระดับ 23,950 บาท และแนวต้านที่ระดับ 24,120 บาท

Gold Futures J13 จะมีแนวรับที่ระดับ 24,170 บาท และแนวต้านที่ระดับ 24,350 บาท

Silver Futures G13 จะมีแนวรับที่ระดับ 920 บาท และแนวต้านที่ระดับ 960 บาท

คำแนะนำ

สำหรับนักลงทุนเก็งกำไรรายวัน (Swing Trade)

เก็งกำไรในภาวะการแกว่งตัวในแนวโน้มขาลง เปิด Short บริเวณ 1,675 เหรียญดังกล่าว

นักลงทุนระยะสั้น 7 — 20 วัน (Weekly Trade)

ยังเป็นลักษณะรอจังหวะทำ Short บริเวณ 1,680 เหรียญ

นักลงทุนระยะยาวทองคำแท่ง

ยังไม่ซื้อเพิ่ม แต่ว่ารอความชัดเจนของทิศทางตลาด ถือครองพอร์ทเพียง 10% เท่านั้น มองทิศทางภาพรวมเป็นแนวโน้มขาลง

 

ที่มา: ThaiPR.net 14 มกราคม 2556

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สเปนวางเป้ากู้ 2.3 แสนล้านยูโร(14/01/2556)

สเปนมีแผนจะลดการกู้ยืมเงินจากตลาดในปี 2556 หลังจากปีที่ผ่านมาประสบกับปัญหาผลตอบแทนพันธบัตรพุ่งสูงจนเกือบถูกกดดันให้ ขอรับเงินช่วยเหลือ

 

สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า กระทรวงการคลังสเปนประเมินความต้องการทางการเงินรวมของประเทศในปี 2556 ไว้ที่ 2.15-2.3 แสนล้านยูโร หลังจากรัฐบาลสเปนกู้ยืมเงินเป็นมูลค่า 2.496 แสนล้านยูโรในปี 2555 ขณะที่เงินกู้ยืมสุทธิ ซึ่งไม่รวมการรีไฟแนนซ์เงินกู้ที่มีอยู่เดิม จะมีคิดเป็นมูลค่า 7.1 หมื่นล้านยูโรในปี 2556

"ด้วยเป้าหมายดังกล่าว กระทรวงการคลังของสเปนเผชิญกับสถานการณ์ในปี 2556 ที่ผ่อนคลายกว่าปีก่อน โดยมีสถานการณ์ของเงื่อนไขในตลาดที่ดีขึ้นนับตั้งแต่ต้นปีเป็นปัจจัยประกอบ ด้วย" กระทรวงการคลังสเปนกล่าวในแถลงการณ์ พร้อมกับเสริมว่า แม้แต่ในภาวะที่มีความไม่แน่นอนสูงโดยเฉพาะช่วงครึ่งหลังของปี 2555 กระทรวงการคลังสเปนยังคงประสบความสำเร็จในการบริหารจัดการงบดุล

สเปนซึ่งมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 4 ของยูโรโซน หลีกเลี่ยงการต้องรับเงินช่วยเหลือได้อย่างหวุดหวิดในปี 2555 แม้ว่าเศรษฐกิจของประเทศจะก้าวเข้าสู่สภาวะถดถอยจนส่งผลให้อัตราว่างงานพุ่ง สูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ถึง 25%

นักลงทุนกังวลต่อปัญหนี้สาธารณะก้อนโตของสเปนจนเป็นเหตุผลักดันให้ผลตอบแทน พันธบัตรรัฐบาลสเปนพุ่งขึ้นสูงเกินกว่า 7% ซึ่งเป็นระดับที่ถูกมองว่าอันตรายในช่วงกลางปี 2555 สเปนกล่าวว่าเมื่อถึงสิ้นปี 2555 รัฐบาลมีหนี้จากตราสารหนี้เป็นมูลค่า 6.882 แสนล้านยูโร เพิ่มขึ้นจาก 5.921 แสนล้านยูโรในปี 2554 โดยหนี้ที่เพิ่มขึ้นมากจากการให้เงินช่วยเหลือกับรัฐบาลท้องถิ่น นำเงินไปใช้เป็นกองทุนช่วยเหลือธนาคารพาณิชย์ที่ประสบปัญหา และใช้ในกองทุนสำรองประกันสังคม

