ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
ginger

ใบไม้ผลิบนดวงจันทร์

โพสต์แนะนำ

 

 

เทอดศักดิ์ เจียมกิจวัฒนา-สถานีวิหคเรดิโอ

7 hours ago

 

 

วันที่ 13 เมย.57 เวลา 22.10 น.ทีเวทีแจ้งวัฒนะ ได้มีรถเก๋งสีขาว วิ่งมาจากทางด้านศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ เมื่อมาถึงบังเกอร์ทางเข้าเวทีด้าน TOT ได้ยิงปืนเข้าใส่ ประมาณ10 - 20 นัด ขับรถหนีไปทางด้านไอร์ที ผลมีรถเก๋งถูกกระสุนปืนที่กระจกหลัง 1 นัด แต่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรืออันตราย ขั้นต้น จนท.จับรถคันดังกล่าวได้ พร้อมอาวุธ

ส่วนอีกราย มวลชน กปปส.แจ้งวัฒนะกลับบ้าน มุ่งหน้าแยกหลักสี่ ถูกยิงกลางหลังสาหัส เลือดทะลักออกปาก 2 รายนำส่ง ร.พ.มงกุฏวัฒนะ

See Translation

 

10178126_762146377158567_2951564300903595095_n.jpg

10155728_762146397158565_6049713207041744461_n.jpg

10245502_762146370491901_5730487843161448148_n.jpg

 

10253819_812811828748516_3434831244125004696_n.jpg

 

 

 

พลังประชาชน โค่นล้มระบบทักษิณ

 

ชมด่วน ชมให้จบนะครับ ชมเสร็จแล้ว แชร์ด่วน !!

 

"ป้าของขึ้น !! ซัด!! ไอ้เหี้ยนรกตั้ง ยับ !!"

https://www.facebook.com/photo.php?v=613081488776927&set=vb.540672942684449&type=2&theater

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

1901610_624753940943015_8824694750259439718_n.jpg

ขอเล่นให้สนุก ประเพณีดีสืบสานไว้

สาวๆแต่งตัวงาม มารยาทดี

หนุ่ม สุภาพ

แขกมาเยือนประทับใจ ความงามประเพณีไทย

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

Hesse004

Mafia State อำนาจเถื่อน อำนาจทุน และอำนาจรัฐ

 

14 มิถุนายน 2013

 

Hesse004

ความสลับซับซ้อนของปัญหาคอร์รัปชันนั้นมิใช่มีเพียงแค่เจ้าหน้าที่รัฐ นักการเมือง หรือพ่อค้านักธุรกิจเป็น “ตัวละคร” เพียงฝ่ายเดียว หากแต่คอร์รัปชันในบริบทของสังคมต่างๆ ยังมีเรื่อง “ผู้มีอิทธิพล” เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับการใช้อำนาจรัฐอย่างหลีกเลี่ยงมิได้

เมื่อปี 2546 รัฐบาลคุณทักษิณ เคยประกาศนโยบายปราบปรามผู้มีอิทธิพล หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า “มาเฟีย”

นิยามของคำว่า “ผู้มีอิทธิพล” ในสมัยรัฐบาลทักษิณ หมายถึง บุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่ดำรงตำแหน่งด้วยการกระทำด้วยตนเอง หรือใช้ จ้างวาน สนับสนุนการกระทำการใดๆ ที่ผิดกฎหมายหรืออยู่เหนือกฎหมาย ซึ่งผลของการกระทำนั้นเป็นการบ่อนทำลายเศรษฐกิจ สังคม การเมือง ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนส่วนรวม

หากมองในมิติทางเศรษฐศาสตร์ กลุ่มผู้มีอิทธิพลมักจะหากินกับเรื่องผิดกฎหมาย โดยเมื่อได้เงินจากการกระทำผิดกฎหมายแล้วก็จะนำเงินเหล่านั้นไปฟอกต่อ (Money Laundering) โดยเฉพาะเงินที่ได้มาจากธุรกิจผิดกฎหมาย ไล่เรียงมาตั้งแต่หวย ซ่อง บ่อน ยาบ้า ไปจนถึงคอร์รัปชัน

อาจกล่าวได้ว่า กลุ่มผู้มีอิทธิพลเหล่านี้เป็นผู้ทำให้ “เศรษฐกิจใต้ดิน” ขยายตัวโดยผ่านกิจกรรมที่ผิดกฎหมายในรูปแบบต่างๆ (ดูกล่องที่ 1 พฤติการณ์ของกลุ่มผู้มีอิทธิพล)

กล่องที่ 1 พฤติการณ์ของกลุ่มผู้มีอิทธิพลที่สำคัญ ได้แก่

1.1 แก๊งผู้มีอิทธิพลที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด

1.2 แก๊งผู้มีอิทธิพลในการฮั้วประมูลและขัดขวางการเสนอ/แข่งขันราคา ในการประมูลงานของทางราชการ

1.3 แก๊งผู้มีอิทธิพลเรียกรับผลประโยชน์จากคิวรถจักรยานยนต์ และรถยนต์รับจ้างผิดกฎหมาย

1.4 แก๊งผู้มีอิทธิพลเรียกรับผลประโยชน์จากโรงงาน ร้านค้า สถานบริการ และสถานประกอบการต่างๆ

1.5 แก๊งผู้มีอิทธิพลลักลอบขนสินค้าหนีภาษี น้ำมันเถื่อน น้ำมันปาล์มเถื่อน บุหรี่/สุราเถื่อน และรับเคลียร์การนำเข้าสินค้าผิดกฎหมาย

1.6 แก๊งผู้มีอิทธิพลลักลอบจัดให้มีบ่อนการพนัน โต๊ะพนันบอล หวยใต้ดิน จับยี่กีตู้เกมไฟฟ้า

1.7 แก๊งผู้มีอิทธิพลลักลอบค้าหญิงและเด็ก บังคับค้าประเวณี โสเภณีเด็ก

1.8 แก๊งผู้มีอิทธิพลลักลอบนำคนเข้า–ออก และอยู่ในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย

1.9 แก๊งผู้มีอิทธิพลหลอกลวงประชาชนไปทำงานต่างประเทศ

1.10 แก๊งผู้มีอิทธิพลหลอกลวงต้มตุ๋นนักท่องเที่ยว

1.11 แก๊งผู้มีอิทธิพลมือปืนรับจ้าง

1.12 แก๊งผู้มีอิทธิพลรับจ้างทวงหนี้ด้วยการข่มขู่หรือใช้กำลัง

1.13 แก๊งผู้มีอิทธิพลลักลอบค้าอาวุธ

1.14 แก๊งผู้มีอิทธิพลที่บุกรุกที่ดินสาธารณะ และหรือทำลายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

1.15 แก๊งผู้มีอิทธิพลเรียกรับผลประโยชน์จากการรับเคลียร์หรือคุ้มครองการกระทำผิดบนเส้นทางหลวงและหรือสาธารณะ

ที่มา: กรอบแนวทางการดำเนินการปราบปรามผู้มีอิทธิพล

อย่างไรก็ตาม ในโลกของ “มาเฟีย” แล้ว ความอยู่รอดของธุรกิจผิดกฎหมายต่างหาก คือ “หัวใจสำคัญ” ดังนั้น เหล่ามาเฟียจึงพยายามวิ่งเข้าหา “อำนาจรัฐ” เพื่อได้รับการปกป้องคุ้มครอง โดยอาศัยวิธีการต่างๆ ดังนี้

หนึ่ง คือ ตีสนิทกับผู้มีอำนาจ โดยเฉพาะเหล่าขุนทหารและนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ สอง คือ ให้เงินสนับสนุนพรรคการเมืองทั้งในที่ลับและที่แจ้ง และสาม คือ ปะแป้งแต่งตัวเสียใหม่เพื่อให้ตัวเองก้าวเข้าสู่อำนาจรัฐผ่านกลไกการเลือกตั้ง ทั้ง “สนามเล็ก” อย่าง การเมืองท้องถิ่น หรือ “สนามใหญ่” อย่างการเมืองระดับชาติ

ตลอด 40 ปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ 14 ตุลา 2516 กลุ่มผู้มีอิทธิพลในจังหวัดใหญ่ๆ เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วและแข็งแกร่ง จนบางรายสามารถสถาปนาตนเองหรือตระกูลของตัวเองเป็น “ผู้มีบารมี” ในท้องถิ่น

อย่างไรก็ดี ผู้มีบารมีเหล่านี้ก็ยังต้องอาศัยบารมีอีกชั้นจากข้าราชการในพื้นที่ ตั้งแต่ผู้ว่า นายอำเภอ ทหาร ตำรวจที่คอยเป็น “เกราะ” คุ้มกันการทำธุรกิจสีเทาๆ1

ในทางกลับกัน บางจังหวัด หากผู้มีบารมีนั้นเข้มแข็งมากๆ บรรดาเจ้าหน้าที่รัฐจะต้องเข้าไป “สวามิภักดิ์” คนเหล่านี้เพื่อความอยู่รอดปลอดภัยในตำแหน่งของตนเอง

ดังนั้น จะเห็นได้ว่าความสัมพันธ์ทั้งผู้มีอิทธิพลหรือผู้มีบารมีกับอำนาจรัฐมีทั้งเป็นแบบ “ขาไปและขากลับ”

“ขาไป” คือ ผู้มีอิทธิพลอาจจะต้องพึ่งพาให้เจ้าหน้าที่รัฐคุ้มครอง แต่เมื่อคนเหล่านี้ปีกกล้าขาแข็งแล้ว “ขากลับ” เจ้าหน้าที่รัฐต่างหากที่จะต้องขอความคุ้มครองจากผู้มีอิทธิพลเหล่านี้

อย่างไรก็ดี คำอธิบายเกี่ยวกับรัฐและผู้มีอิทธิพลที่ดีที่สุด คือ คำอธิบายเรื่อง “รัฐมาเฟีย” หรือ “Mafia State” ซึ่งMoisés Naím นักคิดระดับแนวหน้าชาวเวเนซุเอลาได้ให้คำจำกัดความไว้ว่า

Mafia State เป็นระบบรัฐที่รัฐบาล เจ้าหน้าที่รัฐ ตำรวจ กองทัพ หรือแม้แต่คนในกระบวนการยุติธรรม ผูกโยงกับอำนาจเถื่อนของกลุ่มผู้มีอิทธิพลที่ทั้งสองฝ่ายต่างคอยเอื้ออำนวยประโยชน์ซึ่งกันและกัน2

