ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
ginger

ใบไม้ผลิบนดวงจันทร์

โพสต์แนะนำ

 

Siam Silver

 

โอกาสทองของทองจริง

 

เขียนโดยคุณNEXTTONOTHING จากเวป thaigold ครับ

 

ขอเคลียร์ (Clarify)

มีหลายๆเรื่องที่มักจะเข้าใจผิด เกี่ยวกับ “ทองคำ” ซึ่งเป็นเรื่องที่ยากจะอธิบายให้เข้าใจกับคนที่เพิ่งเริ่มต้นลงทุนในทองคำ แต่ถ้าคุณได้อ่านบทความ โอกาส“ทอง”(จริงๆ)มาตั้งแต่ต้น

คงไม่มีอะไร ซับซ้อน(แต่หากคุณเพิ่งจะเปิดมาเจอกระทู้นี้ เสาร์-อาทิตย์ ว่างๆสบายๆ ลองไล่อ่านก่อนหน้านี้ดูหน่อยนะครับ)

:excl: Opinion 1 : ทองกินไม่ได้ ?

นี่คือประโยคที่ผมได้ยินบ่อยมาก หลายต่อหลายครั้งที่คน มักไม่เข้าใจว่าจะซื้อทองคำไปทำไม

แพงก็แพง ที่สำคัญกินก็ไม่ได้ อย่างมากก็เป็นเครื่องประดับใส่สวยๆ ที่พูดกันอย่างนั้นเพราะเค้าไม่เข้าใจว่า “ทองคำ คือ เงินที่แท้จริง” (Gold is money) แต่กลับมองว่า ทองคำคือ “สินค้า” อย่างนึง

- คุณเก็บ ธนบัตรและเหรียญ ไว้ก็ไม่สามารถนำมันมา “รับประทาน” ได้เช่นกัน แต่ คุณสามารถ นำเงิน 30 บาทไปซื้อ ข้าวผัดกระเพรามา ทานได้ ในทางกลับกัน

- คุณไม่สามารถรับประทาน ทองคำได้ แต่ คุณสามารถนำทอง ไปซื้อ ข้าวผัดกระเพรา มาทานได้เช่นกัน

คุณสามารถนำทองคำไปแลกของมากินได้จริง ไม่เชื่อคุณลองเดินเข้าร้านอาหารตามสั่งแล้วบอกว่า ไม่มีตังค์ติดตัวเลย ขอจ่ายเป็นสร้อยทอง 1 บาทแทนได้มั๊ย เผลอๆ แม่ค้า จะให้คุณ ทานฟรี ปีนึงเลยครับ

:excl: Opinion 2 : ทองแพง ?

นี่ก็เป็นประโยคที่ได้ยินบ่อยไม่แพ้กัน ความจริงคือ “ทองไม่เคยแพงครับ เงินต่างหากที่ลดค่าลงทุกวัน” หากคำว่าแพงของคุณ คือ การนำเงิน ปึกหนาขึ้นกว่าเดิม ไปซื้อทองจำนวนเท่าเดิม

ทองคำมันอยู่ของมันเฉยๆ ไม่ได้เปลี่ยนแปลง ค่าของเงินมันน้อยลงต่างหาก (Devalue) คุณเลยต้องเพิ่มจำนวนใบเข้าไปให้มูลค่ามันเพียงพอจะแลกทองได้เท่าเดิมมากกว่า

อย่าถามผมเลยว่า ทองจะขึ้นไปถึง บาทละเท่าไหร่ เพราะ ผมไม่รู้ว่า รัฐบาลจะพิมพ์เงินออกมาเพิ่ม ให้ค่าเงินมันลดลงไป เท่าไหร่

เมื่อค่าของเงินลดลงได้ไม่จำกัด ราคาทองคำก็จะขึ้นไปได้ไม่จำกัดเช่นกัน

ถ้าถามถึงแนวโน้มราคาทองคำในอนาคตผมบอกได้แต่ว่า “ขึ้นอีกเยอะ” (A lot Higher)

:excl: Opinion 3 : ทองแพง ไม่มีคนจะซื้อใส่ สุดท้ายราคาทองจะลง

.นี่ก็เป็นอีกแบบของการมองทองคำในแง่ว่า เป็นแค่ “สินค้าโภคภัณฑ์” (Commodity)

