ขอเดา(ราคาทอง)กับเขาบ้าง

[Pete 15,187]

นักบริหารเงิน กล่าวว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้ที่ระดับ 32.44/46 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าเล็กน้อยจากช่วงปิดตลาดเย็นวานนี้ที่ระดับ 32.47/48 บาท/ดอลลาร์ เคลื่อนไหวตามค่าเงินในภูมิภาค ขณะที่ยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามา

 

"หลังเปิดตลาดขยับแข็งค่าตามแรงซื้อลงไปถึง 32.43(บาท/ดอลลาร์) ยังอยู่ในกรอบเหมือน Asia Currency คงอยู่ในช่วงมองหาทิศทางเพราะยังไม่มีปัจจัยอะไรเข้ามา" นักบริหารเงิน กล่าว

 

นักบริหารเงิน คาดวันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบระหว่าง 32.40-32.50 บาท/ดอลลาร์เช่นเดิม

 

* ปัจจัยสำคัญ

- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 101.85 เยน/ดอลลาร์ ทรงตัวในระดับเดียวกับช่วงเย็นวานนี้

- เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.3600 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเย็นวานนี้ที่ระดับ 1.3580 ดอลลาร์/ยูโร

 

- อัตราแลกเปลี่ยนบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของ ธปท.อยู่ที่ระดับ 32.4450 บาท/ดอลลาร์

 

- ธปท.ชี้ผลขึ้นบัญชีค้ามนุษย์ กระทบเศรษฐกิจระยะสั้น รับ 'มีมูล' แม้ทางการพยายามแก้ไข ด้านคสช.สั่งทุกหน่วยงานเร่งแก้ไข ขณะสมาคมประมงเตรียมออกแถลงการณ์โต้วันนี้ เรียกร้องภาครัฐร่วมแก้ปัญหา-ชี้แจง

 

- วงประชุม รมต.ต่างประเทศกลุ่ม 'อียู' ใช้มาตรการลงโทษยุติเยือนไทยอย่างเป็นทางการ ระงับลงนามข้อตกลง เสนอให้กลับคืนสู่ประชาธิปไตยโดยเร็ว 'คสช.' เตรียมสรุปผลงานนำความสุขคืนประชาชนรอบ 1 เดือน ขณะเอกชนหวั่นเอฟทีเอไทย-อียูล่าช้าปีครึ่ง กระทบส่งออก ทำไทยเสียเปรียบคู่แข่ง

 

- พล.ร.ต.นพดล เรืองสมัย รองหัวหน้าสำนักงานฝ่ายสังคมและจิตวิทยา คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ประสานงานกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยภายหลังการประชุมสรุปงบประมาณปี 2558 มี พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รองหัวหน้า คสช. เป็นประธาน เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน ว่าที่ประชุมมีมติอนุมัติงบประมาณวงเงิน 18,910.498 ล้านบาท ลดลง 21.58% หรือ 5,203.9 ล้านบาท จากงบปี 2557 และลดลงจากที่ขอไว้ 21,251.64 ล้านบาท ลดลง 2,862.757 ล้านบาท หรือ 13.47%

 

- China Foreign Exchange Trading System (CFETS) รายงานว่า เงินหยวนปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.12% แตะที่ 6.1545 หยวนต่อดอลลาร์เช้าวันนี้

 

- สมาคมแลกเปลี่ยนทองคำและเงินของจีน เผยราคาทองคำที่ตลาดฮ่องกงเปิดทรงตัวที่ระดับ 12,190 ดอลลาร์ฮ่องกง/ตำลึงในวันนี้ หรือเทียบเท่ากับ 1,318.62 ดอลลาร์สหรัฐ/ทรอยออนซ์

 

- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ เนื่องจากสถานการณ์รุนแรงในอิรักยังคงเป็นแรงผลักดันให้นักลงทุนเข้าซื้อสัญญาทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย โดยสัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือน ส.ค.เพิ่มขึ้น 1.8 ดอลลาร์ หรือ 0.14% ปิดที่ 1,318.4 ดอลลาร์/ออนซ์ ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือน ก.ค.ลดลง 3.3 เซนต์ ปิดที่ 20.916 ดอลลาร์/ออนซ์ ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือน ก.ค.ลดลง 70 เซนต์ ปิดที่ 1,456.6 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือน ก.ย.เพิ่มขึ้น 45 เซนต์ ปิดที่ 822.65 ดอลลาร์/ออนซ์

 

- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส(WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากสัญญาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นติดต่อกัน 2 วันทำการก่อนหน้านี้ ขณะที่นักลงทุนจับตาดูสถานการณ์ในอิรักอย่างใกล้ชิด โดยสัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ส.ค.ลดลง 66 เซนต์ ปิดที่ 106.17 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือน ส.ค.ที่ตลาดลอนดอน ลดลง 69 เซนต์ ปิดที่ 114.12 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

- ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวลงเมื่อเทียบสกุลเงินหลักอื่นๆเมื่อคืนนี้ แม้ว่ามีข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่สดใส โดยค่าเงินยูโรแข็งค่าเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.3604 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.3593 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์ปรับขึ้นที่ 1.7024 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.7011 ดอลลาร์ ทั้งนี้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐลดลงเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 101.90 เยน จากระดับ 102.13 เยน และปรับลงเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.8941 ฟรังค์ จากระดับ 0.8957 ฟรังค์ ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับตัวขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.9417 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.9385 ดอลลาร์สหรัฐ

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันที่ 24 มิถุนายน 2557)

[Pete 15,187]

ราคาทองเคลื่อนไหวในกรอบแคบและยังสามารถปรับตัวขึ้นมาปิดตลาดเหนือ กว่าระดับปิดของวันศุกร์แม้ว่าจะมีรายงานข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ซึ่งออกมาดีกว่าที่ตลาดประเมิน...

 

นักลงทุนยังให้ความสนใจประเด็นปัญหาในตะวันออกกลาง และกลับเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยในช่วงที่ราคาอ่อนตัวลง โดยราคาทองปิดตลาดเมื่อวานนี้ที่ 1,317.75 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 2.70 ดอลลาร์ ราคาทำจุดต่ำสุดและจุดสูงสุดที่ 1,309 และ 1,318 ดอลลาร์ ต่อ ออนซ์ ตามลำดับ ส่วนราคาซื้อขายทองคำแท่งในประเทศชนิด 96.5% เมื่อวานนี้ ขายออกที่บาทละ 20,200 บาท และรับซื้อคืนที่บาทละ 20,100 บาท กองทุน SPDR รายงานว่าได้เพิ่มปริมาณการถือครองทองคำขึ้นราว 2.40 ตัน โดยปัจจุบันกองทุนถือครองทองคำรวม 785.02 ตัน

 

ราคาทองได้รับแรงกดดันจากการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่ออกมาดี โดยวานนี้มีการรายงานดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐฯ ซึ่งปรากฏว่าขยายตัวแข็งแกร่งกว่าผลสำรวจ โดยเป็นการขยายตัวขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 4 ปี เช่นเดียวกับว่ารายงานยอดขายบ้านมือสองสหรัฐฯ ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 4.9% ในเดือนพฤษภาคม สู่ระดับ 4.89 ยูนิต ซึ่งเป็นระดับที่สูงกว่าผลสำรวจที่ประเมินไว้ที่ 4.75 ล้านยูนิต

 

อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังคงจับตาสถานการณ์ความรุนแรงในอิรัก หลังมีรายงานโดยอ้างคำพูดของรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมว่า กองกำลังของรัฐบาลสามารถเข้าควบคุมจุดผ่านแดนหลายแห่งระหว่างอิรัก จอร์แดน และซีเรียที่ถูกกลุ่มหัวรุนแรงบุกเข้ายึดกลับคืนมาได้แล้ว หากมีการประกาศใช้กำลังทหารจากรัฐบาลสหรัฐฯ ก็จะเป็นปัจจัยบวกที่ทำให้ราคาทองปรับตัวขึ้นได้ต่อไป ส่วนในวันนี้จะมีการรายงานข้อมูลดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ยอดขายบ้านใหม่และรายงานดัชนีราคาบ้านในสหรัฐฯ

