ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
tt2518

ขอเดา(ราคาทอง)กับเขาบ้าง

โพสต์แนะนำ

วิกฤติรอบใหม่ของไทยที่เกิดขึ้น แบบที่ไม่เคยมีมาก่อนในประเทศฯ จากเริ่มต้น แตกแยก, น้ำท่วม มาคราวนี้ น้ำมันรั่วในอ่าวไทย อ่าวพร้าวที่เกาะเสม็ด เสียหายยับ คราบน้ำมันมุ่งหน้าชายหาดอื่นๆ ต่อไป 50,000 ลิตร คราวต่อไป จะเกิดเหตุร้ายอะไร แผ่นดินไหว ขั้นรุนแรงอาจตามมา

ถูกแก้ไข โดย เด็กขายของ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

รายอาทิตย์ จนถึงวันศุกร์ ไหนลองมามองๆๆ เดาๆๆ ว่าจะเกิดเหตุแบบใด ราคาทองเดินแนวไหน ว่าแต่ตอนนี้ $1327 อยู่ในเขต Sideway ขึ้นลง ตามกรอบแนวบนแนวล่าง

Supports: 1315, 1292, 1274, 1253, 1243

Resistances: 1336, 1343, 1388

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

น้ำมันทรงตัวจากข้อมูลศก.มะกัน หุ้นสหรัฐฯ-ทองคำปิดสวนทาง

 

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 30 กรกฎาคม 2556 04:54 น.

 

 

 

 

 

 

เอเอฟพี - ราคาน้ำมันวานนี้(29) ทรงตัว หลังข่าวคราวทางเศรษกิจพื้นๆฉุดรั้งการเข้าซื้ออย่างคึกคักตลอดช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่วอลล์สตรีทและทองคำ ปิดสวนทาง ด้วยนักลงทุนจับตารายงานใหม่ๆที่จะเผยแพร่ออกมาในอีกไม่กี่วันข้างหน้า

 

สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนกันยายน ลดลง 15 เซนต์ ปิดที่ 104.55 ดอลลาร์ ส่วนบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน เพิ่มขึ้น 28 เซนต์ ปิดที่ 107.45 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

 

นักวิเคราะห์มองว่าแรงเข้าซื้อของนักลงทุนถูกกัดเซาะตามหลังการเปิดเผยยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขายสหรัฐฯ ประจำเดือนมิถุนายน ที่ลดลงร้อยละ 0.4 จากเดือนพฤษภาคม ที่ทำสถิติสูงสุดในรอบ 6 เดือน

 

ทั้งนี้แม้ตัวเลขดังกล่าวจะปรับลดน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดหมายไว้ แต่รายงานนี้มีออกมาในวันเดียวกับที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)สาขาดัลลัส รายงานว่ากิจกรรมการผลิตของภูมิภาค ลดลงจากระดับ 17.1 ของเดือนมิถุนายน สู่ 11.4 จุดในเดิอนกรกฎาคม

 

ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ(29) ขยับลงเล็กน้อย นักลงทุนจับตาสัปดาห์แห่งการเปิดเผยข้อมูลทางเศรษฐกิจใหม่ๆ ในนั้นรวมถึงการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินเฟดและตัวเลขการจ้างงานรายเดือน

 

ดัชนีดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 35.86 จุด (0.23 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 15,522.97 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 6.17 จุด (0.36 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,685.48 จุด แนสแดค ลดลง 14.02 จุด (0.39 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 3,599.14 จุด

 

นักวิเคราะห์ระบุว่าเหล่านักลงทุนอึกอักที่จะเสี่ยงเดิมพันในตลาดหุ้น ก่อนหน้าที่คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินเฟดมีกำหนดหารือกันในช่วงกลางสัปดาห์ ส่วนทางกระทรวงแรงงานสหรัฐฯก็มีกำหนดเผยแพร่ข้อมูลภาคแรงงานในวันศุกร์(2ส.ค.) ขณะเดียวกันนักลงทุนก็จับตารายงานอื่นๆทั้งจีดีพีไตรมาส 2และดัชนีราคาบ้าน

 

ปัจจัยนี้เองก็ส่งผลให้ราคาทองคำวานนี้(29) ปิดบวกเล็กน้อย โดยราคาทองคำตลาดโคเมกซ์ เพิ่มขึ้น 7.70 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,329.60 ดอลลาร์ต่อออนซ์

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ค่าเงินบาท ก็ยังเกิดอาการอ่อนค่า ถ้าจะว่าไป ก็อาจจะเกิดจากอาการซ้อมรับมือม็อบที่จะมาเยือนรัฐสภา เมื่อช่วงวันที่ 27-29 กรกฎาคม เพืีอรอรับมืออีกไม่กี่วันข้างหน้า ที่ได้แพร่ภาพข่าวออกไปทั่ว ประกอบกับปัญหาน้ำมันรั่วที่ระยอง หุ้นตัวไหนว่ะ ที่เป็นเจ้าของเรื่องที่เกิด อาจโดนเทขายกระหน่ำ เพราะหวั่นกลัวการจ่ายค่าปรับ ค่าชดเชย ค่าฟ้องร้องในอนาคตที่จะเกิดขึ้น

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ส่วนตารางรายงานเศรษฐกิจ น่าจะเริ่มความเหวี่ยงขึ้นลง ในช่วงเที่ยงครึ่ง แล้วหยุดพัก มาเริ่มอีกครั้งก็ช่วงเย็นต่อ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

 

หลังจากการมาของนโยบายรถคันแรก รถราบนท้องถนนก็ดูเหมือนจะเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เมื่อรถเยอะขึ้นปัญหาที่ตามมาไม่ได้มีแค่รถติด แต่ยังมีอีกหนึ่งปัญหาใหญ่ที่เป็นความทุกข์ของคนมีรถนั้นก็คือ การหาที่จอด เพราะเดี๋ยวนี้ที่จอดรถไม่ได้หาง่ายๆ แถมที่สำคัญที่จอดรถส่วนใหญ่ไม่ได้มีไว้ให้จอดฟรีๆ ต้องมีการจ่ายค่าบริการ แต่ละที่ก็คิดราคาถูกแพงไม่เท่ากัน

 

ฉลาดซื้อ จึงอยากช่วยประหยัดเงินในกระเป๋าของคนมีรถที่ต้องเดินทางไปทำธุระตามที่ต่างๆ อยู่เป็นประจำ ด้วยการสำรวจข้อมูลค่าบริการที่จอดรถของอาคารพาณิชย์ชื่อดังที่ตั้งอยู่ในย่านธุรกิจสำคัญๆ ในกทม. ว่าแต่ละที่เขาคิดค่าบริการกันยังไง ราคาเท่าไหร่ จะได้เตรียมตังค์ เตรียมใจ ก่อนจะเอารถไปจอด

 

 

 

จอดฟรี แต่แค่ 15 นาทีนะ

 

แม้ว่าในการสำรวจครั้งนี้ฉลาดซื้อได้พบว่า “ของฟรียังมีในโลก” แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าดีใจแต่อย่างใด เพราะแม้ที่จอดรถหลายๆ ที่จะมีเวลาให้จอดฟรี แต่ส่วนใหญ่ก็อนุโลมให้เฉพาะแค่ 10 – 15 นาทีแรกเท่านั้น เต็มที่ก็คือให้จอดฟรีได้ครึ่งชั่วโมง อาคารที่ให้จอดฟรีได้ครึ่งชั่วโมงก็มีอย่างเช่น อาคารบีบี Bangkok Business Building ถ.อโศก, อาคารสาทรสแควร์ ถ.สาทร, อาคารอิตัลไทย ทาวเวอร์ ถ.เพชรบุรี, อาคารเพลิตจิต ทาวเวอร์ และ อาคารเมืองไทย-ภัทร ถ.รัชดาภิเษก

 

 

