ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
moddang

ภัยพิบัติร้ายแรงที่สุด "แผ่นดินไหว..คลื่นยักษ์....สึนามิ"

โพสต์แนะนำ

รำลึกถึงเซนได / วินิจ รังผึ้ง

 

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 15 มีนาคม 2554 16:22 น.

 

554000003565701.JPEG

 

ข่าวการเกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรงขนาด 8.9 ริกเตอร์ หรือบางสำนักบอกรุนแรงถึง 9.0 ตามมาตราริกเตอร์ที่มีศูนย์กลางบริเวณใกล้กับเมืองเซนได ประเทศญี่ปุ่น นับเป็นโศกนาฏกรรมที่สร้างความเสียหายให้กับชีวิตและทรัพย์สินของชาวเซนได และพื้นที่ใกล้เคียงอย่างใหญ่หลวง จนถึงวันนี้ตัวเลขผู้เสียชีวิต ผู้ได้รับบาดเจ็บ และผู้สูญหายยังไม่สามารถจะบอกได้ แต่จากการประเมินความรุนแรงของเหตุการณ์นั้นก็อาจจะเป็นความสูญเสียจากภัย ธรรมชาติอย่างร้ายแรงที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่นเลยทีเดียว แม้ญี่ปุ่นจะได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่มีระบบที่ดีในการรับมือภัยจากแผ่นดิน ไหวก็ตาม เพราะความรุนแรงของแผ่นดินไหวทำให้อาคารบ้านเรือนพังเสียหายเป็นจำนวนมาก แต่นั่นยังไม่เลวร้ายเท่ากับคลื่นสึนามิขนาดใหญ่ที่เกิดตามมาซึ่งมีพลัง มหาศาลพัดเข้าท่วมท้นทำลายร้างเมืองชายฝั่งหลายเมืองจนพังพินาศไม่เหลือชิ้น ดี ยังไม่รวมถึงภัยจากการรั่วไหลของกัมมันตภาพรังสีจากโรงไฟฟ้าพลังงาน นิวเคลียร์ที่ยังไม่สามารถไว้วางใจได้ในตอนนี้อีก นับเป็นโศกนาฏกรรม เป็นความเศร้า ความสูญเสียที่น่าเห็นใจยิ่งสำหรับชะตากรรมของชาวเมืองที่ประสบเหตุ

 

เซนไดนั้นเป็นเมืองศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ การเมืองและการปกครองของภาคโตโฮกุ หรือภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศญี่ปุ่น อยู่ในมณฑลมิยากิ เปรียบเทียบก็คล้าย ๆ กับขอนแก่นที่เป็นเมืองเอกและเป็นศูนย์รวมความเจริญทางภาคตะวันออกเฉียง เหนือของไทย เป็นเมืองที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและยังได้ ชื่อว่าเป็นเมืองแห่งต้นไม้ เพราะมีสภาวะอากาศไม่หนาวจัดเหมาะสำหรับการเกษตรกรรมและการเจริญเติบโตของ พืชพรรณ และเซนไดยังได้รับการโหวตให้เป็นเมืองที่น่าอยู่มากที่สุดของชาวญี่ปุ่น อันดับที่ 3 รองจากเกียวโต และชิซุโอกะ และยังเป็นเมืองศูนย์กลางทางการศึกษาทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยชื่อดังทางด้านวิศวกรรมที่มีนักเรียนไทยได้ทุนมา เรียนที่นี่กันอยู่หลายคนซึ่งก็ต้องขอเอาใจช่วยให้ทุกคนปลอดภัย

 

554000003565702.JPEG

 

ผมเคยเดินทางไปเยือนเมืองเซนไดเมื่อ 5 ปีก่อน โดยคำเชิญของหน่วยงานการท่องเที่ยวของเมืองเซนได ด้วยนายกเทศมนตรีเมืองเซนไดในช่วงนั้นคือคุณคัทซึฮิโกะ อุเมฮาระ ท่านเคยมีประสบการณ์การบริหารหน่วยงานภาคเอกชนและยังเคยมาทำงานบริหารติดตาม โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าในกรุงเทพ ฯ สายแรก ๆ อยู่หลายปี จึงมีความรักความผูกพันกับเมืองไทยและคนไทยเป็นอย่างดี เมื่อได้มีโอกาสเข้าไปบริหารเมืองเซนได ท่านจึงมองว่าคนไทยและชาวเซนไดน่าจะมีการเดินทางไปมาหาสู่ระหว่างกันมากยิ่ง ขึ้น จึงได้มีนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างคนไทยและชาวเซนไดอย่างจริงจัง และเซนไดก็ได้ใช้แนวทางการส่งเสริมท่องเที่ยวของไทยเป็นแม่แบบในการส่งเสริม การท่องเที่ยว ซึ่งการเดินทางไปเซนไดครั้งนั้นทีมงานส่งเสริมการท่องเที่ยวเซนไดที่นำโดย คุณคายาบา ได้ให้การต้อนรับการดูแลพวกเราอย่างอบอุ่นและเป็นกันเองอย่างยิ่ง เป็นการต้อนรับอย่างอบอุ่นตามธรรมเนียมญี่ปุ่น ซึ่งมีทั้งความสุภาพ อ่อนน้อม ยิ้มแย้มแจ่มใส จริงใจและเป็นมิตร ทีมงานพาผมไปเที่ยวชมจุดชมวิวเมืองเซนไดบนเนินเขาซึ่งในอดีตเป็นที่ตั้งของ ปราสาทเซนได จวนเจ้าเมืองเซนได ปัจจุบันเหลือเพียงซากกำแพงและหอสังเกตการณ์บางส่วน ทั้งยังเป็นที่ตั้งของศาลเจ้าโกโคกุ และพิพิธภัณฑ์ขนาดย่อมที่จัดแสดงเรื่องราวความเป็นมาของเมืองเซนได ตั้งแต่สมัยที่ดาเตะ มาซามุเนะ ผู้เป็นไดเมียวหรือเจ้าเมืองคนแรกของเซนได เมื่อราว พ.ศ. 2146 เทียบกับปลายสมัยสมเด็จพระนเรศวร แห่งกรุงศรีอยุธยาของเรา หรือเมื่อราว 400 กว่าปีมาแล้ว ดาเตะ มาซามุเนะ นั้นเป็นนักรบผู้เกรียงไกรที่สามารถจะรวบรวมเซนไดให้เป็นปึกแผ่นขึ้นมาได้ และปกครองเซนไดอย่างมีวิสัยทัศน์กว้างไกล มีการส่งทูตไปสร้างความสัมพันธ์และค้าขายกับนานาประเทศจนถึงยุโรปทำให้เมือง เซนไดเจริญรุ่งเรืองขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

 

ไปเยือนเซนไดครั้งนั้นเป็นเวลาดีช่วงเทศกาลดอกซากุระบาน จึงได้สัมผัสกับเทศกาลเฉลิมฉลองการผลิบานของซากุระด้วยเทศกาลเทศกาล “ฮานามิ” ซึ่งคำว่า “ฮานามิ” ในภาษาญี่ปุ่นนั้นมาจากคำว่า “ฮานา” ที่แปลว่าดอกไม้ กับคำว่า “มิ” หมายถึงดูหรือการชม เทศกาลฮานามิจึงหมายถึงเทศกาลเที่ยวชมดอกไม้ ซึ่งหมายถึงการชมดอกซากุระนั่นเอง เทศกาลฮานามิจึงเป็นวันเวลาแห่งการสรวลเสเฮฮาในหมู่เพื่อนฝูง ผู้ร่วมงาน หรือในหมู่ครอบครัวญาติมิตร จะเรียกว่าเป็นเทศกาลรวยเพื่อนท่ามกลางบรรยากาศของดอกไม้บานอะไรทำนองนั้นก็ น่าจะได้ โดยหลังเลิกงานหรือในวันหยุดชาวญี่ปุ่นก็จะรีบมาปูผ้า ปูเสื่อจับจองพื้นที่ใต้ต้นซากุระที่สวยงามที่สุด ภายในสวนซากุระ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นสวนสาธารณะโดยพนักงานใหม่ ลูกน้องในสำนักงาน หรือคุณแม่บ้านอาจจะต้องมีหน้าที่เป็นส่วนล่วงหน้ามาจองสถานที่ไว้ก่อน จากนั้นเพื่อนฝูงหรือสมาชิกในครอบครัวค่อยติดตามมาพร้อมอาหาร เครื่องดื่ม อุปกรณ์กีฬาในสวน มาพักผ่อนสังสรรค์ กินดื่มร่วมกันอย่างสนุกสนาน ถ้าเป็นวันหยุดการสังสรรค์ก็จะเริ่มกันตั้งแต่เช้าจนค่ำมืด หากเป็นวันทำงานก็จะเริ่มหลังเลิกงานไปจนดึก

 

554000003565703.JPEG

 

นอกจากสวนซากุระกลางเมืองแล้ว ทางเมืองเซนไดยังพาผมไปเที่ยวชมสวนซากุระบนภูเขาที่สวนพฤกษชาติชื่อ ฮานามิยามา เมืองฟูกุชิมา ที่มีซากุระหลากสีกว่า 14 สายพันธุ์ จำนวนกว่า 2,000 ต้น มีบ๊วยที่กำลังออกดอกกว่า 1,500 ต้น ท้อดอกสีชมพูกว่า 1,000 ต้น และยังมีแมกโนเลียออกดอกสีขาวเต็มต้นอีกมากมายเต็มไปทั้งภูเขา บางช่วงเป็นซุ้มทางเดินที่โอบคลุมด้วยดอกซากุระสีชมพู มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของดอกไม้หลากสีหลายพันธุ์ลอยมาตามสายลม มันเป็นภาพประทับใจที่ยังคงกระจ่างชัดในความทรงจำของผมอย่างมิรู้ลืม ผมหลับตานึกถึงภาพบรรยากาศแห่งความสุขสนุกสนานของชาวเมืองเซนไดใต้ต้นซากุระ ที่ผลิบานงดงามตระการตาไปทั้งสวน ภาพบรรยากาศแห่งความสุขสนุกสนาน ภาพแห่งความรักความอบอุ่นในเทศกาลชมดอกซากุระพลันก็นึกถึงภาพแห่งความสูญ เสียของชาวเซนไดและจังหวัดใกล้เคียงที่ประสบภัยพิบัติ ทำให้เกิดความเศร้าสร้อยอย่างยากที่จะบรรยาย อีกไม่นานก็จะถึงวันเวลาที่ดอกซากุระบานแล้ว แต่เทศกาลดอกซากุระบานปีนี้ของเมืองเซนไดคงต่างไปจากเทศกาลดอกซากุระบานของ ทุกปี เราคงต้องร่วมกันส่งความช่วยเหลือเท่าที่จะทำได้ โดยร่วมบริจาคทรัพย์คนละเล็กละน้อยตามกำลังเท่าที่จะทำได้เพื่อส่งไปร่วม แสดงน้ำใจของคนไทยต่อเพื่อนๆผู้ประสบภัยชาวญี่ปุ่น ร่วมกันส่งกำลังใจไปถึงชาวเซนไดและผู้ประสบภัยทุกคนให้มีกำลังกายกำลังใจที่ จะต่อสู้เพื่อผ่านพ้นวิกฤติจากภัยพิบัติทางธรรมชาติครั้งนี้ไปได้โดยเร็ว ด้วยเทอญ

