ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
tt2518

ขอเดา(ราคาทอง)กับเขาบ้าง

โพสต์แนะนำ

ถึงแม้ว่า ดอลล์สหรัฐฯ จะแข็ง เงินบาทไทย ไม่สนใจในสภาวะปลายปี 32.80-32.90 วิ่งแค่เนี่ย

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

GBX ชี้ปี58 กรอบลงทุนทอง 1,050-1,300 เหรียญต่อทรอยออนซ์ หวั่นเฟดขึ้นดอกเบี้ย-หนุนค่าเงินดอลลาร์แข็งค่า กดราคาทองคำลงต่อ (25/12/2557)

ข่าววิ่ง - ข่าววิ่ง(ไทย)

กรุงเทพฯ--24 ธ.ค.--มีเดีย แพลนเนอร์ คอนซัลแทนท์

 

บมจ.โกลเบล็ก โฮลดิ้ง มองกรอบราคาทองคำ ปี 2558 ที่ระดับ 1,050-1,300 เหรียญต่อทรอยออนซ์ คาดธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ลดดอกเบี้ยในช่วงไตรมาส 3-4 ปี 2558 ส่งผลค่าเงินดอลลาร์แข็งค่า บวกกับต้นทุนการผลิตที่ลดลงตามราคาน้ำมันในตลาดโลกที่คาดว่าจะอยู่ที่ราว 50-60 ดอลลาร์/บาร์เรล พร้อมแนะกลยุทธ์ลงทุนทองคำ “ซื้อเก็งกำไร” ตามกรอบทางเทคนิค

 

นายโสฬส สาครวิศว กรรมการผู้จัดการ บริษัท โกลเบล็ก โฮลดิ้ง แมนเนจเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GBX ประเมินทิศทางการเคลื่อนไหวของราคาทองคำปี 2558 ว่า การเคลื่อนไหวของราคาทองคำยังคงอยู่ในกรอบ 1,050-1,300 เหรียญต่อทรอยออนซ์ เนื่องจากได้รับแรงกดดันจากความกังวลธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในไตรมาส3-4 ปี 2558 ซึ่งจะส่งผลให้เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นกดดันต่อราคาทองคำ

 

สำหรับกรอบการแกว่งตัวของราคาทองที่ 1,050-1,300 เหรียญต่อทรอยออนซ์ นั้น ถือว่าสะท้อนต้นทุนการผลิตทองคำที่สภาทองคำโลกและเหมือง Primero ได้แจ้งไว้เมื่อต้นปี 2557 ขณะที่เศรษฐกิจโลกยังมีแนวโน้มชะลอตัว โดยไอเอ็มเอฟได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปี 2557 สู่ระดับ 3.3% จากเดิม 3.4% และปี 2558 สู่ระดับ 3.8% จากเดิม 4% เนื่องจากความอ่อนแอในยูโรโซน การชะลอตัวในตลาดเกิดใหม่หลักๆ และอัตราเงินเฟ้อของประเทศต่างๆ ทั่วโลกทั้งสหรัฐ จีน และประเทศในแถบยูโรโซนที่อยู่ในระดับต่ำ ประกอบกับทองคำมีผลตอบแทนจากการลงทุนลดลงเมื่อเทียบกับสินทรัพย์ประเภทอื่นๆ ทำให้ทองคำได้รับความน่าสนใจในการลงทุนลดลง

 

อย่างไรก็ตาม แนวโน้มความต้องการซื้อทองคำเพื่อสวมใส่ปี 2558 กลับเพิ่มขึ้น จากอัตราการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจอินเดียประมาณ 6.4% ซึ่งประเทศอินเดียเป็นประเทศที่นำเข้าทองคำสำหรับเป็นเครื่องประดับมากเป็นอันดับต้นๆของโลก ใกล้เคียงกับประเทศจีน หากเศรษฐกิจอินเดียสามารถเติบโตได้ตามที่คาดการณ์

 

ทั้งนี้ต้องจับตาดูเศรษฐกิจจีนที่คาดว่าจะขยายตัว 7.2% ในปี 2558 ซึ่งจะชะลอลงจาก 7.4% ในปี2557 ทำให้ความต้องการทองคำของจีนคาดจะทรงตัว แต่เมื่อพิจารณาความต้องการทองคำรวมทั้งตลาดจีน และอินเดียแล้วความต้องการรวมอยู่ระดับ 1,500 ตันต่อปีซึ่งถือเป็น 68% ของความต้องการเครื่องประดับของโลก

