ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
ginger

ใบไม้ผลิบนดวงจันทร์

โพสต์แนะนำ

 

กินเนื้อขาว ลดโอกาสเป็นมะเร็งตับ

มะเร็งตับเป็นมะเร็งที่พบได้บ่อยที่สุดประเภทหนึ่ง โดยเฉพาะในชาวเอเชียตะวันออก (จีนและญี่ปุ่น) ในปี 2551 กระทรวงสาธารณสุขไทย รายงานว่ามะเร็งตับเป็นสาเหตุของการตายและเจ็บป่วยเรื้อรังจากสาเหตุการตายก่อนวัยอันควรเป็นอันดับ 1 และเป็นมะเร็งที่พบบ่อยอันดับ 1 ในชายไทยและอันดับ 5 ในหญิงไทย

ปัจจัยเสี่ยงหลักในการเพิ่มโอกาสเป็นมะเร็งตับ ได้แก่ การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบชนิดบี หรือชนิดซี โรคตับแข็ง และสารอะฟลาท็อกซิน (aflatoxin) ที่ปนเปื้อนในอาหาร นอกจากนี้ การดื่มสุรา ความอ้วน สูบบุหรี่ และเบาหวาน เกี่ยวข้องกับการเพิ่มโอกาสเสี่ยงต่อมะเร็งตับด้วย ในคนไทย (โดยเฉพาะชายไทย) ซึ่งดื่มสุรา เครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากเป็นอันดับ 5 ของโลก และคนไทยเราเป็นพาหะไวรัสตับอักเสบมากถึงกว่า 6 ล้านคน รวมทั้งภาวะอ้วน เบาหวานที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้การเกิดมะเร็งตับในคนไทย เป็นปัญหาสำคัญในบ้านเรา

การศึกษาที่ผ่านมา ทำให้เราได้เรียนรู้ว่าการกินอาหารบางประเภท โดยเฉพาะเนื้อแดง เนื้อหมู หรือเนื้อสัตว์ที่ใหญ่กว่าหมู และเนื้อปรุงแต่ง เช่น ไส้กรอก เบคอน แฮม ซาลามิ เพิ่มโอกาสเกิดโรคมะเร็งบางชนิด เช่น มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งปอด มะเร็งเต้านม ส่วนการกินเนื้อขาว (เช่น ปลา ไก่) ไม่เพิ่มโอกาสเกิดโรคมะเร็งหลายชนิด

คำถามที่ตามมาคือ แล้วสำหรับโรคมะเร็งตับ การกินเนื้อสัตว์ประเภทต่าง ๆ จะเพิ่มหรือลดโอกาสเป็นมะเร็งตับด้วยหรือไม่

เพื่อตอบคำถามดังกล่าว นักวิจัยจากโรงพยาบาลมะเร็งในประเทศจีนแห่งหนึ่งจึงได้ทบทวนและรวบรวมองค์ความรู้จากฐานข้อมูลทั่วโลก 3 ฐานข้อมูลใหญ่จนถึงเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2556 ทั้งการศึกษาในชาวเอเชีย ยุโรป และอเมริกัน พบว่า การกินเนื้อแดงและเนื้อปรุงแต่ง ไม่ได้เพิ่มโอกาสเป็นมะเร็งตับอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะไม่สามารถสรุปได้ว่า การกินเนื้อแดง เนื้อปรุงแต่ง จะเพิ่มโอกาสเป็นมะเร็งตับ แต่ก็อย่ากินมากเกินไป (คือ ไม่ต้องกินเนื้อแดง เนื้อปรุงแต่งทุกมื้อ เลี่ยงได้เลี่ยง หรือกินให้น้อย) แต่การกินเนื้อขาวกลับลดโอกาสเป็นมะเร็งตับ เมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่ได้กิน

การศึกษานี้พบว่า การกินเนื้อสัตว์ปีก (เนื้อขาว เช่น เป็ด ไก่) ลดโอกาสเป็นมะเร็งตับร้อยละ 31 การกินเนื้อปลา ลดโอกาสเป็นมะเร็งตับร้อยละ 22 อย่างไรก็ตามก็ไม่ใช่แนะนำให้กินแต่เป็ด ไก่ ปลามาก ๆ ทุกมื้อทุกวัน เพื่อป้องกันมะเร็งตับ เพราะการกินเนื้อสัตว์รวมทั้งปลามากเกินไป ก็อาจเพิ่มโอกาสได้รับสารตกค้างในเนื้อสัตว์ เช่น สารไดออกซิน ปรอทในปลาทะเล สารตกค้างในเนื้อไก่ เป็นต้น

ดังนั้นคำแนะนำในการกินเนื้อสัตว์เพื่อป้องกันมะเร็ง โดยเฉพาะมะเร็งตับ น่าจะเป็นการลดการกินเนื้อแดง เนื้อปรุงแต่งไม่เกินวันละ 50 ถึง 100 กรัม (หนักประมาณเหรียญ 5 บาท 6 ถึง 12 เหรียญ) และกินปลาขนาดกลางประมาณ 2 ถึง 3 ตัวต่อสัปดาห์ กินเนื้อไก่ (ไม่ติดหนัง ติดมัน) วันละ 1 ถึง 2 มื้อ ไม่จำเป็นต้องกินเนื้อขาวทุกมื้อ กินโปรตีนจากพืชแทน เช่น ถั่วเห็ด สาหร่าย เต้าหู้ เป็นต้น

นอกจากนี้ การงดสูบบุหรี่เลิกดื่มสุรา การลดความอ้วน การไม่กินยาหรืออาหารที่มีพิษต่อตับการดูแลสุขภาพให้แข็งแรง ออกแรง ตากแดด ทำจิตใจให้บริสุทธิ์ (เจริญอานาปานสติสมาธิ) เป็นประจำ ก็ช่วยให้ภูมิคุ้มต้านทานต่อไวรัสดีขึ้นก็จะลดโอกาสเสี่ยงจากการเป็นโรคมะเร็งตับ

วันนี้ คุณ "รักษ์ตับ" แล้วหรือยัง?

