ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ พฤศจิกายน 15, 2014 นานาสาระน่ารู้ 4 hrs · สมเด็จพระเทพฯ พระราชทาน ส.ค.ส. ปีใหม่ 2558 1 อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ พฤศจิกายน 15, 2014 ที่ผ่านมาว่ากันว่า โกรทฮอร์โมน (ฮอร์โมนที่ทำให้เด็กสูงขึ้นและทำให้เซลล์ในร่างกายฟื้นฟูสภาพ) จะหลั่งออกมามากช่วง 4 ทุ่มถึงตี 2 แต่ปัจจุบันศาสตร์แห่งการชะลอวัย (Anti-Aging Medicine) มีการเปิดเผยออกมาใหม่ว่าช่วงที่โกรทฮอร์โมนหลั่งมากที่สุดคือช่วงตี 1 ถึงตี 5เทียบกับอดีต ปัจจุบันคนนอนดึกมากขึ้นจึงเป็นสาเหตุทำให้เวลาหลั่ง โกรทฮอร์โมน ถูกเลื่อนออกไปด้วย หากต้องการให้ โกรทฮอร์โมน หลั่งออกมามากๆ แนะนำให้ ออกกำลังกาย ยกเวทตอนกลางคืน การยกดัมเบล การบริหารหน้าท้อง หรือการตีสควอช ออกกำลังกาย หนักๆ จะทำให้เส้นใยกล้ามเนื้อเสียหาย ร่างกายจะเร่งซ่อมแซมโดยการหลั่ง โกรทฮอร์โมน ระหว่างนอนเพิ่มสูงขึ้นถึง 150% จากปกติ จึงทำให้ภูมิต้านทานโรคดีขึ้น ไขมันถูกเผาผลาญ ทำให้ร่างกายฟื้นสภาพจากความเหนื่อยล้า หลังการบริหารกล้ามเนื้อสามชั่วโมงจะเป็นช่วงที่หลั่งฮอร์โมนได้ดีที่สุด และหากนอนในช่วงนี้ยิ่งจะทำให้หลั่งฮอร์โมนได้มากขึ้น ซึ่งการ ออกกำลังกาย บริหารกล้ามเนื้อ ได้แก่ การยกดัมเบล การวิดพื้น การบริหารหน้าท้อง การตีสควอช เป็นต้น ควรทำประมาณ 20-30 ครั้งเป็นมาตรฐาน จากนั้นก็ทำเพิ่มตามกำลังกล้ามเนื้อของตนเองที่มี ไม่ควรทำภายใน 30 นาทีหลังรับประทานอาหารหรือทำก่อนนอน เพราะจะทำให้ประสาทตื่นตัว ขอบคุณที่มาจาก greenerald.com อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ พฤศจิกายน 15, 2014 เทคนิคการนอนหลับอย่างสนิทและมีความสุขตลอดคืน เวลานอนแล้วหลับไม่สนิท แม้จะนอนนานอย่างไรก็เหมือนยังนอนไม่พอ ส่งผลให้การทำงานหรือการเรียนสะดุด สมองอึน ๆ ไม่โล่งโปร่ง หลายคนหากลวิธีเพื่อช่วยให้หลับสนิทในยามค่ำคืน นับแกะบ้าง ออกกำลังกายให้รู้สึกเหนื่อยบ้าง คุณรู้หรือไม่ว่าการนอนอย่างมีความสุขสามารถสร้างได้ไม่ยาก เพียงแต่ปฏิบัติตามคำแนะนำ ดังนี้ -ออกกำลังกายเบา ๆในตอนเย็น จะช่วยให้ร่างกายรู้สึกผ่อนคลายและเกิดความรู้สึกอยากนอนพัก -กินอาหารมื้อค่ำแต่พออิ่ม เลือกกินอาหารที่ย่อยง่าย และรสชาติไม่จัดจนเกินไป จะช่วยให้สบายท้อง -งดดื่มน้่ำชา กาแฟ โกโก้ น้ำอัดลม หรือเครื่องดื่มชูกำลังในช่วงบ่าย -ดื่มนมอุ่น ๆก่อนเข้านอนจะช่วยให้สบายท้องและผ่อนคลาย -ไม่ดูโทรทัศน์หรือภาพยนตร์ก่อนเข้านอน 2-3 ชั่วโมง -อาบน้ำและแปรงฟันให้สะอาดก่อนเข้านอน -ทำใจให้สบาย นอนหลับตาด้วยการหายใจเข้า-ออกยาว ๆ และผ่อนคลายอวัยวะทุกส่วนตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าหรือจะใช้วิธีนั่ง สมาธิก่อนเข้านอนก็ได้ -สร้างสภาพแวดล้อมให้เหมาะแก่การนอน ด้วยการปิดไฟ ปืดเสียงต่าง ๆ โดยเฉพาะโทรศัพท์มือถือ ปิดการสื่อสารที่ทำให้คุณพะวง ปรับอุณหภูมิห้องให้พอดี อาจะใช้กลิ่นหอมจาง ๆจากสมุนไพรสร้างบรรยากาศให้ผ่อนคลายด้วยก็ได้ หากทำตามคำแนะนำดังกล่าวข้างต้น รับรองว่าคุณต้องนอนได้สนิท ตื่นมารับเช้าวันใหม่ด้วยความสดใส กระฉับกระเฉงอย่างแน่นอน อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ พฤศจิกายน 15, 2014 อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ พฤศจิกายน 15, 2014 15 กฎทองของการกิน... 1.คุมปริมาณอาหารที่กิน โดยเฉพาะอาหารที่มีแคลอรีสูงจากไขมัน กินในปริมาณน้อยๆ อย่ากินจนอิ่มแปล้ เพราะนั่นหมายถึงคุณกำละงสะสมพลังงานส่วนเกินให้กับตัวเอง 2.เลือกกินอาหารให้หลากหลายชนิด อาหารแต่ละชนิดมีสารอาหารต่างกันหรือถ้ามีสารอาหารเหมือนกันก็จะมีปริมาณต่างกัน ฉะนั้นการกินให้หลากหลายชนิดไม่เลือกที่รักมักที่ชัง จะทำให้เราได้รับสารอาหารหลากหลายชนิดอย่างทั่วถึง เหนืออื่นใดการเลือกกินอาหารให้หลากหลายชนิด ยังเป็นวิธีการลดสารพิษต่างๆที่ร่างกายได้รับ เช่นจากยาฆ่าแมลงที่ใช้ในการปลูกผักซึ่งอาจจะสะสมไว้มากในพืชผักบางชนิดด้วย 3.เน้นอาหารที่มีกากใยสูง เช่น ผักผลไม้ ถั่ว และธัญพืชไม่ขัดสี ซึ่งจัดเป็นคาร์ดบไฮเดรตที่ดี มีสารอาหารสูงแต่พลังงานต่ำ เราควรกินใยอาหารให้ได้วันละ 20-35 กรัม จะช่วยให้อาหารคาร์โบไฮเดรตถูกดูดซึมช้าลง ร่างกายใช้อินซูลินน้อยลงอย่างมีประสิทธิภาพเป็นการรักษระดับน้ำตาลในเลือดให้ปกติ นิกจาดนี้ยังช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด และยังช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานดีขึ้น อาหารที่มีกากใยสูงมักจะมีวิตามินและแร่ธาตุสำคัญสูงรวมทั้งสารพฤกษเคมีซึ่งมีฤทธิ์ต้านอนุมุลอิสระสูงช่วยต้านวัยต้านโรคเช่นกัน 4.กินผักผลไม้วันละ 8-9 ส่วน ( ผัก = 2-21/2 ถ้วยตวง หรือ 4-5 อุ้งมือผู้หญิง และผลไม้ 11/2 - 2 ถ้วยตวงหรือ 3-4 อุ้งมือ ) พยายามเลือกกินผักหลายสีคละกัน สำหรับผลม้ เลอกผลไม้สดแทนน้ำผลไม้ ซึ่งไม่มีใยอาหารหรือมีน้อยมาก 5.เลือกธัญพืชไม่ขัดสีทุกครั้งที่มีโอกาส โดยปกติครึ่งหนึ่งของข้าวแป้งที่ควรกินในชีวิตประจำวันควรเป็นธัญพืชไม่ขัดสี เช่นหากในหนึ่งวันคุณกินข้าวทั้งหมด 8 ทัพพี ครึ่งหนึ่งควรเป็นข้าวซ้อมมือ หรือขนมปังโฮลวีตหรือธัญพืชต่างๆ โดยแลกเปลี่ยนปริมาณดังนี้ ขนมปัง 1 แผ่น = ข้าวซ้อมมือสุก ข้าวโอ๊ต หรือข้าวโพดต้ม หรือเผือก หรือมัน หรือฟักทอง หรือลูกเดือย หรือเส้นต่างๆ 1/2 ถ้วยตวง ( 1 อุ้งมือผู้หญิง ) 6.จำกัดปริมาณคาร์โบไฮเดรตขัดสี เช่น ข้าวขาว ขนมปังขาว เส้นต่างๆ และขนมของว่าง อาหารเหล่านี้มีใยอาหารน้อยมาก นอกจากนี้กำจัดอาหารที่มีน้ำตาล เช่น น้ำอัดลม น้ำหวาน ซึ่งเป็นคาร์โบไฮเดรตที่ให้พลังงานว่างเปล่า แต่ขาดสารอาหารที่ดี วิตามิน แร่ธาตุ และกากใยอาหาร แต่กลับช่วยเพิ่มน้ำหนักเพิ่มโรคได้ดี อาหารที่มีน้ำตาลส่วนใหญ่มักจะมีไขมันสูงและพลังงานหรือแคลอรีสูง 7.