ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
ginger

ใบไม้ผลิบนดวงจันทร์

โพสต์แนะนำ

10172600_658052764265244_1771342305178033585_n.jpg

 

ดินไม่ดี น้ำไม่ดี ดินไม่มีจุลินทรีย์ ดินไม่อุ้มน้ำ เวลาที่มี ทำอะไร ???

>>>แนะนำ ถ่านชีวภาพ Biochar

ฟรีดาวน์โหลดคู่มือ การทำเตาเผาถ่าน

http://goo.gl/o1Wbu9

http://goo.gl/V5E1dL

 

คิดได้ ทำได้ ได้ทันที ไม่มีเงื่อนไข

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

10291768_593432497430589_4916561171022219228_n.jpg

 

 

 

 

 

 

ชมรมคนรักในหลวง

1 hr ·

 

http://goo.gl/B3ca3v พริกสีม่วง..สีสวย รวยคุณค่าทางอาหาร .. พริกขี้หนูม่วงให้รสชาติที่ไม่แตกต่าง ..

พยายามสังเกตให้มีความแตกต่าง ก็เห็นจะเป็นเพียงกลิ่นหอมที่เพิ่มขึ้นมา....

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

tnews_1398230592_7816.jpg

"นพ.เหรียญทอง" สุดทน!! ประเดิมเก็บขยะแผ่นดินคดีแรกแจ้งความเอาผิด "โรส" หมิ่นเบื้องสูง icon_hot.gif

นพ.เหรียญทอง เข้าแจ้งความดำเนินคดี "โรส-ฉัตรวดี" ข้อหาหมิ่นเบื้องสูง พร้อมหลักฐานคลิปวีดีโอ 3 ชุด ชี้คดีนี้ถือว่าเป็นคดีแรกที่องค์กรเก็บขยะแผ่นดินดำเนินการ ลั่นตามเก็บคดีหมิ่นเบื้องสูงที่ค้างเก่า

 

 

 

tnews_1398228827_7208.jpg

ภาพเต็มๆ "กำนันสุเทพ" นำคึก!! พามวลชนถึง "กฟน." -พนง.แห่รับตั้งแต่หน้าประตู !! icon_hot.gif

"กำนันสุเทพ" นำมวลชน กปปส.ถึงที่หมาย การไฟฟ้านครหลวง สำนักงานใหญ่แล้วเพื่อเชิญชวนร่วมปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง ขณะพนักงานแห่ออกมาต้อนรับตั้งแต่ประตูทาง

 

 

 

 

tnews_1398230073_575.jpg

ยังไม่หยุด!! "กองทัพงูเห่า" ต่อคิวเข้าบ้านหนุ่มสุพรรณฯ ตีดับอีก 6 ตัว -ลือแซ่ดงูอาฆาต !! icon_hot.gif

กองทัพงูเห่ายังบุกบ้านครอบครัวหนุ่มสุพรรณฯ ไม่หยุด ล่าสุดตีตายอีก 6 ตัว รวม 29 ตัว ขณะเพื่อนบ้านหาวิธีป้องกัน ลือหนักเป็นความอาฆาตของงู ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญเชื่อ อาจอยู่ใกล้จุดที่งูวางไข่

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

 

 

427136_3555753288563_565324226_n.jpg

10274283_631308566954219_2634324902879116541_n.jpg

 

 

ยิง 'ไม้หนึ่ง' กวีเสื้อแดงเจ็บสาหัส !!

หามส่ง รพ. ล่าสุด เสียชีวิตแล้ว

ด้าน ตร.เร่งเข้าตรวจสอบ

23 เม.ย.57 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 14.10 น.ที่ผ่านมา เกิดเหตุคนร้ายไม่ทราบจำนวน ใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิด ยิงใส่ "ไม้หนึ่ง ก.กุนที" หรือ นายกมล ดวงผาสุก กวีเสื้อแดง บริเวณลานจอดรถหน้าร้านอาหารครกไม้ไทยลาว ซ.ลาดปลาเค้า 24 เขตลาดพร้าว

 

โดยผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า ภายหลังที่นายกมลรับประทานอาหารเสร็จ และอยู่ระหว่างการเดินไปเอารถที่ลานจอดรถ มีเสียงดังขึ้นประมาณ 5 - 6 นัด เมื่อตามออกไปดูพบว่านายกมลนอนแน่นิ่งฟุบอยู่กับพื้น ร่างจมกองเลือด ทั้งนี้ นายกมลได้ถูกนำส่งโรงพยาบาลเมโย โดยแพทย์ได้นำเข้ารักษาในห้องฉุกเฉิน

ด้าน พล.ต.ต.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) กล่าวว่า ยังไม่ได้รับรายงานจากเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ แต่เมื่อทราบเรื่องจากผู้สื่อข่าวแล้ว ก็จะสั่งการให้เจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบบริเวณดังกล่าวทันที

ทั้งนี้ "ไม้หนึ่ง ก.กุนที" เป็นชาว อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม จบปริญญาตรีจากคณะจิตรกรรม มหาวิทยาลัยศิลปากร สร้างชื่อเสียงจากการที่มีบทกวีตีพิมพ์ใน มติชนสุดสัปดาห์ ต่อเนื่องหลายปี และเป็นกวีขวัญใจคนเสิ้อแดง

ล่าสุด มีรายงานข่าวว่า

นายกมล ได้เสียชีวิตแล้ว

====

 

 

เจอแล้ว...เจอแล้ว

ไอ้เครื่องนี้นี่เอง!!!!

ที่ใช้เปลี่ยนคนให้เป็น..ควาย

ฟอกไพร่ให้เป็น....ทาสได้

 

คนที่จะได้ผ่านเครื่องนี้

ต้องเป็นพวกละโมบ โลภมาก

และมีคุณสมบัติพิเศษ...

คือ “ตอแหล” เป็นเลิศ

และ “เลียเก่ง” ขั้นเทพเท่านั้น

ผ่านเครื่องนี้แล้ว....

จะพูดจาไม่เป็นภาษาคน..

จำความจริงไม่ได้

เห็นผิดเป็นชอบ

เห็นคนชั่วเป็นพระเจ้า

และกลายเป็นทาส...ตระกูลชิน

ไปตลอดชีวิต...เอาไม๊...เอาไม๊

 

 

 

 

10295427_10202655004148819_2997963630485419361_o.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

10306955_628584320553103_1065945142_n.jpg?oh=09e45da500811fffa3e24072c9f073f2&oe=53592574&__gda__=1398367409_78e6659657dba93324cb8fb253173b2b

 

1907282_671041409627633_612651651193480361_n.jpg

 

 

10262052_1415313678734076_4250607457448332410_n.jpg

 

10257749_671056769626097_5909382403745064743_n.jpg

 

 

10255194_329849457170965_779345628679993960_n.jpg

 

10169246_671073789624395_1686308085063542028_n.jpg

 

10167917_671059576292483_2182843797960923832_n.jpg

Cr ปู จิตกร บุษบา

 

"หากผมอายุเท่าอุกฤษและชัยเกษม ผมจะอยู่ข้างประชาชน ออกแบบค่ายกลป้องกันโจรและเหี้ยเข้าปล้นบ้านปล้นเมือง ในฐานะนักกฎหมาย จะเอาความรู้ทางกฎหมายมาช่วยประเทศชาติและประชาชน จะไม่ยอมให้ใครมองอย่างเคลือบแคลงว่า “ไอ้แก่นี่ช่วยโจร” เป็นอันขาด..."

