ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ สิงหาคม 8, 2013 สำรวจโลก 3 hours ago Denison barb เป็นปลาน้ำจืดกึ่งเขตร้อน มีถิ่นอาศัยอยู่ในแม่น้ำและลำธารไหลแรงในประเทศอินเดีย ลักษณะลำตัวเรียวยาว เกล็ดสีเงิน มีแถบสีแดงสะท้อนแสงพาดจากหัว ผ่านตา ไปสิ้นสุดที่กลางลำตัว และมีเส้นดำพาดตลอดความยาวลำตัวอยู่ใต้แถบแดงอีกทีหนึ่ง ปลาชนิดนี้สามารถโตได้สูงสุดประมาณ 15 เซนติเมตร http://www.nextsteptv.com/?p=3571 รับชมช่องรายการสำรวจโลกได้ที่ กล่อง Infosat HD by DTVwww.nextsteptv.com/infosat อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ สิงหาคม 8, 2013 ดาวศุกร์ (Venus) เป็นดาวเคราะห์ที่อยู่ห่างจากดวงอาทิตย์เป็นลำดับที่ 2 นักดาราศาสตร์มักจะเปรียบเทียบดาวศุกร์กับโลกว่าเป็นเสมือนดาวพี่ดาวน้องกัน เพราะดาวทั้งสองได้ถือกําเนิดเกิดมาพร้อมกัน มีนํ้าหนัก ความหนาแน่นและขนาดพอๆ กัน เนื่องดาวศุกร์เป็นดาวที่สุกใสที่สุดในท้องฟ้า ดังนั้นคนโบราณจึงตั้งชื่อมันว่า ดาวประกายพฤกษ์ ส่วนชาวBabylon เรียกดาวศุกร์ว่า Ishtar ชาวกรีกเรียกว่า Aphrodite และชาวโรมันเรียกว่า Venus ซึ่งเป็นชื่อของเทพธิดาแห่งความงาม ดาวศุกร์ในจินตนาการของคนโบราณจึงเป็นดาวที่สวยและมีบรรยากาศน่าอยู่ แต่ดาวศุกร์ในสภาพแห่งความเป็นจริงมีเมฆปกคลุมตลอดเวลา รับชมช่องมายไซน์ ได้ทางกล่องดาวเทียม Infosat HD by DTV www.nextsteptv.com/infosat อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ สิงหาคม 8, 2013 MySci waterspout น้ำที่พุ่งเป็นลำขึ้นไปในอากาศเนื่องจาก tornado มักเกิดขึ้นในเขตร้อน แต่ก็มีรายงานว่าเกิดขึ้น ณ ท้องที่ที่มีอากาศปานกลางบริเวณเส้นรุ้งระดับสูง ลักษณะการเกิดห้าชั้น คือ เกิดจุดดำมืดบนผิวน้ำ จุดดำนั้นกลายเป็นวงก้นหอย วงก้นหอยนั้นกลายเป็นวงแหวนพ่นน้ำ วงแหวนนั้นกลายเป็นลำกรวยเห็นได้แจ้งชัด และกรวยนั้นเลือนหายไปในที่สุด อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ สิงหาคม 8, 2013 ข้ออักเสบ (Arthritis) เป็นกลุ่มของภาวะที่เกิดการทำลายข้อต่อของร่างกาย ข้ออักเสบมีได้มากกว่าร้อยรูปแบบโดยรูปแบบที่พบมากที่สุดคือข้อเสื่อม โ รคข้ออักเสบทั้งหมดจะมาด้วยอาการปวด ซึ่งรูปแบบการปวดจะแตกต่างกันตามชนิดของข้ออักเสบและตำแหน่ง อย่างข้ออักเสบรูมาตอยด์มักมีอาการปวดตอนเช้า ในระยะแรกผู้ป่วยมักบอกว่าอาการปวดหายไปหลังจากอาบน้ำตอนเช้า http://www.nextsteptv.com/mysci/?p=2352 อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ สิงหาคม 8, 2013 MySci July 25 ขยะอวกาศ (Space Junk) ขณะนี้เรามีดาวเทียมที่กําลังทํางานอยู่ประมาณ500 ดวงและมีดาวเทียมที่หมดสภาพทํางานแล้วประมาณ 2,000 ดวง หากเรานับชิ้นส่วนที่เกิดจากการระเบิดของจรวดส่งดาวเทียม และถังเชื้อเพลิงของจรวดที่ใช้งานแล้ว เราก็เห็นว่า ขยะอวกาศมีจํานวนเป็นแสนชิ้นทีเดียว ขยะเหล่านี้มีขนาดและความเร็วต่าง ๆ กัน เศษขยะที่มีขนาดเล็กหากมีความเร็วสูง จะมีพลังทําลายสูง เศษโลหะขนาด 0.1 มิลลิเมตร หากมีความเร็ว 5 เมตร/วินาที สามารถทะลวงชุดอวกาศของมนุษย์อวกาศให้พรุนเป็นรูได้ ขยะขนาดใหญ่ 0.5 มิลลิเมตร สามารถชนกระจกหน้าต่างของกระสวยอวกาศให้แตก ละเอียดได้ และหากขยะมีขนาดใหญ่ถึง 5 มิลลิเมตร ผนังห้องบังคับการของยานอวกาศก็มีสิทธิ์ถูกทะลวงได้ ตัวเลขจํานวนดาวเทียมและยานอวกาศทั้งที่ใช้งานแล้ว และกําลังใช้งานอยู่ ส่วนใหญ่เป็นผลงานของหน่วยงานรัฐบาล แต่ในอนาคตอันใกล้นี้ เอกชนกําลังวางแผนจะส่งดาวเทียมสื่อสารของตนขึ้นไปอีกจำนวนมากนั่นหมายความว่า ในอีก 10 ปี เราจะมี "ขยะอวกาศ" มากขึ้นอีก 3 เท่าของปัจจุบัน รับชมช่องมายไซน์ ได้ทางกล่องดาวเทียม Infosat HD by DTV www.nextsteptv.com/infosat อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ สิงหาคม 8, 2013 ไส้ติ่ง (vermiform appendix) เป็นท่อตันเชื่อมต่อกับลำไส้ใหญ่ส่วนต้น (cecum หรือ caecum) ซึ่งเป็นส่วนที่มีรูปร่างคล้ายกระเป๋าของลำไส้ใหญ่ที่เชื่อมต่อกับลำไส้เล็ก ไส้ติ่งมีความยาวเฉลี่ย 11 เซนติเมตร โรคที่พบบ่อยบริเวณไส้ติ่งได้แก่ไส้ติ่งอักเสบและเนื้องอก มะเร็งไส้ติ่งพบได้ประมาณ 1 ใน 200 ของมะเร็งระบบทางเดินอาหาร ไส้ติ่งมีหน้าที่สร้างและปกป้องเชื้อจุลินทรีย์ในช่องท้อง ซึ่งจะช่วยในระบบการย่อยอาหาร นอกจากนี้ไส้ติ่งยังทำหน้าที่กระตุ้นระบบย่อยอาหารให้กลับมาทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ กรณีที่พบเชื้อโรคอหิวาต์หรือเชื้อโรคบิด http://www.nextsteptv.com/mysci/?p=2416 อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ สิงหาคม 8, 2013 Five For Fighting - 100 Years อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ สิงหาคม 8, 2013 ตะวันฉาย ดอกไม้บาน 1 อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ สิงหาคม 8, 2013 ซาหวัดดี กร๊าบ จ๊ะเอ๋เพื่อน My story 1 อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
