ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
tt2518

ขอเดา(ราคาทอง)กับเขาบ้าง

โพสต์แนะนำ

ฟิทช์เตือนปัญหาการเมือง เศรษฐกิจชะลอตัว กดดันระบบแบงก์และการเงินไทยมีความเสี่ยงเพิ่ม ส่วนการไหลออกของเงินฝาก มั่นใจออมสินรับมือไหวเพราะมีสภาพคล่องสูง

 

ฟิทช์ เรทติ้ง สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือชี้ว่าจากเหตุการณ์ที่ผู้ฝากเงินได้ถอนเงิน ฝากกับธนาคารออมสินแสดงให้เห็นว่าปัญหาทางการเมืองอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อ ระบบธนาคารและการเงินของประเทศไทยทั้งนี้ฟิทช์เคยกล่าวไว้ว่าความไม่สงบทาง การเมืองได้ส่งผลให้มีความเป็นไปได้มากขึ้นที่เศรษฐกิจจะชะลอตัวลงมากกว่า ที่คาดการณ์ และจะส่งผลต่อเนื่องให้ความเสี่ยงของธนาคารไทยปรับตัวเพิ่มขึ้น

 

ปริมาณการถอนเงินฝากออกจากธนาคารออมสินน่าจะยังคงอยู่ในระดับที่จัดการ ได้ในขณะนี้ โดยธนาคารรายงานว่าเงินฝากที่ไหลออกสุทธิเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ มีประมาณ 2 หมื่นล้านบาท ขณะที่ธนาคารมีฐานเงินฝากรวมอยู่ที่ 1.724 ล้านล้านบาท (ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2556 ) การถอนเงินฝากดังกล่าวเป็นผลมาจากความกังขาของประชาชนหลังจากที่ธนาคาร ออมสินได้มีการอนุมัติวงเงิน 2 หมื่นล้านบาท แก่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส. ) เพื่อนำไปสนับสนุนโครงการจำนำข้าวของรัฐบาลและน่าจะเป็นสาเหตุจากปัจจัยทาง การเมือง มากกว่าจะเป็นปัจจัยเสี่ยงจากสถานะทางการเงิน อย่างไรก็ตามธนาคารออมสินได้ประกาศว่าจะยกเลิกวงเงินดังกล่าวแล้ว

 

ฟิทช์มองว่าด้วยสภาพคล่องของธนาคารออมสินและการสนับสนุนทางการเงินจากภาค รัฐผ่านธนาคารกลาง (ธนาคารแห่งประเทศไทย) หรือองค์กรรัฐอื่น น่าจะช่วยให้ธนาคารออมสินสามารถเผชิญกับความเสี่ยงในด้านสภาพคล่องได้ในระยะ สั้น

 

นอกจากนี้ การถอนเงินฝากเพิ่มขึ้นจากธนาคารรัฐแห่งอื่นแม้อาจจะไม่เกิดขึ้น แต่ยังคงเป็นปัจจัยเสี่ยงหนึ่งที่สำคัญที่จะส่งผลให้ธนาคารรัฐมีภาระที่ต้อง กู้ยืมเงินระหว่างธนาคารมากขึ้น และอาจรวมไปถึงการกู้ยืมเงินจากธนาคารกลาง

 

ณ ขณะนี้ ฟิทช์เชื่อว่าในระยะสั้นภาครัฐน่าจะป้องกันและบริหารจัดการความท้าทายในด้าน สภาพคล่องของธนาคารรัฐได้ อย่างไรก็ตามความเสี่ยงของระบบธนาคารและการเงินยังคงเพิ่มขึ้น เนื่องจากยังไม่มีความชัดเจนว่าปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองจะสิ้นสุดลง เมื่อไร อีกทั้งการหาแหล่งเงินทุนเพื่อสนับสนุนโครงการจำนำข้างของรัฐบาลก็ ยังไม่แน่นอน

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2557)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ราคาทองฟิวเจอร์ร่วงลงจากแรงเทขาย ขณะตลาดชะลอการลงทุนก่อนเฟดเผยรายงาน

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 19 กุมภาพันธ์ 2557 20:12:21 น.

 

ราคาทองฟิวเจอร์ปรับตัวลดลงจากแรงเทขายทำกำไร หลังจากที่ราคาทองคำทะยานขึ้นก่อนหน้านี้เนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจอ่อนแอ

 

เมื่อเวลาประมาณ 19.50 น.ตามเวลาประเทศไทย สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย. หดตัวลง 7.20 ดอลลาร์ หรือ 0.54% แตะที่ 1,317.20 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อสัญญาทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่ซบเซา โดยสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติของสหรัฐ (NAHB) เปิดเผยว่า ดัชนีตลาดที่อาศัยลดลงสู่ระดับ 46 ในเดือนก.พ. จาก 56 ในเดือนม.ค. ด้านธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์กเปิดเผยว่า ดัชนีภาวะธุรกิจโดยรวม (Empire State Index) เดือนก.พ. ร่วงลงมาอยู่ที่ 4.48 จากระดับ 12.51 ในเดือนม.ค.