 

นี่คือปณิธานที่ขอประกาศ...

=====

 

1902892_670838682981239_966353745656525099_n.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

10269410_670707466327694_3453301513921900801_n.jpg

จับพระวัดธรรมกายขนต่างด้าวอ้างพาไปทำบุญ

 

เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองแม่สอดจับพระสงฆ์ใช้รถตู้ขนชาวต่าวด้าวนุ่งขาวห่มขาว.......

 

พระสงฆ์ที่เดินทางมาด้วยให้การว่า จะนำบุคคลต่างด้าวทั้งหมดไปปฎิบัติธรรมวิปัสนาที่วัดพระธรรมกาย จากนั้นจะเดินทางต่อไปยังศูนย์ศึกษาธรรมวัดเขาแก้วเสด็จ ต.บ้านนา อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี เพื่อทำงานเป็นคนปรุงประกอบอาหารและ ทำสวนตกแต่งตัดต้นไม้และก่อสร้างในวัด โดยทุกคนจะมีค่าจ้างในการขายแรงงานคนละ 170-200 บาท

รายละเอียด

: http://bit.ly/1pnMYLR

 

10170932_616777225066235_2283991123841382293_n.jpg

ละเมิดพระลิขิตพระสังฆราช

 

 

ในการประชุมครั้งต่อมา มหาเถรสมาคมได้มีมติในที่ประชุมให้ดำเนินการตามแนวทางเดิม พร้อมกับมอบเอกสารข้อมูลต่างๆ ให้กรรมการมหาเถรสมาคมไปศึกษาเพิ่มเติม ส่วนด้านรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ให้เพิ่มประเด็นการถือครองที่ดินของธัมมชโย เข้าในที่ประชุมมหาเถรสมาคม ในวันที่ ๑๙ มี.ค. ๔๒ แต่ที่ประชุมให้เลื่อนการพิจารณาออกไป โดยอ้างว่ากรรมการฯ บางรูปอ่านเอกสารไม่จบ ๒๘ ในที่สุดสมเด็จพระสังฆราชได้มีพระลิขิตออกมาว่า

 

“การโกงสมบัติผู้อื่น ตั้งแต่ ๕ มาสกขึ้นไป คือประมาณไม่ถึง ๓๐๐ บาทในปัจจุบัน ภิกษุต้องอาบัติปาราชิก ฐานผิดพระธรรมวินัย พ้นจากความเป็นพระทันที ในกรณีนี้ ไม่ว่าจะมีผู้รู้เห็นหรือไม่ ไม่ว่าจะมีการสั่งให้สึก ไม่ว่าจะมีการจับสึก หรือไม่ก็ตาม ภิกษุผู้ละเมิดพระธรรมวินัยข้อนี้ ต้องอาบัติปาราชิก พ้นจากความเป็นพระโดยอัตโนมัติ…”

 

ที่ประชุมมหาเถรสมาคม ได้พิจารณาพระลิขิตฉบับนี้อย่างกว้างขวาง พร้อมกับมอบหมายให้พระพรหมโมลีดูแล ติดตามหนังสือตอบรับปฏิบัติตามของวัดพระธรรมกาย แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่านี้ ในที่สุด สมเด็จพระสังฆราช ทรงมีพระลิขิตออกมาอีกครั้ง เป็นฉบับที่ ๒ ลงวันที่ ๕ เม.ย. ๔๒ ว่า

 

“ความบิดเบือนพระพุทธธรรมคำทรงสอน โดยกล่าวว่าพระไตรปิฎกบกพร่อง เป็นการทำให้สงฆ์ที่หลงเชื่อคำบิดเบือน แตกแยกออกไป กลายเป็นสอง มีความเข้าใจ ความเชื่อถือพระพุทธศาสนาตรงกันข้าม เป็นการทำลายพระพุทธ-ศาสนา ทำสงฆ์ให้แตกแยก

 

ส่วนที่มิใช่เป็นการลงโทษ แต่เป็นการทำที่ถูกต้อง คือต้องมอบสมบัติทั้งหมดที่เกิดขึ้นในขณะเป็นพระให้แก่วัด ทันที”

 

แม้ว่าสมเด็จพระสังฆราช ทรงมีพระลิขิต ออกมาอีกฉบับก็ตาม ที่ประชุมมหาเถรสมาคมดู จะเฉยเมย เพียงมอบพระลิขิตสมเด็จพระสังฆราช ให้กับเจ้าคณะภาค ๑ เท่านั้น และให้เจ้าคณะภาค ๑ รายงานเจ้าคณะหนกลางทราบ กระทั่งปลาย เดือนเมษายน ๔๒ วันที่ ๒๖ สมเด็จพระสังฆราช ทรงมีพระลิขิตออกมาเป็นฉบับที่ ๓ เพิ่มเติมจาก ฉบับก่อนว่า

 

“ไม่คิดให้มีโทษ เพราะคิดในแง่ยกประโยชน์ ให้ ว่าในขั้นต้นอาจมิใช่มีเจตนาถือเอาสมบัติ ของวัดเป็นของตนจริงๆ แต่เมื่อถึงอย่างไรก็ ไม่ยอมมอบคืนสมบัติทั้งหมดที่เกิดขึ้นในขณะเป็น พระ ให้แก่วัด ก็แสดงชัดแจ้ง ว่าต้องอาบัติปาราชิก ต้องพ้นจากความเป็นสมณะโดยอัตโนมัติ ต้องถูก จัดการอย่างเด็ดขาด เช่นเดียวกับผู้ไม่ใช่พระ ปลอมเป็นพระ ด้วยการนำผ้ากาสาวพัสตร์ไปครอง ทำ ความเศร้าหมองเสื่อมเสีย ให้เกิดแก่สงฆ์ใน พระพุทธศาสนา”

 

หลังจากพระลิขิตฉบับนี้ออกมา มีการสร้างข่าวว่าเป็นพระลิขิตปลอม สร้างความสับสนให้แก่สังคม อีกทั้งการดำเนินการฝ่ายสงฆ์ก็ไม่มีความคืบหน้าจนสมเด็จพระสังฆราชมีพระลิขิตออกมาอีกว่า

 