yot111 510 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ สิงหาคม 8, 2013 หวัดดียามบ่ายๆคับคุณginger lavender fairy คุณตู้เย็น ดอกเหมย เด็กสยาม เพื่อน มาดูท่าเต็นสวยๆคนสมัยก่อนคับ เลียนแบบได้นา http://www.clipmass.com/movie/1789349553430526 อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
yot111 510 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ สิงหาคม 8, 2013 ซึ้ง!! หนุ่มกตัญญู สละการงาน-ชีวิตคู่ กลับมาดูแล แม่ชราล้มป่วย เรื่องราวของลูกกตัญญูคนหนึ่ง ที่ยอมเสียสละชีวิตคู่และหน้าที่การงาน เพื่อมาอยู่ดูแลแม่ชราที่ตอนนี้ล้มป่วย ทั้งโรคไตวาย รคเบาหวานและความดัน โดยได้ห้องเช่าแคบๆห้องนี้หล่ะครับ เป็นที่อยู่ปรนนิบัติและพยาบาลแม่ "ไก่"หรือ วินัย ชอบธรรม วัย 34 ปี ได้เล่าถึงจุดเริ่มต้นของการอุทิศเวลาทั้งหมดเพื่อดูแลแม่ครับว่า เดิมทีตัวเองทำงานเป็นพนักงานบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งในตัวเมืองนครราชสีมา ในตอนนั้นก็กำลังคบหาดูใจกับแฟนสาวถึงขั้นจะแต่งงานกัน แต่พอรู้ว่าแม่ชราเกิดล้มป่วยหนัก ไม่มีใครอยู่ดูแล พี่ไก่ที่ทุนเดิมรักและกตัญญูต่อแม่อยู่แล้ว จึงรีบอาสากลับมาดูแลแม่ แม่ต้องรักษาตัวอยู่นาน ทำให้ไม่มีเวลาให้แฟนสาวจนต้องเลิกรากันไป พี่ไก่เองก็ได้แต่ข่มความช้ำใจ ตั้งหน้าตั้งตาแทนคุณแม่ โชคดีที่ในหลวงทรงเมตตา พระราชทานน้ำยาล้างไตให้ พี่ไก่เองก็ทราบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณ จึงคิดตอบแทนด้วยการดูแลแม่ให้ดีที่สุด ทุกข์หนักตอนนี้คือเรื่องปากท้อง เพราะขาดรายได้ พี่น้องอีก 6 คน ก็ต่างอ้างภาระในครอบครัว นานปีกว่าจะมาเยี่ยมหรือหยิบยื่นให้กินบ้าง ในที่สุดต้องค้างค่าเช่าห้องหลายเดือน อาหารก็ขาดแคลนอย่างที่เห็น http://s.bugaboo.tv/w/74435 อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ สิงหาคม 8, 2013 (มีการแก้ไข) พระไพศาล วิสาโล - Phra Paisal Visalo shared Peaceful Death's photo. "พอเราไปยึดว่าร่างกายนี้เป็นฉัน เป็นของฉัน เราก็อยากให้มันเป็นไปตามใจเรา เหมือนรถของฉันจะมีรอยขีดข่วนไม่ได้ บ้านฉันจะเสื่อมไม่ได้ เงินของฉันจะหายไม่ได้ นี่คือสิ่งที่เรายึดไว้ในใจ อะไรก็ตามที่เรายึดว่าเป็นฉัน เป็นของฉัน เราจะมีความคาดหวังแบบนี้อยู่ในใจ ในทำนองเดียวกันเมื่อเรายึดว่าร่างกายนี้เป็นของฉัน เราก็จะมีความคาดหวังว่าร่างกายนี้จะป่วยไม่ได้ จะเจ็บไม่ได้ รวมทั้งจะแก่ไม่ได้ด้วย ฉะนั้นพอเจ็บป่วยขึ้นมา เราจึงทุกข์มากเพราะว่ามันสวนทางกับความคาดหวังของเรา ไม่เป็นดั่งใจของเรา