มาเฟียจะอาศัยอำนาจรัฐคุ้มครองธุรกิจผิดกฎหมาย และยินยอมที่จะจ่ายค่าคุ้มครองหรือผลประโยชน์ให้กับคนของรัฐ โดย “แลก” กับการที่รัฐ “ปิดหูปิดตา” ไม่ดำเนินคดี หรือถ้าจับก็จะจับเพียง “ปลาซิวปลาสร้อย” เพื่อสร้างผลงานเล็กๆ น้อยๆ ให้กับเจ้าหน้าที่รัฐได้บ้าง

moisesnaim.jpg

Moisés Naím นักคิดคนสำคัญในละตินอเมริกา ผู้สนใจและอธิบายเรื่อง Mafia State ได้อย่างชัดเจนที่สุด

ที่มาภาพ: http://www.periodistadigital.com

หากพูดให้ง่ายเข้า Mafia State ก็คือ รัฐนั่นแหละที่ทำตัวเป็น “มาเฟีย” ตัวจริง แต่อาจสวมเสื้อสูทของนักการเมือง สวมเครื่องแบบของกองทัพ ใส่เสื้อคลุมของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ หรือแม้แต่สวมครุยของผู้พิพากษา

อย่างไรก็ตาม น่าสนใจว่าเมื่อเอ่ยถึง Mafia State ขึ้นมา ดูเหมือนว่า “รัสเซีย” จะเป็นประเทศที่มีภาพลักษณ์ของความเป็น Mafia State มากที่สุด โดยเฉพาะรัฐบาลภายใต้การนำของนาย Vladimir Putin3

ในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา มีหนังสืออย่างน้อย 2 เล่ม ที่กล่าวถึงภาพลักษณ์ของรัฐบาลนาย Putin ว่าเป็น Mafia State จนทำให้รัฐบาลเครมลินถึงกับ “ควันออกหู” เลยทีเดียว

หนังสือเล่มแรกเป็นผลงานของ Luke Harding นักหนังสือพิมพ์ชาวอังกฤษที่ตีแผ่พฤติกรรมความเป็นรัฐมาเฟียในยุคของ Putin จนทำให้ Harding ถูกขับออกจากรัสเซีย โดยเขาเขียนเรื่องราวเหล่านี้ไว้ในหนังสือชื่อ Mafia State: How One Reporter Became an Enemy of the Brutal New Russia

สำหรับอีกเล่มเป็นของ Marcel Van Herpen ที่เพิ่งออกผลงานล่าสุดในชื่อ Putinism : The Slow rise of a radical right in Russia ซึ่งงานชิ้นนี้ Herpen กล่าวถึงบทบาทของมาเฟียในรัสเซียว่ามีพัฒนาการมาจากเหล่า KGB ที่ “ตกงาน” หลังจากที่สหภาพโซเวียตล่มสลาย

Herpen พูดถึงการเติบโตของเหล่าทรชนในรัสเซียไว้ว่า หลังสิ้นสุดยุคสงครามเย็น มรดกอย่างหนึ่งที่ Gorbachev ทิ้งไว้ คือ “มาเฟียในรัสเซีย” หรือ “Russian Mafiaya” ที่นับจำนวนได้มากกว่า 3,000-4,000 แก๊ง ซึ่ง Herpen ได้ลงลึกไปด้วยว่า เมื่อไม่มีพรรคคอมมิวนิสต์แล้ว KGB หรือหน่วยสืบราชการลับอันโด่งดังของรัสเซียก็คือแก๊งมาเฟียดีๆ นี่เอง

guardian-mafia-state.png

Vladimir Putin กับภาพลักษณ์เรื่องความเป็น Mafia State ของรัสเซีย ที่มาภาพ: http://darussophiledotcom.files.wordpress.com

คำพูดดังกล่าวของ Herpen ไม่รู้ว่าจะ “รุนแรง” เกินไปหรือเปล่า กับผู้นำที่มากไปด้วยอิทธิพลและเปี่ยมไปด้วย “บารมี” ในรัสเซีย

…และที่สำคัญ Putin เองก็เคยเป็น KGB มาก่อนด้วย!

ดังนั้น จึงเป็นเรื่องยากยิ่งนักที่ใครก็ตามคิดจะต่อสู้กับปัญหาคอร์รัปชันใน Mafia State

…เพราะทั้ง “อำนาจเถื่อน” และ “อำนาจทุน” ดันไปรวมกันไว้ที่เดียว คือ “อำนาจรัฐ”!!

หมายเหตุ:

1ผู้สนใจโปรดอ่านเพิ่มเติมได้ใน รัฐ ทุน เจ้าพ่อท้องถิ่น กับ สังคมไทย อีกหนึ่งงานคลาสสิคของผาสุก พงษ์ไพจิตร และสังศิต พิริยะรังสรรค์

2ผู้สนใจงานของ Moisés Naím โปรดดู Mafia States: Organized Crime Take Office

3 ผู้สนใจเรื่องนี้โปรดดู Putin’s Russia “now a mafia state” http://www.bbc.co.uk/news/world-europe-17200833

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี "อย่าหาเหตุผลให้ความเลว"

โดย : เพ็ญลักษณ์ ภักดีเจริญ

news_img_572413_2.jpg

การเมือง ณ วันนี้...บานปลาย เพราะต่างฝ่ายต่างใช้เหตุผลอธิบายเรื่องเดียวกันในมุมที่ต่างกัน แล้วการเมืองหนุ่มคนนี้คิดอย่างไร

ในบรรดาแกนนำ กปปส. อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เป็นอีกคนที่โดดเด่นในการปราศรัยบนเวที เขาเน้นการให้ข้อมูลมากกว่าการใช้วาจาแห่งความเกลียดชัง (Hate Speech ) นั่นหมายถึง นักกฎหมายคนนี้ต้องเตรียมตัวมาอย่างดี แม่นยำในข้อมูล มีแหล่งข่าวที่หลากหลาย เชื่อถือได้

และที่แน่ๆ เขาเป็นนักวางแผนชีวิตตั้งแต่เด็ก มีความเป็นผู้นำ เคยเป็นประธานนักศึกษานิติศาสตร์รุ่น 61 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และมุ่งมั่นที่จะเป็นนักกฎหมาย หลังจากจบกฎหมายที่ธรรมศาสตร์ ก็บินไปเรียนต่อปริญญาโท ด้านกฎหมายการธนาคารและการเงิน มหาวิทยาลัยบอสตัน อเมริกา กระทั่งรับราชการอยู่ที่สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลังอยู่พักหนึ่ง จากนั้นโดดเข้าสู่เวทีการเมือง เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอยู่สองสมัย และนั่นทำให้เขาได้รู้เห็นข้อมูลในการทุจริตหลายเรื่อง เมื่อมีโอกาสก็อยากเล่าสู่กันฟัง

ที่สำคัญคือ วิธีการเล่าบนเวที กปปส.

ด้วยลีลา จังหวะการเล่า แววตาที่แข็งกร้าว ใบหน้าที่อ่อนเยาว์ หวีผมแปล้ ประหนึ่งคุณชาย และเมื่อใดนักการเมืองหนุ่มคนนี้เดินขึ้นเวที บทเพลงละครสุภาพบุรุษจุฬาเทพ ก็ดังกระหึ่ม เพื่อให้รู้ว่า นี่คือ ช่วงเวลาของสุภาพบุรุษอรรถวิชช์ กำลังจะปราศรัย บอกเล่าเรื่องราวการคอรัปชั่น ด้วยภาษาที่สั้น กระชับ ได้ใจความ ขมวดปมประเด็นชัดเจน

และนี่คือ บทสนทนานอกเวที...

คุณวางแผนที่จะเดินบนเส้นทางนักการเมืองตั้งแต่เมื่อไหร่

ตอนแรกว่าจะรับราชการก่อน แล้วค่อยลาออกมาเล่นการเมือง แต่พอมีปฏิวัติรัฐประหารก็คิดว่า น่าจะกระโดดเข้าสู่การเมือง ก็ถือว่าเป็นจังหวะดี เพราะตอนนั้นมีการถ่ายเลือดใหม่ในปีพ.ศ. 2549 หลายคนถูกตัดสิทธิทางการเมือง ก็ใช้จังหวะนั้น ผมมองว่า นักการเมืองที่ดีต้องกล้าที่จะทำประโยชน์ให้ประเทศ บางคนกล้าทำ แต่ดันโกง บางคนไม่โกงแต่ไม่กล้าเปลี่ยนแปลง ถ้าในคนเดียวๆ กัน สามารถไม่โกงและกล้าทำประโยชน์ ผมว่าประเทศไปรอด ซึ่งผมคิดว่า การเป็นนักการเมืองต้องกล้าทนต่อเสียงวิพากษ์วิจารณ์ได้

แต่เราต้องตอบตัวเองให้ได้ก่อนว่า ต้องไม่โกง และจะไปคาดหวังให้ทุกคนเป็นเหมือนเรา...คงไม่ได้ ถ้าจะปราบปรามทุจริตให้หมดสิ้นจากเมืองไทย ผมคิดว่า ต้องเริ่มที่ตัวเรา กล้าที่จะทำประโยชน์และไม่โกงก่อน เพราะเราไม่สามารถเปลี่ยนคนอื่นได้ จึงต้องทำที่ตัวเรา ผมคิดแค่นั้น ผมไม่ได้ดีไปกว่าคนอื่น ทั้งๆ ที่บางเรื่องผมเห็นว่าไม่ถูกไม่ควร แต่เราเปลี่ยนแปลงอะไรได้ไหม ถ้าไม่ได้ก็เปลี่ยนที่ตัวเรา ถ้าคิดแบบเรามากเท่าไหร่ การเมืองก็จะดีขึ้นมากเท่านั้น

นั่นเป็นอุดมการณ์ของคุณ ?

ผมมั่นใจว่า คนเราต้องมีความกล้าทำและไม่โกง ผมชัดเจนเรื่องนี้ อย่างผมเป็นนักการเมืองในสภา เรื่องที่ผมพูดแล้วลงรายละเอียด อาจเป็นเรื่องไกลตัวในตอนนั้น สังคมก็ไม่ได้รับรู้ แต่พอผมปราศรัยบนเวที ประชาชนได้รู้ ได้เห็นในสิ่งที่ผมพูด

เห็นมีคนบอกว่า คุณมีความเป็นผู้นำตั้งแต่เด็กๆ ?