“ในกรณีเกี่ยวกับเรื่องวัดพระธรรมกาย เราได้ทำหน้าที่ของสมเด็จพระสังฆราชสมบูรณ์ตามอำนาจแล้ว จึงไม่มีอะไรจะพูดอีกขณะนี้

 

ขออนุโมทนาทุกท่านที่สนใจห่วงใยพระพุทธศาสนา แสดงความเป็นคนดี ด้วยมีกตัญญูกตเวทิตาธรรม”

 

และต่อมาที่ประชุมคณะรัฐมนตรี มีมติให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ อารักขาสมเด็จพระ-สังฆราช ให้กระทรวงศึกษาธิการ และกรมการศาสนา ดำเนินทุกวิถีทางเพื่อสนองพระบัญชาสมเด็จพระสังฆราช และให้กรมที่ดิน อำนวยความสะดวกแก่เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ในกรณีโอนที่ดิน ในชื่อเจ้าอาวาสเป็นของวัด และในช่วงเวลาไล่เลี่ยกันนั่นเอง สมเด็จพระสังฆราชได้มีพระลิขิตออก แจ้งให้แก่ที่ประชุมมหาเถรสมาคม ในวันที่ ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๔๒ ว่า

 

“ได้แจ้งให้เป็นที่เข้าใจชัดเจนดีทั่วกันแล้วก่อนหน้านี้ ว่าในตำแหน่งผู้เป็นสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ได้ทำหน้าที่เกี่ยวกับเรื่องอดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย เพื่อเทิดทูนรักษาพระพุทธศาสนาให้พ้นถูกทำลาย สมบูรณ์ที่สุดแล้วตามอำนาจ

 

ท่านกรรมการมหาเถรสมาคมทั้งหลายจะทำอะไรต่อไปตามความต้องการ จะไม่มานั่งรับรู้รับฟังในที่ประชุมวันนี้ ที่ ๑๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๒”

 

พระลิขิตฉบับนี้เป็นฉบับที่สุดท้าย ที่สมเด็จพระสังฆราช ได้ทำหน้าที่ของท่านในฐานะประมุขสงฆ์ ขณะที่ผองชนต่างเฝ้ารอคำพิจารณาจากที่ประชุมมหาเถรสมาคมว่า จะยุติปัญหาวัดพระธรรมกายลงได้ เมื่อมติมหาเถรสมาคมออกมาไม่ชัดเจน ต่อการดำเนินการกับวัดพระธรรมกาย จึงทำให้มหาชนที่เฝ้ารอผลพิจารณาของมหาเถรสมาคมไม่พอใจ จนพระธรรมปิฎก ได้ออกมาสัมภาษณ์ เตือนสติสังคมไทย และให้มหาเถรสมาคม แสดงจุดยืนที่ชัดเจนต่อการแก้ไขปัญหาวัดพระธรรมกาย โดยคำนึงถึงพระธรรมวินัยเป็น

 

หลักหลังจากนั้นมาไม่กี่วัน ธัมมชโยได้ส่งตัวแทนนำโฉนดที่ดินจำนวน ๕ แปลง มาแสดงให้กรมการศาสนาตรวจสอบ เพื่อลดกระแสสังคมที่ร้อนแรงอยู่ในเวลานั้น แต่ก็ไม่สามารถโอนได้ เนื่องจากเอกสารไม่ครบ ต่อมาตัวแทนธัมมชโยเข้าหารือกับกรมการศาสนา และกรมที่ดิน ยืนยันที่จะมอบที่ดินแก่วัดพระธรรมกายให้ครบ ภายใน ๗ วัน (๑๘–๒๕ พ.ค. ๔๒) ส่วนที่ดินแปลงอื่น ทางวัดอ้างว่าต้องปรึกษาผู้บริจาคก่อน และจะทำการโอนให้ภายใน ๓๐ พ.ค. ๔๒ พร้อมกันนั้น กรมการศาสนาได้ตั้งคณะกรรมการแก้ไขปัญหาวัดพระธรรมกาย และคณะอนุกรรมการ อีก ๑ ชุด เพื่อพิจารณาเรื่องที่ดิน และพระธรรมวินัย ๒๙

 

ทางฝ่ายมหาเถรสมาคม เวลาล่วงเลยมาครึ่งค่อนปี ก็ยังไม่มีอะไรคืบหน้า ซ้ำยังพยายามตั้งอนุกรรมการขึ้นมา ทำหน้าที่ติดตามมติของมหาเถรสมาคม ส่วนกรมการศาสนา หลังจากตั้งคณะกรรมการแก้ไขปัญหาวัดพระธรรมกายขึ้นมาแล้ว ได้มอบหมายให้ นายมาณพ พลไพรินทร์ ยื่นข้อกล่าวหาธัมมชโย อาบัติปาราชิก กรณีที่ดิน และบิดเบือนหลักพระธรรมคำสอน ให้มีการสอบสวนอธิกรณ์ แต่ที่ประชุมมหาเถรสมาคมอ้างว่า ให้รอศาลสงฆ์พิจารณาก่อน ๓๐

 

ต่อมาวันที่ ๑ มิ.ย. ๔๒ ผู้แทนธัมมชโยแจ้งไม่ยอมโอนที่ดิน โดยให้เหตุผลว่า ต้องรอศาลสงฆ์ที่ดำเนินการอยู่ในขณะนี้ได้ข้อยุติก่อนจึงจะโอน จนเป็นเหตุให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการไม่พอใจ มอบหมายให้กรมการศาสนาออกจดหมายถึงธัมมชโย ให้รีบโอนที่ดิน ๑,๗๔๗ ไร่ ๒ งาน ๘๗ ตาราวา ในเขตพื้นที่ ๑๕ จังหวัดคืนให้แก่วัดพระธรรมกาย ภายในวันที่ ๑๐ มิ.ย. ๔๒ เมื่อถึงเวลากำหนด ธัมมชโยได้ให้ตัวแทนโอนที่ดินเพียง ๑๒ แปลง รวม ๓๐๔ ไร่ ในพื้นที่ จ.ชลบุรี จันทบุรี และลพบุรี เท่านั้น จนในที่สุดรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ จึงสั่งให้ดำเนินคดีกับธัมมชโย ๓ ข้อหา คือ ๑.) แจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงาน ๒.) เป็นเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์ และ ๓.) เป็นเจ้าพนักงานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ๓๑ ขณะเดียวกัน ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนขึ้นมาอีก ๑ ชุด เพื่อติดตามกรณีที่ดินวัดพระธรรมกาย ส่วนมหาเถรสมาคมไม่ได้นำกรณีวัดพระธรรมกายมาพิจารณาในที่ประชุมในเดือนมิถุนายนแต่อย่างใด

 