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ohmy.gifsad.gifเมื่อวานแด้ได้มีโอกาสร่วมทำบุญกับพระอาจารย์มิซูโอะ คเวสโก เจ้าอาวาสวัดสุนันทวนาราม จ.กาญจนบุรี (วัดสาขาที่ 117 ของวัดหนองป่าพง จ.อุบลราชธานี) ท่านเป็นคนญี่ปุ่น เกิดที่เกาะฮอนซู แต่เดินทางมาศึกษาพระพุทธศาสนา โดยเป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อชา ท่านตั้งมูลนิธิมายาโคตมีขึ้น โดยนำเทคนิคการทอผ้าแบบญี่ปุ่นมาสอนชาวบ้าน และนำผ้าที่ทอได้มาทำผลิตภัณฑ์ออกจำหน่าย ได้เงินมาช่วยเหลือลูกหลานไทย เป็นทุนการศึกษากว่า 6000 ทุนแล้ว

 

ตอนนี้ท่านต้องการความช่วยเหลือ โดยได้เริ่มรวบรวมเงินเพื่อร่วมช่วยเหลือผู้ประสบภัยสึนามิ ที่ญี่ปุ่น ซึ่งร้ายแรงที่สุดในรอบ 140 ปี

 

เพื่อน ๆ พี่น้องชาวไทยโกลด์ สามารถบริจาค ผ่านมูลนิธิมายาโคตมี และมูลนิธิพระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก โทรศัพท์ 02-368-3991 (5 คู่สาย) หรือ โอนเงินเข้าบัญชี ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาย่อย เซ็นต์หลุยส์ 3 ชื่อบัญชี วัดสุนันทาราม เลขบัญชี 087-2-09933-2 ค่ะ

 

แด้ขออนุญาติบอกบุญให้เพื่อน ๆ และพี่น้องชาวไทยโกลด์ทราบนะคะ เพื่อช่วยกันคนละไม้ละมือค่ะ875328cc.gif

 

 

http://www.facebook....9673&aid=295004

 

 

เข้าไปในลิงค์ครับแล้วกดชอบ จะเป็นการช่วยเงิน จากการกดชอบ(like) ครั้งละ 10 เยน

 

Step 1. Click "LIKE" This link ขั้นที่ 1 กด ถูกใจ เวบเพจ โออิชิ นิว สเตชั่น http://www.facebook.com/oishigroup Step 2.Click"LIKE"

ขั้นที่ 2 กดลิ้งด้านล่างจะปรากฏรูป ให้ ช่วย "กดถูกใจ" อีกทีนะครับ http://www.facebook....id=100661169673

 

 

บริจาคช่วยผู้ประสบภัยผ่านทาง SMS (Dtac , AIS ,True)

พิมพ์ J ส่งมาที่หมายเลข 4567899 บริจาคครั้งละ 10 บาท (รวม vat 7%)

รายได้ทั้งหมดเข้ากองทุนครอบครัวข่าว 3 ช่วยเหลือผู้ประสบภัยญี่ปุ่น .... เห็นเขาบอกว่าเมื่อรวบรวมแล้วจะส่งผ่านกระทรวงการต่างประเทศครับ..

 

ดอกไม้ของน้ำใจ

 

 

 

 

花(HANAはな)谷村新司 (Shinji Tanimura)

 

http://www.youtube.com/watch?v=Fp3t_Awp6tc&feature=related

ถูกแก้ไข โดย moddang..

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เกาะญี่ปุ่นเคลื่อนออกห่าง “เกาหลี” กว่า 2 เมตรหลังแผ่นดินไหว

 

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 17 มีนาคม 2554 10:43 น.

 

554000003650301.JPEG

แผนที่คาบสมุทรเกาหลีและหมู่เกาะญี่ปุ่น

 

 

เอเอฟพี - แผ่นดินไหวระดับ 9.0 เมื่อวันศุกร์ (11) ที่ผ่านมา ส่งผลให้เกาะญี่ปุ่นเคลื่อนออกห่างจากคาบสมุทรเกาหลีไม่ต่ำกว่า 2 เมตร นักวิทยาศาสตร์เผยวันนี้ (17)

 

สถาบันดาราศาสตร์และอวกาศแห่งเกาหลี (เคเอเอสเอสไอ) ระบุว่า เหตุแผ่นดินไหวทำให้คาบสมุทรเกาหลีเคลื่อนไปทางตะวันออกประมาณ 5 เซนติเมตร (2 นิ้ว) ขณะที่เกาะญี่ปุ่นเคลื่อนออกไปราว 2.4 เมตร

 

ดังนั้น ระยะห่างระหว่าง 2 ประเทศจึงเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 2 เมตร สถาบันเผย

 

หมู่เกาะพิพาทด็อกโด ซึ่งญี่ปุ่นอ้างกรรมสิทธิ์โดยใช้ชื่อว่า เทกาชิมะ เคลื่อนที่ไปทางตะวันออกราว 5 เซนติเมตร ขณะที่ท่าเรือม็อกโปทางตะวันตกเฉียงใต้เคลื่อนที่ประมาณ 1.21 เซนติเมตร

 

“เรากำลังจับตาอย่างใกล้ชิดว่าการเคลื่อนที่เกิดขึ้นชั่วคราว หรือถาวร” โฆษกสถาบัน เผย

 

“แต่ไม่ต้องกังวลหรอกค่ะ ยังไงคุณก็ไม่รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงอยู่แล้ว”

 

องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ (นาซา) เปิดเผยว่า แผ่นดินไหวระดับ 9.0 เมื่อวันศุกร์ (11) ทำให้เวลาใน 1 วันสั้นลงประมาณ 1/1,000,000 วินาที และทำให้แกนโลกเอียงจากเดิมประมาณ 6.5 นิ้ว

 

 

 

 

อุตุฯ ยันชัดอากาศเย็นกะทันหัน ไม่เกี่ยวเหตุนิวเคลียร์ญี่ปุ่น

 

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 17 มีนาคม 2554 11:57 น.

 

 

นายต่อศักดิ์ วานิชสมัย อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา

อธิบดีกรมอุตุนิยม วิทยายืนยันชัดเจน กรณีอากาศเมืองไทยเย็นลงอย่างกะทันหันไม่เกี่ยวกับสถานการณ์นิวเคลียร์ที่ ประเทศญี่ปุ่นแน่นอน แจงอุตุฯ ได้ออกประกาศเตือนและมีการพยากรณ์ไปก่อนหน้านี้ระยะหนึ่งแล้ว ชี้เป็นผลจากมวลอากาศเย็นจากประเทศจีนและอิทธิพลจากลมตะวันตก ระบุพรุ่งนี้จะอุ่นขึ้น แต่จะมีอีกระลอกหนึ่งราวๆ 22-23 มี.ค.นี้

 

วันนี้ (17 มี.ค.) นายต่อศักดิ์ วานิชขจร อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา ได้กล่าวถึงสภาพอากาศของประเทศไทยที่เย็นลงอย่างกะทันหัน จนประชาชนจำนวนไม่น้อยเกิดความวิตกกังวลว่า สภาพอากาศดังกล่าว เป็นความผิดปกติจากผลกระทบของสารกัมมันตรังสีที่รั่วออกมาของเตาปฏิกรณ์ นิวเคลียร์ของประเทศญี่ปุ่น อันเนื่องมาจากเหตุธรณีพิบัติภัยคลื่นยักษ์สึนามิที่เมืองเซนได เมื่อวันที่ 11 มี.ค.ที่ผ่านมาว่า

 

ขอให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนกกับข่าวลือ และไม่ต้องวิตกกังวลแต่อย่างใด โดยยืนยันว่า อากาศที่เย็นลงอย่างกะทันหันในวันนี้ ทางกรมอุตุฯ ได้พยากรณ์ไว้ล่วงหน้าและออกประกาศให้ประชาชนทราบมาตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งมีสาเหตุมาจากมวลอากาศเย็นจากประเทศจีน ผนวกกับอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญคือกระแสลมตะวันตก ซึ่งเป็นสภาพอากาศปกติ และยืนยันว่าไม่เกี่ยวกับเหตุนิวเคลียร์ที่ญี่ปุ่นอย่างแน่นอน

 

“เราพยากรณ์อากาศล่วงหน้าและประกาศไปแล้วครับ วันศุกร์ที่แล้วก็แจ้งว่าจะมีฝนตกฟ้าคะนอง หลังจากมีฝนอากาศจะเย็นลง โดยมวลอากาศชุดนี้ในช่วงนี้นั้น จะส่งผลให้วันนี้มีอากาศเย็นที่สุด และพรุ่งนี้อากาศจะอุ่นขึ้นแล้ว และเราได้พยากรณ์ล่วงหน้าว่าจะมีมวลอากาศเย็นอีกชุดหนึ่งจากประเทศจีนเช่น กัน เข้ามาในประเทศไทยอีกครั้งในวันที่ 22-23 นี้ ซึ่งจะมาพร้อมฝนและอากาศเย็นเช่นกัน แต่จะเย็นไม่เท่าช่วงนี้ ขอร้องประชาชนอย่างตื่นตระหนกไปกับข่าวลือนะครับ ผมยืนยันว่าสภาพอากาศเช่นนี้เป็นปกติ ไม่มีอะไรผิดปกติ และไม่เกี่ยวกับกรณีนิวเคลียร์แน่นอนครับ” อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยากล่าว

 

 

พนักงาน “บ.เทปโก” อาสาตะลุยกัมมันตภาพรังสี กู้วิกฤตเตาปฏิกรณ์

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 17 มีนาคม 2554 13:55 น.

 

 

 

554000003663401.JPEG

ภาพจากสถานีข่าวเอ็น เอชเค เผยวินาทีที่เฮลิคอปเตอร์ชีนุก 2 ใบพัด ปล่อยน้ำลงบนเตาปฏิกรณ์หมายเลข 3 ในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิมะ เมื่อช่วงเช้าวันนี้ (17)

 

 

เอเอฟพี - พนักงานจากโตเกียว อิเล็กทริก เพาเวอร์ (เทปโก) บริษัทผู้รับผิดชอบควบคุมโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่กำลังเข้าสู่ภาวะวิกฤตในขณะ นี้ จับมือกับเจ้าหน้าที่ของบริษัทด้านพลังงานอื่นๆ ในญี่ปุ่น อาสาสมัครเข้าไปควบคุมเตาปฏิกรณ์ เพื่อป้องกันมหันตภัยกัมมันตภาพรังสีที่มีความเสี่ยงเพิ่มสูงขึ้นทุกขณะ สำนักข่าวท้องถิ่นรายงาน

 

บริษัท เทปโก ขอแรงอาสาสมัครประมาณ 20 คนให้เข้าไปกู้วิกฤตนิวเคลียร์ และควบคุมสถานการณ์ในโรงไฟฟ้าฟูกูชิมะ หมายเลข 1 ซึ่งระบบหล่อเย็นล้มเหลวจากเหตุแผ่นดินไหวระดับ 9.0 และคลื่นยักษ์สึนามิ เมื่อวันศุกร์ (11) ที่ผ่านมา สำนักข่าวจิจิเพรส รายงาน

 

ข้อมูลของสำนักข่าวท้องถิ่นแห่งนี้ระบุว่า อาสาสมัครทั้ง 20 คน ป็นพนักงานของบริษัทเทปโก และบริษัทอื่นๆ รวมกัน ในจำนวนนี้มีพนักงานชายวัย 59 ปี ซึ่งทำงานในสถานีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์มานานกว่า 40 ปี และมีกำหนดเกษียณอายุในอีก 6 เดือนข้างหน้า

 

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เอเอฟพียังไม่สามารถติดต่อกับเจ้าหน้าที่ของบริษัทเทปโก เพื่อยืนยันข้อมูลดังกล่าวได้

 

วันนี้ (17) เฮลิคอปเตอร์ของกองทัพญี่ปุ่นได้ปล่อยน้ำราดลงบนเตาปฏิกรณ์ หน่วยที่กำลังวิกฤตของโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิมะ เพื่อดับความร้อนของแท่งเชื้อเพลิง และป้องกันการปลดปล่อยกัมมันตภาพรังสีมหาภัยที่ทั่วโลกกำลังหวั่นเกรง

 

วัตถุประสงค์ปฏิบัติการดังกล่าว คือ การปล่อยน้ำให้ท่วมแท่งเชื้อเพลิงภายในเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ที่มีความ ร้อนสูงเพื่อไม่ให้แท่งเชื้อเพลิงเหล่านั้นหลอมละลายเมื่อสัมผัสกับอากาศ และอาจปล่อยรังสีที่เป็นอันตรายออกมา

 

สำนักข่าวจิจิเพรสได้นำข้อความบนทวิตเตอร์ของสตรีชาวญี่ปุ่นคนหนึ่ง มาเปิดเผย โดยเธอระบุว่า เป็นบุตรสาวของอาสาสมัครวัย 59 ปีคนดังกล่าว และได้แสดงความภาคภูมิใจระคนกลัดกลุ้ม เมื่อทราบเรื่องที่พ่อของเธออาสาเข้าร่วมทีมกู้วิกฤตชาติ เพื่อยับยั้งการรั่วไหลของกัมมันตรังสีจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิมะ แม้ภาระหน้าที่ดังกล่าวต้องเสี่ยงอันตรายใหญ่หลวงก็ตาม

 

“ฉันต้องฝืนทนกลั้นน้ำตาเมื่อรู้ข่าวพ่อ พ่อที่กำลังเกษียณอายุในอีก 6 เดือน อาสาสมัครไป” ข้อความของเธอบนทวิตเตอร์ระบุ “พ่อพูดว่า 'อนาคตของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขึ้นอยู่กับวิธีจัดการกับวิกฤตครั้งนี้ของเรา พ่อต้องไปเพราะมันเป็นหน้าที่' ... ฉันไม่เคยภูมิใจในตัวพ่อเท่านี้มาก่อน”

 

 

 

เตือนไทยสุดเสี่ยงหลังสึนามิถล่มญี่ปุ่น โลกเข้าสู่ภัยพิบัติ หาดพัทยา-อันดามันจม!!!

 

http://www.manager.co.th/mgrWeekly/ViewNews.aspx?NewsID=9540000034183

ถูกแก้ไข โดย moddang..

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอบคุณสำหรับข่าวและข้อมูลครับคุณมดแดง

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

"เตาปฎิกรณ์ปวดท้อง" แอนิเมชั่นน่ารัก อธิบายสถานการณ์แบบญี่ปุ่น

 

http://www.youtube.com/watch?v=dmtd7-QhymI&feature=player_embedded#at=13

 

เชื่อแล้วว่าญี่ปุ่นเป็น เจ้าแห่งการสื่อสารผ่านรูปภาพ โดยเฉพาะในสถานการณ์วิกฤติโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่กำลังเผชิญ ก็ยังมีแอนิเมชั่นที่ดูน่ารัก สื่อความเข้าใจสถานการณ์เบื้องต้น ที่แม้แต่เด็กๆ ก็เข้าใจได้โดยง่าย

 

หลายคนคงได้ชมและอดไม่ได้ที่จะส่งต่อแอนนิเมชั่น "โรงไฟฟ้านิวเคลียร์กำลังปวดท้อง" ที่โพสต์ไว้ผ่านยูทูบ ซึ่งเป็นวิธีอธิบายการเกิดเหตุการณ์ที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิมะ ประเทศญี่ปุ่นกำลังเผชิญ โดยเปรียบเทียบกับการผายลมหรือ "ตด"

 

แอนิเมชั่นดังกล่าว เมื่อทีมข่าววิทยาศาสตร์ ASTVผู้จัดการออนไลน์ ได้รับการส่งต่อมา พบว่ามีผู้เข้าชมแล้วกว่าแสนคน โดยมีชาวญี่ปุ่นเป็นผู้โพสต์ และแจ้งว่า เป็นผลงานของ "คาซูฮิโกะ ฮายาชิ" (Kazuhiko Hachiya) ศิลปินสื่อ (media artist) ที่ต้องการจะบอกเล่าเรื่องราวที่ฟูกูชิมะ และมีการส่งต่อจนมีผู้แปลบทบรรยายเป็นภาษาไทย โดยใช้นามแฝงว่า "สาคุรัมโบ" ทำให้คนไทยได้เข้าใจถึงแอนิเมชั่นดังกล่าว (รวมถึงทีมข่าววิทยาศาสตร์ด้วย ขอขอบคุณไว้ ณ ที่นี้^^)

 

จากเรื่องราวในแอนิเมชั่น (ที่มีบทบรรยายภาษาไทย) ได้อธิบายตั้งแต่การเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ ทำให้ "เตาปฏิกรณ์คุง" ที่อยู่ในจังหวัดฟูกูชิมะเกิดปวดท้องขึ้นมา ถ้าเกิดเตาปฏิกรณ์คุงถ่ายออกมาจะเหม็นมาก และถ้ายิ่งลุกไหม้อีกก็จะทำให้ทุกคนเดือดร้อน

 

ดังนั้น "เตาปฏิกรณ์คุง" จึงอั้นเอาไว้ แต่ก็ผายลม "ตด" ออกมาเสียงดังทำให้ทุกคนตกใจ ซึ่ง "อึ" ที่อยู่ภายในอาจกำลังไหม้ไฟอยู่ จากนั้นจึงมีหมอมาให้ยา ซึ่งยาของเตาปฏิกรณ์คุงคือน้ำทะเล เพื่อไม่ให้ปล่อยอึออกมา แต่ก็ยังมีการผายลมออกมาบ้าง

 

ทั้งนี้ ผู้สร้างแอนิเมชั่นได้จินตนาการเปรียบเทียบการผายลม หรือ ตด ออกมาเหมือนกับการระเบิดตามที่เราได้เห็นภาพข่าว ส่วน "อึ" ที่กำลังลุกไหม้ นั่นก็คือแร่รังสีที่แกนปฏิกรณ์ ซึ่งกำลังหลอมละลายอยู่ภายใน

 

นอกจากนี้ สำหรับคนที่ยังเป็นห่วงว่ากลิ่นผายลมจะอยู่นานแค่ไหน ก็มีคำอธิบายเพิ่มโดยยกตัวอย่างกรณีโรงไฟฟ้าทรีไมล์ที่สหรัฐฯ ที่เคยผายลมครั้งใหญ่ แต่ตอนนั้นไม่มีการถ่ายออกมา และยังเปรียบเทียบกับที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์เชอร์โนบิล ที่ครั้งนั้นถ่ายออกมาในห้อง และท้องเสียอีกด้วย แถมมูลที่ถ่ายออกมาก็กระจายออกไป

 

ส่วนที่ญี่ปุ่น "เตาปฏิกรณ์คุง" ได้ใส่ผ้าอ้อมไว้แล้ว (นั่นคือแกนปฏิกรณ์ได้อยู่ในหม้อความดันสูง และมีอาคารคลุมอย่างแน่นหนา) ซึ่งถ้ามีการถ่ายออกมาคงจะไม่ไปไกล แต่มูลที่ถ่ายออกมานั้นจะหนัก ลอยไปได้ไม่ไกล

 

อีกทั้ง ยังมีข้อสงสัยว่าทำไมไม่ให้เตาปฏิกรณ์คุงอึออกมาใส่ผ้าอ้อม (เพราะการนำแกนปฎิกรณ์ออกมาจากหม้อความดันนั้นเป็นอันตราย) และจะต้องใช้งบประมาณอีกมาก ทางที่ดีจึงต้องทำให้เตาปฏิกรณ์คุงเย็นลง เพื่อจำกัดวงไม่ให้แร่ออกมาแผ่รังสี

 

นอกจากนี้ ในแอนิเมชั่นยังพูดถึงสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดคือการที่อึออกมา และเล็ดรอดออกจากผ้าอ้อมด้วย จึงต้องมีการอพยพผู้คนออกจากบริเวณนั้นออกไปก่อน และอาจจะไปปนเปื้อนอาหาร

 

ที่สำคัญ แอนิเมชั่นได้เล่าถึงการทำงานของหมอ (เจ้าหน้าที่โรงไฟฟ้า) ที่จะต้องให้ยา นั่นคือการทำให้เตาปฏิกรณ์คุงเย็นลงให้ได้ ทำให้พวกเขาจำเป็นต้องเข้าออก และผลัดเวรกันทำงาน เพราะความปลอดภายอันเนื่องมาจากปริมาณการรับรังสี ซึ่งทั้งหมดเป็นความพยายามที่จะปกป้องให้ชาวฟูกูชิมะปลอดภัย

 

ก่อนจบ ได้ทิ้งท้ายไว้ว่าเมื่อเวลาผ่านไป "อาการปวดท้องของเตาคุงจะหายแน่นอน" และสิ่งเหล่านี้คือการตอบแทนที่ผู้สร้างแอนิเมชั่นชิ้นนี้ได้รับไฟฟ้ามากมายจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิมะ

 

 

554000003675401.JPEG

 

554000003675402.JPEG

 

554000003675403.JPEG

 

554000003675404.JPEG

 

554000003675405.JPEG

 

 

 

http://www.manager.co.th/Science/ViewNews.aspx?NewsID=9540000034472

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

!031รวมเรื่องควรรู้ในพิบัติภัย-วิกฤติโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ญี่ปุ่น

 

http://www.manager.co.th/Science/ViewNews.aspx?NewsID=9540000033852

 

:mad: อุบัติเหตุโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ญี่ปุ่น จะเลวร้ายที่สุดขนาดไหน?

http://www.manager.co.th/Science/ViewNews.aspx?NewsID=9540000034120

 

:huh: เข้าใจการทำงานและอุบัติเหตุ โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ญี่ปุ่น

http://www.manager.co.th/Science/ViewNews.aspx?NewsID=9540000033629

 

:lol: อธิบายเหตุระเบิดไฮโดรเจน โรงนิวเคลียร์ไฟลุก-กัมมันตภาพรังสีรั่วไหล

http://www.manager.co.th/Science/ViewNews.aspx?NewsID=9540000033625

 

:ph34r: รู้จัก ARS "ความผิดปกติจากการได้รับรังสีสูงแบบเฉียบพลัน"

http://www.manager.co.th/Science/ViewNews.aspx?NewsID=9540000032568

 

:unsure: รับรังสีปริมาณเท่าไร ส่งผลต่อร่างกายขนาดไหน?

http://www.manager.co.th/Science/ViewNews.aspx?NewsID=9540000033951

 

:rolleyes: เผยมาตรการเตือนภัยรังสี ไทยตั้งค่าต่ำกว่าระดับอันตรายพันเท่า

http://www.manager.co.th/Science/ViewNews.aspx?NewsID=9540000033995

 

 

รับรังสีปริมาณเท่าไร ส่งผลต่อร่างกายขนาดไหน?