 

โดยในการประชุมครั้งหลังสุดของธนาคารกลางสหรัฐฯ นั้น ได้ระบุถึงความกังวลในภาคอสังหาริมทรัพย์ และน่าจะเป็นหนึ่งปัจจัยที่ธนาคารกลางให้ความสนใจในการพิจารณาปรับขึ้นอัตรา ดอกเบี้ยในระดับปัจจุบัน นอกจากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจในภาคอสังหาริมทรัพย์ของสหรัฐฯ แล้ว ประเด็นปัญหาในอิรักก็ยังเป็นอีกประเด็นหนึ่งที่นักลงทุนให้ความสนใจ อย่างไรก็ตาม คาดว่าโอกาสที่สหรัฐฯ จะใช้กำลังทหารในอิรักคงมีไม่มากเนื่องจากผลประโยชน์ในเชิงเศรษฐกิจที่ สหรัฐฯ จะได้รับมีค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับการใช้กำลังทหารกับอิรักเมื่อหลายปี ก่อน

 

ส่วนการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในวันนี้คาดว่ายังมีแนวโน้มที่จะปรับตัว ขึ้นต่อ หากปรับฐานลงในระหว่างวัน แนวรับบริเวณ 1,310 และ 1,300 ดอลลาร์ ต่อ ออนซ์ ยังเป็นระดับแนวรับที่คาดว่าจะเป็นจุดดีดตัวกลับ และกรณีที่สามารถผ่านแนวต้านบริเวณ 1,320-1,325 ดอลลาร์ ต่อ ออนซ์ ขึ้นไปได้ คาดว่าจะมีแรงซื้อเข้ามามาก และราคาทองก็จะปรับตัวขึ้นไปยังแนวต้านบริเวณ 1,335-1,340 และ 1,350 ดอลลาร์ ต่อ ออนซ์ ได้ต่อไป.

 

 

 

 

 

ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์ (24/06/2557)

[Pete 15,187]

หุ้นสหรัฐปิดตลาดไร้ทิศทางหลังการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจ นักลงทุนยังคงจับตาสถานการณ์สู้รบในอิรักอย่างใกล้ชิด

 

 

ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปรับตัวลง 11.85 จุดหรือ 0.07% ปิดที่ 16,935.23 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ขยับลง 0.40 จุด หรือ 0.02% ปิดที่ 1,962.47 แต่ดัชนีแนสแดก ปรับตัวขึ้น 0.64 จุดหรือ 0.01% ปิดที่ 4,368.68 จุด

 

หุ้นสหรัฐปิดไร้ทิศทาง หลังจากเอชเอสบีซี โฮลดิงส์ เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ หรือพีเอ็มไอ ภาคการผลิตเบื้องต้นของจีนในเดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้นแตะ 50.8 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 7 เดือน จาก 49.4 ในเดือนพ.ค. ซึ่งดัชนีที่ต่ำกว่า 50 บ่งชี้ว่า กิจกรรมภาคการผลิตของจีน หดตัวลงจากเดือนก่อนหน้า และตัวเลขที่สูงกว่า 50 แสดงให้เห็นถึงภาวะการขยายตัว

 

ขณะที่ ผลสำรวจของมาร์กิต แสดงให้เห็นว่า ดัชนีพีเอ็มไอ เบื้องต้นของยูโรโซนในเดือนมิ.ย.ปรับตัวลงแตะ 52.8 ซึ่งต่ำสุดในรอบ 6 เดือน จาก 53.5 ในเดือนพ.ค.และดัชนีพีเอ็มไอ ภาคบริการเบื้องต้นเดือนมิ.ย.ปรับลงมาอยู่ที่ 52.8 ซึ่งต่ำสุดในรอบ 3 เดือน เมื่อเทียบกับระดับ 53.2 ในเดือนพ.ค.