สมัยเรียนธรรมศาสตร์ ผมเป็นประธานรุ่นนิติศาสตร์ ทำกิจกรรมเป็นระยะ แต่ตอนอยู่อเมริกา ผมจะรีบเรียนหนังสือ ตอนนั้นเรียนด้านกฎหมายการธนาคารและการเงิน ซึ่งต่างจากคนทั่วไปที่เรียนกฎหมายอย่างเดียว แต่ผมเรียนด้านนี้ ก็ต้องไปเรียนด้านการเงิน บัญชี ก็ต้องขยัน เพราะทำในสิ่งที่ตัวเองไม่ถนัด ส่วนใหญ่นักกฎหมายจะทิ้งเรื่องการคำนวณ แต่เราชอบเรียนด้านนี้ พอไปเรียนก็สนุก จึงอยากศึกษาบริบทกฎหมายด้านการเงินเยอะๆ จบมาก็ได้ร่างกฏหมายหลายฉบับทีเดียว

เป็นนักค้นคว้าที่หาตัวจับได้ยาก ?

นิสัยนี้เป็นตั้งแต่ตอนเรียนปริญญาตรีและปริญญาโท ต้องอ่านกฎหมายหลายฉบับอยู่แล้ว จะอ่านและศึกษาลงลึกจนถึงต้นตอของสิ่งนั้น สมัยเรียนหนังสือตอนผมศึกษาเรื่องกฎหมายการเงิน ผมจะลึกลงไปอีกว่า คนเขียนหนังสือเล่มนั้น อ้างอิงถึงใคร แล้วผมก็ไปตามอ่านฉบับอ้างอิงอีก พอมารับราชการอยู่ที่สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เป็นงานด้านนโยบาย เวลากำหนดนโยบาย ถ้าจะไปซ้ายหรือขวา เราต้องไปให้สุด ซึ่งเหมาะกับนิสัยเราที่ชอบค้นคว้าหาต้นตอว่า เกิดจากแนวคิดอะไร ทำให้การทำงานทางการเมืองได้ลงรายละเอียดเชิงลึก ถ้าเราทำแบบผิวเผิน ประเทศจะเสียหาย ซึ่งเวลาทำงานด้านนี้ ถ้าแนวทางนโยบายเป็นซ้ายก็ซ้ายสุด หรือจะขวาก็ขวาสุด อย่าทำแบบวัวพันหลัก ตั้งแต่เรียนจนถึงทำงาน เราก็เป็นประเภทที่ว่าเจาะข้อมูลจนถึงต้นตอ

นั่นเป็นนิสัยนักกฎหมายหรือนิสัยส่วนตัว ?

สงสัยเป็นนิสัยส่วนตัว ผมเป็นคนละเอียดตั้งแต่เรื่องงานอดิเรก เพราะผมมีงานอดิเรกชอบสะสมรถโบราณ เวลาจะรื้อรถแต่ละคันมาซ่อม ผมต้องอ่านหนังสือทุกเล่มที่เกี่ยวกับรถรุ่นนั้น ผมเคยซ่อมรถคันหนึ่ง ต้องใช้น็อตหัวแฉก ซึ่งรถยนตร์บางรุ่นไม่ได้ใช้น็อตประเภทนั้นแล้ว ถ้าจะซื้อน็อตประเภทนั้นผมต้องหาในประเทศต้นตอ

เพื่อนๆ คุณที่เล่นรถโบราณ ส่วนใหญ่นำไปซ่อมในอู่รถ แต่คุณซ่อมเองที่บ้าน ?

ผมจะมีโรงซ่อมของตัวเอง เวลากลับบ้านดึกๆ ก็จะไปนั่งประกอบบางชิ้นที่มันละเอียดมาก โดยเฉพาะหน้าปัดรถ

อะไรคือ แรงดึงดูดที่ทำให้คุณหลงใหลรถโบราณ

เพราะดีไซน์และวิธีคิดของผู้ผลิตรถไม่เหมือนกัน ผมชอบศึกษาเรื่องราวและชอบที่จะขับรถและซ่อมรถโบราณ รถคันแรกผมซื้อด้วยเงินตัวเอง ผมรื้อชิ้นส่วนออกมาทั้งคันเพื่อจะประกอบใหม่ และทำไม่ได้อยู่ 10 ปี ผมเพิ่งประกอบได้ไม่กี่ปีนี่เอง เพราะตอนนั้นผมทำโดยไม่ได้ศึกษาข้อมูล เนื่องจากเป็นรถคันแรก นั่นทำให้ผมมีประสบการณ์ ถ้าเราจะทำอะไรสักเรื่อง ต้องรู้จริงรู้ลึก พอผมศึกษาอ่านหนังสือ ผมก็ประกอบเอง ซ่อมเองได้ เวลาผมซื้อรถโบราณมาประกอบใหม่ คันหนึ่งผมใช้เวลาทำไม่ถึงปี ก็เสร็จแล้ว

ส่วนใหญ่เป็นรถโบราณที่ไม่สมบูรณ์ บางคันไม่ต่างจากขยะ ?

ผมชอบซื้อรถที่มีสภาพเหมือนซาก นำมาซ่อมเหมือนการปั้นดินให้เป็นดาว บางคันเคยเป็นกรงเลี้ยงแมว บางคันเป็นที่ปลูกต้นไม้ ผมก็เอามาซ่อมใหม่ แต่ผมต้องรู้ก่อนว่า รถคันนั้นมีพื้นฐานการดีไซน์ที่ดี มีวิธีคิดในการสร้างรถไม่เหมือนรถคันอื่น ผมต้องรื้อดูว่า มันต่างกันอย่างไร ผมจะสะสมรถก่อนสงครามโลก หลังสงครามโลก และรถยุคคลาสสิก แต่ละยุคจะดีไซน์ไม่เหมือนกันเลย

มีบ้างไหมที่เพื่อนๆ ซ่อมไม่ได้ แล้วให้คุณช่วยซ่อม

มีเยอะและบ่อย เพราะเราชอบทำในสิ่งที่เขาทำไม่ได้ บางระบบซับซ้อนมาก ต้องเป็นคนที่อ่านแผงวงจรไฟฟ้าได้ เราก็พยายามเอาส่วนที่เพื่อนซ่อมไม่ได้ มาซ่อมให้ แต่ไม่ได้ซ่อมให้ใคร แค่มานั่งคุยแนะนำว่าจะทำยังไงต่อ ส่วนไหนมีปัญหา

เพราะชอบลงรายละเอียดในทุกเรื่อง ทำให้คุณเป็นนักการเมืองคนหนึ่งที่มีข้อมูลเชิงลึก ?

เพราะนิสัยส่วนตัวเป็นคนละเอียด และการเรียนกฎหมายการเงิน จำต้องใช้ความละเอียด อีกอย่างพ่อผมเป็นอัยการ และแม่ผมทำงานด้านการเงิน ผมจึงเลือกเดินสายนี้ เมื่อผมมาเป็นผู้แทนราษฎร และเป็นกรรมาธิการร่างกฎหมาย ทำให้ผมรู้กฎหมายหลายตัว เพราะประเด็นที่มีปัญหามาจากเรื่องกฎหมาย ทำให้ผมเก็บเกี่ยวข้อมูลได้เยอะ ในช่วงหนึ่งผมพูดอยู่ในสภา คนก็ไม่ค่อยได้เห็นผมมากนัก แต่ในช่วงนี้คนสนใจการเมืองมากขึ้น ตั้งแต่วัยรุ่นจนถึงคนสูงวัย คนก็เลยสนใจเวลาผมพูดบนเวที

มีวิธีการค้นข้อมูล เพื่อปราศรัยอย่างไร

ถ้าจะเลี้ยวซ้าย ก็บอกว่า เลี้ยวซ้าย ถ้าจะเลี้ยวขวาก็บอกว่า เลี้ยวขวา อย่ารำวง ถ้าเราต้องการอธิบายเนื้อหาอะไรสักเรื่อง สำบัดสำนวนมากไป ก็อธิบายให้คนฟังไม่เข้าใจ บางเรื่องเนื้อหามีอยู่ไม่เกินห้าประโยค แต่คนส่วนใหญ่พูดไปเยอะแยะ ผมคิดว่าคนยุคปัจจุบัน ต้องการข้อมูลที่สั้น กระชับ เร็ว เพราะฉะนั้นเรามีข้อมูลเยอะ ก็ต้องอธิบายเร็วๆ ที่ผ่านมา กปปส.ชุมนุมจะครบห้าเดือน ยังถ่ายทอดข้อมูลไม่หมดเลย

แหล่งข้อมูลของคุณ เชื่อถือได้แค่ไหน

ผมอยู่ในวัย 36 ปีที่เพื่อนหลายคนเป็นกำลังคิดสำคัญในหลายองค์กร ผมมีเพื่อนเยอะ พอโทรไปหาเพื่อน พวกเขาจะบอกข้อมูล ผู้ใหญ่หลายคนก็ยินดีให้ข้อมูล เพราะผมไม่มีวัตถุประสงค์ในการโจมตีใคร เราต้องการแค่การปราบปรามการทุจริต หลายคนก็พยายามอธิบายกลไกให้เราฟัง เพราะพวกเขารู้ว่า ผมไม่มีผลประโยชน์ ไม่มีธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเรื่องพวกนั้นเลย และที่สำคัญนิสัยแบล็คเมล์ ไม่เคยมีในชีวิต แม้จะอภิปรายไม่ไว้วางใจใครในสภา ก็ไม่เคยแบล็คเมล์ใคร เมื่อเราตั้งต้นทำความดี เพื่อนและผู้ใหญ่ก็รัก แม้ผมจะเป็นนักการเมือง แต่ผมไม่เล่นการเมืองกับคนอื่น

เพราะผมมีเพื่อนทั้งในวงราชการและเอกชน เพื่อนบางคนไม่กล้าเปิดเผยข้อมูลที่อื่นแต่ให้ข้อมูลผม ถ้าเรื่องไหนพูดไปแล้วส่งผลกระทบคนอื่น ก็ต้องคัดกรอง ต้องเอาเรื่องจริงมาพูด เรื่องที่ผมพูดทุกวันนี้ยังไม่เคยโดนฟ้องเลย เพราะเป็นเรื่องจริง ถ้าให้จริงมากกว่านั้น ผมก็ลงรายละเอียดได้อีก

มีกระบวนการตรวจสอบข้อมูลอย่างไร

ผมมีทีมทำข้อมูล 5 คน ประกอบด้วย นักกฎหมาย นักการเงิน ฝ่ายค้นหาข้อมูลและฝ่ายศิลป์ ต้องมีคนทำพาวเว่อร์พ้อย เพื่อให้คนเข้าใจง่ายๆ

ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก ?