 

 

ยิ่งสถานการณ์อุบัติเหตุโรงไฟฟ้าพลังงาน นิวเคลียร์ที่ประเทศญี่ปุ่นที่เริ่มมาตั้งแต่วันที่ 11 มี.ค.54 เลวร้ายขึ้นเรื่อยๆ ทุกขณะ ก็ยิ่งส่งผลต่อความกังวลว่า "ปริมาณรังสี" ที่ผู้คนทั้งใกล้ไกลอาจจะได้รับ จะทำอันตรายกับพวกเราได้ขนาดไหน

 

ปริมาณการรับหรือดูดกลืนรังสี (absorbed dose) แต่ละระดับจะมีผลต่อคนเราอย่างไร? ซึ่งการได้รับรังสีปริมาณมากในครั้งเดียว (acute exposure) จะมีผลกระทบมากหรือน้อย ขึ้นกับปริมาณของรังสี ดังนี้

 

 

20 Sv มีผลต่อประสาทรับรู้ และเกิดอาการสั่นอย่างรุนแรง จากนั้นจะเสียชีวิตภายไม่กี่ชั่วโมงหลังรับรังสี

10 Sv ทำลายอวัยวะภายใน เลือดออกภายใน ความเสี่ยงที่จะเสียชีวิตในเวลาเป็นวันหรือประมาณ 2 สัปดาห์

6 Sv เจ้าหน้าที่ที่โรงไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์เชอร์โนบิลได้รับ และเสียชีวิตภายใน 1 เดือน

5 Sv ถ้าได้รับรังสีอย่างเฉียบพลันเพียงครั้งเดียว ส่งผลให้พิการไปครึ่งร่าง

1 Sv เกิดการเจ็บป่วยอันเนื่องมาจากรังสี และมีความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งในภายหลัง แต่ไม่ถึงขั้นเสียชีวิต

750 mSv ผมร่วงภายใน 2 สัปดาห์หลังจากได้รับรังสี

700 mSv อาเจียนภายในไม่กี่ชั่วโมงหลังจากได้รับรังสี

400 mSv

เป็นอัตรารังสีต่อชั่วโมงที่มากที่สุดที่ตรวจวัดได้ ที่โรงไฟฟ้าฟิกูชิมะ เมื่อวันที่ 14 มี.ค.54

350 mSv

อัตราที่ชาวเมืองเชอร์โนบิลได้รับ ก่อนอพยพออกจากเมือง

100 mSv อัตราจำกัดสำหรับคนทำงานด้านรังสีที่ให้สะสมไม่เกิน 5 ปี โดยถ้าได้รับเฉียบพลันมีความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งในภายหลัง

10 mSv รังสีที่ได้รับจากการทำซีทีสแกน 1 ครั้ง

9 mSv รังสีที่ลูกเรือสายการบินที่บินผ่านขั้วโลกเหนือเส้นทางระหว่างนิวยอร์กซิตี้และโตเกียวได้รับในแต่ละปี

2 mSv รังสีธรรมชาติที่เราได้รับเฉลี่ยต่อปี

1.02 mSv

อัตรารังสีต่อชั่วโมงที่ตรวจพบ บริเวณโรงไฟฟ้าฟูกูชิมะ เมื่อวันที่ 12 มี.ค.54

0.4 mSv รังสีที่ได้รับจากเอกซเรย์เต้านมแบบแมมโมแกรม

0.01 mSv รังสีที่ได้รับจากการเอ็กซเรย์ฟัน

 

หมายเหตุ

 

1 Sv= 1,000 mSv

1 mSv = 1,000 µSv

1 µSv = 1,000 nSv

 

Sv - ซีเวิร์ต (Sievert), mSv - มิลลิซีเวิร์ต (millisievert), µSv - ไมโครซีเวิร์ต (microsievert), nSv - นาโนซีเวิร์ต (nanosievert)

ถูกแก้ไข โดย moddang..

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Aftermath of Japan's Magnitude 8.9 Earthquake:Tsunami's Pictures of Devastation 2(march 11,2011)

 

 

http://www.youtube.com/watch?v=e1kAoMx0TUI&feature=related

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ข่าวดี! สถานการณ์นิวเคลียร์ญี่ปุ่น 'เสถียร' - เร่งกู้ไฟฟ้าหนีหายนะ ดูวีดีโอประกอบจาก Manager Multimedia

 

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 18 มีนาคม 2554 04:04 น.

 

554000003707801.JPEG

สถานการณ์ ณ โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ฟุกุชิมะของญี่ปุ่นช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมาอยู่ในภาวะเสถียร

 

เอเจนซี/เอเอฟพี - ผู้เชี่ยวชาญแห่งไอเออีเอเผยเมื่อวันพฤหัสบดี (17) สถานการณ์ ณ โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ฟูกูชิมะของญี่ปุ่นช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมาอยู่ในภาวะเสถียร แต่ยังเร็วเกินไปที่จะพูดถึงแสงแห่งความหวัง ขณะที่ฝ่ายวิศวกรทำงานตลอดทั้งคืนในความพยายามวางสายเคเบิลไปยังเตาปฏิกรณ์ เพื่อกู้ระบบหล่อเย็น

 

“สถานการณ์ ณ โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ฟุกุชิมะยังคงน่าวิตกอย่างมาก ทว่านับตั้งแต่เมื่อวานนี้ สถานการณ์ก็ไม่ได้เลวร้ายลง” เกรแฮม แอนดรูว์ ที่ปรึกษาด้านวิทยาศาสตร์และเทคนิคของประธานทบวงพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ แถลงสรุปรายวันต่อผู้สื่อข่าวที่กรุงเวียนนา ออสเตรีย

 

แอนดรูว์กล่าวต่อว่า สถานการณ์ปัจจุบัน ณ เตาปฏิกรณ์หมายเลข 1, 2 และ 3 ของโรงงาน ซึ่งแกนปฏิกรณ์นิวเคลียร์ได้รับความเสียหายจากเหตุระเบิดและไฟไหม้หลายครั้ง นับตั้งแต่ภัยพิบัติแผ่นดินไหวและสึนามิเมื่อหนึ่งสัปดาห์ก่อน ปรากฏชัดว่าอยู่ในภาวะเสถียร

 

ถ้อยแถลงของผู้เชี่ยวชาญแห่งไอเออีเอ มีขึ้นตามหลังการทำงานอย่างกระวนกระวายของเจ้าหน้าที่กู้ภัยในความพยายามลด อุณหภูมิของเตาปฏิกรณ์ด้วยการฉีดน้ำทะเลเข้าใส่เพื่อป้องกันแกนปฏิกรณ์ นิวเคลียร์หลอมละลายอันเป็นกรณีเลวร้ายที่สุดที่ทุกฝ่ายต้องการหลีกเลี่ยง

 

แต่เมื่อผู้สื่อข่าวขอให้เขาประเมินถึงความหวังในหายนะทางนิวเคลียร์ ที่ร้ายแรงที่สุดนับตั้งแต่กรณีเชอร์โนบิลเมื่อปี 1986 ทางแอนดรูว์ตอบว่า “ผมคิดว่ายังเร็วเกินไปที่จะพูดแบบนั้น มันไม่ได้เลวร้ายลง ซึ่งถือว่าเป็นทิศทางบวก แต่ขณะเดียวกันก็ยังมีความเป็นไปได้ที่มันจะเลวร้ายลงในอนาคต ดังนั้นผมจึงไม่ขอคาดเดา ผมบอกได้แต่เพียงว่าตอนนี้สถานการณ์มันเสถียรเมื่อเปรียบเทียบกับเมื่อวาน นี้”

 

อีกด้านหนึ่งมีรายงานว่า วิศวกรของญี่ปุ่นเร่งมือทำงานตลอดทั้งคืนสำหรับวางสายเคเบิลระยะทางราว 1 กิโลเมตร ไปยังโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ เพื่อหวังกู้ระบบไฟฟ้าและระบบหล่อเย็นสำหรับสูบน้ำเข้าไปลดอุณหภูมิของแท่ง เชื้อเพลิงนิวเคลียร์

 

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ไม่สามารถยืนยันได้ว่าแผนดังกล่าวจะแล้วเสร็จเมื่อไหร่และมีความ จำเป็นต้องหยุดปฏิบัติการในช่วงเช้าวันศุกร์ (18) เพื่อเปิดทางให้เฮลิคอปเตอร์และรถดับเพลิงกลับเข้าไปฉีดน้ำเลี้ยงเตาปฏิกรณ์ ของโรงงานที่ตั้งอยู่ห่างจากกรุงโตเกียวเพียง 240 กิโลเมตร “งานไม่คืบหน้าเร็วตามที่เราคาดหวังไว้” โฆษกของเทปโก บริษัทผู้ดำเนินการโรงไฟฟ้านิวเคลียร์กล่าว พร้อมบอกต่อว่าอากาศที่หนาวเย็นยังกระทบต่อการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ด้วย

 

ด้านสำนักข่าวเอ็นเอชเครายงานว่า เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ระดับกัมมันตรังสีที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิม่าไดอิชิลดลงเล็กน้อย หลังการฉีดน้ำด้วยรถฉีดน้ำประมาณหนึ่งชั่วโมงไปที่เอาคารเตาปฏิกรณ์ที่ 3

 

บริษัท โตเกียวอิเล็กทริกเพาเวอร์ เปิดเผยว่า ระดับกัมมันตรังสีที่ประตูด้านตะวันตกของโรงไฟฟ้าได้ลดลงประมาณ 20 หน่วย มาอยู่ที่ 292 ไมโครซีเวิร์ทส ต่อชั่วโมง เมื่อเวลา 20.40 น.(ตามเวลาท้องถิ่น) วันพฤหัสบดี (17) และเมื่อเวลา 23.00 น.ระดับกัมมันตรังสีลดลงต่อเนื่องเหลือ 289 ไมโครซีเวิร์ตส์ต่อชั่วโมง.

 

:D ชมวีดีโอได้ค่ะ ตามลิงค์

http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9540000034786

 

 

 

 

วิศวกรญี่ปุ่นเผยทางเลือก “เททราย-คอนกรีต” ปิดโรงไฟฟ้าหากเข้าขั้นวิกฤต

 

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 18 มีนาคม 2554 14:43 น.

