ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
tt2518

ขอเดา(ราคาทอง)กับเขาบ้าง

โพสต์แนะนำ

มูดีส์ชี้อันดับความน่าเชื่อถือจีนไม่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโตช้าลง (09/05/56)

สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ มูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส เปิดเผยว่า ดันอับความน่าเชื่อถือที่ระดับ Aa3 ของพันธบัตรรัฐบาลจีนซึ่งได้รับแรงหนุนจากความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจและการเงินของประเทศ จะไม่ได้รับผลกระทบอันเนื่องมาจากการขยายตัวในอัตราที่ช้าลงในปัจจุบัน

 

ทั้งนี้ มูดีส์ได้ให้แนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถือของจีนที่มีเสถียรภาพ

อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของจีนได้ปรับตัวลงมาอยู่ที่ 7.7% ในไตรมาสแรกปีนี้ ซึ่งต่ำกว่าระดับที่ตลาดได้คาดการณ์ไว้ และบ่งชี้ว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนซึ่งมีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 2 ของโลกนั้นยังคงอ่อนแอ

 

มูดีส์ระบุในรายงานประจำปีของบริษัทว่า “เรามองว่าอัตราการเติบโตของจีนจะอ่อนแรงลงอย่างต่อเนื่อง แต่จะยังสูงกว่าค่าเฉลี่ยในรอบ 5 ปีของทั่วโลกมาก หรือแม้แต่นานกว่านั้น"

 

หลังจากที่มีอัตราการขยายตัวเป็นตัวเลข 2 หลักติดต่อกันนานหลายปี เชื่อว่าเศรษฐกิจจีนจะมีอัตราการขยายตัวช้าลง โดยมูดีส์คาดว่า จีดีพีของจีนจะขยายตัว 8% ในปีนี้และ 7.5% ในปี 2557 แต่อย่างไรก็ดี มูดีส์มองว่าความแข็งแกร่งทางการเงินของรัฐบาลจีนยังอยู่ในระดับสูง

 

“ปัจจัยพื้นฐานของความน่าเชื่อถือของจีนได้รับแรงหนุนจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งเมื่อเทียบกับอัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับต่ำ" สำนักจัดอันดับความน่าเชื่อถือระบุ

 

ความแข็งแกร่งด้านการเงินของรัฐบาลจีนเป็นภาพสะท้อนมาจากยอดขาดดุลงบประมาณเพียงเล็กน้อย, ความต้องการกู้ยืมในระดับปานกลาง และภาระหนี้สินด้านงบประมาณที่อยู่ต่ำกว่า 30% ของจีดีพีเล็กน้อย

 

แต่อย่างไรก็ดี มูดีส์เตือนว่า ยอดหนี้สินของรัฐบาลท้องถิ่นและความเสี่ยงด้านสินเชื่อที่เพิ่มนึ้น จะนำไปสู่อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ช้าลง สำนักข่าวซินหัวรายงาน

 

ที่มา สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (09/05/56)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เงินบาทเช้านี้ทรงตัว 29.35/37 แต่แนวโน้มแข็งค่าตามภูมิภาค

 

 

นักบริหารเงินจากธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้ทรงตัวในระดับเดียวกับช่วงปิดตลาดเย็นวานนี้ที่ 29.35/37 บาท/ดอลลาร์ และเมื่อเวลา 08.45 น.เงินบาทปรับตัวมาอยู่ที่ระดับ 29.32/34 บาท/ดอลลาร์ เคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกับภูมิภาค หลังตัวเลขเศรษฐกิจทางสหภาพยุโรปออกมาดี

 

 

"หลังเปิดตลาดเงินบาทแข็งค่าตามภูมิภาค ประกอบกับมีแรงขายดอลลาร์ออกมา และ capital inflow" นักบริหารเงิน กล่าว

 

 

นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ไว้ระหว่าง 29.20-29.40 บาท/ดอลลาร์

"เงินบาทน่าจะแกว่งตัวในกรอบ แต่ทิศทางแข็งค่า"นักบริหารเงิน กล่าว

 

 

 

 

 

*ปัจจัยสำคัญ

 

- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 98.82/86 เยน/ดอลลาร์ จากระดับ 98.90/93 เยน/ดอลลาร์

- เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.3160/3162 ดอลลาร์/ยูโร จากระดับ 1.3143/3144 ดอลลาร์/ยูโร

- อัตราแลกเปลี่ยนบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของ ธปท.อยู่ที่ 29.5500 บาท/ดอลลาร์

- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส(WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ หลังได้รับแรงหนุนจากสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐที่เพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ นอกจากนี้ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากความแข็งแกร่งของข้อมูลการค้าของจีนและผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของเยอรมนี โดยสัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน มิ.ย.56 เพิ่มขึ้น 1 ดอลลาร์ หรือ 1.04% ปิดที่ 96.62 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์(BRENT) ส่งมอบเดือน มิ.ย.56 ที่ตลาดลอนดอน ลดลง 6 เซนต์ ปิดที่ 104.34 ดอลลาร์/บาร์เรล

- สกุลเงินยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้(8 พ.ค.) ขานรับผลผลิตภาคอุตสาหกรรมที่แข็งแกร่งของเยอรมนี ขณะที่สกุลเงินดอลลาร์ออสเตรเลียยังคงได้รับแรงกดดันจากการที่ธนาคารกลางออสเตรเลียปรับลดอัตราดอกเบี้ย โดยค่าเงินยูโรพุ่งขึ้นแตะระดับ 1.3160 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันอังคารที่ 1.3085 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่สกุลเงินปอนด์พุ่งขึ้นแตะระดับ 1.5543 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5487 ดอลลาร์สหรัฐ และดอลลาร์ออสเตรเลียร่วงลงแตะระดับ 1.0173 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0187 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 98.81 เยน จากระดับ 98.98 เยน และอ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9354 ฟรังค์ จากระดับ 0.9400 ฟรังค์

- สำนักงานสถิติแห่งชาติออสเตรเลีย เผยตัวเลขจ้างงานเดือน เม.ย.56 เพิ่มขึ้น 50,100 รายจากเดือนก่อนหน้า และมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ ขณะที่อัตราว่างงานลดลงมาอยู่ที่ระดับ 5.5% จาก 5.6% สะท้อนให้เห็นว่า ตลาดแรงงานของออสเตรเลียสามารถรับมือกับแนวโน้มเศรษฐกิจภายในประเทศที่ซบเซาได้

- ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวสูงขึ้นเป็นวันที่ 4 โดยได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มผู้ผลิตวัตถุดิบ หลังราคาโลหะปรับตัวสูงขึ้น ขณะเดียวกันหุ้นนิวส์คอร์ปในตลาดหุ้นออสเตรเลียก็ปรับตัวสูงขึ้น หลังบริษัทมีกำไรสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ โดยดัชนี MSCI Asia Pacific เพิ่มขึ้น 0.1% แตะที่ 143.66 จุด เมื่อเวลา 9.27 น.ตามเวลาโตเกียว

- ธนาคารกลางเกาหลีใต้ประกาศลดดอกเบี้ย 0.25% เหลือ 2.5% ในการประชุมวันนี้

- ราคาทองคำตลาดลอนดอนปิดวันทำการล่าสุด(8 พ.ค.) ที่ 1,468 ดอลลาร์/ออนซ์

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้าไต่ขึ้นตามภูมิภาค เก็ง งบฯ-บาทเริ่มอ่อน-การเมืองเบาลง

 

 

สำนักข่าวอินโฟเควสท์ รายงานว่า นักวิเคราะห์ฯคาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวขึ้น เนื่องจากตลาดฯยังไม่มีปัจจัยลบเข้ามากระทบ ขณะเดียวกับอยู่ในช่วงการเก็งงบฯ-เงินบาทเริ่มเห็นอ่อนค่าบ้าง-ประเด็นการเมืองก็เบาลง อีกทั้งตลาดบ้านเรายังมีโมเมนตัมของการขึ้นไปได้อยู่หลังจากที่ดัชนีฯทะลุ 1,600 จุดขึ้นมาได้ ส่วนตลาดภูมิภาคเช้านี้ส่วนใหญ่อยู่ในแดนบวกเช่นเดียวกับดาวโจนส์ พร้อมให้แนวรับ 1,607-1,600 ส่วนแนวต้าน 1,624 จุด

 

นายเจริญ เอี่ยมพัฒนธรรม ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เคที ซีมิโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะยังปรับตัวขึ้นได้อยู่ เนื่องจากขณะนี้ตลาดฯยังไม่มีปัจจัยลบเข้ามากระทบ ขณะเดียวกันก็เป็นช่วงของการประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน และค่าเงินบาทเริ่มเห็นการอ่อนค่าลง ประกอบกับประเด็นทางการเมืองก็เบาลงด้วย

 

 

ทั้งนี้ ตลาดบ้านเรายังมีโมเมนตัมของการปรับตัวขึ้นไปได้อยู่ หลังจากที่ดัชนีฯได้วิ่งขึ้นเหนือระดับ 1,600 จุดได้ และมีเป้าหมายต่อไปที่ระดับ 1,650 จุด ส่วนตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่อยู่ในแดนบวกเช่นเดียวกับดาวโจนส์

 

 

พร้อมให้แนวรับ 1,607-1,600 จุด ส่วนแนวต้าน 1,624 จุด

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เดือนเม.ย.ทองร่วงแรง เขย่าขวัญนักลงทุน

 

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

ราคาทอง,ศูนย์วิจัยทองคำ,ทอง

21273_628584383837099_1014571606_n.jpg

ศูนย์วิจัยทองคำเผยทองร่วงแรง!เดือนเม.ย. เขย่าขวัญนักลงทุน คาดเดือนพ.ค.เคลื่อนไหวในกรอบ 1,300-1,440 ดอลลาร์/ออนซ์ อีทีเอฟถล่มขาย-แรงซื้อแผ่ว

นายภูษิต วงศ์หล่อสายชล ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำ เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นราคาทองคำ (Gold Price Sentiment Index) ประจำเดือนพฤษภาคม มีค่าเท่ากับ 45. 50 จุด จากเดือนเมษายนที่ระดับ 52.84 จุด ซึ่งสะท้อนมุมมองเชิงลบ หลังจากราคาทองคำปรับตัวลงแรงช่วงเดือนเมษายน แต่เป็นที่น่าสังเกตคือกลุ่มนักลงทุนกลับมีทัศนคติเชิงลบโดยมีค่าความเชื่อมั่นเฉพาะกลุ่มนักลงทุนอยุ่ที่ 43.54 จุด ขณะที่กลุ่มผู้ค้าที่มองว่าอาจจะฟื้นตัวได้ระยะสั้น โดยมีค่าดัชนีเฉพาะกลุ่มผู้ค้าที่ 57.52 จุด ซึ่งค่าเงินบาทยังคงเป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลกระทบต่อราคาทองคำ รวมถึงวิกฤตหนี้ยุโรป การเก็งกำไร และทิศทางค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ก็ยังคงเป็นปัจจัยที่กลุ่มตัวอย่างให้ความสำคัญ