 

ซึ่งการมีช่วงเวลาที่รถเข้าไปจอดในอาคารโดยไม่เสียค่าบริการ แม้จะเป็นแค่ช่วงเวลาสั้นๆ ก็ยังถือเป็นประโยชน์กับคนที่ใช้รถ โดยเฉพาะกับคนที่ไม่ได้จอดที่อาคารนั้นๆ เป็นประจำ คนที่ไม่เคยทราบราคาค่าที่จอดมาก่อน อย่างน้อยๆ ก็จะได้มีโอกาสตัดสินใจเมื่อเห็นราคา ว่าจะเลือกจอดที่นี่หรือย้ายไปจอดที่อื่น เพราะเป็นข้อกำหนดโดยกรมการค้าภายในอยู่แล้วว่า อาคารสถานที่ที่ให้บริการที่จอดรถต้องมีการแจ้งราคากับผู้ใช้บริการ โดยต้องแจงรายละเอียดการคิดราคาค่าบริการทั้งจัดทำเป็นป้ายให้อ่านชัดเจนและทำเป็นข้อมูลลงในบัตรจอดรถที่ต้องได้รับทุกครั้งเมื่อมาใช้บริการ

 

 

 

จ่าย 100 ได้จอด 1 ชั่วโมง

 

ใครที่ดีใจที่ได้มีรถไว้ใช้จากนโยบายรถคันแรก ก็อย่าลืมเตรียมใจว่าจากนี้ไปค่าใช้จ่ายต่างๆ กำลังเดินทางมาดูดเงินจากกระเป๋าคุณ ทั้งค่าผ่อนรถ ค่าน้ำมัน ค่าทางด่วน และที่หลายคนอาจลืมคิดไปแต่ถือเป็นรายจ่ายก้อนใหญ่ไม่น้อยก็คือ รายจ่ายค่าที่จอดรถ

 

อาจจะดูน่าตกใจแต่ว่าเป็นเรื่องจริง ที่เดี๋ยวนี้ค่าบริการที่จอดรถมีราคาสูงถึงชั่วโมงละ 100 บาท ซึ่งจากการสำรวจเราพบหลายอาคารที่คิดค่าบริการจอดรถชั่วโมงละ 100 บาท ไม่ว่าจะเป็น อาคาร Interchange ถ.อโศก-สุขุมวิท, อาคาร Exchange Tower ถ.สุขุมวิท-รัชดาภิเษก, อาคาร Q House ถ.พระราม 4 และ อาคารสาทรสแควร์ ถ.สาทร ที่สำคัญคือเศษของชั่วโมงที่เกินมาก็ถือว่าเป็นหนึ่งชั่วโมง

 

 

 

บัตรจอดรถเป็นของมีค่า...ต้องรักษาเท่าชีวิต

 

ค่าจอดรถที่ว่าสูงแล้ว ยังไม่เท่าราคาบัตรจอดรถ ทั้งๆ ที่เป็นแค่กระดาษแผ่นเล็กๆ ใบหนึ่งแต่อาจมีค่าสูงถึง 500 บาท ในกรณีถ้าเราทำบัตรจอดรถที่ได้รับมาหายไป ซึ่งการที่บัตรจอดรถมีค่าสูงขนาดนี้เป็นเพราะนี่คือหลักฐานชิ้นสำคัญที่ไว้แสดงว่าได้มีการทำสัญญาร่วมกันระหว่างเจ้าของรถและอาคารที่ให้บริการที่จอดรถ เผื่อหากเกิดกรณีที่รถหายหรือทรัพย์สินที่อยู่ในรถถูกขโมย บัตรจอดรถจะช่วยยืนยันว่าเราในฐานะเจ้าของรถได้มาใช้บริการจริง นำไปใช้เป็นหลักฐานในการเรียกร้องความรับผิดชอบกับเจ้าของอาคารที่เราไปจอดรถ

 

 

 

ไม่ได้ประทับตรา ไม่ได้สิทธิ

 

อาคารต่างๆ ที่ให้บริการที่จอดรถส่วนใหญ่เป็นอาคารพาณิชย์ ที่เป็นที่ตั้งของร้านค้าและสำนักงานเป็นจำนวนมาก ซึ่งใครที่มาจอดรถแล้วใช้บริการหรือติดต่อธุระต่างๆ ต้องอย่าลืมใช้สิทธิประทับตราลงบนบัตรจอดรถ เพราะมันจะช่วยให้เราสามารถจ่ายค่าที่จอดรถได้ถูกลง บางที่ก็ให้สิทธิจอดฟรีได้นานขึ้นเป็น 1 ชั่วโมง – 2 ชั่วโมง

 

เพราะฉะนั้นเวลาไปจอดรถไม่ว่าที่ไหนอย่าลืมมองหาจุดประทับตราเพื่อจะได้ช่วยประหยัดค่าจอดรถ

 

 

 

สคบ. ขอความร่วมมือ ให้จอดฟรี 1 ชั่วโมง 15 นาที

 

เรื่องของการคิดราคาค่าบริการที่จอดรถนั้น ในบ้านเราไม่ได้มีกฎหมายใดๆ กำหนดเกณฑ์มาตรฐานเอาไว้ จึงทำให้แต่ละที่มีการคิดราคาแตกต่างกันไป แต่เมื่อปลายปีที่แล้วมีข่าวว่าทางสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ร่วมกับ กรมการค้าภายใน และ กระทรวงพาณิชย์ ได้มีการขอความร่วมมือไปยังห้างสรรพสินค้าและผู้ให้บริการที่จอดรถของเอกชนทั่วประเทศ ว่าต้องอนุญาตให้ผู้ใช้รถสามารถจอดรถได้ฟรีเป็นเวลา 1 ชั่วโมงกับอีก 15 นาที หลังจากนั้นจึงค่อยมีการคิดค่าบริการ แต่จากผลสำรวจจะเห็นว่าที่จอดรถทุกแห่งที่เราทำการสำรวจ ไม่ได้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่ สคบ.เรียกร้องเลยแม้แต่แห่งเดียว (นอกเสียจากจะเป็นการคิดค่าบริการจอดรถที่มีการประทับตรา) เนื่องจากหลักเกณฑ์ที่ออกมานั้นไม่ได้เป็นข้อกฎหมายหรือข้อบังคับ แต่เป็นเพียงแต่ขอกำหนดแบบสมัครใจเท่านั้น

 

 

 

มาตรฐานสถานที่จอดรถ

 

-อาคารจอดรถยนต์ต้องสร้างด้วยวัตถุทนไฟทั้งหมด

 

-อาคารจอดรถยนต์ให้สร้างได้สูงไม่เกินสิบชั้นจากระดับพื้นดิน

 

-อาคารจอดรถยนต์ที่สูงเกินหนึ่งชั้น ต้องมีการเปิดโล่งอย่างน้อยสองด้าน ส่วนเปิดโล่งต้องมีพื้นที่ไม่น้อยกว่าครึ่งหนึ่งของพื้นที่ผนังด้านนั้น

 

-อาคารจอดรถยนต์ที่อยู่ต่ำกว่าระดับพื้นดิน ต้องจัดให้มีเครื่องระบายอากาศภายในชั้นนั้นๆ

 

-ทุกส่วนของอาคารจอดรถยนต์ต้องให้มีแสงสว่างแลเห็นได้ชัดทั้งกลางวันและกลางคืน

 

-ต้องมีอุปกรณ์ดับเพลิงที่เพียงพอ หนึ่งเครื่องต่อจำนวนที่จอดรถยนต์ทุกๆ ห้าสิบคัน

 

-พื้นที่สำหรับจอดรถ 1 คัน ถ้าเป็นแบบที่จอดขนานกับแนวเดินรถ ต้องมีความกว้างไม่น้อยกว่า 2.4 เมตร และยาวไม่น้อยกว่า 6 เมตร

 

ส่วนถ้าเป็นแบบพื้นที่จอดที่ขนานกับแนวเดินรถ ต้องมีความกว้างไม่น้อยกว่า 2.4 เมตร และยาวไม่น้อยกว่า 5 เมตร

 

-ที่จอดรถแต่ละคัน ต้องมีเครื่องหมายแสดงลักษณะและขอบเขตของที่จอดรถไว้ให้ปรากฏบนพื้น

 

ที่มา : ข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง อาคารจอดรถยนต์ พ.ศ. 2521 และ กฎกระทรวง พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522

 

 

 

เมื่อ “รถหาย” สถานที่ที่รับจอดรถต้องรับผิดชอบหรือไม่?