 

 

 

ที่มา : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ (24/06/2557)

 

[Pete 15,187]

ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวเปิดวันนี้ที่ 15,300.50 จุด ลดลง 68.78 จุด หรือ -0.45% เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้

 

ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นโตเกียวเป็นไปอย่างซบเซาในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับฐานลง เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากดัชนีดาวโจนส์ และ S&P 500 ทะยานขึ้นปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา

 

 

 

ที่มา สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 24 มิถุนายน 2557

[Pete 15,187]

ธนาคารเอชเอสบีซี เผยตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (พีเอ็มไอ) เบื้องต้นประจำเดือนมิถุนายนของจีนว่าอยู่ที่ 50.8 จุด เท่ากับตัวเลขเดือนพฤศจิกายนปีก่อน เป็นการขยายตัวครั้งแรกในปีนี้และเป็นครั้งแรกรอบ 6 เดือน การที่พีเอ็มไอดีขึ้นเป็นผลจากคำสั่งซื้อในประเทศและความต้องการต่างประเทศขยายตัวในแดนบวก สอดคล้องกับตัวเลขที่ว่ามาตรการขนาดย่อมเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลจีนเริ่มส่งผลผ่านไปยังภาคเศรษฐกิจที่แท้จริง รัฐบาลจีนทยอยประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจตั้งแต่เดือนเมษายน เช่น ลดหย่อนภาษีให้ธุรกิจขนาดเล็ก ใช้จ่ายในโครงการโครงสร้างพื้นฐานตามเป้าหมาย ให้แรงจูงใจส่งเสริมการปล่อยสินเชื่อในชนบท หลังจากเศรษฐกิจไตรมาสแรกของปีนี้ขยายตัวร้อยละ 7.4 ต่ำกว่าไตรมาสก่อนหน้านั้นที่ขยายตัวร้อยละ 7.7 และต่ำที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาส 3 ของปี 2555

[Pete 15,187]

ธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟดปรับลดขนาดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) เป็นครั้งที่ 5 ติดต่อกัน และมองตลาดการจ้างงานอาจกระเตื้องเร็วกว่าที่เคยคาดไว้ แต่การเติบโตทั้งปีมีแนวโน้มจะต่ำกว่าที่ประเมินไว้ เพราะช่วงไตรมาสแรกเจอผลกระทบหนักจากสภาพอากาศที่เลวร้าย

 

ยูเอสเอ ทูเดย์ ระบุว่า คณะกรรมการนโยบายการเงินสหรัฐ (FOMC) เดินหน้าผ่อนคิวอี ซึ่งเป็นโปรแกรมซื้อพันธบัตรรัฐบาล รวมถึงตราสารหนี้จดจำนอง เพื่อลดดอกเบี้ยระยะยาว และกระตุ้นเศรษฐกิจ อีก 1 หมื่นล้านดอลลาร์ตามคาด เหลือ 3.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน โดยให้เหตุผลว่าเศรษฐกิจสหรัฐและตลาดแรงงานกำลังอยู่บนเส้นทางฟื้นตัว

 

เห็นได้จากอัตราการว่างงานลดลงอย่างรวดเร็วกว่าที่เฟดคาดไว้ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นเพราะคนรุ่นเบบี้บูมทยอยเกษียณอายุและออกจากตลาดแรงงานจำนวนมาก ก่อนหน้านี้ทางธนาคารกลางมองว่าตัวเลขการว่างงานจะลดลงเหลือ 6.3% ภายในสิ้นปี แต่ในการประชุมนัดกลางสัปดาห์ที่ผ่านมาได้ปรับตัวเลขเป็น 6.0-6.1% และคาดว่าจะร่วงลงเหลือ 5.4-5.7% ภายในสิ้นปีหน้า โดยล่าสุดตัวเลขการว่างงานเดือนพฤษภาคมอยู่ที่ 6.3% เท่ากับเดือนเมษายนด้านการเติบโต แม้กิจกรรมทางเศรษฐกิจในหลายภาคส่วนจะดีขึ้นในระดับหนึ่ง

 

