ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
ginger

ใบไม้ผลิบนดวงจันทร์

โพสต์แนะนำ

 

 

สาระแห่งสุขภาพ

September 11

 

***วอเตอร์เครส ปลูกง่าย อร่อยได้ประโยชน์***

 

วอเตอร์เครส หรือที่เราคนไทยเรียกว่า สลัดน้ำ เป็นผักในตระกูลดอกกระหล่ำ ซึ่งมีลักษณะเป็นผักใบเขียว นิยมนำมาทำเป็นผักสลัด หรืออาจนำมาทานเป็นผักแกล้มกับน้ำพริก ตลอดจนเป็นส่วนประกอบของอาหารเมนูต่างๆตามใจชอบ แต่ทั้งนี้ในเรื่องคุณค่าทางอาหารแล้วมีประโยชน์เหลือเชื่อเลยทีเดียว ถ้าเทียบจากน้ำหนักที่เท่ากันแล้ว วอเตอร์เครสประกอบด้วยวิตามินซีมากกว่าส้ม มีแคลเซียมมากกว่านมทุกชนิด มีธาตุเหล็กมากกว่าผักขม และยังประกอบด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยป้องกันอันตรายที่เกิดจากสารอนุมูลอิสระอีกด้วย

 

ประโยชน์ของ Water Cress

 

จากงานวิจัยของศาสตาจารย์โรแลน มหาวิทยาลัยอัลสเตอร์ที่ลงตีพิมพ์ในวารสารโภชนาการและมะเร็ง พบว่าสารบางอย่างในวอเตอร์เครสสามารถยับยั้งและป้องกันการเกิดมะเร็งได้ในการทดลองพบว่าสารสกัดจากวอเตอร์เครสจะช่วยลดการทำลาย DNAของเซลล์บริเวณลำไส้ที่จะนำไปสู่การเกิดมะเร็งนอกจากนี้ยังช่วยลดการโตของเซลล์มะเร็งลำไส้ใหญ่ และช่วยยับยั้งการแพร่กระจายของมะเร็งไปยังบริเวณต่างๆได้อีกด้วย

 

สารประกอบในวอเตอร์เครสที่สำคัญ คือกลูโคซิโนเลต พีโนลิกและฟลาโวนอย เมื่อคุณเคี้ยวหรือหั่นวอเอตร์เครส สารกลูโคซิโนเลตจะแตกตัวเป็น ไอโซไทโอไซยาเนต หนึ่งในนั้นคือ PEITC ( พีนิลเลตทิล ไอโซไทโอไซยาเนต) ซึ่งจากงานวิจัยมากกว่า 50 งานพบว่ามีฤทธิ์ยับยั้งและป้องการเกิดมะเร็ง

 

จากงานวิจัยของศาสตราจารย์สตีเฟน ในอเมริกา พบว่าการบริโภควอเตอร์เครสจะช่วยลดอันตรายในการเกิดมะเร็งที่เกิดจากควัน บุหรี่ และยังช่วยป้องกันสารพิษต่างๆที่เราได้รับทางการกินซึ่งเป็นสาเหตุให้เกิด มะเร็ง

 

ส่วนผักอีกชนิดที่คนไทยมักสับสนเรียกว่า วอเตอร์เครส นั้น จะมีลักษณะปลายใบแหลม มีก้านค่อนข้างแข็ง แท้ที่จริงแล้วคือ ผักเป็ดญี่ปุ่นนั่นเอง

 

 

ที่มา : ifarm.in.th/by สาระแห่งสุขภาพ

 

 

1175649_547281095350648_626724048_n.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

1175008_551490798239247_1981290672_n.jpg

ส้มสีเปรี้ยว

 

1185923_551419101579750_1450347261_n.jpg

คล้าย สี "รักอมตะ"

 

565041_551333294921664_2071697267_n.jpg

สดใสแปลก ลีลางาม

Orchid-Orchidee

สวัสดีจ้าเพื่อนๆ พี่น้อง คุณๆ ทุกท่าน

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

276605_162450523782273_6470096_q.jpg

 

