ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
tt2518

ขอเดา(ราคาทอง)กับเขาบ้าง

โพสต์แนะนำ

ตลาดหุ้นเอเชียติดลบเช้านี้ หลังรัฐสภาไซปรัสค้านร่างกฎหมายภาษีเงินฝาก (20/03/2556)

ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงเช้าวันนี้ หลังรัฐสภาไซปรัสมีมติปฏิเสธมาตรการจัดเก็บภาษีเงินฝากในระบบธนาคาร ซึ่งส่งผลให้ไซปรัสเผชิญความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ โดยมีแนวโน้มที่จะผิดนัดชำระหนี้อย่างที่ไม่สามารถควบคุมได้

 

ดัชนี MSCI Asia Pacific ไม่รวมญี่ปุ่น ลดลง 0.4% แตะ 466.26 จุด เมื่อเวลา 11.54 น.ตามเวลาซิดนีย์

 

ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 21,990.04 จุด ลดลง 51.82 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 2,257.74 จุด เพิ่มขึ้น 0.31 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 7,834.73 จุด ลดลง 3.74 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 1,969.19 จุด ลดลง 9.37 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,255.79 จุด ลดลง 13.34 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ที่ 6,416.42 จุด ลดลง 9.83 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,622.95 จุด ลดลง 2.51 จุด และดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียเปิดวันนี้ที่ 4,974.50 จุด ลดลง 12.90 จุด

 

สำหรับตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดทำการวันนี้ เนื่องในวันหยุด

 

หุ้นซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์ ขยับลง 0.6%, หุ้นบีเอชพี บิลลิตัน และ ริโอ ทินโต กรุ๊ป ร่วงลงกว่า 2.6% ขณะที่หุ้นเดวิด โจนส์ ทะยาน 3.4%

 

รัฐสภาไซปรัสที่ประกอบด้วยสมาชิก 56 รายลงมติไม่เห็นชอบร่างกฎหมายจัดเก็บภาษีเงินฝากดังกล่าวด้วยคะแนนเสียง 36 เสียง โดย 19 รายงดออกเสียง

 

มาตรการภาษีดังกล่าวมีขึ้นเมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้วในการประชุมรัฐมนตรีคลังยูโรโซนที่กรุงบรัสเซลส์ โดยผู้มีเงินฝากในบัญชีธนาคารมากกว่า 100,000 ยูโรจะถูกหักภาษี 9.9% และจะมีการเก็บภาษี 6.75% สำหรับจำนวนเงินที่ต่ำกว่านั้น ซึ่งคาดว่าจะช่วยให้ไซปรัสระดมทุนได้ 5.8 พันล้านยูโร

 

แม้ว่ารัฐบาลไซปรัสได้พิจารณาทบทวนร่างกฎหมายดังกล่าวในการช่วยให้ผู้ฝากเงินรายย่อยที่มีเงินในบัญชีธนาคารไม่เกิน 20,000 ยูโร (25,800 ดอลลาร์) ไม่ต้องเสียภาษีอัตรา 6.75% แต่มาตรการดังกล่าวก็ยังเผชิญกับการต่อต้านจากพรรคฝ่ายค้านและแม้แต่พรรคร่วมรัฐบาลเอง

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันที่ 20 มีนาคม 2556)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ส่งออกจ๊าก "เงินบาท" ทำสถิติแข็งค่าสุดในรอบ 16 ปี (20/03/2556)

เมื่อวันที่ 19 มี.ค. ฝ่ายค้าเงินตราต่างประเทศ ธนาคารกรุงเทพ รายงานว่า ภาวะการเคลื่อนไหวของค่าเงินประจำวันอังคารที่ 19 มีนาคม 2556 ค่าเงินบาทเปิดตลาดเช้านี้ที่ระดับ 29.38/40 บาท/ดอลลาร์ ปรับตัวแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับระดับปิดตลาดเมื่อวันจันทร์ (18/3) ที่ 29.52/54 ที่ 29.52/54 บาท/ดอลลาร์ สกุลเงินบาทนั้นแข็งค่าขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐฯในช่วงเช้าที่ผ่านมา และแตะระดับ 29.33 บาท/ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับที่แข็งที่สุดของสกุลเงินบาทในรอบ 16 ปีนับตั้งแต่ปี 1997 ซึ่งการแข็งค่าของเงินบาทอย่างรวดเร็วในช่วงเช้านั้นได้รับแรงหนุนจากการที่ยังมีเงินทุนจากต่างชาติไหลเข้าประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง และการที่กองทุนต่างประเทศเข้าซื้อเงินบาทจำนวนมากภายหลังจากที่เงินบาทแข็งค่าเกินระดับ 29.50 บาท/ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับที่มีความสำคัญทางจิตวิทยาต่อนักลงทุน ขณะที่ในบ่ายวันนี้ นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยได้ให้ความเห็นว่าไม่ได้วิตกกังวลต่อการแข็งค่าขึ้นของเงินบาทในช่วงนี้ และยังไม่เห็นความจำเป็นของการนัดประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินฉุกเฉิน โดยตลอดทั้งวันค่าเงินบาทมีกรอบการเคลื่อนไหวอยู่ที่ 29.33-46 บาท/ดอลลาร์ ก่อนปิดตลาดที่ระดับ 29.35/37 บาท/ดอลลาร์

 

สำหรับค่าเงินยูโรวันนี้เปิดตลาดที่ระดับ 1.2956/57 ดอลลาร์/ยูโร ใกล้เคียงกับระดับปิดตลาดเมื่อวันจันทร์ที่1.2962/64 ดอลลาร์/ยูโร โดยสกุลเงินยูโรนั้นปรับตัวอ่อนค่าลงอย่างมากในช่วงการซื้อขายวันจันทร์จากการที่นักลงทุนกลับมากังวลเกี่ยวกับวิกฤตเศรษฐกิจของยูโรโซน ภายหลังจากที่ผู้นำกลุ่มยูโรโซนและผู้นำไซปรัสบรรลุข้อตกลงกันให้ไซปรัสเก็บภาษีเงินฝากจากประชาชนเพื่อระดมทุนจำนวน 5.8 พันล้านยูโร เป็นการแลกกับเงินช่วยเหลือครั้งต่อไปจำนวน 1 หมื่นล้านยูโร โดยข่าวดังกล่าวส่งผลให้ประชาชนต่างไปถอนเงินออกจากธนาคารของไซปรัสเป็นจำนวนมากและธนาคารต้องปิดทำการลงจนถึงวันพุธ เหตุการณ์นี้ทำให้นักลงทุนกังวลว่าธนาคารในไซปรัสกำลังเผชิญความเสี่ยงต่อการล้มละลาย และกังวลว่ามาตรการเก็บภาษีเงินฝากแบบนี้นั้นจะถูกนำมาใช้กับประเทศที่ประสบปัญหาหนี้สินการคลังประเทศอื่นอย่างเช่นโปรตุเกสและกรีซด้วย ความกังวลนี้ส่งผลให้สกุลเงินยูโรปรับตัวอ่อนค่าลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือนที่ 1.2882 ดอลลาร์/ยูโร ในช่วงการซื้อขายวันจันทร์ สกุลเงินยูโรนั้นปรับตัวแข็งค่ากลับขึ้นมาได้เล็กน้อย ภายหลังจากที่ผู้นำยูโรโซนออกมาแสดงความเห็นว่าทางไซปรัสอาจจะสามารถยกเว้นการเก็บภาษีเงินฝากจากบัญชีที่มียอดต่ำกว่า 1 แสนยูโรได้ และข่าวของไซปรัสนั้นไม่ได้ส่งผลกระทบต่อต้นทุนการกู้ยืมของสเปนและอิตาลีมากนัก อย่างไรก็ดี ทางรัฐสภาของไซปรัสยังไม่ได้ทำการผ่านร่างกฎหมายการเก็บภาษีเงินฝาก โดยทางรัฐสภาจะทำการประชุมเพื่อลงคะแนนเสียงกันในค่ำวันนี้ โดยกรอบการเคลื่อนไหวของสกุลเงินยูโรระหว่างวันนั้นอยู่ที่ระดับ 1.2916-1.2974 ดอลลาร์/ยูโร ก่อนปิดตลาดที่ระดับ 1.2934/1.2936 ดอลลาร์/ยูโร