นพ.สมเกียรติ แสงวัฒนาโรจน์

สาขาวิชาโรคหัวใจและหลอดเลือด ภาควิชาอายุรศาสตร์

คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

http://health.kapook.com/

 

10393934_777967478918933_6365971402006850800_n.jpg?oh=f23007738ea537e2cd935ede33c1faf6&oe=556EDBCA&__gda__=1432974403_02f8f15d070db1679487c917758811c0

 

 

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

10945522_879226215507663_7040885152825862052_n.jpg?oh=c378ece42f377742f0b764308942d5f7&oe=5559CFB5&__gda__=1431323871_f706ca8da18c08b3132319100d0b4495

แจกรัก อิ่มท้อง อิ่มตา อิ่มใจ

ระวังพุงด้วย +____-

 

10978557_879226688840949_1420111919810055341_n.jpg?oh=5406bd33262ac95a1b4f1fe30cad9e14&oe=555DC66B&__gda__=1430919169_ebee37095ed9a513b81835e4676e43f8

 

10933908_879226915507593_4705296286926714653_n.jpg?oh=06b370d53a7a7b04e7413c30b8016a3b&oe=556E1A9B

 

10955693_879227222174229_4797418352556539880_n.jpg?oh=f0ac259e3f744057e8e5bc444bef3c8d&oe=556B3CCE&__gda__=1432820388_169a8cf282b82864699ff68a35eeb66b

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

1795613_777975145584833_1685197787616641611_n.jpg?oh=bf29b8a8396974bdc51f4812f06bc6a3&oe=55502ADE

1. ฟัก มีสรรพคุณเป็นยารสเย็น ช่วยขับของเสียออกจากร่างกาย ขับปัสสาวะ ลดอาการบวม หรือถ้าบางรายพักผ่อนน้อยเป็นร้อนในจะสามารถช่วยให้สดชื่นได้ และยังสามารถบรรเทาอาการตับอักเสบทั้ง A B และ C แต่ต้องกินอย่างต่อเนื่อง

2.มะระ มีสรรพคุณเป็นยารสเย็น บรรเทาอาการร้อนใน แก้อักเสบ เจ็บคอ และสำหรับคนที่เป็นงูสวัดสามารถคั้นน้ำมะระผสมน้ำส้มสายชูทาบริเวณที่เป็นอาการจะดีขึ้น ถ้ากินป็นระยะเวลานานอย่างต่อเนื่องจะสามารถลดอาการเบาหวานได้

3.ผักชี มีสรรพคุณเป็นยาขับพิษได้ คนที่เป็นหวัดสามารถกระทุ้งไข้หวัดขับพิษได้ ถ้าเรากินยาพาราเซตามอลจะเพียงแค่บรรเทาแต่ถ้ากินน้ำต้มผักชีจะสามารถกระทุ้งพิษ ขับเหงื่อออกมาและหวัดก็จะหาย สำหรับเด็กที่เป็นหัด อีสุกอีใส ให้คั้นน้ำผักชีมาเช็ดตัวจะทำให้พิษไม่หลบใน

4.กุยช่าย มีสรรพคุณช่วยบำรุงไต บำรุงกำหนัด จะกระตุ้นความรู้สึกทางเพศ และถ้าตำผสมเหล้าเล็กน้อยจะสามารถช่วยแก้ช้ำในได้เพราะจะช่วยกระจายเลือดไม่ให้คั่ง และคนจีนนิยมกินกุยช่ายเพื่อช่วยเพิ่มความอบอุ่น

5.ใบขี้เหล็ก มีสรรพคุณเป็นยาเย็น รสขม เป็นยาสำคัญที่ช่วยให้นอนหลับง่าย คลายเครียด สำหรับคนที่ไม่ต้องการกินยานอนหลับให้นำใบขี้เหล็กมาต้มดื่มน้ำถ้าอยากให้นอนหลับดี ลองใส่ดอกมะลิลงไปจะทำให้หอมสดชื่น และสำหรับคนที่มีธาตุเย็นอยู่แล้วให้ใส่ขิงสัก 1-2 แว่นเพื่อให้ธาตุสมดุลไม่เย็นเกินไป

6.ใบตำลึง มีสรรพคุณช่วยระบายความร้อน แก้ร้อนใน ขับพิษร้อน สำหรับคนที่อดนอนเสียงแหบดื่มน้ำต้มใบตำลึงจะทำให้สดชื่นขึ้นและยังบรรเทาอาการผิวอักเสบ ถ้าเป็นงูสวัดให้คั้นน้ำนำมาทาบริเวณที่เป็นจะช่วยให้หายได้