 

ถ้าลองสังเกตในบัตรจอดรถ จะเห็นข้อความประมาณว่า “บัตรนี้ไม่ถือเป็นการรับฝากรถ อาคารไม่รับผิดชอบใดๆ กรณีเกิดการสูญหายหรือเสียของรถและทรัพย์สินใดๆ” ทำให้หลายคนมีข้อกังวลว่าถ้าหากนำรถไปจอดแล้วรถหายหรือทรัพย์สินในรถถูกขโมยจะสามารถเรียกร้องความรับผิดชอบจากเจ้าของอาคารได้หรือไม่

 

ซึ่งแม้เจ้าของอาคารจะมีการระบุข้อความที่ไม่ขอแสดงความรับผิดชอบใดๆ เอาไว้ แต่ในทางกฎหมายเราสามารถเรียกร้องค่าเสียหายได้ เพียงแต่ต้องมีหลักฐานที่ใช้ยืนยันว่าเราได้นำรถไปจอดที่สถานที่ดังกล่าวจริง เช่น บัตรจอดรถ หรือใบเสร็จจากการซื้อสินค้าหรือใช้บริการภายในอาคารนั้นๆ ซึ่งเราสามารถแจ้งเรื่องไปยัง สคบ. ให้ช่วยดำเนินการเรียกร้องตามกฎหมายได้

 

 

 

ข้อมูลสำรวจอัตราค่าบริการที่จอดรถยนต์ของอาคารพาณิชย์ชื่อดังใน กทม.

 

 

 

1. อาคารจัตุรัสจามจุรี สามย่าน

 

ชั่วโมงละ 20 บาท ฟรี 2 ชั่วโมงแรก

 

 

 

2. อาคารเมืองไทย-ภัทร ถ.รัชดาภิเษก

 

1 ชั่วโมง 10 บาท

 

2 ชั่วโมง 30 บาท

 

3 ชั่วโมง 70 บาท

 

ชั่วโมงที่ 4 เป็นต้นไป คิดเพิ่มชั่วโมงละ 50 บาท

 

ฟรี 30 นาทีแรก

 

 

 

3. อาคารเพลินจิต ทาวเวอร์

 

ชั่วโมงละ 20 บาท ฟรี 30 นาทีแรก

 

ถ้ามีประทับตรา ได้รับส่วนลด (ไม่มีการแจ้งรายละเอียด)

 

 

 

4. อาคารบางกอกทาวเวอร์ ถ.เพชรบุรี

 

เวลา 07.01 – 19.00 น. ชั่วโมงละ 20 บาท

 

เวลา 19.01 – 24.00 น. ชั่วโมงละ 60 บาท

 

เวลา 24.01 – 07.00 น. ชั่วโมงละ 120 บาท

 

 

 

5. อาคารอิตัลไทย ทาวเวอร์ ถ.เพชรบุรี

 

ชั่วโมงละ 30 บาท ฟรี 30 นาทีแรก

 

ถ้ามีตราประทับ ชั่วโมงละ 20 บาท ฟรี 2 ชั่วโมงแรก

 

 

 

6. อาคารยูไนเต็ด เซ็นเตอร์ ถ.สีลม

 

ชั่วโมงละ 30 บาท ฟรี 15 นาทีแรก

 

ถ้ามีตราประทับ ชั่วโมงละ 30 บาท ฟรี 1 ชั่วโมงแรก

 

 

 

7. อาคารสีบุญเรือง ถ.สีลม

 

ชั่วโมงละ 35 บาท ฟรี 10 นาทีแรก

 

ถ้ามีประทับตรา ได้รับส่วนลด (ไม่มีการแจ้งรายละเอียด)

 

 

 

8. อาคารเสริมมิตร ทาวเวอร์ ถ.อโศก

 

ชั่วโมงละ 40 บาท ฟรี 10 นาทีแรก

 

จอดเกิน 8 ชั่วโมง คิดชั่วโมงละ 50 บาท

 

ถ้ามีประทับตรา จอดฟรี

 

 

 

9. อาคารบีบี (Bangkok Business Building) ถ.อโศก

 

ชั่วโมงละ 40 บาท ฟรี 30 นาทีแรก

 

ถ้ามีประทับตรา ลดราคา 50%

 

 

 

10. อาคารลุมพินี ถ.พระราม 4

 

ชั่วโมงละ 40 บาท ฟรี 15 นาทีแรก

 

ถ้ามีตราประทับ 1 ครั้ง ชั่วโมงแรกฟรี ชั่วโมงต่อไป 20 บาท

 

ถ้ามีตราประทับ 2 ครั้ง จอดฟรี (บริษัทเจ้าของตราประทับนั้นเป็นผู้จ่าย)

 

*หมายเหตุ ตราประทับ 2 ครั้ง ต้องมาจากบริษัทเดียวกัน

 

 

 

11. ที่จอดรถเท็กซัส เยาวราช

 

ชั่วโมงแรก 40 บาท ทุกๆ ครึ่งชั่วโมง ถัดไป 20 บาท

 

 

 

12. อาคารกาญจนทัต ทาวเวอร์ เยาวราช

 

ชั่วโมงละ 50 บาท

 

ถ้ามีประทับตรา ได้รับส่วนลด (ไม่มีการแจ้งรายละเอียด)

 

 

 

13. อาคาร Park Ventures ถ.วิทยุ

 

ชั่วโมงละ 50 บาท ฟรี 15 นาทีแรก

 

 

 

14. อาคารสาทรสแควร์ ถ.สาทร

 

ชั่วโมงละ 100 บาท ฟรี 30 นาทีแรก

 

ถ้ามีประทับตรา ฟรี 1 ชั่วโมงแรก ชั่วโมงต่อไปขึ้นอยู่กับประเภทของตราประทับ

 

 

 

15. อาคาร Exchange Tower ถ.สุขุวิท-รัชดาภิเษก

 

ชั่วโมงแรก 100 บาท ทุกๆ ครึ่งชั่วโมงถัดไป 50 บาท ฟรี 15 นาทีแรก

 

 

 

16. อาคาร Interchange ถ.อโศก-สุขุมวิท

 

ชั่วโมงละ 100 บาท ฟรี 10 นาทีแรก

 

ถ้ามีประทับตรา ชั่วโมงละ 50 บาท ฟรี 1 – 2 ชั่วโมงแรก (ขึ้นอยู่กับประเภทของตราประทับ)

 

 

 

17. อาคารQ House ถ.พระราม 4

 

ชั่วโมงละ 100 บาท ฟรี 15 นาทีแรก

 

ถ้ามีประทับตรา ได้รับส่วนลด (ขึ้นอยู่กับประเภทของตราประทับ)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ข่าววิ่ง - ข่าววิ่ง

ตลาดหุ้นยุโรปปิดขยับขึ้นเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (29 ก.ค.) หลังจากบริษัทหลายแห่งเปิดเผยผลประกอบการที่มีทั้งมากกว่าการคาดการณ์และน้อยกว่าการคาดการณ์ นอกจากนี้ นักลงทุนยังมีท่าระมัดระวังก่อนที่จะรับทราบผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ รวมถึงผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี)

 

