ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ กุมภาพันธ์ 4, 2015 กินเนื้อขาว ลดโอกาสเป็นมะเร็งตับ มะเร็งตับเป็นมะเร็งที่พบได้บ่อยที่สุดประเภทหนึ่ง โดยเฉพาะในชาวเอเชียตะวันออก (จีนและญี่ปุ่น) ในปี 2551 กระทรวงสาธารณสุขไทย รายงานว่ามะเร็งตับเป็นสาเหตุของการตายและเจ็บป่วยเรื้อรังจากสาเหตุการตายก่อนวัยอันควรเป็นอันดับ 1 และเป็นมะเร็งที่พบบ่อยอันดับ 1 ในชายไทยและอันดับ 5 ในหญิงไทย ปัจจัยเสี่ยงหลักในการเพิ่มโอกาสเป็นมะเร็งตับ ได้แก่ การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบชนิดบี หรือชนิดซี โรคตับแข็ง และสารอะฟลาท็อกซิน (aflatoxin) ที่ปนเปื้อนในอาหาร นอกจากนี้ การดื่มสุรา ความอ้วน สูบบุหรี่ และเบาหวาน เกี่ยวข้องกับการเพิ่มโอกาสเสี่ยงต่อมะเร็งตับด้วย ในคนไทย (โดยเฉพาะชายไทย) ซึ่งดื่มสุรา เครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากเป็นอันดับ 5 ของโลก และคนไทยเราเป็นพาหะไวรัสตับอักเสบมากถึงกว่า 6 ล้านคน รวมทั้งภาวะอ้วน เบาหวานที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้การเกิดมะเร็งตับในคนไทย เป็นปัญหาสำคัญในบ้านเรา การศึกษาที่ผ่านมา ทำให้เราได้เรียนรู้ว่าการกินอาหารบางประเภท โดยเฉพาะเนื้อแดง เนื้อหมู หรือเนื้อสัตว์ที่ใหญ่กว่าหมู และเนื้อปรุงแต่ง เช่น ไส้กรอก เบคอน แฮม ซาลามิ เพิ่มโอกาสเกิดโรคมะเร็งบางชนิด เช่น มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งปอด มะเร็งเต้านม ส่วนการกินเนื้อขาว (เช่น ปลา ไก่) ไม่เพิ่มโอกาสเกิดโรคมะเร็งหลายชนิด คำถามที่ตามมาคือ แล้วสำหรับโรคมะเร็งตับ การกินเนื้อสัตว์ประเภทต่าง ๆ จะเพิ่มหรือลดโอกาสเป็นมะเร็งตับด้วยหรือไม่ เพื่อตอบคำถามดังกล่าว นักวิจัยจากโรงพยาบาลมะเร็งในประเทศจีนแห่งหนึ่งจึงได้ทบทวนและรวบรวมองค์ความรู้จากฐานข้อมูลทั่วโลก 3 ฐานข้อมูลใหญ่จนถึงเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2556 ทั้งการศึกษาในชาวเอเชีย ยุโรป และอเมริกัน พบว่า การกินเนื้อแดงและเนื้อปรุงแต่ง ไม่ได้เพิ่มโอกาสเป็นมะเร็งตับอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะไม่สามารถสรุปได้ว่า การกินเนื้อแดง เนื้อปรุงแต่ง จะเพิ่มโอกาสเป็นมะเร็งตับ แต่ก็อย่ากินมากเกินไป (คือ ไม่ต้องกินเนื้อแดง เนื้อปรุงแต่งทุกมื้อ เลี่ยงได้เลี่ยง หรือกินให้น้อย) แต่การกินเนื้อขาวกลับลดโอกาสเป็นมะเร็งตับ เมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่ได้กิน การศึกษานี้พบว่า การกินเนื้อสัตว์ปีก (เนื้อขาว เช่น เป็ด ไก่) ลดโอกาสเป็นมะเร็งตับร้อยละ 31 การกินเนื้อปลา ลดโอกาสเป็นมะเร็งตับร้อยละ 22 อย่างไรก็ตามก็ไม่ใช่แนะนำให้กินแต่เป็ด ไก่ ปลามาก ๆ ทุกมื้อทุกวัน เพื่อป้องกันมะเร็งตับ เพราะการกินเนื้อสัตว์รวมทั้งปลามากเกินไป ก็อาจเพิ่มโอกาสได้รับสารตกค้างในเนื้อสัตว์ เช่น สารไดออกซิน ปรอทในปลาทะเล สารตกค้างในเนื้อไก่ เป็นต้น