7.หอมหัวใหญ่ มีสรรพคุณช่วยลดการอุดตันไขมันในเส้นเลือด ถ้ากินประจำจะสามารถลดคอเลสเตอรอลในเลือดได้ ช่วยบรรเทาอาการแผลอักเสบ นำมาตำผสมกับเหล้าเล็กน้อยและนำมาพอกจะสามารถระบายความร้อน กระจายเลือดคั่ง ลดการอักเสบบวมได้

มีสรรพคุณเป็นยาที่ขับพิษได้ดี รวมทั้งขับปัสสาวะ แก้โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ ถ้ากินอย่างต่อเนื่องจะสามารถป้องกันเนื้อร้ายและต้านมะเร็ง และคนที่มีอาการของโรคลมชักก็จะลดลง ถ้านำมาต้มดื่มน้ำจะช่วยให้ผ่อนคลายและสดชื่นได้

8.ใบกะเพรา มีสรรพคุณช่วยขับลม แก้ท้องอืด แน่น เฟ้อ ถ้านำใบกะเพรา 1-2 กำมาต้มกินจะช่วยลดความดันได้ แต่ถ้าผัดกับพริกจะช่วยขับลม รวมทั้งยังมีผลช่วยลดไขมันอุดตันในเส้นเลือดและควบคุมความดันไม่ให้สูงขึ้น

9.ต้นหอม ก้านหัวหอมที่ขาวๆ เป็นอาหารสำคัญที่ขับเหงื่อ ทั้งยังมีคุณสมบัติบำรุงหัวใจและทำให้หัวใจแข็งแรงขึ้น ใจไม่สั่น ถ้ากินสดๆ อย่างต่อเนื่องจะสามารถลดไขมันในเส้นเลือดรวมทั้งขับไขมันได้ สำหรับคนที่เป็นหวัดนำต้นหอม 5-6 ก้านต้มกับขิง 2 แว่นกรองน้ำดื่มจะทำให้ขับเหงื่อและลดไข้หวัดได้

10.มะเขือเทศ มีสรรพคุณช่วยบำรุงผิว ถ้ากินต่อเนื่องจะทำให้ผิวพรรณดีขึ้นช่วยลดริ้วรอย ผิวพรรณไม่แห้งกร้าน และทำให้เส้นเลือดฝอยในผนังมดลูกสมบูรณ์ขึ้น จะช่วยทำให้ไม่ตกเลือด อีกทั้งยังสามารถทำให้ความดันลดลงเนื่องจากการไหลเวียนของเลือดดีขึ้น และสามารถต้านมะเร็งได้แต่สำหรับเคล็ดลับอันดับหนึ่งที่จะทำให้ผิวพรรณสดใสหน้าตาสดชื่นจะต้องมีอารมณ์ที่เบิกบาน แจ่มใส ซึ่งต้องมาจากจิตใจที่ดีด้วยจะได้ผลมากที่สุด

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

หน้าแรก » พอเพียง » ศาสตร์พระราชา » ระเบิดจากข้างใน

ระเบิดจากข้างใน

โดย MONMAI | วันที่ 25 มกราคม 2558 | ในหมวด ศาสตร์พระราชา

raberdnaipa-600x400.jpg

ระเบิดจากข้างใน คือ เราต้องสร้างความเข้มแข็งให้คนในชุมชนที่เราเข้าไปพัฒนาให้มีสภาพพร้อมที่จะรับการพัฒนาเสียก่อนแล้วจึงค่อยออกมาสู่สังคมภายนอกการทำสิ่งใดต้องสร้างฐาน ต้องเริ่มจากความพร้อม ความเห็นพ้องต้องกันในกลุ่มเล็ก ๆ ก่อนแล้วค่อยๆ สร้าง ค่อย ๆ ก่อ จะมั่นคงถาวร

ระเบิดจากข้างใน คือการทำสิ่งใดต้องสร้างฐาน ต้องเริ่มจากความพร้อม ความเห็นพ้องต้องกันในกลุ่มเล็กๆ ก่อน แล้วค่อยๆ ก่อ จะมั่นคงถาวร พระองค์ทรงมุ่งเน้นเรื่องการพัฒนาคน ทรงมีพระราชกระแสรับสั่งว่า “ต้องระเบิดจากข้างใน” นั้นหมายความว่า ต้องสร้างความเข้มแข็งให้คนในชุมชนที่เราเข้าไปพัฒนา ให้มีสภาพพร้อมที่จะรับการพัฒนาเสียก่อน แล้วจึงค่อยออกมาสู่สังคมภายนอก มิใช่การนำเอาความเจริญหรือบุคคลจากสังคมภายนอกเข้าไปหาชุมชน หมู่บ้าน ซึ่งหลายชุมชนยังไม่ทันได้มีโอกาสเตรียมตัวหรือตั้งตัว จึงไม่สามารถปรับตัวได้ทันกับกระแสการเปลี่ยนแปลงและนำไปสู่ความล่มสลายได้

raberdnai.jpg

การสร้างความแข็งแรงให้ชุมชน ด้วยการสร้างโครงสร้างพื้นฐานหลักที่จำเป็นต่อการผลิตอันเป็นรากฐานนำไปสู่การ พึ่งตนเองได้ในระยะยาว ซึ่งเป็นการพัฒนาในลักษณะการเตรียมชุมชนให้พร้อมต่อการติดต่อสัมพันธ์กับโลกภายนอก ทรงเรียกว่า “การระเบิดจากข้างใน” และทรงชี้แนะว่าควรทำอย่างค่อยเป็นค่อยไป ทรงสนับสนุนให้มีการส่งเสริมความรู้ด้านต่างๆ ด้วยทรงตระหนักว่า ชาวชนบทควรจะมีความรู้ในเรื่องของการทำ มาหากิน การทำการเกษตรโดยใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม โดยทรงเน้นถึงความจำเป็นที่จะต้องมี “ตัวอย่างแห่งความสำเร็จ” ที่ชาวบ้านสามารถรับและนำไปปฎิบัติได้ผลจริง

raberdnaibann.jpgraberdnaikon.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

"ผัสสะ" ต้องรู้จักและควบคุม ๑.

