ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
ginger

ใบไม้ผลิบนดวงจันทร์

โพสต์แนะนำ

MTS GOLD

เวลา 10:40 น.

 

หาจังหวะในการเปิด Short Position หรือ Short Position เพิ่มบริเวณ 1,615 - 1,620 เหรียญ และซื้อกลับเมื่อราคาอ่อนตัวลงบริเวณ 1,603 เหรียญ เพื่อทำกำไรระยะสั้น

 

ในวันนี้จะมีแนวรับที่ระดับ 1,603 เหรียญ และแนวต้านที่ระดับ 1,620 เหรียญ

 

สำหรับ Gold Futures จะมีแนวรับแนวต้านระยะสั้นรายวันดังนี้

 

Gold Futures G13 จะมีแนวรับที่ระดับ 22,780 บาท และแนวต้านที่ระดับ 22,950 บาท

Gold Futures J13 จะมีแนวรับที่ระดับ 22,900 บาท และแนวต้านที่ระดับ 23,080 บาท

Silver Futures G13 จะมีแนวรับที่ระดับ 930 บาท และแนวต้านที่ระดับ 960 บาท

 

ถ้าท่านต้องการรายละเอียดสามารถติดตามได้ในบทวิเคราะห์ Dr. Gold Analysis

 

225370_574765135867406_457709366_n.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

“สเต็มเซลล์” กระชากเหี่ยวหรือเสี่ยงมะเร็ง? ดารา นักการเมือง นักธุรกิจ คลั่งฉีด!!

blank.gif โดย ASTVผู้จัดการรายวัน 19 กุมภาพันธ์ 2556 21:44 น.

blank.gif

blank.gif blank.gif blank.gif blank.gif 556000002246601.JPEG blank.gif blank.gif blank.gif blank.gif TabOver.gif

คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น

556000002246602.JPEG

556000002246603.JPEG

blank.gif

 

blank.gif สเต็มเซลล์ เป็นชื่อสร้างปรากฏการณ์ทางวิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ให้ความหวังว่าจะสามารถรักษาโรคได้ทุกโรค มันเป็นชื่อของสิ่งมหัศจรรย์ในโลกยุคใหม่ ไม่แปลกที่ไม่นานต่อมา สเต็มเซลล์จะกลายเป็นเชื่อของสิ่งวิเศษที่สามารถเสริมความงาม กระชากวัย จนมีข่าวว่า ดาราหลายคนบินรัดฟ้าไปฉีดสเต็มเซลล์ที่ดึงเอาความเยาว์วัยกลับมากันหลายคน

แม้แต่นักธุรกิจ นักการเมือง สเต็มเซลล์ก็เป็นชื่อของความปรารถนาที่จะทำให้ชีวิตยืนยาว ไม่ต่างจากการพูดถึงตำนานน้ำพุแห่งความเยาว์วัย หรือจอกศักดิ์สิทธิ์ที่ใครได้ดื่มน้ำจากจอกนั้นจะมีชีวิตเป็นอมตะ

แต่จะเกิดอะไรขึ้นหากสิ่งที่ได้แทนที่จะเป็นความหนุ่มสาวกลับกลายเป็น “มะเร็ง”

การไขว่คว้าการมีชีวิตอันยืนยาว หรือการยืดความหนุ่มสาวของมนุษย์นั้นเป็นไปได้จริงๆ หรือ? สเต็มเซลล์มหัศจรรย์วิทยาศาสตร์ของโลกยุคใหม่สามารถตอบโจทย์ความฝันของมนุษยชาติได้จริงๆ หรือเป็นเพียงโฆษณาชวนเชื่อที่เอาภาพลวงความยิ่งใหญ่ของสเต็มเซลล์มาเป็นชื่อหลอกขายกันแน่

 

 

สเต็มเซลล์ในปัจจุบัน

สเต็มเซลล์หรือเซลล์ต้นกำเนิดเป็นชื่อที่สั่นสะท้านวงการแพทย์ ด้วยความหวังที่ว่ามนุษย์จะนำไปรักษาโรคที่รักษาไม่ได้หลายชนิด เพราะโรคภัยไข้เจ็บของมนุษย์ที่รักษาไม่ได้นั้นส่วนหนึ่งเกิดจากการที่เซลล์ของเนื้อเยื่อมนุษย์บางชนิดเมื่อตายไปแล้วร่างกายไม่สามารถสร้างใหม่ได้ เช่น สมอง หัวใจ ดังนั้นการค้นพบสเต็มเซลล์จึงเป็นเสมือนการค้นพบแหล่งสร้างเซลล์ชนิดที่ต้องการเพื่อนำไปพัฒนาเป็นการรักษาต่อไป

ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมางานวิจัยทางด้านสเต็มเซลล์มีความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วมาก ทำให้เกิดความหวังกับนักวิทยาศาสตร์การแพทย์ที่จะหาแนวทางรักษาโรคที่ในอดีตคิดกันว่า ไม่มีทางรักษาได้แน่นอน

 

ผศ.ดร.นพ.นิพัญจน์ อิศรเสนา ณ อยุธยา หัวหน้าศูนย์วิจัยเซลล์ต้นกำเนิด และเซลล์บำบัด จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก็เห็นถึงความเป็นไปได้ของความฝันที่จะมีการนำสเต็มเซลล์มาใช้ในทางการแพทย์อย่างกว้างขวางในอนาคต แต่อย่างไรก็ดียังมีสิ่งที่บุคคลทั่วไปเข้าใจคลาดเคลื่อนเกี่ยวกับสเต็มเซลล์ปัจจุบันโรคที่ใช้สเต็มเซลล์รักษาได้จริงยังมีจำกัดไม่กี่โรค ถึงนำไปสร้างเซลล์ที่ต้องการได้ในหลอดทดลองก็ไม่ใช่ว่าฉีดเข้าไปในร่างกายแล้วจะเกิดประโยชน์ ในทางตรงข้ามกันการนำไปใช้อย่างไม่เหมาะสมก็ทำให้เกิดอันตรายได้ ยังมีรายละเอียดอีกมากที่ยังต้องศึกษา เพื่อให้เกิดประโยชน์จริงและลดอันตรายต่อผู้ป่วย ที่แน่ๆคือยังก้าวไม่ถึงจุดที่จะสามารถรักษาโรคได้ทุกโรคตามที่หลายคนในสังคมเข้าใจ