เลือกกินไขมันดี ซึ่งมีมากในปลาทะเล ถั่วปากแข็ง อะโวคาโดและน้ำมันพืช ขณะเดียวกันก็ควรลดไขมันไม่ดีหรืออาหารที่ไม่มีประโยชน์ มิฉะนั้นจะทำให้ได้พลังงานเกิน ใช้น้ำมันพืชที่มีไขมันอิ่มตัวน้อยที่สุด กินปลาทะเลสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง เพราะปลาทะเลเป็นแหล่งที่ดีของกรดโอเมก้า 3 ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจ และสมองเสื่อม 8.เลี่ยงไขมันอิ่มตัว ซึ่งมีมากในเนื้อสัตว์ติดมันโดยเฉพาะ วัว หมู ไก่ เวลากินอาหารพวกนี้ ควรเลือกเนื้อล้วนเลาะไขมันทิ้งให้หมด เลี่ยงอาหารที่มองแล้วมันเยิ้มซึ่งจะไปสะสมที่พุง 9.จำกัดหรือเลี่ยงไขมันทรานซ์ ซึ่งเป็นไขมันแปรรูปจากน้ำมันพืช มีมากในเนยเทียม หรือมาการีน เนยขาว เบเกอรีประเภทเค้ก คุกกี้ แครกเกอร์ กินได้แต่ต้องกินน้อยๆ หรือนานๆกินที 10.จำกัดอาหารคอเลสเตอรอลไม่เกิน 300 มิลลิกรัม/วัน แต่ผู้ที่มีความเสี่ยงโรคหลอดเลือดหัวใจ เช่น ความดันสูง คอเลสเตอรอลสูง โรคหัวใจ เบาหวาน ควรลดปริมาณอาหารคอเลสเตอรอลไม่เกินวันละ 200 มิลลิกรัม 11.จำกัดอาหารที่โซเดียมสูง และเพิ่มอาหารที่มีโพแทสเซียมสูง เช่น ส้ม กล้วย มันฝรั่ง ถั่ว เป็นต้น โซเดียมมีผลในการเพิ่มความดันโลหิตในคนส่วนใหญ่และมีผลต่อสุขภาพด้านอื่นๆ ควรบริโภคโซเดียมวันละไม่เกิน 2,300 มิลลิกรัม ( น้อยกว่าเกลือ 1 ช้อนชา ) และสำหรับผู้ที่อายุ 51 ปีขึ้นไป คนที่มีความดันโลหิตสูงเป็นทุนเดิม เบาหวานและโรคไตเรื้อรัง ควรจำกัดโซเดียมไม่เกิน 1,500 มิลลิกรัม (เกลือ 2/3 ช้อนชา) 12.บริโภคแคลเซียมและวิตามินดีให้เพียงพอ เพื่อสุขภาพของกระดูกและฟันและุขภาพด้านอื่นๆ สำหรับวิตามินดี อาจจะไม่ง่ายนักหากจะกินจากอาหารให้พอหรือจะรับจากแสงแดดก็อาจจะค่อนข้างเสี่ยงต่อมะเร็งผิวหนังและอาจจะได้ไม่สม่ำเสมอจากแสงแดด 13.กินวิตามินอาหารแทนที่จะกินจากเม็ดยา วิตามินกินแทนอาหารธรรมชาติที่ดีไม่ได้เพราะอาหารจะให้มากกว่าวิตามินและแร่ธาตุ อาหารจะให้วิตามินและแร่ธาตุ ใยอหาร สารต้านมะเร็ง แต่สำหรับคนส่วนใหญ่ วิตามินแร่ธาตุรวมจะช่วยเติมสารที่พร่องไปได้ วิตามินและแร่ธาตุที่ควรพิจารณาเสริมคือแคลเซียมและวิตามินดี ปรีกษาแพทย์ นักกำหนดอาหาร และเภสัชกรก่อนเสริม 14.ระวังเครื่องดื่มที่มีแคลอรี ปัจจุบันในชีวิตประจำวัน คนเราได้รับพลังงานจากเครื่องดื่มมากวว่า 20% ของพลลังงานที่ควรได้ทั้งวัน เครื่องดื่มที่ให้พลังงานบางชนิดอาจจะเป็นเครื่องดื่มที่ดี เช่น นมพร่องมันเนย และนมขาดไขมัน และน้ำผลไม้ 100% ซึ่งต้องจำกัดปริมาณการดื่ม แต่เครื่องดื่มที่คนเารมักจะดื่มกันในชีวิตประจำวันคือ น้ำอัดลม น้ำหลานและเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ ซึ่งให้พลังงานฟุ่มเฟือยแก่ร่างกายโดยไม่ให้สารอาหารที่จำเป็น ทำให้คนในยุคนี้มีปัญหาน้ำหนักตัวง่ายขึ้น 15.ถ้าดื่มแอลกอฮอลล์จงดื่มแต่พอควร ก็คือวันละ 1 ดริ๊งสำหรับผู้หญิง และไม่เกิน 2 ดริ๊งสำหรับผู้ชาย แอลกอฮอลล์เพียงเล็กน้อยให้ประโยชน์ต่อสุขภาพ ถ้ามากไปจะนำไปสู่อาหารสุขภาพ อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ พฤศจิกายน 15, 2014 คณะวิจัยจากสถาบันคาโรลินสกา กรุงสตอกโฮล์ม ประเทศสวีเดน ได้ทำการทดลองกันจะจะ ด้วยการให้หญิงกลุ่มทดลอง 10 ราย ตื่นอยู่ตลอดเป็นเวลา 31 ชั่วโมงติดต่อกัน จากนั้นจึงนำรูปถ่ายก่อนอดนอนและหลังอดนอนสามสิบกว่าชั่วโมงนั้นมาเปรียบเทียบกัน โดยให้คนอีก 40 ราย เป็นผู้เปรียบเทียบข้อแตกต่าง ซึ่งปรากฏว่า ทุกคนที่อดหลับอดนอนนั้นล้วนมีหน้าตาโทรมลงกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด คือมีเปลือกตาที่บวม ดวงตาแดงก่ำ ใต้ตาคล้ำ แถมยังดูมีริ้วรอยชัดเจนขึ้นกว่าเดิม ทำให้ดูแก่ โทรม เศร้า อ่อนล้า หน้าตาน่าเกลียดไม่น่าดูชม ทิน่า ซันเดลิน ผู้นำการทดลองง่าย ๆ แต่ได้ผลชัดเจน กล่าวว่า ยามนอนหลับเลือดจะถูกสูบฉีดส่งไปยังเส้นเลือดฝอยมากขึ้น ทำให้เซลล์ผิวหนังได้ซ่อมแซมฟื้นฟูตัวเอง การอดหลับอดนอนจึงเป็นการขัดขวางกระบวนการรักษาซ่อมแซมตัวเองของเซลล์ผิวหนังอย่างเห็นได้ชัด คำพูดที่ว่า "นอนดึกแก่ไว" จึงไม่ใช่แค่คำขู่ไปเล่น ๆ อย่างแน่นอน นอกจากนี้การอดนอนยังส่งผลโดยตรงต่อเรื่องสภาพอารมณ์ เพราะมันทำให้ระบบฮอร์โมนในร่างกายเกิดการแปรปรวน จึงเกิดความเครียดและซึมเศร้าได้ง่าย ผลกระทบจากการนอนน้อยยังแผ่กว้างออกไป ไม่ใช่แค่กระทบกับรูปลักษณ์ที่แสดงออกผ่านใบหน้าอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังรวมถึงปฏิสัมพันธ์จากคนรอบข้างที่คงไม่สู้ดีนักแน่ ๆ เมื่อเห็นว่าคุณดูโทรม หน้านิ่วคิ้วขมวด และอารมณ์ไม่สู้ดีแบบนี้ 1 อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ พฤศจิกายน 15, 2014 อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ พฤศจิกายน 15, 2014 (มีการแก้ไข) เก็บของ ของเก่าเอามาใช้ ถูกแก้ไข พฤศจิกายน 18, 2014 โดย ginger อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ พฤศจิกายน 15, 2014 แฉ..ความลับ added 12 new photos. 23 mins · วันที่ 14 พ.ย.57 เปิดโปง..จุดแตกหัก เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด ที่แท้เบี้ยวเงินกัน (ตอน 4) ต้องบอกไว้ล่วงหน้าก่อนว่า คนที่อ่านเรื่องประวัติศาสตร์ และมีรักต่อแกนนำมวลชนต้องทำใจ เพราะบางทีอาจไม่เคยรู้เบื้องหลังเขาทั้งหมด และรู้แต่แง่มุมเดียว ลองคิด..ว่าทำไมคนที่นับถือศาสนา ยังศึกษาประวัติของศาสดาของศาสนานั้นๆ ได้ ดังนั้นสาวก หรือ คนที่ไม่ชอบสภาท่าพระเสาร์ต้องทำใจในข้อมูลบางแหง่บางมุม และทำใจยอมรับความจริงนี้ ตอนที่แล้ว ช่วงนั้นสภาท่าพระเสาร์ ร่วมกับพรรคพวกเป็นใหญ่เป็นโตในรัฐบาลคนแดนไกล เหิมอำนาจ สื่อสารไปยังผู้บริหารหน่วยงานของรัฐ และรัฐวิสาหกิจ เกือบทุกแห่ง ว่าต้องจัดงบประมาณค่าโฆษณาไปประเคนบรรณาการให้สื่อในเครือ ทำให้หัวหน้าหน่วยงานที่ถูกแบคเมล์เหล่านั้น เกรงกลัวอำนาจรัฐ ** ความเดิมตอนก่อนหน้า..