ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ มีนาคม 13, 2017 ศึกยังไม่จบ อย่างพึ่งนับศพทหาร ตอนที่ ๒ ๑๓ มีนาคม ๒๕๖๐ แหมๆ พอเจ้าหน้าที่เขาปล่อยหน่อย ก็ได้ใจ ดาหน้ากันออกมาเรียกร้องให้พุทธะอิสระสึกกันเกรียวกราวเชียวนะ ------------------------------------------------- พรชร รอดอยู่ "บอกแล้วไง หากไอ้อลัชชีธัมมชโยไม่สึก พุทธะอิสระก็จะสึกเอง พระพุทธะอิสระ ไม่พอใจกรณี ผบ.ตร. พร้อมให้พระธัมมชโยประกันตัวได้ถ้าพระธัมมชโยเข้ามอบตัว ชี้ถ้าอีกฝ่ายไม่ถูกให้สึก อาตมาจะสึกเอง. สึกดิรอไร Hi E Pen สึกหรือไม่ เกิดจากกรรมคือการกระทำ...ลั่นวาจาไว้ นั่นคือการกระทำปรือกรรมที่ได้สร้างไว้ หากไม่สึกก็จะรับกรรมหนักตลอดไป อย่างน้อยสุดก็เป็นอลัชชี และเสื่อม..เวรกรรมมีจริงครับ คือผลของการกระทำ (การลั่นวาจา)..รอดูครับ ชยพล คนรักษ์ ผมว่าถึงเวลาแล้วล่ะครับที่พญาราชสีห์จะต้องออกศึกสร้างความเสียหายให้กับประเทศอีกสักครั้ง พวกเราแฟนเพจหลวงปู่ทุกคนพร้อมแล้วครับ นัดมาเลยครับ วัน ว. เวลา น.เท่าไหร่ พวกเราจะบุกธรรมกายพร้อมๆกันทุกประตูไม่ให้มันตั้งตัว หลวงปู่เป็นทัพหน้า ลุงกำนวยเทือกหัวคัน เป็นทัพหนุน พวกเราพร้อมไหมขอเสียงหน่อยกร๊ากกก!ขำกลิ้ง อาทิตย์ สุขดี ถ้าธัมมชโยไม่สึก ฉันจะสึกเอง """สัจวาจาเล็กๆน้อยๆ ลืมหรือยัง555555 มหาโจร อองตวน ทำใมเพจหลวงปู่ ลงแต่ข่าวที่จ้องเอาผิดคนอื่นอย่างเดียว นี่วิสัยของท่านเหรอครับ อย่าลืมสึกนะครับ ตานายเดิน ณ.กาลครั้งหนึ่ง Game. Over...... .... ..."เขี่ยธุลี ออกจากจีวร" ...ไม่มีทางเดินสำหรับ...ผู้พ่าย.... ตานี้....รอลุ้นแค่..."สัจจะวาจา" เจ้าน้อยจัยยะลังก๋า วงกุญชร ส.เพลินจิต สัจจะว่าจาหวังว่าคงรักษาไว้ได้นะท่านอิสระเห็นท่านออกตัวไว้คราวก่อนไม่ทำผิดศีลข้อมุสาฯนะครับ ฮัลนิบาล เล๊คเตอร์ ถ้าจับสึกธัมมะชโยไม่ได้ ฉันจะสึกเอง ลุงสุวิทย์กล่าวไว้นะครับ นะๆ Ataman Phiphatkawi จำได้ว่าท่านจะสึก หากจับธัมมี่มาสึกไม่ได้ สาธุชนรอดูคำพระอย่างท่านว่าน่าเชื่อถือหรือไม่ขอรับ นิมนต์คับ คนธรรมดา ไร้ชื่อ อย่าลืมสึกนะครับ กะลาแลนด์สไตล์ ประชาธิปไตย สไตล์กะลาแลนด์ แล้วถ้าหากธัมชโย ไม่สึกหลวงปู่จะทำตามคำพูดไหม ป้าโรส โสดค่ะ มึงเป้นเหี้ยในคราบพระ ก้อให้เกียรติพระที่มึงอาศัยหน่อยดิ หยุดสมองเหี้ยไปดีใจในความทุกข์ของคนอิ่น คำสอน พระพุทธเจ้าไม่เคยให้ดีใจสะใจในความทุกข์ของตงคนอื่น นะจ๊ะ Surasak Saeheng เมื่อไหร่มึงจะสึก Mod Tanoid กุถาม มึงคำถามเดียว เมื่อรัยมึงจะสึก !!! Wong Prapha แล้วเมื่อไหร่นายสุวิทย์ จะสละผ้าเหลืองเสียที ทั้งที่รู้ตัวเองอยู่แล้วว่าคุณไม่ใช่พระภิกษุในพระพุทธศาสนา ------------------------------------------------ ก็พอเข้าใจนะว่าบรรดาสาวกลัทธิกบฏผีบุญและพวกเสื้อแดงทั้งหลาย ทำไมถึงได้รู้สึกเดือดเนื้อร้อนใจกับพุทธะอิสระเสียเหลือเกิน คงเป็นเพราะลัทธิกบฏผีบุญเป็นที่มั่นสุดท้ายที่จะกินรวบประเทศไทย - คงเพราะพุทธะอิสระและพวกเป็นต้นเหตุให้พวกลัทธิกบฏผีบุญหมดโอกาสออกเดินชักแถวเรี่ยไรไปทั่วประเทศ ด้วยเพราะพุทธะอิสระไปแจ้งความในกรณีที่ลัทธินี้ออกเดินเรี่ยไรผิดกฎหมาย - คงเพราะพุทธะอิสระและพวก เป็นต้นเหตุ ทำให้การเดินธุดงค์บนกลีบดอกไม้ของลัทธิกบฏผีบุญนี้เป็นอันต้องปิดฉากอย่างถาวร - คงเพราะพุทธะอิสระและพวก ไปแจ้งความชี้เบาะแสให้ดีเอสไอทำการสืบสวนสอบสวนกรณีสมเด็จช่วงครอบครองรถหรูหนีภาษี จึงเป็นเหตุให้ไม่ได้รับเสนอชื่อเป็นพระสังฆราชในที่สุด ทั้งที่พวกลัทธิกบฏผีบุญและพวก พยายามหมายมั่นปั้นมือ มุ่งหวังผลักดันให้สมเด็จช่วงได้ก้าวสู่ความฝันให้ได้ แต่สุดท้ายก็แห้ว - คงเป็นเพราะพุทธะอิสระและพวก นำเอาความชั่วช้าเลวร้ายของลัทธิกบฏผีบุญมาโพนทะนา จนทำให้สังคมและหน่วยงานรัฐตื่นรู้ถึงพิษภัยที่ลัทธินี้มันกำลังกินรวบประเทศไทย และพยายามบิดเบือนทำลายหลักการที่แท้จริงของพระธรรมวินัย - คงเป็นเพราะพุทธะอิสระและพวก นำความจริงที่เจ้าลัทธินี้มันย่ำยีพระธรรมวินัย และหลอกลวงประชาชน พร้อมทั้งพุทธะอิสระนำพาพี่น้องสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ไปแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษต่อดีเอสไอจนนำมาซึ่งการออกหมายเรียก หมายค้น หมายจับ ทำให้อลัชชีเจ้าลัทธิต้องหนีหัวซุกหัวซุนแทบจะไม่มีแผ่นดินอยู่ทุกวันนี้ - คงเป็นเพราะพุทธะอิสระและพวก ออกมาประกาศสู้กับลัทธิอลัชชีกบฏผีบุญมาตั้งแต่ตั้งเวทีแจ้งวัฒนะ เมื่อเลิกเวที พุทธะอิสระก็ยังต่อสู้จนกว่าจะชนะ เพราะรู้ดีว่านี่คือการต่อสู้เพื่อพระธรรมวินัยและแผ่นดินไทย จึงใช้ผ้าเหลืองและชีวิตเป็นเดิมพัน ๓ ปีแล้วที่พวกเราสู้มา สิ่งที่ได้เห็นเป็นรูปประธรรมคือวันนี้หัวหน้ากบฏผีบุญและลูกน้อง กลายเป็นผู้ล้มละลายในสายตาสังคม ต้องหนีหัวซุกหัวซุนจากเงื้อมมือของกฎหมาย แม้ยศศักดิ์ที่พยายามแสวงหามาตลอดชีวิตก็ยังถูกถอดถอน ด้วยเหตุผลเหล่านี้ สมควรแล้วที่พวกสาวกลัทธินี้และพวกเสื้อแดงบางคน จักเคียดแค้นอาฆาตต่อพุทธะอิสระ แต่ก็ไม่ต้องห่วงว่า พุทธะอิสระจะสึกหรือไม่สึก สิ่งที่พวกคุณควรจะห่วง ก็คือ พยายามหาทางช่วยให้เจ้าลัทธิกบฏของพวกคุณเอาตัวให้รอดจากการไล่ล่าของเจ้าหน้าที่ให้ได้ก่อนดีไหม เพราะเวลานี้จะพูดว่าเจ้าลัทธิกบฏผีบุญหนีรอดแล้ว มันก็ยังเร็วเกินไป เพราะพวกคุณเองก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเจ้าลัทธิมันไปซุกหัวอยู่ในรูไหน เอาเป็นว่าเมื่อใดที่ดีเอสไอออกมาบอกว่า ไม่สามารถจับตัวหัวหน้ากบฏผีบุญและลูกน้องได้ รวมทั้งศาลสงฆ์ออกมาบอกว่า เจ้าลัทธิอลัชชีกบฏผีบุญมันไม่ผิด วันนั้นพุทธะอิสระจะสึกให้พวกคุณดูเอง ไม่ต้องร้อนใจไปดอก แต่ตอนนี้ขอเวลาจัดการกับพวกที่ปล่อยให้เกิดกบฏผีบุญจนกลายเป็นอันตรายต่อความมั่นคงของประเทศไปแล้ว และขอให้สำเหนียกเอาไว้ด้วยว่า คนอย่างพุทธะอิสระเป็นลูกผู้ชายพอ ไม่ใช่หน้าตัวเมีย อะไรที่พูด ที่ทำ พุทธะอิสระกล้าที่จะรับผิดชอบได้ โดยไม่ต้องให้ใครมาเตือน เพราะจิตสำนึกของพุทธะอิสระไม่ได้ด้านชาเหมือนอย่างเจ้าลัทธิอลัชชีขี้ขลาดของพวกคุณ เคนะ หวังว่าคงจะเข้าใจ พุทธะอิสระ อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ มีนาคม 13, 2017 คลิป อัยย์ แฉ ธรรมกายแตกแยก หมอมโนไม่ชนแก้วด้วย https://www.youtube.com/watch?v=hrXdhwifQUU ไพบูลย์ วิเคราะห์ ธัมมชโย ปฏิรูปพุทธศาสนา ข่าวข้นคลิปเด็ด โต้เดือด องอาจ Vs ไพบูลย์ ศิษย์ธรรมกาย ใครแน่? ข่าวข้นคลิปเด็ด อ.วันชัย ดร.เจิมศักดิ์ แฉใครช่วยธัมมชโย ธรรมกาย ข่าวข้นคลิปเด็ด แฉพระคึกฤทธิ์ ผิดไหม ปฏิเสธพระไตรปิฎก ข่าวข้นคลิปเด็ด สํานักข่าวไทย TNAMCOT ------- ลั่น 'ธัมมชโย' สิ้นอำนาจหลังธรรมกายยอมให้ค้นวัด!! "ไพบูลย์" ชี้ "พระธัมมชโย" สิ้นอำนาจหลังธรรมกายยอมให้ค้นวัด ปลุกกระแสสังคมเรียกร้องรัฐบาล "ปฏิรูปคณะสงฆ์" BANGKOKBIZNEWS.COM ------- คนปลายซอย จันทร์ ๑๓ มีนาคม ๒๕๖๐ เจ้าอาวาส"วัดธรรมกาย"ใครกล้า? เสียงชาวบ้านนั้น ดีเอสไอ"ต้องฟัง" แต่ถ้าฟังแล้ว......... เก็บเอามาเป็นอารมณ์ทุกเรื่อง ก็บ้า!" อย่างกรณียุติการล้อมอาณาจักรจานบินล่าตัวผีบุญไชยบูลย์ ปรากฏว่าถูก"ขาลุย"ถ่มถุยใส่เละ นั่นเป็นเรื่องธรรมชาติของกองเชียร์ ถูกใจก็เฮ ไม่ถูกใจก็แฮ่ ดีเอสไอแค่ฟังไว้ก็พอ ขอให้"ทำงาน-มีแผนงาน อย่าทำงาน-บ้าเสียงเชียร์ คนหลายส่วนเขาเข้าใจ เรื่องกวาดล้างลัทธิผีบุญธรรมกาย ไม่ใชการโค่นต้นไม้รต้นหนึ่ง แต่เป็นเหมือนทั้ง ต้นไทร-ต้นไกร-ต้นกร่าง ขึ้นพันกอดเกี่ยวกันด้วยผลประโยชน์ลงตัวเป็นตาข่ายคลุมมานานนับ แผ่กิ่งก้านสาขา ไขว้ไป-มาเนียนแนบ จนยากแยกออกง่ายๆว่า ไหน...ส่วนต้นของต้นไหน และไหน...ส่วนปลายของต้นไหน? ผีบุญไชยบูลย์นั้น.......... ฉากหน้า ก็เข้าใจกันหมดว่า"นี่คือตัวการใหญ่"จับผีบุญไชยบูลย์ได้ ทุกอย่างก็จบ แต่ยังหรอก...... อาจจบเฉพาะตัวไชยบูลย์! แต่ตัว"ทัตตชีโว"และอีกหลายตัว ทั้งเหลือง-หัวโล้น และขาว-หัวดำ ที่ฝังเขี้่ยวอยู่ในเงินขายบุญ-ขายสวรรค์เป็นล้านล้านบาท พวกนี้ไม่จบ ด้วยเดิมพันสูง จะไม่ยอมให้จบง่ายๆ นั่นคือ ความเป็น"ลัทธิผีบุญธรรมกาย"จากกิ่งก้านที่แผ่ขยาย งอก"รากใหม่"หลายสาย-หลายแขนง มันเป็นต้นน้ำเลี้ยงก่อเกิดกาฝากนานาพันธุ์ เกาะเกี่ยวกลมกลืนแฝงอยู่ในคราบพระพุทธศาสนา"นิกายธรรมกาย"ทั้งในและนอกประเทศมากมาย ไม่เฉพาะในการศาสนา-การบ้าน-การเศรษฐกิจ ใน"การเมือง"ยิ่งร้าย....... ลัทธิผีบุญธรรมกาย งอกรากฝังรัฐ ดูดเอาเงินและอำนาจจากรัฐผ่านคนการเมือง สู่เป้าหมาย"ยากไว้วางใจ"ในด้านความมั่นคง! ฉะนั้น ถ้ามองด้วยเอาใจตัวเองเป็นที่ตั้ง ก็จะคิดว่า....... "มันจะยากอะไร แค่เอาเลื่อย-เอาขวานฟันโครม โค่นต้นมันลงมา ทุกอย่างก็จบ" แต่ในแง่ทำ เอาความจริงเป็นที่ตั้ง มันไม่ง่ายอย่างนั้น และนอกจากไม่จบแล้ว ปัญหาจะขยาย ต้นไม้ใหญ่ ที่สักแต่ว่าโค่นต้นให้ล้มครืน....... ทั้งต้น ทั้งกิ่งก้าน จะล้มฟาดสายไฟ ฟาดอาคารบ้านเรือนและผู้คน จะเกะกะขวางถนน กิ่งผุ ใบ ก้านสด จะกระจายเกลื่อน เป็นปัญหารกบ้าน-รกเมือง ขยายเป็นวงกว้าง วิธีการที่รัฐบาล โดยดีเอสไอ-ตำรวจ-ทหาร ทำตอนนี้ ถูก-ไม่ถูก ไม่รู้ รู้แต่ว่า สอดคล้องสถานการณ์ที่ต้องควบคุมและรับผิดชอบ ขออย่างเดียว...... ต้องจริงใจ-จริงจัง กวาดล้าง-ชำระสะสางลัทธิผีบุญธรรมกายต่อเนื่องจนหายไปจากคณะสงฆ์ไทย แต่ถ้าเล่นลิเก-ละคร แล้วปล่อยให้เป็นอย่างที่หนังสือพิมพ์พาดหัวว่า "ธรรมกายเฮ" แบบนั้น ทั้งดีเอสไอ ตำรวจ ทหาร ในความเป็น"รัฐบาลคสช."