ด้วยเพราะสเต็มเซลล์นั้นจริงๆแล้วมีหลายชนิด แต่ละชนิดมีคุณสมบัติไม่เหมือนกัน นำไปใช้สร้างเซลล์ของเนื้อเยื่อคนละชนิด มีประโยชน์และโทษแตกต่างกันเมื่อนำไปปลูกถ่ายตัวอย่างง่ายๆคือ สเต็มเซลล์ของเลือดก็สร้างเฉพาะเซลล์เม็ดเลือดขาว เม็ดเลือดแดง สเต็มเซลล์ของสมองก็สร้างเฉพาะเซลล์ประสาท และเซลล์เยื่อหุ้มประสาทเป็นต้น ส่วนสเต็มเซลล์ที่สร้างเซลล์ร่างกายได้ทุกชนิดมีเพียง สเต็มเซลล์ตัวอ่อน (human embryonic stem cells) ซึ่งยังต้องวิจัยพัฒนาอีก 5-10 ปี ก่อนคนไข้ทั่วไปจะมีโอกาสได้ใช้

 

 

โดยในปัจจุบัน หัวหน้าศูนย์วิจัยเซลล์ต้นกำเนิด และเซลล์บำบัด เผยว่าการใช้สเต็มเซลล์ในการรักษาโรคอย่างมีมาตรฐานนั้นในประเทศไทยนับเพียง สเต็มเซลล์เลือด(จากไขกระดูก หรือสายสะดือทารก)สำหรับโรคเลือดเท่านั้น ในต่างประเทศบางแห่งการเพาะและปลูกถ่ายสเต็มเซลล์ ผิวหนัง และกระจกตา เป็นการรักษามาตรฐาน แต่เนื่องจากมีต้นทุนที่สูงมาก ทำให้ในทางปฏิบัติมีการใช้ในยุโรปบางประเทศเท่านั้น โรงเรียนแพทย์ของไทยมีการพัฒนาเทคนิคดังกล่าวแต่ยังเป็นโครงการวิจัยไม่ใช่การรักษามาตรฐาน

“การนำสเต็มเซลล์ของอวัยวะใดๆนำไปรักษาอวัยวะนั้นๆ มีพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์คือ ไม่ใช่ว่าเราแค่เอาเซลล์ไปปลูกเฉยๆ เราต้องการเซลล์ที่ไปปลูกแล้วมันสร้างเซลล์ใหม่ได้เรื่อยๆ เราไม่ได้ต้องการให้สร้างเซลล์เลือดของวันนั้น เราต้องการให้หลังจากปลูกถ่ายไปแล้วเซลล์นั้นสามารถสร้างเซลล์เม็ดเลือดให้เราใช้ไปได้ตลอดชั่วชีวิตเรา ถ้าไม่ใช่สเต็มเซลล์ของอวัยวะเดียวกัน ก็จะสร้างเซลล์ผิดชนิดได้ เช่นกลายเป็นกระดูกในหัวใจหรือสมองเป็นต้น”

 

ความก้าวหน้าในการวิจัยสเต็มเซลล์เป็นไปอย่างรวดเร็ว ล่าสุดกับงานวิจัยที่คว้ารางวัลโนเบลของศ.ชินยะ ยามานากะ ค้นพบวิธีการการนำเซลล์ชนิดใดก็ได้ในร่างกายมนุษย์มาทำให้กลายเป็นเซลล์ไอพีเอส (induced pluripotent stem cell) ซึ่งมีคุณสมบัติเหมือนสเต็มเซลล์ตัวอ่อน ที่สามารถเปลี่ยนเป็นเซลล์ใดก็ได้ในร่างกาย เนื่องจากเป็นเซลล์ของตัวผู้ป่วยเองจึงมีประโยชน์อย่างมากในการพัฒนาการรักษาใหม่

 

ตัวอย่างเช่น หากเป็นโรคทางพันธุกรรมเลือด ในทางทฤษฎีสามารถนำเซลล์ผิวหนังของคนไข้ออกมาทำเป็นเซลล์ไอพีเอสแล้วแก้ความผิดปกติทางพันธุกรรมทำกลับเป็นสเต็มเซลล์เลือดที่ไม่มีอาการป่วย เพื่อนำกลับไปปลูกถ่ายเพื่อรักษาผู้ป่วยได้

 

นอกจากนี้เซลล์ไอพีเอสยังมีประโยชน์ในด้านของการทดลอง โดยเอานำเซลล์ไอพีเอสไปสร้างเป็นเซลล์จำลองที่เกิดโรคเพื่อเรียนรู้กลไกการเกิดโรคและการใช้ยารักษา ทำให้สามารถรักษาผู้ป่วยในโรคนั้นๆ ได้โดยใช้ยาที่เป็นผลมาจากการทดลองกับเซลล์ไอพีเอส

 

ทั้งนี้ การใช้สเต็มเซลล์ในทางที่ผิดนั้น ผศ.ดร.นพ.นิพัญจน์ แสดงความเป็นห่วงว่ามีอยู่หลายกรณี

 

“การใช้สเต็มเซลล์กับผิวหนังนั้น เราพูดถึงกรณีถูกไฟไหม้ ไม่ได้ช่วยให้ผิวสวยงามอย่างที่เข้าใจกันในประเทศไทย อันนั้นยังไม่มีหลักฐานหรือเหตุผลสนับสนุนเพียงพอ”

 

 

ภัยร้ายของสเต็มเซลล์

 

จากกระแสข่าวที่พบว่า มีดาราพากันไปฉีดสเต็มเซลล์เพื่อหวังผลด้านความสวยความงาม ตั้งแต่บุ๋ม ปนัดดาที่ฉีดสเต็มเซลล์จากแกะในราคากว่า 6 แสนบาท เคม ภูภูมิ และอั้ม พัชราภา จนถึงเจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ ที่พูดถึงกันมากที่สุดก็หนีไม่พ้น เบิร์ด ธงไชยที่มีข่าวว่าฉีดสเต็มเซลล์ตั้งแต่รุ่นรกแกะรุ่นแรก โดยก่อนคอนเสิร์ตใหญ่ก็มีข่าวว่าได้บินไปฉีดสเต็มเซลล์ถึงเยอรมนีด้วยเงินสูงถึง 1 ล้านบาท

 

