ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
tt2518

ขอเดา(ราคาทอง)กับเขาบ้าง

โพสต์แนะนำ

        ดัชนี FTSE 100 ที่ตลาดหุ้นอังกฤษปิดร่วงลงท่ามกลางปริมาณการซื้อขาย ที่เบาบางมากในวันจันทร์ หลังจากรัฐบาลอังกฤษประเมินว่า ภาคธนาคารอาจต้องใช้ ต้นทุนราว 8 พันล้านปอนด์ในการปฏิรูประบบธนาคารอังกฤษ

        ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ปิดอ่อนลง 22.35 จุด หรือ 0.41 % สู่ 5,364.99  หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 5,343.08-5,410.06 โดยมีวอลุ่มการซื้อขายอยู่ที่ระดับ เพียง 67 % ของค่าเฉลี่ย 90 วัน

        หุ้นกลุ่มธนาคารปิดตลาดดิ่งลง 1.26 % ในขณะที่รัฐบาลอังกฤษสนับสนุน ข้อเสนอในการบังคับให้ธนาคารจัดตั้งมาตรการคุ้มครองธุรกิจธนาคารสำหรับลูกค้า รายย่อยไม่ให้ได้รับความเสียหายจากแผนกวาณิชธนกิจที่มีความเสี่ยงสูง

        ต้นทุนในการปฏิรูปนี้จะส่งผลลบต่อปริมาณการปล่อยสินเชื่อของธนาคาร และ อาจส่งผลลบต่อลูกค้าที่ขาดแคลนเงินสด และต่อผู้ค้าปลีกด้วย

        หุ้นโอคาโดซึ่งเป็นผู้ค้าปลีกออนไลน์ดิ่งลง 16.9 % หลังจากโอคาโดออกประกาศ เตือนเรื่องผลกำไร         บริษัทเทสโก้และเคซ่าในกลุ่มค้าปลีกออกรายงานความคืบหน้าทางธุรกิจที่ น่าผิดหวังในระยะนี้ ก่อนที่จะถึงช่วงคริสต์มาสซึ่งเป็นช่วงสำคัญสำหรับการค้าปลีก  อย่างไรก็ดี หุ้นเทสโก้ปิดบวกขึ้น 0.25 %

        หุ้น HMV ซึ่งเป็นผู้ค้าปลีกสินค้าบันเทิงดิ่งลง 27.7 % หลังจาก HMV ประกาศ เตือนว่า HMV อาจต้องปิดกิจการ โดยเป็นผลจากการลดลงของปริมาณการจับจ่ายใช้สอย ของผู้บริโภค ซึ่งเร่งให้ตลาดซีดีและดีวีดีตกต่ำลงอย่างรุนแรงยิ่งขึ้น

        แนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่ซบเซาส่งผลลบต่อสินทรัพย์เสี่ยงอย่างเช่นหุ้นกลุ่ม เหมืองแร่และน้ำมัน โดยดัชนีหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ดิ่งลง 1.31 % ส่วนดัชนีหุ้นกลุ่ม น้ำมันและก๊าซร่วงลง 0.98 %

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

        ตลาดหุ้นยุโรปปิดขยับขึ้นท่ามกลางปริมาณการซื้อขายที่เบาบางในวันจันทร์  อย่างไรก็ดี นักยุทธศาสตร์การลงทุนกล่าวว่า ความกังวลเรื่องวิกฤติหนี้ยูโรโซนจะ จำกัดช่วงขาขึ้นในระยะสั้น

        ดัชนี DAX ของตลาดหุ้นเยอรมนีปิดร่วงลง 31.07 จุด หรือ 0.54 % สู่  5,670.71 หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 5,644.19-5,775.24

        ดัชนี CAC-40 ของตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดขยับขึ้น 1.90 จุด หรือ 0.06 % สู่  2,974.20 หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 2,941.40-3,009.99

        ดัชนี FTSEurofirst 300 ของหุ้นกลุ่มบลูชิพทั่วยุโรปปิดบวกขึ้น 0.59 จุด  หรือ 0.06 % สู่ 957.45 หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 949.99-966.10

        วอลุ่มการซื้อขายอยู่ในระดับต่ำมาก โดยอยู่ที่ระดับเพียง 62.4 % ของ ค่าเฉลี่ย 90 วัน

        หลังจากดัชนีตลาดหุ้นยุโรปปิดตลาดในแดนลบติดต่อกัน 3 วันในวันที่ 6-8  ธ.ค. ดัชนีก็ปิดตลาดในแดนลบและแดนบวกสลับกันในช่วง 7 วันทำการต่อมา

        รัฐมนตรีคลังยุโรปหารือกันเรื่องวิธีการปรับเพิ่มขนาดทุนทรัพย์ของกองทุน การเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เพื่อใช้ในการแก้ไขวิกฤติหนี้ยูโรโซนในวันจันทร์  รวมทั้งประเมินแผนการในการคุมเข้มกฎเกณฑ์ทางการคลังในยูโรโซนด้วย

        นายเอียน คิง หัวหน้าฝ่ายหุ้นระหว่างประเทศของบริษัทลีกัล แอนด์ เจเนอรัล กล่าวว่า เขาหลีกเลี่ยงหุ้นกลุ่มวัฏจักรเศรษฐกิจในช่วงนี้ และชื่นชอบหุ้นกลุ่ม การแพทย์ซึ่งมีมูลค่าต่ำและให้อัตราผลตอบแทนที่ดี

        ดัชนี STOXX Europe 600 สำหรับหุ้นกลุ่มการแพทย์ปรับขึ้น 0.8 % ส่วน ดัชนี STOXX Europe 600 สำหรับหุ้นกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม ซึ่งถือเป็นหุ้นกลุ่ม ปลอดภัย พุ่งขึ้น 1.6 %

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

          ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวเปิดตลาดบวก 21.91 จุด แตะที่ 8,318.03 จุดในวันนี้ (20 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเข้ามาช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากนิกเกอิปิดที่ระดับต่ำกว่า 8,300 จุดเมื่อวานนี้

          สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า การที่ดัชนีนิกเกอิดิ่งลงไปต่ำกว่าระดับ 8,300 จุดเมื่อวานนี้ได้กระตุ้นให้นักลงทุนเข้ามาช้อนซื้ออย่างคักคักในช่วงเช้าวันนี้ อย่าไรก็ตาม ดัชนีดีดตัวขึ้นในกรอบที่จำกัดเนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มของปัญหาหนี้ยุโรป หลังจากนายมาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ยืนยันว่า อีซีบีจะไม่ซื้อพันธบัตรเพิ่มเติม ซึ่งข่าวดังกล่าวได้ดับความคาดหวังของนักลงทุนที่ว่าอีซีบีจะขยายโครงการซื้อพันธบัตร