จริงอยู่ว่า ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทองคำถูกบริโภค ในรูปแบบของเครื่องประดับ มากที่สุด (Jewellery Demand) ประมาณกว่า 50% ที่เหลือ เป็นในส่วนของ

การใช้งานใน อุตสาหกรรม (Industrial Demand) และ อื่นๆ เมื่อราคาทองคำถีบตัวสูงขึ้นช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา กระทบ ยอดขาย จิวเว่อรรี่ ให้ลดฮวบลงจริงแต่ มีส่วนของ ความต้องการทองคำเพื่อการลงทุน (Investment Demand)มาชดเชย ได้เป็นอย่างดี

ขอยกคำพูดของ นายกสมาคมทองคำ แห่งประเทศไทยที่ว่า

“คนไทยสิบคน สมัยก่อนมาร้านทอง 9 คนซื้อทองรูปพรรณ 1 คนซื้อทองคำแท่ง เดี๋ยวนี้ สิบคนมาร้านทอง 9 คนซื้อทองแท่ง 1 คนซื้อทองรูปพรรณ”

เพราะฉะนั้น ไม่ว่าจะกี่ยุคกี่สมัยและราคาทองคำจะเป็นเท่าไหร่ ความต้องการของทองคำยังคงมีอยู่โดยตลอด

ทองคำมีลักษณะพิเศษ คือเป็นโลหะเฉื่อย ไม่ทำปฏิกิริยา กับอากาศ ทำให้มันคงสภาพเดิมอยู่ตลอดไม่เกิดสนิม หรือ สูญสลายเมื่อผ่านกาลเวลา (Timeless) คุณสามารถหลอม นำกลับมาขึ้นรูปใหม่ ยืดตีเป็นแผ่นบางๆ อย่างทองคำเปลวหรือทำเป็นเส้นใยเล็กๆ เพื่อฝังลงในชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์ เป็นตัวนำไฟฟ้า ทุบ ตี เผา สารพัด คุณสามารถทำอะไรกับทองคำก็ได้ ยกเว้น “ทำให้มัน สูญสลายไป”

เครื่องประดับทองคำ สมัย อียิปต์ เหรียญทองคำสมัยโรมัน ทองคำในหีบโจรสลัด

เหล่านี้ทุกวันนี้ก็ยังคงอยู่ แถมมีการขุดทองคำเพิ่ม กันทุกปี

“ทองคำของเก่าก็ยังอยู่หมุนเวียนในระบบ ทองคำขุดใหม่ก็เพิ่มขึ้นตลอด แต่ ทำไมราคาทองคำก็ยังเพิ่มขึ้นทุกปี ????”

ปัญหาข้อนี้หากใครมองว่าทองคำเป็นแค่เครื่องประดับ ให้เค้าตีลังกาคิดยังไง ก็คิดไม่ออกหรอกครับ..................

:excl: Opinion 4 : เลือกลงทุน หุ้น กองทุนรวม อสังหาริมทรัพย์ หรือ ทองคำดี ???

เมื่อคุณทำงาน มีรายได้ คุณต้องหา “ที่เก็บ” ครับ ทองคำควรเป็นตัวเลือก

ระหว่างถือเงินสด หรือ ฝากธนาคาร มากกว่าจะเป็นตัวเลือกในการลงทุน

หากจะจัดหมวดให้ใกล้เคียงที่สุด ทองคำควรจะอยู่ในช้อยส์ ของ เงินเยน เงินบาท เงินดอลล่าห์ เงินรูปี มากกว่าจะเป็นช้อยส์ ของ หุ้น PTT , หุ้น BANPU, ที่ดินซักแปลง หรือ กองทุน รวม

 

แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า ทองคำจะเป็นการลงทุน ไม่ได้ แต่การลงทุนในทองคำนั้นบางทีน่า

เบื่อครับเพราะ ไม่มีการปันผล และไม่ได้แบบซื้อเช้า ขายเย็น หรือราคาขยับทุกนาที (ยกเว้น GF) คุณแค่ซื้อ แล้วถือไว้เฉยๆ แต่บางครั้ง

"การลงทุนที่น่าเบื่อที่สุดกลับ กลายเป็นการลงทุนที่ดีที่สุด"

(จากสถิติ 10 ปีที่ผ่านมาทองคำให้ผลตอบแทน เฉลี่ย 17% ต่อปีครับ........ ไม่ใช่น้อยเลย)

:excl: Opinion 5: ดอลล่าห์ “อ่อน” เงินบาท “แข็ง” ทองไม่ขึ้น ???