ดัชนี Stoxx Europe 600 ขยับขึ้นไม่ถึง 0.1% ปิดที่ 299.06 จุด

 

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 8,259.03 จุด เพิ่มขึ้น 14.12 จุด หรือ +0.17% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 3,968.91 จุด เพิ่มขึ้น 0.07 จุด หรือ +0.00% ดัชนี FTSE 100 ปิดที่ 6560.25 บวก 5.46 จุด

 

-- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (29 ก.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยยอดการทำสัญญาขายบ้านที่ร่วงลงในเดือนมิ.ย. นอกจากนี้ นักลงทุนยังมีท่าทีระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่จะรับทราบผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ รวมถึงผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี)

 

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 15,521.97 จุด ลดลง 36.86 จุด หรือ -0.24% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,685.33 จุด ลดลง 6.32 จุด หรือ -0.37% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 3,599.14 จุด ลดลง 14.02 จุด หรือ -0.39%

 

-- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (29 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเข้ามาช้อนซื้อสัญญาทองคำ ก่อนที่จะรับทราบผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)

 

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค.พุ่งขึ้น 6.9 ดอลลาร์ หรือ 0.52% ปิดที่ 1,328.4 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 9.3 เซนต์ ปิดที่ 19.864 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค.ปิดที่ 1442.70 ดอลลาร์/ออนซ์ พุ่งขึ้น 19.90 ดอลลาร์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบ เดือนก.ย.ปิดที่ 744.65 ดอลลาร์/ออนซ์ พุ่งขึ้น 20.65 ดอลลาร์

 

-- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (29 ก.ค.) หลังจากหลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอเมื่อคืนนี้ รวมถึงยอดการทำสัญญาขายบ้านที่ร่วงลงในเดือนมิ.ย. อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบขยับลงเพียงเล็กน้อย เพราะตลาดได้แรงหนุนจากข่าวที่ว่าหลายประเทศในตะวันออกกลางอาจจะลดการส่งออกน้ำมัน

 

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย.ขยับลง 15 เซนต์ ปิดที่ 104.55 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ย.ที่ตลาดลอนดอน เพิ่มขึ้น 28 เซนต์ ปิดที่ 107.45 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

-- สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (29 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนมีท่าทีระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่จะรับทราบผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ รวมถึงผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี)

 

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 97.88 เยน จากระดับของวันศุกร์ที่ 98.19 เยน แต่ขยับขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9303 ฟรังค์ จากระดับ 0.9260 ฟรังค์

 

ค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.3267 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.3257 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์ร่วงลงแตะระดับ 1.5357 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5382 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียร่วงลงแตะระดับ 0.9210 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.9296 ดอลลาร์สหรัฐ

 

-- ดัชนี FTSE ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (29 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อเก็งกำไร และจากรายงานผลประกอบการที่สดใสของบริษัทบางแห่ง

 

ดัชนี FTSE 100 ปิดตลาดลอนดอนที่ 6560.25 จุด บวก 5.46 จุด

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันที่ 30 กรกฎาคม 2556)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น ระบุแผนการขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มจะไม่ส่งผลกระทบเศรษฐกิจ ชี้ต้องขึ้นภาษี เพื่อฟื้นฟูการเงิน

 

นายคุโรดะ ระบุว่า การรักษาวินัยทางการคลังเป็นเรื่องที่สำคัญ เพราะผลผลตอบแทนมในระยะยาวอาจสูงขึ้น หากนักลงทุนคิดว่า การเข้าซื้อตราสารหนี้รัฐบาลของบีโอเจ มีเป้าหมายเพื่อการใช้จ่ายทางการเงิน

 

ก่อนหน้านี้ นายอาเบะได้สั่งให้มีการศึกษาทางเลือก สำหรับแผนในการขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มอีก 2 เท่าเป็น 10% ทำให้เกิดความกังวลว่าผลตอบแทนที่สูงขึ้นจากพันธบัตรอาจบั่นทอนความพยายามของรัฐบาล และบีโอเจในการนำพาประเทศให้หลุดพ้นจากภาวะเงินฝืด

 

นายคุโรดะแถลงที่กรุงโตเกียวว่า เขาไม่คิดว่าการขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มตามแผนการปัจจุบัน จะสร้างความเสียหายให้กับเศรษฐกิจของประเทศ และเสริมว่า ขณะนี้บีโอเจกำลังดำเนินการซื้อตราสารหนี้ เพื่อสร้างเสถียรภาพด้านราคา ซึ่งหากนักลงทุนคิดว่า การกระทำนี้เกิดขึ้นเพื่อสนับสนุนการใช้จ่ายของรัฐบาล ผลตอบแทนระยะยาวอาจจะสูงขึ้น ซึ่งทำให้นโยบายทางการเงินมีประสิทธิภาพน้อยลง

 

ผู้ว่าการบีโอเจกล่าวด้วยว่า มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณที่ยืดระยะเวลาออกไปของบีโอเจ ซึ่งเริ่มใช้ตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา กำลังมีความคืบหน้าอย่างมากในการทำให้ญี่ปุ่นหลุดพ้นจากภาวะเงินฝืดที่ดำเนินนานถึง 15 ปี และอัตราเงินเฟ้อก็มีแนวโน้มที่จะถึง 2% ตามเป้าของบีโอเจ เนื่องจากการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศมีศักยภาพมากขึ้น ซึ่งอาจทำให้ช่องว่างการผลิตในแง่ลบแคบลง

 

ทั้งนี้ ญี่ปุ่นกำหนดที่จะปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มให้มาอยู่ที่ระดับ 8% ในเดือนเมษายน 2557 ก่อนจะขึ้นเป็น 10% ในปี 2558 โดยนายอาเบะกล่าวว่า เขาจะตัดสินใจในช่วงเดือนกันยายนถึงพฤศจิกายนนี้ว่าจะเดินหน้าปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มครั้งแรกหรือไม่

 

ขณะที่รัฐมนตรีคลังของญี่ปุ่นได้ออกมาสนับสนุนการขึ้นภาษีดังกล่าวเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยระบุว่า มาตรการนี้มีความจำเป็นเพื่อแสดงให้เห็นว่าญี่ปุ่นมีความมุ่งมั่นเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาทางการเงินของประเทศ

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ (วันที่ 30 กรกฎาคม 2556)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ตลาดหุ้นเอเชียขยับลงในช่วงเช้าวันนี้ หลังญี่ปุ่นเผยผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนมิ.ย.หดตัวลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์

ดัชนี MSCI Asia Pacific ขยับลงไม่ถึง 0.1% แตะ 133.13 จุด เมื่อเวลา 10.06 น.ตามเวลาโตเกียว

ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 13,634.20 จุด ลดลง 26.93 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 1,981.45 จุด เพิ่มขึ้น 5.14 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 21,870.14 จุด เพิ่มขึ้น 19.99 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 8,113.17 จุด เพิ่มขึ้น 28.67 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 1,901.88 จุด เพิ่มขึ้น 1.99 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,238.81 จุด เพิ่มขึ้น 1.84 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ที่ 6,725.46 จุด เพิ่มขึ้น 7.80 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,799.07 จุด เพิ่มขึ้น 0.29 จุด และดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียเปิดวันนี้ที่ 5,049.40 จุด เพิ่มขึ้น 3.10 จุด

หุ้นฟานุค คอร์ป ลดลง 1.1% และหุ้นโตโยต้า มอเตอร์ คอร์ป บวก 1.4%

กระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรมญี่ปุ่นเผยว่า ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นหดตัวลง 3.3% ในเดือนมิ.ย. จากเดือนก่อนหน้า ซึ่งเป็นการปรับตัวลดลงครั้งแรกในรอบห้าเดือน

ดัชนีภาคการผลิตของโรงงานและเหมืองแร่ยืนอยู่ที่ระดับ 94.5 จุด เมื่อเทียบกับฐาน 100 ของปี 2553