554000003727601.JPEG

ภาพถ่ายดาวเทียมวันที่ 17 มีนาคม บริเวณโรงไฟฟ้าฟูกูชิมะ ไดอิจิ ซึ่งได้รับความเสียหายจากแผ่นดินไหว

 

เอเจนซีส์ - วิศวกรญี่ปุ่นยอมรับวันนี้(18)ว่า การเททรายและคอนกรีตปิดทับเตาปฏิกรณ์โรงไฟฟ้า ฟูกูชิมะ ไดอิจิ อาจเป็นทางเลือกสุดท้ายที่จะหยุดยั้งหายนะนิวเคลียร์ได้ ซึ่งเป็นวิธีที่ใช้ได้ผลมาแล้วกับโรงไฟฟ้าเชอร์โนบิลในยูเครน เมื่อปี 1986

 

 

เจ้าหน้าที่ระบุว่า ยังมีความหวังที่จะต่อสายเคเบิลไปยังเตาปฏิกรณ์อย่างน้อย 2 แห่ง เพื่อให้ระบบหล่อเย็นกลับมาใช้งานได้อีกครั้ง ขณะที่คนงานยังคงเร่งฉีดน้ำใส่เตาปฏิกรณ์หมายเลข 3 ซึ่งอยู่ในภาวะสุ่มเสี่ยงมากที่สุด

 

นับเป็นครั้งแรกที่ผู้บริหารโรงไฟฟ้าออกมายอมรับว่า วิธีเททรายและคอนกรีตเป็นอีกหนึ่งทางเลือก ซึ่งสื่อให้เห็นว่า การใช้เฮลิคอปเตอร์ขนน้ำไปเทเพื่อลดความร้อนของแกนปฏิกรณ์ยังไม่ได้ผลเท่า ที่ควร

 

“การเทคอนกรีตปิดเตาปฏิกรณ์เป็นสิ่งที่อาจทำได้ แต่ที่สำคัญในขณะนี้คือต้องลดความร้อนของเตาปฏิกรณ์ลง” เจ้าหน้าที่ เท็ปโก้ แถลงต่อสื่อมวลชนวันนี้(18)

 

ชาวโตเกียวนับล้านพากับเก็บตัวอยู่แต่ในที่พักอาศัยวันนี้(18) เนื่องจากเกรงกลัวการสัมผัสสารกัมมันตรังสีจากโรงไฟฟ้าที่อยู่ห่างออกไปทาง เหนือราว 240 กิโลเมตร แม้ผู้เชี่ยวชาญจะยืนยันว่า กระแสลมตกวันตกน่าจะพัดพาฝุ่นกัมมันตรังสีออกสู่มหาสมุทรแปซิฟิกก็ตาม

 

ไมเคิล โอเลียรี ผู้แทนองค์การอนามัยโลกในจีน ระบุว่า ระดับกัมมันภาพรังสียังไม่เป็นอันตรายต่อประชาชนที่อยู่นอกบริเวณโรงไฟฟ้า

 

“ยังไม่มีหลักฐานยืนยันว่า กัมมันตภาพรังสีระดับเข้มข้นได้ฟุ้งกระจายออกไปนอกเขตโรงไฟฟ้า”

 

ยูกิยะ อามาโนะ ผู้อำนวยการทบวงการปรมาณูระหว่างประเทศ(ไอเออีเอ) เดินทางถึงญี่ปุ่นพร้อมทีมผู้เชี่ยวชาญนานาชาติแล้ววันนี้(18) หลังจากที่เคยตัดพ้อว่า รัฐบาลญี่ปุ่นไม่แจ้งข้อมูลอย่างเพียงพอ

 

แกรแฮม แอนดรู ผู้ช่วยอาวุโสของ อามาโนะ ระบุว่า สถานการณ์ที่โรงไฟฟ้าฟูกูชิมะค่อนข้างเสถียร ขณะที่รัฐบาลญี่ปุ่นแถลงว่า เตาปฏิกรณ์ 3 แห่งยังคงมีควันหรือไอน้ำพวยพุ่งขึ้นตลอดเวลา ส่วนเฮลิคอปเตอร์ทหารที่ถูกส่งเข้าไปเทน้ำเพื่อลดอุณหภูมิแกนปฏิกรณ์ ก็ได้สัมผัสกัมมันตภาพรังสีในระดับต่ำเท่านั้น

 

ไอเออีเอ เปิดเผยว่า ระดับกัมมันตภาพรังสีที่รั่วไหลออกจากโรงไฟฟ้าอยู่ที่ประมาณ 20 มิลลิซีเวิร์ตต่อชั่วโมง ซึ่งระดับสูงสุดที่คนงานจะปฏิบัติงานอยู่ได้คือ 100 มิลลิซีเวิร์ตต่อชั่วโมง

 

แม้วิศวกรจะสามารถต่อกระแสไฟฟ้าไปยังโรงงานได้ก็ตาม แต่ยังไม่แน่ว่าเครื่องสูบน้ำจะสามารถใช้งานได้หรือไม่ เนื่องจากแผ่นดินไหวหรือแรงระเบิดที่อาคารเตาปฏิกรณ์อาจส่งผลให้เครื่องสูบ น้ำได้รับความเสียหาย นอกจากนี้ยังเกรงว่าจะเกิดการระเบิดขึ้นอีกหากไฟฟ้าลัดวงจร

 

http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9540000034996

 

เจ้าหน้าที่เท็ปโก้คนหนึ่ง ระบุว่า อาจเชื่อมกระแสไฟฟ้าไปยังเตาปฏิกรณ์หมายเลข 3 และ 4 สำเร็จภายในวันอาทิตย์(20) ซึ่งวิศวกรกำลังพยายามเชื่อมไฟให้กับเตาปฏิกรณ์ที่เสียหายน้อยที่สุดก่อน

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอบคุณคะพี่มดแดง อ่านข่าวที่ละเอียดแล้วตื่นเต้นจริง ชอบแอนิเมชั่นที่สุด เเห็นรุปแล้วยิ่งเสียดายเซนไดมาก ๆ ซากุระไม่เหลือแน่เห็นรุปแล้วน้ำตาซึมจริง เพลงญี่ปุ่นก็เพราะค่ะนักร้องผู้ชายที่มีหนวดถ้าใส่แว่นคล้ายหวานใจพี่Vanta เลย อิอิ แซวเจ้แว่นถึงนี่เลยคะ อย่าโกรธกันนาแซวด้วยความรักค่ะ ติดตามต่อปาย.

ถูกแก้ไข โดย raty

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอบคุณครับคุณมดแดง

ป.ล. ชอบ Animation ครับ เข้าใจเลย

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอบคุณคะพี่มดแดง อ่านข่าวที่ละเอียดแล้วตื่นเต้นจริง ชอบแอนิเมชั่นที่สุด เเห็นรุปแล้วยิ่งเสียดายเซนไดมาก ๆ ซากุระไม่เหลือแน่เห็นรุปแล้วน้ำตาซึมจริง เพลงญี่ปุ่นก็เพราะค่ะนักร้องผู้ชายที่มีหนวดถ้าใส่แว่นคล้ายหวานใจพี่Vanta เลย อิอิ แซวเจ้แว่นถึงนี่เลยคะ อย่าโกรธกันนาแซวด้วยความรักค่ะ ติดตามต่อปาย.

 

 

ขอบคุณครับคุณมดแดง

ป.ล. ชอบ Animation ครับ เข้าใจเลย

 

ขอบคุณค่ะ ใครมีอะไรดีๆ เอามาแบ่งปันกันดูบ้างก็ดีนะคะ เกี่ยวกับญี่ปุ่น

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Extreme Super Moon 2011,03,19

 

http://www.youtube.com/watch?v=b33hCUCLLZ8

 

Prepare for a Moon Apocalypse, Severe Weather Warning!!

In 1938 Lunar Perigee (Super Moon) blamed for New England Hurricane,

1955 the Hunter valley Floods,1974 Cyclone Tracy in Darwin, 1992 Hurricane Andrew, 2005 Katrina ...

2011 things have accelerated and already we have major disasters!

What CAN we Expect March 19th. ????

 

 

ScienceCasts: Super Moon

 

ถูกแก้ไข โดย moddang..

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

แด่...หัวใจอันทระนงของ 'ชาวอาทิตย์อุทัย'

 

 

554000003799101.JPEG

 

กระแส ธารความห่วงใยจากมหาชนทั่วโลก ยังคงหลั่งไหลมาสู่ดินแดนอาทิตย์อุทัยอย่างไม่ขาดสาย หลังเกิดมหันตภัยอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่เหตุแผ่นดินไหว คลื่นยักษ์สึนามิซัดถล่ม และล่าสุดการระเบิดของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ส่งผลให้มีชาวญี่ปุ่นจำนวนมหาศาลต้องจบชีวิตลง

 

 

 

ภาพของอุปกรณ์เครื่องใช้ ข้าวปลาอาหาร ทุนทรัพย์เล็กๆ น้อยๆ และแรงกำลังของเจ้าหน้าที่จากประเทศต่างๆ ซึ่งได้รับอนุญาตจากเจ้าภาพ ถูกส่งมายังผู้ประสบภัย กลายเป็นสิ่งเรียกน้ำตาได้อย่างดีให้แก่ผู้พบเห็น เพราะมันคือเครื่องบ่งชี้ได้อย่างดีว่า แม้แต่เส้นอาณาเขตที่กั้นอยู่ก็ไม่สำคัญเท่ากับ จิตสำนึกของความเป็นคนได้

แต่นั่นไม่สำคัญเท่ากับพลังใจจากภายในตัวของชาวญี่ปุ่นเอง ใบหน้าที่ยังคงนิ่งเฉย และยอมรับต่อสถานการณ์ความเป็นจริงอย่างเข้มแข็ง บ่งบอกว่าพวกเขาไม่ยอมจำนนต่อโชคชะตา และพร้อมที่จะยิ้มเดินหน้าต่อไป เพื่อให้ญี่ปุ่นกลับมาเป็นเหมือนเดิม โดยไม่ต้องร้องขอความเห็นใจจากใคร กลายเป็นสัญลักษณ์สำคัญที่ทำให้คนทั่วโลกต่างยกย่องหัวใจดวงน้อยๆ ของคนที่นี่นั้น ไม่ธรรมดาจริงๆ

แน่นอนปฏิเสธไม่ได้ว่า นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ทำให้หัวใจของคนญี่ปุ่นเข้มแข็งเช่นนี้ แต่เป็นเพราะประสบการณ์ที่ต้องเผชิญมาอย่างหนักหน่วง เช่น สงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งญี่ปุ่นพ่ายแพ้อย่างยับเยิน หลายเมืองถูกเครื่องบินถล่มด้วยระเบิดมากมาย รวมถึงระเบิดปรมาณูที่เมืองฮิโรชิมาและนางาซากิ แถมประเทศยังต้องอยู่ภายใต้การปกครองของชาติตะวันตกอีก กลายเป็นบทเรียนสำคัญที่ทำให้พวกเขารู้ว่าล้มไม่ได้ และถึงจะล้มก็ต้องพยายามลุกขึ้นให้เร็วที่สุด

 

ดังคำอธิบายของนักวิชาการด้านญี่ปุ่นศึกษา ปิยะ เดชะศิริ ผู้ช่วยผู้จัดการแผนก บริหารงานบุคคลและธุรการ บริษัท แคมพลาส (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเล่าว่า ญี่ปุ่นถือเป็นประเทศที่มีความเป็นชาตินิยมสูงมากๆ เพราะทุกคนต่างก็มีความเชื่อว่า ตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของประเทศชาติ เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเกิดวิกฤตครั้งไหนๆ ญี่ปุ่นก็สามารถผ่านพ้นมาได้

 

“ช่วงที่แพ้สงครามโลก ครั้งที่ 2 ญี่ปุ่นเป็นหนี้ อยู่ในสภาวะหมดทางหนีทีไล่แล้ว ก็เลยมานั่งรวมพลังในการกอบกู้ประเทศขึ้นมา โดยที่ทุกคนมีหน้าที่ของตัวเองและปฏิบัติหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด ค่าของเงิน เมื่อก่อน 1 ดอลลาร์จะแลกได้ประมาณ 240 เยน เมื่อญี่ปุ่นมีการพัฒนาเรื่องเทคโนโลยีขึ้นมาผลก็คือ ค่าเงินของญี่ปุ่นมันเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ จาก 240 เหลือไม่ถึง 100 เยนในปัจจุบัน ผลก็คือประเทศชาติอื่นที่จะเอาเงินไปแลก ได้เงินเยนน้อยลง เงินญี่ปุ่นก็แข็งขึ้นมามาก โดยผลกระทบเรื่องการส่งออกญี่ปุ่นเขาก็มีการพัฒนาตัวเองขึ้นมาให้มีค่าในการ ส่งออกไปขาย ทุกคนไม่ได้เห็นแก่ตัวเมื่อได้รับผลกระทบเพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันขึ้น มา”

 

ซึ่งกว่าจะผ่านจุดนั้นมาได้ ก็ต้องใช้ทั้งจิตวิญญาณ และระเบียบวินัยอย่างมหาศาลจึงบรรลุไปสู่เป้าหมายได้

 