ก็สมควรให้ชาวบ้านเปลี่ยนชื่อเรียกเป็น "ไอ้หอกหัก"! ขั้นตอนที่เราควร"จับตาดู"ต่อจากนี้ ที่เป็นผลคืบหน้า คือ ดูที่"เจ้าคณะใหญ่หนกลาง"สมเด็จพระพุทธชินวงศ์"วัดพิชยญาติการาม เจ้าคณะภาค ๑"พระเทพสุธี"(สายชล ฐานวุฑฺโฒ)ผู้ลือลั่น วัดชนะสงคราม ทั้ง ๒ รูปนี้ เป็น"หัวหน้าใหญ่"ในสายบังคับบัญชา ที่ต้องชำระ-สะสางปัญหาวัดพระธรรมกาย"ธัมมชโย-ทัตตชีโว"ให้เบ็ดเสร็จ คือให้เป็นไปตามพระธรรมวินัย ตามพรบ.สงฆ์ และตามมติ"มหาเถรสมาคม" ที่ให้ฝ่ายปกครองสงฆ์ ภาค ๑ จัดการเรื่องราววัดพระธรรมกาย ให้เป็นไปตามนั้น! ตามนั้น หลักๆก็มี........... ๑.ตั้งเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายให้เสร็จ ๒.เจ้าอาวาสจะต้องนำตัวธัมมชโย-ทัตตชีโว เข้าสู่กระบวนการไต่สวนความผิดตามกฎมหาเถรฯฉบับที่ ๒๑ ไปตามลำดับ บทลงโทษคือ"ต้องสละสมณเพศ"! หลบหนี-ขัดขืน ก็ช่างโจรโล้น-เหลือง............. กฎมหาเถรฯ ฉบับที่ ๒๑ มีให้เดินอยู่แล้ว ขั้่นตอนสุดท้ายคณะสงฆ์ปกครองก็"ปิดประกาศ"ว่าต้องครุกาบัติ พ้นจากความเป็นพระแล้ว ส่งเรื่องให้ทางเจ้าหน้าที่บ้านเมืองทราบ ให้ทั้งโลกทราบ ว่าผีบุญไชยบูลย์ไม่ใช่พระแล้ว เจอที่ไหน แจ้งตำรวจจับเข้าตะรางได้เลย ส่วนผิด-ถูกด้านคดี อยู่ที่ศาลจะวินิจฉัยตัดสิน บางคนบอก โฮ้ย....ยี่เกชัดๆ ซูเอี๋ยกัน ปล่อยให้หนี แป๊บเดียวก็ ๑๕ ปี กลับมาครองอาณาจักรจานบิน กินเงินหลอกขายบุญได้เหมือนเดิม! ผมอยากเปรียบให้เห็นว่า เรื่องวัดพระธรรมกาย เรื่องผีบุญไชยบูลย์-ทัตตชีโว คือ"ทองวิทยาศาสตร์"ฉาบเป็นผิวนอกหุ้มตะกั่้วเนื้อใน ให้คนหลงเชื่อว่าเป็น"พระทองคำ"ทั้งองค์ ต้นทุนของแก๊งผีบุญ อยู่ที่"ศรัทธา-ความเชื่อ"จากหมู่ชน ว่าเป็นพระทองคำ แต่มาวันนี้ รัฐบาลคสช.โดยดีเอสไอ โดยตำรวจ-ทหาร และสำนักพุทธฯภายใต้"ผอ."คนใหม่ เขาช่วยกัน"ลอกทองวิทยาศาสตร์"ออกทีละชั้นๆๆๆๆ เนื้อในโผล่แล้ว........ ตะกั่วตีนแหชัดๆ หาใช่ทองคำบริสุทธิ์อย่างที่ฉาบหลอกให้หลงเชื่อ-หลงศรัทธา! ในความเป็นพระ นั้น เมื่อฉิบหายแล้วจากศีล ก็เหลือแต่ความเป็นอลัชชี-เดียรถีย์-เดรัจฉาน ศรัทธาและความเชื่อว่าเป็นพระ ผู้เป็นเนื้อนาบุญประเสริฐหมดไป จากจิตใจของหมู่ชน ธัมมชโย-ทัตตชีโว ตอนนี้ ในทะเบียนประวัติจะระบุว่า "อาชญากร"หลบหนีคดี หนีหมายจับของเจ้าหน้าที่บ้านเมือง แล้วเราๆท่านๆก็ลองตอบกับใจตัวเองซิ........... เมื่อทราบดังนี้ ถึงยังไม่ถูกจับกระชากผ้าเหลืองออกจากร่าง ก็ยังจะยอมรับนับถือว่า -ธัมมชโย ที่รวมหัวกันยักยอก-ฟอกทรัพย์-รับของโจร เป็นพัน-เป็นหมื่นล้าน แล้วหนีคดี ยังเป็นพระผู้ปฏิบัติดี-ปฏิบัติชอบ และศีลยังไม่วิบัติอยู่อีกหรือ? -ทัตตชีโว ที่นำเงินวัดไปเล่นหุ้น เป็นเจ้าพนักงานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ผิดกฎหมายอาญา มาตรา๑๕๗ และขัดขืนหมายเรียก ยังเป็นพระผู้ปฏิบัติดี-ปฏิบัติชอบและศีลยังไม่วิบัติอีกหรือ? นั่นคือ การจะจับตัวได้ หรือยังจับไม่ได้ ทั้ง ๒ ผีบุญนี้ ค่าทางศรัทธา-เชื่อถือ ในการยอมรับเป็นพระในพระพุทธศาสนา ค่าเท่า ๐! จะเหลือคน ๓ จำพวก ที่ยังทึกทัก"ยึดถือ"สมีโยกันอยู่ ๑.แก๊งผีบุญในคราบโล้นเหลือง ที่ลวงโลกหากินด้วยกัน ๒.กลุ่มทุน-กลุ่มการเมือง-กลุ่มพระเมาอามิส ที่ต่างอิงประโยชน์ในกันและกัน และ ๓.พวกสาวกที่คลั่งผีบุญธัมมชโยงมงาย ถึงขั้นประกาศ"ต่อให้พระเดชพระคุณหลวงพ่อผิด ก็จะยังเคารพนับถือ"ตลอดไป เนี่ย....ความเพ่งเพียรของรัฐบาลต่อการกำจัดกาฝากพระพุทธศาสนาครั้งนี้ เท่ากับ "ฆ่าลัทธิผีบุญธรรมกาย-ฆ่าผีบุญธัมมชโย-ฆ่าผีบุญทัตตชีโว".... ตายไปแล้ว จากความเป็นพระสงฆ์ จากศรัทธา-ความเชื่อว่าเป็นเนื้อนาบุญประเสริฐ เหลือแต่ความเป็น"ผีบุญ"และอาชญากรหนีการจับกุม! ปัญหาเฉพาะหน้าตอนนี้ คือ........... จะหาพระที่"เหมาะสม"ตามพระธรรมวินัยจริงๆจากที่ไหน มาเป็นเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย? ความจริง"มีเยอะแยะ" แต่พระรูปไหน-จากที่ไหนล่ะ จะกล้ามาเป็นเจ้าอาวาส เพื่อปกครอง-ควบคุมสาวกผีบุญ"ธัมมชโย-ทัตตชีโว" ที่ตบะแก่กล้า ถึงขั้นขุดคู-ประตูรบ"ตั้งกองกำลัง"ทำศึกกับเจ้าหน้าที่บ้านเมือง บีบคอ-บีบไข่ทหารหน้าเขียวมาแล้ว!? รูปการณ์น่าจะเป็นว่า ประชุมสมุนผีบุญ แสดงละคร ดันตูดนักรบเหลืองคนไหนซักคนขึ้นมาเป็น"เจ้าอาวาสหุ่นเชิด"หรือเจ้าอาวาสนอมินี แบบนี้ วัดพระธรรมกาย แทนที่จะกู้กลับมาเป็นวัด ภายใต้ปกครองคณะสงฆ์จริงๆ........... ก็จะยังเป็น"อาณาจักรผีบุญธรรมกาย"อยู่เหนือกฎหมายและกฎสงฆ์เหมือนเดิม ตรงนี้แหละ ควรจับตา ว่าคณะปกครองสงฆ์ โดยเจ้าคณะใหญ่หนกลาง"ผู้มีหน้าที่"จะจัดการอย่างไร? กับธัมมชโย ก็รู้แหละว่า ขี่ค้อนเหาะไปอยู่ดุสิตบุรีแล้ว แต่ทัตตชีโว ผู้นำเงินวัดไปเล่นหุ้นล่ะ........ ยังซุ่มบัญชาการเงียบอยู่ในจานบินมิใช่หรือ? เจ้าคณะใหญ่หนกลาง"สมเด็จพระพุทธชินวงศ์"จะจัดการให้เป็นไปตามกฎ ฉบับที่ ๒๑ เมื่อไหร่ อย่างไร? ญาติโยมคงไม่ต้อง"สวดชยันโต"นะขอรับ! ---- บุกค้นอารามฯใกล้ธรรมกาย ไร้เงา“ธัมมชโย” - YouTube ดีเอสไอนำกำลังบุกค้น "อารามปริสุทโธ" คาดธัมมชโยหลบซ่อนอยู่ - Nation TV เห็นแชร์กันในเน็ต ดาวน์บุญพระบูชา ราคา หมื่นห้า แต่ผ่อนจ่ายเดือนละ สี่พัน เพจดังแฉ วัดธรรมกายเปิด ดาวน์บุญพระบูชา ผ่อนเดือนละ 4 พัน อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ มีนาคม 13, 2017 (มีการแก้ไข) ๑๓ มีนาคม วันช้างไทย "ซุ้มช้างคู่บารมีเฉลิมพระเกียรติในหลวง" ท่านยังทรงอยู่กับเราเสมอ ไม่ว่าเราจะมองไปทางไหนของแผ่นดินไทย EM5 12-50 นายลายทองเหรียญ เปิดเผยว่า ช้างไทยมีความผูกพันกับพระเจ้าแผ่นดินมาช้านาน และช้างทั้งหมดที่เดินทางมาวันนี้เป็นช้างที่เคยถวายงานมาแล้ว พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลดุลยเดช ทรงมีความห่วงใยช้างไทย ทรงมีพระราชดำริว่า ทำอย่างไรให้จะช้างไทยและมนุษย์ อยู่ร่วมกันได้อย่างไม่มีปัญหา และทรงอยู่เบื้องหลังให้คำปรึกษางานดูแลช้างไทยมาโดยตลอด ซึ่งเป็นเรื่องที่คนทั่วไปไม่เคยทราบ ส่วนภาพพระบรมฉายาลักษณ์ ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ถ่ายคู่กับช้างนั้น เป็นคชสารพระจำพระองค์ ซึ่งฉายพระรูปร่วมกัน เมื่อประมาณ 10 ปีมาแล้ว และทรงเป็นพ่อครัวช้างด้วยพระองค์เอง ถวายอาลัย ในหลวง รัชกาลที่ 9 งานปี่สก๊อดก็มีครับ เสียงจากปี่สก๊อต กับบรรยากาศนี้ มันเศร้ากินใจมากครับ อยากให้ได้ฟังกันจริงๆ ชอเพิ่มเติม ( 11 พย 59 ) สองท่านนี้เป็นฝรั่งที่มาเลี้ยงช้างอยู่ที่วังช้าง เกิดความผูกพันธ์กับช้างไทย บางคนที่มาอยู่หลายเดือนเลยครับ มาเลี้ยงช้างมาศีกษา พอมีการจะจัดขบวน เค้าก็อาสาเป่าแตรเพลงสรรเสริญฯ อีกท่านก็เป่าปี่สก๊อต แต่เค้าเป็นคนออสเตเรียนะครับ ครั้งนี้บินมาเป่าโดยเฉพาะ เป่าเสร็จวันที่ 9 ก็บินกลับเลย นี่หละครับ คนรักในหลวงเค้าทำด้วยใจจริงๆ ขอแสดงความนับถือครับ #คชสาร — with การท่องเที่ยวโดยชุมชน บ้านทรายขาว ปัตตานี, PhiSamai SaengPhet, Passana Khamnakdit,Panlada Boonsakul, Robert Scotland and Bhinyapat Chotiwan. by Sarawut Whanset ช้างวาดภาพในหลวง - YouTube น่ารัก!! น้องช้าง พังหยก วาดภาพพ่อหลวง/ห่วงพ่อที่สุด ช้างวาดรูป - YouTube 【สารคดี】ภาพยนตร์เชิงสารคดี ชุด ช้างไทย ตอนที่ 3 ซุปตาร์ ช้าง HD - YouTube 【สารคดี】ภาพยนตร์เชิงสารคดี ชุด ช้างไทย ตอนที่ 7 หมอช้าง HD - YouTube ช้างป่าเขาใหญ่เล่นน้ำ - YouTube ถูกแก้ไข มีนาคม 13, 2017 โดย ginger อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ มีนาคม 13, 2017 Jirawat Kongpiban added 40 new photos — with Rungrot Kongpiban. เดินทางกลับ! กลุ่มช้างมงคลงางาม 11 เชือก ที่เดินทางมาจาก จ.