 

สำหรับค่าเงินเยนวันนี้เปิดตลาดที่ระดับ 95.53/54 เยน/ดอลลาร์ ปรับตัวอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับระดับปิดตลาดเมื่อวันจันทร์ที่ 94.98/95.03 เยน/ดอลลาร์ โดยเงินเยนนั้นแข็งค่าขึ้นมากในวันจันทร์จากการที่นักลงทุนเทขายเงินยูโรแล้วกลับเข้าซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยซึ่งรวมถึงสกุลเงินเยน แต่ได้กลับมาอ่อนค่าลงอีกครั้งหลังความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจของยุโรปจากข่าวการเก็บภาษีเงินฝากในไซปรัสผ่อนคลายลง ประกอบกับมีการขายเยนทำกำไรของนักลงทุนบางส่วน อย่างไรก็ดี เงินเยนยังคงได้รับแรงกดดันอย่างต่อเนื่องจากการที่นักลงทุนคาดการณ์ว่า นายฮารุฮิโกะ คุโรดะ จะทำการผ่อนคลายนโยบายทางการเงินเพิ่มเติมทันทีหลังจากที่เขาเข้ารับตำแหน่งผู้ว่าธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ในวันพรุ่งนี้ ทั้งนี้ค่าเงินเยนมีกรอบการเคลื่อนไหวระหว่างวันอยู่ที่ระดับ 95.06-95.74 เยน/ดอลลาร์ ก่อนปิดตลาดที่ระดับ 95.42/43 เยน/ดอลลาร์

 

อนึ่ง ข้อมูลเศรษฐกิจที่น่าสนใจในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (FED), ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ของเยอรมนี, ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของยูโรโซน (20/3), ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อของยูโรโซน, ยอดค้าปลีกของอังกฤษ, ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการผู้ว่างงานประจำสัปดาห์ของสหรัฐ (21/3), ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจ IFO ของเยอรมนี (22/3)

 

อัตราป้องกันความเสี่ยง (swap point) ภาคเช้า 1 เดือนในประเทศอยู่ที่ +5.95/6.15 สตางค์/ดอลลาร์ และอัตราป้องกันความเสี่ยง (swap point) ภาคเช้า 1 เดือนต่างประเทศอยู่ที่ +4.5/5.5 สตางค์/ดอลลาร์

 

ที่มา : มติชนออนไลน์ (วันที่ 20 มีนาคม 2556)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ไซปรัสเลิกเก็บภาษีเงินออมน้อย(20/03/2556)

ผู้ว่าแบงก์ชาติไซปรัสออกโรงเตือน รัฐบาลเลิกเก็บภาษีบัญชีเงินฝากต่ำกว่า 20,000 ยูโร เสี่ยงทำข้อตกลงช่วยเหลือจากกลุ่มยูโรโซนล่ม

 

คำเตือนของนายปานิคอส เดเมเทรียเดส ผู้ว่าการธนาคารกลางไซปรัส เกิดขึ้นในขณะที่นางคริสติน ลาการ์ด กรรมการผู้จัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เรียกร้องให้ไซปรัสปฏิบัติตามคำมั่นที่ให้ไว้ในข้อตกลงรับความช่วยเหลือมูลค่า 10,000 ล้านยูโร หรือราว 390,000 ล้านบาท ที่ทำไว้กับชาติพันธมิตรยูโรโซนในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

 

ทั้งนี้ ในการทบทวนแผนขอรับความช่วยเหลือ เพื่อบรรเทาความไม่พอใจของประชาชนในประเทศนั้น แม้รัฐบาลไซปรัสจะยกเลิกการเก็บภาษีบัญชีเงินฝากแล้ว แต่ยังคงการจัดเก็บภาษีในอัตรา 6.75% สำหรับบัญชีเงินฝากตั้งแต่ 20,000 - 100,000 ยูโร และ 9.9% สำหรับบัญชีเงินฝากที่มีมากกว่า 100,000 ยูโร

 

ขณะที่นายโวล์ฟกัง โชเบิล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเยอรมนี ระบุว่า นักลงทุนที่นำเงินไปฝากไว้ในธนาคารไซปรัส เพื่อหวังจ่ายภาษีน้อยลง ควรร่วมแบกรับความเสี่ยงไปด้วย ในช่วงเวลาที่ไซปรัสต้องการเงินอัดฉีด เพื่อรักษาสภาพเศรษฐกิจไว้

 

นายโชเบิล กล่าวว่า ถ้าหากกลุ่มคนเหล่านี้ไม่ต้องแบกรับภาระในการอัดฉีด หน้าที่ดังกล่าวก็จะต้องตกเป็นภาระของผู้เสียภาษีชาวยุโรป ที่ต้องจ่ายเงินมารักษาการลงทุนของชาวต่างชาติในไซปรัสเอาไว้ ซึ่งถือเป็นการกระทำที่ไร้ความรับผิดชอบอย่างมาก

 

ขุนคลังรายนี้ กล่าวด้วยว่า รูปแบบเศรษฐกิจของไซปรัส ที่ใช้อัตราภาษีต่ำเข้ามาดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศนั้น เป็นเหตุที่ทำให้เกิดภาวะล้มละลายขึ้นมา

 

ทั้งนี้ ไซปรัสได้สั่งปิดธนาคารในประเทศ จนถึงวันพรุ่งนี้ (21 มี.ค.) และชะลอการลงมติของรัฐสภาในแผนจัดเก็บภาษีออกมาเป็นเมื่อวานนี้ (25 มี.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น หลังประชาชนพากันมาถอนเงินฝากออกไป ขณะที่กลุ่มรัฐมนตรีคลังยูโร ระบุว่า จะมีการเปิดเจรจารอบใหม่ ถึงความเป็นไปได้ที่จะเพิ่มอัตราภาษีสำหรับผู้มีเงินฝากจำนวนมาก เพื่อรับประกันว่าจะได้รับรายได้คืนจำนวน 5,800 ล้านยูโร เท่ากับแผนการฉบับแรก ที่เก็บภาษีเงินฝากทั้งหมด