รศ.ดร.คล้ายอัปสร พงศ์รพีพร อาจารย์พิเศษมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง และกรรมการห้องปฏิบัติการฮาร์ท จีเนติกส์ เผยถึงผลการตรวจที่พบความผิดปกติอย่างน่าสงสัยของผู้ที่มาใช้บริการตรวจดีเอ็นเอกับเธอว่า “ทางสถาบันเราจะเชี่ยวชาญด้านมะเร็ง โดยจะสามารถตรวจพบมะเร็งในระยะก่อนเริ่มแรกจากดีเอ็นเอได้ ซึ่งเราทำมาเป็นระยะเวลาพอสมควรแล้วก็พบความผิดปกติในดีเอ็นเอของลูกค้ากลุ่มหนึ่งซึ่งมีการกลายพันธุ์”

 

โดยข้อสังเกตของเธอพบว่า การกลายพันธุ์ของดีเอ็นเอนั้นเป็นการกลายเป็นพันธุ์จากคนไปเป็นของสัตว์ และพบว่ามีความเป็นไปได้สูงที่จะกลายเป็นมะเร็ง

 

“พอมาสอบถามดูก็ได้รับคำตอบว่า ได้ไปใช้บริการฉีดสเต็มเซลล์มา ซึ่งทั้งหมดที่พูดมามีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์พิสูจน์ได้ เพราะขั้นตอนในการตรวจสอบดีเอ็นเอต้องส่งข้อมูลไปยังต่างประเทศด้วย”

 

กลุ่มคนที่เธอตรวจพบอาการดังกล่าวนั้นเป็นนักธุรกิจ หรือนักการเมืองที่ใส่ใจในเรื่องของสุขภาพการฉีดสเต็มเซลล์ที่ใช้ค่าใช้จ่ายสูงก็เพื่อให้ตัวเองหายจากโรคที่เป็นอยู่ แต่กลับทำให้เสี่ยงต่อการเป็นโรคร้ายมากขึ้น

 

ปัจจัยของการฉีดสเต็มเซลล์แล้วทำให้เกิดมะเร็งนั้นก็สอดคล้องกับ ผศ.ดร.นพ.นิพัญจน์ ที่บอกว่า การปลูกถ่ายสเต็มเซลล์ที่ผ่านการเพาะเลี้ยงจะยิ่งมีปัจจัยที่ทำให้มีผลข้างเคียงเป็นโรคมะเร็ง

 

“เซลล์ยิ่งผ่านการเพาะเลี้ยงในห้องปฏิบัติการนานยิ่งมีโอกาสเสี่ยงที่จะเกิดความผิดปกติในโครโมโซม การปนเปื้อน จำต้องมีการตรวจสอบ คัดเลือกเซลล์อย่างรอบคอบเพื่อความปลอดภัย และใช้ในโรคที่มีหลักฐานสนับสนุนทางวิทยาศาสตร์เท่านั้น”

 

แต่การใช้สเต็มเซลล์ในความเข้าใจที่ผิดนั้นมีอยู่มากมาย อย่างการฉีดสเต็มเซลล์ของสัตว์เพื่อใช้ในด้านความงามนั้น หัวหน้าศูนย์วิจัยเซลล์ต้นกำเนิด และเซลล์บำบัด เผยว่า การฉีดเซลล์ของสัตว์เข้ามาในร่างกายนั้นถือว่ามีอันตรายมากกว่ามีประโยชน์

 

“ย้อนกลับมาสเต็มเซลล์คืออะไร...คือเซลล์ที่สร้างเซลล์ใหม่ให้เรา ถ้าเราฉีดเซลล์ที่ไม่ใช่เซลล์ผิวหนังของเรา มันก็ไม่ได้สร้างเซลล์ผิวหนังให้เรา ง่ายๆ สั้นๆ มันก็สร้างเซลล์อื่น ถ้าเอาเซลล์สัตว์ฉีดไปมันก็สร้างเซลล์อื่น ยิ่งถ้ามันยังมีชีวิตอยู่ เกิดอะไรขึ้นอีก ภูมิคุ้นกันเราก็ทำงาน ถ้าภูมิคุ้มกันชนะมันก็ไม่มีผลเหมือนฉีดน้ำเปล่ามีแสบร้อยแปลบๆ แต่ถ้าแย่เป็นยังไง แพ้สมองอักเสบถึงตายก็มี”

 

ในส่วนที่ทำให้รู้สึกดีขึ้นนั้น อาจมีการฉีดสารด้านความงานอื่นๆที่เป็นอันตรายอย่าง สารหนู สารต้องห้ามทางการแพทย์ที่ในระยะยาวอาจทำให้เป็นมะเร็งได้ ส่วนสเต็มเซลล์ที่จากตัวเองนั้น หากใช้ผิดวิธีก็มีอันตรายเช่นกัน

 

“มันมีคำโฆษณาชวนเชื่อมากมาย เซลล์ของตัวเองไม่เป็นไรปลอดภัย อันนี้ไม่จริงเสมอไป เพราะเซลล์เจ้าของเองก็กลายเป็นพิษได้ เซลล์เลือดฉีดไปในไตกลายเป็นเนื้องอกในไตได้ ฉะนั้นเซลล์ของตัวเองไม่ได้ปลอดภัยอย่างที่คิด เซลล์ตัวเองก็อันตรายได้ ข้อเสียคือภูมิคุ้นกันเราไม่ป้องกัน คืออะไรมันเป็นเนื้องอกง่ายมาก เหมือนเพาะแล้วเพิ่มจำนวนแล้วมีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างที่ในยีนของเซลล์ พอปลูกเข้าไปในร่างกายเรา ระบบภูมิคุ้มกันบอกว่าเป็นเซลล์เรานี่ แต่จริงๆมันเป็นตัวเริ่มต้นของเนื้องอก”

 

เนื่องจากแม้แพทยสภาจะห้ามการนำสเต็มเซลล์มาใช้ในผู้ป่วยนอกจากจะเป็นโรคระบบเลือดหรือเป็นโครงการวิจัยที่ได้ผ่านการตรวจสอบแล้ว แต่ก็ยังข่าวมีคลินิคเปิดรักษาด้วยสเต็มเซลล์ในโรคที่ไม่มีพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์อยู่เสมอๆ

 

ในทางจริยธรรมแล้ว ผศ.ดร.นพ.นิพัญจน์ เอ่ยว่า “ในทางการแพทย์เราคำนึงถึงความปลอดภัยของคนไข้เป็นสำคัญที่สุด การรักษาต้องมีพื้นฐานจากหลักฐานที่เชื่อถือได้และต้องให้ข้อมูลที่ถูกต้องกับคนไข้ สำหรับผู้ป่วยที่ไม่เข้าใจว่าสเต็มเซลล์คืออะไรและเป็นโรคเรื้อรังรุนแรง พอหมอบอกว่า จ่ายมา 10 ล้านแล้วจะฉีดสเต็มเซลล์ให้ มีความเป็นไปได้ที่จะรักษาได้ แต่หมอไม่รับรองและห้ามฟ้องหมอทีหลัง คนไข้ที่ไม่มีอะไรจะเสียก็อาจตกลง แต่มันทั้งอันตรายต่อคนไข้ และผิดจริยธรรม”