ก่อนหน้านี้คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะให้โอกาสผมเยอะ ผมเคยเป็นประธานกรรมาธิการกิจการชายแดนไทย ตอนนั้นอายุน้อยมาก และเคยเป็นกรรมาธิการชุดใหญ่ในการพิจารณากฏหมายหลายเรื่อง ผมจึงรู้ข้อมูล กระทั่งคุณสุเทพ เทือกสุบรรณ ไม่คิดจะเล่นการเมืองอีก ผมก็เลยเอาข้อมูลพวกนั้นมาช่วยกำนัน ถ้าไม่เอาข้อมูลมาให้ประชาชนรับรู้ ก็ไม่มีประโยชน์อะไร และผมอยากตอบแทนบุญคุณคุณสุเทพที่ทำเพื่อสังคม คือ การเล่าความจริงให้ประชาชนฟัง ผมกล้าพูดเลยว่า คนที่อยู่บนเวที ผมเป็นคนที่โดนรัฐบาลหลอกมากที่สุด ตอนผมเป็นกรรมาธิการร่างกฎหมายสำคัญๆ ในการต่อรองผมก็ช่วยประสานงาน แต่พวกเขาทำเพื่อผลประโยชน์คนๆ เดียว ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมไม่สามารถคุยต่อได้

อย่างพรบ.นิรโทษกรรม ผมนี่แหละเป็นคนเจรจาต่อรองกับพวกเขา เจรจาเสร็จเรียบร้อย วันดีคืนดีเอาคดีทุจริตคุณทักษิณ ชินวัตร ใส่เข้ามา โดยไม่ได้อยู่ในข้อตกลง อย่างนี้ก็วงแตก แทนที่จะยอมรับกติกาที่ตกลงกัน กลับเอาคดีทุจริตยัดเข้ามา หรือกรณีแก้รัฐธรรมนูญสองฉบับที่ศาลสั่งเป็นโฆษะ ผมก็เป็นคนเจรจากับฝ่ายรัฐบาล เขาก็ยังดันทุรังทำสิ่งที่ผิดกฎหมายต่ออีก พรบ.เงินกู้สองล้านล้านบาท ผมเสนอทางออกให้พวกเขาว่าจะทำอย่างไรไม่ผิดกฎหมาย พวกเขาก็ไม่เอา ถ้าเรื่องไหนมีคุณทักษิณนำหน้า หักทุกเรื่อง

กลัวถูกปองร้ายบ้างไหม

ผมไม่กลัว ทั้งๆ ที่ผมโดนหนักไม่แพ้แกนนำกปปส.คนอื่น สิ่งที่คนอื่นโดน ไม่ว่าระเบิดปิงปอง ยิ่งปืนขู่ ผมโดนมาหมด แต่ผมไม่อยากแจ้งความ ซึ่งครอบครัวผมก็ไม่กลัว พวกเขาบอกว่า เต็มที่เลย

หลายเรื่องที่คุณปราศรัย เรื่องไหนทนไม่ได้มากที่สุด

พรบ.นิรโทษกรรม เงินกู้สองล้านล้าน และจำนำข้าว เรื่องพวกนี้สุดๆ เลย ผมมองว่า นโยบายพวกนี้ใช้ไม่ได้เลย และกลไกการแก้รัฐธรรมนูญสองฉบับก็ใช้ไม่ได้ ไม่ว่ารัฐบาลชุดไหนในอดีตก็ไม่กล้าทำอะไรแบบนี้

คุณมองเรื่องต่างสี ต่างอุดมการณ์อย่างไร

กลุ่มเสื้อเหลืองก็มีคุณูปการต่อประเทศไทย อยากปราบปรามทุจริต เกลียดการทุจริตทุกรูปแบบ กลุ่มคนเสื้อแดงก็มีคุณูปการ คือ เชิดชูระบบประชาธิปไตย ทั้งสองเรื่องเป็นเรื่องที่ดี ทำให้คนตื่นรู้ แต่รัฐบาลกำลังใช้คนเสื้อแดงไปในทางที่ผิด ยกตัวอย่างการด่าศาล ใช้ปืนยิ่งศาล อันนี้ไม่ใช่ประชาธิปไตย เราก็เป็นนักวิชาการ หลักการแบ่งแยกอำนาจสามฝ่าย นิติบัญญัติ ตุลาการ และบริหาร เมื่อ 300 ปีที่มองเตส กิเออร์ ชาวฝรั่งเศส เป็นคนคิดทฤษฎีระบบประชาธิปไตย ผมจึงมั่นใจว่า คนเสื้อแดงจำนวนมากไม่เอารัฐบาล

เพราะรัฐบาลชุดนี้ไม่ได้สะท้อนความเป็นประชาธิปไตยอีกแล้ว ต่างจากตอนนั้นตรรกะที่ว่า คุณทักษิณถูกทำร้ายโดยระบอบเผด็จการ เรื่องนั้นจริง เพราะเขามาจากการเลือกตั้ง แต่คุณทักษิณไม่ใช่ตัวแทนของระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริง หลายอย่างที่เห็นชัดเลยว่า ขัดขวางการทำงานของปปช. (คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ) ,ป้ายสีตุลาการ เพราะอำนาจมีสามฝ่าย ตอนนี้มีแค่ตุลาการที่ค้านอำนาจ เพราะทั้งสองฝ่ายเป็นของเขาหมด ผมคิดว่าแกนนำคนเสื้อแดง ปลุกคนเสื้อแดงไม่ติดหรอก เพื่อนผมก็เป็นคนเสื้อแดงอุดมการณ์ และยังคุยกันได้ อีกอย่างผมมองว่า ความมุ่งมั่นและจิตสำนึกที่ดีที่เราจะฝ่าไปได้ คือ อย่าหาเหตุผลให้ความเลว ถ้าเราหาเหตุผลให้ความเลว ประเทศเดินต่อไม่ได้

หากต้องหลอมรวมให้เป็นหนึ่งเดียว คุณคิดเห็นอย่างไร

ต้องทำให้เกิดความไว้วางใจก่อน ต่างฝ่ายต่างมองว่า เมื่อพูดแล้วจะทำตามที่พูด จริงหรือเปล่า แต่ผมอยากบอกว่า ทุกคนในกปปส.เอาชีวิตเป็นเดิมพัน คุณสุเทพประกาศไม่เล่นการเมือง ยอมทุกสิ่งทุกอย่าง ถอดความเป็นนักการเมืองทิ้ง มาอยู่กับประชาชน ปกตินักการเมืองมักจะเอาตัวรอด แต่วันนี้ผมเห็นนักการเมืองหลายคนทำจริง เรื่องนี้เป็นความไว้เนื้อเชื่อใจ

ปัญหาของสังคม ตอนนี้คือ คิดและตีความต่างกัน ?

เราควรเลิกแบ่งแยกด้วยสีได้แล้ว ประเทศไทยไม่มีการแบ่งแยกสีผิว เรามีสีสมมติ สีเหลือง สีแดง ถ้าเราแบ่งแยกคนด้วยความดีความเลว อันนี้แหละดีที่สุด ยกตัวอย่างถ้าคนเลวมีทนายความที่เก่ง ก็พูดไปได้ร้อยแปดพันเก้า แต่ถามว่า หัวใจหลักของเรื่องคืออะไร มันก็คือ ความดีและความเลว

ถ้าไม่เจรจา...เมืองไทยจะเดินต่ออย่างไร

ผมเป็นคนเชื่อในทฤษฎีการเจรจา ผมอยากให้เจรจา แต่เจรจาแล้ว ผมอกหักมาหลายครั้ง ในสภาเรื่องเงินกู้สองล้านล้านบาท และพรบ.นิรโทษกรรม ผมก็เป็นคนเจรจาทั้งนั้น ก็อย่างที่บอก ผมอกหักมากที่สุด โดนหลอกมากที่สุด แต่ผมก็อยากเดินหน้าเจรจา ส่วนคุณสุเทพบอกแล้วว่า พร้อมจะเจรจากับคุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แต่ต้องเจรจาเดี่ยวๆ และถ่ายทอดสด ไม่ต้องดีเบท แต่คนไม่เจรจาคือ คุณยิ่งลักษณ์

ถ้ามีการเจรจา คุณคิดว่าต้องเป็นรูปแบบไหน

สิ่งที่ผมอยากเห็นอย่างมากคือ การตั้งรัฐบาลกลาง โดยที่นักการเมืองไม่เข้าไปเกี่ยวพัน แล้วทำหัวข้อปฏิรูปให้เสร็จภายใน 7 เดือน ส่งไปทำประชามติ ซึ่งเป็นประชาธิปไตยทางตรง เมื่อได้ประชามติเดินหน้าสู่การเลือกตั้ง ใครชนะเป็นรัฐบาลก็แล้วแต่ ต้องทำตามประชามติของประชาชน ผมอยากเห็นแบบนี้

อีกฝ่ายก็กลัวว่า กปปส.จะมาจัดตั้งรัฐบาล ?

ถ้าไม่อยากให้กปปส.จัดการ รัฐบาลก็มาจัดการร่วมกัน เราไม่มีทางปฏิรูปได้ ถ้าไม่มีคนเสื้อแดง แต่คนที่ขวางการปฏิรูปคือ รัฐบาล ขนาดเรื่องการจำนำข้าว ถ้าคุณขายข้าวที่มีอยู่เยอะ คุณก็จ่ายเงินชาวนาได้แล้ว ทำไมไม่ขาย เพราะทุจริตไม่ต้องการทำสต็อคใหม่ทั้งหมด ถ้าอย่างนั้นจะทำอย่างไรถึงจะปฏิรูปภายใต้ประชาธิปไตย เพราะนักวิชาการสายแดง คิดว่าประชาธิปไตยคือการเลือกตั้ง ถ้าไม่เลือกตั้งไม่เป็นประชาธิปไตย คุณลองสลัดบริบทนี้ออกไป แล้วลองคิดว่า ปฎิรูปอย่างไรให้เป็นประชาธิปไตย มักจะพูดว่า ต้องเลือกตั้งเพื่อเป็นประชาธิปไตย แต่ความจริงต้องบอกว่า ปฏิรูปอย่างไรถึงจะเป็นประชาธิปไตย ถ้านำไปสู่การเจรจารวมทั้งสองฝ่าย จัดตั้งรัฐบาลกลาง มีหลายทางเลือกคือ ข้อ 1. ใช้มาตรา 3 และมาตรา 7 ในการตีความ ให้มีนายกรัฐมนตรีคนกลาง ถ้าบอกว่าไม่เอาข้อนี้ ข้อ 2.ครม.ลาออกทั้งชุด ทิ้งรองนายกรัฐมนตรีพรรคคนกลางไว้ อาจเป็นพรรคคุณบรรหารก็ได้ แล้วให้ปลัดกระทรวงทุกคนปฏิบัติราชการแทน ทำหัวข้อปฏิรูป ส่งไปทำประชามติ แล้วตราพระราชกฤษฎีกา เลือกตั้งใหม่ทั้งประเทศ

ความเข้าใจคำว่าประชาธิปไตยก็ต่างกัน ?