 

ทางด้านนายเจอโรน ดิสเซลโบลม ประธานกลุ่มยูโร จากเนเธอร์แลนด์ ระบุว่า บรรดารัฐมนตรียูโร ยังคงมีความเห็นตรงกันว่า ควรปฏิบัติต่อผู้มีเงินฝากจำนวนน้อย แตกต่างจากผู้ที่มีเงินฝากอยู่เป็นจำนวนมาก

 

ที่มา หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ (วันที่ 20 มีนาคม 2556)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดีตอนเช้าครับ

 

ป๋าของเราไปไหนเนี่ย ^^

ขออภัยที่มาสายครับ

เจ็บใจ ฉิบ....หา..ย ลำไยบาน

 

ป๋ามุกเจ้ อย่าบอกนะว่าป๋าจดลงกระดาษจริง ใครมันจะกล้าตามละป๋า

ก็แล้วแต่ความเชื่อของแต่ละบุคคลครับ และขึ้นอยู่กับเจ้ฯ ชอบมุมมองแบบไหน ผมสนับสนุนข้อมูลที่คิดว่าให้เกือบเต็ม เพื่อพิจารณาการเล่นด้วยตนเองเป็นหลัก เพราะแต่ละท่าน แต่ละคน ลงทุนในทองคำ แตกต่างกันไป ส่วนต่างที่เกิดจากราคาทอง Spot ขึ้นหรือลด หรือ เกี่ยวกับค่าเงินบาท ผลตอบแทนแบะช่วงห่างของราคาทองแตกต่างกันไป คนเล่นอะไร แบบไหน ย่อมรู้ช่วงถ่างของราคาว่า เท่าไหร่ถึงจะมีกำไร ? ซึ่งถ้าไม่มีการคิดไว้ล่วงหน้า ก็ถือว่า " เล่นไม่เป็น มีแต่ขาดทุน เย้ๆๆ เอามันเท่านั้น "

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

วันที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2556 เวลา 01:00 น. ข่าวสดออนไลน์

 

 

ชี้ "เงินบาท" แข็งค่าสุดในรอบ 16 ปี

 

วันที่ 19 มี.ค. ฝ่ายค้าเงินตราต่างประเทศธนาคารกรุงเทพ รายงานว่า ภาวะการเคลื่อนไหวของค่าเงินประจำวันอังคารที่ 19 มีนาคม 2556 ค่าเงินบาทเปิดตลาดเช้านี้ที่ระดับ 29.38/40 บาท/ดอลลาร์ ปรับตัวแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับระดับปิดตลาดเมื่อวันจันทร์ (18/3) ที่ 29.52/54 ที่ 29.52/54 บาท/ดอลลาร์ สกุลเงินบาทนั้นแข็งค่าขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐฯในช่วงเช้าที่ผ่านมา และแตะระดับ 29.33 บาท/ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับที่แข็งที่สุดของสกุลเงินบาทในรอบ 16 ปีนับตั้งแต่ปี 1997 ซึ่งการแข็งค่าของเงินบาทอย่างรวดเร็วในช่วงเช้านั้นได้รับแรงหนุนจากการที่ยังมีเงินทุนจากต่างชาติไหลเข้าประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง และการที่กองทุนต่างประเทศเข้าซื้อเงินบาทจำนวนมากภายหลังจากที่เงินบาทแข็งค่าเกินระดับ 29.50 บาท/ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับที่มีความสำคัญทางจิตวิทยาต่อนักลงทุน ขณะที่ในบ่ายวันนี้ นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยได้ให้ความเห็นว่าไม่ได้วิตกกังวลต่อการแข็งค่าขึ้นของเงินบาทในช่วงนี้ และยังไม่เห็นความจำเป็นของการนัดประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินฉุกเฉิน โดยตลอดทั้งวันค่าเงินบาทมีกรอบการเคลื่อนไหวอยู่ที่ 29.33-46 บาท/ดอลลาร์ ก่อนปิดตลาดที่ระดับ 29.35/37 บาท/ดอลลาร์

 

สำหรับค่าเงินยูโรวันนี้เปิดตลาดที่ระดับ 1.2956/57 ดอลลาร์/ยูโร ใกล้เคียงกับระดับปิดตลาดเมื่อวันจันทร์ที่

1.2962/64 ดอลลาร์/ยูโร โดยสกุลเงินยูโรนั้นปรับตัวอ่อนค่าลงอย่างมากในช่วงการซื้อขายวันจันทร์จากการที่นักลงทุนกลับมากังวลเกี่ยวกับวิกฤตเศรษฐกิจของยูโรโซน ภายหลังจากที่ผู้นำกลุ่มยูโรโซนและผู้นำไซปรัสบรรลุข้อตกลงกันให้ไซปรัสเก็บภาษีเงินฝากจากประชาชนเพื่อระดมทุนจำนวน 5.8 พันล้านยูโร เป็นการแลกกับเงินช่วยเหลือครั้งต่อไปจำนวน 1 หมื่นล้านยูโร โดยข่าวดังกล่าวส่งผลให้ประชาชนต่างไปถอนเงินออกจากธนาคารของไซปรัสเป็นจำนวนมากและธนาคารต้องปิดทำการลงจนถึงวันพุธ เหตุการณ์นี้ทำให้นักลงทุนกังวลว่าธนาคารในไซปรัสกำลังเผชิญความเสี่ยงต่อการล้มละลาย และกังวลว่ามาตรการเก็บภาษีเงินฝากแบบนี้นั้นจะถูกนำมาใช้กับประเทศที่ประสบปัญหาหนี้สินการคลังประเทศอื่นอย่างเช่นโปรตุเกสและกรีซด้วย ความกังวลนี้ส่งผลให้สกุลเงินยูโรปรับตัวอ่อนค่าลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือนที่ 1.2882 ดอลลาร์/ยูโร ในช่วงการซื้อขายวันจันทร์ สกุลเงินยูโรนั้นปรับตัวแข็งค่ากลับขึ้นมาได้เล็กน้อย ภายหลังจากที่ผู้นำยูโรโซนออกมาแสดงความเห็นว่าทางไซปรัสอาจจะสามารถยกเว้นการเก็บภาษีเงินฝากจากบัญชีที่มียอดต่ำกว่า 1 แสนยูโรได้ และข่าวของไซปรัสนั้นไม่ได้ส่งผลกระทบต่อต้นทุนการกู้ยืมของสเปนและอิตาลีมากนัก อย่างไรก็ดี ทางรัฐสภาของไซปรัสยังไม่ได้ทำการผ่านร่างกฎหมายการเก็บภาษีเงินฝาก โดยทางรัฐสภาจะทำการประชุมเพื่อลงคะแนนเสียงกันในค่ำวันนี้ โดยกรอบการเคลื่อนไหวของสกุลเงินยูโรระหว่างวันนั้นอยู่ที่ระดับ 1.2916-1.2974 ดอลลาร์/ยูโร ก่อนปิดตลาดที่ระดับ 1.2934/1.2936 ดอลลาร์/ยูโร