 

ทั้งนี้ หากมีการใช้สเต็มเซลล์รักษาคน นอกจากโรคเลือดซึ่งเป็นมาตรฐานแล้วในประเทศไทย ก็ยังถือว่าเป็นการทำเพื่อการพัฒนาการแพทย์จึงห้ามคิดค่าใช้จ่ายกับคนไข้

 

ยังมีการให้เก็บสเต็มเซลล์ของเด็กแรกเกิดเพื่อให้ใช้รักษาโรคในอนาคต เขาก็ให้ความเห็นว่า ไม่จำเป็น เพราะค่าใช้จ่ายที่สูงมาก โดยคิดค่าเก็บรักษาตามระยะเวลา หากเก็บไว้เพียง 10 ปีก็ไม่คุ้มเพราะอาจยังไม่ได้ใช้รักษาโรค และหากเก็บในตอนโตก็ไม่ต่างกันเพราะปัจจุบันมีวิทยาการของเซลล์ไอพีเอสที่ย้อนไปสู่เซลล์กำเนิดได้

 

“ในทางการแพทย์ นอกจากความปลอดภัยของคนไข้ เราต้องคำนึกถึงค่าใช้จ่าย ประโยชน์ที่มากที่สุดต่อตัวคนไข้ด้วยการรักษาแบบนั้นจึงจะเป็นมาตรฐานที่สามารถใช้ในทางปฏิบัติจริงได้”

 

ปัจจุบันนี้ มีการนำชื่อของสเต็มเซลล์ไปใช้ในทางที่ผิดซึ่งอันตรายมาก

 

“คนที่ไม่รู้แต่พร้อมจะยอมเสี่ยงเพราะเชื่อว่าสเต็มเซลล์นั้นดี เชื่อว่ารักษาได้ทุกโรค เชื่อว่าบินไปฉีดในประเทศบางประเทศที่ดังๆ ในยุโรป เชื่อว่ามันเป็นไฮ - เทคโนโลยีที่คนอื่นไม่รู้ มันไม่ใช่ เทคโนโลยีที่พูดนั้นมันไม่ใช่เทคโนโลยีเลย เราสามารถพูดได้ทั่วโลก หรือสมาคมสเต็มเซลล์ทั่วโลกพูดด้วยประโยคเดียวกันว่า ไม่มี ตัวอย่างในต่างประเทศก็มีมาแล้วที่คนไข้ตายและหมอที่ฉีดสเต็มเซลล์ให้ต้องติดคุก”

 

 

มาถึงตอนนี้ ผศ.ดร.นพ.นิพัญจน์ ก็ขอบอกว่า สเต็มเซลล์ในด้านดีก็มีอยู่จริง เพียงแต่ต้องใช้อย่างถูกต้อง ถูกกระบวนการ

 

“มาตอนนี้ความก้าวหน้าของสเต็มเซลล์ที่เทคโนโลยีมันก้าวไปเร็วมาก มันก็ทำให้ความฝันทางวิทยาศาสตร์หลายอย่างใกล้จะเป็นจริง iPS technology เองในประเทศไทยก็พัฒนาไปพอสมควรแล้ว ผมเองศึกษาด้านประสาท ความฝันในการรักษาโรคพาร์กินสันมันเริ่มเห็นความเป็นไปได้แล้ว”

 

อย่างไรก็ตาม ความเป็นไปได้ทางวิทยาศาสตร์ยังรอก้าวต่อไปของการพัฒนา ความหวังในการจะรักษาโรคทุกโรคที่เกิดกับมนุษย์ ในต้นทุนที่คุ้นค่าพร้อมด้วยความปลอดภัย รวมถึงความหนุ่มสาว ที่ยังไม่มาถึงในปัจจุบัน

 

ข่าวโดย ทีมข่าวผู้จัดการ LIVE

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

556000002158901.JPEG

 

เครื่องแบบที่ผลิตโดยบริษัท อั่วซย่า โคลซิ่ง ในผู่ตง เพราะตรวจพบว่ามีการใช้สารต้องห้าม ซึ่งอาจก่อมะเร็ง (ภาพซินหวา)

blank.gif

เอเยนซี - เจ้าหน้าที่จีน มีคำสั่งห้ามเด็กนักเรียนใส่ชุดเครื่องแบบฯ หลังตรวจพบสารก่อมะเร็งอันตรายในผ้าที่ใช้ตัดเย็บ

สื่อจีนรายงาน (17 ก.พ.) ว่า โรงเรียนกว่า 20 แห่งในนครเซี่ยงไฮ้ ถูกเจ้าหน้าที่ฯ สั่งห้ามเด็กๆ ใส่ชุดเครื่องแบบโรงเรียน หลังสำนักงานตรวจสอบมลพิษฯ ตรวจพบสารก่อมะเร็งในเสื้อผ้าเหล่านั้น

รายงานข่าว ได้เผยข้อความของสำนักงานฯ ว่าได้สั่งห้ามใช้ชุดเครื่องแบบที่ผลิตโดยบริษัท อั่วซย่า โคลซิ่ง ในผู่ตง เพราะตรวจพบว่ามีการใช้สารต้องห้าม ซึ่งอาจก่อมะเร็ง โดยก่อนหน้านี้ บริษัทดังกล่าว ก็เคยถูกขึ้นบัญชีดำจากการใช้สารที่อาจก่อให้เกิดโรคภูมิแพ้ผิวหนัง ขณะที่ครั้งล่าสุดนี้ เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ได้ยึดเสื้อผ้าไว้ และอยู่ระหว่างสอบสวน

ทั้งนี้ ผลสำรวจ ในปี 2555 พบว่า เครื่องแบบชุดนักเรียน ของโรงเรียนต่างๆ ในเซี่ยงไฮ้ มีมากกว่าครึ่ง ที่ยังต่ำกว่ามาตรฐานความปลอดภัย

ASTV

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เจ้าแคว้นฉู่เชิญจวงจื่อไปกินตำแหน่งขุนนางใหญ่

blank.gif โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

20 กุมภาพันธ์ 2556 09:01 น.