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

          ที่ประชุมรมว.คลังยูโรโซนมีมติจัดหาเงินกู้มูลค่า 1.50 แสนล้านยูโร (หรือประมาณ 1.95 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) ให้กับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ(ไอเอ็มเอฟ) เพื่อเพิ่มศักยภาพให้กับไอเอ็มเอฟในการแก้ปัญหาหนี้สาธารณะในยุโรป ตามมติของที่ประชุมสุดยอดผู้นำสหภาพยุโรป(อียู) ซึ่งมีขึ้นเมื่อวันที่ 9 ธ.ค.ที่ผ่านมา

          อย่างไรก็ตาม อังกฤษยังคงยืนยันว่าจะไม่เข้าร่วมแผนการอัดฉีดเงินทุนเพิ่มเติมให้กับไอเอ็มเอฟ หลังจากที่อังกฤษเคยปฏิเสธที่จะสนับสนุน "บทบัญญัติทางการคลัง" (fiscal compact) ที่พุ่งเป้าไปที่การควบคุมวินัยด้านการคลังของประเทศอียู เพราะอังกฤษต้องการปกป้องภาคการเงินในประเทศของตนเอง

          แถลงการณ์ของที่ประชุมรมว.คลังยูโรโซนระบุว่า 4 ประเทศนอกกลุ่มยูโรโซนได้แสดงความตั้งใจที่จะสมทบเงินเข้าไอเอ็มเอฟ ซึ่ได้แก่ สาธารณะรัฐเชค, เดนมาร์ก, โปแลนด์ และสวีเดน ส่วนบางประเทศของยูโรโซนให้คำมั่นสัญญาว่าจะเสนอแผนการดังกล่าวต่อรัฐสภาเพื่อขอการอนุมัติในขั้นตอนต่อไป สำนักข่าวซินหัวรายงาน

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

          สมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติของสหรัฐ (NAHB) เปิดเผยว่า ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยประจำเดือนธ.ค.ปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 21 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 1 ปีครึ่งจาก ระดับ 19 ในเดือนพ.ย. และมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ที่ 20 จุด

          การเพิ่มขึ้นของดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยของสหรัฐมีความสอดคล้องกับรายงานของสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติซึ่งมีการเปิดเผยก่อนหน้านี้ว่า ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) ประจำเดือนต.ค. พุ่งขึ้น 10.4% สู่ระดับ 93.3 จุด จากระดับ 84.5 จุดของเดือนก.ย. ซึ่งเป็นสถิติการปรับตัวเพิ่มขึ้นรายเดือนที่แข็งแกร่งที่สุดในรอบ 1 ปี และมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 1.5%

          ทางการสหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับภาคอสังหาริมทรัพย์ในสัปดาห์นี้ โดยในวันพุธ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนพ.ย. และสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติจะรายงานยอดขายบ้านมือสองเดือนพ.ย. ส่วนในวันศุกร์กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยยอดขายบ้านใหม่เดือนพ.ย.

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

          นักบริหารเงินจากธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้ที่ระดับ 31.27/29 บาท/ดอลลาร์ ขยับแข็งค่าเล็กน้อยจากช่วงปิดตลาดเย็นวานนี้ที่ระดับ 31.29/31 บาท/ดอลลาร์ โดยเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกันกับค่าเงินในภูมิภาค แต่สวนทางกับเงินยูโรที่ปรับตัวอ่อนค่า

          "แกว่งตัวในกรอบแคบๆ ทิศทางยังไม่ชัดเจน ไม่น่าจะมีวอลุ่มมาก" นักบริหารเงิน กล่าว

          ตลาดยังรอดูปัจจัยใหม่ที่มาส่งผลกระทบ โดยเฉพาะแนวทางการแก้ปัญหาหนี้สาธารณะของยุโรป ขณะที่การลงทุนมีไม่มากนักเนื่องจากเป็นช่วงใกล้เทศกาลปีใหม่

          สำหรับความเคลื่อนไหวของค่าเงินสกุลหลักต่างประเทศ เงินเยนอยู่ที่ระดับ 78.03/08 เยน/ดอลลาร์ ปรับตัวอ่อนค่าจากระดับ 77.87/91 เยน/ดอลลาร์ ส่วนเงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.2996/3000 ดอลลาร์/ยูโร ปรับตัวอ่อนค่าจากระดับ 1.3030/3032 ดอลลาร์/ยูโร

          นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ โดยมองกรอบไว้ระหว่าง 31.25-31.35 บาท/ดอลลาร์

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

        ราคาสัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบของสหรัฐปรับขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงเช้าวันนี้ ที่ตลาดเอเชีย เนื่องจากมีความเสี่ยงที่การส่งออกน้ำมันจากคาซัคสถานอาจหยุดชะงัก  ในขณะที่คนงานน้ำมันคาซัคสถานชุมนุมประท้วงเป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน

        อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันปรับขึ้นเพียงในวงจำกัด ในขณะที่นักลงทุนยังคง กังวลกับวิกฤติหนี้ยูโรโซน และความไม่แน่นอนหลังการถึงแก่อสัญกรรมของนายคิม  จอง-อิล ผู้นำเกาหลีเหนือ

        ณ เวลา 08.36 น.ตามเวลาไทย ราคาน้ำมันดิบสหรัฐปรับขึ้น 49 เซนต์  สู่ 94.37 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากปิดตลาดวานนี้บวกขึ้น 35 เซนต์ สู่ 93.88  ดอลลาร์/บาร์เรล

        ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.พ.ที่ตลาดกรุงลอนดอนบวก 41 เซนต์ หรือ 0.40% สู่ระดับ 104.05 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังปิดตลาดวานนี้บวก 29 เซนต์ หรือ  0.23% สู่ 103.64 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

         สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) จะ เปิดเผยตัวเลข สต็อกน้ำมันประจำสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 16 ธ.ค.ในวันพรุ่งนี้ โดย โพลล์รอยเตอร์คาดว่า สต็อกน้ำมันดิบอาจลดลง 2.4 ล้านบาร์เรล, สต็อกน้ำมันกลั่น อาจลดลง 400,000 บาร์เรล, สต็อกน้ำมันเบนซินอาจเพิ่มขึ้น 1 ล้านบาร์เรล และ อัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันอาจเพิ่มขึ้น 0.1 %

