jewjang40 5,712 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ ตุลาคม 7, 2012 อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ ตุลาคม 7, 2012 10 วิธี หนีสมองฝ่อ โดย Taste 7 ตุลาคม 2555 08:53 น. สมอง อวัยวะที่ถูกใช้กันทุกนาที ทุกวัน ทำงานแบบไม่มีวันหยุด สักวันหนึ่งถ้าเราไม่รีบหันมาดูแลใส่ใจ คงต้องแย่แน่ๆ ถ้าอยากให้สมองคุณมีความคิดดีๆเกิดขึ้นเรื่อยๆ และแข็งแรงตลอดไป มาลองทำ 10 วิธี ให้สมองคุณสดชื่นและคิดอะไรดีๆได้ตลอดไปกันดู 1.ดื่มน้ำให้มากพอ สมองขอ งเราประกอบด้วยน้ำมากถึง 85% ดังนั้นถ้าร่างกายขาดน้ำเมื่อไหร่ สมองก็จะเฉื่อยชาช้าลงทันที ส่งผลให้คุณคิดอะไรไม่ค่อยออก คิดช้า แต่การดื่มน้ำนั้น ในแต่ละคนจะมีความต้องการต่างกันซึ่งขึ้นอยู๋กับน้ำหนักตัว การเคลือนไหว การบริโภคและพฤติกรรมต่างๆ แต่โดยเฉลี่ยแล้ว ผู้ใหญ่ควรดื่มน้ำวันละ 3-5 ลิตร ส่วนเด็ก 2-3 ลิตรก็พอ 2. หายใจให้ลึกๆ เพราะจะช่วยส่งพลังงานไปให้ถึงถึงสมอง ยิ่งถ้าคุณกำลังนั่งอยู่ด้วยล่ะก็ ควรนั่งให้หลังตั้งตรง เพราะจะช่วยเพิ่มให้ออกซิเจนเข้าสู่ร่างกายได้มากขึ้น แต่ถ้าจำเป็นต้องนั่งนานๆก็ควรเปลี่ยนอิริยาบถ ยืดเส้น ยืดสายบ้าง เพื่อให้ปอดขยาย 3.หัวเราะและยิ้มบ่อยๆ จะช่วยให้ร่างกายหลั่งสารเอ็นดอร์ฟิน ไปกระตุ้นให้จิตใตสว่างสดใสและช่วยดึงดูดสิ่งดีๆเข้ามาในชีวิต 4.เลือกรับประทานอาหาร เลือกรับประทานอาหารที่มีไขมันดีเพื่อมาทดแทนไขมันในสมองส่วนที่สึกหรอ เช่น น้ำมันปลา สารสกัดจากใบแปะก๊วย ปลาแซลมอน อีฟนิ่งพริมโรสและ วิตามินซี 5.ออกกำลังกาย แน่นอนอยู่แล้วการออกกำลังกายช่วยให้ร่างกายคุณแข็งแรงขึ้นอย่างแน่นอน สมองก็เช่นเดียวกันเมื่อมีการออกกำลังกายจะช่วยกระตุ้นการทำงานของสมองด้วย 6. ฝึกสมาธิให้สมองผ่อนคลาย เป็นการช่วยไม่ให้คุณและสมองเกิดการฟุ้งซ่าน ที่สำคัญจะช่วยให้มีจินตนาการดีๆและมีความคิดสร้างสรรค์ สามารถเลือกทำได้ทั้งตื่นนอนตอนเช้าหรือก่อนนอนทุกวัน 7. รู้จักให้อภัยและลดความโกรธ ความโกรธเหมือนเป็นของเสียและความร้อนทางอารมณ์ที่ไม่ควรเก็บไว้นานหรือไม่ให้เกิดขึ้นได้เลยยิ่งดี เพราะความโกรธจะทำให้สูญเสียพลังงานมากขึ้นและสมองก็จะรับภาระทางความคิดมากขึ้นตามไปด้วย 8. หาอะไรใหม่ๆ ให้ชีวิต อย่างการ รู้จักคนใหม่ๆ อ่านหนังสือเล่มใหม่ เปลี่ยนเส้นทางการขับรถใหม่ หรือแลกเปลี่ยนทัศนคติใหม่ๆ กับเพื่อน สมองจะหลั่งสารแห่งความสุข (เอ็นดอร์ฟิน) และสารแห่งการเรียนรู้ โดปามีน ทำให้เกิดการอยากเรียนรู้อย่างมีความสุข 9. เก็บบันทึกเรื่องราวดีๆ ในแต่ละวันลงหน้ากระดาษ จะช่วยทำให้สมองคิดในเชิงบวก และจดจำเรื่องราวดีๆในแต่ละวันเปิดอ่านครั้งใดก็สดชื่น 10. พักผ่อนให้เพียงพอ การนอนคือการพักผ่อนที่ดีที่สุดและยังเป็นการยืดอายุให้สมองอยู่กับเราไปนานแสนนาน อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ ตุลาคม 7, 2012 (มีการแก้ไข) คิดใหม่ วันอาทิตย์ อดิศักดิ์ ลิมปรุงพัฒนกิจ ขอคารวะในความกล้าหาญยืนหยัด ของดร.