อยุธยา ขึ้นรถบรรทุก เดินทางกลับ หลังจากเดินทางมาสนามหลวง เพื่อสักการะพระบรมศพ ในหลวง ร.9 จากด้านนอกพระบรมมหาราชวัง หน้าประตูมณีนพรัตน์ ซึ่งเป็นประตูที่ประชาชนทั่วไปเข้าสักการะพระบรมศพฯ การเดินทางมาครั้งนี้ เป็นความร่วมมือจากมูลนิธิพระคชบาล และกลุ่มคชสารคู่แผ่นดิน ซึ่งเป็นผู้เลี้ยงช้างทั่วประเทศ 300 คน นำช้าง 11 เชือก จากวังช้างอยุธยา แล เพนียด ไปถวายอาลัยแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลดุลยเดช โดยใช้เวลาซ้อมจริงจัง 12 วัน เครื่องแต่งกายที่ช้างใส่จำลองมาจากการออกรบ นายลายทองเหรียญ มีพันธุ์ ประธานมูลนิธิพระคชบาล เปิดเผยว่า ช้างไทยมีความผูกพันธ์กับพระเจ้าแผ่นดินมาช้านาน และช้างทั้งหมดที่เดินทางมาวันนี้ เป็นช้างที่เคยถวายงานมาแล้ว ในหลวง ร.9 ทรงมีความห่วงใยช้างไทย ทรงมีพระราชดำริว่า ทำอย่างไร ให้จะช้างไทยและมนุษย์ อยู่ร่วมกันได้อย่างไม่มีปัญหา และทรงอยู่เบื้องหลังให้คำปรึกษางานดูแลช้างไทยมาโดยตลอด ซึ่งเป็นเรื่องที่คนทั่วไปไม่เคยทราบ ส่วนภาพพระบรมฉายาลักษณ์ ที่ ในหลวง ร.9 ถ่ายคู่กับช้างนั้น เป็นคชสารพระจำพระองค์ ซึ่งฉายพระรูปร่วมกัน เมื่อประมาณ 10 ปีมาแล้ว และทรงเป็นพ่อครัวช้างด้วยพระองค์เอง ระหว่างการเคลื่อนร่วมสักการะ ได้รับความสนใจจากประชาชน ตลอดเส้นทาง / โดยช้าง 11 เชือก คัดเลือกมาจากหลายจังหวัด ไม่ใช่เฉพาะอยุธยา @Pat_ThaiPBS ------------- ช้าง 11 เชือก จากหมู่บ้านช้างเพนียดหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา ถวายสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ร.9 ที่ พระบรมมหาราชวัง Elephant king ข่าวที่เกี่ยวข้... YOUTUBE.COM อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ มีนาคม 13, 2017 (มีการแก้ไข) https://www.facebook...&type=3 ศาสตร์ แห่งน้ำ อุทกศาสตร์แห่งราชนาวีไทย ช้างเผือกคู่พระบารมีรัชกาลที่ ๙ ตำราพระคชศาสตร์กำหนดลักษณะสำคัญ ๗ ประการของช้างมงคลไว้ว่า จะต้องประกอบด้วย ๑. ตาขาว ๒. เพดานปากขาว ๓. เล็บขาว ๔. ขนขาว ๕. พื้นหนังขาวหรือสีอ่อนๆ ออกแดงคล้ายหม้อใหม่ ๖. ขนหางขาว ๗. อัณฑโกสขาว หรือสีคล้ายหม้อใหม่ ช้างที่มีลักษณะทั้ง ๗ ประการครบถ้วน เราเรียกว่า “ช้างสำคัญ” ส่วนช้างที่มีลักษณะมงคลไม่ครบ จะเรียกว่า “ช้าง ประหลาด” หรือช้าง “สีประหลาด” และหากช้างมีหนังดำ มีงาลักษณะเหมือนปลีกล้วย และมีเล็บดำ จะเรียกว่า “ช้างเนียม” ซึ่งช้างทั้งสามประเภทนี้ ถือเป็นช้างคู่บารมีของพระมหากษัตริย์เท่านั้น ผู้ที่ครอบครองช้างประเภทใด จะต้องนำช้างนั้นทูลเกล้าฯ ถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อเป็นช้างทรงตามราชประเพณีที่ปฏิบัติกันมานาน โดยเรามักจะเรียกช้างทั้งหมดรวมๆ กันว่าเป็น “ช้างเผือก” ถือกันมาแต่สมัยโบราณว่า ช้างเผือกถือว่ามีศักดิ์สูงเทียบชั้นเจ้าฟ้า และสัตว์ที่นิยมนำมาเลี้ยงคู่กับช้างเผือก มี ๒ ชนิด คือลิงเผือกและกาเผือก ถือกันว่าเป็นสัตว์คู่บุญของช้างเผือก จะช่วยป้องกันสิ่งอวมงคลที่จะมาสู่ช้างเผือกได้ และหากมีเหตุใดๆ เกิดขึ้นกับช้างเผือก จะเชื่อกันว่าเป็นลางร้าย ช้างเผือกที่ได้รับการขึ้นระวางเป็นช้างหลวงส่วนพระองค์พระมหากษัตริย์ จะเรียกกันว่า “ช้างต้น” ซึ่งสมัยก่อน ช้างต้นมี ๓ ประเภทคือ ๑. ช้างศึกที่ใช้ออกรบ ๒. ช้างสำคัญที่มีลักษณะเป็นมงคลตามตำราคชลักษณ์แต่ไม่สมบูรณ์ทุกส่วน ๓. ช้างเผือกที่มีลักษณะถูกต้องตามตำราคชลักษณ์ทุกประการ และจากที่ปัจจุบัน ไม่มีศึกสงคราม ทำให้ความต้องการใช้ช้างศึกเพื่อการสงครามไม่มี ช้างต้นในยุคปัจจุบัน จึงหมายถึงช้างเผือกที่มีลักษณะอันเป็นมงคลนั่นเอง กำเนิดของช้าง ก็สามารถบ่งบอกถึงความเชื่อว่า หากครอบครองช้างตระกูลใด จะส่งผลในทางใดให้กับผู้ครอบครองอีกด้วย ซึ่งกำเนิดของช้างนี้ มีตำนานกล่าวขานกันว่า เมื่อพระนารายณ์เสด็จลงมายังพิภพแล้วได้เนรมิตดอกบัวให้เป็นโลก และได้แบ่งกลีบดอกบัวเป็น ๔ ส่วน นำไปถวายพระพรหม พระอิศวร พระวิษณุ และพระอัคนี และมหาเทพทั้ง ๔ ได้เนรมิตกลีบบัวทั้ง ๔ ให้เป็นช้าง ๔ ตระกูล ได้แก่ ตระกูลพรหมพงศ์ พระพรหมเป็นผู้สร้าง หากมีช้างในตระกูลนี้มาสู่พระบารมี เชื่อว่าจะให้ความเจริญทั้งทางวัตถุและวิทยาการต่างๆ แก่เจ้าของ ลักษณะเด่นของช้างตระกูลนี้ คือมีเนื้อหนังอ่อนนุ่ม มีหน้าใหญ่ ท้ายต่ำ ขนอ่อนละเอียด เส้นเรียบ โขมดสูง คิ้วสูง น้ำเต้าแฝด มีกระเต็มตัว ขนที่หลังหู ปาก และขอบตามีสีขาว อกใหญ่ งามีสีเหลือง เรียวรัดงดงาม ตระกูลอิศวรพงศ์ พระอิศวรเป็นผู้สร้าง เมื่อมีช้างตระกูลนี้มาสู่พระบารมี จะทำให้บ้านเมืองมีความเจริญด้วยทรัพย์และอำนาจ ลักษณะเด่นของช้างตระกูลนี้ มีผิวกายดำสนิท งาอวบ งอน เสมอกันทั้งสองข้าง เท้าใหญ่ น้ำเต้ากลม คอย่นเมื่อเยื้องย่าง อกใหญ่ หน้าเชิด ตระกูลวิษณุพงศ์ พระวิษณุเป็นผู้สร้าง เมื่อมีช้างตระกูลนี้มาสู่พระบารมีย่อมมีชัยชนะต่อศัตรู ฝนจะตกต้องตามฤดูกาล ผลาหาร ธัญญาหารจะบริบูรณ์ ลักษณะเด่นช้างตระกูลนี้ มีผิวหนา ขนหนา เกรียน สีทองแดง อก คอ และคางใหญ่ หางและงวงยาว หน้าใหญ่ นัยน์ตาขุ่น และหลังราบ ตระกูลอัคนิพงศ์ พระอัคนีเป็นผู้สร้าง ช้างตระกูลนี้เมื่อมาสู่พระบารมี บ้านเมืองจะเจริญด้วยมังสาหาร มีผลในทางระงับศึกอันพึงจะเกิดหรือเกิดขึ้นแล้ว และมีผลในทางระงับความอุบาทว์ทั้งปวงอันเกิดแก่บ้านเมืองและราชบัลลังก์ ลักษณะเด่นของช้างตระกูลนี้คือมีท่วงทีงดงาม เวลาเดินจะเชิดงวง อกใหญ่ ปลายงาทั้งสองจะโค้งพอจรดกัน มีสีเหลือง ขนสีขาวปนแดง และผิวกายมีสีใบตองตากแห้ง ช้างเผือกคู่บารมีในรัชกาลที่ ๙ ในความเชื่อที่มีมาแต่โบราณของไทยถือว่าเป็นเครื่องเชิดชูเกียรติประดับบารมีของพระมหากษัตริย์ เมื่อมีช้างเผือกเข้ามาสู่พระบารมีจะทรงโปรดเกล้าฯ ให้ทำพิธีสมโภชขึ้นระวาง พระราชทานนามเป็น "พระยาช้างต้น หรือนางพระยาช้างต้น" และให้ยืนโรงช้างประจำพระราชฐาน พระมหากษัตริย์พระองค์ใด มีช้างเผือกมาก จะเชื่อกันว่ามีพระบุญญาบารมีมาก สำหรับรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ นี้ จวบจนถึงปัจจุบัน มีการพบช้างเผือก ๒๑ ช้าง ปัจจุบันเหลือ ๑๑ ช้าง ดังนี้ พระเศวตอดุลยเดชพาหน ชื่อเต็มคือ พระเศวตอดุลยเดชพาหน ภูมิพลนวนาถบารมี ทุติยเศวตกรีกมุทพรรโณภาส บรมกมลาสนวิสุทธวงศ์ สรรพมงคลลักษณคเชนทรชาติ สยามราษฎรสวัสดิ ประสิทธิ์รัตนกุญชรนิมิตบุญญาธิการ ปรมินทรพิตรสารศักดิเลิศฟ้า เป็น ช้างพลายเผือกโท ลูกเถื่อนตระกูล "พรหมพงศ์" จำพวกอัฏทิศ ชื่อว่า กมุท คล้องได้เมื่อปี ๒๔๙๙ ที่เมือง "กระบี่"โดยมีพล.ท.บัญญัติ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ประธานกรรมการองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย มีการสมโภชช้างนี้เมื่อวันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๐๑ และน้อมเกล้าฯ ถวายขึ้นระวางโรงช้างต้น พระราชวังดุสิต เมื่อวันที่ ๑๑ พ.ย. ๒๕๐๒ เริ่มยืนโรง ณ โรงช้างต้น สวนจิตรลดา ในปี ๒๕๑๙ ปัจจุบันอายุกว่า ๕๐ ปี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เชิญพระเศวต อดุลยเดชพาหนฯ จากโรงช้างต้น สวนจิตรลดา พระราชวังดุสิต มายืนโรง ณ โรงช้างต้น วังไกลกังวล อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ พระเศวตวรรัตนกรี ลูกช้างบ้านของราษฎรอำเภอสันกำแพง จงหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเมื่อผ่านการพิจารณาตรวจคชลักษณ์จากผู้ชำนาญของสำนักพระราชวังแล้ว พบว่า สมบูรณ์ด้วยศุภมงคลต้องตามตำราพระคชลักษณ์ โดยอยู่ในตระกูลวิษณุพงศ์ จำพวกอัฎฐคช ชื่อ "ดามพหัสดินทร์" สมควรขึ้นระวางเป็นพระยาช้างต้นตามราชประเพณี โดยช้างสำคัญนี้เกิดที่นครเชียงใหม่ ซึ่งได้ทรงสร้างพระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ไว้เป็นที่ประทับ เสมอด้วยมีพระราชฐานประจำในนครนี้ ปัจจุบัน ล้มแล้ว พระเศวตสุรคชาธาร ลูกช้างพลายพลัดแม่ที่ราษฎรอำเภอรามัญ จังหวัดยะลา ได้นำมาเลี้ยงไว้ ก่อนจะพบว่ามีลักษณะมงคล ซึ่งเมื่อทางสำนักพระราชวังได้ตรวจสอบ พบว่าลูกช้างนั้นมีมงคลลักษณะถูกต้องตามคชลักษณศาสตร์ อยู่ในพรหมพงศ์ ตระกูลช้าง ๑๐ หมู่ ชื่อ “ดามพหัตถี” พระเศวตสุรคชาธารนับเป็นช้างต้นช้างที่สามในรัชกาลนี้ และยังเคยเป็นพระสหายของสมเด็จพระเทพฯ สมัยยังทรงพระเยาว์ เคยมีกล่าวถึงในบทพระราชนิพนธ์ของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ว่า เมื่อมีการเสด็จฯ แปรพระราชฐานไปยังวังไกลกังวล หัวหิน คุณพระเศวตสุรคชาธารก็ได้โดยเสด็จฯ ด้วย ปัจจุบัน ล้มลงแล้ว พระศรีเศวตศุภลักษณ์ ช้างพังเผือก ลูกเถื่อน คล้องมาได้จากจังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นช้างตระกูลวิษณุพงศ์ จำพวกอัฏฐคช ชื่อดามพหัสดินทร์ ปัจจุบันกรมป่าไม้เป็นผู้ดูแล พระเศวตภาสุรคเชนทร์ เดิมชื่อภาศรี เป็นช้างพลายเผือก ลูกเถื่อน ของราษฎรในเขตอำเภอท่ายาง เพชรบุรี เมื่อมีการตรวจสอบพบว่ามีคชลักษณ์ถูกต้องตามตำราคชลักษณศาสตร์ อยู่ในตระกูลวิษณุพงศ์ จำพวกอัฎฐคช ชื่อ "ดามพหัสดินทร์" จึงได้ขึ้นระวางสมโภชเป็นช้างสำคัญพร้อมกันทีเดียวถึง ๓ เชือก คือพร้อมกับพระบรมนขทัศ และพระเทพวัชรกิริณี ปัจจุบันอายุ ๓๐ ปี อยู่ในความดูแลของศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย จังหวัดลำปาง พระเศวตสุทธวิลาส ช้างพลายเผือกลูกเถื่อน คล้องมาได้จากจังหวัดกาญจนบุรี เป็นช้างตระกูลวิษณุพงศ์ จำพวกอัฏฐคช ชื่อดามพหัสดินทร์ ปัจจุบันอายุเกือบ ๓๐ ปี อยู่ในความดูแลของศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย จังหวัดลำปาง พระเทพวัชรกิริณี เดิมชื่อพังขวัญตา เป็นลูกช้างหลงโขลง ชาวบ้านที่ไปตัดไม้ในเขตหัวหินไปพบเข้า จึงจับมาส่งให้กำนันตำบลเขาย้อย ก่อนจะนำไปถวายวัดและเลี้ยงมาคู่กันกับพลายดาวรุ่ง ต่อมาเมื่อมีการตรวจสอบพบว่า พังขวัญตาเป็นช้างสำคัญมีมงคลคชลักษณ์ถูกต้องตามตำราคชลักษณศาสตร์ อยู่ในตระกูลวิษณุพงศ์ จำพวกอัฎฐคช ชื่อดามพหัสดินทร์ ซึ่งตำราระบุว่าสมควรขึ้นระวางสมโภชเป็นพระราชพาหนะ เพื่อความเป็นสิริมงคลของประเทศชาติ พระวิมลรัตนกิริณี ช้างพังเผือก ลูกเถื่อน คล้องมาจากจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นช้างตระกูลพรหมพงศ์ จำพวกอัฏฐทิศ ชื่อกมุท อายุ ๒๙ ปี ปัจจุบันอยู่ที่โรงช้างต้น พระราชวังภูพานราชนิเวศน์ จังหวัดสกลนคร พระศรีนรารัฐราชกิริณี ช้างพังเผือก ลูกเถื่อน คล้องได้จากจังหวัดนราธิวาส พลัดกับแม่บนเทือกเขากือชา เป็นช้างตระกูลพรหมพงศ์ พวกอัฏฐทิศ ชื่ออัญชัน อายุ ๒๙ ปี ปัจจุบันอยู่ที่โรงช้างต้น พระราชวังภูพานราชนิเวศน์ จังหวัดสกลนคร พระบรมนขทัศ เดิมชื่อพลายดาวรุ่ง พบโดยราษฎรที่อำเภอปราณบุรี มีลักษณะพิเศษคือเล็บครบ เมื่อสำนักพระราชวังส่งผู้ชำนาญไปตรวจคชลักษณ์ พบว่า พลายดาวรุ่งเป็นช้างสำคัญที่หาได้ยาก เกิดในตระกูล "วิษณุพงศ์" จำพวก "อัฎฐคช" ชื่อ "ครบกระจอก" ซึ่งตำราคชลักษณศาสตร์นิยมว่า อุบัติมาเพื่อบุญญาธิการของพระมหากษัตริยาธิราช ควรแก่การสมโภชขึ้นเป็นพระราชพาหนะ จะบังเกิดสวัสดิมงคลแก่ประชาราษฎร์ นอกจากนี้ยังมีช้างสำคัญที่ยังไม่ได้ขึ้นระวาง ดังนี้ ๑.