ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
ginger

ใบไม้ผลิบนดวงจันทร์

โพสต์แนะนำ

blank.gif 4 คำไทย เคล็ดลับฝึกธรรมะให้ลูก/สรวงมณฑ์ สิทธิสมาน

blank.gif โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 31 กรกฎาคม 2555 07:58 น. blank.gif 555000009836301.JPEG

ขอบคุณภาพจากโรงพยาบาลมนารมย์ blank.gif blank.gif

ช่วงเดือนที่ผ่านมาดูเหมือนจะได้ยินข่าวคราวเรื่องร้าย ๆ เกี่ยวกับเด็กและเยาวชนแทบรายวันกันเลยทีเดียว ซึ่งเกิดเป็นข้อกังขาและคำถามตัวโต ๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นกับสังคมไทย..!!!

 

ปัญหาเรื่องความก้าวร้าวที่นับวัน ถี่และรุนแรงมากขึ้น

 

ปัญหาเรื่องวัยรุ่นยกพวกตีกันทั้ง ๆ ที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ก็หนักหน่วงและบานปลายไปเรื่อยๆ

ปัญหาเรื่องพฤติกรรมทางเพศที่ไม่เหมาะสม ก็พิสดารมากขึ้นทุกที ล่าสุดพบข่าวช็อคสังคมประเภทวัยรุ่นเข้าม่านรูดเพื่อสวิงกิ้ง

หรือแม้แต่ปัญหาบางปัญหาที่เราไม่คิดว่ามันน่าจะเกิดขึ้นด้วยฝีมือของเด็กหรือเยาวชน แต่ก็เกิดขึ้นจนได้…!!!

 

แล้วผู้ใหญ่ในสังคมจะเพิกเฉย ปล่อยปัญหาเหล่านี้ผ่านไป หรือยอมจำนนต่อปัญหา หรือจะลุกขึ้นมาทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เพื่อหาทางปกป้อง สร้างภูมิต้านทานให้ลูกหลานเยาวชนของเราเติบโตขึ้นไปเป็นผู้ใหญ่ที่ดีให้ได้ หรืออย่างน้อยก็ไม่ก่อปัญหาให้สังคม

จริงอยู่ด้วยสภาพปัญหาที่สะสมสลับซับซ้อนมาอย่างยาวนาน และไม่ได้รับ

การแก้ไขอย่างจริงจังสักที แต่ถ้ายิ่งปล่อยไว้เช่นนี้ ก็นึกภาพไม่ออกเหมือนกันว่ารุ่น

 

ลูกหลานของเราเติบโตขึ้นมา จะอยู่ในสังคมแบบไหนกัน..!!

 

อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันสำคัญทางพุทธศาสนาทำให้อดคิดไม่ได้ว่า ส่วนหนึ่งซึ่งเป็นส่วนใหญ่ของปัญหาที่เกิดขึ้น เนื่องจากผู้คนยุคนี้ห่างไกลจากเรื่องธรรมะ และขีดกรอบเรื่องธรรมะเพียงการเข้าวัด ทำบุญ ไหว้พระ เท่านั้น

 

แต่สิ่งที่ขาดหายคือการนำเรื่องหลักธรรมหรือแก่นของธรรมะมาครองตน ครองใจ อย่างแท้จริงต่างหาก

ดิฉันนึกถึงท่านภิกษุณีธัมมนันทา (รศ.ดร.ฉัตรสุมาลย์ กบิลสิงห์) หรือที่เรียกกันติดปากว่าหลวงแม่ เจ้าอาวาสวัตรทรงธรรมกัลยาณี ภิกษุณีอาราม ได้พูดถึงเรื่องธรรมในงานเสวนาเรื่อง “อาหารเลี้ยงกาย ธรรมเลี้ยงใจ” เมื่อหลายปีก่อน ซึ่งดิฉันทำหน้าที่เป็นผู้ดำเนินรายการ แต่ยังคงประทับใจและจดจำเรื่องราวดี ๆ เพราะเนื้อหาครั้งนั้นควรค่าแก่การที่คนเป็นพ่อแม่ควรนำมาเป็นหลักธรรมในการปลูกฝังเรื่องธรรมให้กับลูกของเรา