นี่แหละคือสาเหตุแรกที่ทำให้คนเราทุกข์เวลาเจ็บป่วย ทั้งๆ ที่ความเจ็บป่วยไม่ได้หนักหนา แถมยังปรุงแต่งไปในทางเลวร้าย เช่น ฉันเป็นมะเร็งหรือเปล่า พอคิดได้แค่นี้ก็ใจเสีย" จากหนังสือธรรมะสำหรับผู้ป่วย โดย พระไพศาล วิสาโล ถูกแก้ไข สิงหาคม 8, 2013 โดย ginger อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ สิงหาคม 8, 2013 กล้วยไม้ที่มะค่อยเจอ Orchidee อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ สิงหาคม 8, 2013 สาระแห่งสุขภาพ ***ดูแลร่างกายโรคความดันโลหิตต่ำ*** 1.วัดความดัน: หมั่นวัดระดับความดันโลหิตของตนเองอย่างสม่ำเสมอ และใส่ใจกับการเปลี่ยนแปลงของระดับความดันโลหิตในร่างกาย 2.พักผ่อนให้เพียงพอ: ความเหน็ดเหนื่อย การนอนหลับไม่เพียงพอต่างก็ยิ่งทำให้ความดันโลหิตต่ำลง ดังนั้น ควรหลีกเลี่ยงการตรากตรำทำงานเกินควร หลีกเลี่ยงการนอนดึก และเวลานอนหลับไม่ควรนอนหนุนหมอนที่ต่ำเกินไป 3.หลีกเลี่ยงการยืนนาน ๆ หรือเปลี่ยนอิริยาบทอย่างรวดเร็วเกินไป: การเก็บของไม่ควรก้มศีรษะลงโดยตรงแต่ควรทรุดตัวนั่งยอง ๆ ลงก่อน ยามตื่นนอนไม่ควรลุกยืนขึ้นมาในทันทีทันใด แต่ควรรอให้แน่ใจว่าร่างกายเข้าที่เข้าทางแล้วจึงค่อยๆ ลุกขึ้น 4.ใส่ใจสภาพแวดล้อมและการแต่งกาย: ไม่ควรอยู่ในสภาพแวดล้อมที่อากาศร้อนอบอ้าวนานเกินไป เพราะจะทำให้หลอดเลือดขยายตัว ความดันโลหิตต่ำลง นอกจากนี้การผูกเน็คไทแน่นเกินไป การสวมเสื้อที่มีปกเสื้อสูงหรือคอเสื้อแคบเกินไปอาจจะไปกดทับหลอดเลือดแดงบริเวณต้นคอ ส่งผลให้ความดันต่ำลงจนหน้ามืดเป็นลมได้ 5.เพิ่มสารอาหารให้เพียงพอ: ผู้ที่มีแนวโน้มเกิดภาวะความดันโลหิตต่ำนั้น หากได้รับสารอาหารไม่เพียงพอจะทให้ความดันโลหิตยิ่งต่ำลงไปอีก แต่หากเสริมอาหารให้เพียงพอจะช่วยให้ความดันโลหิตเข้าใกล้ระดับปกติมากยิ่งขึ้นอาการที่ไม่พึงประสงค์ต่าง ๆ ก็มีโอกาสที่จะลดลงหรือหายไปได้ 6.ลดการรับปรทานอาหารที่ทำให้ความดันโลหิตต่ำลง: เช่น เชลเลอรี ฟักเขียว ถั่วเขียว มะระ หอมหัวใหญ่ สาหร่ายทะเล หัวไชเท้า เป็นต้น 7.ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ: การออกกำลังกายทำให้ระบบประสาทเกิดความสมดุล หลอดเลือดหัวใจแข็งแรงทั้งยังรักษาความดันโลหิตต่ำให้ดีขึ้น 8.เลือกประเภทการออกกำลังอย่างเหมาะสม: ผู้ที่มีภาวะความดันโลหิตต่ำขณะเปลี่ยนอิริยาบท ควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังที่ต้องยืนนาน ๆ หรือต้องเปลี่ยนท่าทางบ่อย ๆ ส่วนผู้ที่มีภาวะความดันโลหิตต่ำจากโรคภัยไข้เจ็บในร่างกายก่อนการออกกำลังควร ตรวจสอบสมรรถภาพร่างกายก่อนทางที่ดีควรออกกำลังภายใต้คำแนะนำของแพทย์และครูผู้เชี่ยวชาญ 9.