“หากแปลความหมายจากภาษา ญี่ปุ่น คนที่ไม่อยู่ในกฎระเบียบ เปรียบเหมือนตะปูที่ยื่นออกมา เมื่อใดก็ตามที่คุณเป็นเหมือนตะปูที่ยื่นออกมาจากไม้แล้ว คุณจะต้องถูกตอกกลับเข้าไป ในขณะที่ประเทศอื่นๆ ไม่ได้รู้สึกสักเท่าไหร่ มันทำให้เมื่อเกิดตะปูยื่นออกมาคือ สิ่งไม่ถูกต้อง สังคมก็เพิกเฉย แต่สังคมญี่ปุ่นบอกว่าไม่ใช่นะ ต้องถูกทุบกลับเข้าไป เมื่อทั้งหมดทั้งมวลรวมกันทุกคนรู้ว่าคือหน้าที่ในการฟันฝ่าอุปสรรคของ ประเทศชาติไปด้วยกัน

 

“อย่างเหตุการณ์ที่เกิด ขึ้นมา เมื่อมองย้อนกลับไปทุกคนรับรู้ว่าคือวิกฤตคือโศกนาฏกรรม แต่ว่าขณะเดียวกันมันคือโอกาสที่ญี่ปุ่นจะทำให้คนทั้งโลกเห็นว่า เขาอยู่กันได้นะ เขามีการแก้ปัญหา วางแผนการป้องกันไว้แล้ว เมื่อเกิดปัญหาเขาไม่มีความตระหนกตกใจ”

 

554000003799102.JPEG

 

เช่นเดียวกับมุมมองของ ติ๊ก-กัญญารัตน์ จิรรัชชกิจ ดาราสาวและพิธีกรรายเซย์ไฮ ในฐานะทูตสันถวไมตรีของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งย้ำให้เห็นถึงจิตวิญญาณอันบริสุทธิ์นี้ไ ด้ซึมลึกเขาไปอยู่ในตัวตนของคนญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็นความรักศักดิ์ศรี ความมีระเบียบต่อตัวเองต่อสังคม สังเกตได้จากการเข้าคิวของคนที่นั้น ซึ่งสะท้อนความเชื่อได้อย่างดีว่า คนญี่ปุ่นมองว่า การรอจะทำให้ได้ในสิ่งที่ปรารถนา หรือการไม่ยอมรับทิป เพราะถูกสอนให้รักศักดิ์ศรีและหน้าที่การงานของตนเอง

 

“เราไม่ได้เห็นว่าเขาสอน เด็กๆ ยังไง แต่ผู้ใหญ่เขาทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดี อย่างติ๊กไปเจอเจ้าของบริษัทอะไรก็ตาม ถ้าเขาเห็นขยะ เขาจะก้มเก็บเองโดยไม่สั่งให้ใครเก็บ และไม่ได้สั่งให้ลูกน้องเอาไปทิ้งนะ เขาจะเก็บไว้กับตัวเอง ถ้าไม่มีถังขยะตามทางเดิน เขาก็จะเอาไปทิ้งที่บ้านหรือที่ทำงาน”

 

แต่เหนือสิ่งอื่นใด การจะผ่านพ้นอุปสรรคไปให้ได้จะขาดสิ่งหนึ่งไปไม่ได้เป็นอันขาดนั่นก็คือ 'ศรัทธา'

 

….เป็นศรัทธาที่มีต่อตนเอง ต่อความเชื่อ และต่อสิ่งที่ตัวเองรัก เพราะนี่คือยาอย่างดีที่จะหล่อเลี้ยงขวัญและกำลังใจให้พวกเขาสามารถกลับมามี พลังได้เช่นเดิม

 

“คนที่นั่นเขามีศรัทธาและ ความเชื่อมั่นสูงมาก แม้แต่รัฐบาลเองซึ่งถูกโจมตีหลายเรื่อง แต่คนญี่ปุ่นเองก็เชื่อว่าทุกอย่างต้องฟันฝ่าไปได้ เพราะฉะนั้นเขาเองจะมีความเชื่อว่า ผู้นำของเขาจะเป็นกลไกสำคัญ ที่จะจัดการการแก้ไขปัญหา นอกเหนือจากบริบททางสังคมเขามีพลังที่เชื่อมโยงกันที่สำคัญที่จะไปสู่การแก้ ปัญหาวิกฤตพร้อมกัน ที่ผ่านมาเขาผ่านจุดร่วมด้วย เหมือนประวัติศาสตร์ที่เขาภูมิใจว่าเคยผ่านมาได้ ครั้งนี้ก็จะผ่านไปได้ เด็กหรือคนรุ่นใหม่ได้ถูกสั่งสอนว่า เราเคยผ่านมาแล้วนะ ไม่ว่าต่อไปเราจะเกิดอะไรขึ้น เราก็พร้อม” ปิยะกล่าวสรุป

..........

 

แม้ตอนนี้ชาวญี่ปุ่นจะบาดเจ็บทั้งร่างกายและจิตใจเป็นอย่างมาก แต่การที่พยายามลุกขึ้นโดยไม่ยอมแพ้ต่อความโชคร้ายแม้แต่น้อย ก็คือคำตอบอย่างดีที่แสดงให้เห็นว่า ใจของคนที่นั่นช่างยิ่งใหญ่ขนาดไหน

 

และสิ่งเหล่านี้ได้กลายเป็นเครื่องเตือนใจชาวโลกว่า แม้ข้างหน้าจะมีขวากหนามขนาดไหน แต่ถ้าใจสู้สักอย่างก็ไม่ใช่เรื่องยากที่ฝ่าไปได้ ดั่งเช่นชาวอาทิตย์อุทัย

..........

'หัวใจนักสู้' ที่เรียกว่า 'คนญี่ปุ่น'

การต่อสู้กับความโหดร้ายของชีวิตนั้นไม่ใช่ที่ใครจะผ่านไปได้ ภาพบางอย่างอาจจะเป็นฝันร้ายที่ตามหลอกหลอนจิตใจ จนกระทั่งวันสุดท้ายของญี่ปุ่น และชาวญี่ปุ่นก็เช่นเดียวกัน เหตุการณ์ภัยพิบัติครั้งนี้คือฝันร้ายที่ทุกคนไม่อยากจะให้เกิดขึ้น แต่เมื่อต้องเผชิญแล้ว คำว่า 'สู้' คงเป็นคำตอบเดียวที่จะกล่าวขึ้นมาได้ และเรื่องราวต่อไปนี้ก็คือ การส่งเสียง 'สู้' เสียงเล็กๆ ของคนญี่ปุ่นที่จะทำให้กันได้ในยามที่ทุกคนต้องการกำลังใจอย่างสูงเช่นนี้

 

554000003799103.JPEG

 

1. รอยยิ้ม

 

ภาพชุด 'รอยยิ้ม' เกือบร้อยภาพจากฝีมือการวาดของทาเคฮิโกะ อิโนะอุเอะ เจ้า ของผลงาน ‘Slam Dunk’ อาจจะดูสิ่งธรรมดาๆ หากปรากฏขึ้นในยามปกติ แต่สำหรับยามวิกฤตที่ทุกคนกำลังอ่อนล้าเช่นนี้ รอยยิ้มเล็กๆ อาจจะมีค่ามหาศาลก็เป็นได้ แม้สิ่งนั้นจะเป็นเพียงแค่การ์ตูนลายเส้นเท่านั้นเอง แต่ทว่าทุกภาพกลับอัดแน่นไปด้วยพลังของความห่วงใยที่มีให้กัน ราวกับมีนัยที่จะบอกให้ทุกคนได้รู้ว่า 'ไม่เป็นไร จงยิ้มและก้าวต่อไปข้างหน้า' แค่นี้ก็คงเพียงพอแล้วที่ชาวญี่ปุ่นต้องการ (ติดตามผลงานของอิโนะอุเอะได้ที่ http://twitpic.com/48u69p)

 

554000003799104.JPEG

2. กัมบาเระ

 

คำพูดหนึ่งที่ยังคงติดปากของคนญี่ปุ่นไม่ว่ายุคไหนสมัยไหน ก็คือ 'กัมบาเระ' ซึ่งแปลเป็นไทยง่ายๆ ว่า 'พยายามต่อไป' หรือ 'สู้ๆ' ซึ่งเหตุผลอาจจะเป็นเพราะคนที่นั่นต้องเผชิญโศกนาฏกรรมมาไม่รู้กี่หนแล้ว แน่นอนแม้นี่จะเพียงคำพูดสั้นๆ แต่เชื่อหรือไม่ว่า มันกลับมีคุณค่ามหาศาลอย่างยิ่งในช่วงวิกฤตนี้ เพราะบางทีคำพูดแค่นี้ อาจจะสร้างเรียกพลังใจที่เคยแตกสลายให้คืนกลับมาอีกครั้งได้ และที่สำคัญ นี่คือเครื่องสะท้อนจิตใจและตัวตนของคนญี่ปุ่นอย่างดีว่าพวกเขาห่วงเป็นใย เพื่อนร่วมชาติมากขนาดไหนอีกด้วย

 

554000003799105.JPEG

3. น้ำกิน-น้ำใจ

 

หากเป็นประเทศอื่นอาจเกิดการตะลุมบอนกันแล้ว แต่สำหรับญี่ปุ่นแล้ว เรื่องน้ำใจถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุด อย่างเรื่องราวจากอินเทอร์เน็ตของผู้ชายไทยคนหนึ่ง ซึ่งเล่าประสบการณ์ช่วงที่อยู่ที่นั่นว่า แทบจะไม่มีน้ำกินเลย เพราะไปร้านไหนๆ ต่างก็ถูกกวาดซื้อไปหมด แต่อย่างน้อยเขาก็หวังพระเจ้าคงจะใจดีประทานน้ำให้แก่เขาสักนิด จึงได้เดินทางออกไปหาซื้อน้ำอีกรอบ ระหว่างนั้นก็เจอคนญี่ปุ่นที่ข้างทาง ซึ่งก็ถามเขาว่าจะไปไหน จึงตอบไปว่า ไปซื้อน้ำแล้วก็จากไป แน่นอนว่าผลที่เป็นไปอย่างที่คาด เขากลับบ้านมาอย่างเหนื่อยล้าและผิดหวัง แต่เมื่อตื่นเช้าขึ้นมากลับพบว่ามีน้ำอยู่ 4-5 ขวดบรรจุอยู่ในถุงอย่างดีพร้อมกับข้อความเล็กๆ แขวนไว้หน้าประตู ซึ่งก็เป็นน้ำจากคนญี่ปุ่นนั่นเอง

 

554000003799106.JPEG

4. ห้องน้ำยามยาก

 

ไม่บ่อยนักที่ใครจะยอมให้คนอื่นเข้าไปใช้ห้องน้ำในบ้านตัวเอง แต่ไม่ใช่สำหรับผู้หญิงคนนี้แน่ๆ เพราะในยามที่รถไฟฟ้าต้องปิดให้บริการ ส่งผลให้ชาวญี่ปุ่นจำนวนมากต้องเดินเท้ากลับบ้าน หลายคนจึงปวดหนักปวดเบาเป็นเรื่องธรรมดา ซึ่งก็มีหลายๆ บ้านใจดี ติดป้ายว่า 'เชิญใช้ห้องน้ำได้ค่ะ' แค่ป้ายเล็กๆ ก็ทำเอาคนน้ำตาไหลเป็นกองแล้ว

 

 

554000003799107.JPEG

5. วีรบุรุษโรงไฟฟ้า

ในช่วงที่เกิดเหตุโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ระเบิดดูเหมือนทุกคนจะพยายามถอย หนีกันหมด แต่สำหรับผู้ชายวัย 59 ปีคนหนึ่งกลับยืนหยัดจะกู้วิกฤตชาติครั้งนี้ เพื่อยับยั้งการรั่วไหลของกัมมันตรังสีจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกุชิมะ โดยบุตรสาวของเขาได้ทวิตข้อความกินใจเอาไว้ว่า “พ่อพูดว่า อนาคตของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขึ้นอยู่กับวิธีจัดการกับวิกฤตครั้งนี้ของเรา พ่อต้องไปเพราะมันเป็นหน้าที่...ฉันไม่เคยภูมิใจในตัวพ่อเท่านี้มาก่อน”

 

ฯลฯ

 

 

http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9540000035643

ถูกแก้ไข โดย moddang..