วีรพงษ์ รามางกูร ที่ยังยืนยันย้ำจุดยืนเดิม กับข้อเขียนวิพากษ์นโยบายจำนำข้าว ของรัฐบาลพรรคเพื่อไทยที่ได้ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ เมื่อวันที่ 14 ส.ค.2554 หลังเวลาผ่านมา 1 ปีที่ทุกอย่างกำลังจะเป็นไปตามคำเตือนล่วงหน้าถึงความเสี่ยงเกิดหายนะจากนโยบายรับจำนำข้าว"ทุกเม็ด"ของรัฐาลที่กำลังเข้าสู่ปีที่สองที่รัฐบาลยังยืนยันเช่นเดิม เมื่อวันที่ 2 ต.ค. อาจารย์โกร่งแกแวะมาทานข้าวกลางวันและสนทนาเรื่องเก่าๆกับเรื่องใหม่ๆที่กำลังทำงานให้รัฐบาลชุดนี้กับคุณสุทธิชัย หยุ่น ประธานเครือเนชั่นในฐานะเพื่อนเก่าร่วม 40 ปีที่ห้องประชุมของเครือเนชั่น ผมอึ้งมากว่าอาจารย์โกร่งกล้าพูดว่าห่วงเรื่องเดียวที่จะทำให้รัฐบาลนี้พังได้คือโครงการรับจำนำข้าว ไม่ใช่แค่ถอยแก้เงื่อนไขจำนำจำกัดปริมาณ แต่จะต้องเลิกสถานเดียว ถ้ายังไม่เลิกคงจะพังแน่นอน ในวันเดียวกันนั้นกลุ่มคนเสื้อแดงที่พวกเขาบอกว่ามีอาชีพเป็นชาวนาได้พามวลชนคนเสื้อแดงหลายร้อยคนไปเปิดเวทีหน้าสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์(นิด้า) เพื่อแสดงให้เห็นว่าพวกเขาไม่พอใจอาจารย์นิด้าที่นำทีมนักวิชาการกลุ่มหนึ่งไปยื่นฟ้องศาลปกครองขอให้ระงับโครงการรับจำนำข้าว การแสดงออกอย่างสันติว่าไม่พอใจการแสดงความคิดเห็นของนักวิชการหรือบุคคลใด ย่อมสามารถทำได้ตามระบอบประชาธิปไตย แต่การปลุกระดมผู้คนให้ไปแสดงความไม่พอใจที่มีท่าที"ข่มขู่"อาจารย์นิด้าเช่นนั้นเป็นเรื่องไม่ถูกต้องอย่างยิ่ง ผมไม่เชื่อว่า"นายกรัฐมนตรีหญิงของเรา"จะเห็นดีเห็นงามกับการแสดงออกเช่นนั้น แต่น่าจะเกิดจากการขับเคลื่อนของกลุ่มการเมืองในพรรคหรือกลุ่มที่ได้รับการสนับสนุนจากพรรคเพื่อไทยให้แสดงพลัง"ทางการเมือง"สร้างความชอบธรรมให้กับนโยบายรับจำนำข้าวทุกเม็ดของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ซึ่งกำลังถูกวิพากษ์วิจารณ์ ด้วยความเป็นห่วงจากนักวิชาการและสถาบันการศึกษาหลายแห่งว่ากำลังจะเกิดความเสียหายจากงบประมาณจำนวนมากที่มีความเสี่ยงจะขาดทุนย่อยยับหลายแสนล้านบาทต่อฤดูกาลผลิตข้าว บรรดานักยุทธศาสตร์ของพรรคเพื่อไทยมักจะใช้ยุทธวิธีจำแลง"ชนชั้น"ขึ้นมาในสังคมไทย ปั่นกระแสให้เห็นว่าพรรคเพื่อไทยทำเพื่อชนชั้นล่าง ที่ถูกบิวท์ความรู้สึกว่าได้ถูกเอาเปรียบจากชนชั้นกลางหรือชนชั้นสูงมายาวนาน ซึ่งเป็นการใช้วิธีแบ่งแยกคนไทยให้เกิดความรู้สึกว่ามี"ชนชั้น"ที่มีเป้าหมายเกาะคนจนเป็น"ฐานเสียง"เพื่อกุมอำนาจรัฐเสียมากกว่าจะเห็นใจคนยากคนจนจริงๆ แล้วใช้วิธีการถ่ายเท"งบประมาณ"ที่มาจากภาษีของคนทั่วประเทศ ผ่านโครงการรับซื้อข้าวทุกเม็ดในราคาสูงกว่าราคาตลาดไป"ใส่มือชาวนา"ที่เป็น"ฐานเสียง"หลักของพรรคเพื่อไทย การถกเถียงข้อดี-ข้อเสียนโยบายรับจำนำข้าวของพรรคเพื่อไทยกับนโยบายประกันราคาข้าวของพรรคประชาธิปัตย์ในช่วงหาเสียงเลือกตั้งในช่วงแรกๆเป็นสิ่งที่ดีและน่าสนใจ แต่ทำไปทำมากลับกลายเป็นการเกทับเพื่อเอาชนะกันมากกว่าการใช้กลไก"จำนำข้าว"และ"ประกันราคาข้าว"ให้เกิดประโยชน์กับชาวนาและราคาข้าวจริงๆ แต่ระบบการเมืองของไทยแบบใครชนะเลือกตั้งได้กินรวบอำนาจเบ็ดเสร็จ ทำให้การต่อสู้ช่วงเลือกตั้งในเชิงนโยบายกลายเป็นการ"เอาชนะ"ด้วย"ตัวเงิน"มากกว่าจะเอาชนะกันด้วยหลักการหรือวิธีการที่ดีกว่า นโยบายข้าวเลยทำท่าจะกลายเป็นนโยบายมหาวิบัติสำหรับประเทศในอีกไม่ช้า เอาเข้าจริงแล้วนโยบายรับจำนำข้าวทุกเม็ดในราคาสูงกว่าตลาดของพรรคเพื่อไทย แท้จริงก็คือการประกันราคารับซื้อข้าวสูงกว่าราคาตลาด โดยรัฐบาลจัดสรรงบประมาณไว้"แบกภาระส่วนต่างราคารับประกันที่"สูงกว่า"ราคาตลาด" แต่นโยบายประกันราคาข้าวของพรรคประชาธิปัตย์คือการประกันราคารับซื้อข้าว"ต่ำกว่า"ราคาตลาด โดยรัฐบาลจัดสรรงบประมาณไว้"แบกภาระส่วนต่างราคาประกันที่ต่ำกว่าราคาตลาด" ว่าไปแล้วนโยบายข้าวของสองพรรคการเมืองใหญ่ของประเทศก็ไม่ต่างกันในหลักใหญ่คือ"ประกันราคาข้าว"ไม่ใช่รับจำนำข้าวแต่อย่างใด ทั้งสองพรรคใหญ่ก็ไม่เคยให้ความสำคัญกับการเพิ่มผลผลิตการเพาะปลูกข้าวของชาวนาไทยที่อยู่ในระดับต่ำกว่าประเทศเพื่อนบ้านมากๆ แต่พรรคเพื่อไทย"ใจใหญ่"เพราะมีเจ้าของพรรคคนเดียวคือ"พี่ชายนายกรัฐมนตรีหญิงของเรา" ย่อมกล้าประกาศเกทับราคาประกัน 15,000 บาทต่อตัวสูงกว่าราคาตลาดในช่วงเลือกตั้ง แต่ประชาธิปัตย์"ใจปลาซิว"ตามประสาพรรคที่ไม่มีใครเป็นเจ้าของจริงๆ ทำให้ไม่กล้าประกาศราคาประกันไว้ล่วงหน้าว่าเท่าไหร่ ผลการเลือกตั้งเมื่อเดือนก.ค.ปีที่แล้วก็อย่างที่เห็น คะแนนของพรรคเพื่อไทยในกลุ่มฐานเสียงชาวนาเกษตรกรก็ไหลบ่าให้ผู้สมัครพรรคเพื่อไทยอย่ามืดฟ้ามัวดิน ผมไม่ปฏิเสธว่านโยบายรับจำนำข้าวทุกเม็ดของรัฐบาลเป็นประโยชน์กับชาวนาจริงๆ แต่เป็นการ"ซื้อใจ"ทำให้ชาวนาลืมตาอ้าปากได้ในช่วงสั้นๆจากการ"ขายข้าวราคาสูงกว่าราคาตลาด"ให้รัฐบาลที่แท้จริงคือการขายในราคาประกันแทนที่จะขายให้โรงสีที่มักเอาเปรียบชาวนาดังเช่นที่ผ่านมา แต่ในระยะยาวจะเป็นการทำลายระบบการผลิตข้าว, ทำให้กลไกระบบการค้าข้าวของประเทศพิกลพิการเกิดการทุจริตทุกขั้นตอนในการรับซื้อข้าวเปลือกอย่างไม่อั้นจากชาวนา ซึ่งในที่สุดแล้วจะไม่ใช่ชาวนาจริงๆ แต่จะเป็นนายทุนที่ให้ชาวนาเช่าที่นาปลูกข้าวเสียมากกว่าและกลุ่มโรงสีที่ล้วนแต่เป็นนายทุนท้องถิ่นของพรรคจะได้ประโยชน์เต็มๆจากการรับจำนำข้าวทุกเม็ดของรัฐบาลที่ต้องไปอาศัยโรงสีเก็บข้าว สุดท้ายแล้วงบประมาณก้อนมหึมาจะเหลือตกไปถึงมือชาวนาจริงๆสักเท่าไหร่กัน รัฐบาลไม่มีทางจะจัดสรรงบประมาณปีละประมาณ 400,000-500,000 ล้านบาทเพื่อตั้งโต๊ะ"รับซื้อข้าวเปลือก"ราคาสูงกว่าราคาตลาดจากชาวนาทุกครอบครัวได้ตลอดไปทุกฤดูกาลผลิต เพราะยอดเงินนี้คิดเป็นระมาณ 25 % ของงบประมาณรายจ่ายประจำปีของประเทศ ในฤดูการผลิตที่ผ่านมาก็หมดเงินรับซื้อข้าวในราคาสูงกว่าราคาตลาดไปแล้วหลายแสนล้านบาท บทบาทของกระทรวงพาณิชย์ก็กำลังกลายเป็น"พ่อค้าข้าว"รายเดียวของประเทศตั้งโต๊ะรับซื้อข้าวทุกเม็ดในราคาสูงกว่าราคาตลาดที่พ่อค้าส่งออกคำนวณจากราคาตลาดโลกตามกลไกตลาด โดยยังไม่เคยมีแผนการระบายข้าวในโกดังส่งออกไปได้สักแค่ไหน เมื่อดูจากการส่งออกข้าวของไทยจะลดลงไปร่วม 35-40 %เมื่อเทียบปีที่แล้วโดยไม่ต้องไปสนใจว่าประเทศไทยจะเสียแชมป์ส่งออกข้าวแต่อย่างใด ในขณะที่ฤดูกาลผลิตข้าวปีนี้กระทรวงพาณิชย์ขออนุมัติคณะรัฐมนตรีกำหนดกรอบการใช้เงินโครงการรับจำนำข้าวเปลือกจำนวน 405,000 ล้านบาท ขอให้กระทรวงการคลังจัดสรรเงินผ่านไปให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.)ที่ออกมาบอกว่าเหลือสภาพคล่องที่จะนำมาใช้ได้แค่ 150,000 ล้านบาท เท่ากับว่ายังขาดเงินหมุนเวียนอีกประมาณ 255,000 ล้านบาทที่กระทรวงการคลังจะต้องเป็นภาระหามาให้ได้ในฤดูกาลผลิตนี้ที่เริ่มต้นแล้วเมื่อวันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา ผมจะรอดูว่ากระทรวงการคลังจะหาเงินมากมายมหาศาลนี้มาจากไหนมารับซื้อข้าวทุกเม็ดในฤดูกาลนี้ได้แค่ไหน เมื่อยังมีความจำเป็นของประเทศในกาารใช้เงินงบประมาณในอภิมหาโครงการที่มีความจำเป็นเร่งด่วนในการลงมือใช้เงินเหมือนกัน เช่น โครงการสร้างรางรถไฟฟ้าความเร็วสูงเพื่อการขนส่งสินค้าและผู้โดยสาร ,โครงการบริหารจัดการลุ่มน้ำเพื่อป้องกันน้ำท่วม ฯลฯ การหลอกชาวนาว่าสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นเป็นการ"รับจำนำข้าวเปลือก"ที่คงไม่มีชาวนาคนไหนโง่พอมาขอไถ่คืนในราคาจำนำเพื่อไปขายในราคาต่ำกว่าราคาจำนำอีก แล้วจะรอดูว่าถ้า"นายกรัฐมนตรีหญิงของเรา"ที่ตั้งเป้าหมายจะอยู่ครบเทอมยังอีก 3 ปีฤดูการผลิตจะหลอกตัวเองฝืนใช้นโยบายนี้ได้อีกสักกี่ปี ซึ่งถ้าคำนวณแล้วอาจจะยังไม่ระเบิดในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ที่สะสมหนี้ก้อนนี้พอกพูนถึงประมาณล้านล้านบาทในอีก 3 ฤดูการผลิตข้างหน้า แต่รัฐบาลชุดต่อไปจะต้องเจอกับระบิดลูกใหญ่ แบกสต็อคข้าวมหาศาลและหนี้นับล้านล้านบาทนั้น จากโครงการรับจำนำข้าวทุกเม็ดที่คงเดินหน้าต่อยาก