ข้อมูลการกู้ยืมแสดงให้เห็นว่าสเปนกู้ยืมเงินในปี 2555 สูงกว่าที่ประเมินไว้ในงบประมาณที่ 1.861 แสนล้านยูโร ขณะที่งบประมาณปี 2556 มีการประเมินความจำเป็นในการกู้ยืมของรัฐบาลไว้เพียง 2.072 แสนล้านยูโรเท่านั้น

ต้นทุนกู้ยืมของสเปนลดลงอย่างมากหลังจากนับตั้งแต่นายมาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) กล่าวเมื่อเดือนกันยายนปีก่อนว่า อีซีบีพร้อมจะเข้ามาซื้อพันธบัตรของรัฐบาลที่ประสบปัญหาตราบใดที่รัฐบาล นั้นๆ ยอมรับเงื่อนไขของกองทุนกู้ยืม นายมาริอาโน ราฮอย ชมเชยการตัดสินใจของนายดรากี แต่ยังคงปฏิเสธโอกาสที่สเปนจะขอรับความช่วยเหลือในส่วนดังกล่าว

ในการแถลงข่าวครั้งสุดท้ายช่วงสิ้นปี 2555 นายราฮอยคาดหมายว่า สเปนจะเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจที่ยากลำบากอย่างยิ่งในปี 2556 ขณะเดียวกันได้ให้คำมั่นว่าจะเดินหน้ามาตรการรัดเข็มขัดและปฏิรูปเศรษฐกิจ รัฐบาลของนายราฮอยอนุมัติงบประมาณปี 2556 ด้วยมาตรการรัดเข็มขัดอีกเป็นมูลค่า 3.9 หมื่นล้านยูโร

สเปนคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจในปี 2556 จะหดตัว 0.5% อย่างไรก็ดี ผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากมองว่าการหดตัวน่าจะรุนแรงกว่าที่รัฐบาลคาดหมาย ตัวเลขประมาณการของคณะกรรมาธิการยุโรปและองค์การเพื่อความร่วมมือทาง เศรษฐกิจและการพัฒนา (โออีซีดี) คาดว่าเศรษฐกิจสเปนจะหดตัว 1.4% ในปีนี้

สเปนตั้งเป้าว่าจะลดการขาดดุลงบประมาณลงเหลือ 3% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ภายในปี 2557 จากระดับการขาดดุล 9.4% ของจีดีพีในปี 2554

 

ที่มา : ฐานเศรษฐกิจ (วันที่ 14 มกราคม 2556)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

อีซีบีไม่กระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่ม(14/01/2556)

ธนาคารกลางยุโรปตัดสินใจไม่ลดอัตราดอกเบี้ยลงจากเดิม แม้เศรษฐกิจในยูโรโซนจะอยู่ในภาวะหดตัวท่ามกลางอัตราว่างงานทำสถิติสูงสุด โดยเชื่อว่าสัญญาณทางเศรษฐกิจเริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้น

 

มาริโอ ดรากี นายมาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) กล่าวภายหลังการประชุมประจำเดือนของธนาคารว่า เวลานี้จากมุมมองทางการเงิน ยูโรโซนกลับสู่สถานการณ์ที่เป็นปกติแล้ว "แต่เรายังไม่เห็นการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งในช่วงแรก" พร้อมกับเสริมว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจจะค่อยๆ ฟื้นตัวในปี 2556 โดยส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากสภาวะในตลาดเงินทุนที่พัฒนาขึ้นอย่างมาก

ที่ประชุมเจ้าหน้าที่บริหารของอีซีบีมีมติเป็นเอกฉันท์ในการประชุมวัน พฤหัสบดี (10 ม.ค.) ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 0.75% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในประวัติศาสตร์ และไม่มีการประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจใดๆ เพิ่มเติม แม้ว่าเมื่อหนึ่งเดือนก่อนนายดรากีจะส่งสัญญาณว่ามีการพูดคุยกันถึงโอกาสของ การลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก

นายดรากีกล่าวถึงสัญญาณหลายประการทางเศรษฐกิจที่พัฒนาขึ้นในทิศทางบวกใน ช่วงที่ผ่านมา อาทิ ผลตอบแทนพันธบัตรที่ลดต่ำลง มีการไหลเข้าของเงินทุนอีกครั้ง มีจำนวนเงินฝากธนาคารในภูมิภาคยุโรปใต้เพิ่มขึ้น และดัชนีวัดความเชื่อมั่นอยู่ในระดับที่ดีขึ้น

นักเศรษฐศาสตร์ให้ความเห็นต่อคำกล่าวของนายดรากีว่า เป็นสัญญาณที่ชัดเจนที่บ่งบอกว่าอีซีบีจะไม่กระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม อย่างไรก็ดี นักเศรษฐศาสตร์บางรายยังคงเชื่อว่าด้วยสถานการณ์ทางเศรษฐกิจปัจจุบัน ซึ่งมีอัตราว่างงานอยู่ในระดับสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ อีกทั้งธุรกิจหลายรายยังมีปัญหาในการเข้าถึงสินเชื่อ อีซีบีน่าจะลดอัตราดอกเบี้ยลงเพิ่มเติม

ขณะเดียวกัน นักเศรษฐศาสตร์อีกบางส่วนเห็นด้วยกับมุมมองของนายดรากีว่า มีสัญญาณว่าเศรษฐกิจยูโรโซนอาจจะกลับฟื้นคืนตัวได้ในอีกไม่ช้า "ดรากีทำถูกต้องที่เน้นย้ำว่าปัจจัยชี้วัดทางเศรษฐกิจหลายปัจจัยกลับมามี เสถียรภาพอีกครั้งในช่วงที่ผ่านมา" ยอร์ก คราเมอร์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จากคอมเมิร์ซแบงก์ ให้ความเห็นพร้อมกับประเมินว่าเศรษฐกิจถดถอยในยูโรโซนน่าจะสิ้นสุดในช่วงฤดู ใบไม้ผลิ

ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของยูโรโซนไม่มีการขยายตัวนับตั้งแต่ไตรมาส 3 ของปี 2554 นอกจากนี้ในไตรมาส 4 ของปี 2555 นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าจีดีพีจะหดตัวลงอย่างมาก โดยเยอรมนีซึ่งที่ผ่านมาสามารถเติบโตได้ท่ามกลางวิกฤติหนี้สาธารณะที่ยืด เยื้อมา 3 ปี จะเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจหดตัว กระนั้นนายดรากีเชื่อว่า สถานการณ์ในตลาดเงินทุนที่ดีขึ้น น่าจะส่งผลต่อเนื่องไปถึงเศรษฐกิจ และความต้องการทั่วโลกที่แข็งแกร่งขึ้นจะช่วยกระตุ้นการส่งออก

ในเดือนกันยายน อีซีบีประกาศแผนการซื้อพันธบัตรโดยไม่จำกัดวงเงินเพื่อช่วยลดต้นทุนกู้ยืม ของประเทศที่ประสบปัญหาในตลาด แม้ว่าจะยังไม่มีประเทศใดขอความช่วยเหลือมาทางอีซีบี (ซึ่งหมายความว่าจะต้องยอมรับเงื่อนไขเช่นเดียวกับการรับเงินช่วยเหลือ) แต่การประกาศความพร้อมที่จะดำเนินมาตรการดังกล่าวก็ช่วยลดผลตอบแทนพันธบัตร รัฐบาลสเปนและอิตาลีลงมาได้อย่างมาก โดยนายดรากีกล่าวว่า ผลของแผนซื้อพันธบัตรที่มีต่อตลาดมีสูงกว่าที่การประกาศลดดอกเบี้ยจะทำได้