แต่เฟดกลับประเมินแนวโน้มการขยายตัวในปีนี้อย่างระมัดระวัง และตัดสินใจปรับลดตัวเลขคาดการณ์การเติบโตของปีนี้จาก 2.8-3.0% เหลือ 2.1-2.3% หลังจากกระทรวงการคลังสหรัฐประเมินว่าไตรมาสแรกจีดีพีอาจหดตัว 1% เพราะฤดูหนาวมีสภาพอากาศรุนแรงผิดปกติ แต่นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่เชื่อมั่นว่าในช่วงครึ่งหลังของปีนี้จีดีพีจะขยายตัวได้ 3.0-3.2% เนื่องจากภาคครัวเรือนมีความเชื่อมั่นในการจับจ่ายสูงขึ้น ประกอบกับมาตรการตัดลดรายจ่ายภาครัฐเริ่มผ่อนคลาย

 

นอกจากนี้ เอฟโอเอ็มซียังมองว่าอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นจะขยับแตะ 1.25% ณ ช่วงสิ้นปีหน้า และเพิ่มเป็น 2.5% ในปี 2559 จากเดิมคาดไว้ที่ 1.0% และ 2.25% ตามลำดับ กรรมการ 12 จาก 16 คนของเอฟโอเอ็มซียังเห็นตรงกันว่าจะเริ่มปรับอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกจากระดับใกล้ศูนย์ที่คงไว้มาตั้งแต่เกิดวิกฤตการเงินโลก2551 ในปี 2558 มีเพียงหนึ่งเสียงที่เห็นว่าควรปรับภายในปีนี้ และอีก 3 เสียงเห็นว่าเวลาที่เหมาะคือปี 2559

 

นางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด ยังปฏิเสธความกังวลเรื่องอัตราเงินเฟ้ออาจเพิ่มขึ้นเร็วเกินไป และอัตราว่างงานลดเร็วกว่าคาด ซึ่งจะกดดันให้เฟดต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นก่อนกำหนด เพื่อดูแลเสถียรภาพราคา โดยนางเยลเลนเชื่อว่า "พูดโดยภาพรวมแล้ว เงินเฟ้อเป็นไปในทิศทางเดียวกับการคาดการณ์"

 

ที่มา : ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ (วันที่ 23 มิถุนายน 2557)

[Pete 15,187]

เงินสกุลดอลลาร์ปรับตัวลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 3 วันเมื่อเทียบเยน ในขณะตลาดจับตาการรายงานข้อมูลในภาคการผลิตและยอดขายบ้านมือสองในเดือนพ.ค.ของสหรัฐ เพื่อประเมินแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)

 

ดอลลาร์อ่อนตัวลง 0.2% เทียบเยน แตะที่ 101.85 เยน/ดอลลาร์ ณ เวลา 18.06 น. ตามเวลาประเทศไทย

 

ดอลลาร์เพิ่มขึ้น 0.1% เทียบยูโร แตะที่ 1.3585 ดอลลาร์/ยูโร จากระดับ 1.36 ดอลลาร์/ยูโรเมื่อวันที่ 20 มิ.ย.ที่ผ่านมา

 

ยูโรปรับตัวลดลง 0.3% เทียบเยน ที่ระดับ 138.36 เยน/ยูโร

 

เงินสกุลดอลลาร์ร่วงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 1 เดือนในสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากนางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟดระบุเฟดจะยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับต่ำต่อไปอีกอย่างยาวนาน

 

นักลงทุนจับตาการรายงานดัชนี PMI ภาคการผลิตเบื้องต้นของสหรัฐเดือนมิ.ย. โดยมาร์กิตมีกำหนดจะเปิดเผยข้อมูลดังกล่าววันนี้เวลา 20.45 น. ตามเวลาประเทศไทย

 

นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นของสหรัฐเดือนมิ.ย.จะปรับตัวลงสู่ระดับ 56 จากระดับ 56.4 ในเดือนพ.ค.