ข้อนี้เป็นยอดฮิต ของตอนนี้เลย เงินบาทเรา แข็งค่ามาตลอดครับ จาก 36 บาท มาถึงวันนี้ เหลือไม่ถึง 30 บาทแล้ว แต่ทองคำก็ทำสถิติใหม่ ขึ้นทุกปี ไม่ใช่หรือครับ ?

ช่วงที่ผ่านมาเป็นประเด็นมากมาย เพราะมันแข็งไวจัด ตั้งตัวกันไม่ทัน

เงินบาทเราแข็งค่าที่สุดในรอบ 13 ปี แล้วทำไมทองยัง 19000 ไม่ลงราคาไม่ว่า ยังขึ้นซะอีก

......ขึ้นทั้งๆที่บาทแข็ง !!!

สาเหตุก็เพราะการขึ้นของทองคำ ในมุมของค่าเงินนั้น ขึ้นเพราะ สกุลดอลล่าห์ อ่อน เมื่อ สกุลดอลล่าห์อ่อน สกุลเงินบาทก็จะแข็งค่า

แต่ที่แข็งที่สุด คือ เงินสกุลทองคำครับ !!! ไม่ใช่เฉพาะ เงินบาทครับ แต่.......................

ไม่มีเงินสกุลใดในโลกนี้ แม้แต่ สกุลเดียวที่จะแข็งค่า กว่า “ทองคำ” นี่คือ Fact

มีแต่อ่อนค่ามากหรืออ่อนค่าน้อยเท่านั้นเมื่อเทียบกับทองคำ แม้แต่ Swiss Franc หรือ Aus dollar ที่แข็งแกร่งก็ยังแพ้ พูดอีกอย่างก็คือ ใน ช่วงสิบปีที่ผ่านมา ราคาทองคำขึ้นทุกปี ในทุกประเทศ สาเหตุก็เพราะ ธนบัตรกระดาษทุกสีทุกลาย นั้นเป็นแค่ “ตัวแทนเงิน” ไม่ใช่เงินที่แท้จริง อย่างทองคำ หนำซ้ำหลังจาก ยกเลิกระบบการเงินแบบมาตราฐานทองคำ (Gold Standard)และ ระบบ เบรตตัน (Bretton woods systems)

ธนบัตรพวกนี้ก็ไม่ได้มีทองคำหนุนเต็มใบอีกต่อไป

(เงินสกุลบาทในระบบ ทุกวันนี้ หนุนด้วยกองทุนทองคำประมาณ 20% เท่านั้น)

จึงไม่ใช่แค่เพียงทองคำแข็งค่ากว่า แต่ต้องใช้คำว่า“เป็นไปไม่ได้” ที่จะอ่อนค่ากว่าเลยด้วยซ้ำ ..

........................................

เงินบาทแข็งเป็นเรื่องที่ดีครับ คนไทยทั้งประเทศเรารวยขึ้นโดยไม่รู้ตัว ต่อให้เรามีเงินบาทเท่าเดิม เราก็รวยขึ้นโดยอัตโนมัติ ยิ่งหากเรากำไรจากทองคำ เราได้เงินบาทเพิ่มขึ้น เรายิ่ง รวยขึ้น 2 เด้ง ในทางมูลค่า....... น่าดีใจครับ

จริงๆยังมี มากกว่านี้นะครับ ความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนในเรื่องของ ทองคำ ไว้มีโอกาสจะได้มาพูดคุย และ ขอเคลียร์ กันต่อไปครับ