 

กรรมการผู้จัดการ บริษัท โกลเบล็ก โฮลดิ้ง แมนเนจเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GBX กล่าวเพิ่มว่า ในปี 2558 ต้นทุนการผลิตทองคำมีแนวโน้มลดลงตามราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มทรงตัวระดับ 50-60 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากคาดว่าทางโอเปคจะมีการประชุมเพื่อลดกำลังการผลิตให้สอดคล้องกับความต้องการใช้น้ำมันโลก ตามภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว แม้ว่าราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงในปัจจุบัน เป็นเพียงเกมการเมืองเพื่อคว่ำบาตรประเทศรัสเซียเท่านั้น แต่ก็เป็นปัจจัยระยะสั้น ทำให้ราคาน้ำมันซึ่งเป็นต้นทุนการผลิตทองคำปรับตัวลดลงจากปี 2557 และยังมีผลให้อัตราเงินเฟ้อลดลง ทำให้ทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงจากภาวะเงินเฟ้อมีความน่าสนใจลดลงเช่นกัน

 

นอกจากนี้การสำรองทองคำของธนาคารกลางต่างๆในปี 2558 คาดว่าจะไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก เพราะประเทศต่างๆ ได้มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ ออกมามากมาย ทำให้เศรษฐกิจโลกมีโอกาสฟื้นตัว โดยเฉพาะประเทศสหรัฐอเมริกาที่มีแนวโน้มฟื้นตัวมากที่สุด จึงทำให้ธนาคารกลางต่างๆไม่มีความจำเป็นในการถือทองคำในบทบาทสินทรัพย์เพื่อความปลอดภัยมากนัก ธนาคารกลางต่างๆจึงมีแนวโน้มถือทองคำเป็นเงินสำรองลดลง

 

ส่วนอัตราแลกเปลี่ยนของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ มองว่า ค่าเงินสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐมีโอกาสแข็งค่าขึ้น หากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในไตรมาสที่ 3 เมื่อพิจารณาแล้วว่า ตัวเลขเศรษฐกิจที่ดีขึ้น จึงทำให้ราคาทองคำอาจถูกกดดันให้ปรับตัวลงทดสอบจุดต่ำสุดที่คาดไว้ที่ 1,050 เหรียญต่อทรอยออนซ์ได้

 

ดังนั้นโกลเบล็ก โฮลดิ้งฯ แนะนำกลยุทธ์การลงทุนทองคำในปี 2558 ว่า หาจังหวะเข้า “ซื้อเพื่อเก็งกำไร” โดยให้แนวรับสำคัญ 1,050 เหรียญต่อทรอยออนซ์ ถือเป็นแนวรับระดับต่ำกว่าต้นทุนการผลิตของเหมืองทองคำ โดยอาจปรับตัวลงในไตรมาสที่ 3 หากมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ โดยในระหว่างปีมองกรอบราคาทองคำเคลื่อนไหวในกรอบ 1,050 – 1,300 เหรียญต่อทรอยออนซ์ โดยมีจุดขายทำกำไรเมื่อปรับตัวขึ้นทดสอบจุดสูงสุดที่คาดไว้ที่ 1,300 เหรียญต่อทรอยออนซ์

 

ที่มา : ThaiPR.net (วันที่ 24 ธันวาคม 2557)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

นายโสฬส สาครวิศว กรรมการผู้จัดการ บริษัท โกลเบล็ก โฮลดิ้ง แมนเนจเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GBX ประเมินทิศทางการเคลื่อนไหวของราคาทองคำปี 2558 ว่า การเคลื่อนไหวของราคาทองคำยังคงอยู่ในกรอบ 1,050-1,300 เหรียญต่อทรอยออนซ์ เนื่องจากได้รับแรงกดดันจากความกังวลธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในไตรมาส 3-4 ปี 2558 ซึ่งจะส่งผลให้เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นกดดันต่อราคาทองคำ

 

อย่างไรก็ตาม แนวโน้มความต้องการซื้อทองคำเพื่อสวมใส่ปี 2558 กลับเพิ่มขึ้น จากอัตราการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจอินเดียประมาณ 6.4% ซึ่งประเทศอินเดียเป็นประเทศที่นำเข้าทองคำสำหรับเป็นเครื่องประดับมากเป็นอันดับต้นๆ ของโลก ใกล้เคียงกับประเทศจีน หากเศรษฐกิจอินเดียสามารถเติบโตได้ตามที่คาดการณ์