ทางการคาดหวังว่า อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลที่ลดต่ำลงจะส่งผลให้ต้นทุนกู้ยืมสำหรับภาคครัว เรือนและธุรกิจลดลงตามไปด้วย ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการใช้จ่าย การลงทุน และการจ้างงาน อย่างไรก็ดี มีหลักฐานบ่งชี้เพียงน้อยนิดเท่านั้นว่าสถานการณ์ที่ดีขึ้นในตลาดเงินทุนส่ง ผลต่อเนื่องในการกระตุ้นให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจในยุโรปใต้กลับคืนมาอีกครั้ง

อัตราการว่างงานในยูโรโซนเพิ่มขึ้นทำสถิติที่ 11.8% ในเดือนพฤศจิกายน 2555 โดยมีความแตกต่างระหว่างสมาชิก 17 ประเทศของยูโรโซนอย่างมาก สเปนมีอัตราว่างงานถึง 26.6% เทียบกับเพียง 5.4% ในเยอรมนี กว่า 60% ของแรงงานอายุน้อยในสเปนตกอยู่ในภาวะว่างงาน ขณะที่มีแรงงานอายุน้อย 8% เท่านั้นในเยอรมนีที่ไม่มีงานทำ

นายดรากีกล่าวว่า อีซีบีไม่สามารถทำได้มากนักในการสร้างความสมดุลให้กับตัวเลขดังกล่าวไป มากกว่านี้ โดยหน้าที่ของอีซีบีคือรักษาอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับต่ำ นโยบายในตลาดแรงงานที่ปกป้องแรงงานที่มีอายุมากกว่าบีบให้คนอายุน้อยต้อง เป็นผู้รับผลพวงจากเศรษฐกิจอ่อนแอ ขณะเดียวกันการเคลื่อนที่ของแรงงานในระดับต่ำทำให้แรงงานในประเทศที่ เศรษฐกิจย่ำแย่ไม่ไปหางานในประเทศอื่นๆ แทน ซึ่งนายดรากีกล่าวว่า นโยบายทางการเงินไม่สามารถช่วยแก้ปัญหาดังกล่าว

แม้ว่าอีซีบีจะตรึงดอกเบี้ยไว้ที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ แต่อีซีบียังไม่ดำเนินมาตรการเชิงรุกอื่นๆ เพื่อรักษาการเติบโตทางเศรษฐกิจเหมือนเช่นธนาคารกลางอื่นๆ อาทิเช่น ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ที่ซื้อพันธบัตรอย่างต่อเนื่องเพื่อลดอัตราว่างงาน หรือธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ที่ซื้อสินทรัพย์เป็นจำนวนมาก ทั้งพันธบัตรรัฐบาลและกองทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ มาตรการลักษณะดังกล่าวโดยมากจะทำให้ค่าเงินอ่อนตัว ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการส่งออก แต่นายดรากีกล่าวชัดเจนว่าไม่มีแนวคิดที่จะลดค่าเงินยูโรลง

นอกจากนี้ นายดรากียังถูกตั้งคำถามหลายต่อหลายครั้ง ว่าอีซีบีจะพิจารณาวิธีการอื่นเพื่อช่วยกระตุ้นการให้สินเชื่อหรือไม่ เช่น มาตรการ Funding for Lending Scheme ของธนาคารกลางอังกฤษ (บีโออี) ที่ตอบแทนให้กับธนาคารที่ปล่อยกู้มากขึ้น แต่นายดรากีกล่าวว่า นโยบายที่อีซีบีใช้อยู่ คือธนาคารสามารถกู้ยืมเงินด้วยจำนวนไม่กำจัดถ้ามีหลักทรัพย์ค้ำประกันใน อัตราดอกเบี้ย 0.75% มีผลเทียบเท่ากับมาตรการของบีโออีอยู่แล้ว ซึ่งอีซีบีไม่สามารถบังคับให้ธนาคารปล่อยกู้ต่อให้กับผู้บริโภคในอัตรา ดอกเบี้ยที่ต่ำลงได้

 