ส่วนดัชนีการส่งสินค้าภาคอุตสาหกรรมปรับตัวลดลง 3.4% สู่ระดับ 93.5 ในขณะที่ดัชนีสินค้าคงคลังทรงตัวอยู่ที่ระดับ 107.0

 

ที่มา: ทันหุ้น(วันที่ 30 กค.56)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ไทยออยล์คาดราคาน้ำมันดิบสัปดาห์นี้เคลื่อนไหวในกรอบเดิม โดยเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 104 - 110 เหรียญฯ ส่วนเวสต์เท็กซัสที่กรอบ 103-109 เหรียญฯ จับตาการประชุมธนาคากลางสหรัฐฯ และยุโรปในสัปดาห์นี้ รวมทั้งสถานการณ์ความไม่สงบในตะวันออกลางที่มีความรุนแรงขึ้น ส่วนในคืนนี้ติดตามตัวเลขความเชื่อมั่นผู้บริโภคต่อภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ

 

ตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่

วันอังคาร: ความเชื่อมั่นผู้บริโภคต่อภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ ความรู้สึกผู้บริโภคต่อภาวะเศรษฐกิจเยอรมนี (Gfk index) และยูโรโซน

วันพุธ: จีดีพี ไตรมาส 2/56 และการจ้างงานภาคเอกชนของสหรัฐฯ ดัชนีภาคการผลิตของเมืองชิคาโก รวมถึงอัตราการว่างงานเยอรมนีและยูโรโซน

วันพฤหัส: ยอดขายรถ ยอดผู้ขอรับสิทธิประโยชน์จากการว่างงาน ตัวเลขการใช้จ่ายภาคการก่อสร้าง และดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐฯ (ISM and PMI index) รวมถึงดัชนีภาคการผลิตยูโรโซน (Markit PMI) และดัชนีภาคการผลิตจีน (Official and HSBC PMI) และการประชุมธนาคารกลางยุโรป

วันศุกร์: รายได้-รายจ่ายส่วนบุคคล ยอดสั่งซื้อโรงงาน การจ้างงานนอกภาคเกษตรและอัตราการว่างงานสหรัฐฯ รวมถึงดัชนีราคาผู้ผลิตยูโรโซน

 

ปัจจัยที่น่าจับตามอง

- การประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ ในวันที่ 30 - 31 ก.ค. นี้ ว่าจะมีท่าทีต่อแผนการลดหรือยุติมาตรการ QE4 เพิ่มเติมหรือไม่ ซึ่งจะส่งผลต่อความกังวลของนักลงทุนต่อเศรษฐกิจโดยรวมของสหรัฐฯ และความต้องการใช้น้ำมัน แม้ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ เคยได้ให้สัมภาษณ์ถึงโอกาสของการชะลอ QE ภายในปีนี้ แต่ยังไม่มีการกำหนดเวลาล่วงหน้า

- ติดตามตัวเลขปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ที่คาดว่าจะปรับลดลงต่อเนื่อง หลังปรับลดลงมาติดต่อกัน 4 สัปดาห์ เป็นปริมาณมากถึง 30 ล้านบาร์เรล

- การประท้วงค่างแรงงานที่ยืดเยื้อในลิเบียและความไม่สงบในซีเรีย ที่มีอยู่อย่างต่อเนื่องยังส่งผลกระทบต่อการผลิตและส่งออกน้ำมันดิบของ ภูมิภาค

- การส่งออกน้ำมันของซูดานใต้ปริมาณ บาร์เรลต่อวัน จะหยุดลงในช่วงสิ้นเดือน ก.ค. นี้ ตามที่ซูดานประกาศไว้หรือไม่ โดยล่าสุดสหภาพแอฟริกาได้เข้ามาเป็นตัวกลางในการเจรจากับซูดานเพื่อให้ซูดาน ใต้สามารถส่งออกน้ำมันได้ต่อไป

- จับตาความไม่ลงรอยกันทางการเมืองในอียิปต์ ระหว่างกลุ่มผู้สนับสนุนและต่อต้านประธานาธิบดีมอร์ซี ว่าจะรุนแรงขึ้นมาอีกหรือไม่ ซึ่งอาจส่งผลให้เหตุการณ์ลุกลามไปยังประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคได้

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สถาบันการเงินชั้นนำระดับโลก 9 จาก 12 แห่ง คาดเฟดจะเริ่มลดการซื้อคืนพันธบัตรรัฐบาลในวงเงินมากสุด 6.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในแต่ละเดือน ตั้งแต่เดือนก.ย.ปีนี้เป็นต้นไป เช่นเดียวกับผลสำรวจนักเศรษฐศาสตร์ในตลาดโลก 50% คิดว่าเฟดลดใช้คิวอีช่วงเดียวกัน

 

 

ขณะที่ตลาดการเงินทั่วโลกยังคงเฝ้าติดตาม ความเคลื่อนไหวของนายเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และจับตาดูการประชุมของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน(เอฟโอเอ็มซี) ระหว่างวันที่ 30-31 ก.ค.นี้

 

 

ล่าสุดเวบไซต์ซีโรเฮดจ์ ดอท คอม ได้รวบความคิดเห็นกับมุมมองช่วงที่ผ่านมาของสถาบันการเงินชั้นนำระดับโลก 12 แห่งเกี่ยวกับการลดซื้อคืนพันธบัตรรัฐบาลและลดใช้คิวอีของสหรัฐในปีนี้

 

 

สถาบันการเงินชั้นนำระดับโลกทั้ง 12 แห่ง ประกอบด้วย โกลด์แมน แซคส์, เจพี มอร์แกน, เครดิต สวิส, บีเอ็นพีพาริบาส์, บาร์เคลย์ส, แบงก์ ออฟ อเมริกา, ดอยช์แบงก์, ซิตี้แบงก์, ไอเอ็นจีแบงก์, แบงก์โตเกียวมิตซูบิชิ ยูเอฟเจ, สโกเทียแบงก์ และโนมูระ ซิเคียวริตี้ส์

 

 

ทั้งนี้ การย้อนดูข่าวและความเห็นจากสถาบันการเงินชั้นนำของโลกในช่วงปีนี้ของเว็บไซต์ซีโรเฮดจ์ ดอท คอม เกี่ยวกับช่วงเวลาที่เฟดจะเริ่มลดใช้คิวอี ปรากฏว่ามีเพียงบีเอ็นพี พาริบาส์, แบงก์ ออฟ อเมริกาและสโกเทียแบงก์ ที่คาดว่าเฟดจะเริ่มลดใช้คิวอีในเดือนธ.ค.ปีนี้

 

 

ผลการวิเคราะห์ของซีโรเฮดจ์ ดอท คอม ให้รายละเอียดบางส่วนว่า โกลด์แมนแซคส์มองเฟดจะเริ่มลดซื้อคืนพันธบัตรรัฐบาลมูลค่า 2 หมื่นล้านดอลลาร์ในแต่ละเดือนตั้งแต่เดือนก.ย.นี้ เครดิตสวิสให้มูลค่าการลดซื้อคืนพันธบัตรราว 1-2 หมื่นล้านดอลลาร์

 

 

ส่วนบาร์เคลย์สคาดมูลค่าการรับซื้อคืนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ จะอยู่ระหว่าง 5 พันล้านดอลลาร์จนถึง1หมื่นล้านดอลลาร์และสิ้นสุดโครงการรับซื้อคืนในเดือนมี.ค.2557 ขณะที่ซิตี้แบงก์คาดมูลค่าการรับซื้อคืนพันธบัตรรัฐบาลแต่ละเดือนไว้มากที่สุด 6-6.5 หมื่นล้านดอลลาร์และสิ้นสุดโครงการรับซื้อคืนกลาง 2557

 

 