blank.gif 556000002195401.JPEG

 

ภาพโดย จูตา (朱耷-ค.ศ.1676-1705) หรือ ปาต้าซันเหริน(八大山人)

จิตรกรยุคสมัยราชวงศ์ชิง blank.gif

 

ครั้งหนึ่ง จวงจื่อนั่งตกปลาอยู่ที่แม่น้ำผู เจ้าแคว้นฉู่ได้ส่งเจ้าพนักงานมาแจ้งแก่เขาว่า

“ข้าต้องการเชื้อเชิญให้ท่านรับตำแหน่งขุนนางใหญ่ในแผ่นดินของข้า”

 

จวงจื่อยังคงตกปลาต่อไป และเอ่ยขึ้นโดยไม่หันหน้าไปมอง

“ข้าได้ยินมาว่า ในแคว้นฉู่มีเต่าศักดิ์สิทธิ์ที่ตายมานานถึงสามพันปี

เจ้าแคว้นเก็บมันไว้ในกล่องและห่อผ้าอย่างประณีต และวางไว้ในศาลบรรพชน

บัดนี้ เจ้าเต่าตัวนี้ควรตายและทิ้งกระดองไว้ให้กราบไหว้บูชา หรือว่าควรมีชีวิตอยู่

และกระดิกหางเล่นอยู่ในโคลนตม?”

 

“มันควรมีชีวิตอยู่และกระดิกหางในโคลนตม” เจ้าพนักงานทั้งสองตอบ

 

จวงจื่อจึงกล่าวว่า “ถ้าเช่นนั้นจงกลับไปเสีย

ข้าก็ต้องการกระดิกหางเล่นในโคลนตมเช่นกัน”

 

แปลเรียบเรียงตัดตอนจากหนังสือจวงจื่อ(庄子)

ถูกแก้ไข โดย ginger

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สื่อนอกเตือน! จอร์จ โซรอส เตรียมโจมตี “เงินปอนด์” ต่อ หลังเพิ่งฟันกำไรอื้อ จาก “เงินเยน”

blank.gif โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 20 กุมภาพันธ์ 2556 12:07 น.

blank.gif 556000002260101.JPEG

 

จอร์จ โซรอส

 

blank.gif เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์-จอร์จ โซรอส พ่อมดการเงินชื่อก้องโลก วัย 82 ปี ตกเป็นข่าว กำลังวางแผนเตรียมลงมือโจมตีค่าเงินปอนด์ สเตอร์ลิงของอังกฤษเพื่อทำเงินเข้ากระเป๋าตัวเองเพิ่มเติม หลังค่าเงินของเมืองผู้ดีทำสถิติร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในสัปดาห์นี้ เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ถือเป็นการตกต่ำที่สุดของค่าเงินปอนด์นับตั้งแต่เดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว

 

รายงานข่าวซึ่งอ้างข้อมูลจากเว็บไซต์ข่าวสารด้านการลงทุนชื่อดังของอังกฤษ“อินเวสต์เมนต์ วีค”เมื่อคืนวันอังคาร (19) ยืนยันว่า จอร์จ โซรอส พ่อมดการเงินชาวอเมริกัน เชื้อสายฮังการี ซึ่งเพิ่งทำเงินเข้ากระเป๋าตัวเองได้เกือบ 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 29,840 ล้านบาท) เมื่อเดือนพฤศจิกายนปี 2012 จากการเข้าเก็งกำไรกับค่าเงินเยนของญี่ปุ่น ได้ “ล็อกเป้าใหม่” ในการฟันกำไรเอาไว้ที่เงินสกุลปอนด์ สเตอร์ลิงของสหราชอาณาจักรเรียบร้อยแล้ว หลังค่าเงินปอนด์ร่วงลงอีก 0.5 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ จนเหลือเพียง 1.5438 ดอลลาร์ในการซื้อขายเมื่อวันจันทร์ (18) ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 7 เดือน โดยที่ทางธนาคารกลางของอังกฤษ (Bank of England ) ก็ออกมายอมรับว่า มีความเป็นไปได้ที่ค่าเงินปอนด์อาจร่วงลงต่ำกว่านี้ได้อีก

 

ขณะที่ข้อมูลจากหนังสือพิมพ์ “ไฟแนนเชียล ไทม์ส” ยืนยันว่าบรรดากองทุนเฮดจ์ ฟันด์ขนาดใหญ่ของโลก รวมถึง กองทุน “โซรอส ฟันด์ แมเนจเมนต์” ของจอร์จ โซรอส กำลังจับตาดูสถานการณ์ของค่าเงินปอนด์อย่างใกล้ชิด และพร้อมเปิดการโจมตีเพื่อฟันกำไรในไม่ช้า ซึ่งจะส่งผลให้เงินปอนด์กลายเป็นเงินสกุลหลักสกุลที่ 2 ของโลกต่อจากเงินเยนของญี่ปุ่น ที่ตกเป็นเป้าหมายของการเก็งกำไรภายในระยะเวลาห่างกันเพียงไม่กี่เดือน

 

ความเคลื่อนไหวล่าสุดมีขึ้นหลังก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา สื่อต่างประเทศหลายสำนักรายงานโดยอ้างคนใกล้ชิดของโซรอสว่า พ่อมดการเงินรายนี้ สามารถทำเงินเข้ากระเป๋าตัวเองได้เกือบ 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 29,840 ล้านบาท) เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา จากการเข้าเก็งกำไรค่าเงินเยนของญี่ปุ่น หลังจากค่าเงินแดนปลาดิบอ่อนค่าลงกว่า 17 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐฯนับตั้งแต่ต้นไตรมาสที่ 4 ของปี 2012 ซึ่งถือเป็นวิกฤตการอ่อนค่าของเงินเยนที่เลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่ช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 1985 เป็นต้นมา

 

ก่อนหน้านี้ เมื่อปี 1992 จอร์จ โซรอส เคยโจมตีค่าเงินปอนด์ของอังกฤษมาแล้วครั้งหนึ่ง จนสามารถทำกำไรได้นับพันล้านดอลลาร์สหรัฐ และทำให้ธนาคารกลางของอังกฤษ (Bank of England) เกือบประสบภาวะล้มละลาย ขณะเดียวกันโซรอสยังเคยทำกำไรมหาศาลจากการโจมตี “ค่าเงินบาท” ของไทย และสกุลเงินของอีกหลายชาติในเอเชียมาแล้วเมื่อช่วงวิกฤตการเงินในเอเชีย ซึ่งมีจุดเริ่มต้นที่ประเทศไทยในเดือนกรกฎาคม 1997