 

ขออนุญาตนำบางส่วนมากระตุ้นเตือนพ่อแม่ให้ตระหนักถึงการเลี้ยงดูลูกในยุคปัจจุบันที่ควรปลูกฝังเรื่องธรรมะให้กับลูกในระดับชีวิตประจำวัน

 

หลวงแม่กล่าวว่า ควรจะเลี้ยงลูกให้เป็นธรรมชาติ ธรรมก็คือธรรมชาติ อย่าเลี้ยงให้ผิดธรรมชาติ และควรได้รับการปลูกฝังตั้งแต่เล็ก พร้อมทั้งได้ยกคำไทยในอดีต 4 คำ ซึ่งมีความหมายที่ดีมาก และมีความหมายที่ลึกซึ้ง แต่เรามักจะมองข้ามหรือละเลยไป ทั้งๆ ที่มันมีอยู่ และควรนำมาใช้ในชีวิตประจำวัน

 

คำไทยทั้ง 4 คำ ได้แก่

 

หนึ่ง ฝึกฝน

 

ฝึก คือ ต้องให้ลูกได้ฝึกสิ่งดีๆ เช่น เรื่องวินัยก็ต้องฝึก สิ่งไหนดีก็ปลูกฝังซ้ำ ๆ บ่อยๆ ตั้งแต่เล็ก

ฝน คือ ฝนออกไป เช่น เหลี่ยมมุมต่าง ๆ ก็ต้องฝนออกไป เปรียบเป็นสิ่งที่ไม่ดี พ่อแม่ก็ต้องฝนออกไป

 

สอง อบรม

 

อบ คือ การอยู่ในพื้นที่จำกัด หมายความว่า การเลี้ยงดูลูกของเรา ก็ต้องมีการจำกัดพื้นที่ มีขอบเขต พ่อแม่ควรสอนให้ลูกรู้ว่าอะไรทำได้ อะไรทำไม่ได้ก็ต้องบอก ต้องสอน ไม่ใช่ปล่อยให้อิสระ อยากทำอะไรก็ทำ ถึงแม้จะอิสระก็ต้องมีข้อจำกัด

 

รม คือ เรื่องของกลิ่น เมื่อมีการอบ ก็ต้องมีการรม เปรียบเหมือนการทำขนมไทยที่ต้องผ่านกระบวนการอบและรม สุดท้ายจะเป็นขนมไทยที่อร่อยและหอมด้วย

 

สาม บ่มเพาะ

 

บ่ม ถ้าเปรียบกับมะม่วงก็ต้องรอให้ผลมันสุกเสียก่อน จึงกินได้ ดั่งประโยคที่ว่า “อย่าชิงสุกก่อนห่าม” เป็นเรื่องที่ถูกต้อง เพราะขั้นตอนของมันควรจะรอให้ห่ามก่อนแล้วค่อยสุก ถ้าไปชิงสุกก่อนห่าม ก็เป็นวัยที่ไม่เหมาะเพราะยังไม่ถึงเวลา เพราะฉะนั้น เรื่องวัยเป็นเรื่องสำคัญ จะทำอะไรก็ต้องเหมาะกับวัยของลูกด้วย

 

เพาะ ก็เป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาในการเพาะสิ่งต่าง ๆ เช่น เพาะเมล็ดพันธุ์ เราก็ต้องดูแล รดน้ำพรวนดิน และรอดูการเจริญเติบโตของมัน จะให้รวดเร็วทันใจไปหมดก็ไม่ได้ ต้องรอให้ผลของมันสุกพอดี เปรียบเป็นเด็กก็ต้องบ่มเพาะด้วยเช่นกัน

 

สี่ ขัดเกลา

 

ขัด เป็นเรื่องที่มีความหมายอยู่ในตัว ขัดให้ดูดี ให้เหมาะสม สวยงาม

 

เกลา เป็นเรื่องที่พ่อแม่ต้องผ่านขบวนการเหล่านี้ก็จะทำให้เราเป็นพ่อแม่ที่เลี้ยงดูลูกได้อย่างเหมาะสม เด็กต้องได้รับการขัดเกลาให้เป็นคนดี ให้มีกิริยามารยาทที่ดี ได้รับการขัดเกลาจนกลายเป็นนิสัยติดตัว