 

ทั้งนี้ ต้องจับตาดูเศรษฐกิจจีนที่คาดว่าจะขยายตัว 7.2% ในปี 2558 ซึ่งจะชะลอลงจาก 7.4% ในปี 2557 ทำให้ความต้องการทองคำของจีนคาดจะทรงตัว แต่เมื่อพิจารณาความต้องการทองคำรวมทั้งตลาดจีน และอินเดียแล้วความต้องการรวมอยู่ระดับ 1,500 ตันต่อปี ซึ่งถือเป็น 68% ของความต้องการเครื่องประดับของโลก

 

ปี 2558 ต้นทุนการผลิตทองคำมีแนวโน้มลดลงตามราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มทรงตัวระดับ 50-60 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากคาดว่าทางโอเปกจะมีการประชุมเพื่อลดกำลังการผลิตให้สอดคล้องกับความต้องการใช้น้ำมันโลก ตามภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว แม้ว่าราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงในปัจจุบัน เป็นเพียงเกมการเมืองเพื่อคว่ำบาตรประเทศรัสเซียเท่านั้น แต่ก็เป็นปัจจัยระยะสั้น ทำให้ราคาน้ำมันซึ่งเป็นต้นทุนการผลิตทองคำปรับตัวลดลงจากปี 2557 และยังมีผลให้อัตราเงินเฟ้อลดลง ทำให้ทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงจากภาวะเงินเฟ้อมีความน่าสนใจลดลงเช่นกัน

 

นอกจากนี้ การสำรองทองคำของธนาคารกลางต่างๆ ในปี 2558 คาดว่าจะไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก เพราะประเทศต่างๆ ได้มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ ออกมามากมาย ทำให้เศรษฐกิจโลกมีโอกาสฟื้นตัว โดยเฉพาะประเทศสหรัฐอเมริกาที่มีแนวโน้มฟื้นตัวมากที่สุด จึงทำให้ธนาคารกลางต่างๆ ไม่มีความจำเป็นในการถือทองคำในบทบาทสินทรัพย์เพื่อความปลอดภัยมากนัก ธนาคารกลางต่างๆ จึงมีแนวโน้มถือทองคำเป็นเงินสำรองลดลง

 

ส่วนอัตราแลกเปลี่ยนของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ มองว่าค่าเงินสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐมีโอกาสแข็งค่าขึ้น หากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในไตรมาสที่ 3 เมื่อพิจารณาแล้วว่า ตัวเลขเศรษฐกิจที่ดีขึ้น จึงทำให้ราคาทองคำอาจถูกกดดันให้ปรับตัวลงทดสอบจุดต่ำสุดที่คาดไว้ที่ 1,050 เหรียญต่อทรอยออนซ์ได้

 

ดังนั้น โกลเบล็ก โฮลดิ้งฯ แนะนำกลยุทธ์การลงทุนทองคำในปี 2558 ว่า หาจังหวะเข้า “ซื้อเพื่อเก็งกำไร” โดยให้แนวรับสำคัญ 1,050 เหรียญต่อทรอยออนซ์ ถือเป็นแนวรับระดับต่ำกว่าต้นทุนการผลิตของเหมืองทองคำ โดยอาจปรับตัวลงในไตรมาสที่ 3 หากมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ โดยในระหว่างปีมองกรอบราคาทองคำเคลื่อนไหวในกรอบ 1,050-1,300 เหรียญต่อทรอยออนซ์ โดยมีจุดขายทำกำไรเมื่อปรับตัวขึ้นทดสอบจุดสูงสุดที่คาดไว้ที่ 1,300 เหรียญต่อทรอยออนซ์

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์แนวหน้า (วันที่ 25 ธันวาคม 2557)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

นักบริหารเงิน เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 32.88/89 บาท/ดอลลาร์ ทรงตัวจากช่วงปิดตลาดเย็นวานนี้ ก่อนจะขยับอ่อนค่าเล็กน้อยมาอยู่ที่ 32.90/91 บาท/ดอลลาร์ เมื่อเวลา 08.40 น.

 

"ตลาดค่อนข้างบาง เพราะตลาดต่างประเทศปิดทำการกันหมด คงต้องดูว่ามี flow หรือไม่"" นักบริหารเงิน กล่าว

 

นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 32.85-32.95 บาท/ดอลลาร์เช่นเดิม

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (24 ธ.ค.) เนื่องจากข้อมูลที่บ่งชี้ถึงความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐ ซึ่งรวมถึงจำนวนคนว่างงานที่ปรับตัวลดลงในสัปดาห์ที่แล้ว ได้กดดันให้นักลงทุนเทขายสัญญาทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย

 

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.ร่วงลง 4.5 ดอลลาร์ หรือ 0.38% ปิดที่ระดับ 1,173.50 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค.ลดลง 5.7 เซนต์ ปิดที่ 15.71 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค.ลดลง 60 เซนต์ ปิดที่ 1,191.1 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค.ลดลง 6.25 ดอลลาร์ ปิดที่ 807.80 ดอลลาร์/ออนซ์

 

นักลงทุนมองว่าเศรษฐกิจสหรัฐส่งสัญญาณฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงได้ลดการถือครองสัญญาทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย โดยสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุดวันที่ 20 ธ.ค. ปรับตัวลดลง 9,000 ราย แตะที่ 280,000 ราย ขณะที่จีดีพีไตรมาส 3/2557 ขยายตัว 5% ซึ่งเป็นการปรับทบทวนขึ้นจากตัวเลขประมาณการครั้งก่อนที่ระดับ 3.9% และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 4.3%

 

นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ข้อมูลที่บ่งชี้ถึงความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐนั้น อาจทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในไม่ช้านี้ ซึ่งการคาดการณ์ดังกล่าวได้สร้างแรงกดดันต่อตลาดทองคำด้วย

 

นอกจากนี้ สัญญาทองคำยังได้รับปัจจัยลบจากราคาน้ำมันดิบที่ร่วงลง หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้นสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันที่ 25 ธันวาคม 2557)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ข่าววิ่ง - ข่าววิ่ง(ไทย)

ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักส่วนใหญ่เมื่อคืนนี้ (24 ธ.ค.) หลังจากทะยานขึ้นอย่างมากเมื่อวานนี้จากข้อมูลที่แสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจของสหรัฐในช่วงไตรมาส 3 ปีนี้มีการขยายตัวมากกว่าที่คาดการณ์ไว้

 

ค่าเงินยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.2200 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.2178 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์เพิ่มขึ้นที่ 1.5557 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5519 ดอลลาร์

 

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับลงเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 120.46 เยน เทียบกับระดับ 120.73 เยน และลดลงเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9856 ฟรังค์ จาก 0.9874 ฟรังค์

 

ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.8109 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.8097 ดอลลาร์

 

ดอลลาร์สหรัฐปรับฐานลง หลังจากดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นมาตรวัดสกุลเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับ 6 สกุลเงินหลักนั้น ได้พุ่งขึ้นแตะ 90.093 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับแต่เดือนเม.ย.2549 เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา เนื่องจากมีรายงานว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของสหรัฐในช่วงไตรมาส 3 ปีนี้ ขยายตัว 5.0% ซึ่งเป็นอัตราที่แข็งแกร่งสุดในรอบกว่าทศวรรษ

 

บรรดานักวิเคราะห์กล่าวว่า ดอลลาร์ได้ลดช่วงบวกลงเมื่อคืนนี้ ท่ามกลางมุมมองที่ว่าการทะยานขึ้นเมื่อเร็วๆนี้เป็นการปรับตัวที่รวดเร็วเกินไป ขณะที่ก่อนหน้านี้ แนวโน้มขาขึ้นของเศรษฐกิจสหรัฐได้หนุนกระแสคาดการณ์ของนักลงทุนที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงกลางปีหน้า

 

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุดวันที่ 20 ธ.ค. ปรับตัวลดลง 9,000 ราย แตะที่ 280,000 ราย นับเป็นสัญญาณล่าสุดที่บ่งชี้ว่าตลาดแรงงานยังคงปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง

 

จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานในสัปดาห์ที่แล้วลดลงสวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นแตะ 290,000 ราย และนับเป็นสัปดาห์ที่ 4 ติดต่อกันที่จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกอยู่ต่ำกว่าระดับ 300,000 ราย

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันที่ 25 ธันวาคม 2557)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ว่าแล้ว ประกาศราคาขาย 18,350 บาท แล้วทำไมจะต้องไปซื้อ แต่ทองรูปพรรณคงขายดี