กดlikeให้1000ครั้งค่ะ สมัยก่อนซื้อเก็บเป็นรูปพรรณจากบาทละ3500 เก็บไปเรื่อยกระทั่งมาที่บาทละ6000 ยังถามเจ้าของร้านว่าจะเก็บเป็นแท่ง เขาหยิบเป็นรูปตำลึงมาให้แถมคิดกำเหน็จ ก็เก็บเป็นสร้อย3บาทมั้ง5บาทมั้ง ตอนนี้เริ่มเก็บเป็นแท่งเพราะคนเล่นมากก็สามารถซื้อเป็นแท่งได้ที่บาทล่ะ13000 ก็เก็บมาเรื่อยที่ละน้อยทีละนิด ขึ้นก็กำไร ลงก็เงินหายไปแต่ทองยังอยู่เท่าเดิม ค่ะ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

กดlikeให้1000ครั้งค่ะ สมัยก่อนซื้อเก็บเป็นรูปพรรณจากบาทละ3500 เก็บไปเรื่อยกระทั่งมาที่บาทละ6000 ยังถามเจ้าของร้านว่าจะเก็บเป็นแท่ง เขาหยิบเป็นรูปตำลึงมาให้แถมคิดกำเหน็จ ก็เก็บเป็นสร้อย3บาทมั้ง5บาทมั้ง ตอนนี้เริ่มเก็บเป็นแท่งเพราะคนเล่นมากก็สามารถซื้อเป็นแท่งได้ที่บาทล่ะ13000 ก็เก็บมาเรื่อยที่ละน้อยทีละนิด ขึ้นก็กำไร ลงก็เงินหายไปแต่ทองยังอยู่เท่าเดิม ค่ะ

ดีค่ะGui-hwin ดีใจที่ได้คุยกันบ้างนะคะ

ขอบคุณคุณgingerมากๆค่ะ :01

Alan ไม่เป็นไร ^______^

 

 

Gold_ChartData

 

 

 

 

 

 

gold.gif

gold1a.jpg

gold2a.jpg

http://www.gold.in.th/Gold_ChartData

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ลุ้น 1600 กันค่ะ

แต่แรงขายมากกว่าแรงซื้อจริงๆ ค่ะ

 

ถ้า 1600/1597 เอาไม่อยู่ เจอกานยาวๆ เลยค่ะ

 

Next Station -- 1585/1570

 

หนาวๆ ร้อนๆ เลยค้าาา

 

ซินแซ ส้มเปรี้ยว ^^

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

MTS GOLD

เวลา 18:20 น.

 

แนะนำให้นักลงทุนรอทำ Short เมื่อราคาปรับขึ้นชนแนวต้าน

 

MTS Gold คาดว่าจะมีแนวรับระยะสั้นแบบรายวันที่ระดับ 1,585 เหรียญ และแนวต้านที่ระดับ 1,600 เหรียญ

 

Gold Futures G13 จะมีแนวรับที่ระดับ 22,700 บาท และแนวต้านที่ระดับ 22,880 บาท

Gold Futures J13 จะมีแนวรับที่ระดับ 22,830 บาท และแนวต้านที่ระดับ 23,000 บาท

Silver Futures G13 จะมีแนวรับที่ระดับ 880 บาท และแนวต้านที่ระดับ 920 บาท

 

485266_574857339191519_2068037859_n.jpg

 

ถ้าท่านต้องการรายละเอียดสามารถติดตามได้ในบทวิเคราะห์ Dr. Gold Analysis ผ่าน www.mtsgold.co.th — at สถาบันพัฒนาทองคํา MTS.

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

MacroView

เผาจริงละรีปล่าว.. ราคาทองลงเหลือ 1,591 ดอลลาร์ แถมสัญญาณขายยังแรงส์อยู่เสียด้วยซิครับ

 

17091_523834414333924_528817702_n.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Wealth Station

ทิศทางราคาทองปรับตัวลงแรงราวๆ 50 เหรียญอีกครั้งในช่วงสั้นๆ นี้ทำให้เครื่องมือเทคนิคเหลือให้ใช้ไม่กี่อย่างและหนึ่งในนั้นคือ ทรงราคาและแนวโน้ม