 

สำหรับค่าเงินเยนวันนี้เปิดตลาดที่ระดับ 95.53/54 เยน/ดอลลาร์ ปรับตัวอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับระดับปิดตลาดเมื่อวันจันทร์ที่ 94.98/95.03 เยน/ดอลลาร์ โดยเงินเยนนั้นแข็งค่าขึ้นมากในวันจันทร์จากการที่นักลงทุนเทขายเงินยูโรแล้วกลับเข้าซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยซึ่งรวมถึงสกุลเงินเยน แต่ได้กลับมาอ่อนค่าลงอีกครั้งหลังความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจของยุโรปจากข่าวการเก็บภาษีเงินฝากในไซปรัสผ่อนคลายลง ประกอบกับมีการขายเยนทำกำไรของนักลงทุนบางส่วน อย่างไรก็ดี เงินเยนยังคงได้รับแรงกดดันอย่างต่อเนื่องจากการที่นักลงทุนคาดการณ์ว่า นายฮารุฮิโกะ คุโรดะ จะทำการผ่อนคลายนโยบายทางการเงินเพิ่มเติมทันทีหลังจากที่เขาเข้ารับตำแหน่งผู้ว่าธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ในวันพรุ่งนี้ ทั้งนี้ค่าเงินเยนมีกรอบการเคลื่อนไหวระหว่างวันอยู่ที่ระดับ 95.06-95.74 เยน/ดอลลาร์ ก่อนปิดตลาดที่ระดับ 95.42/43 เยน/ดอลลาร์

 

อนึ่ง ข้อมูลเศรษฐกิจที่น่าสนใจในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (FED), ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ของเยอรมนี, ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของยูโรโซน (20/3), ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อของยูโรโซน, ยอดค้าปลีกของอังกฤษ, ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการผู้ว่างงานประจำสัปดาห์ของสหรัฐ (21/3), ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจ IFO ของเยอรมนี (22/3)

 

อัตราป้องกันความเสี่ยง (swap point) ภาคเช้า 1 เดือนในประเทศอยู่ที่ +5.95/6.15 สตางค์/ดอลลาร์ และอัตราป้องกันความเสี่ยง (swap point) ภาคเช้า 1 เดือนต่างประเทศอยู่ที่ +4.5/5.5 สตางค์/ดอลลาร์

 

http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNMk16Y3hNVEkxTUE9PQ==&subcatid=

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอขอบคุณเด็กขายของหลายๆเด้อข้าน้อย :01

ขออภัยคุณ meng 166 ที่มาสายครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

จิตติเตือนนักลงทุนทองอย่าเพิ่งเข้าตลาดทอง หวั่นบาทแข็งดึงร่วง

 

นายกสมาคมค้าทอง ระบุ ค่าเงินบาทแข็งดึงราคาทองคำร่วง 100 บาท หวั่นบาทจะแข็งเพิ่มมากขึ้นอีก แนะนักลงทุนระยะสั้นรอดูปัจจัยจากต่างประเทศที่ส่งผลต่อราคาทองคำก่อนตัดสินใจเข้าตลาด

 

เมื่อวันที่ 19 มี.ค. นายจิตติ ตั้งสิทธิภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ กล่าวว่า ค่าเงินบาทที่แข็งค่าที่สุดในรอบ 16 ปี ทำให้ราคาทองคำเปิดตลาดในวันนี้ (19 มี.ค.) ต้องปรับตัวลดลง 100 บาท ทั้งที่จริงๆ แล้วราคาทองคำวันนี้ไม่น่าจะมีการเคลื่อนไหว อย่างไรก็ตามโดยส่วนตัวยังมีความกังวลว่าค่าเงินบาทอาจจะแข็งค่าขึ้นอีกและจะส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวลดลงไปอีกได้ด้วยเช่นกัน

 

"เงินบาทแข็งทำให้ทองราคาทองถูกลง ทั้งที่วันนี้ราคาทองไม่ควรปรับ ซึ่งคาดว่าภายในเดือนนี้ทองคำจะเคลื่อนไหวที่ 1,620 เหรียญ แต่ถ้าไม่ผ่านก็อาจจะลงมาใหม่เป็น 1,500 กว่า"

 

นายจิตติ กล่าวด้วยว่า หากจะเล่นทองคำในระยะสั้นก็จะต้องตัดสินใจดูให้ดีเพราะขณะนี้ปัจจัยที่มาจากต่างประเทศมีความเคลื่อนไหวอยู่มาก จึงอยากแนะนำให้นักลงทุนรอดูสถานการณ์ระยะหนึ่งก่อน

 

ทั้งนี้ สมาคมค้าทองคำประกาศปรับราคาทองคำทั้งสิ้น 2 ครั้ง รวมลดลง 150 บาท โดยราคาทองคำแท่ง รับซื้อบาทละ 22,200 บาท ขายออก 22,300 บาท และทองรูปพรรณ รับซื้อ 21,875.88 บาท ขายออก 22,700 บาท

 

http://www.thairath.co.th/content/eco/333426

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ครม.ศก.ถกบาทแข็ง/กบอ.แจง TOR น้ำ/สว.-ส.ส.บางส่วนเข้าชื่อยื่นเสนอแก้รธน. (20/03/2556)

ประเด็นเศรษฐกิจวันนี้ จับตาการประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจที่จะมีหารือในประเด็นที่เงินบาทแข็งค่า ขึ้นอย่างรวดเร็วจนใกล้แตะ 29 บาท/ดอลลาร์ โดยนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง ได้แสดงความเป้นห่วงถึงกรณีดังกล่าว และย้ำว่าต้องการเห็นเงินบาทมีเสถียรภาพ อีกทั้งยังยืนยันให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ควรจะมีการลดดอกเบี้ยให้อยู่ใกล้เคียงธรรมชาติ เพราะดอกเบี้ยนโยบายในปัจจุบันถือว่าสูงผิดธรรมชาติ การลดดอกเบี้ยให้ใกล้เคียงธรรมชาติ น่าจะทำให้สถานการณ์ดีขึ้น แต่ก็คงไม่ใช่นโยบายเดียวที่จะใช้ได้ผล

- คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) จะมีกาปรระชุมเพื่อตั้งคณะกรรมการจัดการบริหารคลื่นความถี่ 1800 เมกะเฮิรตซ์ ซึ่งจะเป็นคณะทำงานสำหรับจัดการประมูลคลื่นความถี่ 4G (แอลทีอี) ในการจัดทำแผนการประมูล วิธีการประมูล ราคาคลื่นความถี่ทั้ง 20 เมกะเฮิรตซ์ หรือ 4 ชุดคลื่นความถี่ จำนวนชุดละ 5 เมกะเฮิรตซ์ว่าจะมีราคาเท่าไร