พระไพศาล วิสาโล - Phra Paisal Visalo

 

ทางลัดสู่หายนะ

 

มีข่าวเล็ก ๆ ชิ้นหนึ่งจากเกาหลีใต้เมื่อต้นปีนี้

หากจะมีใครสนใจก็เพราะเป็นเรื่องแปลก นั่นคือ

ข่าวหญิงชราผู้หนึ่งสอบใบขับขี่มาแล้วถึง ๗๗๑ ครั้ง แต่ไม่เคยสอบได้เลย

ตัวเลขดังกล่าวเกิดขึ้นระหว่างปี ๒๕๔๘ จนถึงต้นปีนี้เท่านั้น

แสดงว่าคุณยายเข้าสอบเฉลี่ย ๒ วันครั้งเลยทีเดียว

 

แม้จะสอบตกทุกครั้ง แต่ก็ไม่ละความพยายาม ผ่านมาแล้วหลายเดือนจนถึงปัจจุบัน

ไม่ทราบว่าคุณยายสอบได้แล้วหรือยัง

แต่ก็เป็นไปได้ว่าคุณยายอาจสอบตกอีกนับสิบครั้งแล้วก็ได้

เจ้าหน้าที่จราจรที่คุมการสอบทั้งเห็นใจทั้งชื่นชมคุณยาย

ถึงกับเอ่ยปากว่าหากคุณยายสอบได้เขาจะทำโล่เกียรติคุณให้เลย

 

ข่าวนี้มองให้ดีนับว่าน่าสนใจมาก

เพราะไม่ได้บอกถึงความอุตสาหะอย่างยิ่งยวดของคุณยายเท่านั้น

แต่ยังสะท้อนสังคมเกาหลีใต้ในบางแง่ได้อย่างชัดเจนมาก เช่น

ความเคร่งครัดและเข้มงวดในกฎเกณฑ์และกติกา แม้เจ้าหน้าที่จราจรจะเห็นใจคุณยายเพียงใด

ก็ไม่ยอมอะลุ้มอล่วยหรือโอนอ่อนให้ง่าย ๆ ผิดเป็นผิด ถูกเป็นถูก

คุณยายซึ่งคงมีปัญหาบางอย่างในการขับขี่ จึงไม่เคยสอบผ่านเลยสักครั้ง

 

นอกจากนั้นเจ้าหน้าที่ก็คงมีความซื่อตรงชนิดที่เงินซื้อไม่ได้ด้วย

เพราะหากเป็นที่เมืองไทย ลูกหลานของคุณยายหรือเพื่อน ๆ ของลูกหลานที่เห็นใจคุณยาย

คงหาทางวิ่งเต้นหรือ “ยัด” เงินให้เจ้าหน้าที่ที่คุมการสอบไปแล้ว ใคร ๆ

ก็รู้ว่าเรื่องแบบนี้ไม่ยากเลย ใช้เงินไม่ถึงพันบาทก็สำเร็จแล้ว

ไม่จำต้องที่คุณยายต้องมาเหนื่อยยากขนาดนี้ สอบตกอย่างมากแค่ ๕-๖ ครั้ง

ก็ได้ใบขับขี่สมใจแล้ว

 

น่าคิดต่อไปว่าไม่ใช่แต่เจ้าหน้าที่เกาหลีเท่านั้นที่ซื่อตรง

และต้องการให้ทุกอย่างเป็นไปตามกฎเกณฑ์ คนเกาหลีก็ดูเหมือนจะซื่อตรงด้วย

หรืออย่างน้อยก็เห็นว่าที่เจ้าหน้าที่ทำกับคุณยายนั้นถูกต้องแล้ว

ไม่เช่นนั้นก็คงกดดันเจ้าหน้าที่ทั้งทางตรงและทางอ้อม

หรือผ่านผู้บังคับบัญชาจนเจ้าหน้าที่ต้องยอมปล่อยให้คุณยายสอบผ่าน

แต่ฟังจากคำพูดของเจ้าหน้าที่ เขาไม่มีทีท่าว่ารู้สึกถูกกดดันเลย

 