ถือเป็นวิกฤตครั้งหนึ่งของการเปลี่ยนที่มากเกินไปในช่วงเวลาหนึ่งๆ

ทิศทางราคาทองยังคงซึมลงแม้จะมาอยู่ในจุดแนวหนุนหลักอย่าง 1550 ส่ออาการหลายอย่างที่อาจจะได้เห็นจุดต่ำที่ต่ำกว่าที่เคยเป็นในช่วงหลังจากขึ้นทดสอบ 1900 เหรียญนี้

ราคาทองลงมาอยู่ในช่วงโซนที่เป็นแนวหนุนหลัก 1520 - 1550 ในเวลาปกติจะมีแรงซื้อสวนขึ้นมาได้ในระดับ 50 เหรียญเป็นอย่างน้อย แต่ในเวลานี้ไม่ปกติเลย ทำให้ยังคงต้องสำหรับท่านที่จะซื้อ ต้องคอยสังเกตอาการตามแนวหนุนต่างๆ ว่ารับได้ไหมรีบร้อนซื้อยังไม่ได้ และยังต้องรอต่อไปสำหรับสัญญาณกลับตัว ในช่วงนี้คงต้องหาเครื่องมือมาบอกถึงว่าจะยังลงต่อไปอีกไหม(Let Run) โดยเส้นค่าเฉลี่ยและเม็ดซาร์หยุดลงด้วยสองเครื่องมือนี้แล้วค่อยมองหาสัญญาณกลับตัวกันครับ

ท้ายสุดตอนนี้เรากำลังดูทองร่วงลงแบบมี Speed เพิ่ม จะกลับไป 1900 ต้องทะลุ Speed Line ที่ 1 ส่วนตอนนี้ต้องลุ้นที่เส้นที่ 4ครับ

 

285322_507813659257114_1919520396_n.png

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

พระไพศาล วิสาโล - Phra Paisal Visalo

ความสุขของคนส่วนใหญ่

มักไม่เป็นอิสระ

เพราะต้องไปพึ่งพาวัตถุ

ต้องไปพึ่งพิงสายตาของคนอื่น

แล้วสิ่งเหล่านี้ เป็นของไม่เที่ยง

ถ้าคุณเอาความสุข

ไปผูกติดกับสิ่งเหล่านี้

คุณก็จะไม่มีความสุขอย่างแท้จริง

 

พระไพศาล วิสาโล

 

http://www.visalo.org/columnInterview/5602sukGuy23.htm

 

 

 

427221_609731405720847_1423579091_n.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

MTS GOLD

เวลา 10:40 น.

 

ในเชิงเทคนิคราคาทองคำเข้าสู่ภาวะ Death Cross อย่างสมบูรณ์ เมื่อเส้นค่าเฉลี่ย 50 วันตัดเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันลงมา ทองคำเข้าสู่แนวโน้มขาลงตามที่ MTS Gold ได้วิเคราะห์ไปก่อนหน้านี้แล้ว แนวโน้มในทิศทางขาลงยังไม่สามารถหาจุดหยุดที่ชัดเจนได้ โดยในระยะสั้นจะมีแนวรับที่ระดับ 1,550 เหรียญและระยะ 1 สัปดาห์จะมีแนวรับถัดไปจะอยู่ที่ระดับ 1,525 เหรียญ ซึ่งเป็นจุดต่ำสุดเมื่อปีที่ผ่านมา

ในวันนี้จะมีแนวรับที่ระดับ 1,550 เหรียญ และแนวต้านที่ระดับ 1,580 เหรียญ

 

สำหรับ Gold Futures จะมีแนวรับแนวต้านระยะสั้นรายวันดังนี้

 

Gold Futures G13 จะมีแนวรับที่ระดับ 22,050 บาท และแนวต้านที่ระดับ 22,250 บาท

Gold Futures J13 จะมีแนวรับที่ระดับ 22,170 บาท และแนวต้านที่ระดับ 22,390 บาท

Silver Futures G13 จะมีแนวรับที่ระดับ 840 บาท และแนวต้านที่ระดับ 890 บาท

 

525657_575169362493650_1433389508_n.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ดีคับคุณginger กองทุนเล่นไม้หน้าสาม

เป็นกำัลังใจให้ตัวเองกะท่านที่ติดสูงทุกท่านคับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สื่อนอกสาวไส้! ยุค “รบ.ยิ่งลักษณ์” ภาคธุรกิจจ่ายใต้โต๊ะสูงลิ่ว

blank.gif โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 21 กุมภาพันธ์ 2556 04:23 น.