ม่ต่างหรอกครับ อยู่ที่ดันทุรังหรือเปล่า ถ้าคำว่าประชาธิปไตยของแกนนำคนเสื้อแดงคือ การไม่ให้ฝ่ายตุลาการทำงานได้ ก็ผิดอีก เพราะหลักการประชาธิปไตยในการแบ่งแยกอำนาจ ฝ่ายตุลาการต้องทำหน้าที่ตรวจสอบอยู่แล้ว คือ เริ่มต้นโดยการโกหก ไม่ต้องหาเหตุผลแล้ว

จากนี้ไปอีก 1 ปี คุณคิดว่าสถานการณ์บ้านเมืองจะเป็นอย่างไร

ข้อ 1 คุณยิ่งลักษณ์จะต้องเดินขึ้นศาลทุกวัน เพราะโดนฟ้องคดี ผมรับประกันว่า ไม่ต่ำกว่าสองพันคดี ทั้งคดีจำนำข้าว ,ฉ้อโกงจำนำข้าวรายบุคคล ,ปราบปรามประชาชนในวันที่ 18กุมภาพันธ์ 2557 มีคนตายสองคน ,คดีคุณถวิล เปลี่ยนสี โยกย้ายโดยไม่ชอบธรรม แล้วสิ่งที่คุณยิ่งลักษณ์จะเจอ นิรโทษกรรมไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องการทุจริต และคุณยิ่งลักษณ์จะโดนคดีเป็นหางว่าวในสิ่งที่ทำไว้

ข้อ 2 การเลือกตั้งอาจจะต้องเกิดขึ้นในช่วงปลายปี เพราะพรรคประชาธิปไตย ไม่ลงเลือกตั้งสองครั้งติดต่อกัน อาจจะถูกยุบพรรค

ส่วนชัยชนะการเลือกตั้ง ผมก็ยังเชื่อว่า พรรคเพื่อไทยยังเป็นพรรคที่มีคะแนนอันดับหนึ่ง เพราะโดยโครงสร้างทางการเมือง คะแนนเสียงภาคเหนือและภาคอีสานของพวกเขาสูงกว่าเยอะ แต่ผมก็ไม่เชื่อว่า พวกเขาจะตั้งรัฐบาลได้ เพราะการจัดตั้งรัฐบาลต้องมีพรรคร่วมรัฐบาลเข้ามาด้วย ผมคิดว่า การเลือกตั้งคราวนี้ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 500 คน พรรคเพื่อไทยจะได้ไม่ถึงครึ่ง เพราะกรรมเก่าที่ทำไว้ ในอนาคตโอกาสจะมีการเปลี่ยนขั้วทางการเมืองก็มีสูง

ผมมองสถานการณ์ตอนนี้มากกว่า ผมอยากให้การปฎิรูปทำสำเร็จ ห้าเดือนที่ผ่านมา เราได้จิตสำนึกของคนไทยทั้งประเทศที่มีส่วนร่วมทางการเมืองอย่างมหาศาล ถ้าย้อนเวลากลับไปห้าเดือนที่แล้ว ประชาชนไม่ได้ตื่นรู้ทางการเมืองแบบนี้ วันนี้เราดีใจ เราชนะแล้ว แต่ไม่มีชัยชนะใดได้มาร้อยเปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นการลงทุนที่คุ้มมาก เพราะ 1.ประชาชนตื่นรู้ทางการเมืองที่จะปกป้องประเทศชาติ 2. ใครทำชั่วในคดีทุจริตในรัฐบาลนี้ ก็จะถูกฟ้องร้อง นี่คือสองอย่างที่เราชนะ แต่ประเด็นที่เราอยากชนะคือ การนำหัวข้อการปฏิรูปไปสู่ภาคปฏิบัติจริง แค่นี้จบ

ในมุมมองของคุณ ก้าวต่อไปของประเทศไทยเป็นอย่างไร

ประเทศไทยดีขึ้นแน่นอน

ทำไมมั่นใจขนาดนั้น

ไม่ว่าจะสีไหน เราต่างมีจิตสำนึกสาธารณะร่วมกัน นักธุรกิจใหญ่ๆ ร้านค้าทั่วไปบริจาคเงินมาช่วย มาเดินขบวน ฝ่ากระสุนด้วยกัน ผมว่า เป็นการตื่นรู้ของสังคมไทยที่มีค่ามหาศาล แต่สิ่งเดียวที่ผมไม่มั่นใจคือ หัวข้อการปฎิรูปจะสำเร็จไหม รอแค่คุณยิ่งลักษณ์

ทุกวันนี้คุณต้องมีการ์ดคุ้มครอง ?

ตอนที่ผมเป็นนักการเมืองในสภา ผมมีแค่คนขับรถ แต่ทุกวันนี้ต้องมีการ์ด ชีวิตเปลี่ยนไปเยอะ ความเป็นส่วนตัวก็เปลี่ยนไป มีคนรู้จักผมเยอะขึ้น แต่ผมก็ไม่ได้อึดอัด

เวลาถกเถียงกับคนต่างขั้วทางการเมืองในรายการทีวี คุณตั้งรับอย่างไร

คุยกันด้วยเหตุผล การถกเถียงทางวิชาการ เป็นการถกเถียงทางความเชื่อ และคนที่เราถกเถียงด้วย เป็นนักวิชาการทั้งนั้น เมื่ออีกฝ่ายเชื่อแบบนั้น เขาก็ไม่ใช่คนเลว เราเคารพในความเชื่อซึ่งกันและกัน ไม่เห็นจำเป็นต้องมีอารมณ์ แต่ถ้าเป็นผู้แทนราษฎรด้วยกัน ถ้ามึงทำแล้ว กูเห็นกับตาว่า มึงทำผิด ถ้าเถียงกับคนแบบนี้ อาจเอาไม่อยู่ ไม่ใจเย็นเหมือนที่เห็น ที่ผมใจเย็นเพราะนักวิชาการพวกนั้นไม่รู้ว่า นักการเมืองเหล่านั้นทำเลวอะไรไว้ พวกเขาพูดจากหลักการและความเชื่อ หรือที่ผมชอบเรียกว่า ท่องมาจากบ้าน ซึ่งเป็นหลักการประชาธิปไตยทั่วไป และไม่มีอะไรผิด

มีแฟนคลับติดตามเยอะ คุณรู้สึกอย่างไรบ้าง

ถ้าเราสามารถเป็นส่วนหนึ่งให้สังคมไทยตื่นรู้เรื่องการเมืองมากขึ้น ก็รู้สึกดี น้องๆ วัยรุ่นหันมาสนใจการเมือง ผมรู้สึกว่า ประเทศมีความหวัง และอีกอย่างเวลาผมพูดบนเวที ผมจะไม่ใช้วาจาแห่งความเกลียดชัง ผมแค่เตรียมประเด็นที่เล่า ไม่ต้องเตรียมคำด่า แต่ถ้ามี ก็เป็นไปตามอัตโนมัติ

เห็นบอกว่าคุณเคยเสียน้ำตาบนเวที ?

ตอนนั้นผมเล่าเรื่องการเสียดินแดนไทยกัมพูชา ซึ่งเกี่ยวกับการแก้กฎหมายรัฐธรรมนูญมาตรา 190 เล่าแล้วน้ำตาไหล เพราะเรื่องที่รัฐบาลทำ ถ้าคนเข้าใจรายละเอียดลึกๆ ก็จะรู้ว่า มันไม่ไหวแล้ว ผมก็มีหน้าที่ให้ข้อมูลประชาชน และพยายามหลีกเลี่ยงการด่าที่ไม่มีเหตุผล แต่พวกพี่ๆ ที่ผมด่าบนเวที ผมตั้งใจทั้งนั้นครับ

Tags : อรรถวิชช์

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

10154540_721279267922456_6425056832277845204_n.jpg

 

1609989_721279171255799_5820608650719299886_n.jpg

ย้อนรอย เค้าใช้ขันเงินนะ

 

 

 

เทอดศักดิ์ เจียมกิจวัฒนา-สถานีวิหคเรดิโอ shared Sudachan Satit's status.

20 hours ago

 

 

...ย้อนรอย ฯ

 

๐๐๐ สงกรานต์ (อังกฤษ: Water Festival )..ถอดเป็นอักษรละติน: Songkran;

 

เขมร: សង្រ្កាន្ត; พม่า: ลาว: ສົງການ; จีน: ( 泼水节)

 

...เป็นประเพณีของประเทศไทย ลาว กัมพูชา พม่า ชนกลุ่มน้อยชาวไตแถบเวียดนามและมณฑลยูนนานของจีน ศรีลังกาและทางตะวันออกของประเทศอินเดีย[1] สันนิษฐานว่า สงกรานต์ได้รับอิทธิพลมาจากเทศกาลโฮลี (होली) ในอินเดีย แต่เทศกาลโฮลีจะใช้การสาดสีแทน เริ่มในทุกวันแรม 1 ค่ำเดือน 4 คือ ในเดือนมีนาคม[2]

 

....สงกรานต์เป็นคำสันสกฤต หมายถึง "การเคลื่อนย้าย" ซึ่งเป็นการอุปมาถึงการเคลื่อนย้ายของการประทับในจักรราศี คือการเคลื่อนขึ้นปีใหม่ในความเชื่อของไทยและบางประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

 

....สงกรานต์สืบทอดมาแต่โบราณคู่กับตรุษ จึงเรียกรวมกันว่า ประเพณีตรุษสงกรานต์ หมายถึง ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ เดิมวันที่จัดเทศกาลกำหนดโดยการคำนวณทางดาราศาสตร์ แต่ปัจจุบันระบุแน่นอนว่า 13 ถึง 15 เมษายน วันขึ้นปีใหม่ไทยเป็นจุดเริ่มต้นของปีปฏิทินในประเทศไทยจนถึง พ.ศ. 2431 หลังจากนั้นวันที่ 1 เมษายน เป็นวันขึ้นปีใหม่จนถึง พ.ศ. 2483

 