 

 

 

 

ถูกแก้ไข โดย ginger

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

 

 

 

10488404_426250484208798_8339418935586179704_n.jpg?oh=683da2b71640aefca5287e6555265251&oe=554EB3CF&__gda__=1432480070_6b14b2a9f6a8be0a025b316c9c1a6676

 

 

1514620_426250504208796_5034597090996023629_n.jpg?oh=8bcb18ae1b9b4742d7ea62a06df6965b&oe=5548F9BF&__gda__=1432375170_26c3e9dc0fc6027eaae89a0e198f12d2

 

10013212_426250524208794_3953154991665147058_n.jpg?oh=830cb4f9cdbeb411564775171866fac2&oe=555A1A20

 

10953422_426250554208791_5694246882313970407_n.jpg?oh=f8286348f078273497129f2197fa79b8&oe=5563C8CD

 

10384766_426250574208789_8395038269115222360_n.jpg?oh=2094b94da2a844bb3b68ee9970084e83&oe=554BF6E6&__gda__=1431020940_3d0b183b6a7490a4e0dfdc461a606fd9

 

 

ทหารปฏิรูปประเทศไทย added 5 new photos.

34 mins ·

 

วันที่ 4 ก.พ.58 ภาพ แกะสลักของพระพุทธเจ้า ในอัฟกานิสถาน

ภาพใกล้ๆ ศิลปวัตถุ แกะสลักของพระพุทธเจ้า หลายแหล่ง ในอัฟกานิสถาน

ที่หลงเหลือจากการถูกทำลายของกลุ่มตาลีบัน เด็กในคอลโทรล ของอเมริกา เมื่อช่วงตาลีบันเรืองอำนาจปกครองอัฟกานิสถาน

เป็นจินตนาการ ของช่างแกะสลักในยุคโบราณ ซึ่งต้องใช้นักโบราณวัตถุที่เชี่ยวชาญพิสูจน์อายุของศิลปวัตถุนี้

แต่ถ้าพินิจดูดีๆ ภาพของพระพุทธองค์นี้ มีแต่ความเมตตา และสุข สงบ ตามปรัชญาของพุทธ

@ เสธ น้ำเงิน3 : กดปุ่ม “ติดตาม” ด้านบนเพจ เพื่อรับข่าวครั้งต่อไป

http://www.facebook.com/thailandcoup

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

10943645_921234954555577_1096854146764894129_n.jpg?oh=bde40415307eb628ef03895b119347ad&oe=554D64F3

 

เชิญชม http://www.nationtv.tv/main/program/komchadluek/378442971/

ถูกแก้ไข โดย ginger

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ทำไมจึงควรเรียนรู้เรื่องความตาย

-----

เหตุผลที่สำคัญอย่างหนึ่งของคำถามก็คือ

 

เราทุกคนต้องตายไม่ช้าก็เร็ว ที่สำคัญคือเราตายได้ครั้งเดียวในชีวิตนี้ ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่เราทุกคนจะต้องเตรียมตัวตายให้ดีที่สุด

เพราะหากพลาดพลั้งไป เราก็ไม่อาจแก้ตัวได้ สอบเข้ามหาวิทยาลัย หรือสอบเข้าทำงาน เรายังมีโอกาสแก้ตัวได้หากสอบตก

...แต่เราไม่มีสิทธิทำอย่างนั้นกับความตาย

: พระไพศาล วิสาโล (จากหนังสือ “เหนือความตาย จากวิกฤตสู่โอกาส”)

10915308_961204037224676_9206709803108986879_n.png?oh=2f570e3607efb47a409ed3d7f3fce9d8&oe=554D045D&__gda__=1432863873_9d46dfc33de1a3ddd57e00830e202218

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

531493_512045685499363_1042541661_n.jpg?oh=e01f687eb780684d323407516f7f2d96&oe=556D8227

แฉสิ้นไส้ ธัมมชโย"อวดอ้าง"

สองอดีตพระลูกวัดพระธรรมกายแฉเจ้าอาวาส ธัมมชโย อวดอ้างนั่งทางในเห็นตนเองเป็นหัวหน้าพระพุทธเจ้า แถมมีพฤติกรรมหลอกลวงญาติโยมทำตัวเป็นหมอดูจอมปลอม หลอกเอาดวงชะตาชาวบ้านไปให้ซินแสทำนายแล้วอ้างนั่งทางในเห็นอนาคตพระมโนย้ำชัดพระธัมมชโยสอนผิดเพี้ยน ยอมรับหลงทางในช่วงวัยรุ่นที่เข้าใจว่าวัดอื่นสีดำหมด

 