 

คำไทยทั้ง 4 คำ เป็นคำที่มีอยู่แล้ว แต่ผู้ใหญ่มักจะมองข้าม ถ้าพ่อแม่รู้จักสิ่งเหล่านี้แล้วนำมาปรับใช้และปฏิบัติกับลูกด้วยก็จะเป็นเรื่องดี

 

การเลี้ยงดูลูกในยุคสมัยนี้ไม่เหมือนสมัยก่อนก็จริง เพราะสภาพแวดล้อม เหตุและปัจจัย รวมถึงเงื่อนไขชีวิตก็แตกต่างกันไป ยิ่งยุคสมัยปัจจุบันเป็นยุคแห่งเทคโนโลยี ยุคแห่งความเร่งรีบ รวดเร็ว ทำให้จิตใจและพฤติกรรมของผู้คนก็เปลี่ยนไปด้วย แต่ถ้าเราปล่อยให้ลูกหลานของเราโตไปตามกระแสสังคม โดยที่ไม่มีการฉุดรั้งใด ๆ หรือไม่ได้ใช้เทคนิคในการเลี้ยงดูลูกเพื่อให้รู้เท่าทันโลกที่เปลี่ยนไปด้วย ลูกของเราก็อาจสุ่มเสี่ยงตกเป็นเหยื่อของยุคสมัยที่สังคมเสื่อมด้วยก็ได้

 

แต่ถ้ายุคสมัยเปลี่ยนผ่าน เราสามารถปลูกฝังสิ่งดี ๆ ที่มีอยู่แล้ว ให้คงอยู่อย่างงดงาม ดั่งเช่น คำไทย ซึ่งก็เป็นสิ่งที่มีมาแต่อดีต ถ้าเรานำมาปฏิบัติด้วย ปลูกฝังสิ่งดี ๆ ให้กับลูกหลานของเราได้มีทักษะชีวิตการเป็นคนดีอย่างรอบด้าน โดยเริ่มต้นจากครอบครัวของเรา ก็จะเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างสังคมที่ดีได้ค่ะ

 

blank.gif

ถูกแก้ไข โดย ginger

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ธุรกิจ : Global Corporate

 

วันที่ 31 กรกฎาคม 2555 06:30

แบงก์ต่างชาติเร่งเครื่อง'เลย์ออฟ'ทั่วเอเชีย

 

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

 

 

news_img_464051_1.jpg

 

 

ภาคธนาคารและวาณิชธนกิจกำลังเร่งกระแสเลย์ออฟในเอเชีย เห็นได้จากข้อมูลของบริษัทวิจัย "โคลิชั่น" ที่ระบุว่า ตัวเลขการปลดพนักงานในภูมิภาคเอเชียของธนาคารรายใหญ่ ช่วงไตรมาสแรกของปีนี้สูงถึง 18% ของทั้งโลก เพิ่มจาก ในปี 2554 ที่มีสัดส่วนการเลย์ออฟอยู่ที่ 8%

ประธานโกลด์แมน แซคส์ ภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก "เดวิด ไรอัน" ระบุว่า ผู้คนจำเป็นต้องมีสติมากขึ้นเกี่ยวกับการคาดการณ์การเติบโตทางธุรกิจในระยะยาว แตกต่างจากเมื่อ 2-3 ปีก่อนที่ผู้คนมักมองกราฟการขยายตัวในเอเชียสูงลิ่ว แต่ตอนนี้พวกเขากำลังพยายามขีดเส้นกราฟใหม่ให้ธุรกิจ

ธนาคารและวาณิชธนกิจรายใหญ่ ทั้งเครดิต สวิส ดอยช์ แบงก์ ซิตี้กรุ๊ป โกลด์แมน แซคส์ และมอร์แกน สแตนเลย์ ต่างก็ปรับลดจำนวนพนักงานกันถ้วนหน้าในรอบไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา แม้แต่ผู้เล่นรายเล็กอย่างเรเนซองส์ แคปิตอล ของรัสเซีย ก็ยังปิดสำนักงานในเอเชีย