จากการยื่นข้อกล่าวหาของนายมาณพ พลไพรินทร์ และนายสมพร เทพสิทธา ก่อนหน้านี้ ได้มีการถกเถียงกันอย่างกว้างขวางต่อการพิจารณาของพระพรหมโมลีที่ว่า “ฆราวาสไม่สามารถฟ้องพระได้” กระทั่งในวันที่ ๑๕ ส.ค. ๔๒ ที่ประชุมมหาเถรสมาคม มีมติออกมาอีกครั้งว่า “ฆราวาสสามารถฟ้องพระได้” และให้พระพรหมโมลี ทำหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษรชี้แจงเหตุผลให้ชัดเจนต่อที่ประชุมคราวหน้า

 

และต่อมาในวันที่ ๒๕ สิงหาคม ๒๕๔๒ ธัมมชโย เข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวนที่วัดชนะสงคราม ในคดีฉ้อโกง และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และได้รับประกันตัวไปในวงเงิน ๒ ล้านบาท ส่วนในด้านที่ประชุมมหาเถรสมาคม วันที่ ๒๓, ๒๕ ส.ค. และวันที่ ๑๔ ,๒๐ ก.ย. ๔๒ ก็ยังไม่ดำเนินการอะไรให้ก้าวไปกว่าที่แล้วมา มิหนำยังประวิงเวลา ด้วยการปรับปรุงมติของที่ประชุมบ้าง ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเสนอความเห็นบ้าง หรือมีการหยิบยกประเด็นอื่นขึ้นมาพิจารณาแทนเรื่องวัดพระธรรมกายบ้าง เป็นต้น

 

ส่วนภาคประชาชนขณะนั้น ได้มีการเคลื่อนไหวมาอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ทำปัพพาชนียกรรมที่วัดสวนแก้ว รวบรวมรายชื่อถวายกำลังใจและสนับสนุนพระลิขิตของสมเด็จพระสังฆราช เล่นละครเตือนสติมหาเถรสมาคมที่วัดสระเกศ เปิดเวทีอภิปรายที่สนามหลวง ตลอดจนสัมมนาอภิปรายให้ความรู้กับประชาชน ตามวัด มหาวิทยาลัยต่างๆ หรือแม้ในรัฐสภา ก็มีการจัดสัมมนา อภิปราย อย่างต่อเนื่อง นอกจากนั้น ยังมีกลุ่มต่างๆ ผุดขึ้นมาเคลื่อนไหว ประท้วงให้ดำเนินการกับธัมมชโยขั้นเด็ดขาด อาทิ กลุ่มธรรมาธิปไตย ชมรมพระเครื่อง กลุ่มแม่บ้านจังหวัดนครปฐม ตลอดจนคณาจารย์พิเศษ มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร.) วิทยาเขตภาคเหนือ วัดสวนดอก จังหวัดเชียงใหม่ ที่ออกมาแสดงจุดยืนของตน โดยลาออกจากการเป็นอาจารย์พิเศษ หากมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วัดสวนดอก ไม่แสดงจุดยืนชัดเจนต่อเรื่องวัดพระธรรมกายในต้นเดือนตุลาคม

 

ส่วนด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจ หลังจากสอบสวนติดตามกรณีที่ดินมาระยะหนึ่ง ได้ยื่นสำนวนคดีให้อัยการสั่งฟ้องธัมมชโย และนายถาวร พรหมถาวร ๒ ข้อหาด้วยกัน กล่าวคือ เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และเป็นเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์ ในวันที่ ๓ ต.ค. ๔๒ แต่ธัมมชโยอ้างว่าไม่สบาย ไม่มามอบตัว อัยการจึงส่งแพทย์โรงพยาบาลตำรวจไปตรวจถึงที่วัด ปรากฏว่า อาการปกติ จึงได้นำธัมมชโยเข้ามอบตัวกับอัยการ

 

ต่อมาวันที่ ๑๙ ต.ค. ที่ประชุมมหาเถรสมาคมได้พิจารณาความเห็นของพระพรหมโมลีอีกครั้ง และมีมติออกมาว่า ฆราวาสฟ้องพระได้ และให้เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี ทำหนังสือเรียกตัวธัมมชโยมารับฟังข้อกล่าวหาในวันที่ ๑๐ พ.ย. ๔๒ และอายัดบัญชีเงินฝากเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ปรากฏว่า ธัมมชโยไม่ยอมมาพบ เพียงแต่ส่งตัวแทนนำหนังสือแจ้งปฏิเสธข้อกล่าวหา โดยอ้างว่า อธิกรณ์ถึงที่สุดในวันที่ ๑๓ ส.ค. ๔๒ ที่ผ่านแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องมารับฟังข้อกล่าวหาอีก พร้อมกันนั้น ธัมมชโยได้ทำหนังสือถึงเจ้าคณะตำบลคลองหลวง ขอลาออกจากการเป็นเจ้าอาวาสเพื่อพักรักษาตัว และเสนอให้พระเผด็จ ทตฺตชีโว รักษาการเจ้าอาวาสแทน แต่เจ้าคณะตำบล และเจ้าคณะอำเภอคลองหลวง ไม่อนุญาตให้ลาออก เนื่องจากเห็นว่าจะทำความเสียหายแก่คณะสงฆ์ และการศึกษาของภิกษุสามเณร จึงได้ส่งหนังสือต่อไปยังเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานีพิจารณา และเห็นว่า การกระทำของเจ้าคณะตำบลไม่ถูกต้อง ขัดกับกฎนิคหกรรม จึงได้ดำเนินการสั่งปลดเจ้าคณะตำบลออกจากตำแหน่ง

 

ส่วนทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ตั้งคณะทำงานตรวจสอบหนังสือ “เปิดโปงขบวนการล้มพุทธ” และสอบประวัติ “ดร.เบญจ์ บาระกุล” อีกชุดหนึ่ง และในวันที่ ๑๒ พ.ย. ๔๒ เจ้าหน้าที่สอบสวนได้ยื่นฟ้องธัมมชโยต่ออัยการ อีก ๒ ข้อ คือยักยอกทรัพย์ และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ เกี่ยวกับการกว้านซื้อที่ดิน ๙๐๒ ไร่เศษ จังหวัดเพชรบูรณ์ พร้อมกับผู้ต้องหาซึ่งเป็นสาวกอีก ๓ คน ในข้อหาเป็นผู้สนับสนุนให้เจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์ เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ

 