แก้วขาว ช้างพลายเผือก ลูกบ้าน คล้องได้จากจังหวัดเชียงใหม่ ๒.ก้อง คล้องได้จากจังหวัดชลบุรี ๓.พลายวันเพ็ญ คล้องได้จากจังหวัดเพชรบุรี อายุประมาณ ๓๑ ปี ขณะนี้อยู่ในความดูแลของศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย จังหวัดลำปาง ๔.พลายยอดเพชร คล้องได้จากจังหวัดเพชรบุรี อายุเกือบ ๓๐ ปี ขณะนี้อยู่ในความดูแลของศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย จังหวัดลำปาง ๕.พังมด อายุ ๒๐ ปี คล้องได้จากจังหวัดกาญจนบุรี ปัจจุบันอยู่ที่โรงช้างต้น พระราชวังภูพานราชนิเวศน์ จังหวัดสกลนคร ๖.ขวัญเมือง คล้องได้จากจังหวัดเพชรบุรี มีอายุเกือบ ๓๐ ปี ขณะนี้อยู่ในความดูแลของศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย จังหวัดลำปาง ๗.พลายทองสุก อายุประมาณ ๓๑ ปี ขณะนี้อยู่ในความดูแลของศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย จังหวัดลำปาง ที่มาโดย : http://raorakprajaoy...io/elephant.htm ความเป็นมาของการคล้องช้างอันยิ่งใหญ่ การล่าหรือไล่ต้อนสัตว์ใด ๆ จะสู้การคล้องช้างของพระเจ้ากรุงสยามได้นั้นเป็นไม่มี การคล้องช้างเป็นธรรมเนียมโบราณของเมืองสยามที่น่าดูยิ่ง แม้ล่วงเข้าคริสต์ศตวรรษที่ 20 แล้ว ก็ยังคล้องช้างกันอยู่ตามแบบแผนแต่โบราณ และเป็นที่โปรดปรานของทั้งบรรดาราชสำนัก ชาวกรุงเทพฯ และชาวบ้านแถบริมน้ำในกรุงเก่า เดิมทีพระเจ้ากรุงสยามโปรดเกล้าฯ ให้คล้องช้างปีละหน หากในแผ่นดินนี้เว้นว่างไป เนื่องจากทรงติดราชการเรื่องฝรั่งเศส (กรณีเสยดินแดนให้ฝรั่งเศส พ.ศ.2431 - 2449 -ผู้แปล) เสด็จประพาสยุโรป หรือพระพลานามัยไม่สมบูรณ์บ้าง อนึ่ง เมืองสยามกำลังหันมาทำนุบำรุงประเทศให้ก้าวหน้า เร่งสร้างทางรถไฟ และเปิดระบบชลประทานใหม่ๆ จนแม้ป่าดงก็กลายเป็นทุ่งนาข้าว เสียงช้างป่าที่เคยร้องดังก็ถูกเสียงหวูดรถไฟกลบ เสียงของเจ้าแห่งพงไพรไม่ได้ก้องป่าเหมือนแต่เดิม ทุกวันนี้เมืองสยามเลิกใช้ช้างในการรบทัพจับศึกแล้ว เห็นก็แต่รถยนต์และรถม้าจากอังกฤษ และปืนกลหนักจากญี่ปุ่นประจำกองทัพบก สยามถวายการอารักขาหน้าพระบรมมหาราชวัง ช้างในงานราชการเองมีไว้เพียงประดับพระเกียรติยศ งานงัดลากซุงและสำรวจเส้นทางกันดารต่าง ๆ ตามป่าเขาเท่านั้นที่ยังคงใช้ช้าง ด้วยสัตว์เหล่านี้มีพละกำลังและปัญญาดีเหนือกว่าเครื่องจักรกลของชาวอเมริกันมากมาย เรื่องคล้องช้างที่ข้าพเจ้าจะเล่าต่อไปนีจัดที่กรุงเก่าหรือพระนครศรีอยุธยา ก่อนวันคล้องช้างหลายสัปดาห์ กรมช้างแต่งผู้คนออกไปสอดแนมและไล่ต้อนช้างป่ามาจากทางเหนือและทางตะวันออก มีช้างต่อโอบล้อมนำช้างป่ามารได้ราวสองสามร้อยตัว แล้วต้อนมาทางริมน้ำใกล้กรุงเก่ารอข้ามน้ำไปยังเพนียดหลวง การคล้องช้างที่เพนียดหลวงคราวนี้จัดขึ้นเพื่อรับเสด็จสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้าวชิราวุธ สยามมงกุฎราชกุมาร ซึ่งเสด็จนิวัตพระนครหลังทรงสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด ประเทศอังกฤษ และทรงแวะเสด็จประพาสสหรัฐอเมริกา การคล้องช้างครั้งนี้น่าตื่นตาตื่นใจและได้ช้างงาม ๆ จำนวนมาก ถึงสัปดาห์ซึ่งจะคล้องช้างที่กรุงเก่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จฯ แปรพระราชฐานไปประทับแรมที่พระราชวังบางปะอิน บรรดาทูตานุทูตและแขกบ้านแขกเมืองโดยสารเรือเก๋งอันสะดวกสบาย ชาวกรุงเทพฯ โดยสารรถไฟไปจนแน่นทั้งขบวน ชาวบ้านที่อยู่ริน้ำลำคลองพายเรือมาตามคลองเพนียดใกล้เพนียดหลวง จนกรุงเก่าซึ่งร้างวังเวงกลับดูครึกครื้นดุจครั้งเมื่อเคยเป็นราชธรานีอันยิ่งใหญ่แห่งหนึ่งในเอเชีย ครั้นได้เวลา เจ้าหน้าที่กรมช้างให้สัญญาณต้นช้างออกจากป่ามาลงน้ำ เรือใหญ่น้อยลอยลำทิ้งระยะห่างโขลงช้างป่าพอควร เมื่อช้างป่านับร้อยเล่นน้ำ คนก็โห่ร้องจนช้างตื่นร้องแปร๋นแปร้น บ้างสาดน้ำขู่ดูน่ากลัว รอบ ๆ มีช้างต่อยืนกระหนาบสงบนิ่งเตรียมพร้อมอยู่ เมื่อได้สัญญาณช้างต่อก็นำช้างป่าเดินผ่านทุ่งหญ้าทางเพนียด เพนียดรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสสร้างไว้แข็งแรงมั่นคงมาก ตัวเสาเป็นซุงไม้สักทั้งต้นสูงเกือบสี่เมตร มีเหล็กรัดแน่นหนา ตัวเพนียดเป็นคอกซุง 2 ชั้น เสาเว้นช่องพอให้ชาวสยามร่างบางเล็ดลอดหลบจากเพนียดได้ทันหากถูกช้างไล่ พระที่นั่งสำหรับทอดพระเนตรและให้ทูตานุทูตชมการคล้องช้างนั้นปลูกคร่อมเชิงเทินทางเหนือของเพนียด หากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวโปรดฉายพระรูป จึงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพลับพลาขึ้นอีกด้านด้วยทิศเหนือเป็นทำเลไม่เหมาะแก่การตั้งกล้องถ่ายรูป ที่พลับพลานี้มีกล้องใหญ่น้อยหลายตัว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงถ่ายภาพในเพนียดและทูตานุทูตที่ทรงคุ้นเคย เป็นที่สำราญพระราชหฤทัย ผู้ที่มาชมการคล้องช้างมีกล้องถ่ายรูปมาด้วยแทบทุกคน แต่ไม่มีผู้ใดกล้าถ่ายภาพพระเจ้ากรุงสยามและพระบรมวงศานุวงศ์ เว้นแต่จะมีพระบรมราชโองการหรือบัญชา อันเป็นธรรมเนียมที่ยังคงยึดถือปฏิบัติกันอยู่แม้ในยุคที่สยามศิวิไลซ์แล้ว เมื่อช้างป่าเริ่มชุมนุมและทยอยเดินตามปีกกามาถึงทางเข้าเพนียดช้างก็ตื่นเบียดเสียดและส่งเสียงร้อยงอื้ออึง ช้างป่าทยอยเดินผ่านเสาโตงเตงเข้าประตูซอง เมื่อปิดประตูแล้วเราจึงเห็นว่าช้างข่อของกรมช้างยังต้องช่วยพยุงช้างป่าที่เจ็บให้เดินต่อ และงัดช้างป่าที่ล้มตายให้พนทางคล้องช้างทุกครั้งมักมีช้างป่าถูกเบียดจนถึงซี่โครงหัก หรือไม่ก็ถึงตายเสมอ มักเป็นเพราะช้างป่าตื่นรีบเข้าประตูซอง แล้วเบียดกันจนตัวที่เล็กกว่ามักบาดเจ็บ พอช้างป่าเข้าเต็มเพนียด หมอช้างจะขึ้นช้างตระเวนคัดช้างป่าลักษณะดีแล้วคล้องเชอกบาศผูกหลักไว้ กรมช้างจะเลือกช้างป่าไว้หัดใช้งานหลวงไม่กี่ตัว ที่เหลือจะเป็นช้างงานใช้ชักลากซุงและเดินป่าในงานสำรวจต่างๆ ของทางราชการ ช้างป่าและช้างต่อปะปนกันอยู่ในเพนียด แต่เราจำแนกช้างป่าจากช้างเลี้ยงได้โดยง่าย ช้างเลี้ยงอ้วนพี เชื่อฟังควาญ ขับไสไปทางใดก็คล่องแคล่ว ส่วนช้างป่าดูผอมโซ บางตัวมีราขึ้นหนังเป็นดวงๆ ดูน่าสังเวช แต่ช้างเหล่านั้นหากประคบประหงมบำรุงให้ดี ไม่กี่สัปดาห์ก็จะอ้วนงดงามและเชื่องน่ารักไม่ผิดช้างเลี้ยงเลย ชาวสยามนั้นนัยว่าดูช้างเก่งทุกคนไป และชอบโจษเรื่องช้างกันข้างเพนียด ช้างงามต้องตามตำราท่านว่าต้องไร้ริ้วรอย ไร้แผลเป็น รอยย่นบนหนังต้องเป็นลายสม่ำเสมอ สีผิวยิ่งอ่อนยิ่งจัดว่างาม เล็บตีนต้องดำ หางต้องครบถ้วนไม่แหว่งไม่ขาด ช้างเป็นสัตว์ใหญ่ก็จริง แต่หางเล็ก ๆ นั้นสำคัญยิ่ง หากช้างตัวใดหางแหว่งหรือขาดเสียแล้ว ช้างตัวนั้นจะถูกขับออกจากเพนียดกลับเข้าป่า อนึ่ง ช้างดีที่เหมาะแก่การเดินทางต้องมีย่างก้าวส่ำเสมอด้วย เมื่อคัดช้างลักษณะดีได้ พวกกรมช้างก็ใช้เชือกบาศคล้องช้างป่าแล้วผูกไว้กับหลัก บางตัวแม้ถูกโยงกับหลักแล้วก็ดิ้นหลุดออกมาได้ตัวที่หลุดตื่นคะนองมีท่าจะทำอัตรายคนทั้งปวง คนของกรมช้างต้องขับช้างต่อเข้าขวางจนถึงกับชนกันเป็นศึกใหญ่ ช้างชนกันเมื่อใด ผู้คนก็โห่ร้องดังก้องไปทั้งบริเวณเพนียด เมื่อคล้องช้างไปได้ตามต้องการ กรมช้างก็นำช้างป่าที่เหลือไปปล่อยให้กินหญ้ากินน้ำก่อนจะต้อนกลับเข้าป่า สิ้นเสร็จการคล้องช้างแล้วจึงเสด็จฯ กลับทางเรือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฉลองพระองค์เครื่องแบบเต็มยศชุดขาว ทรงเร่งฝีพระบาทเสด็จพระราชดำเนินพนักงนกางพระกลดต้องรีบตามให้ทันพระองค์ ชาวสยามพากันคุกเข่าถวายบังคม ทูตานุทูตหลายท่านชมพระบารมีพระเจ้ากรุงสยามพระองค์นี้ว่า รูปงาม มีพระวรรณะงดงามเป็นสง่าราศี ยิ่งนัก บางท่านกล่าวว่าทรงเป็น "บุรุษรูปงามที่สุดในเอเชีย" ทีเดียว ครั้นเสด็จกลับ บรรดาชาวสยามซึ่งชมการคล้องช้างจนเบิกบานใจก็หยิบหมากดำใส่ปากเคี้ยวอย่างสบายอารมณ์ ต่างลุกขึ้นยืนจัดผ้านุ่งให้รัดกุม บ้างลุยน้ำแล้วเดินกลับ บ้างลงเรือแล้วพายกลับบ้าน และกรุงเก่าซึ่งครึกครื้นด้วยผู้คนเมื่อสัปดาห์ก่อนก็กลับกลายเป็นเมืองร้างกลางป่าอันเงียบเหงาเช่นเดิม. ที่มาโดย : http://www.thaichang...le&Id=539371684 ถูกแก้ไข มีนาคม 13, 2017 โดย ginger อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ มีนาคม 13, 2017 โปรดเกล้าฯพระราชทานเครื่องราชฯกรณีพิเศษ'พล.