ใช้ยาอย่างระมัดระวัง: หากต้องไปพบแพทย์เนื่องจากอาการเจ็บป่วยใด ๆ ควรแจ้งให้แพทย์ทราบล่วงหน้าว่าตนมีอาการความดันโลหิตต่ำ เพื่อหลีกเลี่ยงการใช้ยาที่ส่งผลให้ความดันโลหิตลดต่ำลงไปอีก ที่มา : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก/by สาระแห่งสุขภาพ อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ สิงหาคม 8, 2013 สาระแห่งสุขภาพ 14 hours ago ***ยาระบายใช้บ่อยไม่ได้เด็ดขาด*** ปัญหาท้องผูกสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ หญิงหรือชายก็ไม่เว้น หลายคนจึงมองว่าเป็นเรื่องธรรมดาและไม่ให้ความสนใจที่จะแก้ปัญหาภาวะท้องผูกอย่างจริงจัง ซึ่งการปล่อยให้เกิดภาวะท้องผูกเรื้อรังนั้น อาจทำให้เกิดโรคตามมาได้ เช่น โรคริดสีดวงทวาร เป็นต้น สาเหตุภาวะท้องผูกอาจเกิดจากความปิดปกติทางกายหรือโรคทางสำไส้ เช่น รูทวาร ไขสันหลัง มีความผิดปกติของเส้นประสาทที่ควบคุมการถ่าย การอุดตันของสำไส้ มะเร็งลำไส้ หรือการใช้ยาบางชนิด เช่น ยากล่อมประสาท ยาคลายความกังวล ยารักษาโรคจิตและอาการซึมเศร้า เป็นต้น แต่อย่างไรก็ตาม ส่วนใหญ่ภาวะท้องผูกเกิดขึ้นโดยไม่มีสาเหตุทางกาย พบบ่อยในผู้ที่รับประทานอาหารที่มีกากใยอาหารน้อย หรือไม่ชอบรับประทานผัก ผลไม้ หรือดื่มน้ำน้อยเกินไป รวมถึงผู้ที่ชอบกลั้นอุจจาระบ่อยๆ การรักษาอาการท้องผูกทำได้ 2 วิธี คือ การรักษาโดยการใช้ยา และ การรักษาโดยไม่ใช้ยา แต่วิธีที่ดีกว่า คือ การไม่ใช้ยา แต่อาจจะใช้ได้เฉพาะในกรณีที่ภาวะท้องผูกไม่รุนแรง ข้อแนะนำคือหันมารับประทานอาหารที่มีเส้นใยมากๆ ได้แก่ ผัก ผลไม้ ตัวอย่างเช่น ผักคะน้า ผักกวางตุ้ง ผักโขม ข้าวกล้อง พรุน ส้ม มะละกอ เป็นต้น ควรดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อยวันละ 6-8 แก้ว ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และควรฝึกนิสัยการขับถ่ายให้เป็นเวลา โดยอาจเป็นช่วงเช้า หรือช่วงเย็นก็ได้ เพื่อให้ลำไส้เกิดความเคยชินกับการขับถ่ายเป็นเวลา ส่วนการรักษาอาการท้องผูกโดยการใช้ยาระบายนั้น มีข้อมูลที่น่าสนใจจากสมาคมเภสัชกรรมโรงพยาบาล (ประเทศไทย) ระบุว่า ปัจจุบันคนส่วนใหญ่ยังมีพฤติกรรมการใช้ยาระบายมากเกินความจำเป็น อย่างบางคนเมื่อเกิดภาวะท้องผูกทีไรก็จะกินยาระบายทันที หรือผู้หญิงบางคนก็กินเป็นยาระบายเพื่อลดน้ำหนัก ซึ่งเป็นพฤติกรรมการใช้ยาที่ไม่ถูกต้องและอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพได้ ควรใช้ยาระบายควรใช้เป็นการชั่วคราวเท่านั้น ไม่ควรใช้ติดต่อกันเกิน 1 สัปดาห์ โดยเฉพาะยากลุ่มที่กระตุ้นการบีบตัวของลำไส้ เพื่อหลีกเลี่ยงการติดยาและการเกิดกลุ่มอาการท้องผูกสลับท้องเสีย ซึ่งจะทำให้การทำงานของลำไส้ใหญ่ ลดลงมากกว่าปกติ ระบบขับถ่ายทำงานผิดปกติ ทางที่ดีเมื่อเกิดภาวะท้องผูกและมีความจำเป็นต้องใช้ยาระบาย ควรเลือกชนิดของยาระบายให้เหมาะสม ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ รูปแบบของยาระบาย มีอยู่หลายรูปแบบ ได้แก่ • ยารับประทาน อาจเป็นยาเม็ด เช่น ยาเม็ดไบซาโคดิล ยาเม็ดมะขามแขก ก็ต้องกลืนยาทั้งเม็ด ห้ามบดหรือเคี้ยวก่อนกลืน อาจเป็นยาชง เช่น ยาชงมะขามแขก ซึ่งต้องชงกับน้ำก่อนดื่ม หรืออาจเป็นยาน้ำแขวนตะกอน เช่น ยามิลค์ออฟแมกนีเซีย หรือยาน้ำแขวนละออง เช่น ยาระบายอิมัลชันของน้ำมันแร่และแมกนีเซียมไฮดรอกไซด์ ซึ่งยาน้ำทั้งสองรูปแบบนี้ต้องเขย่าขวดทุกครั้งก่อนรับประทานยา ส่วนใหญ่แล้วให้รับประทานยาวันละ 1 ครั้ง ก่อนนอน • ยาเหน็บทวาร ยาจะเป็นลักษณะแท่งใช้สอดในทวารหนัก วันละ 1 ครั้ง ก่อนนอน เช่น ยาเหน็บไบซาโคดิล ยาเหน็บกลีเซอร์รีน ซึ่งจะมีทั้งขนาดยาสำหรับเด็กและผู้ใหญ่ ยาเหน็บทวารนี้จะหลอมละลายเมื่อโดนความร้อน จึงต้องเก็ยาเหน็บทวารที่ยังไม่ใช้ไว้ในที่เย็น ไม่ให้โดนความร้อนหรือแสงโดยตรง หากในฉลากยาหรือเอกสารกำกับยามีข้อความระบุว่า ให้เก็บยาเหน็บในตู้เย็น ช่องธรรมดา ไม่เก็บในช่องแช่แข็ง • ยาสวนทวาร เช่น ยาสวนโซเดียมคลอไรด์ ซึ่งมีทั้งขนาดยาสำหรับเด็กและผู้ใหญ่ ยาจะอยู่ในรูปแบบน้ำและถูกบรรจุไว้ในภาชนะพลาสติกทรงลูกบอลที่ด้านหนึ่งมีคอยื่นออกมาเป็นหลอดปลายแหลม เมื่อจะใช้ก็เปิดฝาที่ปลายคอออก แล้วสอดเข้ารูทวารหนัก บีบลูกบอลดันน้ำยาออกจนหมดแล้วดึงออกลูกบอล กลั้นไว้สักพัก จะรู้สึกปวดและอยากถ่ายอุจจาระ สรุปก็คือ ถ้าไม่จำเป็นควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาระบาย ด้วยการรับประทานผัก ผลไม้ อาหารที่มีกากใยอาหารสูง ดื่มน้ำให้มากขึ้น และออกกำลังกายสม่ำเสมอ แต่ถ้าจำเป็นต้องใช้ยาระบาย ควรขอคำปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อน และที่สำคัญการใช้ยาระบายทุกชนิด ไม่ควรใช้ติดต่อกันเป็นเวลานาน เพราะอาจทำให้ลำไส้ไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ ส่งผลให้ต้องใช้ยาระบายตลอด ไม่สามารถขับถ่ายอุจจาระได้เองตามปกติ ที่มา : สมาคมเภสัชกรรมโรงพยาบาล /by สาระแห่งสุขภาพ อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น