ช่วงเวลาฮันนี่มูน สภาท่าพระเสาร์และคนแดนไกล ที่https://www.facebook.com/topsecretthai/posts/286730781516956 การอุดหนุนสื่อในเครือผู้จัดการของหน่วยงานรัฐ จนแทบจะไม่มีพื้นที่ และเวลาให้ออกโฆษณา ส่งผลให้สภาท่าพระเสาร์ ตกเป็นเป้าของ ส.ว. เจิมศักดิ์ ที่โจมตีอย่างหนักจากรายการในช่อง 9 และช่อง 11 หลายรายการ และ ส.ส.ฝ่ายค้านพรรคสีฟ้า ที่เห็นว่าการสนับสนุนอย่างมากมาย และคับคั่งเช่นนี้ไมใช่ภาวะปกติ ช่วงนั้น กำลังจะมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจเกิดขึ้น พรรคสีฟ้าจะนำเรื่องนี้เข้ามาอภิปราย โดย อลงกร อิทธิพลบารมีของสภาท่าพระเสาร์ ทำให้ เจิมศักดิ์ เจ้าของหลายรายการเดิม ต้องถูกเตะออกจากผังรายการ เพื่อเอาเวลาไปให้แก่สภาท่าพระเสาร์เป็นผู้ดำเนินรายการแทน ซึ่งในวันนั้นเขาได้กล่าวคำพูดฝากไปยังเจิมศักดิ์ว่า “ มีแต่หมาเท่านั้นที่ร้อง เสือไม่เคยร้อง “ นอกจากรายการก่อนจะถึงจันทร์แล้ว รายการเมืองสยามรายวัน ที่ดำเนินรายการโดยสภาท่าพระเสาร์ ซึ่งได้เวลาจากช่อง 9 เป็นกรณีพิเศษ ทุกวันจันทร์ - ศุกร์ ก็เป็นรายการข่าวที่ช่วยสนับสนุนการทำงานของรัฐบาลได้เป็นอย่างดี เหมือนหน่วยงานโฆษณาผลงานของรัฐบาล และทำความเข้าใจกับประชาชน ซึ่งศาสดาทำได้ดีกว่ากรมพีอาร์ ที่มีหน้าที่โดยตรงเสียอีก นอกจากรายการโทรทัศน์ สภาท่าพระเสาร์ยังมีวิทยุคลื่นวิทยุ 97.5 MHz ในมืออีก 1 คลื่น ซึ่งนับได้ว่าเป็นกลุ่มธุรกิจสื่อ ที่มีเครือข่ายพร้อมสมบูรณ์ที่สุด ทั้งหนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ และเว็บไซต์ และจัดได้ว่าสื่อในเครือข่ายสภาท่าพระเสาร์เป็นสื่อที่มีพลังมากที่สุดกลุ่มหนึ่ง หลังจากกลุ่มเนชั่น ต้องพ่ายแพ้ไปจากการถูกกลั่นแกล้ง วันที่ 24 กรกฎาคม 2546 สภาท่าพระเสาร์ กล่าวในรายการเมืองสยามรายสัปดาห์ ช่อง 9 ด้วยสีหน้า ท่าทาง และแววตาที่จริงจังเป็นอย่างยิ่งว่า “…นายกฯ เหลี่ยม เป็นนายกรัฐมนตรีที่ดีที่สุดเท่าที่ประเทศไทยเคยมีมา…” ( และกล่าวคำนี้อีกครั้งเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2547 ) ในขณะที่ทุกอย่างกำลังดำเนินหน้าไปได้ด้วยดี ทั้งรายการเมืองสยามรายวัน และสถานีข่าวโทรทัศน์ 11นิวส์1 ก็เกิดอุบัติเหตุขึ้น กับอนาคตของสภาท่าพระเสาร์ และคณะอีกครั้ง เมื่อช่อง 9 มีการปรับผังรายการ เนื่องจากต้องสร้างเรตติ้งให้แก่ช่อง 9 และเห็นว่าจำเป็นต้องเพิ่มสัดส่วนรายการสาระบันเทิงอื่นๆ มากขึ้น ด้วยเห็นว่าช่อง 9 จำเป็นต้องปรับตัวเอง เพื่อเตรียมการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ จึงขอลดเวลาเมืองสยามรายวัน เหลือแค่เมืองสยามรายสัปดาห์ ( จากที่ออกอากาศสัปดาห์ละ 5 วัน เหลือเพียง 1 วัน) รายได้ที่เคยได้สัปดาห์ละ 5 วัน ( ราว 150 ล้านบาทต่อเดือน) ก็เหลือเพียงสัปดาห์ละ 1 วัน ( 4 ล้านบาทต่อเดือน)...สภาท่าพระเสาร์ ถึงกับเดือดควันออกหูปุดๆ ในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน ก็เกิดพระศุกร์เข้า พระเสาร์แทรก การดำเนินรายการข่าวช่อง 11นิวส์1ที่ออกอากาศอยู่ทาง UBD9 ก็ถูกจับได้ว่า ใช้วิธีการ “ โกง” อันแยบยล โดยใช้ช่องว่างของกฎหมาย หาโฆษณาเข้าสู่สถานีได้จำนวนมหาศาล ทั้งๆ ที่ UBD เป็นผู้ถ่ายทอดสัญญาณ และเรียกร้องที่จะขอให้มีโฆษณามานานแล้ว ก็ยังไม่สามารถมีโฆษณาได้ วิธีการโกง ก็คือ เขาใช้วิธีการซิกแซ๊กสร้างสถานีข่าว 11นิวส์1 บนโทรทัศน์ดาวเทียม ซึ่งสามารถหาโฆษณา มาสนับสนุนการดำเนินงานได้ จากนั้นก็เจรจาให้ UBD ถ่ายทอดสัญญาณของ 11นิวส์1 ซึ่งเท่ากับลูกค้าของ UBD ที่มีอยู่ประมาณ 4 แสนรายในกรุงเทพฯ จะสามารถรับชมรายการของ 11นิวส์1 ได้ ซึ่งกลยุทธ์นี้เอง ที่นำไปสู่การสร้างธุรกิจการขายโฆษณาในรายการของ 11นิวส์1 จากการตรวจสอบรายการซื้อสื่อโฆษณาของบริษัท ปตท. สมัยนั้น พบว่าได้มีการทำสัญญาลงโฆษณาใน 11นิวส์1 เป็นเงินถึง 60 ล้านบาท ในเวลาเพียง 1 ปีเท่านั้น ซึ่งแพงโครตๆ ในสมัยนั้น ขณะนั้นสถานีโทรทัศน์ช่องใหม่ 1 ช่อง ที่ยังไม่รู้ว่าจะดูอย่างได้อย่างไร ดูได้สักกี่วัน ปตท. ถึงกับทำสัญญาทุ่มงบประมาณไปสนับสนุนมากถึง 60 ล้านบาท ย่อมพิสูจน์ได้ว่า สภาท่าพระเสาร์ มีสายสัมพันธ์กับบอร์ด ปตท.ที่เป็นคนของรัฐบาลยุคแดนไกลแต่งตั้ง ( ** ที่นี้เขาใจหรือยัง ว่าทำไมสภาที่พระเสาร์ จึงโจมตี ปตท.ทุกวันจนบัดนี้ อ้างเรื่องยึดคืน ปตท.บ้าง , ค่าน้ำมัน ปตท.บ้าง , สัมปทานบ้าง, โน่น นี่ นั่น บ้าง , โดยทำงานเป็นทีมกับกลุ่มเคลื่อนไหวพลังงาน แต่ไม่จริงสักเรื่อง..แต่ความจริงก็แค่วิธีการ “ตบทรัพย์” แบบหนึ่ง คือ ถ้า ปตท. จ่ายค่าโฆษณาให้ ก็จะกลายเป็นองค์กรที่ดีในสื่อสภาท่าพระเสาร์ เพียงข้ามคืนทันที) แต่โบราณว่า “ซื่อกินไม่หมด คดกินไม่นาน” วิธีการอันแสนโกงแยบยลที่ สภาท่าพระเสาร์ นำมาใช้กับ 11นิวส์1 นั้น ทำได้ไม่นานนัก ก็ถูก UBD ถอดสัญญาณไม่ให้ใช้ UBD9 เป็นเครื่องมือในการแสวงหารายได้ที่ไม่เป็นธรรมกับ UBD อีกต่อไป การถูกตัดสัญญาณภาพ ด้วยเหตุผลทางธุรกิจเคเบิ้ล UBD ในฐานะเจ้าของช่องสัญญาณ เป็นเหตุให้ช่องทางหารายได้จากการโฆษณาของสถานีข่าว 11นิวส์1 ได้รับผลกระทบอย่างหนัก เนื่องจากเมื่อไม่ได้เผยแพร่ หรือออกอากาศทางเคเบิ้ล ก็เท่ากับว่าลูกค้าในตลาดกรุงเทพฯ หดหายไปในทันที ถึงแม้ว่าจะยังออกอากาศได้ในต่างจังหวัด แต่ก็เป็นตลาดที่มีกำลังซื้อไม่มากนัก เช่น ปตท. ซึ่งทำสัญญาสนับสนุนงบโฆษณาไว้ 60 ล้านบาท หลังจากที่จ่ายเงินไปประมาณ 10 ล้านบาท ก็จำเป็นบอกเลิกสัญญากับสภาท่าพระเสาร์ เช่นกัน เพราะงดแพร่ภาพไปแล้ว สภาท่าพระเสาร์ พยายามทุกวิถีทางที่จะให้ช่อง 11นิวส์1 ได้กลับคืนขึ้นไปอยู่บน UBD9 อีกครั้งหนึ่ง แต่จนแล้วจนรอดฝันของศาสดา ก็ไม่อาจบรรลุเป็นจริงได้ เนื่องจาก UBD ใจแข็งไม่เชื่อมสัญญาณ ช่อง 11นิวส์1 ไม่ว่าจะโดยกรณีใดก็ตาม มีการเจรจากันหลายครั้ง ทั้งบนโต๊ะและใต้โต๊ะ ระหว่างสภาท่าพระเสาร์ กับ UBD และ อสมท. เจ้าของสัมปทาน แต่การเจรจาทุกครั้งก็ล้มเหลวไม่เป็นท่า ศาสดาเชื่อว่าสถานการณ์ที่บีบรัดตัวเขา เกิดขึ้นจากการกระทำของคนในรัฐบาลไทยไม่รักไทย เริ่มจากปรับรายการเมืองสยามรายวัน เป็นเมืองสยามรายสัปดาห์ การถอดสัญญาณภาพ 11นิวส์1 ออกจาก UBD9 การไม่สามารถประกอบธุรกิจหลายช่องทาง ส่งผลเสียหายอย่างใหญ่หลวงต่อสภาท่าพระเสาร์ เพราะเป็นการปิดช่องทางรายได้หลักของเขา การถูกตัดแหล่งรายได้เหล่านี้เอง ทำให้เขาถึงกับฟิวส์ขาด เพราะสื่อระดับเขา เป็นเสือนอนกินที่จะต้องมีรัฐบาล “จัดงบประมาณ” มาบรรณาการให้ เพราะเขากินแต่งบประมาณหลวงมาตลอด มันได้มาง่าย ด้วยความเกรงอกเกรงใจ แต่ต้องกลายมาเป็นถูก “ตัดงบประมาณ” แหล่งทุนที่เคยส่งปัจจัยมาให้ เริ่มทยอยหันหลังหนี ไม่ให้เขาเข้ามาหยิบมาใช้ได้ตามใจชอบเหมือนเดิม ความเสียหายที่เกิดขึ้น จึงบ่มเพาะความแค้นในหัวใจของศาสดาที่รอวันชำระ แต่เขาไม่สามารถรอได้นาน สถานการณ์นี้ ทำให้ความฝันการหวนคืนสู่ความยิ่งใหญ่ “โมกุลแห่งเอเชีย” อีกครั้งของเขา ต้องฝันเปียกไปในที่สุด เพราะการดำเนินรายการโทรทัศน์ หรือสถานีข่าวโทรทัศน์ จำเป็นต้องใช้งบประมาณจำนวนมาก หากไม่มีแหล่งรายได้จากรัฐเข้ามาสนับสนุน ก็ไม่สามารถที่จะเดินหน้าต่อไปได้อย่างอู่ฟู่เหมือนเดิม เนวิน ห้อย คือ ผู้ที่บอกคนแดนไกลว่า อย่าไปยุ่งกับเรื่องนี้ เพราะจะเป็นภัยมาสู่ตัวได้ สภาท่าพระเสาร์รู้สึกว่า ตัวเองถูกโดดเดี่ยว มิตรสหายผู้มากมีอำนาจ ที่เขาชุบขุนเลี้ยงมา ไม่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ ศาสดาจึงโกรธเคืองแค้นเพราะอุตสาห์ดับพรรคสีฟ้า และปั้นรัฐบาลไทยไม่รักไทยกับมือ แต่คนแดนไกล กลับปล่อยให้เขาต้องเผชิญกับความโหดร้าย ของปัญหาหนี้สินจำนวนมหาศาลตามลำพัง ทั้งหนี้ของเก่าที่ยังไม่ลดลงมาก และหนี้ของใหม่ที่เพิ่มพูนขึ้น กู้ใหม่ก็ไม่ได้ จึงพัฒนาเป็นเป็นการมุ่งทำลายล้าง เพื่อให้พ้นไปจากเส้นทางเดินของตน เป็นความแค้นที่เกิดจากความขัดแย้งทางธุรกิจล้วนๆ ไม่มีอะไรปน เมื่อศาสดามั่นใจว่าหมดหวังอย่างสิ้นเชิงแล้ว ว่าไม่มีโอกาสกลับขึ้นไปอยู่บน UBD9 ได้อีก การบันทึกบัญชีเพื่อรอวันชำระแค้นในวันข้างหน้าจึงบังเกิดขึ้น เขาเริ่มคิดแผนการหนามยอก ต้องเอาหนามบ่ง โดยรูปแบบวิธีการเดียวกับที่เคยทำกับ ธาริน แห่งพรรคสีฟ้าเมื่อปี 2542 ในเวลาต่อมารองนายกฯ วิษนุ ชี้แจงเหตุผลทางข้อกฎหมาย และข้อจำกัดในการดำเนินธุรกิจของ UBD จึงต้องยกเลิกการถ่ายทอดสัญญาณของ 11News1 ตลอดไป ดังนั้นผู้ถูกบันทึกลงไปในบัญชีแค้นอันดับหนึ่งก็คือ วิษนุ ผู้กำกับดูแล กรมพีอาร์ และ อสมท.สมัยนั้น และ คนแดนไกล โทษฐานความผิดร้ายแรง ไม่ให้ความช่วยเหลือพวกเดียวกัน บริวารคนใกล้ชิดสภาท่าพระเสาร์บอกเขาว่า คนแดนไกลสั่งให้กลั่นแกล้งเขา เขามั่นใจมากว่าการกระทำกับคนระดับเทพแห่งสื่ออย่างเขา เพียงแค่ อสมท. หรือ วิษนุ ไม่กล้าลงมือแน่นอน ต้องรับไฟเขียวจากคนแดนไกล ต้นรักที่เคยปลูกร่วมกันมาจนเป็นสีชมพู ได้กลายเป็นต้นพันธุ์ความแค้นดอกสีดำในวันนั้นเอง เขามีความต้องการอินฟินิตี้ และความทะเยอทะยานอยากที่จะกลับมาเด่น ในอัตราเร่งสูง เขาเริ่มแผนการแค้นสั่งฟ้าทันที โดยสร้างสถานีข่าวโทรทัศน์ดาวเทียมขึ้นมาใหม่ ในนาม AST แล้วสู้แบบไม่มีทางเลือก คือ เดินสายเจรจาให้เครือข่ายเคเบิลทีวีต่างจังหวัด ถ่ายทอดสัญญาณให้ประชาชนกรุงเทพ และต่างจังหวัดได้รับชม แบบกองทัพมด แต่ทางช่อง 9 ยังเปิดช่องรูหายใจเล็กๆ ให้สภาท่าพระเสาร์ ด้วยการให้เขาโผล่หน้าทำรายการเมืองสยามรายสัปดาห์ ทุกคืนวันศุกร์ รัฐบาลขณะนั้นไม่ใช่แหล่งทุน ขุมทรัพย์ให้กับเครือสื่อแบบสภาท่าพระเสาร์แล้ว เขาจึงเห็นว่าหมดหน้าที่ต้องรับใช้ทุน ความไม่พอใจ กลายเป็นความบาดหมาง พัฒนาเป็นความโกรธ และความแค้นในที่สุด จึงต้องโจมตี แว้งกัดอย่างรุนแรง และหนักหน่วง เพราะผิดหวังอย่างรุนแรงกับรัฐบาลคนแดนไกลนั่นเอง แผนร้ายของเขาจึงอุบัติทันที โดยรายการช่วงหลัง มักจะพาดพิงไปถึงบุคคลที่สามให้เป็นที่น่าหวาดเสียวจะถูกฟ้องเป็นประจำ ในช่วงต้นของการดำเนินรายการ เขาเริ่มจางหายการพูดชื่นชมรัฐบาล แต่เปลี่ยนมาเป็นการโจมตี อภิปราย ไม่ไว้วางใจการทำงานของรัฐบาล และรัฐมนตรีบางคนนอกสภาออกทางสื่อแทนถี่ยิบอีกด้วย โดยทำต่อเนื่องกันทุกสัปดาห์ สร้างความซี๊ดปากกับขาโจ๋ผู้ชมทางบ้านมาก จุดแตกหักระหว่างเขากับช่อง 9 ก็คือ การออกมาโจมตีคนแดนไกลว่ามีพฤติกรรมไม่เหมาะสมและบริหารประเทศ และไม่เคารพเทิดทูนเบื้องสูง ซึ่งไม่เคยมีผู้ดำเนินรายการทีวีคนใด เคยพูดเช่นนี้มาก่อนทางสถานีโทรทัศน์ เนื่องจากเป็นข้อความที่ล่อแหลม เมื่อสภาพการณ์ไปในทางลบ มีคนมาใช้สื่อของรัฐ จัดรายการด่ารัฐบาล ยากที่จะทำใจยอมรับได้ ปี 2548 เดือน มกราคม , อสมท. จึงเรียกคลื่นวิทยุคืนจากสภาท่าพระเสาร์ และต่อมาเดือน กันยายน ปีเดียวกันช่อง 9 จึงสั่งถอดรายการเมืองสยามรายสัปดาห์ออกจากผังรายการ เป็นการยุติการดำเนินธุรกิจของเขาบนสื่อของรัฐอย่างบริบูรณ์ ทั้งโทรทัศน์ และวิทยุ แผนการปลดหนี้ยังไม่สำเร็จ แผนการแสวงหารายได้ใหม่ก็ยังไม่บรรลุตามเป้าหมาย กู้ใหม่ก็ไม่ได้ จะไปหยิบเงินจากตลาดหุ้นมาก็อด ยิ่งทำให้สภาท่าพระเสาร์ ผิดหวังรุนแรงชนิดที่ไม่อาจจะอภัยต่อกันได้ “ตายเป็นตาย เจ้งเป็นเจ้ง” เพราะเงินทองที่ได้มา ก็ล้วนแต่ยักยอกเขามา และเอาภาษีประชาชนจากรัฐไปอยู่แล้ว เขาสัญญากับตัวเองว่า จะทำทุกอย่างเพื่อให้คนแดนไกล พ้นจากตำแหน่งให้ได้ โดยหวังน้ำบ่อหน้ามุกเดิมว่า ผู้นำรัฐบาลใหม่ อาจจะมีส่วนช่วยให้หนี้ก้อนโตนี้พ้นจากตัวเขา ส่วนคนแดนไกลเอง ก็ปากดีเปิดเผยความลับลูกผู้ชายออกมา และยังกล่าวว่า “จนถึงบัดนี้แล้ว ไม่ติดหนี้บุญคุณใครแล้วทดแทนให้ไปหมดแล้ว” และสั่งทนายฟ้องสภาท่าพระเสาร์ ต่อศาล เรียกค่าเสียหายมหาศาลกว่า 2 พันล้านบาท การเผชิญหน้าต่อกัน ได้ก่อสงครามแล้วอย่างเป็นทางการ สภาท่าพระเสาร์พยายามยกตัวเองขึ้นเป็น “ พหูสูตร “ ไม่ว่าจะมีใครถามเรื่องอะไรก็จะตอบไปก่อนทันใด แล้วคนฟังไปสืบหาข่าวเรื่องจริงเอาเองทีหลัง หากไม่ตรงกับสิ่งที่ตัวเองพูดออกไป ก็ทำให้สิ่งที่ตัวเองพูดออกไปเป็นเรื่องจริงเสีย เพราะมีสื่ออยู่ในกำมือเรื่องเท็จก็ทำเป็นเรื่องจริงได้ เรื่องจริงก็ทำให้เป็นเรื่องเท็จ ในช่วงปีนี้จำนวนผู้ชมเคเบิลทีวีท้องถิ่นนั้น เมื่อรวมกันแล้ว มีจำนวนรวมกันกว่า 5 ล้านราย ไม่น้อยกว่าโทรทัศน์ ระบบฟรีทีวี ที่ออกอากาศอยู่ในขณะนั้น หากเปรียบเทียบกับ UBD แล้ว ผู้ชมของเคเบิลทีวีท้องถิ่น มีจำนวนมากกว่าหลายเท่าตัว เขาจึงสร้างกระแสต่อสู้เพื่อเคเบิลทีวีท้องถิ่น ที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ เพื่อดึงเคเบิลทีวีท้องถิ่นมาเป็นพันธมิตร เพื่อถ่ายทอดรายการเมืองสยามรายสัปดาห์สัญจรตลอดเวลา และหากยึดกุมหัวใจของเคเบิลทีวีท้องถิ่นได้แล้ว เขาจะได้รับประโยชน์มหาศาล เมื่อเคเบิลทีวีท้องถิ่นทั้งประเทศ พร้อมใจกันเดินตามเขา สภาท่าพระเสาร์กลายเป็นผู้ผลิตรายการ ป้อนเคเบิลทีวีท้องถิ่นทั้งประเทศ โดยอาศัยรายการเมืองสยามรายสัปดาห์สัญจรเป็นหัวหอก เขาจะมีรายได้มากมหาศาลในวันที่เคเบิลทีวี รวมตัวกันเรียกร้องกดดันรัฐบาล ให้เคเบิลทีวีมีโฆษณาได้ ช่วงนั้นเขาจึงใช้สถานการณ์เมืองสยามรายสัปดาห์ และความไม่ทันเกมของคนในรัฐบาล เป็นตัวเร่งเพื่อให้เกิดเคเบิลทีวีท้องถิ่นเสรี สร้างผลประโยชน์ธุรกิจของตัวเอง รายการฯ บนเคเบิลทีวีท้องถิ่นสามารถมีโฆษณาได้ เขาก็จะมีรายได้มากขึ้นตามไปด้วย เมื่อต้องระเห็จออกมาจากช่อง 9 เขาก็ปรับเปลี่ยนปรัชญาของสื่อมวลชน แบบที่ต้องรับใช้ทุน มาเป็นการเรียกร้องหาเสรีภาพให้แก่สื่อมวลชน ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยเชื่อถือมาก่อน การต่อสู้ของเขา กำหนดยุทธวิธีไว้ชัดเจนว่าจะกำจัด คนแดนไกล ให้พ้นจากตำแหน่งนายกฯ เสมือนการกำจัดขวากหนามทางธุรกิจของตน และต้องทำลายความน่าเชื่อถือของ คนแดนไกลและเครือข่าย ให้ลดลงอย่างรวดเร็ว หากศรัทธาไม่ลดลง โอกาสที่จะล้มคนแดนไกล เป็นเรื่องที่ยากเกินไป เขาคิดแผนสองทางด้วยกัน คือ การโจมตีเรื่องการทำงาน และ การโจมตีเรื่องส่วนตัว การดำเนินรายการเมืองสยามรายสัปดาห์สัญจรครั้งที่ 1-2 จัดที่หอประชุมเล็ก มหาวิทยาลัยเก่าแก่ เป็นการวิพากย์วิจารณ์การทำงาน การคอรัปชัน ของคนแดนไกล และเครือญาติ อย่างรุนแรง ด้วยการแสดงท่าทีที่ใช้ความก้าวร้าว แสดงออกถึงความกล้าหาญที่จะท้าชนกับอำนาจรัฐ โดยเฉพาะคนแดนไกล อย่างไม่เกรงกลัว เป็นแรงดึงดูดใจประชาชน ให้สนใจฟังและติดตามฟัง เนื่องจากท่าทีรุนแรงในลักษณะนี้ เป็นปรากฏการณ์ที่ขาดหายไปนานหลายปีจากสังคมการเมืองไทย เขาโจมตีว่า “ รัฐบาลขณะนั้นเป็นรัฐบาลที่ใช้ไม่ได้ และ คนแดนไกล เป็นนายกฯ ที่เลวร้ายที่สุดเท่าที่ประเทศไทยเคยมีมา“..อ้าว !! หลังจากการดำเนินรายการครั้งที่ 2 ผ่านไป จัดที่สวนลุมพินี ทุกคืนวันศุกร์ จึงมีการทบทวนว่าหากดำเนินยุทธวิธีเช่นนี้ จำต้องรบยืดเยื้อแน่ และการยืดเยื้อไม่เป็นผลดีกับเขา ซึ่งมีปัจจัยเงินอันจำกัด ในขณะที่ไม่สามารถคาดเดาจิตใจประชาชนได้ว่าจะเชื่อถือข้อมูล และตรรกะที่สร้างขึ้นใหม่เพียงใด เนื่องจากก่อนหน้านี้เคยสร้างตรรกะเชลียร์คนแดนไกลไว้อย่างหนักแน่น ในทีมงานของรายการวิเคราะห์ว่า หากยังพูดถึงการบริหารของรัฐบาลแบบนี้ เสียงที่พูดอยู่ในหอประชุมเล็ก มหาวิทยาลัยเก่าแก่ คงไม่ดังไปถึงตึกไทยคู่ฟ้า และประชาชนที่ติดตามฟัง คงจะร่อยหรอลงทุกที จึงมีการปรับยุทธวิธีใหม่ ด้วยการพูดถึงเรื่องที่คนไทยทุกคนต้องหยุดฟัง และคนแดนไกลจำเป็นต้องฟัง ข้อสรุปที่ได้จึงนำมาสู่การพูดเรื่องสถาบัน เพื่อเรียกความสนใจจากประชาชน เรียกความสนใจจากคนแดนไกล และบริวาร พูดเพื่อที่จะได้พูดต่อไป พูดปลุกระดมมวลชนโค่นล้มเหลี่ยม เมื่อตัดสินใจด้วยยุทธวิธีนี้แล้ว เนื้อหาของรายการจึงเปลี่ยนไปจากเดิม โดยใช้สโลแกน "เราจะสู้เพื่อเบื้องสูง " "ถวายคืนพระราชอำนาจ" และ "ขอเป็นยามเฝ้าแผ่นดิน" เนื่องจากเขาเข้าใจลักษณะของสังคมไทย และคนไทยเป็นอย่างดีว่า สถาบันเบื้องสูง เป็นสถาบันเดียว ที่คนไทยจะไม่ยอมให้ผู้ใดมาล่วงละเมิด หรือลบหลู่ดูหมิ่น แม้กระทั่งกระทำการอันเป็นการเสมอเท่าก็ตาม ทำให้มีผู้สนใจเข้าชมรายการเป็นจำนวนมาก มีการนำเสนอประเด็นภาพคนแดนไกล เป็นประธานประกอบพิธีทำบุญประเทศไทย ในพระอุโบสถวัดพระศรีรันตนศาสดาราม , กล่าวถึงเบื้องสูงเสด็จ จังหวัดนราธิวาส ว่าไม่ได้รับความสนใจจาก คนแดนไกล ต้องยอมรับว่ายุทธวิธีของสภาท่าพระเสาร์ได้ผล ประกอบกับความเป็นนักพูดลิ้นสาริกาชั้นเลิศ นักสร้างตรรกะชั้นเยี่ยม ทำให้ประชาชนทั้งประเทศต้องหยุดฟังดั่งต้องมนต์ และเกิดคำถามขึ้นมามากมาย เพราะข้อมูลที่ได้รับจากเขา ทำให้ประชาชนทั้งประเทศเริ่มสับสน และสงสัยว่าคนแดนไกล ในพฤติกรรมไม่บังควร สภาท่าพระเสาร์อาจหาญถึงขั้นอธิบายความแทนความในพระทัย ของเบื้องสูงหลายครั้งหลายหน ว่ามีความรู้สึกเช่นไร ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่พึงกระทำอย่างยิ่ง เขายังคงกล่าวพาดพิงสถาบันอีกหลายครั้ง จนกระทั่งทหารในกองทัพ มีอาการอึดอัด เพราะไม่ต้องการเห็นการ “ ดึงฟ้าต่ำ” และไม่ต้องการให้ผู้หนึ่งผู้ใด ใช้สถาบันเป็นเครื่องมือทำลายผู้อื่น หรือเป็นเกราะป้องกันตัวเองในกรณีที่ทำผิด รวมไปจนถึงการใช้เป็นเครื่องมือแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัว แต่เขาตอบกลับด้วยการบริภาษ ด่าทออันหยาบคาย ต่อข้าราชการที่ปฏิบัติหน้าที่เพื่อรักษาราชบัลลังก์ ในช่วงนั้นเขาจึงรบด้วย "สัญลักษณ์" มากกว่าเนื้อหา และด้วย "ตรรกะแบบศาสดา" มากกว่าข้อเท็จจริง หลักการคือ เขาจะวนอยู่กับประเด็กหลัก 2 ประเด็นคือ สถาบันเบื้องสูง และสมเด็จพระสังฆราช อื้อหือ..ตอนนี้เจาะลึกถึง “จุดแตกหัก” ของเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด จากผลประโยชน์ทางธุรกิจมหาศาล สู่สงครามเปิดหน้าระหว่าง 2 ฝ่าย..