 

สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นในช่วงสามเดือนข้างหน้า ทั้งกลุ่มผู้ลงทุนและกลุ่มผู้ค้าทองคำมีทัศนคติไปในทิศทางเดียวกัน โดยยังมั่นใจว่าราคาทองคำจะปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่ระดับความเชื่อมั่นลดลงจากการสำรวจในช่วงเดือนเมษายนจากระดับ 65.06 จุดมาที่ระดับ 56.72 จุดในเดือนพฤษภาคม สะท้อนความไม่แน่ใจในการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำในประเทศ ซึ่งเป็นการลดลง 2 เดือนติดต่อกัน ปัจจัยที่กลุ่มตัวอย่างเชื่อว่ามีกระทบราคาทองคำในช่วงสามเดือนข้างหน้า คือการเก็งกำไรค่าเงินบาท และวิกฤตหนี้ยุโรป

 

นายกมลธัญ พรไพศาลวิจิต ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำ เปิดเผยการจัดทำบทสรุปความคิดเห็นผู้ค้าทองคำ (Gold Trader Consensus) เดือนพฤษภาคมกลุ่มผู้ค้ามองราคาเคลื่อนไหวใกล้เคียงเดือนเมษายน โดยกรอบสูงสุดที่กลุ่มตัวอย่างคาดไว้ระหว่าง 1,480-1,560 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์ โดยส่วนใหญ่เชื่อสูงสุดอยู่บริเวณ 1,480-1,500 ดอลลาร์ต่อออนซ์ กรอบการเคลื่อนไหวต่ำสุดให้น้ำหนักระหว่าง 1,300-1,440 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์ ด้านราคาทองคำแท่งในประเทศ (ความบริสุทธิ์ 95.50) กลุ่มตัวอย่างให้น้ำหนักราคาสูงสุดระหว่าง 20,500-21,900 บาทต่อหนึ่งบาททองคำ โดยให้น้ำหนักการตอบอยู่ระหว่าง 20,900-21,100 บาทต่อหนึ่งบาททองคำจำนวน กรอบการเคลื่อนไหวต่ำสุดกลุ่มตัวอย่างให้น้ำหนักระหว่าง 18,900-20,500 บาทต่อหนึ่งบาททองคำ

 

และจากภาวะตื่นทองหลังจากที่ทองคำอ่อนตัวช่วงหยุดยาว ศูนย์วิจัยทองคำได้ศึกษาพฤติกรรมการซื้อขายทองคำในช่วงวันที่ 17-30 เมษายน 2556 พบว่ากลุ่มตัวอย่างที่เป็นผู้ลงทุนในทองคำมีการซื้อทองคำในสัดส่วนร้อยละ 40.48 มีการขายทองคำร้อยละ 1.79 ทั้งซื้อและขายในช่วงเวลาดังกล่าวร้อยละ 16.07 และไม่ได้ทำการซื้อขายร้อยละ 41.67 โดยเป็นการซื้อทองคำรูปพรรณร้อยละ 43.90 ทองคำแท่งร้อยละ 44.71 กองทุนทองคำและสัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้าในสัดส่วนร้อยละ 5.69 เท่ากันทั้งสองส่วน โดยมีวัตถุประสงค์ในการซื้อขายทองคำ ซื้อเพื่อการลงทุน ร้อยละ 38.46 ซื้อเพื่อเป็นเครื่องประดับร้อยละ 25.38 ซื้อเพื่อเฉลี่ยต้นทุนร้อยละ 17.69 ที่เหลือร้อยละ 18.46 เป็นการซื้อเพื่อเป็นสินสอดแต่งงาน ขายเพื่อจำกัดการขาดทุน และซื้อเพื่อเป็นของกำนัล จากข้อมูลดังกว่าสะท้อนพฤติกรรมการซื้อขายทองที่เปลี่ยนไปจากเดิมที่เน้นการซื้อขายทองคำแท่งเป็นหลักกลับกลายเป็นการซื้อทองคำเพื่อการบริโภคมากขึ้น

 

ขณะที่ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อขายทองคำพบว่า นักลงทุนให้น้ำหนักกับการตัดสินใจของตัวเองเป็นอันดับแรก ขณะที่สื่อออนไลน์ และสื่อโทรทัศน์เป็นสื่อสำคัญประกอบการตัดสินใจ ส่วนความเห็นนักวิเคราะห์และกราฟทางเทคนิคให้ความสำคัญระดับปานกลาง ขณะเดียวกัน นักลงทุนในประเทศจำนวนมากยังมองทองคำเป็นสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัยในการลงทุน

 

http://www.bangkokbiznews.com

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เสาร์อาทิตย์ นี้ใคร ไปงาน money expo บ้างฮะ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ราคาทองคำในเช้านี้ปรับตัวลงเล็กน้อย หลังจากที่ราคาเพิ่มขึ้นกว่า 1% เมื่อคืนนี้ในตลาด comex และลอนดอน เนื่องจากการปิดทำกำไร และการเทขายของกองทุนทองคำ

 

ราคาทองคำในตลาดลอนดอนปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 1% เมื่อคืนนี้ ทำให้ราคาสามารถยืนได้เหนือ 1,450 เหรียญ ซึ่งได้รับแรงหนุนจากแรงซื้อจากฝั่งเอเชีย โดยค่าพรีเมี่ยมในตลาดเซี่ยงไฮ้ก็ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นด้วย

 

ความต้องการทองคำในเอเชียได้ต้านการเทขายทองคำจาก ETF ซึ่งแรงซื้อเกิดขึ้นตั้งแต่กลางเดือน เม.ย. ที่ราคาร่วงไปใกล้1,325 เหรียญ

 

ส่วน ETF เทขายทองคำอีก 7.5 ตัน สู่ระดับ 2,641 ตันเมื่อคืนวันอังคาร ตามข้อมูลจาก FastMarkets ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 4 ปี จากการที่นักลงทุนยังคงปิดสถานะอย่างต่อเนื่องไปหาสินทรัพย์อื่นๆ เช่น ตลาดหุ้นที่ให้ผลตอบแทนมากกว่า และอาจจะยังคงกดดันราคาทองคำ โดย S&P500 ได้กลับตัวเพิ่มขึ้น และทำจุดสูงสุดในระหว่างวัน

 

ทางด้าน SPDR เมื่อคืนนี้เทขาย 6.32 ตัน จากระดับ 1,057.79 ตันสู่ระดับ 1,051.47 ตัน ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดตั้งแต่ต้นปี 2009

 

มีความหวังว่าความต้องการจากจีนจะเพิ่มขึ้นในเดือนต่างๆที่จะถึงนี้ หลังจากการส่งออกทองคำจากฮ่องกงไปจีนในเดือน มี.ค. แตะระดับสูงสุดที่ระดับ 223,519 กิโลกรัม จากเดือน ก.พ.ที่ 97,106 กิโลกรัม ขณะที่การเข้าซื้อทองคำแท่งเพิ่มขึ้น 49% สู่ระดับ 120.39 ตัน และการซื้อเครื่องประดับเพิ่มขึ้น 16% สู่ระดับ 178.59 ตัน รวมถึงการใช้ทองคำของจีนก็เพิ่มขึ้น 26% ในไตรมาสแรก

 

credit mtsgold

 

ยอดการขายปลีกของจีนในเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้นเป็น 3 เท่าในวันที่ 15 และ 16 เม.ย. หลังจากราคาทองคำปรับตัวลง ตามข้อมูลจากสมาพันธ์ทองคำของจีน และยังคงมีแรงซื้อทองคำในสัปดาห์ที่แล้ว ในช่วงวันแรงงานอีกด้วย

 

นอกจากนี้ คาดว่าการนำเข้าทองคำจากอินเดียในเดือน พ.ค. นี้จะเกิน 100 ตันติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 เนื่องจากเทศกาลอัคชายะ ทริติยาของฮินดู ที่เป็นเทศกาลเข้าซื้อทองคำ ที่จะเริ่มต้นวันที่ 13 พ.ค.

 

โรงกษาปณ์ของสหรัฐได้จำกัดการเข้าซื้อในเหรียญเงิน 5 ออนซ์ “America the Beautiful” ซึ่งจะขายในสัปดาห์หน้า สะท้อนถึงความต้องการทองคำรูปพรรณที่เพิ่มขึ้น หลังจากราคาร่วงลงไป

 

คาดว่า Trade Balance ของจีนในเดือน เม.ย.จะเกินดุล 1.82 หมื่นล้านดอลลาร์ มากกว่าที่คาดไว้ 1.55 หมื่นล้านดอลลาร์จากตัวเลขเดือนที่แล้ว

 

ค่าเงินยูโรแข็งค่ามากที่สุดในรอบ 3 สัปดาห์มาอยู่ที่ 1.3176 ดอลลาร์ต่อยูโร หลังจากตัวเลขการผลิตทางอุตสาหกรรมของเยอรมันออกมาดีกว่าที่คาด -0.1% ที่ระดับ 1.2% และดีขึ้นเป็นเดือนที่ 2 ส่งสัญญาณว่าเศรษฐกิจของประเทศที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปอาจจะกลับมาเติบโตได้

ถูกแก้ไข โดย arthas

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เสาร์อาทิตย์ นี้ใคร ไปงาน money expo บ้างฮะ

 

หวัดดีท่าน

ไม่ได้ไปจ้า ร้อนๆ ขี้เกียจไปเบียดคน

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดียามสายค่ะทุกคน

บาทเดี๋ยวแข็งเดี๋ยวอ่อน เฮ้อ นอนดีกว่า

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

แม่ทองได้กลับมาปิดเหนือ 1465 อีกครั้ง ทำให้มีความหวังว่าจะขึ้นต่อไปได้

ถ้าหากว่าผ่าน 1,482 ราคาอาจไปถึง 1,500-1,520 ถ้าถึงตรงนั้นจริงๆ

ก็รีบขายทำกำไร เพราะอาจเห็นสึนามิได้ :bye

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

แม่ทองได้กลับมาปิดเหนือ 1465 อีกครั้ง ทำให้มีความหวังว่าจะขึ้นต่อไปได้

ถ้าหากว่าผ่าน 1,482 ราคาอาจไปถึง 1,500-1,520 ถ้าถึงตรงนั้นจริงๆ

ก็รีบขายทำกำไร เพราะอาจเห็นสึนามิได้ :bye

 

ขอบคุณครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เงินบาทปิดตลาดที่ระดับ 29.44/46 แกว่งตัวอ่อนค่าตามแรงซื้อขายในตลาด

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 9 พฤษภาคม 2556 17:30:14 น.

นักบริหารเงินจากธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้ที่ระดับ 29.44/46 บาท/ดอลลาร์ ปรับตัวอ่อนค่าจากเปิดตลาดช่วงเช้าที่ระดับ 29.35/37 บาท/ดอลลาร์ ระหว่างวันเงินบาทไปทำโลว์ที่ระดับ 29.32/34 บาท/ดอลลาร์ และทำไฮที่ระดับ 29.56/58 บาท/ดอลลาร์ ปรับตัวตามแรงซื้อขายในตลาด

 

"เงินบาทแกว่งตัวทั้งวันตามดีมานด์-ซัพพลายของตลาดมากกว่า" นักบริหารเงิน กล่าว

 

นักบริหารเงิน กล่าวว่า การเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันพรุ่งนี้น่าจะยังคงมีทิศทางเหมือนวันนี้ โดยนักลงทุนรอดูผลประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ในวันที่ 29 พ.ค.56 ยกเว้นธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) จะมีมาตรการอะไรออกมาเพิ่มเติม

 

"มองกรอบการเคลื่อนไหวยากมาก ระหว่างวันแกว่งตัวเกือบ 20 สตางค์" นักบริหารเงิน กล่าว

 

*ปัจจัยสำคัญ

- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 98.66/68 เยน/ดอลลาร์ จากระดับ 98.82/86 เยน/ดอลลาร์

- เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.3144/3148 ดอลลาร์/ยูโร จากระดับ 1.3160/3162 ดอลลาร์/ยูโร

 

- ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,621.12 จุด เพิ่มขึ้น 6.97 จุด, +0.43% มูลค่าการซื้อขาย 52,166.21 ล้านบาท

 

- สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 1,254.96 ล้านบาท(SET+MAI)

- นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง เผยได้นัดประชุมร่วมกันระหว่างผู้ประกอบการภาคเอกชนกับธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) และคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) เพื่อหารือถึงสถานการณ์ค่าเงินบาทในวันที่ 13 พ.ค.นี้ และหาทางออกในการแก้ไขปัญหาร่วมกัน และเห็นว่าขณะนี้ยังไม่อยู่ในจังหวะที่จะต้องออกมาตรการใดเพิ่มเติมสำหรับการดูแลค่าเงินบาท แต่จะให้มีการทำงานร่วมกันจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องภายใต้กรอบกฎหมายที่มีอยู่ จากก่อนหน้านี้ กนง.จะคำนึงถึงเสถียรภาพด้านราคาโดยยึดกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อเป็นหลักการ แต่ขณะนี้มองว่าการแข่งขันทางการค้าและปริมาณเงินในโลกที่จะส่งผลกระทบต่ออัตราแลกเปลี่ยน จำเป็นต้องทำความเข้าใจร่วมกันว่าควรจะมีเป้าหมายของอัตราแลกเปลี่ยนให้สามารถแข่งขันได้ด้วย ไม่ใช่เป็นการยึดค่าเงินบาทที่เทียบกับดอลลาร์สหรัฐเท่านั้น แต่ต้องอิงกับสกุลเงินของคู่ค้าและคู่แข่งด้วย

 

- ขณะที่นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการ ธปท.ย้ำถึงแนวทางปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพื่อแก้ปัญหาเงินบาทแข็งค่าว่า แม้อัตราดอกเบี้ยจะเป็นเครื่องมืออย่างหนึ่งที่สามารถใช้ดูแลอัตราแลกเปลี่ยนได้ แต่ขณะนี้อัตราดอกเบี้ยมีภาระหนักที่จะต้องดูแลดุลยภาพเศรษฐกิจในประเทศ และถือเป็นความยากลำบากของคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ที่ต้องพยายามรักษาดุลยภาพดังกล่าว

 

- สำนักงานสถิติแห่งชาติออสเตรเลีย เผยตัวเลขจ้างงานเดือน เม.ย.56 เพิ่มขึ้น 50,100 รายจากเดือนก่อนหน้า และมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ ขณะที่อัตราว่างงานลดลงมาอยู่ที่ระดับ 5.5% จาก 5.6% สะท้อนให้เห็นว่า ตลาดแรงงานของออสเตรเลียสามารถรับมือกับแนวโน้มเศรษฐกิจภายในประเทศที่ซบเซาได้

 

- ธนาคารกลางเกาหลีใต้ประกาศลดดอกเบี้ย 0.25% เหลือ 2.5% ในการประชุมวันนี้ เนื่องจากการอ่อนค่าของสกุลเงินเยน โดยระบุว่าทิศทางของเงินเยนในอนาคตมีความไม่แน่นอนมากขึ้น

 

- กระทรวงการคลังของญี่ปุ่น เผยทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 3.61 พันล้านดอลลาร์จากเดือนก่อน แตะระดับ 1.25796 ล้านล้านดอลลาร์ ณ สิ้นเดือน เม.ย.56 โดยปรับตัวขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 7 เดือน ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการแข็งค่าของเงินยูโรเมื่อเทียบกับดอลลาร์ ซึ่งส่งผลให้ทรัพย์สินภายใต้การถือครองญี่ปุ่นในสกุลเงินยูโรมีมูลค่าเพิ่มขึ้น และจากการเพิ่มขึ้นของรายได้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่รัฐบาลญี่ปุ่นถือครองอยู่