- ความคืบหน้าในขั้นตอนของโครงการบริหารจัดการน้ำวันนี้ นายธงทอง จันทรางศุ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี, นายสุพจน์ โตวิจักษณ์ชัยกุล เลขาธิการสำนักนโยบายและบริหารจัดการน้ำและอุทกภัยแห่งชาติ(สบอช.) พร้อมด้วยนายอัชพร จารุจินดา เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา จะร่วมกันชี้แจงข้อสงสัยของเงื่อนไขการประมูล(ทีโออาร์)ในโครงการนี้ พร้อมกับแจกเอกสารจำนวน 900 ชุด ต่อผู้เข้าร่วมงาน ที่โรงแรมสุโกศล

- ประเด็นการเมืองวันนี้ ยังคงติดตามความไม่แน่นอนทางการเมือง หลังมีกระแสข่าวว่า พรรคเพื่อไทยเตรียมนายกรัฐมนตรีสำรองไว้กรณีการตรวจสอบของป.ป.ช.ในประเด็น เงินกู้ของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี

- ภารกิจของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ช่วงเช้าเป็นประธานพิธีเปิดงานวันอาสาสมัครสาธารณสุขแห่งชาติ ประจำปี 2556 ณ ตึกสันติไมตรี(หลังใน) ทำเนียบรัฐบาล และช่วงบ่ายเป็นประธานการประชุมจัดทำแผนสนับสนุนการจัดสิ่งอำนวยความสะดวก ให้คนพิการและทุกคนในสังคมเข้าถึงและใช้ประโยชน์ได้ ณ ห้องประชุม 501 ชั้น 5 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล

- ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการนโยบายการบริหารงานจังหวัดและกลุ่มจังหวัด แบบบูรณาการด้านแผนและด้านงบประมาณ ณ ห้องประชุม 501 ชั้น 5 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล และช่วงบ่ายไปเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ(ก.ตร.) ณ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรุงเทพฯ

- น.ส.ศันสนีย์ นาคพงศ์ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการดำเนินการตามนโยบายและยุทธศาสตร์กองทุน พัฒนาบทบาทสตรี ณ ห้องประชุม 302 ชั้น 3 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล

- นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง ช่วงเช้าไปเป็นประธานเปิดงาน 13th Asia CEO Insurance Summit ห้องบอลรูม ชั้น 4 โรงแรมแกรนด์มิลเลนเนียม สุขุมวิท จากนั้นเดินทางกลับเข้าทำเนียบรัฐบาลเพื่อประชุม ครม.เศรษฐกิจ ซึ่งคาดว่าจะมีการหารือถึงสถานการณ์ค่าเงินบาทที่ปรับตัวแข็งค่าอย่างรวด เร็ววานนี้ และช่วงบ่ายเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน ณ ห้องประชุม 301 ชั้น 3 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล

- วันนี้ ส.ว.และ ส.ส.รัฐบาลบางส่วน นำโดยนายดิเรก ถึงฝั่ง ส.ว.นนทบุรี เตรียมยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตรา ต่อนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา ใน 3 ประเด็นสำคัญ คือ 1.มาตรา 237 ว่าด้วยการยุบพรรค 2.มาตรา 190 เกี่ยวกับกรอบการเจรจาระหว่างประเทศที่ต้องเสนอต่อรัฐสภา และ 3.มาตรา 117 เพื่อให้แก้ไขที่มาและวาระการดำรงตำแหน่งของ ส.ว.

- ขณะเดียวกันรัฐบาลจะส่งร่าง พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน 2 ล้านล้านบาท เพื่อลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ที่เพิ่งผ่านความเห็นชอบจาก ครม.มาสดๆ ร้อนๆ วานนี้ บาท เข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรในวันนี้

นอกจากนี้ยังคงต้องจับตาดูการผลักดัน ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ของนายวรชัย เหมะ ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย ที่ได้รับการบรรจุในวาระการประชุมสภาฯ วันนี้ อย่างไรก็ดี ยังไร้ความชัดเจนจากพรรคเพื่อไทยว่าจะใช้เสียงข้างมากเพื่อขอเลื่อนร่าง กฎหมายดังกล่าวขึ้นมาพิจารณาก่อนหรือไม่ ขณะที่ฝ่ายค้านเตรียมตั้งป้อมถล่มในประเด็นนี้ไว้แล้วหากฟากรัฐบาลหยิบยก เรื่องนี้ขึ้นมา

- หลังจากที่พล.ต.ท.ทวีศักดิ์ ตู้จินดา ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำกรุงเทพมหานคร(กกต.กทม.) แย้มไว้ในสัปดาห์ก่อนว่าวันนี้จะมีข่าวใหญ่พาดหน้า 1 คงต้องตามกันดูว่าจะเป็นข่าวอะไรที่น่าตื่นเต้นเกี่ยวกับการประกาศรับรองผล การเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.หรือไม่ แต่หลายฝ่ายคาดว่าคงเป็นเพียงข่าวการประกาศลาออกจากตำแหน่งประธานกก ต.กทม.ของ พล.ต.ท.ทวีศักดิ์เท่านั้น เนื่องจากจะครบวาระในวันที่ 30 มี.ค.นี้ ซึ่งหากเป็นข่าวนี้จริงดีกรีคงไม่แรงถึงระดับพาดหัวหน้าหนึ่ง แต่ถึงอย่างไรแล้วก็ต้องติดตามดูกันต่อไป

- ด้านการประชุมคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)วันนี้ จะยังไม่มีวาระการพิจารณากรณีคัดค้านผู้ว่าฯกทม.เข้าที่ประชุมกกต. แต่คาดว่ากรณีดังกล่าวจะมีความชัดเจนในสัปดาห์หน้า

- สืบเนื่องจากรายการตอบโจทย์ ทางสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส วันนี้จึงมีการจัดเสวนาที่น่าสนใจ โดยคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดเสวนาสาธารณะ เรื่อง "ตอบโจทย์:ทีวีสาธารณะกับบทบาทพื้นที่สาธารณะในสังคมไทย" โดยมีผู้ร่วมเสวนา พ.อ.นที ศุกลรัตน์ รองประธานกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ, รศ.ดร.ไชยันต์ ไชยพร อ.คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ, นายสมชัย สุวรรณบรรณ ผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส, ศ.จุมพล รอดคำดี ที่ปรึกษาอธิการบดี ด้านศิลปวัฒนธรรม และผู้อำนวยการสถานีวิทยุ จุฬาลงกรณ์ฯ เป็นวิทยากร

ขณะที่กลุ่ม "กองทัพประชาชนรักษาพระองค์" ได้เผยแพร่ข่าวทางสังคมออนไลน์นัดรวมตัวเพื่อเคลื่อนไหวต่อกรณีดังกล่าวที่ บริเวณด้านหน้าสถานทีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส เวลา 11.00 น.

ที่มา : ทันหุ้น(วันที่ 20 มีนาคม 2556)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ดัชนี SET ร่วงต่อเป็นกว่า 20 จุด กังวลบาทแข็ง-ครม.เศรษฐกิจหารือด่วน

 

 

ตลาดหุ้นไทยภาคเช้ายังคงไหลลงไปกว่า 20 จุด โดยยังคงมีแรงขายทำกำไรออกมาอย่างต่อเนื่องจากเมื่อวานนี้ ขณะที่เงินบาทยังคงแข็งค่าขึ้นเข้าใกล้ 29.00 บาท/ดอลลาร์ ขณะที่คณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจกำลังมีการประชุมในขณะนี้ ซึ่งจะมีการหารือเกี่ยวกับปัญหาเงินบาทแข็งค่าด้วย ทำให้ตลาดกังวลว่าทางการอาจจะมีมาตรการมาดูแล

 

เมื่อเวลา 10.07 น.ดัชนี SET มาอยู่ที่ 1,557.52 จุด ลดลง 10.73 จุด (-0.68%)

 

ล่าสุด เมื่อเวลา 10.37 น.ดัชนี SET มาอยู่ที่ 1,546.12 จุด ลดลง 22.13 จุด (-1.41%)

 

นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นเช้านี้ปรับลงต่อจากวานนี้คงเป็นความกังวลเรื่องเงินบาทที่แข็งค่า โดยเกรงว่าทางการจะมีมาตรการออกมาดูแลปัญหาดังกล่าว

 

ส่วนทางเทคนิค ตลาดเข้าสู่ช่วง Cycle ขาลง แนวรับแรก 1,550 จุดน่าจะเอาไม่อยู่ เพราะดัชนี 1,550 จุด PE ที่ 17.30 เท่า การปรับฐานตรงนี้จุดที่เหมาะสม PE ควรอยู่ที่ 16 เท่าเป็นจุดแรก ซึ่งแนวรับถัดไปก็จะอยู่ที่ 1,530 จุด

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

**หุ้นไทยร่วง 2% เช้านี้ โบรกฯชี้นักลงทุนกังวลค่าเงินบาทแข็ง

 

 

 

ดัชนีหุ้นไทยเช้านี้ ร่วง 2% มากกว่าตลาดภูมิภาค ขณะที่โบรกเกอร์ มองว่านักลงทุนกังวล หลังเงินบาทแข็งค่าขึ้นมาก อาจทำให้ภาครัฐออกมาตรการ เข้ามาดูแล

 

ดัชนีหุ้นไทยล่าสุด ลบ 33.69 จุด หรือ 2.15% มาที่ 1,534.56 จุด ด้วยมูลค่าซื้อขาย 2.11 หมื่นล้านบาท โดยหุ้นที่มีแรงเทขายออกมามาก ยังคงเป็นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ เทคโนโลยี และแบงก์

 

ขณะที่นักวิเคราะห์ ระบุว่าค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นมาก ทำให้นักลงทุน กังวลและกลัวว่ารัฐจะออกมาตรการดูแล ประกอบกับที่ผ่านมาราคาหุ้นในตลาด ปรับขั้นมามาก โดยที่ระดับ 1,600 จุดมีค่าพี/อี สูงถึง 18 เท่า จึงเป็นโอกาส ให้เกิดแรงขายทำกำไร

 

ล่าสุดค่าเงินบาท/ดอลลาร์ อยู่ที่ 29.16/17 แข็งค่าสุดในรอบเกือบ 16 ปีนับตั้งแต่เกิดวิกฤตในเอเซียช่วงปี 40-41

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

*คาดเฟดเดินหน้านโยบาย QE ในการประชุม FOMC วันนี้ (20/03/2556)

ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จัดประชุมกำหนดนโยบายในวันที่ 19-20 มี.ค. โดยเป็นที่คาดกันว่าเจ้าหน้าที่เฟดจะใช้เวลาส่วนใหญ่ของการ ประชุมในการหารือกันเกี่ยวกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากมาตรการกระตุ้น เศรษฐกิจของเฟด อย่างไรก็ดี นายเบน เบอร์นันเก้ ประธานเฟดได้ส่ง สัญญาณว่า เขาเชื่อว่าการยุติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจะก่อให้เกิดความ เสียหายมากกว่า

 

 

เฟดมีแนวโน้มที่จะดำเนินมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ต่อไป โดยจะเข้าซื้อหลักทรัพย์ที่ได้รับการค้ำประกันจากสัญญาจำนอง (MBS) และพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐในอัตรารวมกัน 8.5 หมื่นล่านดอลลาร์ต่อเดือน โดยมีจุดประสงค เพื่อกระตุ้นการลงทุนและการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ

 

 

ตัวเลขเศรษฐกิจในระยะนี้ ซึ่งรวมถึงยอดค้าปลีก, ตัวเลขภาค การผลิต และตัวเลขการจ้างงาน ต่างก็แสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐ ขยายตัวเร็วขึ้น อย่างไรก็ดี อัตราการว่างงานยังคงอยู่ที่ระดับสูงถึง 7.7 % ในเดือนก.พ. และอัตราเงินเฟ้อที่ระดับต่ำก็ทำให้เจ้าหน้าที่เฟดมั่นใจว่า เฟดสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้ต่อไป

 

 

นายเบอร์นันเก้กล่าวในวันที่ 1 มี.ค.ว่า "ในช่วงที่เศรษฐกิจ ฟื้นตัวในอัตราปานกลาง และกำลังการผลิตส่วนเกินยังคงอยู่ในระดับสูง การชะลอมาตรการผ่อนคลายโดยมีเป้าหมายเพื่อสกัดกั้นการลงทุนแบบ เสี่ยงสูงเกินไปในบางพื้นที่นั้น อาจจะก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อการเติบโต ทางเศรษฐกิจ, เสถียรภาพของราคา และเสถียรภาพทางการเงินใน ท้ายที่สุด"

 

 

เฟดจะออกแถลงการณ์หลังการประชุมในวันนี้เวลาราว 14.00 น. หรือคืนนี้เวลา 01.00 น.ตามเวลาไทย โดยมีแนวโน้มว่าแถลงการณ์ของเฟด ในครั้งนี้จะยอมรับว่าภาวะแวดล้อมทางเศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้น

 

 

เฟดจะเปิดเผยรายงานคาดการณ์ของเจ้าหน้าที่เฟดในเวลาเดียวกัน โดยมีแนวโน้มว่ เฟดอาจปรับขึ้นตัวเลขคาดการณ์อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ และปรับลดตัวเลขคาดการณ์อัตราการว่างงาน

 

 

เฟดมีแนวโน้มที่จะให้สัญญาอีกครั้งว่าเฟดจะเข้าซื้อตราสารหนี้ ต่อไปจนกว่าแนวโน้มการจ้างงานจะปรับตัวดีขึ้นเป็นอย่างมาก โดยโพลล์ รอยเตอร์ระบุว่า นักเศรษฐศาสตร์คาดว่าเฟดจะเข้าซื้อตราสารหนี้ต่อไป จนถึงสิ้นปีนี้ และส่งผลให้ขนาดการเข้าซื้อตราสารหนี้ทั้งหมดภายใต้ มาตรการ QE3 อยู่ที่ 1 ล้านล้านดอลลาร์

 

 