อ.กัมปนาท รุดดิษฐ์' 13 มี.ค.60 ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศสํานักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์เป็นกรณีพิเศษ… NAEWNA.COM ถอดยศน.ท.หญิงจารุวรรณ ช้างมูล ฐานบกพร่อง-เฉื่อยชา ราชกิจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ โปรดเกล้าฯ ถอดยศ 'น.ท.หญิง จารุวรรณ ช้างมูล' ฐานบกพร่อง เฉื่อยชา ก่อให้เกิดผลเสียแก่ราชการในพระองค์ DAILYNEWS.CO.TH โปรดเกล้าฯถอดยศ-เรียกคืนเครื่องราชฯ'ธนพนธ์ อยู่มั่น' ฐานประพฤติชั่วร้ายแรง 13 มี.ค.60 ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศสํานักนายกรัฐมนตรี เรื่อง ให้ถอดยศทหาร และเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ โดยมีพระราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ถอด… NAEWNA.COM เรียกเก็บภาษีชินคอร์ปแฮปปี้"วิษณุ"ชงผลประชุมให้นายกฯ THAIPOST.NET บินไทยรื้อใหญ่่'นกแอร์-ไทยสมายด์' ชงบอร์ด15 มี.ค.นี้ การบินไทยเสนอบอร์ด 15 มี.ค.นี้ ปรับใหญ่“นกแอร์-ไทยสมายล์”วางยุทธศาสตร์การบิน ลดขาดทุนเปลี่ยน“ซีอีโอนกแอร์” KOMCHADLUEK.NET สรรพากร รับสภาพ! หุ้นชิน จบแล้ว ไม่มีกม.ใดเรียกเก็บภาษีทักษิณได้อีก ยันหมดอายุความ 31 มี.ค. 25 หมดช่องเอาผิด! กรมสรรพากร แจงคดีภาษีหุ้นชินคอร์ปสิ้นสุดแล้วตั้งแต่ 31 มี.ค.55… NATIONTV.TV|BY NATIONTV 22 ------ Paisal Puechmongkol shared Thirachai Phuvanatnaranubala's post. สตง.มีทางออกที่เด็ดขาดแล้วในการเรียกเก็บภาษีหุ้นชินคอร์ป โดยปรากฏตามข่าวว่า "หากกรมสรรพากรเกรงว่าเป็นการประเมินที่ไม่ชอบ เนื่องจากไม่ได้ออกหมายเรียกตรวจสอบก่อน สตง. ก็เห็นว่า กรมสรรพากรเคยออกหมายเรียกตรวจสอบ นายพานทองแท้ และ น.ส.พินทองทา ชินวัตร เมื่อ 3 ส.ค. 50 ซึ่งบุคคลทั้งสองเป็นตัวแทนของนายทักษิณผู้มีเงินได้ที่แท้จริงตามคำพิพากษาศาลภาษีอากรกลางที่ 242-243/2555 การออกหมายเรียกตรวจสอบตัวแทนทั้งสอง จึงมีผลผูกพันกับนายทักษิณซึ่งเป็นตัวการ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 797 และ 821 มีผลเท่ากับได้มีการออกหมายเรียกตรวจสอบนายทักษิณไปแล้ว กรมสรรพากรจึงมีอำนาจประเมินให้นายทักษิณเสียภาษี 12,000 ล้านบาท ได้ โดยไม่ต้องออกหมายเรียกตรวจสอบอีก ซึ่งการส่งหนังสือแจ้งการประเมิน กรมสรรพากรสามารถส่งโดยวิธีปิดหนังสือดังกล่าวไว้ที่บ้าน ซึ่งนายทักษิณมีชื่ออยู่ในทะเบียนราษฎร ตามมาตรา 8 แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งมีผลทันทีตามกฎหมายเนื่องจากนายทักษิณอยู่นอกราชอาณาจักร" ผมคิดความเห็นแบบนี้เถียงไม่ได้แล้วนะครับ http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx… ---- Paisal Puechmongkul คดีจำนำข้าว สตง ปปช ท้วงไปที่นายกให้ระงับและแก้ไขโครงการเพราะโกงทุกขั้นตอน นายกเฉย รมต เฉย อธิบดีเฉย จึงโดนระนาวทั้งแพ่ง อาญา คดีภาษีหุ้นชิน ยิ่งกว่า เพราะมีคำพิพากษาของศาลพิพากษาว่าเป็นการซื้อขายหุ้นของใคร ใครเป็นนอมินี่ใคร ซื้อขายในหรือนอกตลาดหุ้น เป็นค่าภาษีที่ซื้อขายนอกตลาดค้างเท่าใด(ท่านไม่นับการซื้อขายส่วนที่ซื้อขายผ่านตลาดฯ-อย่ามั่วตรงนี้แล้วมาหลอกกันนะ ไม่ดีดอกท่านเอย) คงเหลือการประเมินภาษีเท่านั้นที่ปล่อยกันมาจนวันนี้ ประเมินวันไหน อายุความจัดเก็บภาษีจะเริ่มต้นมีกำหนด10ปี นับตรงนี้ คนละเรืี่องกับระยะเวลาการเรียกตรวจสอบภาษีซึ่งเป็นขี้นตอนตรวจสอบ และเป็นแค่วิธีปฏิบัติที่สามารถขยายเวลาได้ตามกฎหมาย อายุความ10ปีที่พูดกันว่าสิ้นสุด31มีนานี้คืออายุความการประเมินภาษี ถ้าไม่ประเมินก็จบ ถ้าประเมินภายใน10ปีคือ31มีนา ก็มีอายุความเรียกเก็บ10ปี แต่อายุความดำเนินคดีแพ่งและอาญากับเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ละเว้นหน้าที่ไม่ประเมิน ไม่เรียกเก็บโดยทุจริตมีอายุความอาญา20ปี แพ่ง10ปีนับแต่31มีนาคม60 ใครบ้างที่อยู่ในข่าย ก็ขอบอกเอาบุญ คือ เจ้าพนักงานประเมิน สรรพากรพื้นที่ รองอธิบดีที่รับผิดชอบ อธิบดี รัฐมนตรี คนชอบๆกันทั้งนั้น ส่วนนายกต้องเทียบกรณีคุณยิ่งลักษณ์ว่าทราบเรืี่องไหม ถ้าไม่ทราบก็รอดตัว ถ้าทราบก็มีหน้าที่ตามกฎหมายระเบียบบริหารราชการแผ่นดินที่ต้องสั่งให้ทำให้ถูก เวลาเหลือไม่ถึง20วันครับ ทำกันจริงๆก็แค่ไม่เกิน7วันเด้อ จะเสี่ยงไม่เสี่ยงก็ตามสบายนะญาติโยม ขอจงมีความสุขกายสุขใจเถิด อย่าได้มีเวรซึ่งกันและกันเลย อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ มีนาคม 13, 2017 โอ้โหSocial 15 January · คลิป ความจริง คือ ปัญหาของคุณ มันขนาดเท่าเดิมมาตลอด ----- Wonderful shot ! Love Goats มอบสิ่งของยังชีพผู้พิการ เมื่อ 12 มี.ค. 60 ร.ต.ท.โกศล บุญทรงธรรม หน.ชป.กร.ร้อย ฉก.ตชด.445 พร้อมพวกรวม 3 ร่วมกับนางคอติเยาะ โต๊ะเฮง นักจัดรายการวิทยุ 107.75 MH.z ยะรม ออกเยี่ยมเยียนผู้พิการ นางฮะรีเย๊าะ มูเด็ง 109/1 บ.นาข่อย ม.1 ต.ยะรม อ.เบตง จ.ยะลา และได้มอบถุงยังชีพ ผลการปฏิบัติ สมาชิกในครอบครัวมีความปลื้มปิติที่หน่วย ตชด.เล็งเห็นถึงความทุกข์ยากลำบากของผู้พิการ @ ฉก.ตชด.44 ---- ภาพตำรวจช่วยเหลือเด็ก!!ที่ได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ ใครเห็นแล้วต้องประทับใจ เพราะนี่คือสิ่งที่ประชาชนคาดหวังจาก "ตำรวจ" Cr::สภ.บางพลีสมุทรปราการ อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ มีนาคม 13, 2017 (มีการแก้ไข) ทีนิวส์ออนไลน์ สัมภาษณ์ สมศักดิ์ โตรักษา ที่ปรึกษาเจ้าคณะใหญ่หนกลาง จัดการธัมมชโย ข่าวข้นคลิปเด็ด ทีนิวส์ออนไลน์ เจ้าคณะจ.ปทุมฯส่งหนังสือนัดประชุมด่วน'ธรรมกาย'วันนี้ 13 มี.ค.60 มีรายงานข่าวแจ้งว่า พระเทพรัตนสุธี เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี ได้มีหนังสือแจ้งส่งถึงผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย เพื่อให้มาร่วมในการนัดประชุมด่วน ในวันนี้ เวลา 15.00 น.รวมทั้งมีการเชิญไวยาวัจกร และผู้ที่เกี่ยวข้อ ร่วมประชุมด้วย NAEWNA.COMC คลินิคหมอสังตม เตือน!!! ดื่มน้ำ เครื่องดื่มที่อุ่นหรือร้อนจัด เสี่ยงเป็นมะเร็งหลอดอาหาร จากการวิจัยในประเทศจีน อิหร่าน ตุรกี และอเมริกาใต้ พบว่าการดื่มเครื่องดื่ม เช่น ชา ที่ร้อนประมาณ 70 องศาเซลเซียส เสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งหลอดอาหารเพิ่มขึ้นตามอุณหภูมิของเครื่องดื่มที่สูงขึ้น รู้แล้ว ระวังไว้หน่อย ก็ดีครับ ถูกแก้ไข มีนาคม 13, 2017 โดย ginger 1 อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ มีนาคม 14, 2017 บอกรักประเทศไทย ". . .การจะไปให้ถึงจุดหมาย ต้องใช้ความสามารถและความรอบคอบระมัดระวังมาก ตั้งแต่เริ่มต้น..ตลอดไปจนถึงที่สุด แรกเริ่ม..ก็ต้องพิจารณาหาทางที่ถูกและที่เหมาะที่สุดเป็นทางเดิน เมื่อไปถึงทางแยก ทางร่วม จะเดินไปได้เป็นสองทางสามทาง ..ก็ต้องใช้ความรู้ความฉลาดตัดสินว่า ควรจะเลือกไปทางไหนจึงจะสะดวก ปลอดภัย ไปถึงที่หมาย. . .” พระบรมราโชวาทของสมเด็จพระภัทรมหาราช เมื่อวันที่ ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๒๘ ที่มา เดินตามพ่อ อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ มีนาคม 14, 2017 ๑๔ พ.ย.๕๔ ในหลวง-สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ทอดพระเนตรระดับน้ำแม่น้ำเจ้าพระยา เมื่อวันที่ 14 พ.ย. 2554 เวลา 15.57 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทอดพระเนตรระดับน้ำและทัศนียภาพริมแม่น้ำเจ้าพระยา ณ บริเวณลานสระว่ายน้ำ สมาคมศิษย์เก่าแพทยศาสตร์ศิริราช โรงพยาบาลศิริราช ที่มา : ไทยพีบีเอส , คมชัดลึก , Information Division of OHM (กองข่าวสำนักราชเลขาธิการ) YOUTUBE.COM ---- Hot News ประเทศไทย 26 October 2016 · คลิปชัดมาก ระดับ HD รับรู้ถึงความรู้สึกของพระองค์ท่านเป็นที่สุด #แชร์ไว้ดูกัน เพราะไม่มีอีกแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จลงจากอาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช ไปทรงถวายราชสักการะพระบรมรูป พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระบรมราชชนก และสมเด็จพระบรมราชชนนี วันที่ 23 ตุลาคม 2552 อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ มีนาคม 14, 2017 (มีการแก้ไข) เปลว สีเงิน - Plew Seengern 13 hrs · คนปลายซอย อังคารที่ ๑๔ มีนาคม ๒๕๖๐ ถึงคราว"กรรมลูก-สนองเวรพ่อ" <span style="font-family: inherit;">เห็นห่วงกันจัง ........... ว่า ๓๑ มีนา.