ถ้าเป็นที่เมืองไทย แค่ทำให้คุณยายสอบตกถึง ๕๐ ครั้งก็มากพอแล้วที่เจ้าหน้าที่จะถูกผู้คน (มิใช่แค่ญาติพี่น้องเท่านั้นแต่อาจรวมถึงสื่อมวลชนด้วย)

รุมประณามว่าไร้เมตตาต่อคนแก่ แค่ใบขับขี่ใบเดียว จะเอาอะไรกันนักกันหนา

 

สรุปก็คือข่าวแบบนี้ไม่มีวันเกิดขึ้นในเมืองไทยยุคนี้ได้อย่างแน่นอน

ไม่ใช่เพราะว่าเมืองไทยไม่มีเจ้าหน้าที่แบบนั้น

หากยังเป็นเพราะคนที่จะเพียรสอบร่วมพันครั้งอย่างคุณยาย ก็ไม่มีด้วยเช่นกัน

 

พูดเช่นนี้ไม่ได้หมายความว่าคนไทยไร้ความอุตสาหะ

แต่เป็นเพราะเรารู้ดีว่าเรื่องแบบนี้ไม่จำต้องเพียรพยายามถึงขนาดนั้นก็ได้

ใคร ๆ ก็รู้ว่ามี “ทางลัด” ที่ง่ายและเร็วกว่านั้น นั่นคือ จ่ายเงินเป็นสินน้ำใจ

หรือยื่นนามบัตรของใครบางคนให้กับเจ้าหน้าที่(หรือผู้บังคับบัญชาของเขา)

พร้อมกับขอให้ช่วย “ดูแล”คุณยายให้ด้วย ถ้าไม่มีทั้งเงินและ “เส้น”ก็ยังมีอีกวิธีคือ

เจรจาขอความกรุณาจากเจ้าหน้าที่

 

ที่จริงไม่ใช่แค่สอบใบขับขี่ แทบทุกเรื่องใคร ๆ ก็รู้ว่ามีทางลัด

และนิยมใช้ทางลัดทั้งนั้น ตั้งแต่เด็กเราก็รู้แล้วว่าหากจะทำการบ้านส่งครู

ก็ไม่จำเป็นต้องทำเองให้เหนื่อยยาก ก็แค่ลอกการบ้านจากเพื่อน

หรือไม่ก็ตัดแปะจากเว็บไซต์ต่าง ๆ

 

อยากได้เกรดสูง ๆ ก็ไม่จำเป็นต้องขยันเรียน แค่หาเวลาติวก่อนสอบไม่กี่วัน

ใครที่ใจกล้ากว่านั้นก็แอบดูเพื่อนในห้องสอบ หรือทุจริตด้วยวิธีซับซ้อนกว่านั้น

หาไม่ก็บากหน้าไปขอเกรดครู

 

เดี๋ยวนี้นักเรียนมัธยมกล้าถามครูแล้วว่าครูอยากได้อะไร เขาจะหามาให้

ขอเพียงให้เกรดดี ๆ แก่เขา หากขาดเรียนเป็นนิจ ไม่เชื่อฟังครู

จนถูกครูดุด่าว่ากล่าวหรือลงโทษ แทนที่จะทำตัวให้ดี วิธีแก้ปัญหาที่ง่ายกว่านั้นก็คือ

ไปฟ้องพ่อแม่เพื่อให้พ่อแม่ไปร้องเรียนกับผู้อำนวยการหรือโทรศัพท์ไปข่มขู่ครู

 

จบแล้วอยากได้งานดี ๆ ก็ไม่ต้องเตรียมตัวสอบให้เหนื่อย แค่ใช้ “เส้น”