ประธานบริหารร่วมของมอร์แกน สแตนเลย์ เอเชีย-แปซิฟิก "บิลล์ สตรอง" กล่าวว่า ปีนี้นับเป็นจุดพลิกผัน ทั้งกฎระเบียบที่เพิ่มขึ้นและความไม่แน่นอนของตลาดบีบให้ผู้เล่นต้องออกจากเอเชีย

กระแสเลย์ออฟที่เกิดขึ้นเป็นหนังคนละม้วนกับคลื่นจ้างงานทั่วเอเชียในวิกฤติการเงินโลกในปี 2551 ซึ่งบรรดาธนาคารพากันมองภูมิภาคเอเชียในฐานะแหล่งขับเคลื่อนการเติบโตให้ธุรกิจ

ในปี 2553 แผนกวาณิชธนกิจในธนาคารท็อป 10 เมื่อวัดในแง่รายได้ ว่าจ้างมนุษย์ทองคำในเอเชียเพิ่มขึ้น 12% แซงตัวเลขการจ้างงานเฉลี่ยทั่วโลกที่ 6% ดูอย่างดอยช์ แบงก์ ที่เพิ่มจำนวนวาณิชธนกรในออสเตรเลียจาก 75 เป็น 115 คน ในปี 2553 แต่ปัจจุบันลดลงเหลือ 95 คน

ภาพดังกล่าว แตกต่างกับในปี 2554 ที่ธนาคารระดับท็อป หันมาลดจำนวนพนักงานในแผนกวาณิชธนกิจเอเชียลง 2% และในไตรมาสแรกปีนี้ก็ปรับลดลงอีก 2% ไม่เว้นแม้แต่มนุษย์ทองคำที่ร่วมงานกับบริษัทจีน ไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ซิตี้กรุ๊ปตัดสินใจลดจำนวนนายแบงก์ 7 คนจากทีมที่ร่วมงานกับบริษัทจีน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนทบทวนธุรกิจกลางปี

ขณะที่ธนาคารบางแห่งโละพนักงานเพราะกฎระเบียบที่เปลี่ยนไป ไม่ว่าจะเป็นการกำหนดเงินทุนสำรองกันชนเพิ่มขึ้น ซึ่งส่งผลกับธนาคารทุกแห่งทั่วโลก "เครดิต สวิส" ลดคนในแผนกสินเชื่อภาคอสังหาริมทรัพย์ในญี่ปุ่นจาก 30 คน เหลือ 2 คน ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา เป็นทางออกสำหรับธุรกิจที่ต้องใช้เงินทุนจำนวนมาก

กรรมการผู้จัดการของเครดิต อะกริโกล ซีไอบี "นิโคลัส นอร์ดิน" เพิ่งเดินทางไปโตเกียวไม่นานมานี้ เพื่อปิดธุรกิจซื้อขายสินทรัพย์ทางการเงินสำหรับธนาคารฝรั่งเศส หรือกรณีของ "โรยัล แบงก์ ออฟ สก็อตแลนด์" ที่ขายธุรกิจหลักทรัพย์ให้กับแบงก์จากมาเลเซีย "ซีไอเอ็มบี กรุ๊ป โฮลดิ้งส์"

ไม่ใช่แค่พนักงานระดับปฏิบัติการ แต่นายธนาคารระดับบริหารก็ไม่รอดชะตากรรมเลย์ออฟ ดูอย่าง "ไมเคิล โช" หัวหน้าแผนกควบรวมกิจการในเอเชีย ของแบงก์ ออฟ อเมริกา เมอร์ริล ลินช์ และ "เจเรมี สแปร์โรว์" ผู้บริหารเรเนซองส์ แคปิตอล เอเชีย