เหตุการณ์วัดพระธรรมกายที่กล่าวมาเบื้องต้น เป็นเพียงส่วนหนึ่งของความเคลื่อนไหวฝ่ายต่างๆ ซึ่งยังไม่มีทีท่าว่าจบลงเมื่อไหร่ แม้จะมีวิญญูชนหลายท่าน คอยเตือนสติสำนักนี้มาอย่างแยบคาย และนมนานแล้วก็ตาม แต่ความวิปริตของเขาแก่กล้าขึ้นเรื่อยๆ จนมิจฉาทิฐิแสดงออกอย่างประจักษ์แจ้งแก่สาธารณชน ดังปรากฏเห็นได้ชัดในขณะนี้ และอดีตที่ผ่านมา ถึงกับละลาบละล้วงลามปามจาบจ้วงสมเด็จพระสังฆราช ฝ่าฝืนมติมหาเถรสมาคม โกหกหลอกลวงประชาชน นี้ยังไม่รวมไปถึงทำพระวินัยให้วิปริต และประพฤติวิปริตจากพระธรรมวินัย ซึ่งร้ายแรงไม่ยิ่งหย่อนกว่าการจาบจ้วงสมเด็จพระสังฆราช และฝ่าฝืนมติมหาเถรสมาคม พฤติกรรมเช่นนี้ของเจ้าอาวาส และรองเจ้าอาวาส รวมถึงบรรดาสาวกทั้งหลาย ซึ่งอ้างตนว่าดำรงอยู่ในสมณเพศ และอ้างตนว่ารักษาศีลอย่างเคร่งครัดนั้น เขาปฏิบัติกันเยี่ยงเดียรถีย์โดยไม่มีหิริโอตตัปปะกระนั้นหรือ..!

 

การดำรงตนอยู่ในสมณเพศนั้น นอกจากพระธรรมวินัยที่พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้ชัดเจนแล้ว พระพุทธองค์ยังทรงวางหลักเกณฑ์ในการตัดสินธรรมและวินัย อีกว่า คำสอนไหนเป็นธรรมเป็นวินัยที่พระพุทธองค์ทรงสอน และคำสอนไหนไม่เป็นธรรมไม่เป็นวินัยที่พระพุทธองค์ไม่ทรงสั่งสอน ซึ่งเราสามารถพิจารณาเทียบเคียงกันง่ายๆ ไม่ซับซ้อน โดยจับเอาวัตถุประสงค์หรือจุดมุ่งหมายเป็นสำคัญ กล่าวคือ ธรรมเหล่าใดเป็นไปเพื่อความคลายกำหนัด หมดเครื่องผูกรัดไม่พอกพูนกิเลส มักน้อย สันโดษ มีความสงัด ประกอบความเพียร และเพื่อความเลี้ยงง่าย ธรรมเหล่านั้น เป็นคำสอนของพระศาสดา สมณวิสัยของสาวกสงฆ์ และสมมติสงฆ์ในครั้งพุทธกาลและหลังพุทธกาล มีวิถีปฏิบัติที่ชัดเจนเช่นนี้มาตลอด ผู้ที่อ้างตนว่าเป็นพระสงฆ์นุ่งสบงทรงจีวรอย่างดี มีอาหารรสเลิศรับประทาน สะสมสมบัติพัสถาน อาคารที่ดินเป็นพันๆ ไร่ ตรงข้ามกับคำสั่งสอนของพระบรมศาสดาแน่นอน ไม่ว่าจะมองในแง่ของหลักธรรมวินัย หรือมองในแง่ของการปกครองคณะสงฆ์ ก็ยิ่งห่างไกลออกไปจากความเป็นพระ แล้วจะให้ฆราวาสก้มลงกราบสนิทใจได้อย่างไร

 

ยิ่งในระยะหลัง ทางวัดพระธรรมกายได้ตอบโต้บุคคล และกลุ่มบุคคลที่วัดพระธรรมกายเห็นว่า เป็นศัตรูกับตน ไม่เว้นแม้กระทั่งสื่อมวลชนที่พากันประโคมข่าวคาวเจ้าอาวาส และมูลนิธิวัดพระธรรมกายอย่างต่อเนื่องนั้น ก็ไม่พ้นที่จะถูกกล่าวหา ถ้าวัดพระธรรมกายมีสติพิจารณาให้รอบคอบ ย่อมเห็นที่มาที่ไปว่ามีควันต้องมีไฟเสมอ สื่อมวลชนก็ใช่ว่าจะกุข่าวขึ้นมาลอยๆ โดยไม่มีสาเหตุเอาเลย วิธีรุกเพื่อปกป้องความไม่ชอบมาพากลของตนให้พ้นผิด เข้าทำนองที่ว่าเอาดีใส่ตัวเอาชั่วให้ผู้อื่น กล่าวหาสื่อมวลชนว่า หนังสือพิมพ์แทบทุกฉบับ(ยกเว้น นสพ.พิมพ์ไทย)ลงข่าวเหมือนกันอย่างกับลอกกันมาและหาความจริงไม่ได้ ที่ร้ายไปกว่านั้น การสำแดงพลังด้วยการเกณฑ์พระเณรและฆราวาสที่เป็นสาวกมามากมาย รวมทั้งจัดทำเอกสารบิดเบือนข้อมูลเพื่อปกปิดความชั่วของตน จนสังคมเอือมระอานั้น เป็นการประจานตนอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งผู้ฉลาดเขาไม่ทำกัน กรณีปัญหาเรื่องที่ดิน เรื่องเงินๆ ทองๆ ของมูลนิธิธรรมกายและเจ้าอาวาส เสมือนวัวพันหลักที่ผูกรัดตัวเองแน่นหนา ตำรวจยิ่งสืบสาวก้าวไป ยิ่งเห็นโยงใยกันเป็นขบวนการใหญ่โต การกล่าวร้ายป้ายสีผู้อื่นว่า มีบุคคล และกลุ่มบุคคล คอยจ้องทำลายพุทธศาสนานั้น พฤติกรรมของวัดพระธรรมกายในห้วงเวลาที่ผ่านมา ย่อมเป็นคำตอบได้อย่างดีว่า

ใคร..ที่เป็นมารร้ายทำลายพระพุทธศาสนา ....

 

1965501_679344362102827_4284800919735551320_o.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

206570_124012114343992_4402821_t.jpg

คนไทยสนับสนุนกองทัพไทยในการปกป้องชาติ ศาสน์ กษัตริย์

 

 

เวรกรรม..เวรกรรม..เวรกรรม !!!