 

อย่างไรก็ดี นักลงทุนได้เทขายทองคำเพื่อทำกำไรจนส่งผลให้ราคาทองคำลดลงในวันนี้ นอกจากนี้ ราคาทองคำยังได้รับแรงกดดันจากการที่สภาทองคำโลกรายงานว่า อุปสงค์ทองคำร่วงลง 15% ในปีที่แล้ว ซึ่งสาเหตุส่วนหนึ่งเป็นเพราะเงินทุนไหลออกจากกองทุนรวมอีทีเอฟทองคำในปริมาณมากกว่าแรงซื้อของผู้บริโภค

 

ขณะเดียวกันนักลงทุนยังชะลอการลงทุนก่อนที่คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) จะเผยแพร่รายงานการประชุมประจำวันที่ 28-29 ม.ค. ในเช้าวันพรุ่งนี้ตามเวลาประเทศไทย

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ปรียพรรณ มีสุข โทร.02-2535000 ต่อ 338 อีเมล์: preeyapan@infoquest.co.th--

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ทองลง หลังเฟดลดระดับกระตุ้นเศรษฐกิจ

 

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

news_img_564436_1.jpg

 

ทองคำลง 4 ดอลลาร์ อยู่ที่ 1,320.40 ดอลลาร์ต่ออ่อนซ์ หลังผลประชุมเฟด อาจลดระดับกระตุ้นเศรษฐกิจ

 

รายงาน minutes ที่บ่งชี้ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ อาจลดระดับกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่งผลให้ราคาทองคำวานนี้ (19 ก.พ.) ปิดในแดนลบ โดยราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 4.00 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,320.40 ดอลลาร์ต่อออนซ์

 

http://www.bangkokbiznews.com/

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บาทอ่อนค่า กังวลการเมือง

 

updated: 19 ก.พ. 2557 เวลา 17:43:27 น.

 

ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

 

ฝ่ายค้าเงินตราต่างประเทศ ธนาคารกรุงเทพรายงานว่า ภาวะการเคลื่อนไหวของค่าเงินประจำวันพุธที่ 19 กุมภาพันธ์ 2557 ค่าเงินบาทเปิดตลาดเช้านี้ที่ระดับ 32.60/63 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับระดับปิดตลาดเมื่อวันอังคาร (18/2) ที่ระดับ 32.45/46 บาท/ดอลลาร์ โดยในช่วงเช้าค่าเงินบาทอ่อนค่าจากแรงซื้อคืนดอลลาร์ภายหลังสถานการณ์การเมืองภายในประเทศมีความตึงเครียดขึ้น โดยค่าเงินบาทอ่อนค่าลงอย่างรวดเร็วไปแตะที่ระดับ 3264 บาท/ดอลลาร์ ก่อนที่ในช่วงบ่ายค่าเงินบาทจะกลับมาแข็งค่าขึ้นและเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแคบจนกระทั่งปิดตลาด จากแรงขายทำกำไรในช่วงสั้น หลังจากที่เงินบาทแข็งค่าขึ้นอย่างมากในช่วง 2 วันที่ผ่านมา ประกอบกับสถานการณ์ทางการเมืองได้นิ่งขึ้น หลังจากศูนย์รักษาความสงบ (สมช.) ได้ให้สัมภาษณ์กับทางรอยเตอร์ว่า จะไม่ขอคืนพื้นที่จากกลุ่มผู้ชุมนุมในวันนี้ หลังเกิดเหตุการณ์รุนแรงระหว่างการขอคืนพื้นที่ ในขณะที่ค่าเงินดอลลาร์ยังคงเคลื่อนไหวอยู่ในแนวอ่อนค่าเมื่อเทียบกับค่าเงินสกุลหลัก หลังจากธนาคารกลางสหรัฐฯ สาขานิวยอร์คเปิดเผยดัชนีภาวะธุรกิจโดยรวม (Empire State index) ที่ย่ำแย่ โดยดัชนีร่วงลงสู่ระดับ 4.48 ในเดือน ก.พ. จาก 12.51 ในเดือน ม.ค. ซึ่งบ่งชี้ว่ากิจกรรมการผลิตชะลอตัวลง โดยตัวเลขดังกล่าวเป็นไปในทิศทางเดียวกับตัวเลขเศรษฐกิจในสัปดาห์ก่อนหน้าที่ส่งผลลบต่อภาพลักษณ์ของเศรษฐกิจสหรัฐฯในช่วงนี้ โดยตลอดทั้งวันค่าเงินบาทมีกรอบการเคลื่อนไหวระหว่างวันอยู่ที่ 32.54-32.64 บาท/ดอลลาร์ ก่อนจะปิดตลาดที่ระดับ 32.53/55 บาท/ดอลลาร์

 