อดีตพระลูกวัดพระธรรมกายย้ำชัดธรรมกายไม่ใช่พุทธศาสนา เตือนญาติโยมอย่าหลงผิดนำบุตรหลานเข้าธรรมกาย

 

จากการที่สื่อมวลชนได้เสนอข่าวเกี่ยวกับวัดพระธรรมกายในหลายแง่มุม ปรากฏว่าเมื่อเวลา17.00 น. วันที่ 5 มกราคม 2542 ทางสถานีโทรทัศน์ไอทีวี ได้มีการบันทึกเทปรายการไอทีวีทอร์ค เป็นการสนทนาถึงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น โดยมีพระอดิศักดิ์ วิริยธกฺโก อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย และ พระมโน เมตฺตานนฺโท ที่ปรึกษาฝ่ายกิจการพระพุทธศาสนา ในเลขาธิการใหญ่องค์การสัมมนาศาสนา และอดีตกรรมการบริหารวัดพระธรรมกาย ซึ่งถือเป็นการยอมเปิดตัวเป็นทางการครั้งแรก เพื่อเปิดเผยข้อเท็จจริงที่เกิดเป็นข่าวขึ้นนี้ และจะยืนยันถึงกรณีที่เป็นข่าวว่าอันไหนจริงอันไหนเท็จ

 

โดยพระอดิศักดิ์ได้กล่าวถึงสาเหตุที่เป็นแรงผลักดันให้ต้องออกจากวัดว่า เริ่มต้นจากกรณีการกว้านซื้อที่ดินขยายอาณาเขตของวัด ภาพที่ประจักษ์ตามากเป็นเรื่องของการขับไล่ชาวบ้านที่อาศัยเช่าที่นาทำกิน ซึ่งการทำงานของพระราชภาวนาวิสุทธิ์หรือพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ในช่วงเวลานั้นเป็นลักษณะของการใช้อารมณ์ตัดสิน และกุมอำนาจการตัดสินใจไว้โดยลำพัง จนเกิดผลกระทบอย่างรุนแรงกับชาวบ้าน และที่สำคัญเป็นเรื่องของการกล่าวชมสีกาก็จะใช้คำกล่าวที่มีลักษณะล่อแหลมเชิงชายหนุ่มเกี้ยวหญิงสาว ทากกว่าจะเป็นลักษณะของครูอาจารย์เมตตาลูกศิษย์ ซึ่งเป็นการได้ยินได้ฟังกับหูตนเองอยู่บ่อยครั้งมาก อาทิ วันนี้สวยจังเลยนะ แก้มยุ้ยน่าหยิก หูติ่งหูนี้สวยดีนะ

 

 

ที่น่าหนักใจอีกประการหนึ่ง

เป็นการอวดอ้างของเจ้าอาวาส

ที่มักอ้างตนเป็นผู้วิเศษ

สามารถดูหมอนั่งทางในได้ชัดเจน

 

จนมีญาติโยมมาตรวจดวงชะตากันอย่างมาก ก็จะใช่วิธีเอาวันเดือนปีเกิดและเวลาตกฟากไว้แล้วนัดหมายให้มาฟังอีกครั้งในห้าวันสิบวัน หลังจากนั้นก็จะให้สีกาอิ๊ดนำไปให้ซินแสตรวจทำนาย พร้อมกันนี้ก็ให้ลูกศิษย์ไปสืบหาข้อมูลตามที่อยู่ของโยมคนนั้น เมื่อถึงวันนัดหมายก็จะบอกโยมว่าได้นั่งทางในตรวจดูให้แล้ว แต่ความจริงไม่ได้นั่งเลย โดยเรื่องเหล่านี้เห็นและสัมผัสมากับตัวเอง

 

 

นอกจากนี้การเสนอข่าวของสื่อมวลชนที่เป็นความจริงอีกเรื่องหนึ่ง เป็นเรื่องของการถวายข้าวพระพุทธเจ้า มีการกล่าวอ้างว่าเป็นการทำบุญแบบสุดๆ คือทำบุญเช่นว่านี้เพียงครั้งเดียงเท่ากับทำบุญมามากกว่าร้อยชาติพันชาติเสียอีก โดยจะนำอาหารมานั่งสมาธิถวาย แล้วให้ญาติโยมจิตนาการเอาเองว่ายืนถวายและพระพุทธองค์ยืนมือมารับข้าว แต่ในปัจจุบันนี้ทำได้ง่ายเพียงเอาเงินมาให้แล้วทางวัดจะจัดการให้เอง

 

ทั้งนี้เรื่องเดิมมีอยู่ว่าแม่ชีทองสุขได้ใช้ให้แม่ชีจันทร์ ขนนกยูงทำถวายพระพุทธและบอกว่าเมื่อแม่ชีทองสุขตายไป ก็ขอให้แม่ชีจันทร์ทำแบบนี้ให้ ทางวัดพระธรรมกายก็เอามาดัดแปลงเป็นการเปิดเทปแม่ชีทองสุขนำถวาย โดยผู้ที่สามารถถวายได้มีแต่เฉพาะแม่ชีจันทร์เท่านั้น ต่อมาก็ไม่มีการเปิดเทปอีกแต่อุปโลกน์ให้แม่ชีจันทร์เป็นผู้วิเศษสามารถถวายได้คนเดียว

 

อย่างไรก็ตามเรื่องที่น่าอนาถใจอย่างมาก

เป็นการอวดอ้างความเป็นหัวหน้าพระพุทธเจ้า

 