ดังนั้นคำแนะนำในการกินเนื้อสัตว์เพื่อป้องกันมะเร็ง โดยเฉพาะมะเร็งตับ น่าจะเป็นการลดการกินเนื้อแดง เนื้อปรุงแต่งไม่เกินวันละ 50 ถึง 100 กรัม (หนักประมาณเหรียญ 5 บาท 6 ถึง 12 เหรียญ) และกินปลาขนาดกลางประมาณ 2 ถึง 3 ตัวต่อสัปดาห์ กินเนื้อไก่ (ไม่ติดหนัง ติดมัน) วันละ 1 ถึง 2 มื้อ ไม่จำเป็นต้องกินเนื้อขาวทุกมื้อ กินโปรตีนจากพืชแทน เช่น ถั่วเห็ด สาหร่าย เต้าหู้ เป็นต้น นอกจากนี้ การงดสูบบุหรี่เลิกดื่มสุรา การลดความอ้วน การไม่กินยาหรืออาหารที่มีพิษต่อตับการดูแลสุขภาพให้แข็งแรง ออกแรง ตากแดด ทำจิตใจให้บริสุทธิ์ (เจริญอานาปานสติสมาธิ) เป็นประจำ ก็ช่วยให้ภูมิคุ้มต้านทานต่อไวรัสดีขึ้นก็จะลดโอกาสเสี่ยงจากการเป็นโรคมะเร็งตับ วันนี้ คุณ "รักษ์ตับ" แล้วหรือยัง? นพ.สมเกียรติ แสงวัฒนาโรจน์ สาขาวิชาโรคหัวใจและหลอดเลือด ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย http://health.kapook.com/ อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ กุมภาพันธ์ 4, 2015 แจกรัก อิ่มท้อง อิ่มตา อิ่มใจ ระวังพุงด้วย +____- อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ กุมภาพันธ์ 4, 2015 1. ฟัก มีสรรพคุณเป็นยารสเย็น ช่วยขับของเสียออกจากร่างกาย ขับปัสสาวะ ลดอาการบวม หรือถ้าบางรายพักผ่อนน้อยเป็นร้อนในจะสามารถช่วยให้สดชื่นได้ และยังสามารถบรรเทาอาการตับอักเสบทั้ง A B และ C แต่ต้องกินอย่างต่อเนื่อง 2.มะระ มีสรรพคุณเป็นยารสเย็น บรรเทาอาการร้อนใน แก้อักเสบ เจ็บคอ และสำหรับคนที่เป็นงูสวัดสามารถคั้นน้ำมะระผสมน้ำส้มสายชูทาบริเวณที่เป็นอาการจะดีขึ้น ถ้ากินป็นระยะเวลานานอย่างต่อเนื่องจะสามารถลดอาการเบาหวานได้ 3.ผักชี มีสรรพคุณเป็นยาขับพิษได้ คนที่เป็นหวัดสามารถกระทุ้งไข้หวัดขับพิษได้ ถ้าเรากินยาพาราเซตามอลจะเพียงแค่บรรเทาแต่ถ้ากินน้ำต้มผักชีจะสามารถกระทุ้งพิษ ขับเหงื่อออกมาและหวัดก็จะหาย สำหรับเด็กที่เป็นหัด อีสุกอีใส ให้คั้นน้ำผักชีมาเช็ดตัวจะทำให้พิษไม่หลบใน 4.กุยช่าย มีสรรพคุณช่วยบำรุงไต บำรุงกำหนัด จะกระตุ้นความรู้สึกทางเพศ และถ้าตำผสมเหล้าเล็กน้อยจะสามารถช่วยแก้ช้ำในได้เพราะจะช่วยกระจายเลือดไม่ให้คั่ง และคนจีนนิยมกินกุยช่ายเพื่อช่วยเพิ่มความอบอุ่น 5.ใบขี้เหล็ก มีสรรพคุณเป็นยาเย็น รสขม เป็นยาสำคัญที่ช่วยให้นอนหลับง่าย คลายเครียด สำหรับคนที่ไม่ต้องการกินยานอนหลับให้นำใบขี้เหล็กมาต้มดื่มน้ำถ้าอยากให้นอนหลับดี ลองใส่ดอกมะลิลงไปจะทำให้หอมสดชื่น และสำหรับคนที่มีธาตุเย็นอยู่แล้วให้ใส่ขิงสัก 1-2 แว่นเพื่อให้ธาตุสมดุลไม่เย็นเกินไป 6.ใบตำลึง มีสรรพคุณช่วยระบายความร้อน แก้ร้อนใน ขับพิษร้อน สำหรับคนที่อดนอนเสียงแหบดื่มน้ำต้มใบตำลึงจะทำให้สดชื่นขึ้นและยังบรรเทาอาการผิวอักเสบ ถ้าเป็นงูสวัดให้คั้นน้ำนำมาทาบริเวณที่เป็นจะช่วยให้หายได้ 7.หอมหัวใหญ่ มีสรรพคุณช่วยลดการอุดตันไขมันในเส้นเลือด ถ้ากินประจำจะสามารถลดคอเลสเตอรอลในเลือดได้ ช่วยบรรเทาอาการแผลอักเสบ นำมาตำผสมกับเหล้าเล็กน้อยและนำมาพอกจะสามารถระบายความร้อน กระจายเลือดคั่ง ลดการอักเสบบวมได้ มีสรรพคุณเป็นยาที่ขับพิษได้ดี รวมทั้งขับปัสสาวะ แก้โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ ถ้ากินอย่างต่อเนื่องจะสามารถป้องกันเนื้อร้ายและต้านมะเร็ง และคนที่มีอาการของโรคลมชักก็จะลดลง ถ้านำมาต้มดื่มน้ำจะช่วยให้ผ่อนคลายและสดชื่นได้ 8.ใบกะเพรา มีสรรพคุณช่วยขับลม แก้ท้องอืด แน่น เฟ้อ ถ้านำใบกะเพรา 1-2 กำมาต้มกินจะช่วยลดความดันได้ แต่ถ้าผัดกับพริกจะช่วยขับลม รวมทั้งยังมีผลช่วยลดไขมันอุดตันในเส้นเลือดและควบคุมความดันไม่ให้สูงขึ้น 9.ต้นหอม ก้านหัวหอมที่ขาวๆ เป็นอาหารสำคัญที่ขับเหงื่อ ทั้งยังมีคุณสมบัติบำรุงหัวใจและทำให้หัวใจแข็งแรงขึ้น ใจไม่สั่น ถ้ากินสดๆ อย่างต่อเนื่องจะสามารถลดไขมันในเส้นเลือดรวมทั้งขับไขมันได้ สำหรับคนที่เป็นหวัดนำต้นหอม 5-6 ก้านต้มกับขิง 2 แว่นกรองน้ำดื่มจะทำให้ขับเหงื่อและลดไข้หวัดได้ 10.มะเขือเทศ มีสรรพคุณช่วยบำรุงผิว ถ้ากินต่อเนื่องจะทำให้ผิวพรรณดีขึ้นช่วยลดริ้วรอย ผิวพรรณไม่แห้งกร้าน และทำให้เส้นเลือดฝอยในผนังมดลูกสมบูรณ์ขึ้น จะช่วยทำให้ไม่ตกเลือด อีกทั้งยังสามารถทำให้ความดันลดลงเนื่องจากการไหลเวียนของเลือดดีขึ้น และสามารถต้านมะเร็งได้แต่สำหรับเคล็ดลับอันดับหนึ่งที่จะทำให้ผิวพรรณสดใสหน้าตาสดชื่นจะต้องมีอารมณ์ที่เบิกบาน แจ่มใส ซึ่งต้องมาจากจิตใจที่ดีด้วยจะได้ผลมากที่สุด 1 อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ กุมภาพันธ์ 4, 2015 หน้าแรก » พอเพียง » ศาสตร์พระราชา » ระเบิดจากข้างใน ระเบิดจากข้างใน โดย MONMAI | วันที่ 25 มกราคม 2558 | ในหมวด ศาสตร์พระราชา ระเบิดจากข้างใน คือ เราต้องสร้างความเข้มแข็งให้คนในชุมชนที่เราเข้าไปพัฒนาให้มีสภาพพร้อมที่จะรับการพัฒนาเสียก่อนแล้วจึงค่อยออกมาสู่สังคมภายนอกการทำสิ่งใดต้องสร้างฐาน ต้องเริ่มจากความพร้อม ความเห็นพ้องต้องกันในกลุ่มเล็ก ๆ ก่อนแล้วค่อยๆ สร้าง ค่อย ๆ ก่อ จะมั่นคงถาวร ระเบิดจากข้างใน คือการทำสิ่งใดต้องสร้างฐาน ต้องเริ่มจากความพร้อม ความเห็นพ้องต้องกันในกลุ่มเล็กๆ ก่อน แล้วค่อยๆ ก่อ จะมั่นคงถาวร พระองค์ทรงมุ่งเน้นเรื่องการพัฒนาคน ทรงมีพระราชกระแสรับสั่งว่า “ต้องระเบิดจากข้างใน” นั้นหมายความว่า ต้องสร้างความเข้มแข็งให้คนในชุมชนที่เราเข้าไปพัฒนา ให้มีสภาพพร้อมที่จะรับการพัฒนาเสียก่อน แล้วจึงค่อยออกมาสู่สังคมภายนอก มิใช่การนำเอาความเจริญหรือบุคคลจากสังคมภายนอกเข้าไปหาชุมชน หมู่บ้าน ซึ่งหลายชุมชนยังไม่ทันได้มีโอกาสเตรียมตัวหรือตั้งตัว จึงไม่สามารถปรับตัวได้ทันกับกระแสการเปลี่ยนแปลงและนำไปสู่ความล่มสลายได้ การสร้างความแข็งแรงให้ชุมชน ด้วยการสร้างโครงสร้างพื้นฐานหลักที่จำเป็นต่อการผลิตอันเป็นรากฐานนำไปสู่การ พึ่งตนเองได้ในระยะยาว ซึ่งเป็นการพัฒนาในลักษณะการเตรียมชุมชนให้พร้อมต่อการติดต่อสัมพันธ์กับโลกภายนอก ทรงเรียกว่า “การระเบิดจากข้างใน” และทรงชี้แนะว่าควรทำอย่างค่อยเป็นค่อยไป