สำหรับค่าเงินยูโรวันนี้เปิดตลาดที่ระดับ 1.3766/68 ดอลลาร์/ยูโร แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับระดับปิดตลาดเมื่อวันอังคาร (18/2) ที่ระดับ 1.3711/14 ดอลลาร์/ยูโร โดยสกุลเงินยูโรนั้นยังคงแข็งค่าขึ้นต่อจากวานนี้ โดยได้รับอานิสงส์จากข่าวจากกลุ่มนักลงทุนต่างประเทศได้เทขายสินทรัพย์เป็นจำนวนมาก เนื่องจากดัชนีตัวเลขภาคการผลิตของนิวยอร์ค และตลาดที่อยู่อาศัยออกมาแย่กว่าที่คาดการณ์ ทำให้ตลาดคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจปรับแผนในการปรับลดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ (QE) ออกไปก่อน ในการประชุมครั้งถัดไป ประกอบกับยูโรโซนยังมียอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัดมากเป็นประวัติการณ์ที่ 2.16 แสนล้านยูโรในปีที่แล้ว จึงหนุนให้ยูโรยังคงวิ่งในระดับแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ โดยตลอดทั้งวันค่าเงินยูโรมีกรอบการเคลื่อนไหวระหว่างวันอยู่ที่ 1.3752-1.3763 ดอลลาร์/ยูโร ก่อนปิดตลาดที่ระดับ 1.3760/61 ดอลลาร์/ยูโร

 

สำหรับค่าเงินเยนวันนี้เปิดตลาดที่ระดับ 102.29/31 เยน/ดอลลาร์ ปรับตัวแข็งค่าขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับระดับปิดตลาดเมื่อวันอังคาร (18/2) ที่ระดับ 102.38/40 เยน/ดอลลาร์ โดยค่าเงินเยนนั้นเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบตลอดทั้งวัน หลังจากวานนี้ค่าเงินเยนได้ร่วงลงสู่จุดต่ำสุดในรอบ 26 วัน ภายหลังจากธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) มีมติคงนโยบายทางการเงิน (อาเบะโนมิกส์) ไว้ตามเดิม และขยายโครงการปล่อยกู้พิเศษอีก 3 โครงการ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อรองรับการตื่นตระหนกของการปรับเพิ่มภาษี (VAT) ในช่วงเดือนเมษายนที่จะถึงนี้ โดยตลอดทั้งวันค่าเงินเยนมีกรอบการเคลื่อนไหวระหว่างวันอยู่ที่ 102.02-102.41 เยน/ดอลลาร์ ก่อนปิดตลาดที่ระดับ 102.16/18 เยน/ดอลลาร์

 

อนึ่ง ในระยะนี้ธนาคารกลางจีน (PBOC) ได้เข้ามาดูแลตลาดเงินอย่างใกล้ชิด เนื่องจากพยายามดูดซับสภาพคล่องที่เกิดจากการดำเนินงานของธนาคารเงาและลดการก่อหนี้ของภาคเอกชน โดยอาจค่อย ๆ เพิ่มอัตราดอกเบี้ยทีละน้อย จึงทำให้นักลงทุนกังวลว่า การเข้ามาควบคุมของธนาคารกลางจีนครั้งนี้อาจจะฉุดให้เศรษฐกิจจีนชะลอตัวลงได้

 

ข้อมูลเศรษฐกิจที่น่าสนใจในสัปดาห์นี้ คือตัวเลขข้อมูลการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือน ม.ค., ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือน ม.ค. (19/2) ดัชนีราคาผู้บริโภค เดือน ม.ค., ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐเดือน ม.ค., แนวโน้มธุรกิจเดือน ก.พ.ของธนาคารกลางสหรัฐสาขาฟิลาเดเฟีย (20/2) ตัวเลขยอดขายบ้านมือสองสหรัฐเดือน ม.ค., ตัวเลขยอดค้าปลีกประเทศอังกฤษ (21/2) ตัวเลขยอดขายบ้านมือสองสหรัฐเดือน ม.ค., ตัวเลขยอดค้าปลีกประเทศอังกฤษ (21/2)

 

สำหรับอัตราป้องกันความเสี่ยง (swap point) ภาคเช้า 1 เดือนในประเทศอยู่ที่ +5.25/5.3 สตางค์/ดอลลาร์ และอัตราป้องกันความเสี่ยง (swap point) ภาคเช้า 1 เดือนต่างประเทศอยู่ที่ +7.5/9.0 สตางค์/ดอลลาร์

 

http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1392806345

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ป๋าคะทองแท่ง ป๋าซื้อกลับเข้าพอตยังคะ...

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ข่าววิ่ง - ข่าววิ่ง

นักบริหารเงิน เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 32.62/64 บาท/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 32.52/53 บาท/ดอลลาร์ เคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกันกับภูมิภาค เนื่องจากรายงานการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) เมื่อวันที่ 28-29 ม.ค.57 ซึ่งเจ้าหน้าที่ของเฟดเห็นพ้องกันโดยทั่วไปที่จะยังคงปรับลดมาตรการผ่อนคลาย เชิงปริมาณ(QE)

 

"เปิดตลาดเช้านี้เงินบาทขึ้นไปยืนเหนือ 32.60(บาท/ดอลลาร์) อ่อนค่าต่อเนื่องจากวานนี้จากผลประชุม Mini FOMC" นักบริหารเงิน กล่าว

 

นอกเหนือจากรายงานการประชุมของ FOMC แล้ว ยังคงจับตาสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศ แต่หากไม่เกิดเหตุรุนแรงก็จะไม่ส่งผลกระทบมากนัก

 

นักบริหารเงินประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทวันนี้จะอยู่ในกรอบ 32.60-32.70 บาท/ดอลลาร์

 

* ปัจจัยสำคัญ

- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 102.00 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 102.11 เยน/ดอลลาร์