 

- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส(WTI) เดือน มิ.ย.56 ขยับขึ้น 1 เซนต์ แตะที่ 96.63 ดอลลาร์/บาร์เรล ในการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกที่ตลาดเอเชีย เมื่อเวลา 11.37 น.ตามเวลาสิงคโปร์ในวันนี้ หลังจากสหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้นน้อยกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์

 

- รัฐมนตรีคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางจากกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ 7 ประเทศ หรือ G7 จะให้การรับรองว่าจะร่วมมือกันในการใช้นโยบายการเงินและการคลังเพื่อสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก แม้ว่าจะยังคงมีเสียงวิจารณ์จากประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่บางประเทศเกี่ยวกับการผ่อนคลายด้านสินเชื่อเชิงรุกของกลุ่มประเทศเศรษฐกิจชั้นนำอยู่บ้างก็ตาม นอกจากนี้รัฐมนตรีคลังและผู้ว่าธนาคารกลางจากอังกฤษ แคนาดา ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี ญี่ปุ่น และสหรัฐ ยังจะหารือกันในเรื่องการกำกับดูแลภาคธนาคาร เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดวิกฤตการเงินโลกขึ้นมาอีก ภายหลังจากที่เลห์แมน บราเธอร์ส ล้มละลายเมื่อปี 2551

 

- สำนักคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่น รายงานดัชนีภาวะเศรษฐกิจของญี่ปุ่นปรับตัวขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ในเดือน มี.ค.56 โดยดัชนีพ้องเศรษฐกิจ(index of coincident indicators) ซึ่งประเมินภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน เช่น ผลผลิตอุตสาหกรรม ยอดค้าปลีก และการจ้างงานใหม่ เพิ่มขึ้นแตะ 93.3 จากระดับ 92.5 ในเดือน ก.พ.56 เมื่อเทียบกับระดับฐานที่ 100 โดยรัฐบาลญี่ปุ่นระบุว่า ดัชนีดังกล่าวบ่งชี้ว่า เศรษฐกิจได้ฟื้นตัวขึ้นจากระดับต่ำสุดแล้ว หรับดัชนีนำเศรษฐกิจ(index of leading indicators) ซึ่งคาดการณ์สภาพเศรษฐกิจในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าอ่อนตัวลงเป็นครั้งแรกในรอบ 4 เดือน มาอยู่ที่ระดับ 97.6 จาก 97.7 และดัชนีตามเศรษฐกิจ(index of lagging indicators) ซึ่งสะท้อนสภาพเศรษฐกิจในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นแตะ 87.1 จากระดับ 86.0

 

- สมาคมผู้ผลิตรถยนต์จีน(CAAM) เผยยอดขายรถยนต์ที่ผลิตในจีนเพิ่มขึ้น 13.4% ในเดือน เม.ย.เมื่อเทียบรายปี โดยเพิ่มขึ้นจากอัตราขยายตัวที่ 11% ในเดือน มี.ค.56 โดยมียอดขายรถยนต์นั่งในเดือน เม.ย.อยู่ที่ 1.44 ล้านคัน เพิ่มขึ้น 13% เมื่อเทียบรายปี ขณะที่ยอดขายรถเพื่อการพาณิชย์อยู่ที่ 400,300 คัน เพิ่มขึ้น 14.9% เมื่อเทียบรายปี สำหรับในช่วงเดือน ม.ค.-เม.ย.56 ยอดขายรถทั่วประเทศอยู่ที่ 7.27 ล้านคัน เพิ่มขึ้น 13.2% เมื่อเทียบรายปี

 

- นักวิเคราะห์ชี้กรณีธนาคารกลางออสเตรเลียได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 0.25% จากระดับ 2.75% เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา เช่นเดียวกับการตัดสินใจของธนาคารกลางยุโรป(อีซีบี) เพื่อสนับสนุนด้านการค้า โดยการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงส่วนใหญ่มีจุดประสงค์เพื่อควบคุมเงินสกุลดอลลาร์ออสเตรเลียที่ไม่ได้อ่อนค่าลงตามปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจ

 

- สเปนสามารถขายพันธบัตรในวงเงินสูงกว่าเป้าหมายที่วางไว้ในการประมูลวันนี้ ขณะที่ต้นทุนการกู้ยืมลดลง การที่ธนาคารกลางยุโรปปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงนั้นได้ส่งผลให้ความต้องการพันธบัตรที่ออกโดยประเทศที่มีปัญหาทางเศรษฐกิจดีดตัวสูงขึ้น โดยธนาคารกลางสเปนเผยสามารถระดมทุนจากการประมูลขายพันธบัตร 3 ชุดได้ 4.57 พันล้านยูโร(6 พันล้านดอลลาร์) ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายสูงสุดที่วางไว้ที่ 4.5 พันล้านยูโร อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 3 ปีอยู่ที่ 2.247% ลดลงจาก 2.792% ในการประมูลเดือนที่แล้ว ขณะที่ผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 5 ปี อยู่ที่ 2.789% เทียบกับ 3.257% ในเดือน เม.ย. ส่วนผลตอบแทนพันธบัตรที่ครบกำหนดไถ่ถอนในปี 2569 อยู่ที่ 4.336% ลดลงจาก 5.555% ในการประมูลครั้งก่อน

 