เจ้าหน้าที่เฟดบางคนไม่เห็นด้วยกับการดำเนิน QE3 ต่อไป โดยเจ้าหน้าที่เฟดบา งคนแสดงความกังวลต่อผลข้างเคียงของ QE3 ซึ่งรวมถึงความเป็นไปได้ที่จะเกิดภาวะไร้เสถ ยรภาพทางการเงิน, ภาวะ ฟองสบู่ในราคาสินทรัพย์ และภาวะเงินเฟ้อในอนาคต

 

 

เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นลงสู่ระดับใกล้ 0 % นับตั้งแต่ เดือนธ.ค. 2008 และได้เข้าซื้อตราสารหนี้ไปแล้วกว่า 2.5 ล้านล้าน ดอลลาร์ในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลให้ขนาดงบดุลของเฟดพุ่งขึ้นสู่ระดับ สูงกว่า 3 ล้านล้านดอลลาร์

 

 

นายชาร์ลส์ พลอสเซอร์ ประธานเฟดสาขาฟิลาเดลเฟีย กล่าว ในสัปดาห์ที่แล้วว่า "ผมต้องการให้เฟดลดการเข้าซื้อพันธบัตร โดยตั้งเป้า ที่จะยุติการเข้าซื้อก่อนสิ้นปีนี้"

 

 

นายพลอสเซอร์กล่าวว่า "เราพยายามจะผ่อนคลายนโยบายเรื่อยๆ ในช่วงที่ผ่านมา และผมคิดว่าเราจำเป็นต้องยุติการผ่อนคลายและหันมาใช้ ความอดทนบ้าง"

 

 

นายเบอร์นันเก้กล่าวต่อสภาคองเกรสในเดือนก.พ.ว่า เฟดใส่ใจ ต่อความกังวลของนายพลอสเซอร์และเจ้าหน้าที่เฟดคนอื่นๆ และผู้กำหนด นโยบายของเฟดมีแผนที่จะทบทวนประสิทธิภาพและต้นทุนของ QE3 โดยใช้บทวิเคราะห์ใหม่ที่จัดทำโดยเจ้าหน้าที่เฟด

 

 

หลังจากเฟดออกแถลงการณ์ในเวลา 14.00 น. นายเบอร์นันเก้ ก็จะจัดการแถลงข่าวในเวลา 14.30 น. หรือตรงกับ 01.30 น.ตามเวลา ไทย โดยนายเบอร์นันเก้จะพยายามสร้างความมั่นใจต่อนักลงทุนว่า เฟดจะไม่ยุติ QE3 ในเร็วๆนี้ ถึงแม้เจ้าหน้าที่เฟดสายเหยี่ยวอาจแสดงความเห็นในเชิงสนับสนุน ให้ยุติมาตรการดังกล่าว

 

 

นายโจเซฟ แกนยอน อดีตนักเศรษฐศาสตร์เฟดกล่าวว่า "ผมคาดว่า ความพยายามของเฟดในการประเมินต้นทุนของ QE3 จะไม่ส่งผลให้เกิดความ เปลี่ยนแปลงที่สำคัญ"

 

 

ตลาดหุ้นสหรัฐมองว่าเศรษฐกิจสหรัฐอยู่ในภาวะที่เหมาะสมในช่วงนี้ เพราะปรับตัวไปในทางที่ดีขึ้น แต่ไม่ได้เติบโตอย่างรวดเร็วจนถึงขั้นที่ทำให้ เฟดต้องปรับลดขนาดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยการคาดการณ์ในทางบวก เช่นนี้ส่งผลให้ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ของตลาดหุ้นสหรัฐปิดตลาด ในแดนบวกเป็นวันที่ 10 ติดต่อกัน ซึ่งถือเป็นการปิดตลาดเป็นบวกที่ยาวนาน ที่สุดนับตั้งแต่ปลายปี 1996 เป็นต้นมา

 

 

การจ้างงานในสหรัฐเพิ่มขึ้น 236,000 ตำแหน่งในเดือนก.พ. อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่เฟดตระหนักว่า การจ้างงานในสหรัฐจำเป็นต้องเพิ่มขึ้น อีก 3 ล้านตำแหน่งจึงจะสามารถทำให้การจ้างงานกลับไปอยู่ในระดับเดียว กับช่วงก่อนเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย โดยตัวเลขนี้ยังไม่รวมถึงการเพิ่มขึ้น ของจำนวนประชากรในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

เฟดให้สัญญาว่าจะตรึงอัตรา ดอกเบี้ยระยะสั้นไว้ที่ระดับใกล้ 0 % ต่อไป จนกว่าอัตราการว่างงานจะร่วงลงสู่ 6.5 % และตราบใดที่อัตรา เงินเฟ้อยังไม่มีแนวโน้มพุ่งขึ้นเหนือ 2.5 %

 

 

นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่ในโพลล์รอยเตอร์คาดว่า อัตราการว่างงาน จะไม่ร่วงลงสู่ 6.5 % จนกว่าจะถึงช่วงครึ่งหลังของปี 2015 นอกจากนี้ โพลล์รอยเตอร์ยังคาดอีกด้วยว่า หลังจากเฟดยุติ QE3 ไปแล้ว จะต้องใช้เวลา มากกว่าหนึ่งปีก่อนที่เฟดจะเริ่มต้นปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

 

 

นายวินเซนท์ ไรน์ฮาร์ท นักเศรษฐศาสตร์ของมอร์แกน สแตนเลย์ กล่าวว่า "เจ้าหน้าที่เฟดจะพยายามสร้างความมั่นใจต่อนักลงทุนว่า เฟดจะไม่ คุมเข้มนโยบายการเงินในเร็วๆนี้"

 

ที่มา : ทันหุ้น(วันที่ 20 มีนาคม 2556)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สมมุตินะครับ สมมุติ ! สมมุตินะครับ สมมุติ ! เด็กขายของมองในแง่คนซื้อ / คนลงทุน / คนเก็งกำไร

 

เด็กขายของบ่นเตือนนักลงทุนทองเข้าตลาดทอง หวั่นบาทอ่อนดึงทองขึ้น / นักลงทุนต่างประเทศ ขนเงินออก / ภาครัฐฯ และ ธนาคารแห่งประเทศไทย ร่วมออกมาตราการตรึงค่าเงินบาท

 

นายเด็กขายของ ระบุ ค่าเงินบาทแข็งดึงราคาทองคำร่วง 100 บาท ถ้าบาทจะอ่อนล่ะ จึงบ่นให้นักลงทุนระยะสั้นอย่ารอดูปัจจัยจากต่างประเทศที่ส่งผลต่อราคาทองคำ แต่ควรมองปัจจัยในประเทศคือ ค่าเงินบาท และ การป้องกันความเสี่ยงค่าเงินจาก นักค้าเงินตรา และ สมาคมค้าทอง ก่อนตัดสินใจไม่ยอมเดินเข้าตลาด

 