เศรษฐกิจที่ชะลอตัวจนส่งผลถึงรายได้ของธนาคาร เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้แบงก์ต้องปรับลดพนักงาน อย่างกรณีของมอร์แกน สแตนเลย์ ที่รายได้ไตรมาส 2 ปีนี้ ลดลงเหลือ 861 ล้านดอลลาร์ จาก 1.08 พันล้านดอลลาร์ ในปีที่แล้ว ส่วนธุรกิจวาณิชธนกิจในเอเชีย-แปซิฟิก ของเจ.พี. มอร์แกน เชส แอนด์ โค. มีรายได้สุทธิลดลง อยู่ที่ 662 ล้านดอลลาร์ ในไตรมาส 2 ปีนี้ จาก 762 ล้านดอลลาร์ ในปีก่อนหน้า

น่าสนใจว่า 3 เหตุผลหลักๆ ที่ทำให้ธนาคารต้องหั่นจำนวนพนักงาน ได้แก่ การซื้อขายที่ซบเซา ข้อตกลงธุรกิจที่ลดน้อยลง และการแข่งขันที่เพิ่มขึ้น ข้อมูลจากองค์การตลาดหลักทรัพย์โลก ระบุว่า มูลค่าการซื้อขายในเอเชีย-แปซิฟิกในปีนี้ ลดลง 22.4% อยู่ที่ 7.63 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นตัวเลขที่ลดลงมากกว่าสหรัฐ ที่มีสัดส่วนการซื้อขายลดลง 14.4% ขณะที่ยุโรปลดลง 21.5%

ด้านดีลอจิก ระบุว่า รายได้ในฐานะที่ปรึกษาวาณิชธนกิจในเอเชีย ลดลงอยู่ที่ 5.9 พันล้านดอลลาร์ในครึ่งปีแรก ลดลง 24% จากปีก่อน ส่วนในสหรัฐลดลง 23% และยุโรปลดลงราว 1 ใน 3

ประกอบกับรายได้จากการเสนอขายหุ้นครั้งแรกต่อสาธารณะ หรือไอพีโอ ที่เคยบูมในเอเชีย ก็กลับต้องสะดุด โดยมูลค่าโดยรวมของการขายหุ้นลดลง 25% ในปีนี้ และเมื่อดีลนี้เสร็จ ผู้เล่นในท้องถิ่นกลับเป็นฝ่ายที่ต่อยอดธุรกิจแทน

Tags : เลย์ออฟ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

การเงิน - การลงทุน : เศรษฐกิจต่างประเทศ

 

วันที่ 31 กรกฎาคม 2555 06:13

 

ไขปริศนา‘กรีซ’แพ้ยายูโรโซน

 

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

 

 

 

 

news_img_464047_1.jpg

 

 

“กรีซ” ยังอาการทรงๆ ทรุดๆ ทั้งที่ยูโรโซนจ่ายยาให้หลายขนาน แต่ดูเหมือนผลข้างเคียงรุนแรงกว่าช่วยเยียวยา

 

 

กรีซมีเวลาพักหายใจเพียงเดือนกว่าๆ หลังจัดตั้งรัฐบาลใหม่ได้สำเร็จ ตอนนี้เอเธนส์กลับมาเผชิญกับวังวนแห่งปัญหาอีกครั้ง เมื่อเจ้าหนี้รายใหญ่อย่างกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือไอเอ็มเอฟ ส่งสัญญาณไม่จัดสรรเงินช่วยเหลือเพิ่มเติม เนื่องจากประเมินว่ารัฐบาลกรีซไม่สามารถปรับลดหนี้สาธารณะลงสู่ระดับ 120% ของจีดีพี ภายในปี 2563 ตอกย้ำความยากลำบากของกรีซที่เข้าใกล้ภาวะล้มละลายมากขึ้น

อีกปัจจัย ที่ซ้ำเติมสถานการณ์ของกรีซ คือ ความเห็นที่แตกต่าง ทั้งในรัฐบาลผสมของกรีซและทรอยก้า หรือคณะตรวจสอบวินัยการคลังแห่งยุโรป ที่ประกอบด้วยไอเอ็มเอฟ คณะกรรมาธิการยุโรป และธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ซึ่งก่อให้เกิดความไม่แน่นอนมากขึ้น จากการที่กรีซและประเทศอื่นๆ ในยุโรป อาจเผชิญหน้ากัน และยังไม่รู้ชะตากรรมว่า กรีซจะยังอยู่ในยูโรโซนได้ยาวนานแค่ไหน