        คนงานน้ำมันหลายร้อยคนชุมนุมประท้วงเป็นวันที่ 3 ติดต่อกันในคาซัคสถาน   หลังจากมีประชาชนอย่างน้อย 15 คนเสียชีวิตในเหตุจลาจลครั้งร้ายแรงที่สุดในรอบ หลายสิบปีในประเทศนี้ โดยการประท้วงนี้เกิดขึ้นหลังจากมีการไล่คนงานน้ำมันออกจาก งานในเมืองซาเนาเซนในภูมิภาคแมงกิสเตาของคาซัคสถาน

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สื่อและนักวิเคราะห์เกาหลีใต้ ชี้การตายคิมจองอิลอาจมีเงื่อนงำ

 

เว็บไซท์หนังสือพิมพ์จุงอัง อิลโบ ของเกาหลีใต้ รายงานแสดงความสงสัยต่อข่าวการถึงแก่อสัญกรรมของนายคิม จอง อิล ผู้นำเกาหลีเหนือ โดยระบุว่า สถานีโทรทัศน์ของเกาหลีเหนือได้รายงานว่า นายคิมถึงแก่อสัญกรรมด้วยการกล้ามเนื้อหัวใจตายจากโรคหัวใจขาดเลือด(cardiac infarction) หลังเกิดภาวะช็อคที่เกี่ยวข้องกับหัวใจ (cardiogenic shock) เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา โดยมีสาเหตุมาจากเกิดอาการเหนื่อยล้าทั้งกายและใจ และเขาสิ้นใจบนรถไฟขณะอยู่ระหว่างการเดินทางตรวจพื้นที่ชั้นนอก

แต่ข่าวการถึงแก่อสัญกรรมอย่างกระทันหันของนายคิม ได้เกิดขึ้นในช่วงที่เขาดูมีสุขภาพดีขึ้นที่เห็นได้จากภาพถ่ายและวิดีโอ ทำให้เกิดข้อสงสัยเกี่ยวกับสาเหตุที่แท้จริง ที่บางคนตั้งข้อสงสัยว่า อาจจะถูกลอบสังหารหรือไม่ก็อุบัติเหตุ โดยชี้ว่า เหมือนเหตุการณ์ซ้ำรอยเมื่อปี 2537 ที่ประธานาธิบดีคิม อิล ซุง บิดาของเขา ไม่ได้เสียชีวิตที่บ้านพักหรือที่ทำงาน

นักวิเคราะห์บางคน ลงความเห็นว่า ทั้งนายคิมและบิดาของเขา ถึงแก่อสัญกรรมในช่วงที่เกาหลีเหนือเผชิญแรงกดดันอย่างเข้มข้นจากโลกภายนอก เกี่ยวกับโครงการนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ธนาคารกลางสเปนเปิดเผยในวันนี้ว่า ธนาคารพาณิชย์ของสเปนมียอดหนี้เสียเพิ่มขึ้น และมียอดการปล่อยเงินกู้และยอดเงินฝากน้อยลงในเดือนต.ค. เพราะได้รับผลกระทบจากภาวะถดถอยในตลาดอสังหาริมทรัพย์และวิกฤตหนี้สาธารณะในยุโรป

 

รายงานของธนาคารกลางสเปนระบุว่า ธนาคารพาณิชย์ภายในประเทศมีอัตราส่วนหนี้เสียพุ่งขึ้นแตะระดับ 7.42% ของยอดการปล่อยกู้ในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 17 ปี จากระดับ 7.16% ในเดือนก.ย. และระดับ 5.68% ของปีที่แล้ว ขณะที่ยอดการผิดนัดชำระหนี้เงินกู้พุ่งขึ้นแตะระดับ 1.319 แสนล้านยูโร (1.719 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ)

 

นอกจากนี้ ยอดการปล่อยเงินกู้ของธนาคารพาณิชย์ของสเปนปรับตัวลดลง 2.5% จากปีที่แล้ว และยอดเงินฝากของธนาคารลดลง 2.2% สู่ระดับต่ำสุดในรอบ 3 ปี

 

การเพิ่มขึ้นของตัวเลขการผิดนัดชำระหนี้ และการปรับตัวลงของยอดการปล่อยเงินกู้และยอดเงินฝาก สะท้อนให้เห็นว่า ธนาคารพาณิชย์ของสเปนกำลังได้รับผลกระทบอย่างหนักจากภาวะตกต่ำของตลาดอสังหาริมทรัพย์ภายในประเทศ และวิกฤตหนี้ยุโรปที่ลุกลามเป็นวงกว้าง

 

นายมาเรียโน ราฮอย ว่าที่นายกรัฐมนตรีสเปนกล่าวว่า การปรับโครงสร้างรอบที่สองในภาคธนาคารของสเปนเป็นสถานการณ์ที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ซึ่งอาจจะรวมถึงการสนับสนุนให้ธนาคารควบรวมกิจการกันมากขึ้น

 

นอกจากนี้ นายราฮอยยังให้คำมั่นสัญญาว่าจะปฏิรูปภาคธนาคารที่กำลังแบกรับหนี้เสียจำนวนมากที่เกิดจากการปล่อยกู้ให้กับภาคอสังหาริมทรัพย์ การเพิ่มขึ้นของหนี้เสียทำให้ธนาคารต้องควบคุมการปล่อยเงินกู้ และจะฉุดรั้งการฟื้นตัวของเศรษฐิจภายในประเทศ ซึ่งในขณะนี้อัตราว่างงานของสเปนอยู่ในระดับสูงถึง 23% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในสหภาพยุโรป (อียู)

 

ราคาพันธบัตรของสเปนปรับตัวเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่ 7 และเป็นการปรับตัวขึ้นยาวนานที่สุดในรอบกว่าหนึ่งปี จากกระแสคาดการณ์ว่า ธนาคารต่างๆได้เข้าซื้อพันธบัตรเพื่อใช้เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันเมื่อธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) เริ่มโครงการจัดหาเงินกู้ระยะเวลา 3 ปีในวันพรุ่งนี้

 

ราคาพันธบัตรที่เพิ่มขึ้นส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 2 ปีของสเปนปรับตัวลดลง 0.18% มาอยู่ที่ระดับ 3.28% เมื่อเวลา 11.38 น.ตามเวลาลอนดอนในวันนี้

 

ขณะที่ราคาพันธบัตรอายุ 10 ปีของรัฐบาลฝรั่งเศสปรับตวลงเป็นครั้งแรกในรอบ 5 วัน ขณะที่รัฐบาลฝรั่งเศสเตรียมจำหน่ายตั๋วเงินคลัง หลังจากฟิทช์ได้ปรบลดแนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถือของฝรั่งเศส ซึ่งทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของฝรั่งเศสปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.09% แตะที่ 3.15% ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 2 ปีปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.10% แตะที่ 1.01%