 

"อดีตอาจารย์มโน" แฉครอบครัวชาวพุทธจำนวนมากหมดเงินหมดทองไปกับวัดพระธรรมกายมากเกินเหตุ เช่น หญิงรายหนึ่งมารักษาศีล ๘ และเปิดวิทยุชุมชนให้วัด ทั้งเปิดบ้านตัวเองให้เป็นศูนย์ปฏิบัติธรรม ทำวัตรเย็นมีคนเต็มบ้าน เธอมาถามว่า เธอขายบ้านไป ๓ หลังแล้ว เหลือหลังสุดท้ายจะไปจำนองเอามาทำบุญธรรมกายเจดีย์ดีมั้ย แล้วเมื่อไหร่บุญจะส่งผลสักที สามีไม่ค่อยอยู่บ้าน ลูกก็ไม่ค่อยอยู่บ้าน ทำยังไงบุญจะส่งผลให้สามีและลูกมาอยู่บ้าน ก็จะอยู่ได้ยังไงละครับ เมื่อสามีเปิดประตูโผล่เข้ามา คนแปลกหน้าเต็มบ้าน ลูกก็เห็น โอ้..แม่นี่ไปไกลแล้ว

150074_615353835209815_1521476865_n.jpg

ถูกแก้ไข โดย ginger

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

แฉ! ธรรมกายโปรเจกต์ “ล้างสมองครู - ยึดครองประเทศ”

blank.gif

โดย ASTVผู้จัดการรายวัน

22 กรกฎาคม 2556 21:04 น. blank.gif

1902855_795775793785453_974749974_n.jpg

fb pic blank.gif

 

กลายเป็นกระแสวิพากษ์อย่างหนักในวงการครู จากโครงการสัมมนาเชิงปฏิบัติธรรมของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.) ที่มีการเกณฑ์ครูเข้าไปปฏิบัติธรรมซึ่งจัดขึ้นโดยลัทธิธรรมที่เต็มไปด้วยข้อครหาอย่าง ลัทธิธรรมกาย!

 

จากชื่อและวัตถุประสงค์ของโครงการที่สวยหรู ให้คุณธรรมนำวิชากลับกลายเป็นโครงการที่ถูกครหาในวงการครูว่า เป็นโครงการล้างสมอง สร้างสาวก ทั้งยังกีดกันเสรีภาพทางความเชื่อของศาสนาที่มีอยู่หลากหลายในสังคม

 

โดยโครงการลักษณะดังกล่าวมีครูเข้าร่วมไปแล้วหลายต่อหลายรุ่น สร้างความเดือดร้อนให้ครูทั้งในด้านของศรัทธาส่วนตัว และหน้าที่การงานที่ส่วนสำคัญคือการถูกล้างสมองในกระบวนการอบรมอาจส่งผลต่อการเรียนการสอนซึ่งจะถูกส่งต่อไปถึงเด็กนักเรียนทั่วประเทศ

 

ล่าสุดเมื่อไม่นานมานี้มีการออกเอกสารจากสพฐ.ให้ครูทั้งประเทศกว่า 700,000 คน เข้าร่วมอบรมเชิงปฏิบัติการ รวม 11 รุ่น โดยให้ปิดโรงเรียน 3 วัน แม้สพฐ.จะออกมาปฏิเสธการส่งครูเข้าลัทธิธรรมกาย แต่หลายสิ่งหลายอย่างกลับบ่งชี้และเชื่อมโยงสพฐ.กับธรรมกายเข้าด้วยกัน

 

มาถึงตอนนี้แผนการเบื้องลึกเบื้องหลังของลัทธิที่เต็มไปด้วยความไม่ชอบมาพากลนี้คืออะไรกันแน่?

 

ไม่ได้จัดในธรรมกาย...แต่จัดโดยธรรมกาย

 

จากการให้ข่าวล่าสุดของ ดร.อรทัย มูลคำ ที่ปรึกษา สพฐ. ในฐานะผู้รับผิดชอบโครงการที่ออกมาปฏิเสธว่า โครงการดังกล่าวไม่ได้เกี่ยวข้องกับธรรมกาย โดยให้สัมภาษณ์ว่า

 

“ที่ผ่านมา สพฐ.ได้จัดอบรมไปแล้วหลายรุ่น ซึ่งทุกรุ่นจะต้องไปปฏิบัติธรรมในวัด หรือศูนย์ปฏิบัติที่เข้าร่วมโครงการ ซึ่งทุกคนต้องถือศีล 8 และทำกิจกรรมตามตารางที่กำหนด ซึ่งยืนยันว่าไม่ได้เป็นการบังคับต้องไปปฏิบัติธรรมในวัดพระธรรมกายแต่อย่างใด ซึ่งจากเสียงตอบรับของผู้เคยเข้าร่วมบอกชัดว่าโครงการดังกล่าวนี้ดี

 

“ผู้บริหารและครูนำแนวทางที่ได้จากการอบรมไปปรับแนวทางการบริหารจัดการเรียนการสอน เพื่อช่วยพัฒนาคุณภาพโรงเรียน ไปส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรมแก่นักเรียน รู้เท่าทันและเตรียมพร้อมสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558 ได้ตามนโยบาย สพฐ.เพราะฉะนั้น จึงไม่อยากให้คิดหรือพูดว่า สพฐ.บังคับให้ครูต้องมาร่วม แต่เป็นการขอความร่วมมือจากทุกคนมากกว่า โดยเฉพาะโรงเรียนในฝันและโรงเรียนดีศรีตำบล จะเป็นกำลังสำคัญในการดูแลโรงเรียนอื่นๆ ต่อไป”

 

และแม้ว่าเอกสารทั้งหมดเกี่ยวกับโครงการก็ไม่ปรากฏชื่อของธรรมกาย แต่ทว่าในเอกสารกำหนดการของโครงการกลับพบชื่อของ พระมหาสมชาย ฐานวุฑฺโฒ และ พระครูธรรมธรอารักษ์ ญาณารกฺโข 2 ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดธรรมกายและ พระเดชพระคุณพระภาวนาวิริยคุณ (หลวงพ่อทัตตชีโว) รองเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย เป็นวิทยากรในโครงการ กิจกรรมช่วงหนึ่งยังมีชื่อของกลุ่ม v - star ซึ่งเป็นชื่อโครงการบ่มเพาะเยาวชนของวัดธรรมกาย นอกจากนี้เสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการก็เป็นศิษย์คนหนึ่งของลัทธิธรรมกายด้วย

 

ทั้งนี้ ความเชื่อมโยงที่เกิดขึ้นทั้งหมด ต้องย้อนกลับไปถึงจุดแรกเริ่มของโครงการร่วมระหว่างธรรมกายกับสพฐ.นั้นเริ่มมีมาตั้งแต่ 3 ปีก่อน(2553) ในช่วงรัฐบาลอภิสิทธิ์ แต่ได้มีการเคลื่อนไหวของกลุ่มเอ็นจีโอร่วมด้วยนักวิชาการ 43 คน มีหนังสือคัดค้านที่นำโดย สุลักษณ์ ศิวรักษ์ ทำให้การลงนามข้อตกลงความร่วมมือ(MOU) ระหว่างสพฐ. กับสมาคมพุทธศาสตร์สากลในพระอุปถัมภ์สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ซึ่งเป็นที่รู้กันว่าเป็นส่วนหนึ่งของ ลัทธิธรรมกาย เป็นอันต้องตกลงไป

 