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

*บาท/ดอลลาร์เช้านี้ยังทรงตัว ด้วยภาวะการซื้อขายที่เบางบางหลังจาก

นักลงทุนส่วนใหญ่ หยุดการทำธุรกรรมช่วงปลายปีแล้ว

*ดีลเลอร์คาดว่า เงินบาทวันนี้จะแกว่งตัวในกรอบที่แคบมาก โดยให้

แนวต้านที่ 32.87 และ แนวรับที่ 32.93

*ดอลลาร์/เยนขยับขึ้นในวันนี้ โดยได้รับแรงหนุนจากคำสั่งซื้อเก็งกำไร

หลังดอลลาร์ร่วงลงในวันพุธและพฤหัสบดีที่ผ่านมา

*ยูโรขยับลงเล็กน้อย โดยเข้าใกล้จุดต่ำสุดรอบ 28 เดือนที่ 1.2165

ดอลลาร์ ซึ่งทำไว้ในวันอังคาร

*ปริมาณการซื้อขายจะยังคงอยู่ในระดับเบาบางในวันนี้ เนื่องจากตลาด

ออสเตรเลีย,ฮ่องกง, สิงคโปร์ และอังกฤษจะยังคงปิดทำการในวันนี้

*รัสเซียประกาศเมื่อวานนี้ว่า วิกฤติสกุลเงินรูเบิลสิ้นสุดลงแล้ว ถึงแม้ว่า

ทุนสำรองของรัสเซียดิ่งลง และเงินเฟ้อพุ่งสู่ระดับสูงกว่า 10%

*วานนี้ นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทย 322.31 ล้านบาท

และ ซื้อสุทธิในตราสารหนี้ 487.86 ล้านบาท

*09.01 น.บาท/ดอลลาร์ อยู่ที่ 32.875/915 จาก 32.88/91 เมื่อวาน

ขณะที่ใน offshore อยู่ที่ 32.86/88 จาก 32.81/83 เมื่อวาน

*บาท/ยูโร อยู่ที่ 40.14/25 จาก 40.083/178 เมื่อวาน

*เยน/ดอลลาร์ อยู่ที่ 120.24/26 จาก 120.08 เมื่อวาน

*ยูโร/ดอลลาร์ อยู่ที่ 1.2218/19 จาก 1.2221 เมื่อวาน

 

"ตลาดเงียบถึงเงียบมาก ก็คงต้องรอหลังปีใหม่ค่อยมาดูกันอีกที วันนี้ก็คงจะ

ไม่ได้ทำอะไรกัน แต่อาจจะมีเห็นวิ่งได้มากหน่อยวันที่ 30 วันสุดท้ายของปี ใครที่ยัง

เหลือต้องทำอะไรจริงๆ ก็อาจจะเข้ามาวันนั้นบ้าง" ดีลเลอร์ กล่าว

 

ที่มา: ทันหุ้น(26/12/2557)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

นักบริหารเงิน เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 32.88/89 บาท/ดอลลาร์ จากช่วงเย็นวานนี้ปิดตลาดที่ระดับ 32.88/90 บาท/ดอลลาร์

 

วันนี้คาดว่าเงินบาทยังคงแกว่งอยู่ในกรอบแคบๆ เนื่องจากเป็นช่วงท้ายปี การทำธุรกรรมทางการเงินเริ่มเบาบางลง รวมทั้งวันนี้ตลาดเงิน ตลาดหุ้นในฝั่งยุโรป และสหรัฐอเมริกาต่างปิดทำการเนื่องในวันคริสต์มาส จึงเชื่อว่าวันนี้คงไม่มีปัจจัยที่จะส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของค่าเงินมากนัก

 

"เมื่อวานต่อเนื่องถึงวันนี้ตลาดหลายประเทศหยุดทำการเนื่องในวันคริสต์มาส คาดว่าวันนี้เงินบาทคงทรงตัว เคลื่อนไหวแค่ในกรอบแคบๆ" นักบริหารเงินระบุ

 

นักบริหารเงิน คาดว่า ต้นสัปดาห์หน้าเงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 32.88-32.92 บาท/ดอลลาร์

 

* ปัจจัยสำคัญ

 

- เปิดตลาดเช้านี้ เงินเยนอยู่ที่ระดับ 120.25 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเย็นวานนี้ที่ระดับ 120.11/14 เยน/ดอลลาร์

 

- ส่วนเงินยูโร เช้านี้อยู่ที่ระดับ 1.2218 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเย็นวานนี้ที่ระดับ 1.2220/2264 ดอลลาร์/ยูโร

 

- อัตราแลกเปลี่ยนบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 32.8960 บาท/ดอลลาร์