ของพ่อแม่หรือญาติผู้ใหญ่ก็พอแล้ว ทำงานแล้วอยากได้ตำแหน่งดี ๆ

ไม่ต้องขยันทำงานก็ได้ แค่หมั่นวิ่งเต้นหรือประจบประแจงเจ้านาย ก็พอ

ถ้าเป็นนักธุรกิจ อยากขายของให้ได้เยอะ ๆ

ก็ไม่จำต้องพัฒนาสินค้าให้มีคุณภาพ

แค่จ่ายเงินใต้โต๊ะเพื่อให้ได้สัมปทานหรือชนะการประมูล ก็สำเร็จแล้ว

ถ้าอยากรวย ไม่ต้องขยันทำงานหรือหมั่นอดออมก็ได้ เพราะมีทางลัดคือ

เล่นหวย เล่นหุ้น เล่นการพนัน หนักกว่านั้นก็คือโกง คอร์รัปชั่น หรือลักขโมย

การเติบใหญ่ขยายตัวของการพนันและอาชญากรรมเกี่ยวกับทรัพย์สินบ่งชี้ว่า

คนไทยนิยมรวยทางลัดมากขึ้น

 

แต่สำหรับคนที่ยังเกรงกลัวกฎหมาย ทางลัดที่นิยมกันมากก็คือ

ไสยศาสตร์ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ และเครื่องรางของขลัง ดังสมัยหนึ่งใคร ๆ

ก็อยากได้จตุคามรามเทพไว้บูชาเพราะเชื่อว่าจะทำให้รวยได้

“โดยไม่มีเหตุผล” แม้จตุคาม ฯ จะตกกระแสไปแล้ว

แต่เครื่องรางของขลังและสิ่งศักดิ์สิทธิ์นานาชนิด

ก็ยังเป็นความหวังของผู้คนจำนวนมากที่อยากรวยและมีโชคลาภโดยไม่ต้องขยัน

 

น่าแปลกที่เราชอบอ้างว่าเมืองไทยเป็นเมืองพุทธ

แต่แก่นแท้ของพุทธศาสนาที่เน้นความเพียรและการพึ่งตนนั้น

คนไทยเป็นอันมาก(หรือส่วนใหญ่ก็ว่าได้)กลับไม่สนใจเอาเลย

 

จริงอยู่เราชอบทำบุญกันเป็นชีวิตจิตใจ

แต่นั่นเป็นเพราะเราเชื่อว่าถ้าสะสม “บุญ”ได้มากพอ

ก็จะบันดาลให้เรามั่งมีศรีสุขและได้รับโชคลาภ (เช่น ถูกหวยหรือถูกลอตเตอรี่)

กล่าวอีกนัยหนึ่ง ในทัศนะของชาวพุทธไทย

การทำบุญก็คือทางลัดสู่ความร่ำรวยนั่นเอง ดังนั้นจึงขวนขวายทำบุญมากกว่าขยันทำมาหากิน

คนไทยทุกวันนี้พึ่งโชคมากกว่าพึ่งความเพียร

เพราะเราเชื่อว่าโชคจะทำให้เราได้รับความสำเร็จโดยไม่ต้องเหนื่อย

คนไทยเมื่อจะล่ำลากันจึงมักให้พรว่า “ขอให้โชคดี”

ซึ่งตรงข้ามกับคนญี่ปุ่น คำอวยพรของพ่อแม่ที่ให้แก่ลูก ครูให้แก่ศิษย์ ก็คือ

“ขอให้เพียรพยายาม” หรือ “อย่ายอมแพ้”

 

ทั้ง ๆ ที่คนญี่ปุ่นส่วนใหญ่รู้สึกห่างไกลจากพุทธศาสนา

แต่คำอวยพรและพฤติกรรมของเขานั้นใกล้เคียงกับแก่นของพุทธศาสนามากกว่าคนไทยเสียอีก

 

การนิยมทางลัดของคนไทยนั้นก่อปัญหาแก่สังคมไทยในทุกด้านก็ว่าได้ อาทิ

คุณภาพการศึกษาตกต่ำ สินค้าไม่ได้มาตรฐาน แข่งสู้ตลาดโลกไม่ได้

ข้าราชการไร้ประสิทธิภาพ คอร์รัปชั่นแพร่ระบาด อาชญากรรมเกลื่อนเมือง

สิ่งแวดล้อมเสื่อมโทรม อุบัติเหตุจราจรเพิ่มสูงขึ้น ฯลฯ

 