พูดให้ชัดคือ ธรรมกายเคยมีความพยายามที่เข้ามาแทรกแซงระบบการศึกษามาก่อนแล้ว มาถึงตอนนี้ จากบุคลากรในชุดเดิม และรูปแบบของโครงการเดิม กับรัฐบาลชุดใหม่ทำให้สถานการณ์เปลี่ยนไป โครงการเก่าที่ถูกค้านตกไปกลับมาใหม่ในชื่อโครงการสัมมนาเชิงปฏิบัติธรรมเรียนดีศรีตำบล กับโรงเรียนในฝัน

 

ล้างสมองครองโลก

 

หลังจากโครงการอบรมจริยธรรมครูถูกยกเลิกเมื่อสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ เมื่อเข้าสู่รัฐบาลยิ่งลักษณ์โครงการดังกล่าวก็กลับมาอีก ทางฝ่ายที่เห็นค้านกับโครงการก็เคลื่อนไหวเช่นเดิม โดยมีการรวบรวมเอกสารหลักฐานหลายอย่างไว้ เพื่อส่งให้กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) แม้แต่สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) เพื่อหาช่องทางคัดค้าน

 

แต่ทว่านัด (นามสมมติ) 1 ในแอดมินเพจ คัดค้านโครงการเหลือบ “โรงเรียนดีศรีตำบล” นอมินีธรรมกาย ครอบงำการศึกษาไทย เผยถึงการทำงานที่เป็นไปได้ยากเนื่องจากการดำเนินงานของโครงการครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งก่อน เพราะนโยบายนั้นถูกสั่งตรงมาจากนายกรัฐมนตรี กลายเป็นนโยบายของรัฐซึ่งต่างจากครั้งก่อนที่จะมีจดหมายเชื่อมโยงระหว่างรัฐกับวัดธรรมกาย นอกจากนี้เมื่อส.ว.ลงไปตรวจสอบกลับพบว่า มีการให้พระจากวัดอื่นมาทำโครงการด้วย ไม่ใช่แค่วัดธรรมกายอย่างเดียว จึงไม่สามารถจัดการอะไรได้

 

“ถ้ามันมาจากธรรมกายประสานกับสพฐ. มันจะมีจดหมายเชื่อมโยง แต่ตอนนี้มันไปไกลกว่านั้น ใช้วิธีการให้นายกรัฐมนตรีสั่งการเป็นเส้นตรงมาเลยกลายเป็นนโยบายรัฐ มันไม่ใช่โครงการร่วมที่เราสามารถเข้าไปแทรกแซงได้”

 

เมื่อเทียบกับโครงการที่ถูกคัดค้านตกไป โครงการนี้ถือว่ามีการรับลูกส่งต่อกันตั้งแต่ระดับรัฐมนตรี เขาบอกเลยว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนี้มาจากความเชื่อมโยงหลายๆ จุด ทั้งฝ่ายการเมือง ข้าราชการในสายการศึกษา กับลัทธิธรรมกาย ที่ทำให้ไม่มีใครสามารถเข้าไปตรวจสอบได้

 

“ถ้าเกิดมันแตกนอกสายไม่เป็นไร...แต่นี่มันเป็นสายเดียวของธรรมกายหมดเลย มันเลยไม่มีข้อมูลรั่วออกมาเลยแม้แต่น้อย”

 

จากการติดตามความเคลื่อนไหวในประเด็นเกี่ยวเนื่องกับลัทธิธรรมกายมาอย่างต่อเนื่อง เขาถึงกับออกปากว่า ลัทธิธรรมกายมีแผนที่จะครองโลก! แม้จะฟังดูเกินจริง แต่แผนการที่ถูกวางไว้ในขั้นแรกของลัทธินี้ก็คือการล้างสมองเด็กๆ และเยาวชน โดยแผนดังกล่าวนั้นเคยถูกเปิดโปงมาแล้วในช่วง 3 ปีก่อนที่ธรรมกายเข้าไปแฝงตัวอยู่ในชมรมพุทธตามมหาวิทยาลัยต่างๆ ยังมีโครงการ V - Star หรือโครงการฟื้นฟูศีลธรรมโลก หรือแม้แต่โครงการธรรมทายาท

 

เขาเห็นว่า โครงการเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นโครงการล้างสมอง สร้างสาวก บิดเบือนคำสอนของพุทธศาสนาทั้งสิ้น จนถึงตอนนี้การเข้าถึงโรงเรียนในระดับประถม เขามองว่าเป็นยุทธศาสตร์หนึ่งที่ธรรมกายต้องการจะเข้ามา และเหล่าครูตามโรงเรียนก็ถือเป็นกลไกหนึ่งที่ถูกแทรกแซงได้

 

จนถึงตอนนี้มีการอบรมไปทั้งหมด 11 รุ่น เขาเผยว่า ครูที่ไปเข้าร่วมนั้นต้องพบกับข้อบังคับหลายอย่าง ตั้งแต่เสื้อผ้าที่ต้องซื้อกับทางวัด อาหารการกินที่ห้ามกินข้าวเย็นซึ่งทำให้ครูบางคนที่มีอาการป่วยต้องทานยาในมื้อเย็นไม่สามารถทานยาได้ ส่งผลให้ล้มป่วยหลังกลับจากโครงการก็มี นอกจากนี้ยังมีพิธีกรรมให้แบบเฉพาะอย่างการตักบาตรแบบธรรมกายที่ไม่เหมือนที่อื่น และยังมีการพูดถึงการชำระล้างพระไตรปิฎก

 

“หลังจากตื่นมานั่งสมาธิทำบุญ เปิดวิดีโอล้างสมองช่วงเช้า เสร็จมีเจ้าหน้าที่มาพูดช่วงหนึ่ง เปิดวิดีโอล้างสมองช่วงสาย เสร็จปุบ ล้างสมองช่วงบ่าย พูดแป๊บหนึ่งล้างสมองช่วงเย็น จากนั้นก็นั่งสมาธิ มันเป็นแบบนี้ทุกวัน”

 

เนื้อหาที่ฉายในการอบรมเขาเผยว่า สามารถดูได้จากhttp://www.dhammamedia.org ซึ่งเป็นสื่อของธรรมกาย การอบรมดังกล่าวใช้เวลา 3 - 4 วัน และหากไม่ผ่านจะต้องกลับมาซ่อมด้วยการอบรมใหม่อีกครั้ง

 

นอกจากนี้ ยังมีโครงการอุปสมบทครูแก้วภาคฤดูร้อน และโครงการบรรพชาสามเณรม.ปลายภาคฤดูร้อน โดยให้ครูและนักเรียนเข้าบวชกับธรรมกายเป็นเวลา 15 - 30 วันอีกด้วย โดยผู้ที่ผ่านการบวชจะถือเป็นเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติการของลัทธิธรรมกาย

 