 

ส่วนราคาพันธบัตรอายุ 2 ปีของเบลเยี่ยมปรับตัวลง หลังจากมูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของเบลเยียมลงมาอยู่ที่ระดับ Aa3 เมื่อวันที่ 16 ธ.ค.ที่ผ่านมา

 

ทั้งนี้ ฟิทช์ประกาศทบทวนแนวโน้มความน่าเช่อถือของเบลเยี่ยม สเปน สโลวาเนีย อิตาลี ไอร์แลนด์ และไซปรัส ลงสู่ "เชิงลบ" และระบุว่า ฝรั่งเศสมีความเสี่ยงที่จะได้รับผลกระทบจากวิกฤตหนี้มากกว่าประเทศอื่นๆในยูโรโซนที่มีอันดับความน่าเชื่อถือสูงสุดที่ AAA

 

อีซีบีประกาศใช้มาตรการต่างๆเพื่อให้ความช่วยเหลือภาคธนาคาร ซึ่งรวมถึงการจัดหาเงินกู้แบบไม่จำกัดจำนวนในระยะเวลา 3 ปีซึ่งจะเริ่มมีขึ้นในวันพรุ่งนี้ โดยนายมาริโอ ดรากิ ประธานอีซีบีกล่าวว่า การจะนำเงินกู้จากอีซีบีไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์ด่านใดบ้างนั้น จะขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของธนาคารพาณิชย์

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันที่ 20 ธันวาคม 2554)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (19 ธ.ค.) เนื่องจากข่าวการอสัญกรรมของนายคิม จอง อิล ผู้นำเกาหลีเหนือ ทำให้นักลงทุนแห่ถือครองสกุลเงินดอลลาร์ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย และเทขายสกุลเงินที่มีความเสี่ยงสูงกว่าเช่นสกุลเงินดอลลาร์ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ขณะที่สกุลเงินยูโรอ่อนตัวลงหลังจากนายมาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ย้ำว่า วิกฤตหนี้สาธารณะทำให้เศรษฐกิจยูโรโซนมีความเสี่ยงมากขึ้น

 

สกุลเงินยูโรร่วงลง 0.28% สู่ระดับ 1.2996 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันศุกร์ที่ 1.3033 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนตัวลง 0.15% แตะที่ 1.5496 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5519 ดอลลาร์สหรัฐ

 

สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น 0.31% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 78.010 เยน จากระดับของวันศุกร์ที่ 77.770 เยน และดีดตัวขึ้น 0.12% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9371 ฟรังค์ จากระดับ 0.9360 ฟรังค์

 

สกุลเงินดอลลาร์ออสเตรเลียร่วงลง 0.80% แตะระดับ 0.9888 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.9968 ดอลลาร์สหรัฐ และสกุลเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ดิ่งลง 0.80% แตะที่ 0.7544 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7605 ดอลลาร์สหรัฐ

 

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ เนื่องจากนักลงทุนมองว่าดอลลาร์เป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัยในช่วงที่เกิดความตึงเครียดด้านการเงินระหว่างประเทศ รวมถึงข่าวการอสัญกรรมของนายคิม จอง อิล ผู้นำเกาหลีเหนือ และรายงานจากหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลที่ระบุว่า 11 ชาติพันธมิตร ซึ่งรวมถึงสหรัฐ ยุโรป และประเทศอาหรับ จะประชุมร่วมกันที่กรุงโรมในวันนี้ เพื่อหารือกันเกี่ยวกับมาตรการคว่ำบาตรที่รุนแรงมากขึ้นต่ออิหร่าน

 

ค่าเงินยูโรอ่อนตัวลงหลังจากนายมาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) เตือนว่า วิกฤตหนี้สาธารณะจะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจยุโรป และจะสร้างความยากลำบากให้กับภาคธนาคารในปี 2555 นอจากนี้ นายดรากียังประกาศจุดยืนที่ชัดเจนว่า อีซีบีจะไม่ซื้อพันธบัตรเพิ่มเติม

 

สกุลเงินยูโรแทบจะไม่ได้แรงหนุนจากรายงานที่ว่า ที่ประชุมรมว.คลังยูโรโซนมีมติให้จัดหาเงินทุนมูลค่า 1.50 แสนล้านยูโรให้กับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เนื่องจากตัวเลขดังกล่าวต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 2 แสนล้านยูโร

 

นอกจากนี้ สกุลเงินยูโรยังคงได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้ยุโรป หลังจากฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศลดแนวโน้มอันดับเครดิตลงสู่ "เชิงลบ" จากเดิม "มีเสถียรภาพ" และเตือนว่าอาจจะลดอันดับเครดิตอีกหกประเทศในยูโรโซน ได้แก่ อิตาลี สเปน เบลเยียม ไอร์แลนด์ สโลวีเนีย และไซปรัส

 

นักลงทุนจับตาดูการประมาณการตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 3 ครั้งสุดท้ายของสหรัฐในวันพฤหัสบดีนี้เวลา 20.30 น.ตามเวลาไทย ซึ่งนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า จีดีพีไตรมาส 3 จะขยายตัว 2.0% ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงจากตัวเลขประมาณการครั้งก่อน

 

ส่วนในคืนนี้เวลา 20.30 น.ตามเวลาไทย กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านเดือนพ.ย. ซึ่งนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านจะอยู่ที่ 0.635 ล้านยูนิตในเดือนพ.ย.

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันที่ 20 ธันวาคม 2554)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

โวล์ฟกัง ชอยเบิล รมว.คลังเยอรมนี กล่าวว่า เขามองไม่เห็นโอกาสที่สหรัฐอเมริกาจะเพิ่มทุนให้กับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เนื่องจากถูกคัดค้านในสภาคองเกรส

 

"รัฐบาลสหรัฐไม่สามารถให้เงินกู้ทวิภาคีแก่ไอเอ็มเอฟโดยที่ไม่ได้รับการเห็นชอบจากรัฐสภา นั่นคือวิธีการของสหรัฐ ไม่มีโอกาสที่การจัดสรรเงินกู้จะเกิดขึ้นได้ และรัฐบาลสหรัฐก็ชี้แจงอย่างชัดเจนมาโดยตลอด" นายชอยเบิลกล่าวกับสถานีวิทยุดอยช์ลันด์เรดิโอของเยอรมนี

 