คืออย่างนี้เมื่อเด็กหนุ่มสาวเข้ามาวัด โยมมักให้ดูที่มาของเด็กว่ามีความเป็นมาอย่างไร ก็จะบอกว่าเด็กมาจากสวรรค์ชั้นดุสิตส่วนพ่อแม่มาจากสวรรค์ชั้นต่ำกว่า มีหน้าที่รับใช้เทวดาที่สูงกว่าก็คือลูกของตัวเอง แล้วเจ้าอาวาสจะถามว่าทำไมถึงมาเกิด เด็กก็จะบอกว่ามีคนสั่งให้มาเกิด พอตรวจมากเข้าก็พบว่าตัวเจ้าอาวาสเป็นผู้สั่งซึ่งเป็นเทวดาผู้ใหญ่ ซึ่งเทวดาผู้ใหญ่นั้นหมายความว่าพระพุทธเจ้า หากแต่ในที่สุดแล้วเทวดาผู้ใหญ่นั้นกลับกลายเป็นหัวหน้าของพระพุทธเจ้าทั้งหมด ที่มีอำนาจสั่งให้ผู้มีบุญเหล่านี้มาเกิด ในขณะที่พ่อแม่ที่อุ้มท้องมานี้เป็นเพียงทางผ่านเท่านั้น สำหรับพระธัมมชโยคือพ่อแม่ที่แท้จริงคนเดียวหรือต้นธาตุต้นธรรม ที่จะเป็นผู้มีสิทธิ์อบรมเด็กทั้งหมด

 

 

ขณะเดียวกันพระมโนกล่าวสรุปได้ว่า เข้าวัดพระธรรมกายครั้งแรกเพราะเข้าใจว่าที่นี่เป็นแหล่งของความอบอุ่น เป็นสีขาวบริสุทธิ์ที่อื่นสีดำหมด ความคิดดังกล่าวไม่แตกต่างไปจากคนที่เข้าวัดธรรมกายคนอื่นๆ แต่เมื่อเข้าไปอย่างจริงจังโดยบวชที่วัดแห่งนี้ ก็ได้ทุ่มเทกำลังกายใจและกำลังความคิดให้กับวัด และสุดท้ายก็พบความจริงว่าที่นี่ไม่ใช่ของจริง โดยเฉพาะเรื่องของการอัดวิชาธรรมกาย ซึ่งเจ้าอาวาสอ้างว่าสามารถอัดให้ใครก็ได้และเอาคืนกลับมาก็ได้ เมื่อใครได้อัดธรรมกายก็เท่ากับว่าบรรลุสำเร็จวิชชาธรรมกาย หากเป็นเช่นนี้ก็เป็นการผิดเพี้ยนอย่างมาก เพราะการจะสำเร็จบรรลุทางธรรมต้องเกิดจากการปฏิบัติด้วยตัวของตัวเอง ไม่ใช่ใครมาอัดใส่ให้ได้

 

มาถึงวันนี้สามารถกล่าวได้ว่าหากมีนักเรียนนิสิตนักศึกษา ต้องการมาปฏิบัติธรรมกับวัดพระธรรมกายก็พอจะกล่าวได้อย่างนี้ "ไปคิดให้ดีเสียก่อน เมื่อคิดว่าคิดดีแล้ว ก็ให้กลับไปคิดใหม่ เพราะที่นี่ไม่ใช่ทางพ้นทุกข์ วิชชาธรรมกายไม่ใช่ศาสนาพุทธล้วนๆ อีกต่อไป และพุทธศาสนาก็ไม่ใช่วิชชาธรรมกาย และโลกไม่ได้มีแต่เฉพาะสีขาวกับสีดำหากแต่โลกที่แท้จริงมีมากมายหลากหลายสี"

 

 

หากผู้ดำเนินรายการถามถึง คำสอนของพระธัมมชโยถูกต้องตามหลักศาสนาหรือไม่ ขอตอบว่าเวลานี้ อาตมาไม่มีความคิดว่าเป็นไปตามหลักพระพุทธศาสนา หลังจากที่ได้ศึกษาศาสนาเปรียบเทียบ หลักพระพุทธศาสนา ปรัชญา และการตีความ ก็พบว่าที่รู้ที่เรียนมายังไม่ถูกต้องทั้งหมด ย้อนกลับไปแล้วคิดได้ว่าไม่น่าที่จะทำอะไรลงไปถึงเพียงนี้เลย

"เป็นเพราะหลงไปว่าวัดพระธรรมกายสอนให้รู้จักศาสนาอย่างเป็นรูปธรรม ในขณะที่วัดอื่นสอนแบบนามธรรม ตัวอย่างเรื่องของบุญนี้สามารถจับต้องได้ ขณะที่หลักสูตรการสอนนักเรียนกลับบอกไม่ได้ว่าบุญมีปริมาณเท่าไร ทำแบบสุดๆเป็นอย่างไร"

 

 

ผู้สื่อข่าวถามว่าอะไรเป็นสาเหตุเกี่ยวกับกระแสหรือสิ่งผิดปกติที่วิจารณ์กล่าวหากันอยู่ในขณะนี้ พระมโนย้ำว่า สิ่งที่เป็นรูปธรรมชัดเจนเกิดขึ้นเมื่อตอนซื้อที่ดินจำนวน 2500 ไร่ รอบๆ วัด และเกิดการประท้วงของชาวนาด้วยเหตุผลต้องการให้วัดสงบแต่ตอนหลังกลายเป็นการขยายที่ดินสร้างธุดงคสถานจาก 195 ไร่เป็น 1000 ไร่และเพิ่มเป็น 2500 ไร่ และยังกว้านซื้อไปเรื่อยๆ พระมโนบอกว่าความรู้สึกตอนนั้นวัดพระธรรมกายยิ่งใหญ่เกินไปแล้ว