แม้สถานการณ์ที่ย่ำแย่ของสเปน จะเข้ามาเบี่ยงเบนความวิตกไปบ้าง แต่ปัญหาของกรีซก็ยังอยู่ห่างไกลจากทางออกมาก โดยเฉพาะเมื่อเจ้าหนี้อย่างไอเอ็มเอฟไม่เต็มใจปล่อยกู้ จนกว่าเอเธนส์จะมีมาตรการเพื่อลดหนี้ให้ได้ตามเป้า ซึ่งนักวิเคราะห์หลายรายมองว่า เป้าหมายดังกล่าวดูจะไกลเกินเอื้อม และยิ่งเพิ่มความเปราะบางให้กับรัฐบาลกรีซในการรับมือกับเศรษฐกิจที่เต็มไปด้วยปัญหา

รองประธานพิเรอุส แบงก์ และอดีตรัฐมนตรีคลังกรีซ ซึ่งเคยเป็นผู้แทนไอเอ็มเอฟ "พานาจิโอทิส รูเมลิโอทิส" ระบุว่า เรารู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะปฏิบัติตาม เพราะยังไม่เคยมีตัวอย่างความสำเร็จให้เห็นเลย และเนื่องจากกรีซเป็นสมาชิกของยูโรโซน จึงไม่สามารถลดค่าเงินเพื่อช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันได้เหมือนประเทศอื่นๆ ที่ขอรับความช่วยเหลือทางการเงินจากไอเอ็มเอฟ

อดีตขุนคลังกรีซ มองว่า ทรอยก้าประเมินผลกระทบเชิงลบที่มีต่อเศรษฐกิจกรีซต่ำเกินไป จากยาที่ตัวเองจ่ายให้ และละเลยความผิดพลาดของตัวเอง แต่กลับวิพากษ์วิจารณ์กรีซแทนว่าเหตุผลที่ต้องเผชิญภาวะถดถอยลึกซึ้งมากขึ้น เพราะไม่ปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจ ทั้งที่ปัญหาสำคัญอยู่ที่การหั่นงบประมาณอย่างรุนแรงส่งผลให้เกิดภาวะตกต่ำอย่างต่อเนื่อง และกระทบต่อความต้องการบริโภคในประเทศ

ดูเหมือนกรีซ กำลังเดินเข้าใกล้การผิดนัดชำระหนี้มากขึ้น และใกล้หมดเวลาเต็มที เนื่องจากพันธมิตรในยุโรปใกล้หมดความอดทน คณะกรรมาธิการยุโรปออกมาย้ำว่า เงินกู้งวดใหม่สำหรับกรีซอาจไม่สามารถเบิกจ่ายได้จนกระทั่งเดือนกันยายน ผลักให้กรีซมีความเสี่ยงมากขึ้นที่จะเข้าสู่ภาวะถังแตก ไม่มีเงินจ่ายเงินเดือนและเบี้ยบำนาญ

ก่อนหน้านี้ ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ตัดท่อน้ำเลี้ยงสำหรับธนาคารกรีซ โดยไม่ยอมรับพันธบัตรของกรีซ ในฐานะหลักทรัพย์ค้ำประกันการกู้ยืม (collateral) ของระบบยูโรโซน จนกว่าทรอยก้าจะจัดทำรายงานแล้วเสร็จ ซึ่งไม่น่าจะเร็วกว่าช่วงปลายเดือนสิงหาคม หมายความว่าธนาคารพาณิชย์กรีซจะต้องขอกู้จากธนาคารกลางกรีซ โดยจ่ายดอกเบี้ยในอัตราที่สูงขึ้น นี่จะยิ่งเพิ่มแรงกดดันต่อเอเธนส์ที่เงินในคลังกำลังจะหมด และอาจต้องหันไปพิมพ์เงินสกุลดรักมาสำหรับใช้จ่าย