ผู้นำยูโรโซนเห็นพ้องกันว่าจะจัดสรรเงินกู้สูงสุด 1.5 แสนล้านยูโร (1.953 แสนล้านดอลลาร์) ให้กับไอเอ็มเอฟ เพื่อช่วยประเทศยูโรโซนที่ประสบภาวะหนี้สินให้สามารถผ่านพ้นวิกฤตไปได้ ขณะที่คาดว่า ประเทศนอกกลุ่มยูโรจะให้เงินกู้อีก 5 หมื่นล้านยูโร (6.51 หมื่นล้านดอลลาร์) โดยขณะนี้ ไอเอ็มเอฟกำลังเจรจากับประเทศสมาชิกเกี่ยวกับการจัดหาเงินกู้เพิ่มเติมให้กับไอเอ็มเอฟ

 

เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา รัฐบาลสหรัฐระบุว่า ไอเอ็มเอฟมีทุนทรัพย์มากมายสำหรับรับมือกับวิกฤตหนี้ยูโรโซน และผู้เสียภาษีของสหรัฐจะไม่สมทบทุนเพิ่มอีก

 

รมว.คลังเยอรมนีกล่าวว่า ธนาคารกลางเยอรมนีจะสมทบทุนให้กับไอเอ็มเอฟ หากเงินดังกล่าวหมุนเวียนในรูปแบบเงินกู้ทวิภาคีสู่บัญชีทั่วไปของไอเอ็มเอฟ แทนที่จะเป็นการสมทบทุนทางอ้อมให้กับกองทุนช่วยเหลือยูโรโซนผ่านทางไอเอ็มเอฟ

 

ทั้งนี้ รัฐมนตรีคลังของยูโรโซนจัดการประชุมเทเลคอนเฟอเรนซ์ในวันนี้ เพื่อหารือเรื่องขนาดเงินกู้รายประเทศ และประเด็นอื่นๆ สำนักข่าวซินหัวรายงาน

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันที่ 20 ธันวาคม 2554)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

นับตั้งแต่บริษัทยักษ์ใหญ่ "Lehman Brothers" ล้มลงเมื่อ 16 กันยายน ปี ค.ศ.2008 (พ.ศ.2551) ตามมาด้วยตลาดหุ้นวอลสตรีทปั่นป่วน เกิดวิกฤตการณ์ภาคการเงินในสหรัฐอเมริกา ทั้งยังเกิดวิกฤตการณ์หนี้สิน คนตกงานในยุโรปอย่างกว้างขวางนั้น นับเป็นขั้นตอนใหม่ทางประวัติศาสตร์เศรษฐกิจโลกที่ถดถอยตกต่ำครั้งเลวร้ายมากที่สุดในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 วิถีโคจรหัวขบวนทุนนิยมโลกส่ายระส่ำ สั่นคลอนไม่มั่นคง พ่ายแพ้พังพาบลงหลังจากสู้กับวิกฤติมานานกว่า 3 ปีแล้ว สถานการณ์ยังไม่กระเตื้อง แม้ว่าเศรษฐกิจดาวรุ่งอย่าง "BRIC" บราซิล/ รัสเซีย/ อินเดีย/ จีน และประเทศกำลังพัฒนาหลายประเทศมีการเติบโตทางเศรษฐกิจพอไปได้ แต่ไม่อาจช่วยประคับประคองเศรษฐกิจโลกได้มากนัก วิกฤติหนี้ในยุโรปและสหรัฐจะกลายเป็น "พายุเศรษฐกิจ" ที่โหมกระหน่ำเศรษฐกิจโลกปี 2012 (พ.ศ.2555) อีกหลายระลอก2012 (พ.ศ.2555) อีกหลายระลอก

 

วันนี้ประเทศชั้นนำทุนนิยมหลายประเทศยังคงตกอยู่ในวิกฤติหนี้สิน วิกฤติว่างงาน วิกฤติทางสังคม รวมถึงวิกฤติการเมืองที่รัฐขัดแย้งกับประชาชนอย่างหนักหน่วง ความไม่พอใจของประชาชนต่อรัฐบาลและต่อนายทุนใหญ่ก่อตัวขึ้นกว้างขวางอย่างไม่เคยมีมาก่อน ไล่เรียงจากสหรัฐอเมริกาถึงหลายชาติในยุโรป สหภาพยุโรป (อียู) ยังอยู่บนเส้นทางแห่งการแตกแยกไร้เอกภาพแก้ปัญหาหนี้ยาก นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่หวั่นใจว่าสถานะการเป็นสหภาพยุโรปอาจไปไม่รอด ผลการสำรวจความเห็นประจำปีจากผู้คนในกว่า 23 ประเทศของ

 

ตูนิเซียสำนักข่าวบีบีซี พบว่า "การว่างงาน"กลายเป็นปัญหาใหญ่ที่คนทั่วโลกหวั่นวิตกเพิ่มมากหวั่นวิตกเพิ่มมากขึ้นถึง 6 เท่าจาก 3 ปีก่อน ขณะที่คอรัปชั่นและความยากจนยังครองอันดับต้นที่คนพูดถึงมากที่สุด ส่วนในประเทศไทยนั้นปัญหาเหล่านี้ล้วนเป็นปัญหาวิกฤติขณะนี้เช่นกัน

 

ผมเชื่อว่าระบบเศรษฐกิจทุนนิยมโลกปี 2012 จะยังคงอยู่ในวังวนแห่งวิกฤตการณ์ต่อไป อาจต่อเนื่องไปในอีกหลายปีข้างหน้า ทั้งนี้เพราะปัญหาเชิงโครงสร้างใหญ่ๆ ยังไม่ได้รับการแก้ไข ทฤษฎีและเครื่องมือเชิงนโยบายที่ชำรุดของเศรษฐศาสตร์ทุนนิยมไม่อาจมีศักยภาพเพียงพอที่จะนำพา "ทุนนิยมโลก" ให้หลุดพ้นจากหล่มวิกฤตการณ์รอบนี้ได้โดยง่าย วิกฤติวิกฤตการณ์รอบนี้ได้โดยง่าย วิกฤติหนี้ยูโรโซน ยิ่งแก้ยิ่งยุ่ง ยิ่งยาก และยิ่งผิดพลาดมากขึ้นเรื่อยๆ วิกฤติสหรัฐยิ่งทรุดมากเท่าไร ก็ยิ่งจะพาเศรษฐกิจโลกดิ่งเหวลงเร็วมากเท่านั้น

 