 

 

ประชุมเฟดยังไม่ลดคิวอี

 

ด้านเว็บไซต์บลูมเบิร์กได้ดำเนินการสำรวจความเห็นของนักเศรษฐศาสตร์กลุ่มตัวอย่าง 54 ราย และสอบถามความเห็นของกลุ่มตัวอย่างเหล่านี้ ระหว่างวันที่ 18-22 ก.ค.ที่ผ่านมา ก่อนเผยแพร่สู่สาธารณชนช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา

 

ผลสำรวจเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ของบลูมเบิร์กครั้งล่าสุด พบว่าจำนวนและเปอร์เซ็นต์ของนักเศรษฐศาสตร์ ที่เชื่อว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเริ่มปรับลดคิวอีด้วยการรับซื้อคืนพันธบัตรรัฐบาลแต่ละเดือนซึ่งมีมูลค่าแตกต่างกันตามความเห็นของสถาบันการเงินแต่ละแห่ง หรือเริ่มต้นลดใช้นโยบายผ่อนคลายการเงิน (คิวอี)ในเดือนก.ย.ปีนี้นั้น มีสัดส่วนมากขึ้นเป็น 50% เทียบกับ44%จากการสำรวจครั้งก่อน

 

ทั้งนี้เว็บไซต์บลูมเบิร์กเพิ่มเติมว่า ไม่มีนักเศรษฐศาสตร์รายใดจากกลุ่มตัวอย่าง ที่คาดว่าคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (เอฟโอเอ็มซี) จะเริ่มต้นการรับซื้อคืนพันธบัตรรัฐบาลในการประชุมที่จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 30-31 ก.ค.นี้

 

ในกรณีที่เฟดจะปรับลดการซื้อคืนพันธบัตรรัฐบาลครั้งแรกนั้น ผลสำรวจได้ความเห็นเป็นค่ากลางของนักเศรษฐศาสตร์กลุ่มตัวอย่างไว้ว่า เอฟโอเอ็มซีอาจจะรับซื้อคืนพันธบัตรรัฐบาล 6.5 หมื่นล้านดอลลาร์ในแต่ละเดือน ในจำนวนนี้แบ่งเป็นรับซื้อคืนพันธบัตรรัฐบาล 3.5 หมื่นล้านดอลลาร์ และพันธบัตรรัฐบาลมีสินเชื่อบ้านค้ำประกันอีก 3 หมื่นล้านดอลลาร์

 

นักเศรษฐศาสตร์กลุ่มตัวอย่าง 50% ให้ความเห็นว่าเฟดอาจจะหยุดรับซื้อคืนพันธบัตรรัฐบาลในไตรมาส 2 ปีหน้า และกลุ่มตัวอย่างคิดเป็น 24% คาดว่าเอฟโอเอ็มซีจะยุติการใช้คิวอีในไตรมาส 3 ปี2557

 

นอกจากนี้ค่าเฉลี่ยเป็นค่ากลางของความเห็นนักเศรษฐศาสตร์กลุ่มตัวอย่าง มองว่าเฟดจะรับซื้อคืนพันธบัตรรัฐบาลมูลค่ารวม 1.3 ล้านล้านดอลลาร์เสร็จสมบูรณ์ในรอบที่ 3 ของการรับซื้อคืน

 

ขณะที่ความเห็นของนักเศรษฐศาสตร์ออกมาเป็นค่ากลาง ระบุว่าเอฟโอเอ็มซีจะเริ่มรับซื้อคืนพันธบัตรรัฐบาลมีสินเชื่อบ้านค้ำประกันเดือนละ 4 หมื่นล้านดอลลาร์ในแต่ละเดือนตั้งแต่เดือนก.ย.ปีนี้ และเพิ่มการรับซื้อคืนพันธบัตรรัฐบาลมูลค่า 4.5 หมื่นล้านดอลลาร์ในแต่ละเดือนตั้งแต่เดือนธ.ค.ปีนี้เป็นต้นไป

 

ที่มา: สิทธิชัยหยุ่น(วันที่ 30 กค.56)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

น้ำมันดิบปิดลบ 15 เซนต์ที่ 104.55 ดอลลาร์/บาร์เรล เหตุข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐอ่อนแอ

 

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กส่งมอบเดือนก.ย.ขยับลง 15 เซนต์ ปิดที่ 104.55 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ย.ที่ตลาดลอนดอน เพิ่มขึ้น 28 เซนต์ ปิดที่ 107.45 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

สัญญาน้ำมันดิบปิดขยับลงหลังจากสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติเปิดเผยว่า ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) ในเดือนมิ.ย.ปรับลดลง หลังจากที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 6 ปีในเดือนพ.ค. ซึ่งส่งสัญญาณว่าอัตราดอกเบี้ยจำนองที่สูงขึ้นอาจจะกำลังเริ่มส่งผลให้ตลาดที่อยู่อาศัยชะลอตัวลง

 

ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขายในเดือนมิ.ย.ลดลง 0.4% สู่ระดับ 110.9 จากเดือนพ.ค. แต่หากเทียบกับเดือนมิ.ย.ปีที่แล้ว ดัชนีดีดตัวขึ้น 10.9%

 

ขณะที่ก่อนหน้านี้ นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่ายอดทำสัญญาขายบ้านในเดือนที่แล้วจะลดลง 1%

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ (วันที่ 30 กรกฎาคม 2556)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ในยุคสมัยนี้ยุคที่คนกรุงเทพเริ่มหันกลับมาใช้รถจักยานกันมากขึ้น แต่กลายคนยังไม่ทราบหลักการขี่จักยานที่ถูกต้องหรือวิธี่ขี่จักยานที่ถูกต้องกันเลยนะคะ ว่าต้องปั่นชิดฝั่งไหนสัญญาณมือเป็นอย่างไร เรื่องนี้ต้องทำการศึกษาคะจะมาขี่จักรยานมั่วๆบนถนนนั้นไม่ดีอย่างที่คิดแน่นอน รวมถึงเรื่องการเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการขี่จักรยานด้วย หลักการขี่จักรยาน-วิธีขี่จักรยานจะช่วยให้นักขับจักรยานมือใหม่ทำอะไรได้ง่ายขึ้นบนถนนอย่างแน่นอนคะ

 

การขี่จักรยานนอกจากจะได้ออกกำลังกายแล้ว ยังช่วยให้สมองปลอดโปร่งอีกด้วย แม้การขี่จักรยานดูเหมือนเป็นเรื่องง่าย แต่หากต้องไปในที่ๆ ไม่ชำนาญเส้นทาง และไม่มีการเตรียมตัวที่ดี อาจเกิดเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึงได้ จึงมีข้อควรระวังขณะขี่จักรยานมาฝากกัน

 

1. ต้องรู้เขา–รู้เรา "รู้เขา" คือ รู้ว่ารถของเขาเร็ว, แรง, แข็งกว่าของเรา "รู้เรา" คือ รถของเราเล็กที่สุดที่วิ่งอยู่บนถนน อุปกรณ์ชิ้นส่วนทุกชิ้นย่อมเล็กและมีสมรรถนะต่ำกว่ารถเขาอื่น ฉะนั้น จงอย่าซ่า ! จะเจ็บตัว.!