 

- เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.3740 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 1.3749 ดอลลาร์/ยูโร

 

- อัตราแลกเปลี่ยนบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของ ธปท.อยู่ที่ระดับ 32.5840 บาท/ดอลลาร์

 

- สมาคมนักวิเคราะห์ระบุตลาดหุ้นไทยส่อความเสี่ยงเพิ่ม หลังการเมืองยังยืดเยื้อ สำรวจพบโบรกนอกหั่นเป้าจีดีพีมากกว่าโบรกไทย ลุ้นการเมืองชัดเจนกลางปีช่วยประคอง จีดีพีโต 2-3% เตือนนักลงทุนปีนี้หุ้นไทยให้ผลตอบแทนเพียง 8-13% ด้านเจพี มอร์แกนยังคงน้ำหนักเพิ่มการลงทุนตลาดหุ้นไทย

 

- ธปท.เข้มแบงก์พาณิชย์ปล่อยกู้ให้ลูกหนี้รายใหญ่เกิน 25% ของเงินกองทุนรวม ต่อไปต้องกันสำรองในส่วนที่เพิ่มขึ้นนี้ในอัตราสูงขึ้น เพื่อแลกกำไรเพิ่มขึ้นและต้นทุนเพิ่มขึ้นเช่นกัน รวมถึงรักษาความมั่นคงให้แบงก์นั้นๆ นอกจากนี้ ในปี 58 เริ่มให้แบงก์เปิดเผยรายการปล่อยกู้ลูกหนี้รายใหญ่ในงบการเงินด้วย เพื่อความโปร่งใส

 

- นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง แจงหนี้สาธารณะ 45% ยังไม่ชนเพดานที่กำหนด ยันรัฐบาลดูแลหนี้สาธารณะอย่างดี พร้อมเชิญนักธุรกิจ-นักวิชาการที่มีความรู้ช่วยกันแสดงความเห็นเปิดทางให้ ประเทศ

 

- ททท.มองการเมืองยืดเยื้อถึงเดือนเมษายน รวม 2 ไตรมาสท่องเที่ยวสูญเงิน 9 หมื่นล้านบาท หารือเอกชนวางแผนจัดแคมเปญกระตุ้นตลาดช่วงไตรมาส 3-4

 

- รายงานการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) เมื่อวันที่ 28-29 ม.ค.ระบุว่า เจ้าหน้าที่ของเฟดเห็นพ้องกันโดยทั่วไปที่จะยังคงปรับลดมาตรการผ่อนคลายเชิง ปริมาณหรือ QE โดยเจ้าหน้าที่บางรายเล็งที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในเร็วๆนี้

 

- สมาคมแลกเปลี่ยนทองคำและเงินของจีน เผยราคาทองคำที่ตลาดฮ่องกงลดลง 50 ดอลลาร์ฮ่องกง เปิดที่ระดับ 12,180 ดอลลาร์ฮ่องกง/ตำลึงในวันนี้ หรือราคาเทียบเท่ากับ 1,317.54 ดอลลาร์สหรัฐ/ทรอยออนซ์ ลดลง 1.08 ดอลลาร์สหรัฐ

 

- กระทรวงการคลังของญี่ปุ่น เผยญี่ปุ่นมียอดขาดดุลการค้าสูงเป็นประวัติการณ์ที่ 2.79 ล้านล้านเยนในเดือน ม.ค.และยังทำสถิติขาดดุลการค้าเป็นเดือนที่ 19 ติดต่อกัน โดยยอดขาดดุลการค้าของญี่ปุ่นได้ทะลุระดับ 2 ล้านล้านเยนเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เริ่มบันทึกข้อมูลในปี 2522 ส่วนการส่งออกของญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 9.5% จากปีก่อน ขณะที่การนำเข้าพุ่งขึ้น 25%

 

- ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 16,040.56 จุด ลดลง 89.84 จุด หรือ -0.56%, ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,237.95 จุด ลดลง 34.83 จุด หรือ -0.82%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,828.75 จุด ลดลง 12.01 จุด หรือ -0.65%

 

- ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนยังคงเข้าซื้อเก็งกำไร อย่างไรก็ตาม ตลาดได้รับแรงกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐและเยอรมนี ซึ่งส่งผลให้ภาวะการซื้อขายเป็นไปอย่างผันผวนในระหว่างวัน โดยดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวขึ้น 0.1% ปิดที่ 334.94 จุด, ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,341.10 จุด เพิ่มขึ้น 10.39 จุด หรือ +0.24% ,ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,660.05 จุด เพิ่มขึ้น 0.27 จุด หรือ +0.00%, ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,796.71 จุด เพิ่มขึ้น 0.28 จุด หรือ +0.00%

 

- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส(WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ เนื่องจากตลาดยังคงได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า สภาพอากาศที่หนาวเย็นอาจส่งผลให้ความต้องการน้ำมันฮีทติ้งออยล์ปรับตัวเพิ่ม ขึ้นด้วย โดยสัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน มี.ค.เพิ่มขึ้น 88 เซนต์ ปิดที่ 103.31 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือน เม.ย.ที่ตลาดลอนดอน เพิ่มขึ้น 1 เซนต์ ปิดที่ 110.47 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้(19 ก.พ.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากสัญญาทองคำพุ่งขึ้นติดต่อกันนานหลายวัน โดยสัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือน เม.ย.ร่วงลง 4 ดอลลาร์ หรือ 0.30% ปิดที่ 1,320.4 ดอลลาร์/ออนซ์ ส่วนสัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือน มี.ค.ลดลง 4.8 เซนต์ ปิดที่ 21.850 ดอลลาร์/ออนซ์ ขณะที่สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือน เม.ย.ทรงตัวอยู่ที่ 1424.50 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือน มี.ค.ร่วงลง 1.75 ดอลลาร์ ปิดที่ 735.40 ดอลลาร์/ออนซ์

 

- ดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบยูโรเมื่อคืนนี้ แต่ปรับตัวขึ้นลงแตกต่างกันเมื่อเทียบสกุลเงินหลักอื่นๆ หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานการประชุมกำหนดนโยบายครั้งล่าสุด ซึ่งบ่งชี้ว่าเฟดอาจจะยังคงเดินหน้าปรับลดสัดส่วนการซื้อพันธบัตรต่อไป

 

ที่มา: อินโฟเควสท์(วันที่ 20 กพ.57)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

วานนี้เงินบาทอ่อนค่าลงในปริมาณค่อนข้างมากจากผลกระทบเรื่องประเด็นการเมือง ในประเทศ ส่งผลให้ราคาทองคำในประเทศปรับตัวลงน้อยกว่าปกติ และในวันนี้การเคลื่อนไหวของเงินบาทก็ยังมีแนวโน้มที่จะอ่อนค่าลงต่อ ดังนั้นแม้ราคาทองในตลาดโลกจะปรับตัวลงในปริมาณค่อนข้างมาก ราคาทองในประเทศก็อาจปรับตัวลงในปริมาณน้อยกว่าปกติเช่นเดียวกับเมื่อวาน

 

โดยราคาทองคำปิดตลาดเมื่อวานนี้ที่ 1,310.60 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ลดลง 10.75 ดอลลาร์ ราคาทำจุดต่ำสุดและจุดสูงสุดที่ 1,308 และ 1,322 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ตามลำดับ ส่วนราคาซื้อขายทองคำแท่งในประเทศชนิด 96.5% เมื่อวานนี้ ขายออกที่บาทละ 20,350 บาท และรับซื้อคืนที่บาทละ 20,250 บาท กองทุน SPDR รายงานว่าได้ลดปริมาณการถือครองทองคำลง 5.64 ตัน ส่งผลให้กองทุนถือครองทองคำรวม 795.61 ตัน

 

ราคาทองคำปรับฐานลงต่อ เนื่องจากการซื้อขายวันอังคาร โดยมีแรงขายออกมามากในการซื้อขายช่วงค่ำแม้ว่ารายงานตัวเลขเศรษฐกิจของ สหรัฐฯ เมื่อคืนนี้โดยรวมจะมีสัญญาณชะลอตัว โดยเมื่อคืนนี้มีการรายงานดัชนีราคาผู้ผลิตของสหรัฐเดือนมกราคม ซึ่งปรับตัวเพิ่มขึ้นเพียง 0.20% ต่ำกว่าผลสำรวจที่ประเมินไว้ที่ 0.60% จึงยังไม่เป็นอุปสรรคต่อการผ่อนคลายทางการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ

 

ส่วน รายงานจำนวนการสร้างบ้านใหม่ของสหรัฐฯเดือนมกราคมยังคงมีสัญญาณชะลอตัว ซึ่งอาจเป็นผลจากการเริ่มชะลอการผ่อนคลายทางการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯใน เดือนมกราคมที่ผ่านมา หากรายงานตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ยังคงมีสัญญาณชะลอตัวต่อเนื่อง อาจส่งผลให้นักลงทุนเริ่มประเมินว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ อาจไม่สามารถลดปริมาณการผ่อนคลายทางการเงินลงได้ในการประชุมครั้งต่อไป และจะเป็นปัจจัยบวกที่ทำให้ราคาทองคำฟื้นตัวขึ้นได้ต่อไป

 

ส่วนใน ช่วงค่ำวันนี้จะมีการรายงานตัวเลขจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ของสหรัฐฯ ซึ่งผลสำรวจประเมินว่าจะมีผู้ขอรับสวัสดิการในสัปดาห์นี้ราว 3.35 แสนราย จากสัปดาห์ก่อนที่ 3.39 แสนราย และนอกจากรายงานดังกล่าวแล้วจะมีการรายงานดัชนี PMI ของสหรัฐฯ และอีกหลายประเทศของยุโรป

 

ส่วนภาพการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในทาง เทคนิค ซึ่งวานนี้อ่อนตัวลงมาเคลื่อนไหวต่ำกว่าแนวรับแรกของวันที่บริเวณ 1,315 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และมีแนวโน้มที่จะอ่อนตัวลงไปยังแนวรับบริเวณ 1,300 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ต่อไป เละกรณีที่ไม่สามารถประคองตัวเหนือแนวรับที่ 1,300 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ ก็คาดว่าราคาทองจะปรับตัวลงไปสร้างฐานที่แนวรับบริเวณ 1,275-1,280 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ต่อไป โดยมีแนวต้านของวันอยู่ที่บริเวณ 1,325-1,330 ดอลลาร์ต่อออนซ์.