นิตยสาร "TIME" หน้าปก PERSON OF THE YEAR THE PROTESTER FROM THE ARAB TO ATHENS, FROM OCCUPY WALL STREET TO MOSCOW ฉบับ December 26, 2011-January 8, 2012 ได้ประกาศมอบรางวัลอันดับหนึ่ง "บุคคลทรงอิทธิพลแห่งปี 2011" แก่ "ผู้ประท้วงทั่วโลก" เพื่อเป็นเกียรติแก่การชุมนุมในตะวันออกกลางไปจนถึงการลุกขึ้นต่อต้านทุนนิยมและความไม่เท่าเทียมในสหรัฐและยุโรป พร้อมลงภาพและระบุรายชื่อกลุ่มผู้ประท้วงในประเทศต่างๆ ไว้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นที่ตูนิเซีย อียิปต์ อิสราเอล ชิลี จีน อินเดีย เอธิโอเปีย อังกฤษ สเปน รัสเซีย และสหรัฐ ที่ล้วนเชื่อมโยงการต่อสู้ของตนเองเข้ากับการลุกฮือเรียกร้องประชาธิปไตยในตะวันออกกลางและที่อื่นๆ ในบทบรรณาธิการ ริค สเตนเกล บรรณาธิการนิตยสารไทม์ ได้เขียนไว้ว่า

 

"ประวัติศาสตร์ปรากฏให้เห็นเสมอเพียงมองย้อนกลับไปในอดีต เหตุการณ์ต่างๆ มีความสำคัญก็ต่อเมื่อหวนระลึกถึงเท่านั้น คงไม่มีใครสามารถล่วงรู้ล่วงหน้าว่า เมื่อชายชาวตูนิเซียคนเร่ขายผลไม้รายหนึ่งจุดไฟเผาตัวเองตายกลางใจเมือง ได้จุดประกายเป็นไฟปฏิวัติลามทุ่งในเวลาต่อมา เกิดการประท้วงโค่นล้มเผด็จการตูนิเซีย อียิปต์ และลิเบีย เขย่าระบอบอำนาจนิยมที่ซีเรีย เยเมน และบาห์เรน สปิริตแห่งการคัดค้านชนชั้นปกครองขยายไปถึงเม็กซิโก ที่ประชาชนลุกขึ้นประท้วงความน่าสะพรึงกลัวของกลุ่มค้ายาเสพติด ลามไปถึงกรีซประท้วงผู้นำที่ไม่รับผิดชอบ ทะลุถึงสหรัฐอเมริกา ชาวอเมริกันออกมาประท้วงความไม่เท่าเทียม ถึงสหรัฐอเมริกา ชาวอเมริกันออกมาประท้วงความไม่เท่าเทียม ล่าสุดมีการเดินขบวนใหญ่คัดค้านระบอบเผด็จการฉ้อฉลที่รัสเซีย การประท้วงที่เกิดขึ้นในหลายประเทศซึ่งมีประชากรรวมกันไม่ต่ำกว่า 3,000 ล้านคน จึงไม่ใช่เรื่องธรรมดา...

 

พวกเขาต่อต้าน พวกเขาเรียกร้อง พวกเขาไม่ย่อท้อ แม้ว่าคำตอบที่ได้กลับมาจะเป็นแก๊สน้ำตาหรือห่ากระสุน พวกเขาได้แสดงให้เห็นว่า ความคิดซึ่งมีปฏิบัติการเชิงปัจเจกบุคคลสามารถนำไปสู่การรวมตัวกันจนเกิดการเปลี่ยนแปลงที่ใหญ่โตมโหฬารได้ ถึงแม้อยู่คนละที่ มีความเข้าใจต่อสภาวการณ์แตกต่างกันออกไป แต่มีการเสนอความคิดว่าด้วย "ประชาธิปไตย" ในการชุมนุมทุกครั้งไป รากเหง้าคำว่า "ประชาธิปไตยคือประชาชน" (Democracy is demos) ความหมายของคำว่าประชาธิปไตย หมายถึง "การปกครองของประชาชน" หรือประชาชนเป็นใหญ่..."

 

(TIME, Dec. 26, 2011-Jan. 8, 2012)นางแมนนูเบีย บูอาซิซิ มารดาของโมฮัมเหม็ด อายุ 26 ปี ชาวตูนิเซีย อาชีพหาบเร่ขายผลไม้โดยรถเข็น จุดไฟเผาตัวเองประท้วงรัฐและระบอบอำนาจนิยมที่ไม่เป็นธรรม นำมาซึ่งประชาชนลุกฮือในตูนิเซีย ตามมาด้วยการเปลี่ยนแปลงในโลกอาหรับ หรือ "Arab spring" อันเป็นจุดเริ่มต้นของการปฏิวัติโดยประชาชนแพร่กระจายลามไปทั่วโลกขณะนี้ เธอกล่าวถึงลูกชายของเธอว่า

 

"โมฮัมเหม็ดทนทุกข์ทรมานอย่างมาก (จากการถูกกดขี่เอาเปรียบ) เขาเป็นคนขยัน ทำงานหนักหาเลี้ยงชีพ แต่การที่เขาจุดไฟเผาตัวเองไม่ใช่เป็นเพราะถูกเจ้าหน้าที่รัฐตบตีและยึดตาชั่ง (ผลไม้ซึ่งเป็นเครื่องมือหาเลี้ยงชีพ) แต่ลึกลงไปในหัวใจเขาคือเรื่องศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม"

 

น.ส.บาสมา น้องสาวผู้ตายอายุ 16 ปี กล่าวย้ำว่า "ในตูนิเซีย เรื่องศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์สำคัญยิ่งกว่าขนมปัง"

 

นิตยสารไทม์ได้รับการชื่นชมไม่น้อยในการเชิดชูคนธรรมดา ตัวเล็กตัวน้อยซึ่งเป็นผู้เริ่มต้นประท้วงและเกิดการแพร่ขยายกว้างขวางออกไปในระดับโลกอย่างไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์ ถือเป็นปรากฏการณ์ใหม่ และจะกลายเป็น "แบบอย่าง" ของ "พลังการเมืองภาคประชาสังคม" ที่หาญกล้าลุกขึ้นมาต่อกรกับชนชั้นปกครองที่ฉ้อฉล และชนชั้นนายทุนที่ละโมบ ชนชั้นผู้เอารัดเอาเปรียบประชาชนจะประเมินประชาชนต่ำต่อไปไม่ได้อีกแล้ว ในระดับโลก รัฐกับประชาชนจะขัดแย้งต่ำต่อไปไม่ได้อีกแล้ว ในระดับโลก รัฐกับประชาชนจะขัดแย้งเป็นระยะๆ รุนแรงมากขึ้นในทศวรรษนี้ เมืองไทยก็เช่นเดียวกัน โดยเฉพาะการเมืองไทยที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจปากท้องชีวิตของประชาชน โลกยุคใหม่ในกระแสโลกาภิวัตน์จะไม่เหมือนเดิม คนมีปัญญาหูตาสว่างขึ้นแล้ว พวกเขาจะไม่ยอมถูกเอารัดเอาเปรียบและถูกข่มเหงอีกต่อไป หากแต่จะกล้าต่อสู้ กล้าเปลี่ยนแปลง เพื่อชีวิตที่ดีกว่าด้วยตัวของประชาชนเอง