 

ด้านพระอดิศักดิ์ กล่าวว่า พบสิ่งผิดปกติหลายอย่างในช่วงที่เข้าไปบริหารมีความรู้สึกบางครั้งบางคราวการกระทำของเจ้าอาวาสเป็นไปด้วยอารมณ์ เริ่มจากเมื่อสร้างวัดเสร็จเมื่อปี 2527-2528 สภาวะเปลี่ยนไปเจ้าอาวาสเริ่มไม่อยู่วัด ลับๆ ล่อๆ ส่วนมากไปเชียงใหม่ถ้ามีงานจึงจะกลับมาสักครั้งหนึ่ง ตอนที่อยู่เชียงใหม่เจ้าอาวาสจะเอาพวกเศรษฐีทั้งหลายขึ้นไปฝึกไปปฏิบัติธรรมบนนั้น โดยเจ้าอาวาสอ้างว่าเหตุที่ต้องพาคนรวยไปเชียงใหม่ เพราะที่วัดพระธรรมกายไม่ได้บรรยากาศ ในที่นี้หมายถึงว่า ตัดออกจากความห่วงหาอาลัยของครอบครัว

 

 

พระมโนกล่าวว่า สิ่งที่เจ้าอาวาสปฏิบัติอยู่บ่อยๆ มากก็คือ การนั่งตรวจทางในเพื่อเช็คอนาคตให้ญาติโยม ซึ่งก็เป็นทำนองเดียวกันกับการตรวจดูโชคชะตาราศี ดูดวงชะตาเหมือนกับหมอดูทั่วไป แต่กรณีของเจ้าอาวาสต่างจากหมอดูตรงที่ขอเอาวันเดือนปีเกิดเวลาตกฟากไปแล้ว ก็แจ้งให้ญาติโยมมารับทราบผลในอีก 2 อาทิตย์ข้างหน้า หลังจากนั้นก็นำดวงชะตาไปให้สีกาอี้ดนำไปให้หมอดูช่วยทำนายให้พร้อมกับให้สาวกไปตรวจสอบประวัติของคนผู้นั้นกับรายละเอียดต่างๆเมื่อครบกำหนดเวลาที่นัดกันไว้โยมรายนั้นกลับมาก็จะบอกว่า "โยม หลวงพ่อน่ะได้นั่งดูให้แล้ว ตรวจดูให้แล้ว .."แต่จริงๆ แล้วไม่ได้นั่ง เรื่องนี้อาตมาสัมผัสมาด้วยตัวเองซึ่งญาติโยมที่ถูกเจ้าอาวาสหลอกตอนนั้นชื่อ คุณควงกับคุณเรณู สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ไม่ใช่อาตมาเห็นคนเดียว

 

 

เดลินิวส์ 6/1/2542

อ่านข่าวทั้งหมด > http://rabob.tripod.com/daily42.htm

 

1379153_572831529445763_1230405046_n.jpg?oh=e4003e3a6224b31248f7f7738b82f60a&oe=54D3B950&__gda__=1423155942_a5ba58984216afaa2114bc4eabacb429

 

1236156_406870296079741_998077272_n.jpg?oh=b4f50a1efeb8e7c1e5d08de77d09cfd7&oe=5561A92B&__gda__=1431276120_cc63fd240e07b03716f788e508999e1e

 

1236901_166642913521737_836638229_n.jpg?oh=cdbe3734a2f70786ad68ce4c0cf5b587&oe=55601D22

 

 

cats168.jpg

 

1471754_1544255625858579_5135505305266640086_n.jpg?oh=89907733a48bf50e180cffed7b033b2e&oe=556ED997&__gda__=1432196769_520ad1fd46b4af47b3993aec7b5930db10959911_1544255622525246_6442910158000727916_n.jpg?oh=9d4615efa66c61ee40bceff40e02cc1f&oe=55697A88&__gda__=1432612312_b7a8f4034b341f3defec466ee0354aa6

"....ภาพข่าวนี้สมัยวัดธรรมกายไล่ที่ชาวบ้านเพื่อก่อตั้งวัด ตั้งแต่ผมยังเด็กมันติดตาว่าลัทธินี้มันไม่ใช่วัด..."