ที่มา : ฐานเศรษฐกิจ (วันที่ 14 มกราคม 2556)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ญี่ปุ่นจัดหนักงบกระตุ้นศก.กว่า 3.5 ล้านล้าน(14/01/2556)

รัฐบาลญี่ปุ่นประกาศมาตรการฉุกเฉินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหม่ออกมาแล้ว เมื่อวันที่ 11 มกราคมที่ผ่านมา โดยเป็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่าเกือบ 1.17 แสนล้านดอลลาร์ หรือกว่า 3.56 ล้านล้านบาท พุ่งเป้าไปที่การแก้ปัญหาภาวะเงินฝืดในญี่ปุ่นที่เกิดขึ้นมานานหลายปีโดย รัฐบาลของนายชินโซ อาเบะจะเสนอโครงการลงทุนด้านสาธารณูปโภคพื้นฐานหลายโครงการ ควบคู่ไปกับการใช้มาตรการด้านการคลัง

 

หลังจากที่รัฐบาลชุดใหม่ของนายชินโซ อาเบะ เข้ารับตำแหน่ง ตลาดหุ้นของญี่ปุ่นกระเตื้องขึ้นและค่าเงินเยนก็อ่อนตัวลง แต่หลังจากนั้นไม่ถึงสองสัปดาห์ นักวิเคราะห์เริ่มจับตามองว่า ช่วงเวลาแห่งความเป็นจริงของเศรษฐกิจญี่ปุ่นเริ่มกลับมาแทนที่การเฉลิมฉลอง ชัยชนะหลังการเลือกตั้งของนายอาเบะแล้ว นั่นทำให้เขาต้องเร่งนำเสนอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมา "มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นก้าวแรกของแผนการฟื้นฟูเศรษฐกิจญี่ปุ่นในภาพ ใหญ่" นายอาเบะกล่าวในการประชุมสภาฟื้นฟูเศรษฐกิจ หรือ economic revitalization council ที่เพิ่งแต่งตั้งขึ้นเมื่อเร็วๆนี้ และเป็นหน่วยงานหัวจักรในการวางแผนและรับรองมาตรการฟื้นฟูต่างๆ

ทั้งนี้ โจทย์ปัญหาเฉพาะหน้าของญี่ปุ่นคือการพลิกฟื้นสถานการณ์การส่งออกที่อ่อนตัว ลงและเศรษฐกิจก็เข้าสู่ภาวะถดถอย มาตรการกระตุ้นเร่งด่วนจึงเน้นไปที่การเพิ่มงบลงทุนด้านงานสาธารณูปโภคพื้น ฐาน การฟื้นฟูเศรษฐกิจและชุมชนหลังภัยพิบัติ และการให้ความช่วยเหลือแก่ธุรกิจขนาดเล็ก

"การกำราบภาวะเงินฝืดและสกัดกั้นการแข็งค่าของเงินเยนเป็นภารกิจสำคัญอย่าง ยิ่งยวด" นายอาเบะกล่าว ดังนั้นเขาจึงย้ำว่าการมีนโยบายการคลังที่เฉียบขาดจึงเป็นเรื่องสำคัญ

ข่าวระบุว่าหลังจากที่รัฐบาลญี่ปุ่นประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ ทำให้มูลค่ากองทุนกระตุ้นเศรษฐกิจรวมขณะนี้ทะลุ 2.26 แสนล้านดอลลาร์ไปแล้ว อย่างไรก็ตาม รัฐบาลญี่ปุ่นประมาณการว่า แผนกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหม่ที่เพิ่งประกาศนี้จะสามารถทำให้ตัวเลขผลิตภัณฑ์ มวลรวมภายในประเทศ หรือ จีดีพี ของญี่ปุ่นขยายตัวขึ้นได้ถึง 2% และจะก่อให้เกิดงานใหม่ 6 แสนตำแหน่ง

เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา พรรคแอลดีพีของนายอาเบะได้รับชัยชนะอย่างล้นหลามจากการเลือกตั้งทั่วประเทศ ทำให้เขาได้กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง และเดินหน้าแก้ปัญหาเศรษฐกิจของญี่ปุ่นที่ติดหล่มซบเซามานานปี ในช่วงระหว่างการหาเสียงเลือกตั้งนั้น เขาประกาศนโยบายชัดเจนว่า พรรคแอลดีพีสนับสนุนมาตรการซื้อพันธบัตรรัฐบาลอย่างไม่จำกัด และจะเพิ่มเป้าหมายตัวเลขเงินเฟ้อเป็น 2% ซึ่งมากกว่าเดิมสองเท่า เป้าหมายเพื่อฉุดดึงเศรษฐกิจญี่ปุ่นออกจากภาวะถดถอย

อย่างไรก็ตาม ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่า ธนาคารกลางแห่งประเทศญี่ปุ่น หรือ บีโอเจ จะเห็นด้วยกับเป้าหมายดังกล่าวหรือไม่ แม้ว่าจะมีแรงกดดันทางการเมืองในเรื่องนี้อยู่ก็ตาม เกี่ยวกับเรื่องนี้ นายอาเบะเคยแถลงไว้ว่า ในการดึงเศรษฐกิจออกจากภาวะเงินฝืดนั้น ญี่ปุ่นจำเป็นต้องมีกรอบการทำงานที่สามารถเสริมสร้างความร่วมมือที่แข็ง แกร่งมากขึ้นระหว่างรัฐบาลและบีโอเจ และรัฐบาลเองก็คาดหวังว่า บีโอเจจะดำเนินมาตรการผ่อนคลายทางการเงินในเชิงรุกที่มีเป้าหมายชัดเจน เกี่ยวกับเงินเฟ้อ

ทั้งนี้ ในช่วงไตรมาส 2 ของปีที่ผ่านมา (เมษายน-มิถุนายน 2555) จีดีพีเฉลี่ยทั้งปีของญี่ปุ่นหดตัวลง 0.1% และยังหดต่อเนื่องในช่วงไตรมาสกรกฎาคมถึงกันยายนที่อัตรา 3.5% ทำให้เศรษฐกิจภาพรวมอยู่ในภาวะถดถอย "เราจะหยุดยั้งการหดตัวนี้ และจะเริ่มสร้างเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งขึ้น และให้รายได้ตลอดจนกำไรของภาคเอกชนสามารถขยายตัว" นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นกล่าวผ่านสื่อทีวีเมื่อเร็วๆนี้ เขาย้ำว่าเพื่อมุ่งหน้าสู่เป้าหมายดังกล่าว ประการแรกรัฐบาลจะต้องเป็นผู้ริเริ่มการกระตุ้นอุปสงค์ให้เกิดขึ้น และขับเคลื่อนกิจกรรมที่ทำให้เศรษฐกิจมีการขยายตัว ขณะเดียวกันบีโอเจก็จำเป็นต้องดำเนินมาตรการเฉียบขาดยิ่งขึ้นในการหยุดยั้ง ภาวะเงินฝืดด้วยการอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจมากยิ่งขึ้น นายอาเบะย้ำว่า เรื่องดังกล่าวมีความจำเป็นเพราะจะช่วยให้ภาคเอกชนมั่นใจที่จะลงทุนและผู้ บริโภคเองก็จะมีความมั่นใจที่จะจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น

มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่าเกือบ 1.17 แสนล้านดอลลาร์ครั้งนี้ นับเป็นมาตรการมูลค่าสูงสุดมาตรการหนึ่งในประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่น นับตั้งแต่ที่ผู้นำรัฐบาลญี่ปุ่นดำริเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็มีผลทำให้เงินเย นปรับค่าอ่อนลงซึ่งเป็นผลดีต่อภาคการส่งออกของญี่ปุ่น