 

นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาการรายงานยอดขายบ้านมือสองในเดือนพ.ค.โดยสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติ (NAR) ของสหรัฐ ซึ่งมีกำหนดจะเปิดเผยข้อมูลในวันนี้เวลา 21.00 น. ตามเวลาประเทศไทย

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันที่ 23 มิถุนายน 2557)

 

[Pete 15,187]

สำนักงานสถิติฮ่องกงเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของฮ่องกงในเดือนพ.ค. ทรงตัวที่ 3.5% เมื่อเทียบกับเดือนเม.ย. ในปีนี้ ซึ่งเป็นผลมาจากมาตรการผ่อนคลายทั้งหมดของรัฐบาล

 

เมื่อพิจารณาถึงองค์ประกอบของดัชนี CPI ในรายการต่างๆ พบว่า ราคาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และยาสูบ ปรับตัวขึ้น 8.5% ในเดือนพ.ค. เทียบเป็นรายปี ตามมาด้วยราคาที่อยู่อาศัยซึ่งเพิ่มขึ้น 4.8% ค่าไฟฟ้า แก๊ส และน้ำ ปรับตัวขึ้น 3.9% ค่าอาหาร สูงขึ้น 3.6% และค่าบริการเบ็ดเตล็ดขยับขึ้น 2.9%

 

ในทางกลับกัน ราคาสินค้าคงทนในเดือนพ.ค. ปรับตัวลง 3.4% จากปีก่อนหน้า

โฆษกรัฐบาลระบุว่า อัตราเงินเฟ้อในเดือนพ.ค. ต่ำกว่าในไตรมาสแรกที่ระดับ 3.8% ซึ่งบ่งชี้ว่า แรงกดดันด้านเงินเฟ้อยังคงมีอยู่ สำนักข่าวซินหัวรายงาน

 

ที่มา สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (23/06/57)

[Pete 15,187]

::

[Pete 15,187]

ปัจจัยที่น่าจับตามอง

จับตาเหตุการณ์ความไม่สงบในอิรักที่ยังคุกรุ่น สร้างความกังวลต่อปริมาณการส่งออกน้ำมันดิบอิรัก ซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันดิบอันดับสองในกลุ่มโอเปก ตามหลังซาอุดิอาระเบีย โดยมีปริมาณการส่งออกน้ำมันดิบอยู่ราว 2.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน

ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มปรับลดลง เนื่องจากโรงกลั่นน้ำมันสหรัฐฯ จำเป็นต้องเพิ่มกำลังการกลั่นในช่วงฤดูท่องเที่ยวหน้าร้อน เพื่อให้มีน้ำมันเบนซินเพียงพอต่อความต้องการ

ติดตามการเลือกตั้งทั่วไปลิเบียที่จะมีขึ้นในวันที่ 25 มิ.ย.นี้ เพื่อเลือกตั้งรัฐบาลใหม่ขึ้นมาแทนรัฐบาลสภาแห่งชาติ ซึ่งถูกวิจารณ์อย่างหนักถึงความด้อยประสิทธิภาพในการหยุดยั้งอิทธิพลของ กลุ่มติดอาวุธในประเทศ โดยลิเบียยังคงประสบปัญหากลุ่มผู้ก่อการร้าย รวมไปถึงการประท้วงปิดหลุมและท่าขนส่งน้ำมันดิบ

แผนสันติภาพยูเครน-รัสเซีย โดยประธานาธิบดีโปโรเซนโก ประธานาธิบดีของยูเครน ที่หวังจะยุติเหตุการณ์ความรุนแรงในยูเครนที่ยืดเยื้อมากว่า 3 เดือน โดยได้เข้าเจรจากับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซียในสัปดาห์ที่ผ่านมา รวมไปถึงประกาศหยุดยิงเพียงฝ่ายเดียวในเมืองฝั่งตะวันออกของประเทศอีกด้วย

ตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าติดตาม

วันจันทร์ดัชนีภาคการผลิตสหรัฐฯ - มิ.ย. 57

ยอดขายบ้านมือสองสหรัฐฯ - พ.ค. 57

ดัชนีภาคการผลิตยุโรป - มิ.ย. 57

ดัชนีภาคการบริการยุโรป - มิ.ย. 57

วันอังคารดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐฯ - มิ.ย. 57

ยอดขายบ้านใหม่สหรัฐฯ - พ.ค. 57

วันพุธยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนสหรัฐฯ - พ.ค. 57

จีดีพีไตรมาส1/57 สหรัฐฯ

ดัชนีภาคการบริการสหรัฐฯ - มิ.ย. 57

ยอดขอสร้างบ้านใหม่สหรัฐฯ - พ.ค. 57

[Pete 15,187]

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า การซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหุ้นสหรัฐเมื่อคืนที่ผ่านมา (23 มิ.ย.) ปรับลดลงเล็กน้อย หลังตลาดได้แรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่ดีขึ้นของสหรัฐ รวมถึงดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตและยอดขายบ้านมือสอง

 

หลังปิดตลาดดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 16,937.26 จุด ลดลง 9.82 จุด หรือ -0.06% ดัชนี แนสแดค ปิดที่ระดับ 4,368.68 จุด บวก 0.64 จุด หรือ +0.01% และดัชนี เอสพี 500 ปิดที่ระดับ 1,962.61 จุด ลดลง 0.26 จุด หรือ -0.01%

 

ส่วนราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส ที่ตลาดล่วงหน้านิวยอร์ก(NYMEX)ส่งมอบเดือนส.ค.ลดลง 66 เซนต์ ปิดตลาดที่ระดับ 106.17 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์ ที่ตลาดลอนดอน ส่งมอบเดือนส.ค. ลดลง 69 เซนต์ ปิดตลาดที่ ระดับ114.12 ดอลลาร์/บาร์เรล ทั้งนี้นักลงทุนยังคงจับตาดูสถานการณ์ความไม่สงบในอิรักอย่างใกล้ชิด

 

ส่วนราคาทองคำที่ตลาดล่วงหน้านิวยอร์ก(COMEX)ส่งมอบเดือนส.ค.ปรับเพิ่มขึ้น 1.80 ดอลลาร์ หรือ 0.14% ปิดตลาดที่ระดับ 1,318.40 ดอลลาร์/ออนซ์

 

ที่มา มติชน (24 มิถุนายน 2557)

 

[Pete 15,187]

ข่าววิ่ง - ข่าววิ่ง(ไทย)

บมจ.โกลเบล็ก โฮลดิ้ง แมเนจเม้นท์ แนะกลยุทธ์การลงทุนในทองคำวันนี้ (24 มิถุนายน 2557) นักลงทุนระยะสั้น(เล่น 1-2 วัน) ให้รอซื้อในกรอบ $1,297-1,307/Oz เพื่อลุ้นการปรับตัวขึ้นต่อ โดยมีจุดตัดขาดทุนที่ $1,283/Oz ส่วนนักลงทุนระยะกลาง-ยาว หลังขายทำกำไรไปแล้วให้ทยอยซื้อที่แนวรับ $1,297/Oz

 

ภาพรวมตลาดทองคำคืนวานนี้

Gold – ราคาทองคำโลกปิดปรับตัวขึ้น $2.70/Oz หรือ 0.21% มาอยู่ที่ $1,317.75/Oz (จุดต่ำสุด-สูงสุดในรอบวันอยู่ที่ $1,309.60-1,318.40) ราคาทองคำยังได้รับแรงหนุนจากกสถานการณ์ในอิรักที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น โดยรัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐกล่าวว่า สหรัฐจะสนับสนุนกองกำลังรักษาความสงบของอิรักอย่างเต็มที่และยั่งยืนในการ ต่อสู้กับกลุ่มมุสลิมหัวรุนแรงที่บุกเข้ายึดหลายเมืองในภาคเหนือและภาคตะวัน ตกของประเทศ อย่างไรก็ตามดัชนีภาคการผลิตสหรัฐที่สำรวจโดย Markit ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 57.5 ในเดือนมิ.ย.จากระดับ 56.4 ในเดือนก่อนหน้า และยอดขายบ้านมือสองสหรัฐที่ปรับตัวขึ้นสู่ 4.89 ล้านหลังซึ่งดีกว่าที่นักวิเคราะห์ได้คาดไว้ยังเป็นปัจจัยกดดันต่อราคาทองคำ ขณะที่ นักวิเคราะห์คาดว่าราคาทองคำอาจจะเคลื่อนไหวที่เหนือระดับ 1,300 ดอลลาร์/ออนซ์ได้ไม่นานนัก เนื่องจากความต้องการทองคำจากกลุ่มกองทุน ETF เริ่มชะลอตัวลง ทั้งนี้ HSBC คาดการณ์ว่า ราคาทองคำอาจจะเคลื่อนไหวที่ระดับ 1,292 ดอลลาร์/ออนซ์ในช่วงปลายปีนี้

 

แนวโน้มตลาดวันนี้

Gold – หลังราคาสร้างฐานเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันและมีสัญญาณ Convergence เป็นตัวยืนยันการปรับตัวขึ้น แนะนำให้รอซื้อที่แนวรับ $1,297-1,307/Oz ซึ่งเป็นแนวรับตาม Fibonacci อีกทั้ง RSI เข้าใกล้ภาวะซื้อมาทำให้มีโอกาสย่อตัวลงมาก่อนได้ ในวันนี้มองกรอบราคาทองคำที่ $1,297-1,338/Oz

 

ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญประจำวันนี้

•ความเชื่อมั่นภาคธุรกิจเยอรมนี เวลา 15.00 น.

•ความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐ เวลา 21.00 น.

•ยอดขายบ้านใหม่สหรัฐ เวลา 21.00 น.

 

 

ที่มา : ฐานเศรษฐกิจออนไลน์ (24/06/2557)

 

[Pete 15,187]

ฝรั่งเดาทองยามบ่าย กล่าวว่า รายวันยังเผชิญเมฆดำทะมึนด้านลบ เพราะ ราคาทองควรย่อก่อนเนื่องจากขาดแรงดันขึ้น แนวรับแรกวันนี้ 1307 ต่ำกว่านี้ อาจจะมีทดสอบที่ 1291 จุดนี้ เมื่อถึงแล้ว น่าจะเด้งขึ้นได้. ภาพรวมใหญ่ ยังอยู่ในทิศทางขึ้น คือ ลงแล้วจะขึ้น น่าจะลงก่อน ถ้าเห็นต่ำกว่า 1307 จ้องก่อนอย่าพึ่งแทงซื้อ เมื่อลงมาต่ำกว่า 1300 เมื่อใด คลำหาจุดเข้าแทง Long ได้ พร้อมแนวทางขาเสี่ยง ดังนี้

 

LONG GOLD above 1314 SL 1311 TP 1324-1330

SHORT GOLD below 1307 SL 1310 TP 1300-1294-1288

Good luck!

[กมลทิพย์ 146]

ขอบคุณค่ะ

ฝรั่งเดาทองยามบ่าย กล่าวว่า รายวันยังเผชิญเมฆดำทะมึนด้านลบ เพราะ ราคาทองควรย่อก่อนเนื่องจากขาดแรงดันขึ้น แนวรับแรกวันนี้ 1307 ต่ำกว่านี้ อาจจะมีทดสอบที่ 1291 จุดนี้ เมื่อถึงแล้ว น่าจะเด้งขึ้นได้. ภาพรวมใหญ่ ยังอยู่ในทิศทางขึ้น คือ ลงแล้วจะขึ้น น่าจะลงก่อน ถ้าเห็นต่ำกว่า 1307 จ้องก่อนอย่าพึ่งแทงซื้อ เมื่อลงมาต่ำกว่า 1300 เมื่อใด คลำหาจุดเข้าแทง Long ได้ พร้อมแนวทางขาเสี่ยง ดังนี้

 

LONG GOLD above 1314 SL 1311 TP 1324-1330

SHORT GOLD below 1307 SL 1310 TP 1300-1294-1288

Good luck!

ขอบคุณมากๆๆๆค่ะ

[tanawatbkk 60]

สวัสดีครับป๋า ขอบคุณสำหรับข่าวสารครับ