เป็นเพราะค่านิยมและพฤติกรรมดังกล่าว

การขับเคลื่อนประเทศไทยให้มีมาตรฐานสูงขึ้นไม่ว่าด้านใดจึงเป็นเรื่องยากมาก อาทิ

การผลักดันให้การอ่านเป็นวาระแห่งชาติ

รัฐบาลจะกระตุ้นให้คนไทยขยันอ่านหนังสือได้อย่างไร

ในเมื่อใคร ๆ ก็รู้ว่าไม่ต้องขยันเรียนก็สอบได้แถมได้เกรดสูงด้วย

นอกจากนั้นถึงอ่านช้าก็ดูหนังต่างประเทศได้เพราะพากย์ไทยกันทั้งนั้น

(ว่ากันว่าตามต่างจังหวัดภาพยนตร์ที่ไม่พากย์ไทยแม้จะมีคำบรรยายภาษาไทย

มักจะขายตั๋วไม่ค่อยได้ แม้ในกรุงเทพ ฯ

เองซีดีหรือดีวีดีหนังต่างประเทศที่ไม่พากย์ไทยก็ขายได้น้อย)

อย่างไรก็ตาม การนิยมทางลัดมิใช่เป็นเรื่องของค่านิยม ทัศนคติ

หรือวัฒนธรรมเท่านั้น หากยังสัมพันธ์กับบริบททางสังคมด้วย

การที่คนไทยนิยมทางลัดกันจนเป็นวิถีชีวิตก็เพราะระบบต่าง ๆ ในสังคมเอื้อหรือผลักดันด้วย

 

ขอให้ย้อนกลับไปกรณีคุณยายเกาหลีที่สอบตกถึง ๗๗๑ ครั้ง

การที่คุณยายต้องพากเพียรพยายามขนาดนั้น เพราะระบบการสอบไม่เอื้อให้คุณยา

ย(หรือลูกหลานเพื่อนพ้อง)ใช้ทางลัดได้ ไม่ว่าจะยัดเงินใต้โต๊ะ ใช้เส้น

หรือวิงวอนขอความกรุณา นี้ตรงข้ามกับระบบการสอบใบขับขี่รวมทั้งระบบอื่น ๆ ของไทย

ตั้งแต่ระบบการศึกษา ระบบราชการ ไปจนถึงระบบการเมือง

ซึ่งทั้งอนุญาตทั้งเอื้อให้มีการติดสินบนและใช้เส้นได้ตั้งแต่บนลงมาข้างล่าง

พระไพศาล วิสาโล

 

http://www.visalo.org/article/matichon255208.htm

 

1238155_735976319763021_777647712_n.jpg

ถูกแก้ไข โดย ginger

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

1239927_598899596833711_64077444_n.jpg

เลือกคิด

เลือกทำ

เลือกเป็น

เลือกจริยธรรม

เลือกทำความเพรียร

เลือกเรียนรู้ ทันความคิดตน

เลือก มิเชื่อคนง่าย

เลือกมิรับ....ของร้อนๆ

เลือกที่จะหยัดยืน เพื่อตนเอง

เลือกอยู่อย่าง มิรนด้วยความโลภ

คงอยู่สบาย อยู่แบบไหนๆ

ก็ต้องเลือก ด้วยตนเอง

สิ่งวิเศษที่มนุษย์มี คือ การเลือก

เลือกเพื่อ ...การเป็นอิสระ

หลุดพ้น จาก การผูกมัดตนเอง

กับสิ่งต่างๆ เพื่อสำนึก จิตวิญญาณ

เพราะในที่สุดทุกสิ่งล้วน มิเที่ยงแท้

หัวเราะ ร้องไห้ ก็เท่ากับ เรื่องเดียวกัน

ขำๆ สบายใจ ยอมรับได้อะไรก็ดี

ginger

ถูกแก้ไข โดย ginger

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

1239827_597798946943776_1943997199_n.jpg

วิถีเรียบง่าย

 

530531_597274206996250_1846758987_n.jpg

งานมีเกรียติ เพื่อเลี้ยงผู้คน

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...