 

ทั้งนี้ นอกจากข่าวการทำกำไรของโซรอสจากค่าเงินเยนของญี่ปุ่นแล้ว ยังมีรายงานว่า โซรอสซึ่งปัจจุบันมีมูลค่าทรัพย์สินในความครอบครองทั้งหมดไม่ต่ำกว่า 20,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ(เกือบ 600,000 ล้านบาท) เพิ่งทุ่มเงินซึ่งไม่เปิดเผยจำนวนที่แน่ชัดเพื่อเข้าซื้อหุ้นของบริษัท “แอปเปิล อิงก์” ยักษ์ใหญ่ไอทีของสหรัฐฯเพิ่มเมื่อช่วงสิ้นปีที่ผ่านมา ผ่านทางกองทุนโซรอส ฟันด์ แมเนจเมนต์ของเขาในนิวยอร์ก เป็นเหตุให้ขณะนี้โซรอสถือหุ้นกว่า “183,976 หุ้น” ในบริษัทแอปเปิล ผู้ผลิตโทรศัพท์อัจฉริยะ “ไอโฟน” และแท็บเล็ตยอดฮิตอย่าง “ไอแพด” คิดเป็นวงเงินไม่ต่ำกว่า 98 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 2,924 ล้านบาท)

556000002260102.JPEG

 

เงินปอนด์ของอังกฤษ คือ เป้าหมายใหม่ของจอร์จ โซรอส

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Siam Silver

 

โอกาสทองของทองจริง

 

เขียนโดยคุณNEXTTONOTHING จากเวป thaigold ครับ

 

ขอเคลียร์ (Clarify)

มีหลายๆเรื่องที่มักจะเข้าใจผิด เกี่ยวกับ “ทองคำ” ซึ่งเป็นเรื่องที่ยากจะอธิบายให้เข้าใจกับคนที่เพิ่งเริ่มต้นลงทุนในทองคำ แต่ถ้าคุณได้อ่านบทความ โอกาส“ทอง”(จริงๆ)มาตั้งแต่ต้น

คงไม่มีอะไร ซับซ้อน(แต่หากคุณเพิ่งจะเปิดมาเจอกระทู้นี้ เสาร์-อาทิตย์ ว่างๆสบายๆ ลองไล่อ่านก่อนหน้านี้ดูหน่อยนะครับ)

:excl: Opinion 1 : ทองกินไม่ได้ ?

นี่คือประโยคที่ผมได้ยินบ่อยมาก หลายต่อหลายครั้งที่คน มักไม่เข้าใจว่าจะซื้อทองคำไปทำไม

แพงก็แพง ที่สำคัญกินก็ไม่ได้ อย่างมากก็เป็นเครื่องประดับใส่สวยๆ ที่พูดกันอย่างนั้นเพราะเค้าไม่เข้าใจว่า “ทองคำ คือ เงินที่แท้จริง” (Gold is money) แต่กลับมองว่า ทองคำคือ “สินค้า” อย่างนึง

- คุณเก็บ ธนบัตรและเหรียญ ไว้ก็ไม่สามารถนำมันมา “รับประทาน” ได้เช่นกัน แต่ คุณสามารถ นำเงิน 30 บาทไปซื้อ ข้าวผัดกระเพรามา ทานได้ ในทางกลับกัน

- คุณไม่สามารถรับประทาน ทองคำได้ แต่ คุณสามารถนำทอง ไปซื้อ ข้าวผัดกระเพรา มาทานได้เช่นกัน

คุณสามารถนำทองคำไปแลกของมากินได้จริง ไม่เชื่อคุณลองเดินเข้าร้านอาหารตามสั่งแล้วบอกว่า ไม่มีตังค์ติดตัวเลย ขอจ่ายเป็นสร้อยทอง 1 บาทแทนได้มั๊ย เผลอๆ แม่ค้า จะให้คุณ ทานฟรี ปีนึงเลยครับ

:excl: Opinion 2 : ทองแพง ?

นี่ก็เป็นประโยคที่ได้ยินบ่อยไม่แพ้กัน ความจริงคือ “ทองไม่เคยแพงครับ เงินต่างหากที่ลดค่าลงทุกวัน” หากคำว่าแพงของคุณ คือ การนำเงิน ปึกหนาขึ้นกว่าเดิม ไปซื้อทองจำนวนเท่าเดิม

ทองคำมันอยู่ของมันเฉยๆ ไม่ได้เปลี่ยนแปลง ค่าของเงินมันน้อยลงต่างหาก (Devalue) คุณเลยต้องเพิ่มจำนวนใบเข้าไปให้มูลค่ามันเพียงพอจะแลกทองได้เท่าเดิมมากกว่า

อย่าถามผมเลยว่า ทองจะขึ้นไปถึง บาทละเท่าไหร่ เพราะ ผมไม่รู้ว่า รัฐบาลจะพิมพ์เงินออกมาเพิ่ม ให้ค่าเงินมันลดลงไป เท่าไหร่

เมื่อค่าของเงินลดลงได้ไม่จำกัด ราคาทองคำก็จะขึ้นไปได้ไม่จำกัดเช่นกัน

ถ้าถามถึงแนวโน้มราคาทองคำในอนาคตผมบอกได้แต่ว่า “ขึ้นอีกเยอะ” (A lot Higher)

:excl: Opinion 3 : ทองแพง ไม่มีคนจะซื้อใส่ สุดท้ายราคาทองจะลง

.นี่ก็เป็นอีกแบบของการมองทองคำในแง่ว่า เป็นแค่ “สินค้าโภคภัณฑ์” (Commodity)

จริงอยู่ว่า ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทองคำถูกบริโภค ในรูปแบบของเครื่องประดับ มากที่สุด (Jewellery Demand) ประมาณกว่า 50% ที่เหลือ เป็นในส่วนของ

การใช้งานใน อุตสาหกรรม (Industrial Demand) และ อื่นๆ เมื่อราคาทองคำถีบตัวสูงขึ้นช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา กระทบ ยอดขาย จิวเว่อรรี่ ให้ลดฮวบลงจริงแต่ มีส่วนของ ความต้องการทองคำเพื่อการลงทุน (Investment Demand)มาชดเชย ได้เป็นอย่างดี