ทรงสนับสนุนให้มีการส่งเสริมความรู้ด้านต่างๆ ด้วยทรงตระหนักว่า ชาวชนบทควรจะมีความรู้ในเรื่องของการทำ มาหากิน การทำการเกษตรโดยใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม โดยทรงเน้นถึงความจำเป็นที่จะต้องมี “ตัวอย่างแห่งความสำเร็จ” ที่ชาวบ้านสามารถรับและนำไปปฎิบัติได้ผลจริง อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ กุมภาพันธ์ 4, 2015 (มีการแก้ไข) "ผัสสะ" ต้องรู้จักและควบคุม ๑. ถูกแก้ไข กุมภาพันธ์ 4, 2015 โดย ginger อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ กุมภาพันธ์ 4, 2015 ทหารปฏิรูปประเทศไทย added 5 new photos. 34 mins · วันที่ 4 ก.พ.58 ภาพ แกะสลักของพระพุทธเจ้า ในอัฟกานิสถาน ภาพใกล้ๆ ศิลปวัตถุ แกะสลักของพระพุทธเจ้า หลายแหล่ง ในอัฟกานิสถาน ที่หลงเหลือจากการถูกทำลายของกลุ่มตาลีบัน เด็กในคอลโทรล ของอเมริกา เมื่อช่วงตาลีบันเรืองอำนาจปกครองอัฟกานิสถาน เป็นจินตนาการ ของช่างแกะสลักในยุคโบราณ ซึ่งต้องใช้นักโบราณวัตถุที่เชี่ยวชาญพิสูจน์อายุของศิลปวัตถุนี้ แต่ถ้าพินิจดูดีๆ ภาพของพระพุทธองค์นี้ มีแต่ความเมตตา และสุข สงบ ตามปรัชญาของพุทธ @ เสธ น้ำเงิน3 : กดปุ่ม “ติดตาม” ด้านบนเพจ เพื่อรับข่าวครั้งต่อไป http://www.facebook.com/thailandcoup อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ กุมภาพันธ์ 4, 2015 (มีการแก้ไข) เชิญชม http://www.nationtv.tv/main/program/komchadluek/378442971/ ถูกแก้ไข กุมภาพันธ์ 4, 2015 โดย ginger อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ กุมภาพันธ์ 4, 2015 ทำไมจึงควรเรียนรู้เรื่องความตาย ----- เหตุผลที่สำคัญอย่างหนึ่งของคำถามก็คือ เราทุกคนต้องตายไม่ช้าก็เร็ว ที่สำคัญคือเราตายได้ครั้งเดียวในชีวิตนี้ ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่เราทุกคนจะต้องเตรียมตัวตายให้ดีที่สุด เพราะหากพลาดพลั้งไป เราก็ไม่อาจแก้ตัวได้ สอบเข้ามหาวิทยาลัย หรือสอบเข้าทำงาน เรายังมีโอกาสแก้ตัวได้หากสอบตก ...แต่เราไม่มีสิทธิทำอย่างนั้นกับความตาย : พระไพศาล วิสาโล (จากหนังสือ “เหนือความตาย จากวิกฤตสู่โอกาส”) อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ กุมภาพันธ์ 4, 2015 อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ กุมภาพันธ์ 4, 2015 แฉสิ้นไส้ ธัมมชโย"อวดอ้าง" สองอดีตพระลูกวัดพระธรรมกายแฉเจ้าอาวาส ธัมมชโย อวดอ้างนั่งทางในเห็นตนเองเป็นหัวหน้าพระพุทธเจ้า แถมมีพฤติกรรมหลอกลวงญาติโยมทำตัวเป็นหมอดูจอมปลอม หลอกเอาดวงชะตาชาวบ้านไปให้ซินแสทำนายแล้วอ้างนั่งทางในเห็นอนาคตพระมโนย้ำชัดพระธัมมชโยสอนผิดเพี้ยน ยอมรับหลงทางในช่วงวัยรุ่นที่เข้าใจว่าวัดอื่นสีดำหมด อดีตพระลูกวัดพระธรรมกายย้ำชัดธรรมกายไม่ใช่พุทธศาสนา เตือนญาติโยมอย่าหลงผิดนำบุตรหลานเข้าธรรมกาย จากการที่สื่อมวลชนได้เสนอข่าวเกี่ยวกับวัดพระธรรมกายในหลายแง่มุม