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

“รวมกันเราอยู่” บรรยากาศจากศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัย “สึนามิญี่ปุ่น”

 

554000003831001.JPEG

ผู้ประสบภัยประมาณ 1,000 คน ต้องอยู่รวมกันในหอประชุมโรงเรียนไดอิชิ เมืองริคุเซนตาคาตะ จังหวัดอิวาเตะ

 

 

เอเอฟพี - ป้ายบนผนังหอประชุมโรงเรียนมัธยมต้นแห่งหนึ่งในญี่ปุ้น ซึ่งปัจจุบันกลายเป็นบ้านของผู้ประสบภัยสึนามิจำนวนนับพันคน ระบุข้อความไว้ว่า “เรามาร่วมด้วยช่วยกัน รวมกันเป็นหนึ่ง สามัคคีคือพลัง”

 

ศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยในโรงเรียนไดอิชิ เมืองริคุเซนตาคาตะ เป็นบทพิสูจน์ถึงจิตวิญญาณแห่งชาวอาทิตย์อุทัยญี่ปุ่น ที่ฟันฝ่าวิกฤตโศกนาฏกรรมครั้งเลวร้ายร่วมกัน อาสาสมัครทั้งหมด 21 คนของศูนย์แห่งนี้ ส่วนใหญ่ก็เป็นผู้ประสบชะตากรรมเดียวกัน ทั้งสูญเสียบ้าน และสมาชิกครอบครัว ไปพร้อมกับคลื่นยักษ์สึนามิ และยังคงเป็นความหวัง และสร้างพลังความมุ่งมั่นให้กับผู้ประสบภัย

 

“เรากำลังประสบปัญหาขาดแคลนน้ำและอาหาร ห้องน้ำก็มีไม่พอใช้” สึโตมุ นากาอิ กล่าว เขาเป็นผู้อำนวยการสภาหอการค้าท้องถิ่น และตอนนี้รับหน้าที่ดูแลผู้ประสบภัยกว่า 1,000 คน ซึ่งกินอยู่หลับนอนในหอประชุมโรงเรียนไดอิชิ

 

“เราต้องการน้ำมันสำหรับเครื่องทำความร้อน ตอนนี้ผ้าห่มกำลังขาดแคลน และโดยไม่ต้องเอ่ยปากขอ ผู้ประสบภัยช่วยกันคนละไม้คนละมือ พวกเขาทำความสะอาดห้องน้ำ ระเบียง และโรงยิม หรือไม่ก็ช่วยทำอาหารให้คนอื่นๆ” สึโตมุ นากาอิ เล่า “ทุกคนต่างทำสิ่งที่ตัวเองถนัด เพื่อช่วยเหลือเกื้อกูลสังคม”

 

นากาอิ กล่าวว่า คงไม่แปลกที่ผู้ประสบภัยจะกล่าวถึงสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างหมดอาลัยตายอยาก หลังพื้นที่ตลอดชายฝั่งราบเป็นหน้ากลองจากคลื่นสึนามิ เมื่อวันที่ 11 มีนาคม แต่ “ผมไม่แน่ใจว่า นี่เป็นลักษณะนิสัยของชาวญี่ปุ่น หรือเฉพาะผู้คนในเมืองริคุเซนตาคาตะ เมื่อไม่มีใครตัดพ้อถึงหายนะที่เกิดขึ้น ทุกคนต้องการทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด”

 

หลังเกิดคลื่นสึนามิถล่มเมือง ชาวริคุเซนตาคาตะต่างรวมตัวกันที่โรงเรียนไดอิชิทันที

 

ในช่วงเย็นวันที่เกิดเหตุ ผู้คนจากพื้นที่ประสบภัยต่างๆ ของเมืองได้เสนอตัวเป็นอาสาสมัคร โดย สึโตมุ นากาอิ ได้ตั้งศูนย์ประสานงานขึ้นในห้องเรียนวิชาคหกรรม ภายในโรงเรียนไดอิชิ หอประชุมโล่งกว้างของโรงเรียนได้กลายเป็นพื้นที่หลับนอนหลักๆ โดยครอบครัว หรือ คู่สามีภรรยา ต่างจับจองพื้นที่นอนใก้ลๆ กัน และรอบกายรายล้อมไปด้วยข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัว ซึ่งแต่ละคนสามารถเก็บออกมาจากบ้านเรือนที่เหลือเพียงซากปรักหักพัง

 

ห้องหนึ่งกลายเป็นศูนย์พยาบาลของสภากาชาดญี่ปุ่น ขณะที่อีกห้องหนึ่งกลายเป็นคลีนิกทันตกรรรมขนาดย่อมๆ นอกจากนี้ ห้องเรียนต่างๆ ก็ใช้เป็นสถานที่รับเลี้ยงเด็ก หรือ ได้รับการสงวนไว้สำหรับผู้สูงอายุและผู้ป่วย อีกหลายๆ ส่วนใช้สำหรับเก็บของ ซึ่งผู้ที่อยู่ในหมู่บ้าน หรือเมืองที่รอดพ้นคลื่นสึนามิ ช่วยกันบริจาคให้

 

อาสาสมัครส่วนหนึ่งคอยแยกเสื้อผ้าหญิง-ชาย ไว้คนละกล่อง อีกส่วนคอยดูแลเรื่องอาหารให้กับเพื่อนผู้ประสบชะตากรรมเดียวกัน

 

ในกลุ่มผู้ประสบภัยที่ผันตัวเองมาเป็นอาสาสมัครล้วนเต็มไปด้วย มิตรภาพระหว่างกัน ทว่า ยังมีผู้ประสบภัยบางคนที่ยอมปล่อยให้ตัวเองว่างงาน อาทิ รินโซ ชิคุสึ หนึ่งในผู้ประสบภัย กล่าวว่า “เราไม่มีอะไรจะทำ นอกจากอ่านหนังสือพิมพ์ที่มีให้” ส่วน จูอิชิ คันโนะ ต้องคอยอุ้มเหลนชายวัย 17 เดือนเดินไปเดินมาอยู่ในหอประชุมโรงเรียนไดอิชิ เนื่องจากหนูน้อยรายนี้เกิดอาการกระจองอแงไม่เลิก ด้วยอายุเพียง 17 เดือนยังน้อยเกินกว่าที่จะเข้าใจ ว่า แม่ไม่มีวันกลับมาอีกแล้ว

 

“ผมไม่ได้ทำอะไรเลย” จูอิชิ คันโนะ เล่า “ผมแค่นั่งเฉยๆ” ด้าน โทกิโกะ ภรรยาของคันโนะกล่าวว่า “เหตุการณ์มันเลวร้าย แต่ทุกคนอยู่บนเรือลำเดียวกัน .. คุณจะมานั่งตัดพ้อไม่ได้”

 

ภายนอกหอประชุมโรงเรียนไดอิชิ มีกลุ่มผู้ชายยืนสูบบุหรี่อย่างซึมเศร้าอยู่รอบๆ เตาไฟ เนื่องจากอากาศที่หนาวเย็น กลุ่มคนเหล่านี้ต่างทำงานหนักมาตลอดชีวิต เก็บหอมรอมริบ เพื่อสร้างบ้านขึ้นมาสักหลัง ซึ่งตอนนี้พังทลายลงไม่เหลือ บางครั้ง ผู้ประสบภัยจะแบกความหวัง เดินไปยังฝ่ายประชาสัมพันธ์ของโรงเรียน เพื่อตรวจดูรายชื่อผู้รอดชีวิตจากคลื่นสึนามิที่แจ้งไว้บนกระดาน ภาวนาให้เจอชื่อคนในครอบครัว

 

554000003831002.JPEG

กระดาน รายชื่อผู้รอดชีวิตเป็นกระดานแห่งความหวังที่ผู้ประสบภัยวนเวียนมาดูอยู่ เสมอ และภาวนาให้เจอชื่อคนรู้จัก หรือ สมาชิกครอบครัวที่ยังหายสาบสูญ

 

554000003831003.JPEG

ผู้ประสบภัยเลือกเสื้อผ้าที่มีผู้บริจาค ซึ่งมีอาสามัครคอยคัดแยกเสื้อผ้าของผู้หญิง ผู้ชาย

 

554000003831004.JPEG

ห้องพยาบาลของสภากาชาดญี่ปุ่นในศูนย์ผู้ประสบภัย

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

กัมมันตภาพรังสี’ เรื่องร้ายๆ ก็มี เรื่องดีๆ ก็มาก

 

 

 

 

การ เกิดแผ่นดินไหวและสึนามิครั้งใหญ่ในประเทศญี่ปุ่นที่ผ่านมานั้น นอกจากจะสร้างความเสียหายให้แก่ชีวิตและทรัพย์สินของชาวญี่ปุ่น จนเกิดเป็นโศกนาฏกรรมที่คนทั้งโลกให้ความสนใจและเอาใจช่วยแล้ว ผลกระทบของมันยังส่งแรงสั่นสะเทือนตามมาอีกไม่น้อย

 

เพราะการเกิดแผ่นดินไหวและสินามิในครั้งนี้ ทำให้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ที่ฟูกูชิมะ เมืองเซนได จังหวัดมิยางิ เกิดการรั่วไหลของสารกัมมันตรังสีขึ้น ทำให้ประชาคมโลกเกิดความหวาดหวั่นว่าเหตุการณ์การรั่วไหลในครั้งนี้ จะไปซ้ำรอยกับเหตุการณ์อุบัติเหตุทางนิวเคลียร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติ ศาสตร์ของมนุษยชาติ อย่างกรณีเชอร์โนบิล ในประเทศประเทศยูเครน (สหภาพโซเวียตเดิม) ที่ส่งผลกระทบรุนแรงต่อคนในพื้นที่มาจนถึงทุกวันนี้

 

และทั้งหมดนั้นทำให้คำว่า ‘สารกัมมันตรังสี’ และ ‘กัมมันตภาพรังสี’ ได้รับความสนใจจากประชาชนทั่วโลกขึ้นมาอีกครั้ง

 

สารกัมมันตรังสี?