ขอยกคำพูดของ นายกสมาคมทองคำ แห่งประเทศไทยที่ว่า

“คนไทยสิบคน สมัยก่อนมาร้านทอง 9 คนซื้อทองรูปพรรณ 1 คนซื้อทองคำแท่ง เดี๋ยวนี้ สิบคนมาร้านทอง 9 คนซื้อทองแท่ง 1 คนซื้อทองรูปพรรณ”

เพราะฉะนั้น ไม่ว่าจะกี่ยุคกี่สมัยและราคาทองคำจะเป็นเท่าไหร่ ความต้องการของทองคำยังคงมีอยู่โดยตลอด

ทองคำมีลักษณะพิเศษ คือเป็นโลหะเฉื่อย ไม่ทำปฏิกิริยา กับอากาศ ทำให้มันคงสภาพเดิมอยู่ตลอดไม่เกิดสนิม หรือ สูญสลายเมื่อผ่านกาลเวลา (Timeless) คุณสามารถหลอม นำกลับมาขึ้นรูปใหม่ ยืดตีเป็นแผ่นบางๆ อย่างทองคำเปลวหรือทำเป็นเส้นใยเล็กๆ เพื่อฝังลงในชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์ เป็นตัวนำไฟฟ้า ทุบ ตี เผา สารพัด คุณสามารถทำอะไรกับทองคำก็ได้ ยกเว้น “ทำให้มัน สูญสลายไป”

เครื่องประดับทองคำ สมัย อียิปต์ เหรียญทองคำสมัยโรมัน ทองคำในหีบโจรสลัด

เหล่านี้ทุกวันนี้ก็ยังคงอยู่ แถมมีการขุดทองคำเพิ่ม กันทุกปี

“ทองคำของเก่าก็ยังอยู่หมุนเวียนในระบบ ทองคำขุดใหม่ก็เพิ่มขึ้นตลอด แต่ ทำไมราคาทองคำก็ยังเพิ่มขึ้นทุกปี ????”

ปัญหาข้อนี้หากใครมองว่าทองคำเป็นแค่เครื่องประดับ ให้เค้าตีลังกาคิดยังไง ก็คิดไม่ออกหรอกครับ..................

:excl: Opinion 4 : เลือกลงทุน หุ้น กองทุนรวม อสังหาริมทรัพย์ หรือ ทองคำดี ???

เมื่อคุณทำงาน มีรายได้ คุณต้องหา “ที่เก็บ” ครับ ทองคำควรเป็นตัวเลือก

ระหว่างถือเงินสด หรือ ฝากธนาคาร มากกว่าจะเป็นตัวเลือกในการลงทุน

หากจะจัดหมวดให้ใกล้เคียงที่สุด ทองคำควรจะอยู่ในช้อยส์ ของ เงินเยน เงินบาท เงินดอลล่าห์ เงินรูปี มากกว่าจะเป็นช้อยส์ ของ หุ้น PTT , หุ้น BANPU, ที่ดินซักแปลง หรือ กองทุน รวม

 

แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า ทองคำจะเป็นการลงทุน ไม่ได้ แต่การลงทุนในทองคำนั้นบางทีน่า

เบื่อครับเพราะ ไม่มีการปันผล และไม่ได้แบบซื้อเช้า ขายเย็น หรือราคาขยับทุกนาที (ยกเว้น GF) คุณแค่ซื้อ แล้วถือไว้เฉยๆ แต่บางครั้ง

"การลงทุนที่น่าเบื่อที่สุดกลับ กลายเป็นการลงทุนที่ดีที่สุด"

(จากสถิติ 10 ปีที่ผ่านมาทองคำให้ผลตอบแทน เฉลี่ย 17% ต่อปีครับ........ ไม่ใช่น้อยเลย)

:excl: Opinion 5: ดอลล่าห์ “อ่อน” เงินบาท “แข็ง” ทองไม่ขึ้น ???

ข้อนี้เป็นยอดฮิต ของตอนนี้เลย เงินบาทเรา แข็งค่ามาตลอดครับ จาก 36 บาท มาถึงวันนี้ เหลือไม่ถึง 30 บาทแล้ว แต่ทองคำก็ทำสถิติใหม่ ขึ้นทุกปี ไม่ใช่หรือครับ ?

ช่วงที่ผ่านมาเป็นประเด็นมากมาย เพราะมันแข็งไวจัด ตั้งตัวกันไม่ทัน

เงินบาทเราแข็งค่าที่สุดในรอบ 13 ปี แล้วทำไมทองยัง 19000 ไม่ลงราคาไม่ว่า ยังขึ้นซะอีก

......ขึ้นทั้งๆที่บาทแข็ง !!!

สาเหตุก็เพราะการขึ้นของทองคำ ในมุมของค่าเงินนั้น ขึ้นเพราะ สกุลดอลล่าห์ อ่อน เมื่อ สกุลดอลล่าห์อ่อน สกุลเงินบาทก็จะแข็งค่า

แต่ที่แข็งที่สุด คือ เงินสกุลทองคำครับ !!! ไม่ใช่เฉพาะ เงินบาทครับ แต่.......................

ไม่มีเงินสกุลใดในโลกนี้ แม้แต่ สกุลเดียวที่จะแข็งค่า กว่า “ทองคำ” นี่คือ Fact

มีแต่อ่อนค่ามากหรืออ่อนค่าน้อยเท่านั้นเมื่อเทียบกับทองคำ แม้แต่ Swiss Franc หรือ Aus dollar ที่แข็งแกร่งก็ยังแพ้ พูดอีกอย่างก็คือ ใน ช่วงสิบปีที่ผ่านมา ราคาทองคำขึ้นทุกปี ในทุกประเทศ สาเหตุก็เพราะ ธนบัตรกระดาษทุกสีทุกลาย นั้นเป็นแค่ “ตัวแทนเงิน” ไม่ใช่เงินที่แท้จริง อย่างทองคำ หนำซ้ำหลังจาก ยกเลิกระบบการเงินแบบมาตราฐานทองคำ (Gold Standard)และ ระบบ เบรตตัน (Bretton woods systems)

ธนบัตรพวกนี้ก็ไม่ได้มีทองคำหนุนเต็มใบอีกต่อไป

(เงินสกุลบาทในระบบ ทุกวันนี้ หนุนด้วยกองทุนทองคำประมาณ 20% เท่านั้น)

จึงไม่ใช่แค่เพียงทองคำแข็งค่ากว่า แต่ต้องใช้คำว่า“เป็นไปไม่ได้” ที่จะอ่อนค่ากว่าเลยด้วยซ้ำ ..