วอยซ์ออฟอเมริกา - สื่อนอกตอกย้ำปัญหาคอร์รัปชันยังคงฉุดลากการเติบโตทางเศรษฐกิจในเอเชีย พัดพาเงินสำหรับพัฒนาเศรษฐกิจสูญหายไปจำนวนมหาศาล และจุดชนวนความโกรธเคืองของประชาชนในหลายประเทศ รวมไปถึงไทย พร้อมอ้างนักธุรกิจแฉยุครัฐบาลพรรคเพื่อไทยของนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ต้องจ่ายเงินใต้โต๊ะเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว

วอยซ์ออฟอเมริกา นำเสนอรายงานเรื่อง Asian Economic Growth Masks Growing Corruption Problem ซึ่งมีเนื้อหาชี้ให้เห็นถึงวิกฤตคอร์รัปชันที่ส่งผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของเอเชีย

 

โดยในเนื้อหามีการหยิบยกประเด็นเกี่ยวกับการฉ้อราษฎร์บังหลวงภายในประเทศไทยมาประกอบ

สื่อชื่อดังของสหรัฐฯ แห่งนี้ระบุว่า ตอนที่ผู้ประท้วงรวมตัวกันบนท้องถนนในกรุงเทพฯ

 

เมื่อปีก่อน พวกเขาเรียกร้องรัฐบาลของนายกรัฐมนตรี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ใส่ใจต่อปัญหาการคอร์รัปชัน

 

ที่ขยายตัวขึ้นเรื่อยๆ ในไทย นักธุรกิจชายวัย 79 ปี ชี้ว่าต้นทุนในการทำธุรกิจของพวกเขาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

 

ส่วนหนึ่งมาจากเงินสินบนที่ต้องจ่ายให้กับเหล่าเจ้าหน้าที่

“ผมประกอบธุรกิจอุตสาหกรรม ผมมิอาจลุกขึ้นยินได้อีกแล้วเพราะว่าเราจำเป็นต้องจ่ายใต้โต๊ะในจำนวนที่เยอะมาก” เขากล่าว “ผมยอมรับเลยว่าก่อนหน้านี้เราจ่ายสินบนราว 5 ถึง 10 เปอร์เซ็นต์

 

แต่ตอนนี้ระดับต่ำสุดคือ 30 เปอร์เซ็นต์”

 

บทความของวอยซ์ออฟอเมริการะบุว่า เป็นเรื่องยากที่จะคาดคะเนว่าปัญหาคอร์รัปชันก่อความเสียหาย

 

ต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจไปมากน้อยเท่าใด แต่ผลการศึกษาของมหาวิทยาลัยหอการค้าเมื่อเร็วๆ นี้

 

สรุปว่าปัญหาคอรัปชันก่อความสูญเสียทางเศรษฐกิจไทยในปีที่ผ่านมา คิดเป็นร้อยละ 2 ของผลผลิตของประเทศ หรือคิดเป็นเงินคร่าวๆ 11,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 320,000 ล้านบาท)

ผลศึกษาของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยยังพบอีกว่า

 

นักธุรกิจจากภาคเอกชนจำนวนมากที่พวกเขาทำการสำรวจ ยอมรับเต็มปากเต็มคำว่าจำเป็น

 

ต้องจ่ายเงินสินบนแก่เจ้าหน้าที่รัฐบาลและนักการเมืองเพิ่มเติม หากหวังได้รับสัญญาจากรัฐบาล

วอยซ์ออฟอเมริกาอ้างคำกล่าวของศาสตราจารย์ ดร.ผาสุก พงษ์ไพจิตร เศรษฐศาสตร์การเมือง

 

ระบุแม้พบหลักฐานต่างๆ นานาบ่งชี้ว่าทางการมีความคืบหน้าในความพยายามสกัดปัญหาคอรัปชันในระดับล่าง

 