ในตอนหน้าจะมาเล่าต่อ ขั้นตอนโค่นแดนไกลทำอย่างไร เสต็บบายเสต็บ หลังโค่นคนแดนไกลลงแล้ว รัฐบาลต่อไป ยังไม่ตอบแทนบุญคุณเขาโดยการไม่ช่วยลดหนี้อีก เขาจะใช้มุกใดจัดการรัฐบาลต่อไป ,เขาทำคุณไสย์น่ารังเกียจอย่างไร และการเจรจาตบทรัพย์ เกิดขึ้นที่ใด ราคาการค้าเท่าใด ช็อตต่อช็อต...ต้องรออ่านตอนหน้า @ เสธ น้ำเงิน2 https://www.facebook.com/topsecretthai อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ พฤศจิกายน 15, 2014 แฉ..ความลับ 2 hours ago · Edited วันที่ 15 พ.ย.57 ไขความลับ..8 ปี เบื้องหลังการประท้วงและเกิดรัฐประหารปี 2549 (ตอน 6) เล่าประวัติศาสดา สภาท่าพระเสาร์ ที่ทุกคนในโลกต้องผิด ตนแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้นคือผู้ถูก ตั้งแต่ตอนแรกชาติกำเนิด ถึงตอนที่ห้า เกิดจุดแตกหักกับคนแดนไกล ชีวิตเขาจึงเวียนอยู่กับตบทรัพย์ ขู่กรรโชก ซึ่งกำลังจะเชื่อมโยงในตอนต่อไปว่า สิ่งที่เขาทำตอนนี้โจมตีให้ร้ายรัฐบาล ก็เพื่อขัดขวางการปฏิรูปประเทศไทย มือไม่พายแต่เอาเท้าราน้ำ ตราบเท่าที่การลดหนี้ธนาคาร โดยการตบทรัพย์ ยังไม่บรรลุผล เป็นเหตุผลเดียวกันกับเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด ที่ผ่านมา ส่วนสาวกที่ยังไม่เปิดใจรับข้อมูลเหรียญสองด้าน ก็แล้วแต่พิจารณาเอง ตอนที่แล้วเล่าถึงเขาพาดพิงสถาบันอีกหลายครั้ง จนกระทั่งทหารในกองทัพ มีอาการอึดอัด เพราะไม่ต้องการเห็นการ “ ดึงฟ้าต่ำ” และไม่ต้องการให้ผู้หนึ่งผู้ใด ใช้สถาบันเป็นเครื่องมือทำลายผู้อื่น หรือเป็นเกราะป้องกันตัวเองในกรณีที่ทำผิด รวมไปจนถึงการใช้เป็นเครื่องมือแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัว แต่เขาตอบกลับด้วยการบริภาษ ด่าทออันหยาบคาย ต่อข้าราชการที่ปฏิบัติหน้าที่เพื่อรักษาราชบัลลังก์ ในช่วงนั้นเขาจึงรบด้วย "สัญลักษณ์" มากกว่าเนื้อหา และด้วย "ตรรกะแบบศาสดา" มากกว่าข้อเท็จจริง หลักการคือ เขาจะวนอยู่กับประเด็กหลัก 2 ประเด็นคือ สถาบันเบื้องสูง และสมเด็จพระสังฆราช ** ความเดิมตอนที่ผ่านมา จุดแตกหัก เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด ที่แท้เบี้ยวเงินกัน ที่https://www.facebook.com/topsecretthai/posts/286888414834526 เขาได้เตรียมการไว้ล่วงหน้า นำเสนอเสื้อสีเหลือง "เราจะสู้เพื่อเบื้องสูง" นอกจากนี้เขายังสร้างภาพความสัมพันธ์ลักษณะจาก "มิตรกลายเป็นศัตรู" และเป็นมิตรที่รู้ข้อมูลภายใน ข้อมูลขั้นลึก ขั้นความลับของคนแดนไกลดีที่สุดคนหนึ่ง หลักการซ้อแปดขุดเรื่องฉาวดารา เมื่อมาเป็นศัตรูต่อกัน ข้อมูลที่ถูกปิดลับทั้งหมด ก็จะค่อยๆ ถูกนำเสนอให้ประชาชนทีละเรื่องๆ ช่วงนั้นถ้าประชาชนอยากรู้อยากเห็นเรื่องคนแดนไกล จะต้องติดตามจากสภาท่าพระเสาร์ซึ่งเป็นผู้รู้ดี และมีข้อมูลเกี่ยวกับคนแดนไกลมากที่สุดคนหนึ่งในประเทศ รายการของเขา ได้มีเก็บรวบรวมเสียงบันทึกรายการ ในเว็บไซต์หนังสือพิมพ์สภาท่าพระเสาร์ ขณะนั้นทำให้ผู้คนเข้าเว็บไซต์เพิ่มขึ้นประมาณเกือบสองเท่า (จากประมาณ 80,000 เป็น 150,000 คนต่อวัน) นอกจากนี้ได้มีการแจกซีดีบันทึกเสียงจากรายการ ให้แก่ประชาชนที่บริเวณหน้าวัดพระแก้วและ และจำหน่ายวีซีดี และเสื้อเมืองสยามรายสัปดาห์สัญจร ฉากหน้าเขาอาศัยคำว่า “เราจะสู้เพื่อเบื้องสูง” มาเป็นเครื่องหมายการค้าของตนเอง และหารายได้จากการขายเสื้อหลายแสนตัว , ขาย CD ไม่น้อยกว่า 2 ล้านแผ่น , ขายหนังสือฯ อีกปริมาณมาก รายการเมืองสยามรายสัปดาห์มีความน่าสนใจ ทั้งในด้านของรูปแบบและเนื้อหา จากการอภิปรายเพียงอย่างเดียว เป็นการอภิปรายโดยมีดนตรีเพื่อชีวิตเป็นแนวร่วม และเริ่มมีพิธีกรรม การจุดเทียน การชูธงเหลือง อันเป็นการสร้างกิจกรรมร่วม เพื่อให้มีผลทางจิตใจ นั่นคือการยอมรับคนแดนไกลไม่ได้แล้ว การอภิปรายจะเป็นลักษณะการปลุกเร้า เพิ่มระดับความรุนแรง และถ้อยคำมากขึ้นทุกสัปดาห์ สร้างความสะใจให้แก่ประชาชนที่ติดตามฟัง และเริ่มคล้อยตามตรรกะแบบสภาท่าพระเสาร์ไปแล้ว ช่วงนั้น ฤษีขี่เต่า มีความห่วงใยที่มีต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจากการปลุกปั่นกระแสของสภาท่าพระเสาร์ ที่ใช้สถาบันเบื้องสูงเป็นเครื่องมือ ลักษณะกำลังโหนกำแพงวังสู่เป้าหวังของตัวเอง โดยมีคำเตือนดังกล่าวเผยแพร่สื่ออื่นๆ คือ “คงไม่ใช่กองทัพอย่างเดียว ในส่วนที่เป็นองคมนตรีเห็นว่า มีการอ้างอิงสถาบันจากหลายๆ ฝ่าย เป็นการกระทำที่ไม่เหมาะไม่ควร เพราะสถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นสถาบันสูงสุดที่ไม่ควรอ้างอิง และเกี่ยวข้องกับทางการเมือง เมื่อเป็นสถาบันที่เรายกย่อง ศรัทธา เป็นสถาบันที่เราเคารพนับถือ ก็ไม่ควรนำมาเกี่ยวข้องกับเรื่องการเมือง การเมืองก็ควรจะแก้ด้วยการเมือง” ข้อความที่เต็มไปด้วยความไม่สบายใจ และห่วงใยจากฤษีขี่เต่า เช่นนี้ไม่พบในสื่อของสภาท่าพระเสาร์ เพราะสื่อของเขาไม่มีหน้าที่รับใช้สังคม หากแต่มีหน้าที่ “ต้องรับใช้ทุน” รับใช้เงินที่ศาสดานำมาฟาดหัวและจ่ายแจก และกำลังโคนคนแดนไกล ที่ไม่ทำงานตามที่ศาสดาต้องการ เมื่อถูกเบรกการพูดพาดพิง แอบอ้างสถาบัน ทั้งจากองคมนตรีและกระแสสังคม ที่เริ่มตั้งคำถามมากมายกับการเคลื่อนไหว ในประเด็นนี้สภาท่าพระเสาร์ ก็เปลี่ยนประเด็นการนำเสนอ มาเป็นเรื่องสิทธิเสรีภาพของสื่อมวลชน ซึ่งที่ผ่านมาสำหรับเขาแล้วสื่อมีหน้าที่ต้องรับใช้ทุน เพราะสื่อมีกำหนดมาจากทุน เมื่อมีการลงทุนก็ต้องแสวงหากำไร แต่ด้วยวาทศิลป์ชั้นเลิศของเขา ทำให้ประชาชนหลงลืมคิดไปว่า เขาเคยดูถูกสื่อมวลชนอาชีพ และนักวิชาการที่เรียกร้องเสรีภาพของสื่อ ในช่วงที่เขายังได้รับทรัพย์สินเงินทองขณะอยู่ข้างรัฐบาลคนแดนไกล และกอบโกยรายได้จากค่าโฆษณาอย่างมีความสุข การจุดประเด็นเรื่องสิทธิเสรีภาพของสื่อ ทำให้สื่อมวลชนจำนวนมาก “ติดเบ็ด” มีอาการรู้ร้อนรู้หนาว จนต้องสำแดงอาการมีส่วนร่วมกับการต่อสู้ของเขา ด้วยการทำพีอาร์ข่าวการต่อสู้ของเขาไปด้วย ซึ่งก็เข้าทางเขาอีกเช่นกัน เพราะแผนการปลุกระดมสื่อให้เข้ามาเป็นแนวร่วม เพื่อไปปลุกระดมมวลชนสำเร็จไปแล้ว จากที่ก่อนหน้านี้เขาต้องสู้เพื่อผลประโยชน์ของเขาอยู่เพียงลำพัง แต่วันนี้สื่อทั้งหลายได้ตามก้นเขา เพื่อช่วยกันปกป้องผลประโยชน์ของเขาด้วย เขาจึงฉวยโอกาสงามชูประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อให้ลดอำนาจของนายกฯ ลง อ้างว่าเพื่อให้องค์กรภาคประชาชนสามารถตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐได้..