....พิธีสงกรานต์เป็นพิธีกรรมที่เกิดขึ้นในสมาชิกในครอบครัว หรือชุมชนบ้านใกล้เรือนเคียง แต่ปัจจุบันได้เปลี่ยนไปสู่สังคมวงกว้าง และมีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนทัศนคติและความเชื่อไป ในความเชื่อดั้งเดิมใช้สัญลักษณ์เป็นองค์ประกอบหลักในพิธี ได้แก่ การใช้น้ำเป็นตัวแทน แก้กันกับความหมายของฤดูร้อน ช่วงเวลาที่พระอาทิตย์เคลื่อนเข้าสู่ราศีเมษ ใช้น้ำรดให้แก่กันเพื่อความชุ่มชื่น มีการขอพรจากผู้ใหญ่ การรำลึกและกตัญญูต่อบรรพบุรุษที่ล่วงลับ สังคมไทยสมัยใหม่เกิดประเพณีกลับบ้านในเทศกาลสงกรานต์ นับวันสงกรานต์เป็นวันครอบครัว ในพิธีเดิมมีการสรงน้ำพระที่นำสิริมงคล เพื่อให้เป็นการเริ่มต้นปีใหม่ที่มีความสุข ปัจจุบันมีการประชาสัมพันธ์ในเชิงท่องเที่ยวว่าเป็น Water Festival หรือ สงครามน้ำ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

ข้อเสนอการปฏิรูปโครงสร้างตำรวจ

http://www.naewna.com/politic/columnist/11979

 

 

 

 

10151977_727404093977052_1802199976057517708_n.jpg

 

เศรษฐกิจชะลอบีบ"แบงก์"เข้มงวดปล่อยกู้ ผวาหนี้เน่า"เอสเอ็มอี" พุ่ง

http://www.naewna.com/business/99275

 

 

 

 

1510652_727404780643650_3642024343544079044_n.jpg

 

10268561_727396990644429_2104856610424541047_n.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

10253922_486513448144411_4692046044188438745_n.jpg

 

10154069_486441531484936_2261718086288135528_n.jpg

หากคุณใด้ศึกษาเรื่องราวของ Royal Thai NAVY SEALเเล้วคุณจะรู้ว่าคุณไม่ใช่คนเดียวที่­โดดเดี่ยวเเละเหล่าคนที่ปิดทองหลังองค์พระ­อย่างเเท้จริง

 

เส้นทางที่เธอเดินอยู่นั้น ฉันรู้ว่ามันไม่ได้ง่าย

ไม่รู้ต้องล้มต้องเหนื่อยล้า ต้องพบปัญหาอีกเท่าไร

จนกว่าจะเจอจุดหมาย ที่อาจจะไกลแสนไกล

และไม่รู้เมื่อไรถึงจะสุดทาง

 

วันที่เริ่มต้นจนวันนี้ทุ่มเทชีวิตมาเท่าไร

ต้องเสียใจและต้องผิดหวังมีสักกี่ครั้งที่เริ่มใหม่

กว่าจะเจอจุดหมาย ที่อาจดูไกลแสนไกล

ไม่รู้อีกนานแค่ไหนถึงจะสุดทาง

 

จึงอยากจะขอส่งเพลงนี้แทนพลัง

ว่าอย่ากลับหลังขอให้เดินต่อไป

สักวันต้องถึงจุดหมายที่เธอตั้งใจเอาไว้

เพื่อให้รู้ว่า เราจะชนะตัวเองได้ไหม

 

กว่าเธอจะเดินถึงจุดนี้ต่อสู้มาแล้วนานเท่าไร

และทุกๆ ครั้งที่ผ่านพ้นก็เพราะอดทนใช่หรือไม่

กว่าจะเจอจุดหมาย ที่อาจดูไกลแสนไกล

และไม่รู้เมื่อไรถึงจะสุดทาง

 

จึงอยากจะขอส่งเพลงนี้แทนพลัง

ว่าอย่ากลับหลังขอให้เดินต่อไป

สักวันต้องถึงจุดหมายที่เธอตั้งใจเอาไว้

เพื่อให้รู้ว่า เราจะชนะตัวเองได้ไหม

 

อย่ากลัวแม้ว่าต้องเจอกับทางที่ดูมืดมน

สักวันเธอจะผ่านพ้น

หนทางที่แสนไกลจะยากเย็นสักเท่าไร

วีรบุรุษ สุดที่รัก

1 hr ·

 

*ทหารลำบาก กินอยู่ไม่ได้สบาย แต่ทหารเป็นอาชีพที่มีเกียรติเพราะต้องปกป้องอธิปไตยและคอยช่วยเหลือประชาชน เวลากินก็ไม่ได้กิน เวลานอนก็ไม่นอน แต่พวกเราภูมิใจก็เกิดมาเป็นทหาร แม้รายได้เพียงน้อยนิดแต่การได้รับใช้ชาติมันมีค่ามากกว่าเงินทองเป็นไหนๆ

ขอเพียงเราเข้าใจพวกเขา

พวกเขาก็พอใจแล้วครับ

 

 

 

 

10255206_486685591460530_8986293165226142142_n.jpg

ถูกแก้ไข โดย ginger

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

จ้อ คำนาง..ปะทะ..จ้อ ตอแหล

ความลวงโลกของเจ้าลัทธิ

 

"...เมื่อ ครูไม่ใหญ่ออกอากาศเล่า Case study เรื่องกฎแห่งกรรมผ่าน DMC บอกว่า น.ส. จ้อ คำนาง ชาวพม่า ทุบตีแม่ แล้วร่างกายค่อย ๆ กลายเป็นหมา !! แต่ ปรากฎว่า ในภาพ ความจริงเป็นเพียง " รูปปั้น " งานศิลปะ ของ Roslyn Oxley...."

 

http://www.clipmass.com/story/54486

 

https://www.facebook.com/photo.php?fbid=460594803973488&set=a.348563378509965.92049.345282915504678&type=1&ref=nf

12682_587680647935866_1657610624_n.png

 

547775_587680471269217_2048367470_n.png

 

 

แฉธรรมกาย

Like This Page · September 19, 2013

 

 

 

ทำไม "ธรรมกาย" ถึงเป็นภัยต่อ "พุทธศาสนา" มากที่สุด

กรณีศึกษาจากการล่มสลายพุทธศาสนาในอินเดีย

 

********************************

ยาวหน่อยแต่ชาวพุทธต้องอ่าน

เพื่อไม่ให้ศาสนาถูกทำลาย

********************************

 

ท่านศังกราจารย์ เจ้าลัทธิไศวะ อัจฉริยะบุคคลผู้ที่สามารถล้มพุทธศาสนาลงได้ในแดนชมพูทวีป

 

ในบรรดาเจ้าลัทธิทั้งหลายบนโลกนี้ อาจกล่าวได้ว่าท่านศังกราจารย์เป็นเจ้าลัทธิที่มีอัจฉริยภาพมากที่สุดคนหนึ่ง ในประวัติศาสตร์ของโลกเลยทีเดียว เพราะลำพังการที่คนคนหนึ่งคิดจะก่อตั้งลัทธิอะไรขึ้นมาได้นั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แต่ท่านศังกราจารย์นั้นสามารถทำได้มากกว่านั้น ท่านสามารถที่จะดูดดึงศาสนิกชนชาวพุทธไปเป็นสาวกของตนเองได้อย่างแนบเนียน จนล้มพุทธศาสนาที่เป็นคู่แข่งลงได้ แล้วใช้เป็นฐานในการพัฒนาและปฏิรูปลัทธิใหม่ของตน จนสืบต่อมาได้อย่างยิ่งใหญ่และกลายเป็นศาสนาสำคัญของโลกในยุคปัจจุบันได้สำเร็จ

 

ท่านศังกราจารย์ นามจริงคือ ศังกระ หรือ อาทิ ศังกระ มีชีวิตอยู่ระหว่าง พ.ศ. 1331 - 1363 เป็นปราชญ์และนักการศาสนาชาวอินเดียใต้ เกิดที่เมืองเกราลา (Kerala) แต่ได้เดินทางโต้วาทะและเผยแผ่ลัทธิใหม่ของตนไปทั่วอินเดีย นับถือกันว่าเป็นองค์อวตารของพระศิวะ ศังกราจารย์เป็นผู้ประพันธ์คัมภีร์ปุราณะและคัมภีร์เวทานตะ อรรถกถาอธิบายลัทธิเวทานตะ และเป็นผู้ตั้งลัทธิอไทวตะเวทานตะ

 

ทำเนียนว่าบูชาพระพุทธเจ้า แต่ให้พระศิวะเป็นสิ่งสูงสุด อุปโลกน์ตนเป็นองค์อวตาร

 

ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ลัทธิใหม่ค่อยๆ ได้รับความนิยมจนกลืนพุทธศาสนาไปได้อย่างแนบเนียน ก็คือการใช้หลักของความเชื่อเหนือจริงที่เกินกว่าคนทั่วไปจะคิดได้ โดยอุปโลกน์ว่าตนนั้นเป็นองค์อวตารของพระศิวะ ในรูปของเรื่องเล่าและแต่งเป็นคัมภีร์ จนก่อเกิดเป็นลัทธิไศวะหรือศิวะอวตาร และแต่งคำสอนในลัทธิของตนให้มาเกี่ยวข้องกับพระพุทธเจ้าเสีย คือให้พระพุทธเจ้าเป็นปางที่ ๙ ของพระนารายณ์ ดังปรากฎในคัมภีร์ปุราณะ โดยกลอุบายอันแยบยลนี้พุทธศาสนิกชนที่มีมาอยู่แต่เดิม ก็กลายเป็นศาสนิกชนในลัทธิของท่านศังกราจารย์ไปด้วย

 

ในขณะเดียวท่านสังกราจารย์ก็มีความสามารถในการจัดตั้งและบริหารองค์กรเป็นอย่างมาก ก็ได้ก่อตั้งวัดและสังฆะของพระตามแบบในพุทธศาสนา โดยมุ่งเน้นการสั่งสมฝึกปรือกุลบุตรให้มาเป็นบุคลากรชั้นยอดของนักเผยแผ่ทั้งทางด้านบุคลิกภาพและความสามารถเป็นจำนวนมาก แล้วส่งกระจายไปแฝงตัวตามหัวเมืองต่างๆ เบื้องต้นได้ตั้งวัด(ที่เรียกว่า “มัฐ” หรือ “มะฐะ”) สาขาขนาดใหญ่ไว้ทั้งสี่ทิศเลียนแบบวัดในพระพุทธศาสนา เพื่อเรียกศรัทธาจากชาวบ้านและทำหน้าที่เป็นเสมือนศูนย์ระดมทรัพยากรในระดับภูมิภาค

 