- สมาคมแลกเปลี่ยนทองคำและเงินของจีน เผยราคาทองคำที่ตลาดฮ่องกงพุ่งขึ้น 128 ดอลลาร์ฮ่องกง ปิดที่ระดับ 13,666 ดอลลาร์ฮ่องกง/ตำลึง หรือเท่ากับ 1,478.29 ดอลลาร์สหรัฐ/ทรอยออนซ์ เพิ่มขึ้น 13.85 ดอลลาร์สหรัฐ

 

อินโฟเควสท์ โดย ธนวัฏ เสือแย้ม/กษมาพร โทร.02-2535000 อีเมล์: kasamarporn@infoquest.co.th--

 

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สรุปสภาวะตลาดทองคำแท่ง และโกลด์ฟิวเจอร์ส วันที่ 9 พฤษภาคม 2556 โดย YLG

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ ThaiPR.net -- พฤหัสบดีที่ 9 พฤษภาคม 2556 16:52:24 น.

กรุงเทพฯ--9 พ.ค.--PRDD

สภาวะตลาดวันที่ 9 พฤษภาคม 2556 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,469.00—1,475.51 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFM13 อยู่ที่ 20,630 บาท โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 300 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 20,330 บาท ขณะที่ซิวเวอร์ฟิวเจอร์ SVM13 อยู่ที่ 695 บาท โดยราคาไม่เปลี่ยนแปลงจากวันก่อนหน้าที่ระดับ 695 บาท

 

 

(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 15.50 น.ของวันที่ 09/05/13)ออกมา คือ ออกมา คือ

 

แนวโน้มวันที่ 10 พฤษภาคม 2556

กลุ่มรัฐมนตรีคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางจากกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ G7 มีกำหนดจัดการประชุมเป็นเวลา 2 วัน โดยจะมีการประชุมในวันศุกร์และเสาร์นี้ที่เมืองบัคกิงแฮมเชียร์ โดยคาดการณ์ว่าที่ประชุมจะร่วมมือกันในการใช้นโยบายการเงินและการคลังเพื่อสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะกลุ่มประเทศยุโรปอาจได้รับการร้องขอให้ดำเนินมาตรการด้านการคลังในระยะสั้นเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจซึ่งหากเป็นจริงตามคาดการณ์จะส่งผลบวกต่อทิศทางราคาทองคำ อย่างไรก็ตามยังคงต้องติดตามผลการประชุมเพราะยังมีเสียงวิจารณ์จากประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่เกี่ยวกับการผ่อนคลายด้านสินเชื่อเชิงรุกอยู่บ้าง ประกอบกับนักลงทุนยังจับดูทิศทางเงินเฟ้อของจีนที่ปรับตัวสูงขึ้นเพิ่มเป็น 2.4% ในเดือนเมษายน หลังราคาอาหารปรับตัวสูงขึ้นถึง 4% ซึ่งมีผลต่อนโยบายผ่อนคลายการเงินของทางการจีน ซึ่งหากอัตราเงินเฟ้อไม่สูงจนเกินไปนโยบายการเงินของทางการจีนมีแนวโน้มที่จะอยู่ในระดับผ่อนคลาย ขณะที่เศรษฐกิจของประเทศสเปนหดตัวอย่างเห็นได้ชัดเนื่องจากกระทบอย่างหนักจากวิกฤติเศรษฐกิจในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาโดยสำนักงานสถิติแห่งชาติสเปน เปิดเผบว่ากลุ่มบริษัทต่างๆมากกว่า 2,800 แห่งของสเปนได้ประกาศภาวะล้มละลายในช่วงไตรมาสแรกของปี 2556 โดยตัวเลขดังกล่าวเพิ่มขึ้น 22.8% เทียบเป็นรายปี และ 10.4% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ปัจจัยดังกล่าวได้เป็นแรงกดดันต่อทิศทางราคาทองคำ เบื้องต้นวายแอลจีประเมินว่าหากราคาทองคำได้ดีดตัวขึ้นทดสอบแนวต้านบริเวณ 1,480 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่ไม่สามารถผ่านไปได้ ทำให้ราคาทองคำมีแนวโน้มจะอ่อนตัวลงทดสอบแนวรับ แต่หากสามารถผ่านไปได้ ราคาทองคำจะเผชิญแนวต้านสำคัญที่ 1,489 ดอลลาร์ต่อออนซ์

 

กลยุทธ์การลงทุน ทางวายแอลจีมีมุมมองว่า ราคาทองคำจะมีแนวโน้มที่จะแกว่งตัวออกด้านข้าง เบื้องต้นประเมินว่าหากราคาสามารถยืนเหนือบริเวณ 1,452 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้อย่างแข็งแกร่ง คาดว่าราคาทองคำจะเคลื่อนไหวในลักษณะ Sideway อย่างไรก็ตามเมื่อราคาขึ้นทดสอบแนวต้าน 1,480 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ 1,489 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ยังไม่สามารถผ่านไปได้แนะนำขายทำกำไรบางส่วน และแนะนำนักลงทุนเข้าซื้อเมื่อราคามีการย่อตัวเข้าใกล้บริเวณแนวรับ 1,460 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ 1,452 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยหากราคาไม่หลุดแนวรับราคาทองคำยังมีโอกาสแกว่งตัวออกด้านข้างต่อไป

 

ทองคำแท่ง (96.50%)

แนวรับ 1,460 (20,340บาท) 1,452 (20,230บาท) 1,440 (20,060บาท)

แนวต้าน 1,480 (20,620บาท) 1,489 (20,740บาท) 1,502 (20,930บาท)