แต่ด้วยการเศรษฐกิจโลกที่เติบโตอย่างชะลอตัว นั่นเท่ากับว่าภาคธุรกิจต้องแข่งขันกันอย่างสูง

 

เพื่อแย่งชิงให้ได้มาซึ่งสัญญาว่าจ้างจากรัฐบาล

“ในยุคโลกาภิวัตน์คุณสามารถรับรู้ถึงแรงกดดันจากนานาชาติที่หวังเห็นไทยมีความโปร่งใสยิ่งขึ้น

 

และหลายกระทรวงก็ขานรับเรื่องนี้ แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว” เธอกล่าว

 

“ในอีกด้านหนึ่ง เศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว ธุรกิจท้องถิ่นเริ่มมีการแข่งขันสูง คุณจะเห็นได้ว่าบางกรณีความเสี่ยงคอร์รัปชันนั้นมีเยอะมาก เพราะมีการแข่งขันสูงขึ้นกว่าเดิม”

นักวิเคราะห์ระบุว่า รัฐบาลไทยกำลังพินิจพิเคราะห์ใช้จ่ายเงิน 350,000 ล้านบาท

 

ในโครงการก่อสร้างระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมตามหลังอุทกภัยใหญ่เมื่อปี 2011 รวมถึงโครงการด้านรถไฟและโปรเจกต์ก่อสร้างอิ่นๆ เพิ่มเติมอีก 2 ล้านล้านบาท

 

แม้โครงการรับจำนำข้าวเพื่อสนับสนุนชาวนาที่ใช้งบประมาณไปแล้วหลายแสนล้านบาท

 

ถูกห้อมล้อมด้วยข้อกล่าวหาคอร์รัปชันต่างๆ นานา

นายบัณฑิต นิจถาวร อดีตรองผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย

 

ซึ่งเวลานี้ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้อำนวยการ สมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย

 

ระบุว่าปัญหาคอรัปชันในไทยในตอนนี้ ดูเหมือนว่าจะร้ายแรงกว่าเมื่อ 10 ปีก่อน

“คอร์รัปชันคือปัญหาระดับโลก” เขากล่าว “คุณจะเห็นได้ว่าคอร์รัปชันตกเป็นข่าวพาดหัวในหลายประเทศ

 

ดังนั้นมันจึงกลายเป็นประเด็นระดับโลกที่ทั้งองค์กรและรัฐบาลของชาติต่างๆ พยายามจัดการมัน

 

แต่ในส่วนของประเทศไทย เรากำลังเผชิญความท้าทายหนักหนาสาหัส

 

เพราะว่าปัญหานี้ดูเหมือนจะเลวร้ายยิ่งกว่าเมื่อ 10 ปีก่อนเสียอีก”

รายงานของสื่อมวลชนดังแห่งนี้ระบุด้วยว่า แม้เศรษฐกิจจะเติบโตอย่างแข็งแกร่งในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา แต่หลายประเทศในภูมิภาคเอเชียยังมีอันดับที่ย่ำแย่ในตารางดัชนีต่อต้านคอร์รัปชันนานาชาติ

ตามรายงานของศูนย์ศึกษานโยบายระหว่างประเทศ ซึ่งมีฐานบัญชาการอยู่ในสหรัฐฯ

 

ระบุว่าแค่ในจีนชาติเดียว ระหว่างปี 2001 ถึง 2010 มีการลักลอบนำเงินผิดกฎหมายจากการคอร์รัปชัน

 

ฉ้อโกงทางการเงิน เลี่ยงภาษีหรือกิจกรรมผิดกฎหมายอื่นๆ ออกนอกประเทศถึง 2.74 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ

ส่วนไทยติดอันดับ 13 จากทั้งหมด 143 ประเทศที่มีการลักลอบส่งเงินสกปรกออกนอกประเทศมากที่สุด

 

ในโลกรอบ 10 ปีที่ผ่านมา โดยมียอดเงินอยู่ที่ 64,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 2.2 ล้านล้านบาท)

 

ขณะที่ อินเดีย อีกหนึ่งศูนย์กลางแห่งการคอร์รัปชัน มีเงินสกปรกที่ถูกลอบออกนอกประเทศมากถึง

 

123,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...