 

2. ในช่วงที่รถมาก อย่าขี่เร็วมากนัก เนื่องจากเบรกไม่ใช่ดิสเบรก หน้ายางที่เกาะถนนเล็กนิดเดียว อาจลื่นไถลล้มได้ง่าย ถ้าฝนตกถนนย่อมลื่น ต้องขี่ช้าลง เพื่อความปลอดภัย ป้องกันการลื่นล้ม

 

3. ยางเบรกต้องจับล้อหยุดนิ่งทั้ง 2 ล้อ มือเบรกต้องตั้งให้อยู่ในระยะห่างเท่ากันทั้ง 2 ข้าง ทุกครั้งที่เบรกต้องเบรกพร้อมกันทั้งล้อหน้าและล้อหลังและโดยแรงบีบเท่าๆ กันด้วย

 

4. กระดิ่ง ควรต้องมี เพราะรถวิ่งเงียบ เมื่อรถวิ่งอยู่ในซอยที่เด็กวิ่งหรือเดินกันอยู่ขวักไขว่ เด็กจะได้หลบให้

 

5. หมั่นสังเกตตะเกียบคู่หน้าและซี่ลวด หากคดงอหลวมหรือขาด ต้องรีบเปลี่ยนหรือขันให้แน่น

 

6. เฟืองพลาสติกที่ตีนผี หากสึกเกินพิกัดจนโซ่ติดขัดต้องเปลี่ยน

 

7. ควรขี่ชิดขอบทางด้านซ้ายให้มากที่สุดเสมอ บังคับรถให้วิ่งตรงไปข้างหน้าโดยไม่ส่ายเซ มีสมาธิมองตรงหน้าแน่วแน่

 

8. ระวัง “หลุมและสิ่งกีดขวางบนถนน เช่น ก้อนหิน ขวด ท่อนไม้ แก้วกระจกรถยนต์แตก ตะปู ฯลฯ และกิ่งไม้ที่ทอดลงมาจะแทงตาหรือโดนศีรษะ”

 

9. ก่อนเปลี่ยนช่องทางวิ่ง ต้องเหลียวมองรถข้างหลังก่อนทุกครั้ง โดยรถไม่ส่ายหรือเซ อย่าขี่ฉวัดเฉวียนส่ายซิกแซกซ่า !

 

10. ขี่กลางคืน ควรมีไฟหน้า–หลัง หรือมีแผ่นสีสะท้อนแสงติดให้รถอื่นเห็นไกลๆ ด้วย

 

11. ขณะขี่จะผ่านรถที่จอดข้างทาง ต้องดูเข้าไปข้างในรถนั้นด้วยว่า มีคนจะเปิดประตูออกมาขวางทางเราหรือไม่

 

12. ถนนบางแห่งมีเหล็กปิดฝาท่อระบายน้ำเป็นร่อง ต้องดูว่าเป็นร่องตามขวางหรือร่องตามยาว ถ้าเป็นร่องตามยาวต้องหลบหลีกให้พ้น หากไม่หลบล้อที่เล็กกว่าร่องจะตกลงไปติด ทำให้หกคะเมนตีลังกาได้

 

13. "หู” ต้องฟังด้วยว่า รถที่วิ่งส่งเสียงตามมาข้างหลังเป็นรถอะไร ถ้าเป็นรถใหญ่ควรหันไปมองด้วยว่า ที่เขาวิ่งกันมาในลักษณะนั้น เราจะต้องหลบเขาให้ชิดขอบทางอีกหรือไม่

 

14. ขณะที่ขี่อยู่ หากมีรถรับจ้างตีคู่ จงดูข้างหน้าด้วยว่า มีผู้โดยสารจะเรียกรถรับจ้างนั้นหรือไม่ หากมีต้องชะลอรถให้ช้าลง เพราะถ้าผู้โดยสารเรียก รถรับจ้างจะปาดเข้าไปรับทันที เขามักจะไม่สนหรอกว่ารถเราเล็กและอยู่ในความเร็วเช่นไร เมื่อเบาให้เขาเข้าไปแล้ว เราก็ขี่ตรงไปได้ปลอดภัย ต้องรู้ว่ารถรับจ้างทุกคันต่างวิ่งล่าเหยื่ออยู่ด้วยความหิว เมื่อพบเหยื่อจะโขยกเข้าขย้ำทันที ไม่ดูตาม้าตาเรือกันนักหรอก

 

15. ระวัง “รถเมล์” ปาดหน้าเข้าจอดป้าย โดยไม่สนใจรถเล็กอย่างเรา “ข้าใหญ่และมีเหล็กหุ้มเนื้อข้าอยู่ ข้าย่อมไม่เจ็บ ถ้าเอ็งไม่ระวังข้า เอ็งเจ็บก็เรื่องของเอ็ง เอ็งตาย..ข้าก็หนี !

 

16. เมื่อขี่จวนจะถึงทางแยกซ้าย ให้สังเกตด้วยว่ามีรถตีคู่อยู่ทางขวาหรือเปล่า ถ้ามีจงระวังเขาอาจเลี้ยวซ้ายปาดหน้าเราเข้าซอย อาจทำให้เบรกไม่ทันและชนเขาได้

 

17. ขณะที่รถใหญ่จอดรอเลี้ยวอยู่กลางถนน ต้องสังเกตว่า ถ้าเขาเลี้ยวขวาและเราก็จะเลี้ยวขวา ให้เข้าไปอยู่ทางซ้ายของเขา แล้วเลี้ยวขวาพร้อมเขา ถ้าเขาเลี้ยวซ้ายและเราก็จะเลี้ยวซ้าย ให้เข้าไปอยู่ทางขวาของเขาแล้วเลี้ยวซ้ายพร้อมเขา จงอย่าไปอยู่ผิดข้าง จะทำให้ถูกเบียดออกไปอยู่กลางถนน หรือเข้าไปใต้ท้องรถใหญ่ได้

 

18. ทางลงสะพานที่ลาดต่ำและโค้งด้วย เช่น สะพานพุทธและสะพานปกเกล้า ช่วงเช้ารถเมล์เติมน้ำมันเต็มถังอาจมีบางคันทำหกราดถนนไว้ จงอย่าลงเร็วและมองให้ดี จะได้หลบทันไม่เข้าไปลื่นล้ม

 

19. ควรสวมหมวกกันน๊อคและถุงมือ เพื่อป้องกันอวัยวะที่ถูกสวมอยู่นั้นไปกระทบกับของแข็ง เมื่อรถล้มย่อมหนักเป็นเบา

 

20. หากรถติดกันเป็นแพบนถนน ให้ออกวิ่งกลางถนนตามรถเครื่องไป แต่ต้องระวังคนเดินข้ามถนน คนออกมาจากซอกของรถที่จอดติดกันอยู่ รถเครื่องที่เปลี่ยนช่องทางออกมาขวางทางวิ่งของเรา ระวังรถที่สวนมา อาจจะแซงกินทางเข้ามาปิดช่องทางด้วย อย่าเหม่อและอย่าใจลอยเป็นอันขาด

 

21. หากมีสุนัขอยู่ข้างถนน เก้ๆ กังๆ จะข้ามถนน ต้องระวังโดยชะลอความเร็ว ดูให้แน่ใจก่อนจึงผ่านไป

 

22. จงระวังสุนัขเกเรข้างทางไล่กัดน่อง สัญชาติญาณจะบอกเองว่า ทำอย่างไรจึงจะพ้นจากเขี้ยวอันแหลมคมนั้น สำหรับผมเคยใช้วิธี "ตะโกนสุดเสียง" มาแล้วได้ผล ถ้าหลายตัวก็ต้องจอดเอารถกันหรือหาไม้ ก้อนหินช่วย

 

23. ถึงทางแยก .. ทางโค้ง .. ทางเลี้ยว .. ทางคับขัน ต้องลดความเร็ว เพื่อป้องกันอุบัติเหตุ

 

24. ต้องปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด โดยต้องศึกษาให้ทราบอย่างถ่องแท้ ปฏิบัติได้ถูกต้อง เพื่อความปลอดภัย

 