๖๐ คดีเรียกเก็บภาษีหุ้นชิน จากทักษิณ ชินวัตร จะหมดอายุความ! ถ้าระบบรัฐ ยังเป็นพรหมลูกฟัก กลิ้งไป-กลิ้งมา ไม่ทำอะไรในด้าน รู้ร้อน-รู้หนาว พลิกกฎหมายหาช่องทางเอาเงินในส่วนที่รัฐพึงได้คืนมาละก็ ๑๒,๐๐๐ ล้านบาท จะแปรสภาพเป็น "หมูเข้าปากหมา"ทันที! เรื่องนี้ ว่าไปแล้ว ไม่มีอะไรซับซ้อน แต่ที่มันซ่อนเงื่อนจนกลายเป็นมหากาพย์"ร่วมด้วยช่วยโกงแห่งชาติ"คารา-คาซังมาจนถึงวันนี้ นั้น ก็เพราะ เพียบพูนด้วยเสน่ห์ ภักดี และแสนซื่อตาใส ของบางคนรัฐนั่นแหละ ก็ต้องชื่นชม"นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส" ผู้ว่าการสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน(สตง)ที่กัดไม่ปล่อย จี้แล้ว-แจงแล้ว มีแต่คนธุระไม่ใช่ ก็เลย"ฟ้องประชาชน"ผ่านสื่อทุกช่องทาง! โชคดีของประเทศไทย ที่บังเอิญ"ผู้นำบริหารประเทศ"วันนี้ เป็นรัฐบาลคสช.ดังนั้น อะไรที่นักการเมืองเลือกตั้ง แก้ไม่ได้ นายกฯคสช."แก้ได้"! แก้ยังไง แก้ด้วยวิธีการตามช่องทางกฎหมายฉบับไหน เพื่อตามเอาเงินภาษี ๑๒,๐๐๐ ล้านมาเข้ารัฐ มันต้องมี ถ้าปล่อยเลยตามเลย ตามที่ข้าราชการประจำ(พวกรออำนาจเก่ากลับคืน)บอกว่า"มันจบแล้วครับท่าน" ประยุทธ์เสียคน(ตอนใกล้แก่)แน่! เรื่องนี้มันมหากาพย์อย่างที่ว่าจริงๆ ถ้าอยากรู้ นายกฯประยุทธ์จะใช้ช่องทางไหนจัดการ ก่อนหมดอายุความวันที่ ๓๑ มีนา.ก็ควรต้องศึกษา"ต้นเหตุ" แล้วจะ"เห็นช่อง"ให้เดิน"รูเบ้อเร่อ"ทันที เรื่องนี้ เริ่มปี ๒๕๔๙ ........ บริษัทแอมเพิลริช ขายหุ้น บริษัทชินคอร์ปอเรชั่น ให้นายพานทองแท้และนส.พิณทองทา ชินวัตร ในราคาพาร์ หุ้นละ ๑ บาท ในขณะที่ราคาตลาดอยู่ที่หุ้นละ ๔๙.๒๕ บาท รวม ๓๒๙ ล้านหุ้น แล้วอภิชาติบุตรทั้ง ๒ ก็ขายทั้งหมดนี้ให้บริษัทเทมาเส็ก โฮลดิ้งส์ จำกัด ผ่านบริษัท ซีดาร์ โฮลดิ้งส์ รวม ๗๓,๐๐๐ ล้านบาท เรื่องนี้ คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก้รัฐ(คตส.)ยุคบิ๊กบัง ตรวจสอบแล้ว บอกว่า พานทองแท้-พิณทองทา จะต้องจ่ายภาษีเงินได้จากส่วนต่างราคาหุ้น ต่อมา ปี ๒๕๕๓ ศาลฎีกาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาคดีนายทักษิณร่ำรวยผิดปกติ มีคำสั่งยึดทรัพย์ ซึ่งส่วนหนึ่งของคำพิพากษามีว่า"ทักษิณและคุณหญิงพจมาน เป็นเจ้าของหุ้นที่แท้จริง ในบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)" ไม่ใช่นายพานทองแท้หรือน.ส.พิณทองทา! อภิชาติบุตรทั้งสอง จึงร้องให้กรมสรรพากรถอนอายัดทรัพย์สิน แต่กรมสรรพากรไม่ได้ดำเนินการในทันที เนื่องจากเป็นประเด็นทางภาษี จึงชี้แจงว่า หากต้องการถอนการอายัด ต้องไปฟ้องร้อง"ศาลภาษีอากรกลาง"เอง! ทั้ง ๒ จึงไปฟ้องศาลภาษีอากรกลาง มีคำตัดสินออกมาว่า "การประเมินภาษีของกรมสรรพากรไม่ถูกต้อง"เพราะโอ๊ค-เอมไม่ใช่เจ้าของที่แท้จริงของหุ้นชินคอร์ป ก็จากคำพิพากษาศาลฎีกาฯ ที่ระบุว่าทักษิณเป็นเป็นเจ้าของหุ้น ทำให้ศาลภาษีอากรกลางพิพากษาว่า บุตรนายทักษิณทั้งคู่ไม่ต้องจ่ายภาษีเงินได้จากการขายหุ้นให้กับกรมสรรพากร นั้น ทำให้สตง.ทำหนังสือถึงกระทรวงการคลังว่า เมื่อการขายหุ้นเป็นรายได้ของนายทักษิณในปี ๒๕๔๙ ก็ต้องยื่นแบบเสียภาษีเงินได้ภายในวันที่ ๓๑ มี.ค.๕๐ การประเมินภาษี มีอายุความ ๑๐ ปี แต่กรมสรรพากรต้องส่งหมายแจ้งเตือนภายใน ๕ ปี หรือ ภายในวันที่ ๓๑ มี.ค.๕๕ แต่ปรากฏว่า จนถึงวันนี้ ยังไม่มีการออกหมายแจ้งเตือนการเสียภาษีให้ทักษิณ โดยคนสรรพากรอ้างว่า มันจบแล้ว เรียกเก็บอีกไม่ได้แล้ว มันจบแล้ว ในยุคข้าราชการระบอบทักษิณ แต่วันนี้ เป็นยุคคสช.ล้างโกงให้แผ่นดิน ฉะนั้น โปรดรอซักครู่ แล้วจะรู้เองว่า"จบ-ไม่จบ" เพราะนายกฯเรียกผู้ชำนาญการไปช่วยพินิจกฎหมาย ว่าด้วยตัวการและตัวแทนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์แล้ว ขอให้เชื่อไว้อย่าง.......... ขึ้นชื่อว่า"เงินหลวง-ของหลวง"ตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้ ถึงใครจะเอาไป สุดท้าย"ฉิบหายวายวอด"สถานเดียว! ผมอยากบอกว่า .......... ที่พานท้องแท้-พิณทองทา ใช้เงื่อนไขจากคำพิพากษาศาลฎีกานักการเมือง ที่ระบุ"ทักษิณ-พจมาน เป็นเจ้าของหุ้นที่แท้จริง"เป็นแต้มเหนือ ไปฟ้อง"ศาลภาษีอากรกลาง"จนมีคำตัดสินออกมาว่า ทั้งคู่ไม่ต้องจ่ายภาษีเงินได้ จากการขายหุ้นให้กับกรมสรรพากร นั้น โอ๊ค-เอม เอ๋ย......... ที่ตีปีก ดีใจว่า ชิตัง เม โป้งรวย เมื่อ ๒๙ ธันวา.๕๓ นั้น ถึงตอนนี้ เตรียม โป้ง ซวย เหอะ เพราะที่ชนะ กำลังเป็นหอกหันหัวกลับ พุ่งใส่อกพ่อของคุณเอง! เพราะเหตุใดน่ะหรือ?............ อ่าน"คำพิพากษา"ศาลภาษีอากรกลาง"เมื่อ ๒๙ ธันวาคม ๒๕๕๓ คร่าวๆก็จะเห็น ประชาชาติธุรกิจ เขารายงานเป็นข่าวไว้ ผมจะนำมาให้อ่านกันอีกที ดังนี้ ศาลมีคำพิพากษา ............ เพิกถอนคำสั่งคณะกรรมการวินิจฉัยอุทธรณ์การประเมินภาษีของกรมสรรพกร ที่มีคำสั่งเรียกเก็บเงินภาษีการขายหุ้นชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด มหาชน จากนายพานทองแท้ และน.ส.พินทองทา ชินวัตร บุตร พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นเงินคนละ 5,677,136,572.88 บาท และ 5,676,860,088 บาท ตามลำดับ ในคดีที่ นายพานทองแท้ และ น.ส.พินทองทา มอบอำนาจให้ น.ส.กาญจนาภา หงษ์เหิน เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องกรมสรรพากร นายสุทธิชัย สังขมณี นายศิริศักดิ์ พันธ์พยัคฆ์ และนายณัฎฐภพ อนันตรสุชาติ คณะกรรมการวินิจฉัยอุทธรณ์เป็นจำเลยที่ 1- 4 ขอให้เพิกถอนคำสั่งดังกล่าว ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า........ ข้อเท็จจริงในคดีนี้ เกี่ยวข้องกับคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในคดีที่ อม.1/2553 ระหว่าง อัยการสูงสุด ผู้ร้อง พ.ต.ท.ทักษิณ ผู้ถูกกล่าวหา คุณหญิงพจมาน ชินวัตร(นามสกุลเดิม)ผู้คัดค้านที่ 1 นายพานทองแท้ ผู้คัดค้านที่ 2 นางสาวพินทองทา ผู้คัดค้านที่ 3 น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้คัดค้านที่ 4 กับพวกรวม 22 คน โดยศาลฎีกาได้วินิจฉัยข้อเท็จจริงในคดีดังกล่าวว่า หุ้นของบริษัทชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) จำนวน 1,419,490,150 หุ้น ที่พิพาทในคดีดังกล่าว (ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นหุ้นที่พิพาทในคดีนี้) ยังคงเป็นกรรมสิทธิ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณและคุณหญิงพจมาน โดยให้นายพานทองแท้ และนางสาวพินทองทา เป็นผู้ถือหุ้นแทน ในระหว่างที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ซึ่งพ.ต.ท.ทักษิณ ได้โอนหุ้น 32,900,000 หุ้น ให้แก่บริษัท แอมเพิลริช อินเวสเมนท์ จำกัด(แอมเพิลริช) ถือแทนโดย พ.ต.ท.ทักษิณ ยังคงเป็นเจ้าของหุ้นที่แท้จริงอยู่ ข้อเท็จจริงที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองวินิจฉัยไว้ว่า หุ้นที่พิพาทยังคงเป็นของ พ.ต.ท.ทักษิณและคุณหญิงพจมาน จึงมีผลผูกพันคู่ความในคดีนี้ด้วย ตามกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145 และ พ.ร.บ.จัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร พ.ศ.2528 มาตรา 29 จึงต้องฟังข้อเท็จจริงในคดีนี้ว่า .......... นายพานทองแท้ และนางสาวพินทองทา มิใช่บุคคลที่เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในหุ้นที่พิพาท เงินได้ที่เกิดขึ้นจากการขายหุ้นดังกล่าว จึงเป็นของ พ.ต.ท.ทักษิณและคุณหญิงพจมาน โจทก์ทั้งสอง จึงมิใช่ ถูกแก้ไข มีนาคม 14, 2017 โดย ginger อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ มีนาคม 14, 2017 ----- อายุความหุ้นชิน 31 มีนา? โดย สิริอัญญา วันอังคารที่ 14 มีนาคม 2560 พักนี้ตามโซเชี่ยลมีเดียเต็มไปด้วยความคิดความเห็นเกี่ยวกับการประเมินเรียกเก็บภาษี เกี่ยวกับการซื้อขายหุ้นชิน โดยมีการระบุว่าถ้าไม่เรียกเก็บเสียภายในวันที่ 31 มีนาคม 2560 แล้วจะเป็นอันขาดอายุความ ... Continue reading --- ประกาศ!!! ผมไม่ได้ขายยาคาวตอง ไม่ได้ขายยาอะไรทั้งนั้นแหละครับ ท่านใดต้องการยาคาวตองก็ไปติดต่อที่สันติอโศกนะครับ ถ้าต้องการยาปฐมภูมิ ก็บอก สถานที่ติดต่อไปแล้ว แต่จะทำยังไงได้ล่ะครับ วันๆไม่เป็นอันทำอะไร มีแต่คนมาขอยาโน้นยานี้ ผมไม่ใช่หมอนะครับ วันนี้ต้องไปซื้อยาคาวตองมาอีก 40 ขวด เอามาแจกเขานะครับ เพราะบางที เขามาหาแล้ว เห็นอาการก็สงสาร จึงต้องมอบให้ไป กลายเป็นว่า ต้องซื้อมาสำรองไว้แจกก็อย่างว่าแหละครับ ถึงจะไม่โกงบ้านกินเมืองก็พอจะมีเงินเล็กๆน้อยๆซื้อยามาแจกกันไปได้ตามกำลัง ไม่ต้องเบียดเบียนใครให้ร้อนใจ ก็สบายใจดีเหมือนกัน วันๆจะได้ไม่เหงา ----- ดูมะเร็ง 14 ในสมัยพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่๕ ปรากฏมีตำรับยาไทยโบราณ ขนานหนึ่ง มีชื่อว่ายาปฐมภูมิ เป็นยาที่ใช้ปรับสมดุลทั้งหลายภายในร่างกาย เป็นตำรายาที่มีชื่อเสียงมากในยุคนั้น เมื่อราว 30 ปีมานี้ตำรับยานี้ปรากฏขึ้น และ ได้นำยานี้มาใช้ในการรักษาโรคมะเร็ง เพราะผู้ป่วยรายนี้ หมดหนทางรักษาด้วยแบบแผนปัจจุบันแล้ว เนื่องจากป่วยเป็นมะเร็งในปลายระยะ 3 แล้วรอแต่ความตายอย่างเดียว