 

 

 

ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์ (20/02/2557)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

นักค้าทองส่งสัญญาณนักลงทุนฟันกำไรทอง ล่าสุดราคาพุ่งแตะบาทละ 20,000 บาท ชี้จะปรับขึ้นต่อเนื่อง 3 สัปดาห์ มีลุ้นแตะกรอบบนที่บาทละ 20,600 บาท พร้อมแนะนักลงทุน "ทยอยขาย" ฟากคนเล่นโกลด์ฟิวเจอร์สแนะ "ปิดสถานะขาย" พร้อมหาจังหวะ "เปิดสถานะซื้อ" รอจังหวะทำกำไรระยะสั้น

 

ผู้สื่อข่าวรายงานข้อมูลจากเว็บไซต์แม่ทองสุก เกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของราคาทองคำของไทยในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ว่า มีการแกว่งตัวอยู่ในกรอบแคบ โดยจะเห็นได้จากทองคำน้ำหนัก 96.5 ในช่วงต้นเดือนมกราคม ราคาซื้อขายอยู่ที่ประมาณบาทละ 18,950 บาท ได้ปรับตัวขึ้นมาปิดที่บาทละ 19,350 บาท เมื่อสิ้นเดือนมกราคม และปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งล่าสุด (17 ก.พ.) ได้พุ่งขึ้นมาแตะที่ประมาณบาทละ 20,150 บาท ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบกว่า 3 เดือน จากช่วงก่อนหน้านี้ที่ราคาเคยขึ้นไปปิดตลาดที่ระดับสูงสุด ประมาณบาทละ 20,620 บาท

 

นายแพทย์กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ ประธานกรรมการกลุ่มบริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ แม่ทองสุก เปิดเผยว่า การแกว่งตัวขึ้นของราคาทองคำในช่วงที่ผ่านมา เป็นผลมาจากภาวะเศรษฐกิจในสหรัฐ ที่ยังไม่ได้ปรับตัวดีขึ้นอย่างชัดเจน ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์มีแนวโน้มอ่อนค่า และเกิดการย้ายเงินมาในทองคำที่เป็นสินทรัพย์ปลอดภัย (Safe Heaven) ในที่สุดประกอบกับประเทศจีน ซึ่งเป็นผู้ซื้อทองคำรูปพรรณและทองคำแท่ง (Physical) รายใหญ่ของโลก ยังมีแนวโน้มต้องการทองคำมากขึ้น โดยในปี 2556 มีการนำเข้าทั้งสิ้น 1,176 ตัน หรือเพิ่มขึ้นถึง 40% ทำให้ราคาทองปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องจนถึงปีนี้

 

"ในช่วงที่ผ่านมา เงินดอลลาร์มีทิศทางอ่อนค่า จึงทำให้เกิดการย้ายเงินเข้ามาลงทุนในทองคำ ประกอบกับการบริโภคระดับโลกก็มีความต้องการเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะจากประเทศจีน ดังนั้นราคาทองคำจึงปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จนแตะระดับบาทละ 20,000 บาท และนี่ก็ถือเป็นสัญญาณทองคำขาขึ้นของจริง" นายแพทย์กฤชรัตน์กล่าว

 

อย่าง ไรก็ตามการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำในรอบนี้ ประเมินว่าน่าจะเกิดขึ้นมากกว่า 3 สัปดาห์ โดยกรอบการปรับตัวขึ้นสูงสุดของราคาทองคำในตลาดโลก น่าจะแตะที่ระดับประมาณ 1,350 เหรียญสหรัฐ ส่วนราคาทองคำในตลาดไทยจะอยู่ที่บาทละ 20,600 บาท

 

ดังนั้นกลยุทธ์การ ลงทุนที่เหมาะสมแนะนำนักลงทุนที่เคยซื้อทองคำ Physical ควร "ทยอยขาย" ในส่วนที่มีกำไรออกมา สำหรับนักลงทุนในตลาดโกลด์ฟิวเจอร์ส แนะนำให้นักลงทุนที่มีสถานะขาย (Short) สัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้า ควรทำการ "ปิดสถานะ" พร้อมทั้งหาจังหวะเปิดสถานะซื้อ (Long) เพื่อทำกำไรช่วงราคาทองคำปรับตัวขึ้นด้วย

 

นายบุญเลิศ สิริภัทรวณิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทออสสิริส กล่าวว่า การที่ราคาทองปรับตัวขึ้นมายืนเหนือกว่าระดับบาทละ 20,000 หรือประมาณ 1,300 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ นั้นถือว่าเป็นไปตามปัจจัยทางเทคนิค เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมา ราคาทองคำสามารถปรับตัวขึ้นไปเหนือกว่า 1,250 เหรียญ ซึ่งเป็นจุดที่จะชี้ทิศทางการเปลี่ยนเทรนด์ของราคาทองคำได้

 