25. ต้องรู้ถึงจิตใจของผู้ขับรถแต่ละชนิดบนถนนด้วยว่า เขาชอบขับรถกันอย่างไร เช่น รถเมล์ ชอบขับในลักษณะที่ว่าข้าใหญ่ นึกจะเข้าหรือออก ก็พารถเข้าออกไปเลย รถอื่นที่เล็กกว่าต้องชะลอให้ รถรับจ้าง พอเห็นผู้โดยสารเรียกก็จะรีบเข้าไป รถเก๋งส่วนตัวมีหลายประเภท ที่ต้องระวังให้มากก็พวกรถซิ่ง .. รถซ่า (รถซิ่งผู้ชายหนุ่มน้อยๆ ขับ ส่วนรถซ่า .. ผู้หญิงสาวหน่อยๆ ขับ) แล้วรถที่ผู้หญิงเพิ่งขับเป็นใหม่ๆ หรือเป็นนานแล้วแต่ยังไม่คล่อง ก็ต้องระวังด้วย สำหรับรถเครื่องนั้นตัวร้าย ชอบแซงขึ้นมาปิดทางขวางหน้า ทำให้เราต้องเบรกตัวโก่งอยู่บ่อยๆ รถเข็นก็ต้องระวังด้วย บางครั้งเข็นสวนทางมา เกะกะอยู่ข้างทางเป็นประจำ

 

26. ระวังก้อนดินเหลวๆ ที่หล่นมาจากรถขนดินในหน้าฝน ลื่นมาก (เคยล้มมาแล้ว)

 

27. ระวังก้อนหินเพียงก้อนเดียว เดี่ยวๆ โดดๆ ด้วย เคยมีนักแข่งประเทศเราไปเสียชีวิตต่างประเทศแล้วด้วย

 

28. ไหล่ทางต่างระดับถนนต่างจังหวัด ให้ระวัง หากพลาดลงไป อย่ารีบหักกลับขึ้นมา จะคว่ำได้ ให้ประคองรถตรงไปเรื่อยๆ และเบาความเร็วลง จนกว่าจะมีทางเรียบให้ขึ้น หากไม่มีควรจอดจูงขึ้น

 

29. ถ้ามีข้อความ “อันตราย – โปรดห่าง – ขอบคุณมาก” ติดอยู่ด้านหลังที่เสื้อหรือที่บังโคลนท้ายก็จะดี (ทดลองแล้วได้ผลเป็นที่น่าพอใจ บนถนนต่างจังหวัด รถที่เห็นป้ายข้อความข้างต้น ถ้าด้านรถสวนว่าง เขาจะขับห่างออกไปทางขวามากๆ เลย ถ้าทางรถสวนไม่ว่าง เขาก็จะขับให้ล้อขวาทับเส้นกลางถนน เพื่อเปิดทางซ้ายให้ห่างจากเรา แต่ก็ไม่ควรไว้ใจป้าย 100 % นัก เพราะบนถนนยังมีผู้ที่ขับรถแบบบ้าบิ่น คึกคะนอง เอาแต่ใจตัวเอง เมา หลับใน ใจลอย มือใหม่ กินยาม้า โรคประสาท และอื่นๆ อีก ต้องระวังให้จงหนักด้วยเพื่อช่วยตัวเอง)

 

30. จงแผ่เมตตาให้กับสรรพสัตว์ทั้งหลายที่เวียนว่ายตายเกิดอยู่ในละแวกนั้นด้วย เช่น เมื่อเห็นซากศพ จงภาวนาในใจว่า จุตติ จุตตํ อรหัง พุทโธ ดวงวิญญาณของท่านจงไปสู่สุคติภพเถิด ขณะที่เริ่มเคลื่อนรถออกจากบ้านทุกครั้งที่ไปทางไกล ควรแผ่เมตตาว่า .. สัพเพ สัตตา สุขี โหนตุ, สัพเพ สัตตา อะเวรา โหนตุ, สัพเพ สัตตา อัพยาปัชฌา โหนตุ, สัพเพ สัตตา อะนีฆา โหนตุ, สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ, สรรพสัตว์ทั้งหลาย ผีเปรตผีพรายผีร้ายผีตายโหงทั้งหลายจงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มาเบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้ทุกข์กายทุกข์ใจเลย จงรักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเถิด สัตว์ทั้งหลายที่มีบาปมีเคราะห์ก็ขอให้อย่าได้มาประสพเคราะห์กรรมที่ข้าพเจ้าเลย จงไปประสพในที่ห่างไกลออกไปเถิด

 

31. สำหรับใน กทม. ถ้าจะให้ปลอดภัยจริงๆ ก็ขึ้นไปขี่บนฟุตบาทเลย ไม่มีใครว่าหรอก ระวังชนคน–คนชน ก็แล้วกัน

 

32. การขี่ขึ้นเนินสูงชัน ควรถอยก้นไปท้ายอานนิดหนึ่ง แล้วถีบเท้าไปข้างหน้าแล้วกดลงแล้วดึงขึ้นให้เท้าหมุนในลักษณะเป็นวงกลม จะมีแรงอัดทำให้ไต่ขึ้นได้มากขึ้น (ข้อนี้แถมสำหรับน้องใหม่ที่เริ่มขี่ออกทัวร์ทางไกลกับชมรมฯ)

 

ที่มา : เนตร สงวนสัตย์. (2546). ข้อพึงสังวรระวังในขณะขี่รถจักรยาน 2 ล้อ.. เพื่อความปลอดภัยของท่าน. ใน รายงานฉบับสมบูรณ์ โครงการศึกษากฎหมายเกี่ยวกับการใช้จักรยานในประเทศไทย. (หน้า 110-111). กรุงเทพฯ: ในนามของ ชมรมจักรยานเพื่อสุขภาพแห่งประเทศไทย ยื่นต่อ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดีครับป๋า และเพื่อน ๆ นักอ่าน

 

วันนี้ลุ้นทองกันต่อครับ หวังใจว่า อาทิตย์นี้ จะเลือกทาง ( เสียที ) ^^

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ทองคำปิดพุ่ง $ 6.9 คาด เฟดเดินหน้า QE

วันอังคาร, 30 กรกฎาคม 2556 08:34 | อัพเดตล่าสุดเมือ วันอังคาร, 30 กรกฎาคม 2556 08:34

 

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือน ส.ค.พุ่งขึ้น 6.9 ดอลลาร์ หรือ 0.52% ปิดที่ 1,328.4 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (29 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเข้ามาช้อนซื้อสัญญาทองคำ ก่อนที่จะรับทราบผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)

 

นักลงทุนเข้าซื้อสัญญาทองคำก่อนที่จะรับทราบผลการประชุมระยะเวลา 2 วันของเฟดซึ่งจะเริ่มในอังคารวันที่ 30 ก.ค.และจะประกาศมติการประชุมในวันพุธที่ 31 ก.ค.ตามเวลาท้องถิ่น หรือตรงกับเช้าวันพฤหัสบดีที่ 1 ส.ค.ตามเวลาไทย โดยนักลงทุนรอดูสัญญาณบ่งชี้ว่าเฟดจะเริ่มชะลอมาตรการกระตุ้นทางการเงินเมื่อใด

 

นักวิเคราะห์คาดว่า เฟดอาจจะเดินหน้าใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ต่อไป แม้จะมีกระแสคาดการณ์ว่าเฟดอาจจะลดขนาดโครงการ QE ในการประชุมเดือนก.ย.นี้ก็ตาม

 

นอกจากนี้ นักลงทุนจับตาดูกระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยประมาณการครั้งแรกผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ช่วงไตรมาส 2/2556 ในวันพุธนี้ ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะขยายตัว 1.1% ในไตรมาสดังกล่าว

 

ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 9.3 เซนต์ ปิดที่ 19.864 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค.ปิดที่ 1442.70 ดอลลาร์/ออนซ์ พุ่งขึ้น 19.90 ดอลลาร์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบ เดือนก.ย.ปิดที่ 744.65 ดอลลาร์/ออนซ์ พุ่งขึ้น 20.65 ดอลลาร์

 

 

http://www.moneychannel.co.th/index.php/2012-06-30-12-32-53/17434-l14.html

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...