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ซาอุดิอาระเบีย ซึ่งเป็นผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่สุดของโลก ประกาศงบประมาณขาดดุลที่ระดับ 1.45 แสนล้านริยาล (3.86 หมื่นล้านดอลลาร์) ในปี 2558 เนื่องจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงอย่างมาก ในขณะที่ยังคงเพิ่มรายจ่ายของรัฐบาลอีก 0.6%

 

กระทรวงการคลังเปิด เผยว่า รายจ่ายของรัฐบาลสำหรับปีงบประมาณ 2558 ถูกตั้งไว้ที่ 8.60 แสนล้านริยาล (2.29 แสนล้านดอลลาร์) ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 8.55 แสนล้านริยาลในปีนี้ ขณะที่ตั้งรายได้ไว้ที่ 7.15 แสนล้านริยาล (1.91 แสนล้านดอลลาร์) ซึ่งต่ำกว่าปี 2557 ถึง 1.40 แสนล้านริยาล

 

การตั้งงบประมาณขาดดุลดังกล่าวถือเป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปี และเป็นการตั้งงบประมาณขาดดุลสูงสุดเป็นประวัติการณ์สำหรับซาอุดิอาระเบีย

 

ซาอุดิอาระเบียได้รับผลกระทบอย่างหนักจากราคาน้ำมันที่ร่วงลง เนื่องจากน้ำมันเป็นแหล่งรายได้หลักของประเทศ โดยคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 90% ของรายได้รัฐบาล

 

อย่างไรก็ดี นายอิบราฮิม อัล-อัสซาฟ รมว.คลังซาอุฯ กล่าวว่า รัฐบาลจะยังคงเดินหน้าใช้จ่ายต่อไป แม้รายได้จากน้ำมันหดหาย และสภาวะเศรษฐกิจโลกท้าทาย โดยจะอาศัยทุนสำรองเงินตราต่างประเทศที่สะสมมานานหลายปี

 

ที่มา สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันที่ 25 ธันวาคม 2557)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ดอลลาร์/เยนขยับขึ้นในวันนี้โดยได้รับแรงหนุนจากคำสั่งช้อนซื้อเก็งกำไรในปริมาณเบาบาง หลังจากดอลลาร์ร่วงลงในวันพุธและพฤหัสบดีที่ผ่านมา

ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น 0.2 % สู่ 120.35 เยนในวันนี้ และเข้าใกล้จุดสูงสุดของสัปดาห์นี้ที่ 120.80 เยนที่ทำไว้ในวันอังคาร ทั้งนี้ ถ้าหากดอลลาร์สามารถทะยานขึ้นเหนือระดับดังกล่าว ดอลลาร์ก็มีโอกาสพุ่งขึ้นแตะจุดสูงสุดรอบ 7ปีครึ่ง ที่ 121.86 เยน ซึ่งเป็นระดับที่ทำไว้ในวันที่ 8 ธ.ค.

ยูโรขยับลง 0.1 % สู่ 1.2209 ดอลลาร์ในวันนี้ โดยเข้าใกล้จุดต่ำสุดรอบ 28 เดือนที่ 1.2165 ดอลลาร์ที่ทำไว้ในวันอังคาร ปริมาณการซื้อขายจะยังคงอยู่ในระดับเบาบางในวันนี้ เนื่องจากตลาดออสเตรเลีย, ฮ่องกง, สิงคโปร์ และอังกฤษจะยังคงปิดทำการในวันนี้

นายจุนอิชิ อิชิกาวะ นักวิเคราะห์ตลาดของบล.ไอจีกล่าวว่า "การที่ดอลลาร์ร่วงลงไม่มากนักในระยะนี้แสดงให้เห็นว่า นักลงทุนยังคงต้องการซื้อสินทรัพย์เสี่ยงต่อไป และเรายังคงคาดการณ์ตามเดิมว่า เยนจะร่วงลงต่อไป ในขณะที่ปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจของสหรัฐทวีความเร็วในการฟื้นตัว"

ตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาในวันนี้ตอกย้ำให้เห็นถึงปัญหาที่ธนาคารกลางญี่ปุ่น(บีโอเจ) กำลังเผชิญอยู่ โดยดัชนีราคาผู้บริโภค(CPI) พื้นฐานของญี่ปุ่นอยู่ที่ระดับเพียง 2.7%ต่อปีในเดือนพ.ย. โดยลดลงจาก 2.9% ในเดือน ต.ค. ขณะที่ราคาน้ำมันดิบดิ่งลงในระยะนี้

 

ที่มา: ทันหุ้น(26/12/2557)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...