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่นักวิเคราะห์ชี้ว่าเป็นจุดเสี่ยงของมาตรการลงทุนมูลค่าสูงนี้ก็คือ การเพิ่มหนี้สาธารณะของญี่ปุ่นที่ทะยานสูงขึ้นมากและมีมูลค่าสูงกว่าจีดีพี ของญี่ปุ่นเองถึงสองเท่า ทำให้ญี่ปุ่นกลายเป็นประเทศอุตสาหกรรมพัฒนาแล้วที่มีมูลค่าหนี้สาธารณะสูง มากที่สุดเป็นอันดับหนึ่งของโลก อีกทั้งรัฐบาลชุดก่อนๆของพรรคแอลดีพีก็เคยสร้างปัญหามาเยอะเกี่ยวกับเรื่อง นี้ เนื่องจากเน้นลงทุนในโครงการพัฒนาสาธารณูปการพื้นฐาน บ้างก็ถูกมองว่าเป็นโครงการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำไม่ได้ใช้ประโยชน์จริง จนหนี้ภาครัฐทะยานสูง กระนั้นก็ตาม นายอาเบะกล่าวว่า มาตรการครั้งใหม่นี้มีความแตกต่างจากอดีตอย่างสิ้นเชิง เพราะจะเน้นลงทุนในโครงการที่สามารถสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจผ่านนวัตกรรม นอกจากนี้ รัฐบาลยังจะให้ความสำคัญกับมาตรการแก้ปัญหาสังคมคนชราโดยส่งเสริมให้ครอบ ครัวชาวญี่ปุ่นมีบุตรเพิ่มขึ้นด้วย

 

ที่มา: ฐานเศรษฐกิจ (วันที่ 14 มกราคม 2556)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

คอลัมน์: คลินิกหุ้น: ลุ้นดัชนีพุ่งต่อ (14/01/2556)

บริษัท หลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด และบริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด รายงานภาวะตลาดหุ้นไทยสัปดาห์ที่ผ่านมา ระหว่างวันที่ 7-11 ม.ค.56 ว่า ดัชนีหุ้นปรับลดลงจากแรงขายต่างชาติ ท่ามกลางข่าวการปรับลดระดับความน่าลงทุน ทั้งนี้ ดัชนีหุ้นไทยปิดที่ระดับ 1,412.06 จุด ลดลง 0.32% จากสัปดาห์ก่อน ด้านมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันเพิ่มขึ้น 17.42% จากสัปดาห์ก่อน มาอยู่ที่ 53,716.13 ล้านบาท โดยนักลงทุนสถาบัน และนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ ขณะที่ บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ และนักลงทุนรายย่อยขายสุทธิ ส่วนตลาดหลักทรัพย์ MAI ปิดที่ 434.31 จุด เพิ่มขึ้น 3.09% จากสัปดาห์ก่อน ตลาดหุ้นไทยทรงตัวในช่วงต้นสัปดาห์ โดยมีแรงซื้อ สลับแรงขายจากกองทุน LTF ก่อนที่จะปรับลดลงในวันพฤหัสบดี จากแรงขายของต่างชาติ ท่ามกลางข่าวการปรับลดระดับความน่าลงทุนโดยบริษัทโบรกเกอร์ต่างชาติ ก่อนที่จะปรับเพิ่มขึ้นอีกครั้งในวันศุกร์ โดยมีแรงซื้อกลับในหุ้นกลุ่มพลังงานและอสังหาริมทรัพย์

 

สำหรับแนวโน้มสัปดาห์นี้ ระหว่างวันที่ 14-18 ม.ค.56 บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด และบริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีมีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้น โดยได้แรงหนุนจากการปรับขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน สำหรับเครื่องชี้เศรษฐกิจสหรัฐที่สำคัญ ได้แก่ เครื่องชี้วัดภาคการผลิตและตลาดที่อยู่อาศัย รวมถึงดัชนีราคาผู้ผลิตและดัชนีราคาผู้บริโภค ทั้งนี้ บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด คาดว่า ดัชนีจะมีแนวรับที่ 1,384 และ 1,368 จุด ขณะที่แนวต้านคาดว่าจะอยู่ที่ 1,423 และ 1,443 จุดตามลำดับ

 