 

แม้ว่าคำคำนี้จะขึ้นแท่นคำที่ฮิตตามหน้าหนังสือพิมพ์ที่สุดใน ปัจจุบัน แต่ก็เชื่อว่ามีน้อยคน ที่จะเข้าใจว่า แท้จริงแล้ว สารกัมมันตรังสีและกัมมันตภาพรังสีมันคืออะไร มาจากไหน และเอาไปทำอะไรได้บ้าง เพราะมันดูเป็นเรื่องของวิทยาการที่ห่างไกลจากกระบวนการรับรู้ของคนทั่วไป

 

“ถ้าจะให้อธิบายอย่างง่ายๆ กัมมันตรังสีเกิดจากในอะตอม มันมีนิวเคลียสซึ่งเป็นศูนย์กลางของอะตอม ซึ่งมันมีแรงนิวเคลียร์ยึดโยงให้มันเสถียรกันอยู่ และถ้าเกิดมันไม่เสถียรขึ้นมา นิวเคลียสก็จะสลายตัวและปล่อยพลังงานที่เป็นรังสีออกมา”

 

ชาญกิจ คันฉ่อง อาจารย์ประจำภาควิชาฟิสิกส์และวัสดุศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พยายามอธิบายถึงที่มาของกัมมันตภาพรังสี ในแบบที่ง่ายต่อการทำความเข้าใจ

 

“กัมมันตรังสีมีอยู่หลายแบบ มันมีเบต้า แกมมา อัลฟา ซึ่งพลังงานและประสิทธิภาพในการทะลุทะลวงที่มีนั้นมันจะแตกต่างกันไปตาม คุณสมบัติของนิวเคลียสที่ให้กำเนิดมันขึ้นมา คำถามต่อมาก็คือ แล้วรังสีพวกนี้มันกลายเป็นพลังงานได้อย่างไร คำตอบก็คือ พลังงานก็อยู่ในรังสีที่มันแผ่ออกมานั่นแหละ และรังสีพวกนี้ก็จะถ่ายทอดพลังงานให้อากาศหรือวัสดุต่างๆ ที่อยู่รอบๆ และกลายเป็นพลังงานความร้อนในที่สุด อย่างในเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์นั้น เขาจะเอาพลังงานที่ได้ไปหมุนกังหันเพื่อจะผลิตกระแสไฟฟ้านั่นเอง”

 

ซึ่งแน่นอนว่า เจ้าสารกัมมันตรังสีเหล่านี้นั้น ย่อมมีผลต่อมนุษย์แน่นอน ดังนั้น ข่าวคราวการรั่วไหลของสารกัมมันตรังสีจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ที่ฟูกูชิมะ จึงเป็นสิ่งที่น่าหวาดกลัวไม่น้อย

 

“ถ้าจะว่าไปร่างกายของมนุษย์ก็เป็นวัสดุชนิดหนึ่งเหมือนกัน พอมีรังสีที่มีอานุภาคพลังงานสูงเข้ามาในร่างกายมันก็จะส่งผลกระทบต่างๆ กันไป อย่างแรกเลย ถ้ารับมาโดยตรง มันก็จะเกิดความร้อน มีการเผาไหม้ขึ้นมา ด้านต่อมาถ้ารังสีลงไปถึงระดับดีเอ็นเอ จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงรูปแบบ การทำงานของเซลล์ก็จะผิดปกติ ทำให้มีพยาธิสภาพต่างๆ และมันก็จะส่งผลไปถึงการแตกตัวของเซลล์จนเกิดเป็นมะเร็งได้

 

“นอกจากนั้นนิวเคลียสที่สามารถปล่อยรังสีออกมาได้นั้น มันมีช่วงครึ่งชีวิตที่มีระยะเวลายาวนานไม่เท่ากัน มีตั้งแต่ไม่กี่วินาทีจนไปถึงหมื่นๆ ปีก็มี ซึ่งระหว่างนั้น มันก็จะเปล่งรังสีออกมาเรื่อยๆ ถ้ามันอ่อน มันจะไม่ทำให้ผิวหนังไหม้หรอก แต่มันจะเข้ามาทำลายเซลล์ ทำลายดีเอ็นเอของมนุษย์แทน และทำให้เป็นหมันได้ด้วยนะ”

 

กัมมันตภาพรังสีในชีวิตประจำวัน

 

หลายคนคงยังไม่ทราบว่าในชีวิตประจำวัน มนุษย์ก็อยู่กับกัมมันตภาพรังสีตลอดเวลาอยู่แล้ว เพราะถ้าเอาเครื่องวัดรังสีไปวัดมันก็จะจับได้ ทว่ากัมมันตภาพรังสีเหล่านั้นมันอ่อนเกินไปที่จะทำอันตรายต่อร่างกาย หรือถ้าจะมีอันตรายมันก็น้อยมาก จนร่างกายของมนุษย์สามารถผลิตเซลล์ออกมาชดเชย หรือใช้เม็ดเลือดขาวก็กำจัดมันไปได้ นอกจากนี้ตึกรามบ้านช่องที่อาศัยอยู่ มนุษย์ก็เอาก้อนแร่ธาตุต่างๆ มาใช้เป็นวัสดุ ดังนั้นรังสีพวกนี้มันคือสิ่งอยู่รอบตัวอยู่แล้วโดยที่อาจจะไม่รู้ตัว

 

“การนำกัมมันตรังสีพวกนี้มาใช้ประโยชน์ นั้น เหมือนกับการใช้มีด ถ้าใช้ไม่ดีมันก็บาดมือ ซึ่งจริงๆ แล้วมันมีการนำมาใช้ประโยชน์ในหลายด้านเลยทีเดียว”

 

ชาญกิจ เล่าให้เราฟังต่อถึงประโยชน์ของกัมมันตภาพรังสีในชีวิตประจำวัน

 

“ในด้านสุขภาพนั้นจะใช้เยอะ อย่างรังสีเอ๊กซ์ มันผ่านทะลุร่างกายได้ดี แต่ทะลุของทึบแสงอย่างกระดูกได้ไม่ดีเท่า ทางการแพทย์ก็เอาคุณสมบัตินี้มาใช้ในการตรวจสอบอวัยวะภายใน คุณสมบัติต่อมา อย่างที่บอกไปแล้วว่า รังสีบางอย่างสามารถทำลายเซลล์ได้ ถ้าสามารถที่จะทำให้มันเป็นก้อนเล็กๆ และโฟกัสลงไปเฉพาะส่วนก็จะช่วยรักษามะเร็งได้เหมือนกัน โดยวิธีนี้เรียกกันว่าการทำรังสีบำบัด”

 

นอกจากนั้น ทางการแพทย์ยังมีสาขาวิชาที่เรียกกันว่า เวชศาสตร์นิวเคลียร์ (Nuclear Medicine) เกิดขึ้นมา ซึ่งว่าด้วยเรื่องของการใช้สารกัมมันตรังสีในการตรวจรักษาโรค

“ส่วนในด้านอุตสาหกรรม สามารถใช้รังสีตรวจสอบการแตกของท่อที่มีการรั่วซึม หรือปริมาตรของวัสดุที่ไม่สามารถผ่าออกมาดูได้ ใช้ตรวจสอบความหนาแน่นของสายแร่ และอีกมากมาย”

 

นอกจากนั้น ยังมีการนำเอารังสีบางชนิดไปใช้กับการเกษตรและอาหารอีกด้วย

 

“แต่ด้านที่สำคัญที่สุดนั้น ก็คือการนำเอากัมมันตภาพรังสีมาใช้ในด้านพลังงาน โดยทำให้มันกลายเป็นความร้อนเพื่อนำเอาไปเปลี่ยนเป็นพลังงานไฟฟ้าต่อไป”

กัมมันตภาพรังสีมีความเสี่ยง

จากที่ผ่านมา มนุษย์ได้ตระหนักแล้วว่า กัมมันตภาพรังสีนั้น เป็นสิ่งที่อยู่รอบๆ ตัวอยู่ตลอดเวลา และในวันดีคืนดี ถ้าหากรู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็อาจจะโดนแจ็กพอตเข้าง่ายๆ อย่างกรณีที่เกิดขึ้นเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว ที่นาย จิตรเสน จันทรสาขา ซึ่งมีอาชีพเป็นคนปั่นซาเล้งเก็บของเก่า ที่บังเอิญไปเก็บเอาแท่งประหลาด ซึ่งภายในบรรจุสารโคบอลต์-60 มาจากโกดังของบริษัท กมล สุโกศล อิเลคทริค จำกัด เพราะหวังจะนำเอาสเตนเลสไปขาย แต่นั่นก็ทำให้เขาได้รับกัมมันตภาพรังสีที่เปล่งแผ่ออกมาจากสารโคบอลต์ - 60 ไปเต็มๆ ทำให้มือทั้งสองข้างของเขาและเพื่อนซาเล้งอีกคนที่ช่วยกันแยกส่วนแท่งบรรจุ สารโคบอลต์ - 60 เน่าเปื่อยอย่างไม่มีสาเหตุ และยังส่งผลให้อีกหลายชีวิตที่อยู่ใกล้กับแท่งบรรจุสารโคบอลต์ - 60 ต้องเจ็บป่วยด้วยอาการต่างๆ ไปตามๆ กัน

 

นั่นเป็นกรณีของผู้ที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ที่เป็นเหยื่อของสาร กัมมันตรังสี แต่กับคนที่ต้องอยู่กับสารกัมมันตรังสีทุกวันล่ะ เขาจะรู้สึกอย่างไร

 

“ไม่กลัวครับ”

 

นั่นคือความรู้สึกของ รศ.นพ.ธวัชชัย ชัยวัฒนรัตน์ หัวหน้าสาขาเวชศาสตร์นิวเคีลยร์ ฝ่ายรังสีวิทยา โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์

 

“สำหรับบุคลลากรที่ทำงานทางการแพทย์ก็มีโอกาสที่ได้รับรังสี ที่เปล่งออกมาในการรักษาคนไข้ เรามีวิธีป้องกันไม่ให้รังสีที่เปล่งออกมามากเกินไป จนกระทั่งเราได้รับอันตราย คือเราจะพยายามให้ระยะเวลาที่เราจะไปอยู่ในบริเวณรังสีน้อยที่สุด และมีเครื่องกำบังร่างกายก็น่าจะปลอดภัยแล้ว”

 

ส่วนในมุมของผู้ป่วยโรคมะเร็งที่ทำการรักษาตัวด้วยวิธีการแบบรังสี บำบัดที่ต้องรับกัมมันตภาพรังสีโดยตรงเพื่อต่อสู้กับเนื้อร้ายอย่าง อัมพร ดวงศรี ซึ่งป่วยเป็น มะเร็งปากมดลูก มาตั้งแต่ปี 2552 กล่าวว่า

 

“เรารู้อยู่แล้วว่ามันคือการฉายกัมมันตภาพรังสีชนิดหนึ่ง ก็ไม่กลัวนะ แต่คนรอบข้างจะเป็นห่วงมากกว่า เพราะคนใช้วิธีนี้กันเยอะ คือถ้ารักษาได้ก็ดี แต่ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไร การฉายรังสีไม่มีอาการเจ็บแต่มีผลข้างเคียง คืออาเจียนมาก พอฉายรังสีครบ 25 ครั้ง คุณหมอก็จะทำการฝังแร่เพื่อให้แผลเรียบร้อย แต่ในรุ่นใหม่ใช้การเข้าแร่ โดยไม่ต้องฝัง คือการให้น้ำแร่ในช่องคลอด”

 

.........

 

เอาเข้าจริงแล้ว สารกัมมันตรังสีมันก็เหมือนทุกสิ่งในโลกที่มีทั้งด้านดีและด้านร้าย ซึ่งการที่มันจะสำแดงด้านไหนออกมานั้น ก็อยู่ความรอบคอบของผู้ที่นำมันมาใช้เป็นสำคัญ ถ้าหากผู้รับผิดชอบตั้งตนอยู่บนความไม่ประมาท โศกนาฏกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับกัมมันตภาพรังสีที่เราได้ยินได้ฟังผ่านสื่ออยู่ทุกวันนี้ก็ คงจะไม่เกิดขึ้น

 

หรือถ้ามันจะเกิดก็คงไม่เลวร้ายและรุนแรงถึงขนาดนี้.

 

 

 

 

http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9540000036133

ถูกแก้ไข โดย moddang..

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...