 

ปรากฏการณ์ดังกล่าวนี้ดูจะคล้ายคลึงกับสถานการณ์ที่จะนำไปสู่การเป็น "จุดจบแห่งประวัติศาสตร์" (The End of History) ของมนุษยชาติ ซึ่งจะถูกแทนที่ด้วยระบบเศรษฐกิจและระบบการเมืองในเชิงอุดมคติในกระแสประชาธิปไตยขึ้นสูง ดังที่ Francis Fukuyama นักวิชาการผู้มีชื่อเสียงได้พยากรณ์เอาไว้ในบทวิเคราะห์ของเขาเมื่อ 20 ปีก่อนแล้ว วันนี้ "ผู้ประท้วง" กลายเป็นผู้สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่อีกครั้ง ตามมาด้วยการปะทะ บาดเจ็บ ล้มตาย ล่าสุดเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2554 ทหารอียิปต์เข้าสลายการชุมนุมผู้เรียกร้องประชาธิปไตย รุมตี กระทืบประชาชนเสียชีวิต 10 ราย (เด็ก 2 ราย) ผู้บาดเจ็บ 423 ราย

 

ประเทศไทยยังเคลื่อนมาไม่ถึง "The End of History" การประท้วงคัดค้านต่อต้านคอรัปชั่นและการเพรียกหา "ประชาธิปไตยที่แท้จริง" ยังจะดำเนินต่อไปอีกหลายปีข้างหน้า ท่ามกลางการแย่งชิงอำนาจระหว่างผู้สูญเสียอำนาจกับผู้ถืออำนาจ ทั้งสองฝ่ายต่างล่อหลอกเอามวลชนมาเป็นพวก ซึ่งทั้งสองฝ่ายไม่ใช่ "ของแท้" ที่ผู้รักความเป็นธรรมจะต้องสู้อีกหลายยก

 

ความล้มเหลวของนโยบายที่ผลักภาระลงที่ประชาชนมากเกินไป เห็นได้จากสหรัฐ ยุโรป ธนาคารกลางของอียู และกองทุนไอเอ็มเอฟ ใช้นโยบายเสรีนิยมใหม่และทฤษฎีเคนส์ด้วยมาตรการเชิงปริมาณ (Quantitative Easing) โดยเพิ่มเม็ดเงินเข้าสู่ระบบ ประเทศร่ำรวยเหล่านี้อาศัยนโยบายปฏิรูปในกรอบความคิดเก่าเหมือนหนังฉายซ้ำ ก่อหนี้เพิ่มเพื่อกลบหนี้ ยิ่งติดกับดักหนี้ เวียนวนเป็นหนี้ไม่รู้จบ พร้อมกับการใช้มาตรการเข้มงวดทางการคลัง ด้วยการลดรายจ่ายสาธารณะ ตัดลดสวัสดิการ ลดเงินเดือน ไล่คนออกจากงาน อีกทั้งขึ้นอัตราภาษี จึงส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อคนชั้นกลางและคนชั้นล่าง จนเกิดขบวนประท้วงรัฐบาลลุกลามขยายตัวไปในหลายประเทศ เมื่อกระแสต่อต้านเผด็จการทุนนิยมการเงินเริ่มขึ้นที่นครนิวยอร์กในนาม "ยึดครองตลาดหุ้นวอลสตรีท" (Occupy Wall Street) ไม่มีใครคาดคิดว่าขบวนการที่เชื่อว่า "ทุนการเงิน" คือ "ตัวการ" ก่อวิกฤตการณ์เศรษฐกิจโลก ความโลภและการโกงกิงนำมาซึ่งหายนะนี้ จะแพร่กระจายขยายความคิดรวดเร็วดังไฟลามทุ่งไปในระดับโลก แทบไม่มีใครเลยจะคาดคิดมาก่อนว่า เผด็จการทุนนิยมโลกจะถูกต่อต้านอย่างหนักจนสั่นคลอนระส่ำไม่เป็นท่าด้วย

 

เหตุการณ์ "Occupy Wall Street" ซึ่งเริ่มขึ้นจากนักศึกษาเพียงแค่ 7-8 คนเท่านั้น มาตั้งวงวิพากษ์ทุนนิยมในสวนสาธารณะใจกลางกรุงนิวยอร์กตอนกลางเดือนกันยายน 2554 จากจุดเริ่มต้นเล็กๆ นี้ได้มีการเผยแพร่ข่าวสารผ่านสังคมออนไลน์ไร้พรมแดนที่โดนใจผู้คน จนในเวลาต่อมามีผู้คนเดินขบวนประท้วงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากร้อยเป็นพัน เป็นหมื่น เป็นแสนคน แพร่ลามจากหลายเมืองในสหรัฐอเมริกาไปยุโรป และบางเมืองในเอเชีย แม้ผู้ประท้วงนับร้อยนับพันถูกตำรวจจับกุมคุมขัง แต่ขบวนประท้วงกลับเกิดขึ้นอย่างต่อสหรัฐอเมริกาไปยุโรป และบางเมืองในเอเชีย แม้ผู้ประท้วงนับร้อยนับพันถูกตำรวจจับกุมคุมขัง แต่ขบวนประท้วงกลับเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องมาเป็นเวลาหลายเดือนแล้ว ท่ามกลางการเสนอข้อมูลเข้มข้นผ่านสื่อออนไลน์ไร้พรมแดนไปทั่วโลก พลังการใช้ "โซเชียลมีเดีย" จึงกลายเป็นพลังการเรียนรู้ที่ไม่มีอำนาจใดมาขวางกั้นได้ และจะกลายเป็นพลังจากเล็กสู่ใหญ่ที่ท้าทาย จะเป็นพลังความคิดที่สานต่อทีละน้อย ซึมลึกไปสู่ความคิดผู้รักความเป็นธรรมทั่วโลก การสร้างสำนึกสังคมแม้อาจใช้เวลาบ้างก็ตาม ถึงจุดหนึ่งเมื่อ "สังคมตกผลึกทางความ

 

ตกผลึกทางความคิด" อาจถึงเปลี่ยนโลก "ปฏิวัติโลก"ได้ในอนาคต การเปลี่ยนแปลงสังคมโดยสันติวิธีจะต้องพลิกเปลี่ยนจิตสำนึกเป็นลำดับแรก

 