เป็นคำหรูที่เขาตกเบ็ดล่อเยื่อนั่นเอง เพราะเขาแทบไม่รู้ความหมายมันด้วยซ้ำ ว่าคืออะไรในช่วงที่เขารับค่าโฆษณาอู่ฟู่จากรัฐอยู่ ความคาดหวังที่สภาท่าพระเสาร์ มีต่อ คนแดนไกล และต้องผิดหวังนั้น หากคำนวณเป็นมูลค่าทางธุรกิจแล้วมีจำนวนไม่น้อยกว่าหลัก 400 ล้านบาท ซึ่งอาจจะเป็นเงินไม่มากนักสำหรับ คนแดนไกล ในวันนั้น แต่เป็นจำนวนไม่น้อยเลยสำหรับคนที่เพิ่งพ้นสภาพบุคคลล้มละลายอย่างเขา จากความผิดหวังที่เกิดขึ้น ได้แปรเปลี่ยนมาเป็นความโกรธ และความแค้นตามลำดับ แต่ยังคงสามารถที่จะเคลียร์กันได้ ตามประสานักธุรกิจด้วยกัน แต่อาจจะต้องมีราคาแพงถึงหลักพันล้านบาท เลยทีเดียว ขึ้นอยู่กับว่าจำนวนหัวของผู้ที่มาชุมนุมกันอยู่ในสวนลุมพินี ทุกเย็นวันศุกร์ขณะนั้น ปี 2548 เดือนธันวาคม เขาปลุกระดมประชาชนให้มารวมตัวกันที่สวนลุมพินี ในขณะที่ตัวเองแอบหลบไปพึ่งชายผ้าเหลืองหลวงตาบัวที่วัดป่าบ้านตาด อุดรฯ เพราะยิ่งมีจำนวนหัวมาก ราคาเคลียร์ก็ยิ่งสูง แต่หากมีจำนวนหัวไม่มากตามที่ประกาศไว้ ราคาเคลียร์ก็อาจจะต้องมาตกลงกันใหม่ จึงเป็นเหตุผลหนึ่งที่เขาต้องการยอด 5 แสนคน นี่เป็น “ราคาต้นทุน” ของการระดมพลังมวลชน และผลประกอบการที่อาจจะได้รับที่มิอาจประเมินได้ มีผลกำไรเกิดขึ้นตามปรัชญาการทำงานของนักธุรกิจที่ต้องได้กำไรสูงสุด ด้วยกลเกมของผู้เล่นที่ช่ำชองประสบการณ์ โดยมีประชาชนเป็นเบี้ยด้วยความสมัครใจ และด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ปี 2549 เดือนมกราคม สภาท่าพระเสาร์, พร้อม อดีต ส.ว. , ส.ส. , ข้าราชการ และพวก เดินนำประชาชน จากที่สวนลุมพินี กว่า 3,000 คน เดินเท้ามายังหน้าทำเนียบรัฐบาล เพื่อกดดันให้คนแดนไกล ลาออกจากตำแหน่ง มีบางส่วนที่บุกรุกเข้าไปทำลายทรัพย์สินของทางราชการ เขาฉวยจังหวะกรณีการขายหุ้นชิน ที่หลีกเลี่ยงภาษี ปลุกระดมให้มีผู้ร่วมชุมนุมมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ต่อมาเดือนกุมภาพันธ์ คนแดนไกล ประกาศยุบสภา และจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่เดือน เมษายน.. การขับไล่ของสภาท่าพระเสาร์สำเร็จ มีนาคม ไทยไม่รักไทยจัดการปราศรัยใหญ่ ที่ท้องสนามหลวง โดยคนแดนไกลปราศรัย มีการใช้อำนาจรัฐบาลรักษาการ เกณฑ์ และ จ้างประชาชนต่างจังหวัด เดินทางมาฟังปราศรัยจำนวนมาก จนเต็มท้องสนามหลวง ถัดมาอีกสองวัน พันธมิตรฯ โดยแกนนำทั้งห้า นำประชาชนจำนวนหนึ่งปิดล้อมทำเนียบรัฐบาล เพื่อกดดันทุกวิถีทาง ให้คนแดนไกล ลาออกจากตำแหน่งนายก และเว้นวรรคทางการเมือง และต้องตรวจสอบทรัพย์สินทั้งหมด แต่คนแดนไกล ยื้ออำนาจไว้สุดฤทธิ์ เดือนมีนาคม 2549 นายธนกร ผู้มีอาการทางจิตและภาวะซึมเศร้า เข้าทำลายรูปปั้นท้าวมหาพรหม ใจกลางกรุงเทพฯ ซึ่งภายหลังถูกชาวบ้านทุบตีจนเสียชีวิต ทำให้สภาท่าพระเสาร์ คิดมุกใหม่ หยิบยกมาปลุกปั่นในการชุมนุมว่า คนแดนไกล จ้างบงการให้เกิดการทำลายเทวรูป ดังกล่าว ผ่านทางมนต์ดำเขมร และแทนที่เทวรูปพระพรหมด้วย "อำนาจมืด" ซึ่งเอื้อประโยชน์ให้กับเขา ต่อมาบิดาของนายธนกร ผู้มีอาการทางจิตและตาย กล่าวว่าศาสดาเป็น "คนโกหกคำโตที่สุดที่เคยเจอมา" และจนถึงปัจจุบัน ถ้าใครให้เขาพูดเรื่องนี้ เขายังคงปฏิเสธจะให้ข้อมูลแก่สาธารณชนในเรื่องดังกล่าว เพราะเขาเพียงมโนขึ้นมาเท่านั้น เดือน เมษายน 2549 มีการเลือกตั้ง ส.ส. ซึ่งพรรคฝ่ายค้านสามพรรค ประกาศว่าจะไม่ส่งผู้สมัครลงรับการเลือกตั้ง ซึ่งในการเลือกตั้งมีปัญหาอยู่หลายอย่าง คือ มีแค่ผู้สมัครพรรคใหญ่ ไทยไม่รักไทยเพียงพรรคเดียว , มีการจ้างพรรคเล็กลงเป็นไม้ประดับคู่เทียบ , กกต. หันคูหาออกด้านหน้าทำให้มองเห็นได้ว่าใครกาเบอร์ใด ได้คะแนนไม่ถึงร้อยละ 20 , การฉักบัตรเลือกตั้ง มากที่สุดในประวัติศาสตร์ , ส.ส. มีจำนวนไม่ครบในสภา จนกระทั่งไม่สามารถเปิดประชุมสภาได้ ในเวลา 6 วันต่อมา ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ให้การเลือกตั้ง เป็นโมฆะ และจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ ในวันที่ 15 ตุลาคม 2549 และศาลอาญาลงโทษจำคุก และเพิกถอนสิทธิการเลือกตั้ง กกต. 3 คน ในการรณรงค์ขับไล่คนแดนไกลช่วงนี้ ในกลุ่มที่แสดงความคิดเห็นให้คนแดนไกลลาออกก็มีความเห็นที่แตกต่างกันเป็นหลาย ๆ กลุ่ม ในเรื่องกระบวนการ และประเด็นในการขับไล่ ส่วนในกลุ่มที่สนับสนุนคนแดนไกล เป็นฐานเสียง ส.ส.ต่างจังหวัด กลุ่มคาราวานคนจน และม็อบขบวนรถอีแต๋นมาจากต่างจังหวัด เหล่านี้ได้รับท่อน้ำเลี้ยงจ่าย จากคนแดนไกลเต็มพิกัด ในอัตราจ้างวันละ 500 บาท จึงได้รวมตัวชุมนุมเพื่อหนุนคนแดนไกล โดยปักหลักอยู่ที่สวนจตุจักร และตามจังหวัดต่าง ๆ ของประเทศไทย เดือน กันยายน 2549 ช่วงต้นเดือน ได้มีกลุ่มเครือข่ายแพทย์ เภสัชกร พยาบาล และอาจารย์มหาวิทยาลัย 43 องค์กร 11 มหาวิทยาลัย ล่าชื่อกว่า 92 คน ปลุกกระแส "ต้านเหลี่ยม" และออกแถลงการณ์ให้ คนแดนไกล ยุติบทบาท จากการดำรงตำแหน่งนายกฯ ทันที หลักการคล้ายๆ หลายกลุ่มมีเป้าหมายเดียวกัน และขึ้นรถไฟขับไล่คนแดนไกลขบวนเดียวกัน โดยมีการขึ้นรถไฟระหว่างกลางทาง มาเป็นระยะและเป็นกลุ่มก้อน เพราะช่วงนั้นเห็นว่าคนแดนไกลทุจริตเอาเปรียบ กรณีขายหุ้น 7.6 หมื่นล้านบาท แล้วไม่จ่ายภาษีสักบาท คนชั้นกลางเลยรับวิธีการซิกแซ็กแบบนี้ไม่ได้ เดือน ธันวาคม 2549 ช่วงก่อนกลางเดือน คนแดนไกล เดินทางออกนอกประเทศ ไปยังนครนิวยอร์ก อเมริกา เพื่อเข้าร่วมประชุม UN ที่เขาบอกมาตลอดว่าไม่ใช่พ่อของเขา สภาท่าพระเสาร์ และแกนนำพันธมิตรฯ จัดกำหนดการที่จะเดินขบวนใหญ่ต่อต้าน คนแดนไกลในวันที่ 20 กันยายน 2549 ก่อนที่จะมีเดินขบวน มีการปล่อยข่าวลือจากเครือข่ายสภาท่าเสาร์ว่าจะมีเหตุการณ์นองเลือด เกิดการปะทะกันของม็อบชนม็อบ วันที่ 19 กันยายน 2549 เวลากลางคืน บิ๊กบัง ยึดอำนาจรัฐบาลคนแดนไกล ระบุว่ามีการบริหารราชการแผ่นดินโดยมิชอบธรรม และสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน , ได้ประกาศยุบสภา และยกเลิกรัฐธรรมนูญ 2540 ให้อำนาจหน้าที่ของนายกฯ เป็นของหัวหน้า คมช. คนแดนไกลไม่กล้าเขาประเทศเพราะเกรงจะถูกจับ และสมาชิกหลายคนใน ครม. เขาถูกเรียกตัวไปสอบสวน สภาท่าพระเสาร์ และแกนนำพันธมิตรฯ จึงประกาศยกเลิกการประท้วงในครั้งนั้น และประกาศสลายตัวไประยะหนึ่ง หลังการรัฐประหาร สภาท่าพระเสาร์ เดินทางไปทัวร์ยัง ลอนดอน อังกฤษ , วอชิงตัน และนิวยอร์ก อเมริกา เพื่อไปเฉลิมฉลองกับพันธมิตรฯ ที่อยู่ต่างประเทศ ในระหว่างที่เขาเดินทางนั้น เขายังได้เพิ่มเงินกองทุน เพื่อธุรกิจดาวเทียมของเขาด้วย และเขาได้ใช้เงินเกือบ 420 ล้านบาทที่ได้มาจากการประท้วงของพันธมิตรฯ อื้อหือ..ซี๊ดปากจริงๆ จิ๊กซอที่หลายคนยังแหว่งอยู่ ถูกค่อยๆ เติมเต็มความคับข้องใจทีละน้อยๆ แบบไม่ต้องเร่ง เพราะเรื่องพวกนี้แต่ละคนรับรู้มาไม่เท่ากัน ที่เพจนี้ไม่ได้ต้องการให้ใครเชื่อ เพียงอยากให้ได้อ่าน แล้วไปนั่งคิดเงียบๆ หรือพุดคุยกัน แล้วลองพิจารณาเทียบเคียงกับสถานการณ์ ณ ช่วงเวลานั้นๆ กับสิ่งที่เล่ามาว่ามันสอดคล้องกันหรือไม่ ในตอนหน้า จะทำให้คนอ่านถึงกับนั่งๆ อยู่ตกเก้าอี้ได้ เพราะมันเป็นข้อมูลลับสุดติ่ง ทำไมต้องไล่หม่อมอุ๋ยก้างชิ้นใหญ่ และทำไมต้องโหวตโน ? ที่แทบจะหาดูที่ไหนไม่ได้มาก่อน..อ่านตอนหน้า แล้วจะรู้ว่าพริกขี้หนูเผ็ดยังชิดซ้าย !! @ เสธ น้ำเงิน2 https://www.facebook.com/topsecretthai อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ พฤศจิกายน 15, 2014 อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ พฤศจิกายน 15, 2014 สมเด็จพระเทพฯ ทรงขึ้นบ้านใหม่ เลขที่ 905 อุทัยธานี และพระองค์ทรงใส่บาตรที่ตลาด "ทรงพระเจริญ อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ พฤศจิกายน 15, 2014 "เสธ.บุรินทร์ฟ้องสาวโพสต์เฟซบุ๊คหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ" คมชัดลึก.......วันเสาร์ที่ 15 พฤศจิกายน 2557 15 พ.ย. 57 เมื่อเวลา 15.00 น. พ.ท.บุรินทร์ ทองประไพ นายทหารพระธรรมนูญ สังกัดกองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ม.2) ได้เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.ณัฐพงษ์ เกิดเอี่ยม พงส.ผนพ.กก.1 บก.ป. เพื่อแจ้งความดำเนินคดี กับ น.ส.จารุวรรณ (ขอสงวนนาม) อายุ 26 ปี ในข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ พร้อมทั้งนำเอกสารที่เป็นหน้าเฟซบุ๊กพร้อมข้อความที่ น.ส.จารุวรรณ โพสต์มาเป็นหลักฐาน พ.ท.บุรินทร์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบพบว่า เฟซบุ๊กของ น.ส.จารุวรรณ มีการโพสต์ข้อความและรูปภาพที่หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องร้ายแรงมาก จึงต้องการให้เจ้าหน้าที่รีบดำเนินการประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ปิดเฟซบุ๊กดังกล่าว ก่อนที่จะสร้างความเสียหายมากกว่านี้ ด้าน พ.ต.ท.ณัฐพงษ์ กล่าวว่า เบื้องต้นได้รับเรื่องดังกล่าวไว้ ก่อนจะรวบรวมพยานหลักฐาน พร้อมประสานงานไปยังกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) เพื่อตรวจสอบเฟซบุ๊กดังกล่าว ทั้งนี้จะเชิญตัวผู้ถูกกล่าวหามาสอบปากคำเพิ่มเติม และจะรายงานเรื่องไปยังผู้บังคับบัญชาทราบต่อไป อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ พฤศจิกายน 15, 2014 ตำรวจแกะรอยหาตัว"จารุวรรณ"หมิ่นเบื้องสูง http://goo.gl/07TT7Y โดนแล้ว อาญา ม. 112 และ พรบ.คอมพ์ น.ส.จารุวรรณ เอี่ยมพงษ์ อายุ 26 ปี บ้านเลขที่ 102 หมู่ 15 ต.ยางสาว อ.วิเชียรบุรี จ.เพชรบูรณ์ แจ้งความเอาผิด ในข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ หยาบคาย ต่ำ สถุลมาก เกินกว่าที่จะรับได้ พ.ท. บุรินทร์ ทองประไพ นายทหารพระธรรมนูญ สังกัดกองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ ต้องการให้เจ้าหน้าที่ รีบดำเนินการประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้ปิดเฟซ ก่อนที่จะสร้างความเสียหายมากกว่านี้ อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ พฤศจิกายน 16, 2014 ทหารปฏิรูปประเทศไทย added 7 new photos. 9 mins · วันที่ 16 พ.ย.57 อ้าปากค้า..มะกันหมดมุก บอกภาพรัสเซียแฉเป็น "ของเทียม" กรณีที่รัสเซีย เผยแพร่ภาพถ่ายดาวเทียม เป็นภาพของเครื่องบินขับไล่ยูเครน กำลังยิงขีปนาวุธอากาศสู่อากาศใส่เครื่องบินของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ส จนตกทางภาคตะวันออกของยูเครนเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2557 ทำให้ผู้โดยสารและลูกเรือรวม 298 คนเสียชีวิตทั้งหมด ล่าสุด กระทรวงการต่างประเทศมะกันแถลงตอบโต้ว่าเป็นภาพที่มีการ ตัดต่อ และเป็น "ภาพเทียม " ทั้งระบุว่า ทางการรัสเซียพยายามสร้างความสับสน ของข้อมูลข่าวเหตุเครื่องบินมาลเซียแอร์ไลน์ ก๊าก...เป็นภาพเทียม คำนี้คุ้นมาก คล้ายๆ เสืี้อแดงเทียม , ชายชุดดำก่อการร้ายเทียม ฯลฯ มันระบาดไปจากไหนกันล่ะนี่ เอ้า..ไหนๆ มะกันว่ารัสเซียเป็นภาพเทียม แล้วภาพที่ 2-3 นี่ใครทำเทียมมาล่ะนี่ จนคนโดนหลอกต้มไปทั่วโลกเลย เพราะมีคนชอบเทียมๆ นี่แหละ..เวลาถูกจับได้ว่าพี้กัญชา ก็บอกกัญชาเทียม..กรรม !! @ เสธ น้ำเงิน1 http://www.facebook.com/thailandcoup อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น