GOLD FUTURES (GFM13)

แนวรับ 1,460 (20,490บาท) 1,452 (20,380บาท) 1,440 (20,210บาท)

แนวต้าน 1,480 (20,770บาท) 1,489 (20,890บาท) 1,502 (21,080บาท)

SILVER FUTURES (SVM13)

แนวรับ 23.65 (684บาท) 23.30 (674บาท) 22.85 (660บาท)

แนวต้าน 24.35 (704บาท) 24.60 (712บาท) 24.90 (721บาท)

หากต้องการทราบทิศทางราคาทองคำและแนวทางลงทุนทองคำ ขอคำปรึกษาเพิ่มเติมจากทีมที่ปรึกษาการลงทุนด้านโกล์ดฟิวเจอร์ส โทร.02-687-9999 และการลงทุนด้านทองคำแท่ง โทร.02-687-9888 หรือwww.ylgbullion.com

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สรุปภาวะตลาด Gold Future และ SET50 Future By GT Wealth Management 9 พ.ค. 56 (ภาคบ่าย)

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ ThaiPR.net -- พฤหัสบดีที่ 9 พฤษภาคม 2556 17:11:34 น.

กรุงเทพฯ--9 พ.ค.--GT Wealth Management

ราคาทองคำในตลาดโลกเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆบริเวณ US$1,465-1,475 ต่อออนซ์ หลังได้รับผลกระทบจากตัวเลขเศรษฐกิจในภูมิภาคยุโรปที่ปรับตัวดีขึ้น จนส่งผลให้มีการคาดการณ์ว่าอาจจะไม่มีการลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุม ECB ครั้งถัดไป โดยในวันนี้ธนาคารกลางเกาหลีใต้มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25%เหลือ 2.5%เพื่อให้มีการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ซึ่งอาจส่งผลให้เงินทุนไหลเขาประเทศไทยมากขึ้น อาจส่งผลให้ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นเป็นผลลบต่อราคาทองคำในประเทศโดยค่าเงินบาทตอนนี้อยู่ที่ 29.44 บาทต่อดอลล่าร์สหรัฐฯ ขณะที่มาตรการควบคุมเงินทุนยังไม่ได้นำออกมาใช้ ทางด้านสหรัฐฯ ประเด็นเรื่องเพดานหนี้ถูกกลับมาพูดถึงอีกครั้งหลังแผนขยายเพดานหนี้ฉุกเฉินจะหมดลงในวันที่ 19 พ.ค. นี้ ซึ่งอาจเป็นปัจจัยบวกต่อทองหากยังไม่มีการบรรลุถึงแผนการแก้ปัญหานี้ กองทุนทองคำรายใหญ่อย่าง SPDR ที่ขายทองคำอีก 6.32 ตัน มาถือครองที่ระดับ 1,051.47 ตัน ดัชนีSET50 ปิดที่ 1,075.95 จุด บวก 4.90 จุด โดยในวันนี้ยังคงปรับตัวขึ้นต่อ แต่มีแรงขายทำกำไรให้เห็นที่ระดับแนวต้านสำคัญๆ โดยได้รับแรงหนุนจากปัจจัยต่างประเทศโดยเฉพาะเศรษฐกิจยุโรปที่เริ่มส่งสัญญาณดีขึ้น โดยเฉพาะผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของเยอรมนี ขณะที่สถานการณ์ค่าเงินบาทในไทยยังไม่มีมาตรการออกมาใช้ โดยมีแรงซื้อเข้ามาในกลุ่มพลังงานและ ICT แต่พบแรงขายในกลุ่มธนาคารซึ่งถ่วงการเพิ่มขึ้นของดัชนี

 

 

 

สัญญาซื้อขายล่วงหน้าทองคำสิ้นสุดอายุเดือนมิถุนายน 2556 (GFM13) ปิดที่ระดับ 20,670 บาท ปริมาณการซื้อขาย 838สัญญา

 

สัญญาซื้อขายล่วงหน้าทองคำสิ้นสุดอายุเดือนมิถุนายน 2556 ขนาด 10 บาท (GF10M13) ปิดที่ระดับ 20,660 บาท ปริมาณการซื้อขาย 2,481 สัญญา

 

สัญญาซื้อขายล่วงหน้าดัชนี SET50 สิ้นสุดอายุเดือนมิถุนายน (S50M13) ปิดที่ระดับ 1,081.10 จุด ปริมาณการซื้อขาย 19,601สัญญา

 

แนวโน้มทองคำ นายกมลธัญ พรไพศาลวิจิต ผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัท จีที เวลธ์ แมเนจเมนท์ จำกัดและผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำ กล่าวว่า ระยะสั้นราคาอาจจะทรงตัวในกรอบกว้าง ๆ แม้จะยังมีแรงขายออกมาให้เห็น แต่หลังจากราคาทองคำในตลาดโลกอ่อนตัวลงแรงทำให้มีความต้องการในการซื้อเพื่อการบริโภคและการเก็งกำไรเข้ามาหนุนราคา โดยเชื่อว่าราคาทองคำจะทรงตัวในกรอบ 1,400-1,500 ขณะที่ค่าเงินบาทยังเป็นปัจจัยที่นักลงทุนทองคำในประเทศต้องให้ความสำคัญโดยมีโอกาสแข็งค่าในระยะสั้นเช่นกัน

 

GT Wealth Management

www.gtwm.co.th

TEL : 02-673-9911

 

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...