ค่าเงินบาทที่แข็งค่าที่สุดในรอบ 16 ปี ทำให้ราคาทองคำเปิดตลาดในวันนี้ (20 มีนาคม ) ทั้งๆที่ ราคา Spot ต่างประเทศขึ้นกว่า 7 เหรียญ แต่อาแปะไม่ได้ปรับราคาขึ้นแต่อย่างใด 22,300/22,200 ขายจริงที่ 22,290/22,240 บาท ทั้งที่จริงๆ แล้วราคาทองคำวันนี้น่าจะมีการเคลื่อนไหวปรับขึ้น 100 บาท แต่ค่าเงินบาท จากเมื่อวาน 29.26 มาที่ 29.13 อย่างไรก็ตามโดยส่วนตัวไม่มีความกังวลว่าค่าเงินบาทอาจจะแข็งค่าขึ้นอีก เพราะการแข็งค่าของเงินบาท มีผลเสียมากกว่าผลดี ที่รัฐบาลฯ และ ธนาคารชาติ ต้องหามาตราการโดยเร่งด่วน ในทันที เพื่อจะส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นได้ด้วยเช่นกัน

 

"เงินบาทแข็งทำให้ทองราคาทองถูกลง แต่ถ้าเงินบาทอ่อนทำให้ทองราคาเพิ่มขึ้น ทั้งที่วันนี้ราคาทองไม่ควรปรับ แต่ก็อาจจะปรับถ้าเจอวิกฤติหุ้นแดง เงินทุนไหลออก มาตราการรัฐเข้ามา และคาดว่าภายในเดือนนี้ทองคำจะเคลื่อนไหวในกรอบ 1610 - 1641 เหรียญ แต่ถ้าหวังไปไกลถึง 1700 เหรียญ ก็ยากมาก"

 

หากจะเล่นทองคำในระยะสั้นก็จะต้องตัดสินใจดูให้ดีเพราะขณะนี้ปัจจัยที่มาจากในประเทศมีความเคลื่อนไหวอยู่มาก ทั้ง พรบ กูกู้ 2 ล้านล้านบาท / ตลาดหุ้นที่แดงเถือก / พรบ. ปรองดอง / ภาวะหยุดยาวเดือนเมษายนในช่วงสงกรานต์ที่รัฐฯ จัดเต็มที่ / เงินทุนต่าวประเทศไหลออก / พรบ.กู้เงินเข้าสภาฯ / การลดลงของนักท่องเที่ยว / การขาดดุลการค้า เพราะส่งออกไม่ได้ สินค้าแพงจากเงินบาทที่แข็ง. ส่วนเรื่องนอกประเทศ มีแค่ ไซปรัส ประเทศเล็กๆ เพียงอย่างเดียว จึงอยากบ่นให้นักลงทุนอย่าตื่นตระหนกต่อการลงทุน เล่นไปตามปกติที่เคยกระทำ แต่ควรที่จะใจเย็นๆ เสพข้อมูลให้มาก และ พร้อมกล้าที่จะเข้าเสี่ยงเมื่อโอกาศมาเยือน

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ภาวะตลาดทองเอเชีย: สัญญาทองบวกขึ้น หลังรัฐสภาไซปรัสคว่ำแผนภาษีเงินฝาก

 

 

สัญญาทองคำยังคงปรับตัวขึ้นและเคลื่อนไหวที่เหนือระดับ 1,610 ดอลลาร์/ออนซ์ เนื่องจากข่าวที่ว่ารัฐสภาไซปรัสได้ปฏิเสธแผนการเรียกเก็บภาษีเงินฝากธนาคารได้จุดกระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้ยุโรป และกระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย

เมื่อเวลาประมาณ 11.00 น.ตามเวลาประเทศไทย สัญญาทองส่งมอบเดือนเม.ย.ที่ตลาดนิวยอร์ก เพิ่มขึ้น 40 เซนต์ แตะที่ 1,611.7 ดอลลาร์/ออนซ์

รัฐสภาไซปรัสมีมติปฏิเสธมาตรการจัดเก็บภาษีเงินฝากในระบบธนาคาร ซึ่งส่งผลให้ไซปรัสเผชิญความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ โดยมีแนวโน้มที่จะผิดนัดชำระหนี้อย่างที่ไม่สามารถควบคุมได้

นอกจากนี้ นักลงทุนจับตาดูผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในช่วงค่ำวันนี้ตามเวลาไทย โดยมีการคาดการณ์ว่านายบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะยังคงสนับสนุนโครงการซื้อพันธบัตร

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สภาฯไซปรัสลงมติค้านแผนหักภาษีเงินฝากตามคาด

 

 

เสียงส่วนใหญ่ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของไซปรัส ปฏิเสธมาตรการเก็บเงินภาษีเงินฝาก

ตามเงื่อนไขในการขอรับเงินกู้จากสหภาพยุโรป หรือ อียู และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ

หรือ ไอเอ็มเอฟ จำนวน 1 หมื่นล้านยูโร

 

ไม่มี ส.ส. คนใด ที่ยกมือสนับสนุนมาตรการดังกล่าว ที่นำมาซึ่งความขัดแย้งและความโกรธ

แค้นของชาวไซปรัส โดยมี 36 คน ลงมติคัดค้าน และอีก 19 คน งดออกเสียง กระทรวงการ

คลังได้มีการปรับแก้มาตรการ ด้วยการเสนอยกเว้นการจัดเก็บภาษีบรรดาผู้ฝากเงินรายย่อย

แต่การต่อต้านก็ยังคงรุนแรง ประชาชนหลายพันคน ต่างไปรวมตัวกันอยู่ตามถนนสายต่าง

ๆ ที่ด้านนอกอาคารรัฐสภา และต่างก็แสดงความยินดีเมื่อทราบผลการลงมติในสภาฯ

 

ก่อนหน้านี้ บรรดารัฐมนตรีคลังของอียู ได้เตือนว่า ธนาคารที่ใหญ่ที่สุดของไซปรัส 2 แห่ง อาจ

จะล้ม ถ้าไม่สามารถทำตามข้อตกลงตามเงื่อนไขในการขอเงินกู้ แต่หลังจากทราบผลการโหวต

ในสภาของไซปรัส ธนาคารกลางแห่งยุโรป หรือ อีซีบี ได้รีบประกาศในทันทีว่า จะยังคงให้ความ

ช่วยเหลือบรรดาธนาคารกลางของไซปรัสต่อไป ตามความจำเป็นตามกฎเกณฑ์ที่มีอยู่ โดย

นายวูล์ฟกัง ชูเบิล รัฐมนตรีคลังเยอรมัน กล่าวว่า เขาเสียใจต่อผลโหวตที่ออกมา และไซปรัส

จะต้องเข้าใจว่า ความช่วยเหลือจากอีซีบี จะต้องพ่วงมากับแผนการปฏิรูป มันเสี่ยงที่ไซปรัส

จะไม่สามารถเปิดบริการธนาคารได้อีก ธนาคารขนาดใหญ่ 2 แห่ง กำลังจะล้มละลาย ถ้าไม่

ได้รับเงินช่วยเหลือฉุกเฉินจากอีซีบี ด้านไอเอ็มเอฟ ได้เตือนว่า อาจจะทำให้เกิดการไร้

เสถียรภาพและผลกระทบอย่างหนักทางการเงิน ทั้งในระยะสั้น ระยะกลางและระยะยาว

และยังจะลามไปกระทบวิกฤตการเงินในกลุ่มยูโรโซนด้วย

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...