ขณะที่ความเคลื่อนไหวด้านค่าเงินบาทภายในประเทศ ระหว่างสัปดาห์ที่ผ่านมา บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด และบริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด รายงานว่าเงินบาททุบสถิติแข็งค่าสุดในรอบกว่า 1 ปี โดยเงินบาทเริ่มทยอยแข็งค่าขึ้นตั้งแต่บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด และบริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด รายงานว่าเงินบาททุบสถิติแข็งค่าสุดในรอบกว่า 1 ปี โดยเงินบาทเริ่มทยอยแข็งค่าขึ้นตั้งแต่ในช่วงต้นสัปดาห์ หลังจากที่นักลงทุนกลับไปสนใจประเด็นเพดานหนี้และการเจรจาการตัดลดงบประมาณของสหรัฐ ซึ่งเป็นโจทย์ที่รออยู่หลังเลี่ยงภาวะหน้าผาทางการคลังยกแรกไปแล้ว นอกจากนี้ กระแสเงินทุนไหลเข้าตลาดหุ้นและตลาดพันธบัตรไทย ก็เป็นปัจจัยที่ผลักดันให้เงินบาททะยานขึ้นแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบกว่า 1 ปี ในช่วงปลายสัปดาห์ อย่างไรก็ดี การแข็งค่าของเงินบาทยังคงสอดคล้องกับทิศทางเงินหยวนและสกุลเงินอื่นๆ ในเอเชียในวันศุกร์ (11 ม.ค.) เงินบาทอยู่ที่ 30.25 เทียบกับระดับปิดตลาดในวันศุกร์ก่อนหน้า (4 ม.ค.) ที่ 30.48 บาทต่อดอลลาร์ฯ

 

สำหรับแนวโน้มสัปดาห์นี้ (14-18 ม.ค.56) เงินบาทอาจเคลื่อนไหวในกรอบ 30.20-30.45 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยคงต้องติดตามความคืบหน้าของการแก้โจทย์การคลังยกที่สองของสหรัฐฯ (การปรับเพิ่มเพดานหนี้และการตัดลดงบประมาณ) ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (เบื้องต้น) ผลสำรวจภาคการผลิตของเฟดสาขานิวยอร์ก แนวโน้มธุรกิจของเฟดสาขาฟิลาเดลเฟีย ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือน ม.ค.56 ยอดค้าปลีก ดัชนีราคาผู้บริโภค ข้อมูลการผลิตภาคอุตสาหกรรม ข้อมูลการเริ่มสร้างบ้าน และการอนุญาตก่อสร้างเดือน ธ.ค.55 ข้อมูลเงินทุนไหลเข้าสุทธิสู่ตลาดการเงินสหรัฐ เดือน พ.ย.55 และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์

 

สำหรับอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นทรงตัวต่อเนื่อง โดยธนาคารพาณิชย์มีการปิดสำรองสภาพคล่องรายปักษ์ในวันอังคาร และเข้าสู่ปักษ์ใหม่ในวันพุธ ในขณะเดียวกัน ก็มีการตัดจ่ายเงินภาษีหัก ณ ที่จ่ายผ่านระบบธนาคารในช่วงต้นสัปดาห์ ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยอินเตอร์แบงก์ประเภทกู้ยืมข้ามคืน (Overnight) มีระดับหนาแน่นที่ 2.65% ไม่เปลี่ยนแปลงจากสัปดาห์ก่อน ส่วนอัตราผลตอบแทนถัวเฉลี่ยที่ประมูลได้ของธุรกรรมซื้อคืนพันธบัตรแบบทวิภาคี (Bilateral Repo) ระยะเวลาไม่เกิน 1 เดือน อยู่ที่ 2.75% ไม่เปลี่ยนแปลงจากสัปดาห์ก่อน

 

ในสัปดาห์ระหว่างวันที่ 14-18 ม.ค.56 ธนาคารพาณิชย์จะมีตัดจ่ายเงินภาษีนิติบุคคลผ่านระบบธนาคารในช่วงต้นสัปดาห์ ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในตลาดเงินน่าจะยังทรงตัวต่อเนื่องใกล้ระดับ 2.75%

 

ที่มา: หนังสือพิมพ์บ้านเมือง 14 มกราคม 2556

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...