........................................

เงินบาทแข็งเป็นเรื่องที่ดีครับ คนไทยทั้งประเทศเรารวยขึ้นโดยไม่รู้ตัว ต่อให้เรามีเงินบาทเท่าเดิม เราก็รวยขึ้นโดยอัตโนมัติ ยิ่งหากเรากำไรจากทองคำ เราได้เงินบาทเพิ่มขึ้น เรายิ่ง รวยขึ้น 2 เด้ง ในทางมูลค่า....... น่าดีใจครับ

จริงๆยังมี มากกว่านี้นะครับ ความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนในเรื่องของ ทองคำ ไว้มีโอกาสจะได้มาพูดคุย และ ขอเคลียร์ กันต่อไปครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Wealth Station

แนวต้านหลักที่ 1630 และยังมองลง แนวย่อยที่ 1620 และ 1608

มองเป้าหมายที่ี 1598 1580 1565

ผ่าน 1630 ได้มอง 1640 1654

ส่วนตัวถ้ากลับมายืน 1610 ได้ในบ่ายนี้มีลุ้นรีบาวด์ได้เป้า 1619 1625 1629 มาลุ้นกับ macd ราย 4 ชม.ที่ค่อยๆ ทรงตัวขึ้น และทรง RSI หลุด 1600 - 1602 ก็ถอยตั้งหลักเพราะอาจลง 1580 - 1590 ได้ก่อน

 

485324_507537699284710_1028444520_n.png

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

 

 

แสตมป์พุทธประวัติรับวันมาฆบูชา

  • 20 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา 14:07 น. |

 

67D6E43D931D48CDB6A6DCF747409167.jpg

 

 

ปณท.จัดทำแสตมป์ส่วนตัว "ประมวลภาพพุทธประวัติ" รับวันมาฆบูชา

 

ไปรษณีย์ไทยจัดทำแสตมป์ส่วนตัวชุดพิเศษ “ประมวลภาพพุทธประวัติ” ฉบับสมบูรณ์ให้แก่กฤษณะแกลอรี่ จังหวัดสิงห์บุรี โดยใช้ภาพวาด Digital Art ของกฤษณะ สุริยกานต์ จิตรกรหนุ่มวัย 36 ปี ผู้พากเพียรใช้เวลานานร่วม 3 ปีสร้างสรรค์ผลงานพุทธศิลป์ทั้ง 34 ภาพที่บอกเล่าพุทธประวัติไว้อย่างครบถ้วนวิจิตรงดงาม รวมอีก 6 ภาพที่ทำขึ้นใหม่พร้อมกำกับลายเซ็นจิตรกรเจ้าของภาพ

แสตมป์ส่วนตัวชุดพิเศษนี้ นับเป็นคอลเลคชั่นความรู้คู่แสตมป์อีกชุดที่ทรงคุณค่ายิ่งสำหรับพุทธศาสนิกชน เหมาะที่จะเป็นสื่อเรียนรู้ของเด็ก ๆ เยาวชน และคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลมาฆบูชาที่กำลังจะมาถึง สนใจเป็นเจ้าของติดต่อได้ที่ โทร. 08 1953 6129 หรืออีเมล์ suriyagarn@yaho.co.uk คลิกรายละเอียดที่ www.thebuddhart.com

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดียามอาทิตย์สงบ

 

ส้มเปรี้ยวบอกได้คำเดียวว่า --- พายุกำลังมา ขอให้ผู้โดยสารทุกท่านรัดเข็มขัดนิรภัยให้ดี ^^

พายุจะมาขาขึ้น หรือขาลงก่อน ยังไม่ชัดเจน ดังนั้น ผู้ที่มีพันธะแล้ว กรุณาระมัดระวังตัวเป็นพิเศษ

ผู้ที่มีสถานะโสด ให้อยู่นิ่งๆ รออยู่นอกสนาม หาจังหวะเข้ามีมีสัญญาณ ปรี๊ดดดดดดดดด ^__^

 

วันนี้ส้มเปรี้ยวขอมอบบทเพลงนี้ให้นะค่ะ

+++++

รอคอยขาขึ้นมาแสนนาน ทรมานวิญญาณหนักหนา

ระทมอยู่ในอุรา น้องทองจ๋าฉันรอเธอขึ้นอยู่ผู้เดียว

 

1700 เอยแม้เราจากกันแสนไกล ลงเพียงใดใจฉันไม่แลเหลียว

LONG ตลอดแน่ใจจริงเชียว ติดดอยผู้เดียวนิรันดร์

 

ดัดแปลงจาก เพลง : แต่ปางก่อน

+++++

 

ดูกราฟแล้ว ยังลงได้อีกค้า เป้าหมาย 1600 ฐานแรก

ถ้าไม่หลุด ลุ้น rebound เล็กๆ คืนนี้

 

จากเพลงแต่ปางก่อนของส้มเปรี้ยว

ไม่แนะนำให้เป็นติดดอยผู้เดียวนิรันดร์นะค่ะ --- ช่วงนี้ อากาศร้อน ใส่ขาสั้นเป็นดีที่สุดค่ะ โอเค๊

 

เมื่อ 1600 เอาอยู่ ขึ้นได้เท่าไร --- 1615/1625 ขั้นแรก --- 1630 รอลุ้นหนักๆๆ แนวโน้มลงแบบนี้ ไม่รู้จะมีแรงขายกระหน่ำก่อนถึงเป้าหมายรึเปล่าค่ะ

 

จากรูปจะเห็นว่า ถ้านับคลื่นแล้ว เราจะเข้าสู่คลื่นที่ 4 นั้นคือ คลื่นของการขึ้น (ขึ้นเพื่อลงต่อ)

ดังนั้น คนที่ยังเป็นโสด จับจังหวะการเข้า Short ได้ตั้งแต่ 1615/1625/1630 เป็น Step Step ไป (โดยมีจุด Stop loss ไว้บ้างเผื่อทะลุ 1640 เพราะถ้าเกิน จะไปได้อีก 10 -15 เหรียญ)

 

สรุปแล้ว รอขึ้นเบาๆ คืนนี้ --- ห้ามใส่ขายาวนะค่ะ ขอเตือนอีกครั้ง!!

 

525105_585904631437891_949369794_n.jpg

 

แนวรับ 1600/1597 --- 1585/1570

แนวต้าน 1615/1625 – 1630

 

ซินแซ ส้มเปรี้ยว ^^

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...