ทั้งนี้ แม้จะมีเสียงตอบจาก สพฐ.ว่า การเข้าร่วมโครงการดังกล่าวเป็นไปด้วยความสมัครใจ ไม่มีการบังคับ ทว่าในทางปฏิบัติแล้วกลับไม่เป็นเช่นนั้น เพราะจากที่ผ่านมาเขาเผยว่า หากโรงเรียนไหนมีครูที่ไม่เข้าร่วมกิจกรรมจะส่งผลให้โรงเรียนนั้นไม่ผ่านหลักเกณฑ์และจะทำให้ไม่ได้รับเงินสนับสนุน

 

“ครูใหญ่ก็ต้องอยากได้เงินเป็นธรรมดา พอเป็นแบบนี้ก็เลยมีมาตรการบีบให้ครูเข้าร่วมกิจกรรม หากไม่เข้าก็อาจจะถูกตั้งกรรมการสอบ ที่ผ่านมาก็เคยมีถึงขั้นไล่ออกจากที่ครูบางคนไม่พอใจกับการร่วมโครงการ อาจจะออกมาพูดบางอย่าง พอโดนไล่ออกไปคนหนึ่ง ครูหลายคนเลยไม่กล้าออกมาพูดเรื่องนี้”

 

ภาพรวมของสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดกับโครงการที่ชะงักไป เขามองว่าเป็นผลมาจากการตรวจวัดคุณภาพของโครงการ แต่คงหยุดพักเพียงชั่วคราวเท่านั้น

 

“ผมคิดว่าโครงการคงกลับมาเดินหน้าต่อ ตราบใดที่คนกลุ่มนี้ยังทำงานอยู่ เพราะมันมีความเชื่อมโยงทั้งกำลัง ฐานเสียง และการเงิน แม้แต่ตัวส.ว.ที่เราเข้าไปขอให้ตรวจ เขายังบอกเองว่า มันเป็นเรื่องใหญ่มากจนเขารู้สึกว่า ต้องทำเรื่องอื่นก่อน ไม่งั้นเจอเรื่องนี้แล้วจะน็อกไปก่อนได้”

 

เสรีภาพทางศาสนา

 

โครงการที่มีหลักการส่งเสริมคุณธรรมนั้นเป็นสิ่งที่ดี แต่การบังคับให้ครูต้องเข้าร่วมโดยที่ไม่สมัครใจนั้น ครูหยุย - วัลลภ ตังคณานุรักษ์ เลขาธิการมูลนิธิสร้างสรรค์เด็ก และอดีต ส.ว. เห็นว่าเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสม ทั้งยังขัดต่อรัฐธรรมนูญที่รับรองสิทธิเสรีภาพในการนับถือศาสนา

 

ในฐานะที่เขาเป็นบุคลากรที่ทำงานในแวดวงของการศึกษามาอย่างช้านาน ทำให้เห็นว่าโครงการนี้ถูกผลักดันมาตั้งแต่สมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ เขาตั้งข้อสังเกตว่า ในสพฐ.นั้นมีผู้ใหญ่ระดับสูงที่มีความรู้จักมักคุ้นกับธรรมกายอยู่เยอะ

 

“ยุคนี้โครงการเดิมมันมาโผล่อีก มันก็อยู่ในกลุ่มเครือข่ายสพฐ.เดิมที่นำเอาโครงการนี้มาปัดฝุ่นผลักดันกันใหม่” เขาเอ่ยพร้อมอธิบาย “การให้ครูไปอบรมจริยธรรมเป็นความคิดที่ฟังแล้วดูดี แต่ในคำสั่งบังคับให้ไปฝึกกับธรรมกาย...อันนี้เจ๊งเลย มันขัดรัฐธรรมนูญที่บอกว่า เรามีสิทธิเสรีภาพที่จะนับถือศาสนาใดก็ได้”

 

เขาเห็นว่า พุทธศาสนาในประเทศไทยนั้นก็มีหลายแนว ปัญหาตรงนี้ทำให้ครูหลายคนเดือดร้อนด้วยเพราะศรัทธาที่ไม่เหมือนกัน เขายกตัวอย่าง ครูแถวอีสานจะศรัทธาสายวัดป่า อาทิเช่น หลวงปู่ชา สุภัทโท หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ครูทางใต้จะนับถือแนวพุทธทาส

 

“แล้วยิ่งพวกเคร่งมากเขานับถือแนวสันติอโศก ไปบังคับครูให้ไปแนวธรรมกาย มันผิดอย่างแรง เขาร้องเรียนกันเยอะจนบอกมาที่ผม ตอนนี้มันสะดุดแล้ว คนรู้ทันก็เลยหยุด ตอนนี้มีคำสั่งใหม่ให้ทำอะไรก็ได้ ไปวัดไหนก็ได้ที่ใกล้ ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้นจริงก็จบไป”

 

อย่างไรก็ตาม เขายังมองว่า หน่วยงานราชการไม่สามารถพูดลอยๆ ได้ ควรมีจดหมายจากกระทรวงศึกษาธิการแจ้ง นอกจากนี้เขายังเสนอว่า หากโครงการดังกล่าวจะดำเนินการต่อก็ควรให้ครูในโรงเรียนจับกลุ่มกันตามแต่ศรัทธาเพื่อไปตามวัดที่ตัวเองอยากไปปฏิบัติธรรม

 

“ในหนึ่งโรงเรียนครูก็อาจจะชอบไม่เหมือนกันก็ได้ 10 คนอาจจะไปหลวงพ่อคูณ 10 อาจจะไปสันติอโศก อีก 10 คนจะไปธรรมกายก็ได้แล้วแต่ศรัทธา ที่สำคัญคือเรื่องของศาสนาห้ามบังคับกัน”

 

…..

 

ท้ายที่สุดโครงการสัมมนาเชิงปฏิบัติธรรมจะจบลงอย่างไร? ครูทั่วประเทศจะต้องจำทนกับภาวการณ์ของเงื่อนไขที่ไม่สามารถขัดขืนต่อไปหรือจะมีความเปลี่ยนแปลงบางอย่างเกิดขึ้น?

 

เครือข่ายลัทธิธรรมกายที่เต็มไปด้วยข้อครหาจากสังคม หากวันใดลทธินี้สามารถแทรกตัวเองเข้ามาสู่ระบบการศึกษาที่เป็นเสมือนฐานรากอันสำคัญของประเทศได้สำเร็จ ถึงวันนี้เราคงหัวเราะไม่ออก กับความคิดที่ว่า ลัทธินี้พยายามจะครองโลก

 

ข่าวโดย ASTV ผู้จัดการ LIVE

เพจคัดค้านโครงการเหลือบ "โรงเรียนดีศรีตำบล" นอมินี ธรรมกาย ครอบงำการศึกษาไทย คลิ๊ก

เอกสารกำหนดการโครงการสัมมนาเชิงปฏิบัติธรรม โรงเรียนในฝัน คลิ๊ก

เว็ปไซต์ที่รวบรวมสื่อวิดีโอที่เปิดในโครงการอบรม คลิ๊ก

เสริมศักดิ์ พงษ์พานิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...