ในด้านคำสอนและพิธีกรรมก็ได้มีการนำคำสอนและพิธีกรรมทางพุทธศาสนาเข้ามาปรับใช้แต่แปลงเปลี่ยนให้ไปในแนวทางลัทธิของตน ทำให้แทรกซึมเข้าไปสู่ชาวบ้านที่เป็นชาวพุทธอยู่แต่เดิมได้โดยง่าย จนเกิดการยอมรับนับถือมากขึ้นๆ ในขณะที่พระภิกษุสงฆ์ในพุทธศาสนาติดอยู่กับลาภยศสรรเสริญทรัพย์สินเงินทองความร่ำรวย อยู่ในเมืองใหญ่ๆ ละเลยวัดและชาวบ้านในชนบทที่ห่างไกล จึงทำให้ลัทธิศิวะอวตารนี้ค่อยๆ ยึดวัดในพุทธศาสนาของเดิมมาเป็นวัดในลัทธิของตนได้อย่างแนบเนียน

 

แต่ในมุมของชาวบ้านนั้น ไม่รู้สึกว่าพุทธศาสนาจะหมดหรือเสื่อมสูญไปตรงไหน เพราะยังได้ทำพิธีกรรมและบูชาพระพุทธเจ้าอยู่เช่นเดิม วัดก็ยังมีพระของลัทธิไศวะมาอยู่ประจำคอยทำพิธีกรรมให้ เพียงแต่เพิ่มการบูชาพระศิวะและเทพเจ้าองค์อื่นๆ เพิ่มขึ้นมา และยกย่องให้พระศิวะเป็นสิ่งสูงสุด และนับถือท่านศังกราจารย์ในฐานะเป็นองค์อวตารของสิ่งสูงสุด ศาสนิกชนชาวพุทธที่มีมาแต่เดิมจึงกลายไปเป็นสาวกของนิกายศิวะอวตารได้ด้วยความเต็มใจ

 

********************************

เหมือนธรรมโกยไหม ?

ทำเนียนว่าบูชาพระพุทธเจ้า แต่ให้ธัมมี่เป็นสิ่งสูงสุด

********************************

 

ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ลัทธิธรรมโกยค่อยๆ ได้รับความนิยมจนกลืนพุทธศาสนาไปได้อย่างแนบเนียน ก็คือการใช้หลักของความเชื่อเหนือจริงที่เกินกว่าคนทั่วไปจะคิดได้ โดยอุปโลกน์ว่าตนนั้นเป็นพระโพธิสัตว์ ที่มีบารมีสูงส่งกว่าพระสมณโคดม พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน โดยมีหน้าที่มาสร้างบารมี เพื่อรวบรวมกองทัพธรรมไปเกิดพร้อมกันในแดนโพธิสัตว์ชื่อ "ดุสิตบุรี" และจะลงมาเกิดเป็นมนุษย์เพื่อประกาศาสนาธรรมโกยพร้อมกันในภพหน้า โดยอ้างหลวงพ่อสด เป็นสิ่งหลอกล่อมวลชนแต่เมื่อเข้าภายในแล้วกลับยกย่องธัมมี่เหนือสิ่งอื่นใด และยังสร้างความเชื่อเกินจริงเช่น แม่ชีปัดระเบิดปรมณู

 

ในรูปของเรื่องเล่าและแต่งเป็นคัมภีร์ จนก่อเกิดเป็นลัทธิธรรมโกย และแต่งคำสอนในลัทธิของตนให้มาเกี่ยวข้องกับพระพุทธเจ้าเสีย คือ สถาปนาธรรมใหม่ เช่น “อายตนะนิพพาน”

 

ผลงานการวิจัยของ ดร.อภิญญา กล่าวว่า

 

1. สร้างภาพผู้นำศักดิ์สิทธิให้ "ธัมมี่" เหนือมนุษย์

2. ชวนขึ้นดอยฝึกสมาธิชั้นสูง จีวรสมภาร "ป่านสวิส"

3. ธรรมที่แท้ธรรมโกย สินค้าบุญวางขายเกลื่อน

4. นักบุญเฉพาะกิจ-ไดเร็กเซลล์ ใช้ดวงแก้วเครื่องหมายการค้า

5. ติวเข้มเทคนิคการขูดรีดบุญ มอบโล่เกียรติคุณผู้ทำเป้า

6. แข่งขันบุญ - ปลุกเร้าความวิเศษ โศกนาฏกรรมพระชั้นนำฆ่าตัวตาย

7. ถวายข้าวพระพุทธเจ้า-อรหันต์ ผ่านสื่อพระธัมมี-ชีจัน

8. คลั่งใคล้อำนาจศักดิ์สิทธิ์-ละเลยหลักธรรม เจ้าอาวาสเป็นองค์อวตาร

 

พระธรรมบทใหม่ "องค์พระธรรมโกยต้นธาตุ "

 

แรกเริ่มเดิมที ในห้วงจักรวาลมีแต่ความว่างเปล่า ต่อมามีธรรมโกยฝ่ายที่เรียกว่า "ฝ่ายขาว" และ "ฝ่ายดำ" เกิดขึ้นต่อมาต่างฝ่ายต่างเพิ่มจำนวนขึ้นทุกที และทำวิชชาหักล้างกันและกัน จากนั้น พระธรรมโกยฝ่ายขาว ก็ได้สร้าง "ภพ" ใหม่ และสร้าง "ต้นธาตุกายมนุษย์"ขึ้น ที่มีลักษณะคุณสมบัติคล้ายกายทิพย์เพื่อที่จะให้มาทำวิชชาปราบมาร แต่ต่อมาก็ถูกทำลายโดยฝ่ายดำ ทำให้ให้ฝ่ายขาวต้องถอยร่นลงมาอีก มาสร้างโลกมนุษย์ สงครามจึงเกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า ฝ่ายขาวก็จะส่งคนดีมาปราบมารเสมอ

 

ในยุคปัจจุบัน วีรบุรุษที่สำคัญของฝ่ายขาวก็คือหลวงพ่อสด และ ท่านธัมมี่นั้นเอง ธัมมี่ เป็นอวตารภาคหนึ่งของ "องค์พระธรรมโกยต้นธาตุ" ซึ่งหมายถึงต้นกำเนิดของสรรพสิ่ง รวมทั้งพระพุทธเจ้าด้วย.... ใหญ่ปะล่ะ

 

พอแค่นี้ .....

ความเพี้ยนของธรรมโกยที่พยายามจะปิดเบือนพระพุทธศาสนายังมีอีกนับไม่ท่วน.....

 

ภาระกิจต่อไปของธรรมโกย คือ เข้าหาผู้นำองค์กรรัฐและเอกชนต่างๆ เพื่อเข้าไปล้างสมองความเชื่อใหม่ แก่สมาชิก นักเรียน นักศึกษา อบรมครูทั่วประเทศ อันเป็นการปูทางเพื่อสถาปนาลัทธิใหม่

********************************

พุทธศาสนาในไทยกำลังมีภัย

********************************

 

พระพุทธเจ้าได้ตรัสถึง มูลเหตุที่ทำให้ พระศาสนาเสื่อม เพราะพระสัทธรรม เลอะเลือน ดังนี้:-

 

1) พวกภิกษุเล่าเรียน สูตรอันถือกันมาผิด ด้วยบทพยัญชนะ และความหมาย อันคลาดเคลื่อน.

 

2) พวกภิกษุ เป็นคนว่ายาก ไม่อดทน ไม่ยอมรับคำตักเตือน โดยความเคารพหนักแน่น.

 

3) พวกภิกษุที่เป็นพหูสูต คล่องแคล่ว ในหลักพระพุทธวัจนะ ทรงธรรม ทรงวินัย ทรงมาติกา (แม่บท) แต่ภิกษุเหล่านั้น ไม่ได้เอาใจใส่ บอกสอนใจความ แห่งสูตรทั้งหลาย แก่คนอื่นๆ เมื่อท่านเหล่านั้น ล่วงลับดับไป สูตรทั้งหลาย ก็เลยขาด ผู้เป็นมูลราก ไม่มีที่อาศัยสืบไป.

 

4) พวกภิกษุชั้นเถระ ทำการสะสมบริกขาร ประพฤติย่อหย่อน ในไตรสิกขา เป็นผู้นำ ในทางทราม ไม่เหลียวแล ในกิจแห่งวิเวก ไม่ปรารภความเพียร เพื่อถึงสิ่งที่ยังไม่ถึง เพื่อบรรลุสิ่งที่ยังไม่บรรลุ เพื่อทำให้แจ้ง ในสิ่งที่ยังไม่ทำให้แจ้ง ผู้บวชภายหลัง ได้เห็นพวกเถระ เหล่านั้น ทำแบบแผน เช่นนั้นไว้ ก็ถือเอา เป็นแบบอย่าง.

 

และยังทรงย้ำเสมอๆว่า พระพุทธศาสนา จะเสื่อมสูญจนหายไปนั้น มีเหตุที่สำคัญที่สุด เกิดจากพุทธบริษัท 4 ทั้งภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก และอุบาสิกา. จึงเป็นหน้าที่ของพุทธบริษัททุกคน ต้องร่วมกันรับผิดชอบ ในการสืบทอด พระพุทธศาสนานี้

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

 

แฉธรรมกาย

3 minutes ago

 

มรวคึกฤทธิ์กล่าวถึงระบบธุรกิจของธรรมกาย

 

ธุรกิจผู้ทำบุญ กับกลุ่มกัลยาณมิตร

แต่กระนั้นก็ตาม วัดพระธรรมกายกลับเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ ในปีเดียวกัน อันเป็นยุคทองของธุรกิจที่ดิน มูลนิธิธรรมกายถึงกับกระโดดลงมาทำโครงการอสังหาริมทรัพย์เอง มีโครงการบ้านจัดสรร และที่ดินอื่นๆ เกิดขึ้นมามากมาย ไปจนถึงบ้านพักให้เช่า ขายหนังสือ เสื้อผ้า ของที่ระลึก เทป และอุปกรณ์นั่งกลด ซึ่งประทับสัญลักษณ์ธรรมกาย เพื่อขายให้แก่บรรดาสาวกทั้งหลายที่ไปร่วมปฏิบัติธรรม