รัฐบาลกรีซ ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี "แอนโทนิส ซามาราส" จำเป็นต้องขอชูชีพยื้อลมหายใจจากเป้าหมายที่เจ้าหนี้ตั้งไว้ เพราะเศรษฐกิจกรีซยังคงหดตัว จากการหั่นรายจ่ายและเงินเดือน รวมถึงปรับขึ้นภาษีตามแนวทางของทรอยก้า โดยคาดว่าเศรษฐกิจกรีซจะหดตัว 7% ในปีนี้ จาก 6.9% ในปีที่แล้ว ส่วนตัวเลขว่างงานอยู่ที่ 22.5% และอาจเพิ่มเป็น 30% ขณะที่ยอดค้าปลีกอาจลดลง 53% ในปีนี้

น่าสังเกตว่า ทรอยก้า ก็ไม่ใช่จะมีแนวคิดเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันทั้งหมด เห็นได้จากการที่ไอเอ็มเอฟหนุนการผ่อนคลายมาตรการรัดเข็มขัดแบบเงียบๆ ในขณะที่ผู้นำยุโรปพยายามเอาใจเยอรมนีที่ต้องการให้กรีซอยู่ในโหมดคุมเข้ม เพื่อให้ผู้เสียภาษีชาวเยอรมนียอมหยิบยื่นความช่วยเหลือกรีซต่อไป

อดีตนายกรัฐมนตรีกรีซ "จอร์จ ปาปันเดรอู" ที่ร้องขอความช่วยเหลือทางการเงินเมื่อปี 2553 เคยกล่าวไว้ว่า เอเธนส์ถูกกำหนดเป้าหมายที่แทบจะเป็นไปไม่ได้ตั้งแต่แรก เพราะเยอรมนีต้องการส่งสัญญาณปรามว่าไม่ควรให้เงินแก่กรีซในราคาถูกเกินไป เพราะประเทศอื่นๆ อาจต้องการทำแบบเดียวกัน

ขณะที่ความเห็นอกเห็นใจจากเยอรมนี ก็เริ่มจางหาย และเกิดกระแสเรียกร้องให้กรีซโบกมือลาจากยูโรโซน เห็นได้จากคำพูดของเลขาธิการพรรคสหภาพคริสเตียนเดโมแครต ที่ออกมาแสดงความเห็นในทำนองว่า กรีซควรจ่ายเงินเดือนและเบี้ยเลี้ยงราวครึ่งหนึ่งเป็นเงินสกุลดรักมา

นับวันกรีซ ยิ่งเผชิญแรงกดดันมากขึ้น เมื่อเศรษฐกิจหดตัว ก็เหลือเครื่องมือกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจน้อยลง ในระหว่างปี 2552-2554 รัฐบาลกรีซหั่นรายจ่ายก่อนหักดอกเบี้ย 2 หมื่นล้านยูโร หรือราว 18% ซึ่งเป็นความท้าทายสำหรับกรีซอย่างมาก และในปี 2556-2557 จะต้องหั่นงบประมาณลงอีก 1.15 หมื่นล้านยูโร

แต่อีกด้านของเหรียญ จากการหั่นงบประมาณมหาศาล ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากการไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการทำธุรกรรมกับบริษัทกรีซ ย่อมก่อให้เกิดผลข้างเคียงที่ทำให้เศรษฐกิจย่ำแย่หนักขึ้น หากบริษัทเหล่านี้ต้องปิดกิจการลง ขณะเดียวกันกรีซก็ไม่มีเวลามากพอที่จะทำให้ประชาชนเชื่อแนวทางการปฏิรูปดังกล่าว

Tags : กรีซ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

487766_395741290483308_882110332_n.jpg

ได้อยู่แล้ว ลูกเอ้ย

==ชีวิตสัตว์ยังมีน้ำใจ แต่ทำไมคนไทยจึงแตกแยกได้ขนาดนี้นะ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สหรัฐผุดภาพถ่ายช็อกโกแลต

 

  • 31 กรกฎาคม 2555 เวลา 13:50 น. |

"โกโก้ กราฟ" ผู้ผลิตช็อคโกแลตในสหรัฐ ผุดผลิตภัณฑ์ช็อคโกแลตพิมพ์รูปถ่ายสุดเก๋

4D4FBFC4186C4F59AC81D994B4475152.jpg

ในยุค “สมาร์ตโฟนฟีเวอร์” นั้น เชื่อว่าน้อยคนนักที่จะไม่รู้จัก “อินสตาแกรม” โปรแกรมแบ่งปันรูปภาพชื่อดัง ซึ่งกำลังได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายทั่วโลก