ปรากฏว่าเมื่อเวลา17.00 น. วันที่ 5 มกราคม 2542 ทางสถานีโทรทัศน์ไอทีวี ได้มีการบันทึกเทปรายการไอทีวีทอร์ค เป็นการสนทนาถึงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น โดยมีพระอดิศักดิ์ วิริยธกฺโก อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย และ พระมโน เมตฺตานนฺโท ที่ปรึกษาฝ่ายกิจการพระพุทธศาสนา ในเลขาธิการใหญ่องค์การสัมมนาศาสนา และอดีตกรรมการบริหารวัดพระธรรมกาย ซึ่งถือเป็นการยอมเปิดตัวเป็นทางการครั้งแรก เพื่อเปิดเผยข้อเท็จจริงที่เกิดเป็นข่าวขึ้นนี้ และจะยืนยันถึงกรณีที่เป็นข่าวว่าอันไหนจริงอันไหนเท็จ โดยพระอดิศักดิ์ได้กล่าวถึงสาเหตุที่เป็นแรงผลักดันให้ต้องออกจากวัดว่า เริ่มต้นจากกรณีการกว้านซื้อที่ดินขยายอาณาเขตของวัด ภาพที่ประจักษ์ตามากเป็นเรื่องของการขับไล่ชาวบ้านที่อาศัยเช่าที่นาทำกิน ซึ่งการทำงานของพระราชภาวนาวิสุทธิ์หรือพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ในช่วงเวลานั้นเป็นลักษณะของการใช้อารมณ์ตัดสิน และกุมอำนาจการตัดสินใจไว้โดยลำพัง จนเกิดผลกระทบอย่างรุนแรงกับชาวบ้าน และที่สำคัญเป็นเรื่องของการกล่าวชมสีกาก็จะใช้คำกล่าวที่มีลักษณะล่อแหลมเชิงชายหนุ่มเกี้ยวหญิงสาว ทากกว่าจะเป็นลักษณะของครูอาจารย์เมตตาลูกศิษย์ ซึ่งเป็นการได้ยินได้ฟังกับหูตนเองอยู่บ่อยครั้งมาก อาทิ วันนี้สวยจังเลยนะ แก้มยุ้ยน่าหยิก หูติ่งหูนี้สวยดีนะ ที่น่าหนักใจอีกประการหนึ่ง เป็นการอวดอ้างของเจ้าอาวาส ที่มักอ้างตนเป็นผู้วิเศษ สามารถดูหมอนั่งทางในได้ชัดเจน จนมีญาติโยมมาตรวจดวงชะตากันอย่างมาก ก็จะใช่วิธีเอาวันเดือนปีเกิดและเวลาตกฟากไว้แล้วนัดหมายให้มาฟังอีกครั้งในห้าวันสิบวัน หลังจากนั้นก็จะให้สีกาอิ๊ดนำไปให้ซินแสตรวจทำนาย พร้อมกันนี้ก็ให้ลูกศิษย์ไปสืบหาข้อมูลตามที่อยู่ของโยมคนนั้น เมื่อถึงวันนัดหมายก็จะบอกโยมว่าได้นั่งทางในตรวจดูให้แล้ว แต่ความจริงไม่ได้นั่งเลย โดยเรื่องเหล่านี้เห็นและสัมผัสมากับตัวเอง นอกจากนี้การเสนอข่าวของสื่อมวลชนที่เป็นความจริงอีกเรื่องหนึ่ง เป็นเรื่องของการถวายข้าวพระพุทธเจ้า มีการกล่าวอ้างว่าเป็นการทำบุญแบบสุดๆ คือทำบุญเช่นว่านี้เพียงครั้งเดียงเท่ากับทำบุญมามากกว่าร้อยชาติพันชาติเสียอีก โดยจะนำอาหารมานั่งสมาธิถวาย แล้วให้ญาติโยมจิตนาการเอาเองว่ายืนถวายและพระพุทธองค์ยืนมือมารับข้าว แต่ในปัจจุบันนี้ทำได้ง่ายเพียงเอาเงินมาให้แล้วทางวัดจะจัดการให้เอง ทั้งนี้เรื่องเดิมมีอยู่ว่าแม่ชีทองสุขได้ใช้ให้แม่ชีจันทร์ ขนนกยูงทำถวายพระพุทธและบอกว่าเมื่อแม่ชีทองสุขตายไป ก็ขอให้แม่ชีจันทร์ทำแบบนี้ให้ ทางวัดพระธรรมกายก็เอามาดัดแปลงเป็นการเปิดเทปแม่ชีทองสุขนำถวาย โดยผู้ที่สามารถถวายได้มีแต่เฉพาะแม่ชีจันทร์เท่านั้น ต่อมาก็ไม่มีการเปิดเทปอีกแต่อุปโลกน์ให้แม่ชีจันทร์เป็นผู้วิเศษสามารถถวายได้คนเดียว อย่างไรก็ตามเรื่องที่น่าอนาถใจอย่างมาก เป็นการอวดอ้างความเป็นหัวหน้าพระพุทธเจ้า คืออย่างนี้เมื่อเด็กหนุ่มสาวเข้ามาวัด