บริษัทต่างๆ ที่ทำธุรกิจในด้านนี้ ได้แก่ บริษัทดูแวค มีทุนจดทะเบียน ๑ ล้านบาท ประกอบธุรกิจพัฒนาที่ดิน บริษัทดีเวิลด์ มีทุนจดทะเบียน ๑ ล้านบาท ทำโครงการตะวันธรรม ประกอบธุรกิจพัฒนาที่ดิน บริษัทเอพริล ทุนจดทะเบียน ๓ ล้านบาท รับสัมปทานให้เช่าบ้านพักบนภูกระดึง จากกระทรวงเกษตรฯ ๓๐ ปี บริษัทดอกหญ้า ทุนจดทะเบียน ๕ แสนบาท บริษัทบ้านหนูแก้ว ประกอบธุรกิจขายหนังสือ เสื้อผ้า ของที่ระลึก บริษัทบัวบานการเกษตร ทุนจดทะเบียน ๑ ล้านบาท ทำโครงการตะวันทอง ประกอบธุรกิจพัฒนาที่ดิน บริษัทเมืองแก้วมณี ประกอบธุรกิจ โครงการอสังหาริมทรัพย์ คอนโดมิเนียมและอาพาร์ตเมนต์ บริษัทยูทาวน์ ทุนจดทะเบียน ๑๐ ล้านบาท ทำโครงการรัตนปุระ บริษัทดีวีเอ็น ประกอบธุรกิจบ้านจัดสรร ในนามโครงการวิภาวันวิลล่า และบริษัทธรรมกิจนิเวศน์ ทำโครงการกิจนิเวศน์ ประกอบธุรกิจบ้านจัดสรร ๑๑ นอกจากนั้น ยังมี กลุ่มกัลยาณมิตร ทำหน้าที่ออกไปบอกบุญจากธรรมทายาทที่ร่วมนั่งปฏิบัติธรรม เพื่อนำเงินมาสร้างลานธุงคสถานให้ใหญ่ที่สุดในโลก เช่น บอกบุญถวายผ้าป่า จัดสถานที่รับบริจาค เพื่อร่วมสร้างลานธุดงคสถาน และจัดพิมพ์วารสารกัลยาณมิตรแจกจ่ายไปยังสมาชิกทั่วประเทศ เพื่อเสริมสร้างและจรรโลงพุทธศาสนา และเพื่อสนองตอบความต้องการของสมาชิกที่ต้องการนิพพาน ซึ่งทางวัดได้กำหนดการรับบริจาคปัจจัยว่า เป็นกองทุนหนังสือกัลยาณมิตรเพื่อหลวงพ่อธัมมชโย โดยแบ่งจุดรับบริจาคไว้ดังนี้ คือ ๑.ในงานวันกฐิน หรือวันสำคัญทางศาสนา มีจุดรับบริจาคที่วัดพระ-ธรรมกาย ๑๕ จุด ๒.วันอาทิตย์ รับบริจาค ณ วัดพระธรรมกาย มี ๕ จุดตามป้ายประกาศ ๓.วันธรรมดา จันทร์–เสาร์ จะเปิดรับบริจาค ณ สำนักงานกัลยาณมิตร อาคารสมาคมศิษย์เก่า มหา-วิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และ ๔. ธนาณัติ ส่งไปที่วัดพระธรรมกาย ๑๒

 

เงิน-อำนาจ-อุดมการณ์ของธัมมชโย

และต่อมาในเดือนกันยายน พ.ศ. ๒๕๓๓ ทางวัดพระธรรมกายได้จัดโครงสร้างการทำงานใหม่อีกครั้งหนึ่ง ภายใต้การผลักดันของพระมโน เมตฺตานนฺโท มีการออกระเบียบ ประกาศ และขัอบังคับต่างๆ ให้กระจายอำนาจมากขึ้น แต่ในทางปฏิบัติ อำนาจก็ยังกระจุกตัวอยู่กับเจ้าอาวาส ทำให้เกิดความขัดแย้งส่วนบุคคลในระดับสูงขององค์กร จนท่านเมตตานันโทภิกขุต้องจรลีไปอาศัยอยู่วัดราชโอรสาราม เนื่องจากเกิดการแข่งขันกันทำงานให้เป็นที่โปรดปราน และได้ใกล้ชิดตัวเจ้าอาวาส(ซึ่งถูกสร้างภาพให้เป็นบุคคลพิเศษ) จนก่อให้เกิดความอึดอัด และตึงเครียดทางจิตใจ เป็นเหตุให้บางคนต้องลาออกไป แต่ก็มีบางรายที่ลงเอยด้วยโศกนาฏกรรม พระภิกษุรูปหนึ่ง(พระชิตชัย มหาชิโต)๑๓ ที่เป็นกำลังสำคัญในการก่อตั้งวัดมาตั้งแต่ต้น ได้ชื่อว่าอุทิศตนอย่างสุดจิตสุดใจ และเป็นที่รักเคารพยิ่งของชาวธรรมกายมรณภาพลงในวัด ด้วยการฆ่าตัวตาย หลังจากทุกข์ทรมานด้วยอาการเครียดของโรค Schizophrenia อย่างแรงที่ท่านพยายามปกปิดอยู่เป็นแรมปี๑๔

ขณะที่ภายในวัดเกิดความขัดแย้งขึ้นนั้น โครงการธรรมทายาท รุกคืบหน้าไปยังต่างจังหวัดอย่างต่อเนื่อง ขยายออกไปตามชมรมพุทธศาสตร์ของมหาวิทยาลัยต่างๆ สถาบันราชภัฏ และสถาบันเทคโนโลยีราชมงคลในส่วนภูมิภาค ปัจจุบันมีเครือข่ายมากถึง ๕๐ สถาบัน๑๕ จากนั้นในปี พ.ศ. ๒๕๓๔ ด้วยผลงานและความสัมพันธ์ที่ทางวัดสร้างไว้ ได้อำนวยประโยชน์ให้พระธัมมชโยเลื่อนสมณศักดิ์ จากพระราชาคณะชั้นสามัญ เป็น“พระสุธรรมยานเถร” และได้เลื่อนเป็นพระภาวนาวิริยคุณในปีถัดมา พอปี พ.ศ. ๒๕๓๖ รองเจ้าอาวาสได้รับรางวัลเสมาธรรมจักร ในฐานะผู้ทำคุณประโยชน์แก่พระพุทธศาสนา จากพระเทพรัตนราชสุดาสยาม-บรมราชกุมารี๑๖ ขณะที่อะไรดูจะสดใสง่ายไปทุกอย่าง ก็เกิดข่าวอื้อฉาว กรณีนายสอง วัชรศรีโรจน์ ถูกตรวจสอบเรื่องปั่นหุ้น ว่ามีส่วนโยงใยกับวัดพระธรรมกาย๑๗

พอในปีต่อมา(๒๕๓๗) มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตเชียงใหม่ ได้มอบปริญญาพุทธศาสตร์ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ แก่เจ้าอาวาส๑๘ ซึ่งมีความโลภเป็นเจ้าเรือนอยู่แล้ว ยิ่งทะยานอยากไม่รู้จักพอ จึงได้แสวงหาการยอมรับในแวดวงมหาวิทยาลัย โดยให้สมาชิกฆราวาสระดับแกนนำกลุ่มกัลยาณมิตรในจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นกรรมการอยู่ในคณะกรรมการส่งเสริมมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เสนอชื่อเจ้าอาวาส และรองเจ้าอาวาส ให้ได้รับปริญญาดุษฎีกิตติมศักดิ์ สาขาศิลปศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ แต่ไม่ผ่านการพิจารณา เนื่องจากมหาวิทยาลัยไม่มีนโยบายมอบปริญญากิตติมศักดิ์แด่พระภิกษุ๑๙

ต่อมาในปี ๒๕๓๘ วัดพระธรรมกายได้ขยายฐานออกไปยังนานาชาติ จัดตั้งศูนย์กัลยาณมิตรที่โตเกียว ไต้หวัน และฮ่องกง ศูนย์เหล่านี้มีการจัดกิจกรรมในลักษณะเดียวกับที่ประเทศไทย ทั้งสอนสมาธิ จัดอบรมเยาวชนภาคฤดูร้อน โดยจัดส่งพระภิกษุและเจ้าหน้าที่ไปกำกับดูแล๒๐ อย่างใกล้ชิด นอกจากนั้น ยังขยายฐานต่อไปยังออสเตรเลีย ฝรั่งเศส เบลเยี่ยม อังกฤษ และสหรัฐอเมริกา ปัจจุบันวัดพระธรรมกายมีวัดสาขาในต่างประเทศจำนวน ๑๓ แห่ง ใน ๙ ประเทศ และมีศูนย์ถ่ายทอดเสียงการสอนปฏิบัติธรรม จากประเทศไทยผ่านระบบเครือข่ายอินเตอร์เนต จำนวนเกือบ ๑๐๐ แห่งทั่วโลก๒๑ และในปีเดียวกันนั้นเอง เจ้าอาวาสได้เลื่อนสมณศักดิ์ชั้นราช จากพระภาวนาวิริยคุณ เป็น “พระราชภาวนาวิสุทธิ์” พอปีถัดมา(๒๕๓๙) ทางวัดได้จัดพิธีทอดกฐิน เป็นครั้งแรก พร้อมกันที่โตเกียว และไทเป เฉพาะที่โตเกียวแห่งเดียว วัดสามารถระดมสาธุชนได้ถึง ๔๐๐ คน ที่ไทเป มีคนร่วมงานราว ๕๐ คน๒๒ ส่วนในด้านเมืองไทย วัดพระธรรมกายได้เปิดตัวโครงการมหาธรรมกายเจดีย์ มีการตอกเสาเข็ม เทฐานราก เร่งก่อสร้างให้เสร็จในปี ๒๕๔๓ และเป็นจุดเริ่มต้นที่ทางวัดโหมระดมทุน เพื่อสร้างมหาธรรมกายเจดีย์ โดยให้บริษัทดีเวิลด์ อินเตอร์เนชั่นแนล ดูแลการผลิตพระมหาสิริราชธาตุ โดยผลิตออกมา ๔ รุ่นด้วยกัน กล่าวคือ รุ่นดูดทรัพย์ พระคะแนนสุดๆ พระคะแนนสุดฤทธิ์สุดเดช และพระมหาสิริราชธาตุ ตั้งเป้าไว้สำหรับพระธรรมกายประจำองค์เพลที่ ๑ จำนวน ๘๔,๐๐๐ องค์ มีตั้งแต่ราคา ๑๐,๐๐๐ – ๓๐,๐๐๐ บาท ขึ้นอยู่กับจะนำไปประดิษฐานบริเวณชั้นนอก ชั้นกลาง หรือชั้นในของเจดีย์ เมื่อจำหน่ายได้ตามเป้าหมาย ทางวัดจึงได้ปรับยอดการผลิตเพิ่มขึ้นจากเดิมเป็น ๓๐๐,๐๐๐ องค์ ๗๐๐,๐๐๐ องค์ และ ๑,๐๐๐,๐๐๐ องค์ ตามลำดับ๒๓

See Translation

 

10007465_679301605440436_8471031644656540954_n.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...