เพราะไม่เพียงแต่อินสตาแกรมจะช่วยให้ผู้คนสามารถแต่งเติมภาพถ่ายให้สวยขึ้นแล้ว ทว่ายังช่วยให้รู้จักคนมากขึ้นผ่านรสนิยมการชื่นชอบภาพของแต่ละคนนั่นเอง

ดังนั้น บริษัท โกโก้กราฟ ผู้ผลิตช็อกโกแลตชื่อดังของสหรัฐ จึงตัดสินใจผุดผลิตภัณฑ์สุดสร้างสรรค์เพื่อเอาใจสาวกอินสตาแกรมโดยเฉพาะ และผลลัพธ์ที่ได้ก็คือ “ช็อกโกแลตอินสตาแกรม”

เพียงแค่ลูกค้าอีเมลรูปถ่ายให้ทางโกโก้กราฟ พร้อมชำระค่าบริการเพียง 8 เหรียญสหรัฐ (ราว 240 บาท) ทางบริษัทก็จะนำภาพไปตกแต่งให้ด้วยฟังก์ชันต่างๆ ของอินสตาแกรมที่คุ้นเคยกัน เช่น ภาพซีเปีย ขาว-ดำ หรือการตกแต่งภาพให้ดูเป็นภาพเก่า เป็นต้น

หลังจากนั้นก็จะนำภาพไป “อัด” เป็นช็อกโกแลตแท่งนั่นเอง

และที่สำคัญก็คือ ลูกค้าสามารถเลือกขนาดช็อกโกแลตรวมทั้งประเภทของช็อกโกแลตได้ เช่น ดาร์กช็อกโกแลต มิลก์ หรืออัลมอนด์

“ภาพถ่ายธรรมดาๆ ถือว่าเชยเสียแล้ว จะดีแค่ไหนหากคุณได้รับภาพถ่ายที่คุณสามารถกินได้ แถมยังเป็นภาพอินสตาแกรมอีกด้วย” โกโก้กราฟ กล่าว

แม้จะเป็นไอเดียสุดแหวกแนว แต่งานนี้หลายคนก็ติงว่าของประเภทนี้อาจไม่เหมาะกับการเป็นของขวัญมากเท่าใดนัก

เพราะแทนที่จะเก็บความทรงจำดีๆ ไว้นานๆ เชื่อว่าใครก็ตามที่ได้รับช็อกโกแลตอินสตาแกรมก็คงจะอดใจไม่ไหวแน่นอน

สงสัย “รูป” คง “แหว่ง” ตั้งแต่วันแรก!

post today

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

==ชีวิตสัตว์ยังมีน้ำใจ แต่ทำไมคนไทยจึงแตกแยกได้ขนาดนี้นะ

สวัสดี Juy เราเข้าใจ

ถ้าช่วยกันไม่เพิกเฉย พูดความจริง ทำหน้าที่ของเรา ทำสิ่งดีๆ สอนลูกหลาน

รักษาใจตนเอง ให้มีอุเบกขาเวลาที่เซ็ง

ใจสู้ไว้ เวลานี้เป็นช่วงที่ทุกคนต้องเข้มแข็ง สบายใจนะ

คนไทยมีคนรักแผ่นดิน รักในหลวง แยกถูก-ผิดได้อยู่มาก

ความแตกแยกที่เกิดเป็นเพราะอะไรก็รู้กันอยู่

ธรรมย่อมคงอยู่ ความจริงแท้ ย่อมปรากฏ

ขอบคุณที่โพส

 

 

ดูนี่เอาขำๆมาฝาก ซนไม่คิดชีวิต ติดแหงกๆ ออกไงเนี่ย ช่วยด้วย!

380724_376182369113505_1820523627_n.jpg

157912_188980177833726_2017430085_q.jpg yes I'm a cat.

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

577708_331018466963229_748855372_n.jpg

ไหวอยู่แล้วคร้ายป่ม

ไปทำไรมาหนะ(สงสัยเจอคู่ปรับ)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...