"ตอน นี้คงต้องรอลุ้น ถ้าราคาทองยืนเหนือ 1,300 เหรียญได้ กรอบการแกว่งตัวของราคาทองก็จะมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นที่ 1,300-1,350 เหรียญสหรัฐ หรือทองในไทยอยู่ที่บาทละ 20,000-20,600 บาท แต่ถ้าราคาทองคำไม่ผ่าน 1,300 เหรียญสหรัฐ ทองคำก็น่าจะอยู่ในกรอบประมาณ 1,250-1,300 เหรียญสหรัฐ หรือบาทละ 19,000-20,000 บาท" นายบุญเลิศกล่าว

 

ที่มา: ประชาชาติธุรกิจ(วันที่ 20 กพ.57)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ไอเอ็มเอฟเตือนตลาดเกิดใหม่อาจเกิดปัญหาการเงินในปีนี้ ชี้บางประเทศจำเป็นต้องเพิ่มความเข้มงวดในนโยบายการเงิน และปรับปรุงโครงสร้างทางเศรษฐกิจ

 

กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ยังได้เตือนถึงการพุ่งขึ้นของเงินเฟ้อในประเทศกำลังพัฒนาแล้ว โดยระบุว่า ยุโรปมีความเสี่ยงที่จะเจอกับปัญหาเงินฝืดด้วย

 

นอกจากนี้ ยังเรียกร้องให้กลุ่มประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ 20 ชาติ หรือจี 20 กระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจ โดยชี้ว่า ประเทศพัฒนาแล้ว ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสมาชิกจี 20 ยังคงเป็นแกนนำในการเติบโตของโลกอยู่ แต่จำเป็นต้องมีการร่วมมือกันมากขึ้น เพื่อรักษาการขยายตัวของผลผลิต และหนุนความต้องการ ในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจโลกยังต้องดิ้นรนให้หลุดพ้นจากภาวะเศรษฐกิจซบเซา ที่เป็นผลมาจากวิกฤติการเงินเมื่อปี 2551

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ (วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2557)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เอชเอสบีซี โฮลดิงส์เผย ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นของจีนในเดือนก.พ.ลดลงแตะ 48.3 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 7 เดือน จากระดับ 49.5 ในเดือนม.ค.

 

ดัชนีที่ต่ำกว่า 50 บ่งชี้ว่ากิจกรรมภาคการผลิตของจีนหดตัวลงจากเดือนก่อนหน้า

 

นายฉู หงปิน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของเอชเอสบีซีกล่าวในแถลงการณ์ว่า ดัชนี PMI เบื้องต้นภาคการผลิตจีนในเดือนก.พ.ลดลงต่อเนื่อง เนื่องจากคำสั่งซื้อใหม่และการผลิตหดตัวลง ซึ่งสะท้อนถึงกิจกรรมการลดปริมาณสต็อกรอบใหม่

 

นายฉูกล่าวว่า ข้อมูลดังกล่าวบ่งชี้ว่าแนวโน้มการขยายตัวของภาคการผลิตอาจจะกำลังอ่อนแรงลง และเอชเอสบีซีเชื่อว่าเจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายของทางการจีนควรจะและสามารถที่ จะปรับ

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2557)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

*******รายงานการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เมื่อวันที่ 28-29 ม.ค.ระบุว่า เจ้าหน้าที่ของเฟดเห็นพ้องกันโดยทั่วไปที่จะยังคงปรับลดมาตรการผ่อนคลายเชิง ปริมาณหรือ QE โดยเจ้าหน้าที่บางรายเล็งที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในเร็วๆนี้

 

เจ้าหน้าที่ทุกคนในการประชุมของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) ครั้งล่าสุด มีความเห็นสอดคล้องกันว่าการปรับตัวดีขึ้นของภาวะตลาดแรงงานและความเป็นไป ได้ที่การปรับตัวดีขึ้นดังกล่าวจะมีความต่อเนื่องนั้นบ่งชี้ว่าจะเป็นเรื่อง เหมาะสมที่จะยังคงปรับลดสัดส่วนการซื้อสินทรัพย์อย่างระมัดระวังต่อไป

 

ในการประชุมเมื่อเดือนม.ค. เฟดได้ตัดสินใจปรับลดสัดส่วนการซื้อสินทรัพย์รายเดือนลง 1.0 หมื่นล้านดอลลาร์ จากระดับ 7.5 หมื่นล้านดอลลาร์ มาอยู่ที่ 6.5 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยจะเริ่มในเดือนก.พ. หลังจากที่มีการปรับลดในวงเงินเท่ากันที่ 1.0 หมื่นล้านดอลลาร์ในการประชุมเมื่อเดือนธ.ค.