โยมมักให้ดูที่มาของเด็กว่ามีความเป็นมาอย่างไร ก็จะบอกว่าเด็กมาจากสวรรค์ชั้นดุสิตส่วนพ่อแม่มาจากสวรรค์ชั้นต่ำกว่า มีหน้าที่รับใช้เทวดาที่สูงกว่าก็คือลูกของตัวเอง แล้วเจ้าอาวาสจะถามว่าทำไมถึงมาเกิด เด็กก็จะบอกว่ามีคนสั่งให้มาเกิด พอตรวจมากเข้าก็พบว่าตัวเจ้าอาวาสเป็นผู้สั่งซึ่งเป็นเทวดาผู้ใหญ่ ซึ่งเทวดาผู้ใหญ่นั้นหมายความว่าพระพุทธเจ้า หากแต่ในที่สุดแล้วเทวดาผู้ใหญ่นั้นกลับกลายเป็นหัวหน้าของพระพุทธเจ้าทั้งหมด ที่มีอำนาจสั่งให้ผู้มีบุญเหล่านี้มาเกิด ในขณะที่พ่อแม่ที่อุ้มท้องมานี้เป็นเพียงทางผ่านเท่านั้น สำหรับพระธัมมชโยคือพ่อแม่ที่แท้จริงคนเดียวหรือต้นธาตุต้นธรรม ที่จะเป็นผู้มีสิทธิ์อบรมเด็กทั้งหมด ขณะเดียวกันพระมโนกล่าวสรุปได้ว่า เข้าวัดพระธรรมกายครั้งแรกเพราะเข้าใจว่าที่นี่เป็นแหล่งของความอบอุ่น เป็นสีขาวบริสุทธิ์ที่อื่นสีดำหมด ความคิดดังกล่าวไม่แตกต่างไปจากคนที่เข้าวัดธรรมกายคนอื่นๆ แต่เมื่อเข้าไปอย่างจริงจังโดยบวชที่วัดแห่งนี้ ก็ได้ทุ่มเทกำลังกายใจและกำลังความคิดให้กับวัด และสุดท้ายก็พบความจริงว่าที่นี่ไม่ใช่ของจริง โดยเฉพาะเรื่องของการอัดวิชาธรรมกาย ซึ่งเจ้าอาวาสอ้างว่าสามารถอัดให้ใครก็ได้และเอาคืนกลับมาก็ได้ เมื่อใครได้อัดธรรมกายก็เท่ากับว่าบรรลุสำเร็จวิชชาธรรมกาย หากเป็นเช่นนี้ก็เป็นการผิดเพี้ยนอย่างมาก เพราะการจะสำเร็จบรรลุทางธรรมต้องเกิดจากการปฏิบัติด้วยตัวของตัวเอง ไม่ใช่ใครมาอัดใส่ให้ได้ มาถึงวันนี้สามารถกล่าวได้ว่าหากมีนักเรียนนิสิตนักศึกษา ต้องการมาปฏิบัติธรรมกับวัดพระธรรมกายก็พอจะกล่าวได้อย่างนี้ "ไปคิดให้ดีเสียก่อน เมื่อคิดว่าคิดดีแล้ว ก็ให้กลับไปคิดใหม่ เพราะที่นี่ไม่ใช่ทางพ้นทุกข์ วิชชาธรรมกายไม่ใช่ศาสนาพุทธล้วนๆ อีกต่อไป และพุทธศาสนาก็ไม่ใช่วิชชาธรรมกาย และโลกไม่ได้มีแต่เฉพาะสีขาวกับสีดำหากแต่โลกที่แท้จริงมีมากมายหลากหลายสี" หากผู้ดำเนินรายการถามถึง คำสอนของพระธัมมชโยถูกต้องตามหลักศาสนาหรือไม่ ขอตอบว่าเวลานี้ อาตมาไม่มีความคิดว่าเป็นไปตามหลักพระพุทธศาสนา หลังจากที่ได้ศึกษาศาสนาเปรียบเทียบ หลักพระพุทธศาสนา ปรัชญา และการตีความ ก็พบว่าที่รู้ที่เรียนมายังไม่ถูกต้องทั้งหมด ย้อนกลับไปแล้วคิดได้ว่าไม่น่าที่จะทำอะไรลงไปถึงเพียงนี้เลย "เป็นเพราะหลงไปว่าวัดพระธรรมกายสอนให้รู้จักศาสนาอย่างเป็นรูปธรรม ในขณะที่วัดอื่นสอนแบบนามธรรม ตัวอย่างเรื่องของบุญนี้สามารถจับต้องได้ ขณะที่หลักสูตรการสอนนักเรียนกลับบอกไม่ได้ว่าบุญมีปริมาณเท่าไร ทำแบบสุดๆเป็นอย่างไร" ผู้สื่อข่าวถามว่าอะไรเป็นสาเหตุเกี่ยวกับกระแสหรือสิ่งผิดปกติที่วิจารณ์กล่าวหากันอยู่ในขณะนี้ พระมโนย้ำว่า สิ่งที่เป็นรูปธรรมชัดเจนเกิดขึ้นเมื่อตอนซื้อที่ดินจำนวน 2500 ไร่ รอบๆ วัด และเกิดการประท้วงของชาวนาด้วยเหตุผลต้องการให้วัดสงบแต่ตอนหลังกลายเป็นการขยายที่ดินสร้างธุดงคสถานจาก 195 ไร่เป็น 1000 ไร่และเพิ่มเป็น 2500 ไร่ และยังกว้านซื้อไปเรื่อยๆ พระมโนบอกว่าความรู้สึกตอนนั้นวัดพระธรรมกายยิ่งใหญ่เกินไปแล้ว ด้านพระอดิศักดิ์ กล่าวว่า พบสิ่งผิดปกติหลายอย่างในช่วงที่เข้าไปบริหารมีความรู้สึกบางครั้งบางคราวการกระทำของเจ้าอาวาสเป็นไปด้วยอารมณ์ เริ่มจากเมื่อสร้างวัดเสร็จเมื่อปี 2527-2528 สภาวะเปลี่ยนไปเจ้าอาวาสเริ่มไม่อยู่วัด ลับๆ ล่อๆ ส่วนมากไปเชียงใหม่ถ้ามีงานจึงจะกลับมาสักครั้งหนึ่ง ตอนที่อยู่เชียงใหม่เจ้าอาวาสจะเอาพวกเศรษฐีทั้งหลายขึ้นไปฝึกไปปฏิบัติธรรมบนนั้น โดยเจ้าอาวาสอ้างว่าเหตุที่ต้องพาคนรวยไปเชียงใหม่ เพราะที่วัดพระธรรมกายไม่ได้บรรยากาศ ในที่นี้หมายถึงว่า ตัดออกจากความห่วงหาอาลัยของครอบครัว พระมโนกล่าวว่า สิ่งที่เจ้าอาวาสปฏิบัติอยู่บ่อยๆ มากก็คือ การนั่งตรวจทางในเพื่อเช็คอนาคตให้ญาติโยม ซึ่งก็เป็นทำนองเดียวกันกับการตรวจดูโชคชะตาราศี ดูดวงชะตาเหมือนกับหมอดูทั่วไป แต่กรณีของเจ้าอาวาสต่างจากหมอดูตรงที่ขอเอาวันเดือนปีเกิดเวลาตกฟากไปแล้ว ก็แจ้งให้ญาติโยมมารับทราบผลในอีก 2 อาทิตย์ข้างหน้า หลังจากนั้นก็นำดวงชะตาไปให้สีกาอี้ดนำไปให้หมอดูช่วยทำนายให้พร้อมกับให้สาวกไปตรวจสอบประวัติของคนผู้นั้นกับรายละเอียดต่างๆเมื่อครบกำหนดเวลาที่นัดกันไว้โยมรายนั้นกลับมาก็จะบอกว่า "โยม หลวงพ่อน่ะได้นั่งดูให้แล้ว ตรวจดูให้แล้ว .."แต่จริงๆ แล้วไม่ได้นั่ง เรื่องนี้อาตมาสัมผัสมาด้วยตัวเองซึ่งญาติโยมที่ถูกเจ้าอาวาสหลอกตอนนั้นชื่อ คุณควงกับคุณเรณู สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ไม่ใช่อาตมาเห็นคนเดียว เดลินิวส์ 6/1/2542 อ่านข่าวทั้งหมด > http://rabob.tripod.com/daily42.htm "....ภาพข่าวนี้สมัยวัดธรรมกายไล่ที่ชาวบ้านเพื่อก่อตั้งวัด ตั้งแต่ผมยังเด็กมันติดตาว่าลัทธินี้มันไม่ใช่วัด..." @Rang70 Feb 1 อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ กุมภาพันธ์ 4, 2015 ดูหมิ่นพระพุทธเจ้า ฟังนาทีที่ 10.40 อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ กุมภาพันธ์ 4, 2015 Cr กรณี ธรรมกาย สมเด็จพระสังฆราชทำหน้าที่ปกป้องพระพุทธศาสนาสมบูรณ์แล้ว ไชยบูลย์ ธมฺมชโย สิ้นสภาพความเป็นพระแล้วในทางวินัย สังฆราชสั่งอาบัติแล้ว ธรรมกายยังอยู่ได้ ถ้าสังฆราชองค์ต่อเป็นธรรมกาย คงจะยึดประเทศได้เป็นแน่ *************************************** อ้างอิง พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑ พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๑ มหาวิภังค์ ภาค ๑ อาการแห่งอวหาร อาการ ๕ อย่าง [๑๒๒] ปาราชิกอาบัติ พึงมีแก่ภิกษุผู้ถือเอาทรัพย์ที่เจ้าของไม่ได้ให้ ด้วยอาการ ๕ อย่าง คือ ทรัพย์อันผู้อื่นหวงแหน ๑ มีความสำคัญว่าทรัพย์อันผู้อื่นหวงแหน ๑ ทรัพย์มีค่ามากได้ราคา ๕ มาสก หรือเกินกว่า ๕ มาสก ๑ ไถยจิตปรากฏขึ้น ๑ ภิกษุลูบคลำ ต้องอาบัติทุกกฏ ทำให้ไหว ต้องอาบัติถุลลัจจัย ให้เคลื่อนจากฐาน ต้องอาบัติปาราชิก ๑ ถุลลัจจยาบัติ พึงมีแก่ภิกษุผู้ถือเอาทรัพย์ที่เจ้าของไม่ได้ให้ ด้วยอาการ ๕ อย่าง