แต่เพราะมีจิตใจ เห็นพระไตรลักษณ์ คือเห็นความเกิดขึ้นตั้งอยู่และดับไปของทุกชีวิต ก็เดินออกมาจากหนทางการรักษาแผนปัจจุบันซึ่งกำลังไประยะที่ 4 คือระยะที่กินไม่ได้ ต้องกินทางสายยาง ถ่ายไม่ได้ ต้องถ่ายทางหน้าท้อง หายใจไม่ได้ต้องให้ออกซิเจนและไม่ช้านาน ก็จะติดเชื้อในกระแสโลหิตแล้วก็ตาย เส้นทางเป็นอย่างนี้ เมื่อเดินออกมาจากเส้นทางนี้แล้วก็ตั้งหน้ากินยาปฐมภูมิ ผลปรากฏว่าหายขาดจนบัดนี้ เมื่อหายขาดแล้วก็รำลึกถึงพระคุณของตำรับยานี้ จึงมาทำยาขึ้นตามตำรับยานี้แจกจ่ายให้แก่คนทั้งหลายที่ป่วยเป็นมะเร็งและหายกันมากรายแล้ว ได้มีการนำยานี้ไปตรวจทางวิทยาศาสตร์เพราะมีคนสงสัยว่ามีสเตอรอยหรือไม่ ผลการตรวจล่าสุดเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาไม่มีสเตอรอยครับ คุณสมบัติสำคัญของยาปฐมภูมิคือการปรับสมดุล ซึ่งเมื่อปรับสมดุลของทุกส่วนของร่างกายแล้ว มะเร็งก็จะหยุดการลุกลามที่เป็นอยู่ก็จะค่อยๆฝ่อลงเป็นธรรมดาธรรมชาติที่ต้องเป็นไปเช่นนี้ ไม่มีสิ่งใดมหัศจรรย์เลย ขอท่านทั้งหลายได้รับทราบว่าประเทศไทยของเรานี้ก็มีตำรับยาวิเศษนี้อยู่ และมีมาตั้งแต่สมัยพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 แล้ว สำหรับผู้ที่สิ้นทางไป หมดหวังในการรักษาด้วยแบบแผนอื่นก็ลองพิจารณาดูนะครับ ผมมีน้องชายคนหนึ่งสูบบุหรี่ก็จัด ดื่มเหล้าก็จัดมานานแล้วจนได้ชื่อว่าเป็นปีศาจสุราทำท่าจะเป็นมะเร็ง ในที่สุดก็ได้ยานี้มากินเป็นประจำ ตอนนี้ร่างกายแข็งแรงขึ้น หน้าตาแจ่มใสสูบบุหรี่ต่อไปไม่ยอมเลิก คงยอมตายดีกว่าที่จะเลิกบุหรี่กระมัง น้องคนนี้เที่ยวหายาปฐมภูมินี้แจกจ่ายให้แก่คนทั้งหลายมาเกือบปีแล้วก็มีผลมีอานิสงส์ ที่จะทำให้สุขภาพเขาดีก็ได้ วันนี้เอาไว้เท่านี้ก่อน Paisal Puechmongkul อีช่างซุก ซุกการประเมินภาษีหุ้นชินมาเกือบจะครบ10ปี กี่รัฐบาล กี่ รมว คลัง กี่อธิบดีมาแล้ว มากดดันลุงตู่กันแค่ไม่ถึง20วัน เห็นกันหรือยังว่าบ้านเมืองเละเทะกันมาขนาดไหน จับตาคดีฟอกเงินกรุงไทยให้ดี ตอนนี้เงียบหายไปอีกแล้ว ปลดพวกไม่ทำหน้าที่ออกไปบ้างเถิดครับ จะได้บ่นเรื่องอื่นกันบ้าง ---- ประชาชนทั้งชาวพุทธและมุสลิมกังวลร่วมกันอย่ายิ่ง ผมก็พูดหลายครั้งแล้ว แต่มันไม่ทำหน้าที่!!! ทำไมปล่อยให้สมุนผีบุญรณรงค์ทางโซเชี่ยลมีเดียให้ชาวพุทธฆ่ามุสลิมและเผามัสยิดอยู่ได้ ผิดกฎหมายสารพัด ผิดธรรมวินัย แค่กินเหล้ายังจับสึก นี่ยุให้ฆ่าคนและทำลายศาสนสถาน แล้วปล่อยไว้ทำไม หรือว่าสมรู้กันให้เกิดสงครามกลางเมืองตามแผนต่างชาติ ไอ้นี่เป็นอาชญากรโล้นไปแล้วครับ ใครมีหน้าที่เร่งจับสึกและดำเนินคดีเถิดครับ เพราะนี่หลายครั้งแล้วไม่เข็ดหลาบ พี่น้องชาวพุทธ มุสลิม จงสามัคคีกันไว้แล้วช่วยกัน รณรงค์ให้ดำเนินคดีกับอาชญากรโล้นนี่เถิด แถมพกไอ้คนไม่ทำหน้าที่เสียด้วยเลยครับ บ้านเมืองเป็นอย่างนี้ก็เพราะคนไม่ทำหน้าที่ครับ ---- “ไพศาล”เหลืออด“สมุนผีบุญ”ปั่นโซเชียลฯให้“ชาวพุทธฆ่ามุสลิม”แฉโล้นอาชญากรไม่มีใครจับสึก หรือ“สมรู้กันจุดสงครามกลางเมืองตามแผนต่างชาติ”??? *********************************************** อ่านรายละเอียดที่ : http://www.tnews.co.th/contents/aw/305110 --- กรรมถึงลูก!งัด ป.แพ่งเก็บภาษีหุ้นชินฯผ่าน“โอ๊ค-เอม” เปิดผลหารือลับ “วิษณุ-คลัง-สรรพากร” เล็งงัดประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เก็บภาษี “หุ้นชินฯ” 12,000 ล้านบาท ผ่าน “โอ๊ค-เอม” เหตุถือเป็นตัวแทน “ทักษิณ” NAEWNA.COM อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ มีนาคม 14, 2017 เตือนของ5สิ่งรีบเอาออกจากรถ มีเก็บไว้เสี่ยงระเบิด-ถึงตายได้ กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เตือน 5 สิ่งของอันตรายที่ไม่ควรจัดเก็บ ในห้องโดยสาร ซึ่งสุ่มเสี่ยงเพลิงไหม้ รวมถึงขั้นอาจเสียชีวิตได้ NAEWNA.COM ------ ---- คลิป นี้บอกชัดหลายเรื่องราว พระมโน แฉยับ ธัมมชโย เล่นหุ้น ร่ำรวย https://www.youtube.com/watch?v=1NqHOMl7Ttg ประเคนหมายจับ 'ธัมมชโย' เพิ่มอีก 1 หมาย ศาลธัญบุรีอนุมัติหมายจับ "ธัมมชโย" เพิ่มอีกคดี ด้าน "ดีเอสไอ" สั่งฝ่ายกฎหมายตรวจเนื้อหาเพลงที่กลุ่มศิษย์นำมาดัดแปลงพบเข้าข่ายปลุกระดมโดนด้วย BANGKOKBIZNEWS.COM มส.ไม่เห็นด้วยร่างกม.ฯ ฉบับ'รัฐฆราวาสคุมพระ' ที่ประชุม มส.ไม่เห็นด้วยเนื้อหาร่างพ.ร.บ.อุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนา ฉบับรัฐบาลหลายมาตราให้อำนาจฆราวาสคุมพระ นายกรัฐมนตรีมีอำนาจออกระเบียบ ประกาศได้ พร้อมมีมติให้ผู้แทนมหาเถรฯ พิจารณาเนื้อหาอย่างละเอียดก่อนแจ้งรัฐบาลอีกครั้ง DAILYNEWS.CO.TH ---- 'วัฒนา เมืองสุข 'จี้ ประยุทธ์ ให้ยกเลิก ม.44 ควบคุมวัดธรรมกาย พร้อมคืนตำแหน่ง ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธ นายวัฒนา เมืองสุข อดีต ส.ส. พรรคเพื่อไทย โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กต่อการดำเนินคดีของกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอส กรณีธัมมชโยรับเงินบริจาคผู้บริหารสหกรณ์คลองจั่น ว่า กรณีดังกล่าวหากดีเอสไอไปแจ้งข้อกล่าวหา ธัมมชโย ตามที่ถูกร้องขอ เขาเชื่อว่าทุกอย่างจะจบลงโดยไม่เกิดความเสียหาย อย่างไรก็ตามนายวัฒนา เห็นว่าการที่รัฐบาลอาศัยคำสั่งมาตรา 44 ปิดล้อมวัดธรรมกายเพื่อนำตัวผู้ต้องหามารับทราบข้อกล่าวหาจึงเกินความจำเป็น ทำให้ไม่อาจคิดเป็นอย่างอื่น นอกจากรัฐบาลมีเจตนาแอบแฝง ขณะเดียวกันเหตุการณ์ที่เป็นข้ออ้างได้ยุติแล้ว รัฐบาลควรยกเลิกคำสั่ง ขณะที่ตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ก็ต้องคืนให้ผู้เหมาะสม เพราะไม่มีความชอบธรรม ที่ฝ่ายปราบปรามจะไปควบคุมดูแลงานของศาสนจักร อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ มีนาคม 15, 2017 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ ทรงเปลี่ยนเครื่องทรงฤดูร้อน “พระแก้วมรกต” วานนี้(13 มี.ค.60) สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปลี่ยนเครื่องทรงฤดูหนาวพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร เพื่อทรงเครื่องทรงสำหรับฤดูร้อน ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวัง โดยมีประชาชนเป็นจำนวนมาก เฝ้าฯ รอรับเสด็จฯ ภายหลังเสร็จสิ้นพระราชพิธีเปลี่ยนเครื่องทรงฤดูร้อนพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงสุหร่ายน้ำพระพุทธมนต์ แก่ข้าราชการที่เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทภายในพระอุโบสถ และประชาชนที่มาเฝ้าฯ ก่อนเสด็จพระราชดำเนินกลับ นายเป็นหนึ่ง มณีโชติ อายุ 25 ปี และนายวิวัฒน์ เกล็ดจีน อายุ 19 ปี กล่าวว่า ปกติจะมาเฝ้าฯ รับเสด็จสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเกือบทุกครั้งที่เสด็จพระราชดำเนินมาทรงเปลี่ยนเครื่องทรงพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร โดยเดินทางมาเฝ้าฯ รับเสด็จฯ อย่างต่อเนื่อง 4 ปีแล้ว รู้สึกภาคภูมิใจและมีบุญเป็นอย่างมากที่ได้มารอรับเสด็จฯ อีกทั้งยังได้รับสุหร่ายน้ำพระพุทธมนต์ที่ทรงสรงพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรจากพระหัตถ์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว นับเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตเป็นอย่างยิ่ง .................................. ที่มา : ข่าวสด ทำความรู้จัก พระราชพิธีเปลี่ยนเครื่องทรง พระแก้วมรกต โดยพระบรมวงศานุวงศ์จะทรงเปลี่ยนเครื่องทรง พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร หรือพระแก้วมรกต ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม TRUEPLOOKPANYA.COM อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ มีนาคม 15, 2017 News ภาษีหุ้นชินไม่จบ...เมื่อรัฐบาลปักธงยึดทรัพย์ "ทักษิณ" 'สรรพากรคนไหน' ต้นเหตุหุ้นชิน? ******************************** "เดี๋ยวจะหาว่าผมไปรุกไล่ฝ่ายนั้น-ฝ่ายนี้"! นายกฯ ประยุทธ์ พูด.......... "ผมจะไม่ใช้มาตรา ๔๔ แก้ปัญหาเรื่องนี้ ได้ให้ประชุมร่วมกันของคณะใหญ่ทั้งหมดเกี่ยวกับเรื่องกฎหมาย เช่น สตง. ปปง. และกฤษฎีกา ได้ข้อยุติให้ใช้กฎหมายปกติดำเนินการ" ครับ...ก็เข้าใจตรงกันนะ เรื่องภาษีหุ้นชิน ไม่ต้องห่วงว่า ถึง ๓๑ มีนา ๖๐ นี้แล้ว จะ Gone With The Dog ลอง "ประยุทธ์" การันตี (๑๔ มี.ค.) ก็ต้องให้เครดิตกันหน่อย! ที่บอกว่า "ได้ข้อยุติ" นั้น มันแบบไหน-อย่างไร? ผมว่า เราอย่าเพิ่งไปรุกไล่นักเลย เอาเป็นว่า ตอนนี้ รัฐบาลมีไม้เด็ด ใช้น็อก "แก๊งพ่อ-ลูก" ที่นิ้งหน่องหุ้นชิน เพื่อเลี่ยงภาษีก้อนนี้ได้แล้ว ก็แล้วกัน มีคนโพสต์เกี่ยวกับตารางเวลาเกิดเหตุหุ้นชินและตัวคนเป็นอธิบดีกรมสรรพากรช่วงนั้นๆ ดูแล้ว ผมว่า "ขาดหาย" ไปช่วงหนึ่ง........... ช่วงขาดหายไปนี่แหละ ช่วงไคลแมกซ์ ซี้ดกันปากเจ่อเชียวแหละ ที่โพสต์กันไว้ เป็นอย่างนี้........... มกราคม ๒๕๕๐-ตุลาคม ๒๕๕๑ นายศานิต ร่างน้อย ตุลาคม ๒๕๕๑-กันยายน ๒๕๕๓ นายวินัย วิทวัสการเวช ตุลาคม ๒๕๕๓-กันยายน ๒๕๕๖ นายสาธิต รังคสิริ ตุลาคม ๒๕๕๖-มิถุนายน ๒๕๕๗ นายสุทธิชัย สังขมณี มิถุนายน ๒๕๕๗-ปัจจุบัน นายประสงค์ พูนธเนศ คงเพ่งกันตาเหล่ ว่าอธิบดีสรรพากรคนไหนหว่า เจ้าของ "ประโยคทองแห่งชาติ" ที่ว่า "คดีภาษีหุ้นชินคอร์ปสิ้นสุดแล้ว ตั้งแต่ ๓๑ มี.