เจ้าหน้าที่เฟดยังได้เน้นย้ำว่าสัดส่วนการซื้อสินทรัพย์ไม่ได้เป็นแนวทาง ที่กำหนดไว้ล่วงหน้า และจะยังคงขึ้นอยู่กับการคาดการณ์ของคณะกรรมการเกี่ยวกับตลาดแรงงานและเงิน เฟ้อ รวมทั้งการประเมินเกี่ยวกับความมีประสิทธิภาพและต้นทุนของการซื้อดังกล่าว

 

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ยืนยันอีกครั้งถึงมุมมองที่ว่านโยบายการเงินที่ผ่อนคลายอย่างมาก จะยังคงมีความเหมาะสมต่อไปอีกเป็นระยะเวลานาน หลังจากแผนการซื้อสินทรัพย์สิ้นสุดลงและการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจมีความแข็ง แกร่ง สำนักข่าวซินหัวรายงาน

 

ที่มา: อินโฟเควสท์(วันที่ 20 กพ.57)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

กลุ่มประเทศพัฒนาแล้วต่างเห็นด้วยกับการชะลอมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เช่นเดียวกับประเทศเยอรมนี ล่าสุด นางอังเกลา แมร์เคล นายกรัฐมนตรีเยอรมนีเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวที่กรุงเบอร์ลินว่า การใช้นโยบายการเงินของสหรัฐให้กลับสู่สภาวะปกติถือเป็นเรื่องจำเป็น

ก่อนหน้านี้ก็มีประเทศมหาอำนาจที่สนับสนุนการยุติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของ สหรัฐ อาทิ นายโจ ฮอกกี้ รมว.คลังของออสเตรเลีย โดยเขาให้สัมภาษณ์ว่า โครงการซื้อพันธบัตรของเฟดเปรียบเสมือนยาที่โลกไม่สามารถพึ่งพาได้ตลอดไป

ท่าทีสนับสนุนการลดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐจากบรรดาประเทศมหาอำนาจเป็น การส่งสัญญาณว่า ตลาดเกิดใหม่จำเป็นต้องรับมือกับผลพวงที่เกิดขึ้นให้ดีเท่าที่จะทำได้ เนื่องจากก่อนหน้านี้ตลาดเกิดใหม่ได้รับผลกระทบจากการประกาศลด QE ของเฟดอย่างหนัก ทำให้นักลงทุนเทขายสกุลเงินและพันธบัตรของประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ ซึ่งบีบให้ประเทศตลาดเกิดใหม่ อาทิ ตุรกีและแอฟริกาใต้ต้องออกมาตรการเร่งด่วนเพื่อรับมือปัญหาการอ่อนค่าของ สกุลเงิน เช่น การปรับขึ้นดอกเบี้ย เป็นต้น

 

ที่มา: ทันหุ้น(วันที่ 20 กพ.57)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ฝรั่งเดาทองยามบ่าย กล่าวว่า น่ายินดี ที่ราคาทองสามารถหยุดได้แถว 1307-1308 จึงมีความหวังเกินครึ่งนิดเดียว ที่ราคาทองคืนนี้จะทะยานขึ้นด้านบน ส่วนประมาณ 40% ให้แนวทางย่อลงสู่ขิดแนว 1300 พร้อมแนวทางขาเสี่ยง ดังนี้

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขบวนชาวนาของ นายชาดา จากอุทัยธานี มาถึงแล้วเหรอ ตอนนี้ยังอยู่อยุธยา พรุ่งนี้ค่ำๆ คงถึงปทุมธานี เขาแค่เกริ่นแค่พูดเล่นๆ หรือ ใครมาพูดว่า จะไปสุวรรณภูมิ ท่านจะตีกินเบี่ยงเบนประเด็น ยักย้ายนืมเงินจ่ายชาวนาหรือเปล่า ระวังดีๆนะครับ สหภาพฯ aOT หรืออาจโดนเทขายหุ้นฯ สั่งสอน เบื่อคนชอบตีกินถามหาความชั่วโยนให้คนอื่น

 

AOT วอนม็อบชาวนาอย่าปิดสนามบิน เตรียมทีมเจรจารับมือ

 

 

น.ต.ศิธา ทิวารี ประธานกรรมการ บมจ. ท่าอากาศยานไทย (AOT)ทอท. กล่าวถึงกรณีมีข่าวว่ากลุ่มชาวนาที่ยังไม่ได้รับเงินจากโครงการจำนำข้าว จะเดินทางมาปิดท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเพื่อกดดันรัฐบาลว่า การมาปิดท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเป็นเรื่องที่สร้างความเสียหายใหญ่หลวงทั้งต่อภาพลักษณ์ ธุรกิจท่องเที่ยว ธุรกิจสายการบิน และธุรกิจต่อเนื่องอีกมากมาย

ทางคณะกรรมการและฝ่ายบริหาร ทอท.อยากขอร้องผู้ชุมุนมว่า การปิดท่าอากาศยานจะสร้างความเสียหายอย่างมากหากผู้ชุมนุมเดินทางมาทางฝ่ายบริหารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิพร้อมขอเจรจาเพื่อให้การเดินทางมาไม่เกิดการชุมนุมที่สร้างความเสียหาย แม้ที่ผ่านมาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิจะมีแนวทางป้องกันมวลชนที่จะเข้ามาในพื้นที่ แต่การป้องกันย่อมจะไม่สามารถรับปริมาณผู้ชุมนุมที่มาเป็นหมื่นคนได้ ดังนั้น แนวทางแก้ไขก็จะใช้การเจรจาเป็นหลัก

ด้านนางระวีวรรณ เนตระคเวสนะ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กล่าวถึงแนวทางรับมือกับมวลชนตามนโยบายจะใช้หลักเจรจา โดยจะจัดพื้นที่ให้ผู้ชุมนุมอยู่ เพื่อไม่ให้การมาชุมนุมส่งผลกระทบกับพื้นที่การบินและพื้นที่บริการผู้โดยสาร

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...