เศรษฐ ศาสตร์นั้นมีความเกี่ยวพันกับการเมืองอย่างแยกจากกันไม่ออก ในวงการเศรษฐศาสตร์การเมือง (Political Economy) ของโลก จะจัดการประชุมทางวิชาการใหญ่ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ในกลางปีหน้า (กรกฎาคม 2555) เพื่อระดมความคิด วิเคราะห์

 

ปีหน้า (กรกฎาคม 2555) เพื่อระดมความคิด วิเคราะห์เจาะลึกทิศทางทุนนิยมโลกในหลากหลายมิติ มีการเสนอบทความและบทวิจัยจากนักเศรษฐศาสตร์การเมืองชั้นนำทั่วโลก ถือเป็นเวทีวิพากษ์ระบบเศรษฐกิจทุนนิยมโลกครั้งยิ่งใหญ่อีกวาระหนึ่ง ประการหนึ่ง เพื่อประเมินสถานภาพปัจจุบัน และพัฒนาการของทุนนิยมโลกจะก้าวเดินสู่จุดใด จะก้าวหน้าหรือถอยหลัง จะล่มสลายหรือต่ออายุได้หรือไม่ ด้วยมาตรการใด อีกประการหนึ่ง เพื่อค้นหา "ทางเลือก

 

ประการหนึ่ง เพื่อค้นหา "ทางเลือกใหม่" สำหรับมนุษยชาติในอนาคต โดยเฉพาะเป็นการสำรวจตรวจสอบองค์ความรู้และเครื่องมือทางเศรษฐศาสตร์อย่างเจาะลึก อย่างรอบด้าน

 

คาดว่าการประชุมทางวิชาการ "เศรษฐศาสตร์การเมือง" ระดับนานาชาติที่ฝรั่งเศสครั้งนี้ จะเป็นการเปิดโลกทัศน์และการถกระดับนานาชาติที่ฝรั่งเศสครั้งนี้ จะเป็นการเปิดโลกทัศน์และการถกเถียงประเด็นใหม่ๆ อันจะนำไปสู่การกอบกู้โลก ไม่ว่าจะเป็นทัศนวิสัยทางทฤษฎี วิกฤตการณ์ หัวเรื่องที่เป็นจุดสำคัญ ตลอดจนวิธีวิทยาในการศึกษาวิจัยทางเศรษฐศาสตร์ ที่มิได้คับแคบมุ่งแต่จะวัดเป็นตัวเลขและทดสอบสถิติเท่านั้น หากแต่ยังสนใจวิธีวิทยาเกี่ยวกับ

 

- Economics and Intradisciplinarity : Crossing the Disciplinary Boundaries

 

- Economic Methodoloty - Economics and Philosophy - The Ethics of Economics - History of Ecomic Thought - Mainstream Economics : Not Fit For Purpose

 

- Pluralism and Economic Education

 

ดูจากกรอบแผนงานของคณะผู้จัดการประชุมวิชาการที่วางไว้แล้วน่าสนใจ อาจจะเป็นการเปิดมิติใหม่ทางเศรษฐศาสตร์ให้ถกเถียงและขยายพรมแดนความรู้เศรษฐศาสตร์แนวใหม่ เช่น การมองความรู้เศรษฐศาสตร์ข้ามสาขา, เศรษฐศาสตร์กับปรัชญา, จริยศาสตร์แห่งเศรษฐศาสตร์, ทุนนิยมโลกกับการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ, เศรษฐศาสตร์สีเขียว, จีนกับเศรษฐกิจโลก, เศรษฐศาสตร์โลกอาหรับ, เศรษฐศาสตร์ทุนนิยมกระแสหลักไม่ตรงกับจุดประสงค์ในโลกที่เปลี่ยนแปลง เป็นต้น

 

วงการเศรษฐศาสตร์โลกตื่นแล้ว วงการเศรษฐศาสตร์ไทยยังคงหลับไหลจนลืมตื่นไม่ได้แล้ว พรมแดนองค์ความรู้เศรษฐศาสตร์โลกกำลังถูกท้าทายจากปรากฏการณ์วิบัติภัยในโลกที่รุมเร้าหนักขึ้น ถี่ขึ้น รุนแรงขึ้นทุกวัน องค์ความรู้เก่าไร้พลังไม่เพียงพอที่จะอธิบายปรากฏการณ์ทางสังคมบนรากฐานทฤษฎีที่ชำรุด การปฏิวัติองค์ความรู้ทางเศรษฐศาสตร์ครั้งใหญ่จึงเป็นความจำเป็นยากที่จะหลีกเลี่ยง

 

คาดว่าบทความทางวิชาการและข้อวิพากษ์วิจารณ์จากเวทีวิชาการแห่งนี้ อาจเกิดแรงกระเพื่อมทางความคิดระดับโลก ที่สะท้อนใหเห็นว่ามนุษย์ไม่เคยยอมจำนนต่อปัญหา ยังแสวงหาหนทางออกที่ดีสำหรับสังคมโลกร่วมกัน เวทีทางวิชาการครั้งนี้จึงน่าจะเป็นจุดโฟกัสแห่งความสนใจอีกเวทีหนึ่งของโลกในปีหน้า (2555) ด้านหนึ่งจะเป็น "การเปิดโปง" หรือ "ถลก" ด้านมืดของทุนนิยมโลก หากโอกาสเอื้ออำนวย ผมสนใจอยากเข้าร่วมงานนี้ เผื่อจะได้เรียนรู้เปิดโลกทัศน์อะไรใหม่ๆ เพิ่มขึ้นกับเขาบ้าง.

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ – (วันที่ 20 ธันวาคม 2554)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

By Robert Schroeder

WASHINGTON (MarketWatch) -- The House will vote Tuesday on a Senate-passed bill to extend the payroll-tax cut for two months, Republican leaders said late Monday night. House Speaker John Boehner says he expects the House to reject the Senate version of the bill, and is seeking talks with the Senate about a one-year extension. Without action by the end of the year the payroll tax would go up to 6.2% on Jan. 1 from the current 4.2%. A vote on the Senate bill had earlier been expected in the House on Monday night.

 

คืนนี้ จะมีการลงมติ เพื่อยืดระยะเวลา payroll-tax bill ออกไปอีกแค่ 2 เดือน แต่รัฐบาลไม่ชอบ เพราะระยะเวลาสั้นเกินไป 2 เดือนแว๊ปเดียว แล้วก็ต้องมาคุยกันใหม่ จึงคาดว่า จะโดนสภาสูงฯ เด้งเรื่องนี้ ไม่เห็นชอบ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอบคุณค่ะ คุณเด็กขายของ

กด like ให้นะคะ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...