ค.๕๕ ไม่มีกฎหมายใดสามารถเรียกเก็บได้อีก" ก็ยกประโยชน์ไปเถอะ แต่ละท่านล้วน "มาทีหลัง" ก็แค่ "ตีขลุม" ตามน้ำกันเป็นทอดๆ เท่านั้น! เรื่องขายหุ้นชิน นำไปสู่เรื่องราว "เสีย-ไม่เสีย" ภาษี จากส่วนต่าง เหตุเกิดราวๆ ปี ๒๕๔๙ จะว่าไปแล้ว เป็นช่วงว่าง "ระหว่างรอยต่อ" อธิบดี จาก "นายศิโรตม์ สวัสดิ์พาณิชย์" ปี ๒๕๔๗-๒๕๔๘ ไปสู่คนใหม่ คนทำหน้าที่อธิบดีระหว่าง "รอยต่อ" นี่ตะหาก ละครเรื่องนี้จึงเข้าฉากแสดงกัน ระหว่างคนชินกับคนสรรพากร "นางเบญจา หลุยเจริญ" ตำแหน่งขณะนั้น เป็นที่ปรึกษาด้านพัฒนาฐานภาษี (ซี ๑๐) ปฏิบัติราชการแทนอธิบดีกรมสรรพากร จำชื่อนี้กันได้ใช่มั้ย...พี่น้อง? เบญจา หลุยเจริญ ผู้เจริญจากกรมสรรพากร ในยุครัฐบาลทักษิณ และเจริญยิ่งขึ้นในยุครัฐบาลน้องสาวทักษิณ ไปเป็นอธิบดีกรมศุลกากร แล้วก็อภิมหาเจริญขึ้นอีก......... จากเก้าอี้อธิบดี ขึ้นไปนั่งเก้าอี้ "รัฐมนตรีช่วยคลัง" ในรัฐบาลยิ่งลักษณ์! แต่ด้วยกุศลอันประเสริฐเหลือรับประทานนั่นแหละ ส่งผลให้นางเบญจาต้อง "อวังสิโร" คือหัวทิ่มลง เมื่อกรกฎา ๕๙ ทิ่มอย่างไร อ่านไปเรื่อยๆ แล้วรู้เอง! thaipublica.เขารวบรวมข้อมูลเหล่านี้ไว้ดี ผมขออนุญาตเก็บความจากเขามาเล่าต่อละกัน ขออนุญาตด้วย คือเริ่มจาก "นางสาวปราณี เวชพฤกษ์พิทักษ์" ทีมงานเลขาฯ "คุณหญิงพจมาน" ทำหนังสือถามกรมสรรพากรเมื่อ ๑ ก.ค.๔๘ ว่า บริษัทแอมเพิลริช จดทะเบียนที่หมู่เกาะ British Virgins Islands ซื้อหุ้นชินคอร์ป ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ไทยเมื่อ ๑๑ มิ.ย.๔๒ จำนวน ๓๒.๙๒ ล้านหุ้น ในราคาพาร์หุ้นละ ๑๐ บาท ต่อมา ชินคอร์ปลดพาร์เหลือ ๑ บาท ทำให้แอมเพิลริชถือครองเพิ่มเป็น ๓๒๙.๒ ล้านหุ้น และแอมเพิลริชขายทั้งหมดให้นายพานทองแท้และนางสาวพินทองทา ในราคาพาร์ ๑ บาท โดยไม่ผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯ นางสาวปราณีจึงถามกรมสรรพากรว่า....... "กรณีนายพานทองแท้ซื้อหุ้นชินคอร์ปจากแอมเพิลริชต้องเสียภาษีหรือไม่?" ๒๑ กันยายน ๒๕๔๘ ........... "นางเบญจา หลุยเจริญ" ขณะนั้น เป็นที่ปรึกษาด้านพัฒนาฐานภาษี (ซี ๑๐) ปฏิบัติราชการแทนอธิบดีกรมสรรพากร ได้ลงนามในหนังสือกรมสรรพากรที่ กค ๐๗๐๖/๗๘๙๖ ตอบข้อหารือนางสาวปราณี เวชพฤกษ์พิทักษ์ ทันทีว่า "กรณีนายพานทองแท้และนางสาวพินทองทา ชินวัตร ซื้อหุ้นชินคอร์ปในราคาต่ำกว่าราคาตลาด เป็นการซื้อทรัพย์สินในราคาถูก ซึ่งเป็นเรื่องของการตกลงกันระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย อันเป็นเรื่องปกติทั่วๆ ไปของการซื้อขายตามมาตรา ๔๕๓ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ 'ส่วนต่างของราคาซื้อกับราคาตลาด' ไม่เข้าลักษณะเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา ๓๙ แห่งประมวลรัษฎากร ส่วนกรณีบริษัทแอมเพิลริชขายหุ้นชินคอร์ปให้นายพานทองแท้และนางสาวพินทองทา ชินวัตร ซึ่งเป็นกรรมการบริษัท ในราคาพาร์หุ้นละ ๑ บาท ก็ไม่เข้าข่ายพนักงานหรือกรรมการได้รับแจกหุ้น หรือได้ซื้อหุ้นในราคาที่ต่ำกว่าราคาตลาด ตามคำวินิจฉัยของคณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากรที่ ๒๘/๒๕๓๘ เพราะหุ้นชินคอร์ปที่บริษัทแอมเพิลริชซื้อไว้ ถือเป็นทรัพย์สินหรือสินค้าของบริษัท ไม่ใช่หุ้นที่บริษัทแอมเพิลริชเป็นผู้ออกเอง" ๒๓ มกราคม ๒๕๔๙............ พานทองแท้-พินทองทา นำหุ้นชินคอร์ปขายให้ "กองทุนเทมาเส็ก" ผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯ ราคาตลาดขณะนั้น ซื้อขายหุ้นละ ๔๙.๒๕ บาท "พลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน" ปฏิวัติ ล้มรัฐบาลทักษิณ ๑๙ กันยา ๔๙ ก็ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ขึ้นตรวจสอบการซื้อขายหุ้นชินคอร์ป ๕ มีนา ๕๑ ......... คตส.ชี้มูลความผิดกลุ่มข้าราชการกรมสรรพากร มีความผิดฐานฐานละเว้นและปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ที่วินิจฉัยให้ผู้เสียภาษีไม่ต้องเสียภาษี หรือเสียภาษีน้อยไปกว่าที่ควรต้องเสีย ส่งให้ "สำนักงานอัยการสูงสุด" ดำเนินคดีอาญาข้าราชการสรรพากรกลุ่มนี้ และนางสาวปราณี เวชพฤกษ์พิทักษ์ "อัยการสูงสุด" มีความเห็นไม่ส่งฟ้อง! อัยการสูงสุดคนนั้นคือใคร..........? อยากรู้ให้ไปถาม "จุลสิงห์ วสันตสิงห์" เขาคนนั้น! อัยการสูงสุดไม่ฟ้อง ไม่เป็นไร ๓ ธันวาคม ๒๕๕๘ ป.ป.ช.เป็นโจทก์ยื่นฟ้องเอง ต่อศาลอาญา แผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบของเจ้าหน้าที่รัฐ กล่าวหานางเบญจา หลุยเจริญ เป็นจำเลยที่ ๑ นางสาวจำรัส แหยมสร้อยทอง จำเลยที่ ๒ นางสาวโมรีรัตน์ บุญญาศิริ จำเลยที่ ๓ นายกริช วิปุลานุสาสน์ จำเลยที่ ๔ และ นางสาวปราณี เวชพฤกษ์พิทักษ์ จำเลยที่ ๕ ร่วมกันปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ๒๓ ก.พ.๕๙ ศาลนัดไต่สวนพยานครั้งแรก เห็นว่ามีมูลความผิดทางอาญา มีคำสั่งให้ประทับคำฟ้องคดี ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๕๙............. ศาลอ่านคำพิพากษาในคดีหมายเลขดำ อท.๔๓/๒๕๕๘ ที่ ป.ป.ช.เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นางเบญจา หลุยเจริญ อดีต รมช.การคลัง สมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และอดีตรองอธิบดีกรมสรรพากร น.ส.จำรัส แหยมสร้อยทอง อดีต ผอ.สำนักกฎหมาย น.ส.โมรีรัตน์ บุญญาศิริ อดีต ผอ.สำนักกฎหมาย นายกริช วิปุลานุสาสน์ ผอ.สำนักกฎหมาย กรมสรรพากร และ น.ส.ปราณี เวชพฤกษ์พิทักษ์ คนใกล้ชิดของเลขาฯ ส่วนตัวคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร อดีตภรรยานายทักษิณ เป็นจำเลยที่ ๑-๕ ความผิดฐานร่วมกันเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ราชการ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๕๗ สรุปว่า จำเลยที่ ๑-๔ ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานกรมสรรพากร ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อไม่ให้นายพานทองแท้ และ น.ส.พินทองทา ชินวัตร บุตรของนายทักษิณ ต้องเสียภาษีอากร หรือเสียภาษีน้อยกว่าที่จะต้องเสีย และได้รับประโยชน์ที่มิควรโดยชอบด้วยกฎหมาย จากการที่นายพานทองแท้และ น.ส.พินทองทา ซื้อหุ้นบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด เมื่อปี ๒๔๔๙ คนละ ๑๖๔,๖๐๐,๐๐๐ หุ้น ในราคาพาร์หุ้นละ ๑ บาท ขณะที่ราคาตลาดหุ้นละ ๔๙.๒๕ บาท ถือได้ว่า พานทองแท้-พินทองทา เป็นผู้ได้รับเงินพึงประเมิน ตามประมวลรัษฎากร มาตรา ๓๙ มีหน้าที่ต้องเสียภาษีส่วนต่างราคาหุ้น คนละ ๗,๙๔๑,๙๕๐,๐๐๐ บาท ซึ่งการกระทำนั้น ทำให้กรมสรรพากร กระทรวงการคลัง และราชการเสียหาย จำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธต่อสู้คดี........... ศาลพิเคราะห์แล้ว คดีมีประเด็นต้องวินิจฉัยว่า จำเลยที่ ๑-๔ ร่วมกันปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่มิชอบ โดยมีจำเลยที่ ๕ เป็นผู้สนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่มิชอบหรือไม่? เห็นว่า คณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากร เคยมีความเห็นเกี่ยวกับรายได้และส่วนต่างการโอนขายหุ้นให้กับบุคคลธรรมดา เข้าลักษณะเป็นผู้ได้รับประโยชน์ ซึ่งต้องนำเงินนั้นมารวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ตามประมวลรัษฎากร มาตรา ๓๙ ซึ่งกรณีของพานทองแท้-พินทองทาได้ประโยชน์จากส่วนต่างของการขายหุ้นละ ๑ บาท จึงต้องเป็นรายได้ที่นำมาคำนวณเพื่อเสียภาษี โดยผลการกระทำของจำเลยที่ ๑-๔ ในการตอบข้อหารือที่ขัดไปก่อให้เกิดความเสียหายต่อกรมสรรพากร ซึ่งความผิดสำเร็จตั้งแต่การตอบข้อหารือ โดยจำเลยที่ ๕ ซึ่งหารือมายังสำนักกฎหมาย แล้วนำคำหารือไปใช้ประโยชน์ จึงมีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนด้วย จึงพิพากษาว่า จำเลยที่ ๑-๔ มีความผิดฐานปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๕๗ และ ๘๓ ให้จำคุกคนละ ๓ ปี ส่วนจำเลยที่ ๕ มีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุน เจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๕๗ และ ๘๖ มีโทษ ๒ ใน ๓ จึงให้จำคุกเป็นเวลา ๒ ปี และเมื่อพิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีของจำเลยทั้งหมด จึงไม่มีเหตุให้รอการลงโทษ ครับ....นี่แหละ "ต้นเหตุ" แห่งภาษีหุ้นชินหายนะ ขณะนี้ทั้ง ๕ คนได้ประกันตัวระหว่างอุทธรณ์ พอเข้าใจและเห็นกันแล้วกระมัง.......... "ของหลวง-เงินหลวง" ตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้ ใครเอาไปและไม่ซื่อ ฉิบหาย-วายวอด สถานเดียว! http://www.thaipost.net/… ----- อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