@Rang70 Feb 1

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ดูหมิ่นพระพุทธเจ้า ฟังนาทีที่ 10.40

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

 

Cr กรณี ธรรมกาย

สมเด็จพระสังฆราชทำหน้าที่ปกป้องพระพุทธศาสนาสมบูรณ์แล้ว

 

 

ไชยบูลย์ ธมฺมชโย สิ้นสภาพความเป็นพระแล้วในทางวินัย

สังฆราชสั่งอาบัติแล้ว ธรรมกายยังอยู่ได้

ถ้าสังฆราชองค์ต่อเป็นธรรมกาย คงจะยึดประเทศได้เป็นแน่

 

***************************************

อ้างอิง พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑ พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๑

มหาวิภังค์ ภาค ๑

อาการแห่งอวหาร

อาการ ๕ อย่าง

[๑๒๒] ปาราชิกอาบัติ พึงมีแก่ภิกษุผู้ถือเอาทรัพย์ที่เจ้าของไม่ได้ให้ ด้วยอาการ ๕ อย่าง คือ ทรัพย์อันผู้อื่นหวงแหน ๑ มีความสำคัญว่าทรัพย์อันผู้อื่นหวงแหน ๑ ทรัพย์มีค่ามากได้ราคา ๕ มาสก หรือเกินกว่า ๕ มาสก ๑ ไถยจิตปรากฏขึ้น ๑ ภิกษุลูบคลำ ต้องอาบัติทุกกฏ ทำให้ไหว ต้องอาบัติถุลลัจจัย ให้เคลื่อนจากฐาน ต้องอาบัติปาราชิก ๑

ถุลลัจจยาบัติ พึงมีแก่ภิกษุผู้ถือเอาทรัพย์ที่เจ้าของไม่ได้ให้ ด้วยอาการ ๕ อย่าง คือทรัพย์อันผู้อื่นหวงแหน ๑ มีความสำคัญว่าทรัพย์อันผู้อื่นหวงแหน ๑ ทรัพย์มีค่าน้อยได้ราคาเกินกว่า ๑ มาสก หรือหย่อนกว่า ๕ มาสก ๑ ไถยจิตปรากฏขึ้น ๑ ภิกษุลูบคลำ ต้องอาบัติทุกกฏ ทำให้ไหว ต้องอาบัติทุกกฏ ให้เคลื่อนจากฐาน ต้องอาบัติถุลลัจจัย ๑

ทุกกฏาบัติ พึงมีแก่ภิกษุผู้ถือเอาทรัพย์ที่เจ้าของไม่ได้ให้ ด้วยอาการ ๕ อย่าง คือ ทรัพย์อันผู้อื่นหวงแหน ๑ มีความสำคัญว่าทรัพย์อันผู้อื่นหวงแหน ๑ ทรัพย์มีค่าน้อย ได้ราคา ๑ มาสก หรือหย่อนกว่า ๑ มาสก ๑ ไถยจิตปรากฏขึ้น ๑ ภิกษุลูบคลำ ต้องอาบัติทุกกฏ ทำให้ไหว ต้อง อาบัติทุกกฏ ให้เคลื่อนจากฐาน ต้องอาบัติทุกกฏ ๑

*****************************************

คดีธัมมชโย ทำไมอัยการถอนฟ้อง ???

https://www.facebook.com/photo.php?fbid=433165116795775&set=a.273927986052823.57575.273922746053347&type=1&relevant_count=1

อัยการสูงสุด “นายพชร ยุติธรรมดำรง”

มีคำสั่งให้อัยการฝ่ายคดีอาญา 5 ถอนฟ้อง “ธัมมชโย” กับพวก ฐานยักยอกทรัพย์และเงินวัดพระธรรมกาย ทั้งๆ ที่คดีอาญาดังกล่าว เป็นเรื่องที่สาธารณชนให้ความสนใจอย่างมาก เพราะเป็นเรื่องสำคัญที่มีผลกระทบอย่างลึกซึ้งและกว้างขวาง และมีการสืบคดีมายาวนานกว่า 7 ปี

1) อ้างว่า “ธัมมชโย” คืนเงินและที่ดินให้วัดธรรมกายแล้ว จึงถอนฟ้อง ยุติการดำเนินคดีในฐานยักยอกทรัพย์

>> เปรียบเทียบกับ “โจร” ที่ลักควายไป ภายหลังถูกจับขึ้นศาล โจรนำควายมาคืน ก็ใช่ว่าจะรอดพ้นความผิดฐานขโมยควาย

2) อ้างว่า ขณะนี้บ้านเมืองต้องร่วมกันสร้างความสามัคคีของคนในชาติ หากดำเนินคดีธัมมชโยกับพวกต่อไป อาจก่อให้เกิดความแตกแยก และการดำเนินคดีต่อยังไม่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ

>> เหมือนการสร้างความสามัคคีของคนในชาติด้วยการ "ปล่อยนักโทษทั้งเรือนจำ"

3) อ้างว่า ได้เผยแผ่พระพุทธศาสนาตรงตามพระไตรปิฎกและนโยบายของสงฆ์แล้ว ด้วยการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ ทำให้เป็นที่ยอมรับทั่วไปทั้งในและต่างประเทศ

>> ใครทำความผิดแล้วถูกจับขึ้นศาล ต่อมาจำเลยบอกว่าข้าพเจ้าขอแก้ตัวใหม่ ศาลก็ปล่อยตัวอย่างนั้นหรือ

 

 

 

 

1402406_433275543451399_395934195_o.png

 

หัวจักรนิวเคลียร์ ในการทำลายล้างพระพุทธศาสนา

โครงการพระไตรปิฎก ฉบับธรรมชัย

พระพรหมเมธี (จำนงค์ ธมฺมจารี)

ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศาราม

ธรรมยุติหนึ่งเดียวที่สนับสนุนธรรมกาย

เป็นประธานฝ่ายสงฆ์

 

นิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล

รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

เป็นประธานฝ่ายฆราวาส

บรรณพจน์ ดามาพงศ์

ประธานอุปถัมภ์โครงการพระไตรปิฎก

 

 

 

 

1415068_434456150000005_257323827_o.png

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...