คือทรัพย์อันผู้อื่นหวงแหน ๑ มีความสำคัญว่าทรัพย์อันผู้อื่นหวงแหน ๑ ทรัพย์มีค่าน้อยได้ราคาเกินกว่า ๑ มาสก หรือหย่อนกว่า ๕ มาสก ๑ ไถยจิตปรากฏขึ้น ๑ ภิกษุลูบคลำ ต้องอาบัติทุกกฏ ทำให้ไหว ต้องอาบัติทุกกฏ ให้เคลื่อนจากฐาน ต้องอาบัติถุลลัจจัย ๑ ทุกกฏาบัติ พึงมีแก่ภิกษุผู้ถือเอาทรัพย์ที่เจ้าของไม่ได้ให้ ด้วยอาการ ๕ อย่าง คือ ทรัพย์อันผู้อื่นหวงแหน ๑ มีความสำคัญว่าทรัพย์อันผู้อื่นหวงแหน ๑ ทรัพย์มีค่าน้อย ได้ราคา ๑ มาสก หรือหย่อนกว่า ๑ มาสก ๑ ไถยจิตปรากฏขึ้น ๑ ภิกษุลูบคลำ ต้องอาบัติทุกกฏ ทำให้ไหว ต้อง อาบัติทุกกฏ ให้เคลื่อนจากฐาน ต้องอาบัติทุกกฏ ๑ ***************************************** คดีธัมมชโย ทำไมอัยการถอนฟ้อง ??? https://www.facebook.com/photo.php?fbid=433165116795775&set=a.273927986052823.57575.273922746053347&type=1&relevant_count=1 อัยการสูงสุด “นายพชร ยุติธรรมดำรง” มีคำสั่งให้อัยการฝ่ายคดีอาญา 5 ถอนฟ้อง “ธัมมชโย” กับพวก ฐานยักยอกทรัพย์และเงินวัดพระธรรมกาย ทั้งๆ ที่คดีอาญาดังกล่าว เป็นเรื่องที่สาธารณชนให้ความสนใจอย่างมาก เพราะเป็นเรื่องสำคัญที่มีผลกระทบอย่างลึกซึ้งและกว้างขวาง และมีการสืบคดีมายาวนานกว่า 7 ปี 1) อ้างว่า “ธัมมชโย” คืนเงินและที่ดินให้วัดธรรมกายแล้ว จึงถอนฟ้อง ยุติการดำเนินคดีในฐานยักยอกทรัพย์ >> เปรียบเทียบกับ “โจร” ที่ลักควายไป ภายหลังถูกจับขึ้นศาล โจรนำควายมาคืน ก็ใช่ว่าจะรอดพ้นความผิดฐานขโมยควาย 2) อ้างว่า ขณะนี้บ้านเมืองต้องร่วมกันสร้างความสามัคคีของคนในชาติ หากดำเนินคดีธัมมชโยกับพวกต่อไป อาจก่อให้เกิดความแตกแยก และการดำเนินคดีต่อยังไม่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ >> เหมือนการสร้างความสามัคคีของคนในชาติด้วยการ "ปล่อยนักโทษทั้งเรือนจำ" 3) อ้างว่า ได้เผยแผ่พระพุทธศาสนาตรงตามพระไตรปิฎกและนโยบายของสงฆ์แล้ว ด้วยการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ ทำให้เป็นที่ยอมรับทั่วไปทั้งในและต่างประเทศ >> ใครทำความผิดแล้วถูกจับขึ้นศาล ต่อมาจำเลยบอกว่าข้าพเจ้าขอแก้ตัวใหม่ ศาลก็ปล่อยตัวอย่างนั้นหรือ หัวจักรนิวเคลียร์ ในการทำลายล้างพระพุทธศาสนา โครงการพระไตรปิฎก ฉบับธรรมชัย พระพรหมเมธี (จำนงค์ ธมฺมจารี) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศาราม ธรรมยุติหนึ่งเดียวที่สนับสนุนธรรมกาย เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ นิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานฝ่ายฆราวาส บรรณพจน์ ดามาพงศ์ ประธานอุปถัมภ์โครงการพระไตรปิฎก อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ กุมภาพันธ์ 4, 2015 Gervasio Stapenco อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ กุมภาพันธ์ 4, 2015 Gervasio Stapenco อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ กุมภาพันธ์ 4, 2015 1 อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น