ถ้าประเทศ"ถังแตก"ไม่มีเงินงบประมาณไปรับซื้อข้าวเปลือกทุกเม็ดจากชาวนาอีกต่อไปแล้ว อะไรจะเกิดขึ้นกับชะตากรรมของชาวนาไทย ที่กำลังถูกรัฐบาลชุดนี้สปอยล์หลอกให้แบมือมารับเงินค่าข้าวอย่างเดียว รัฐบาลพังไม่เป็นไรแต่ประเทศชาติจะพังป่นปี้แน่ๆถ้ายังไม่หยุดหลอกชาวนา ถูกแก้ไข ตุลาคม 7, 2012 โดย ginger อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ ตุลาคม 7, 2012 (มีการแก้ไข) เศรษฐกิจต่างประเทศ เปิดแผนผ่อนคลายด้านภาษีภาคธุรกิจรัฐบาลฝรั่งเศส รัฐบาลฝรั่งเศสเตรียมผ่อนคลายแผนขึ้นภาษีภาคธุรกิจ หวังบรรเทากระแสต้านหนักจากภาคเอกชนในประเทศ สถานการณ์โลก ว่างงานสหรัฐฯกย. ลดเหลือ 7.8% 'โอบามา'โล่งอกว่างงานสหรัฐฯกย. ลดเหลือ 7.8% ASEAN+ ทุจริตทำฟิลิปปินส์สูญเงินกว่า 7 แสนล.บาท คณะกรรมการตรวจสอบฟิลิปปินส์พบรัฐสูญเงินกว่า 7 หมื่นล้านบาทจากการใช้เงินผิดประเภทในสมัยรัฐบาลอาร์โรโย ถูกแก้ไข ตุลาคม 7, 2012 โดย ginger อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ ตุลาคม 7, 2012 ปลื้ม!ทีมผ่าตัดต้อกระจกเคลื่อนที่ รพ.บ้านแพ้ว ได้มาตรฐานระดับโลก ไขมันและความดันในเลือดสูง อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ ตุลาคม 7, 2012 พระไพศาล วิสาโล - Phra Paisal Visalo shared หอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญ : Buddhadasa Indapanno Archives's photo. เริ่มต้นเรียนพุทธศาสนาที่ตัวความทุกข์ที่มีอยู่จริง นั่นคือ ก. ข. ก. กา ไม่ต้องไปเรียนเรื่องพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ อะไรที่มันสูงๆไป ไกลไปแล้ว อย่าดีกว่า... มารู้จักจุดตั้งต้นคือความทุกข์กันก่อนสิ... พระพุทธศาสนานี้เป็น สันทิฏฐิโก ต้องมองดูตัวความทุกข์และเหตุให้เกิดทุกข์ อยู่ในจิตใจ อาตมานี้ทนไม่ไหวแล้วที่จะไม่พูดความจริง ทนไม่ไหวแล้วที่จะไม่พูดความจริง คือความไม่ประสีประสาของพวกเรา ที่ไม่สนใจต่อตัวทุกข์และเหตุให้เกิดทุกข์ แล้วเราก็ดับทุกข์ไม่ได้ ดังนั้นจึงพูดว่า ไปตั้งต้นกันใหม่เถิด ตั้งต้นอย่างเรียน ก.ข.กันใหม่ รู้จักนิวรณ์ทั้ง ๕ ที่มีอยู่ในจิตใจทุกวันทุกวัน ที่รบกวนจิตใจอยู่ทุกวัน ๆ และรู้จักอุปาทาน ที่มันเกาะเหนียวอยู่ทุกวัน ถ้าปล่อยไว้อย่างนี้กลัวว่าอีกกี่ปี กี่ปี กี่สิบปี จนตายแล้วมันจะไม่ได้อะไรก็ได้ มันก็ได้แต่เท่านี้ ได้แต่แฟชั่น แฟชั่นฟังเทศน์ แฟชั่นฟังธรรม กระทั่งแฟชั่นฟังกรรมฐาน ถ้าไม่รู้จักตัวทุกข์แล้ว ไปทำกรรมฐานก็ทำอย่างแฟชั่นทั้งนั้นแหละ พุทธทาสภิกขุ ขอเชิญฟังธรรมเทศนา หัวข้อ " ทำไมไม่รู้จักเข้าใจ และใช้ธรรมะให้เป็นประโยชน์ได้" เรียนรู้ให้รู้จักตัวทุกข์ ที่เป็นกิเลสเบื้องต้น คือ นิวรณ์ ๕ ในชีวิตประจำวัน รับฟังได้ที่ http://itunes.apple.com/th/podcast/sara-thrrm/id554931714 ไม่ค่อยก้าวหน้าทางธรรม เพราะศึกษาไม่ถูกจุด หากท่านได้เรียนรู้ธรรม อ่านหนังสือธรรมะมามากมาย แต่ยังเป็นทุกข์อยู่ อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ ตุลาคม 7, 2012 Published on Apr 19, 2012 ธรรมปาฏิโมกข์ ครั้งที่ ๑ ลานหินโค้ง สวนโมกขพลาราม ๑ สิงหาคม ๒๕๒๑ ไม้อิงสามขา ไม้สามขาอาศัยกันชั้นเอกอุตม์ คือพระพุทธพระธรรมแลพระสงฆ์ ศาสตรา มีสามอันบั่นบาปลง ดั่งประสงค์คือศีล-สมาธิปัญญา โจรฉกรรจ์.สามก๊กฉกปล้นดะ ก๊กโลภะโทสะและโมหา ป่ารกสามดงหลงหลับตา ว่า " เที่ยงแท้ "ว่า "สิ้นสุด"ว่า"ไม่มีอะไร" เวียนวงสามวนทนทุเรศ วน " กิเลส "" กรรม "" วิบาก "ยากแก้ไข ทุกข์ทนทั้งสามโลกวิโยคใจ กามวิสัยรูป-อรูปเฝ้าลูกคลำ เขาโคกมีสามเนินมานะรั้น ดีกว่าเลวกว่ากันเสมอสม่ำ ทางห้ามเดินสองแพร่งแหล่งระกำ หย่อนด้วยกามตึงด้วยเกียรติไม่เฉียดญาณ ตัวแมลงห้าตัวตอมหัวหู นิวรณ์ห้ากวนอยู่ไม่สุขศานต์ มารน่ากลัวห้าตนตามรังควาน กิเลสขันธ์มัจจุสังขารมารเทวดา บ่วงคล้องคนหกบ่วงห่วงแห่งกาม ที่สวยงามไพเราะรสจดจ่อหา เหตุทั้งปวงหกตำแหน่งแห่ง หู ตา ชิวหา นาสาผิวกายและฝ่ายใจ แหล่งอบายสี่ขุมหลุมนรก เดรัจฉานเปรต-อสูรกายใหญ่ ที่ต้องคุมสามจุดยุดให้ได้ กายวจีใจทั้งสามคลองต้องสังวร ทางแห่ง วิมุตติมีแปดองค์ ต้องเดินให้ถูกตรงดั่งตรัสสอน วัตถุที่พึงประสงค์สองขั้นตอน ไม่ทุกข์ร้อนทั้งสองฝ่ายในสังคม สิบหกข้อรู้ไว้อย่างเหมาะสม ประพฤติไว้ตลอดไปไม่ล่มจม มีชีวิตรื่นรมย์สมใจเอย ฯ พุทธทาสภิกขุ อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ ตุลาคม 7, 2012 สิ่งทั้งปวงเป็นอนัตตา อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ ตุลาคม 7, 2012 ยินดี ยินร้าย อย่างไร แค่"รู้ " อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ ตุลาคม 7, 2012 (มีการแก้ไข) สีชมพู เขียว น้ำตาล ขอบฟ้า ผืนดิน ต้นไม้ ทะเล ขอบฟ้า คลื่น ลม พายุ ภูผา สู้เสียด เขียวชะอุ่ม ฝนพร่างพราว ภูสูง ขรุขระขาวโพน หิมะ หนาวเยือก ผืนทรายสุดตา ไร้สิ่งบอกทิศ ร้อนระอุ อาทิตย์แผดแสง อาทิตย์ จันทร์ ดาว บนราวฟ้า สลับมาส่องแสง แตกต่างผสมผสาน ผู้คน สรรพชีวิตล้วนเป็นไปตามสิ่งแวดล้อม ทุกข์ สุข หมุนเวียน เป็นวงวน love the nature ถูกแก้ไข ตุลาคม 7, 2012 โดย ginger อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ ตุลาคม 7, 2012 ม้าตาหวาน อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ ตุลาคม 7, 2012 บินกลับบ้าน ท่าราวศิลปิน เวทีกว้างงามงด love the nature อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ ตุลาคม 7, 2012 (มีการแก้ไข) วิมล ไทรนิ่มนวล แบ่งกันหัวเราะ เรื่องที่ ๒ "ทำเพื่อสามี" (ตั้งชื่อให้เองครับ) ................................ สามีภรรยาฉลองครบรอบแต่งงาน 25 ปีกันสองต่อสองที่บ้าน เมื่อแชมเปญหมดไปสองขวด สามีก็หันไปถามภรรยา "ที่รัก ถามจริงๆ นะ อยู่กันมา 25 ปีนี่ เธอเคยนอกใจฉันบ้างไหม?" "เคยค่ะ ฉันเคยนอกใจคุณสามครั้ง" ภรรยาตอบอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก "เหรอ ทำไมล่ะ?" สามีอยากรู้เหตุผล "คือว่า.." ภรรยาเริ่มเล่า "ครั้งแรกหลังจากที่เราแต่งงานกันใหม่ๆ ตอนที่คุณต้องผ่าตัด แต่เรามีเงินไม่พอ ฉันเลยไปนอนกับหมอศัลยกรรมเพื่อให้เขาไม่คิดค่าผ่าตัด" "อืมม... เธอช่างมีน้ำใจกับฉันจริงๆ" สามีชม "แล้วครั้งที่สองล่ะ?" "จำตอนที่เขาเลือกรองประธานบริษัทได้ไหมคะ เขาจะไม่เลือกคุณอยู่แล้ว ฉันไปนอนกับท่านประธานมา เขาถึงเลือกคุณไงคะ" "จริงเหรอ แหมฉันนึกว่าฉันได้มาเพราะฝีมือแท้ๆ นะเนี่ย" สามีชื่นชมภรรยา "แล้วครั้งที่สามล่ะ"เมื่อปีก่อนนี่เอง ตอนที่คุณอยากเป็นประธานชมรมกอล์ฟ แต่ขาดเสียงสนับสนุนอยู่ 53 เสียงน่ะค่ะ ... " ===อะไรจะขนาดนั้น=== ถูกแก้ไข ตุลาคม 7, 2012 โดย ginger อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ ตุลาคม 7, 2012 (มีการแก้ไข) By Danny Poirier มือเดียวไม่พอที่จะรักษา ดูแล เยียวยาให้โลกที่น่ารักและแสนอดทน ช่วยกันนะ ฝันดี ใจสีเขียวหลากสี ใบไม้ผลิ ยอดอ่อนผุดเริงร่า ดอกตูม ดอกบานเต้นระบำย บายๆ บริ๊วบริว ginger ถูกแก้ไข ตุลาคม 7, 2012 โดย ginger อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ ตุลาคม 8, 2012 8/10/2555 โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ด้านสิ่งแวดล้อม ปัญหาเรื่องสิ่งแวดล้อม เป็นปัญหาที่มีความสำคัญควบคู่กับการพัฒนาความเจริญก้าวหน้า ซึ่งเป็นปัญหาร่วมกันของทุกประเทศ กล่าวคือ การพัฒนายิ่งรุดหน้าปัญหาคุณภาพสิ่งแวดล้อมและภาวะมลพิษยิ่งก่อตัวและทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น ประเทศไทยนับเป็นประเทศหนึ่งที่กำลังประสบกับปัญหาดังกล่าว ทั้งนี้เพราะการพัฒนาเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมาให้ความสำคัญกับอัตราความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ โดยการนำเอาทรัพยากรมาใช้ประโยชน์แต่ไม่ได้มีการวางแผนการจัดการทีเหมาะสมรองรับปัญหาที่จะเกิดขึ้น ทำให้ทรัพยากรธรรมชาติที่เหลืออยู่มีสภาพเสื่อมโทรมลง โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ส่วนใหญ่จะเป็นวิธีการที่จะทำนุบำรุง และปรับปรุงสภาพทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมให้ดีขึ้นในด้านต่าง ๆ อาทิเช่น การอนุรักษ์และพัฒนาทรัพยากรธรรมชาติ ดิน น้ำ และป่าไม้ ซึ่งมีสาระโดยสรุปดังนี้ ๑. ด้านการอนุรักษ์และพัฒนาทรัพยากรดิน ในช่วงระยะเวลาเกือบ ๓๐ ปีที่ผ่านมา การเพิ่มผลผลิตและรายได้ของประเทศมาจากการขยายพื้นที่การเพาะปลูกมากกว่าการเพิ่มผลผลิตต่อหน่วยพื้นที่จนถึงขณะนี้ประมาณได้ว่าพื้นที่ที่เหมาะสมต่อการเกษตรกรรมได้ใช้ไปจนเกือบหมด และพยายามหาพื้นที่ชดเชยด้วยการอพยพโยกย้ายเข้าไปอยู่กระจัดกระจายในเขตป่าสงวนแห่งชาติ พื้นที่ป่าไม้ถูกทำลายเพิ่มจำนวนมากขึ้น เพราะการใช้ที่ดินกันอย่างขาดความระมัดระวังและไม่มีการบำรุงรักษาซึ่งทำให้เกิดความเสื่อมโทรม ปัญหาเหล่านี้หากไม่รีบแก้ไขย่อมส่งผลกระทบต่อการพัฒนาประเทศเป็นอย่างมาก สำหรับโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำรินั้น คำนึงถึงการใช้ทรัพยากรธรรมชาติให้เกิดประโยชน์สูงสุด ปรับปรุงทรัพยากรธรรมชาติที่เสื่อมโทรมให้ได้ใช้ประโยชน์ ดังเช่น โครงการ แกล้งดิน ที่ได้ดำเนินการในศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดนราธิวาส ได้พระราชทานแนวพระราชดำรัสไว้ดังนี้ “..ให้มีการทดลองทำดินให้เปรี้ยวจัด โดยการระบายน้ำให้แห้งและศึกษาวิธีแก้ดินเปรี้ยว เพื่อนำผลไปแก้ปัญหาดินเปรี้ยวให้แก่ราษฎรที่มีปัญหาในเรื่องนี้ในเขตจังหวัดนราธิวาส โดยให้ทำโครงการศึกษาทดลองในกำหนด ๒ ปี และพืชทำการทดลองควรเป็นข้าว…” “…ที่ที่น้ำท่วมที่หาประโยชน์ไม่ได้ ถ้าเราจะทำให้มันโผล่พ้นน้ำขึ้นมา มีการระบายน้ำออกไปก็จะเกิดประโยชน์พ้นน้ำขึ้นมา มีการระบายน้ำออกไปก็จะเกิดประโยชน์กับประชาชนในเรื่องการทำมาหากินอย่างมหาศาล…” พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานพระราชดำริในการแก้ไขปัญหาในเรื่องดินทั้งในแง่ของการแก้ไขปัญหาดินที่เสื่อมโทรม ขาดคุณภาพและการขาดแคลนที่ดินทำกินสำหรับการเกษตร ดังนี้ ๑.๑ สนับสนุนให้เกษตรกรเรียนรู้เข้าใจวิธีการอนุรักษ์ดินและน้ำ การปรับปรุงบำรุงดินและสามารถนำไปปฏิบัติได้เอง ดังพระราชดำรัสความว่า “…การปรับปรุงที่ดินนั้น ต้องอนุรักษ์ผิวดินซึ่งมีความสมบูรณ์ไว้ไม่ให้ไถหรือลอกหน้าดินทิ้งไปสงวนไม้ยืนต้นที่ยังเหลืออยู่เพื่อที่จะรักษาความชุ่มชื้นของผืนดิน…” ดังนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงพระราชทานพระราชดำริให้จัดตั้งศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อนอันเนื่องมาจากพระราชดำริขึ้นเพื่อทำการศึกษา ค้นคว้าเกี่ยวกับการสร้างระบบอนุรักษ์ดินและน้ำ เป็นตัวอย่างในการป้องกันการชะล้างพังทลายของดิน การขยายพันธุ์พืชเพื่ออนุรักษ์ดินและบำรุงดิน รวมถึงศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ที่มีวัตถุประสงค์หลักในการศึกษาและพัฒนาพื้นที่พรุ ซึ่งเป็นดินเปรี้ยวให้เป็นดินที่มีคุณภาพ สามารถทำการเพาะปลูกได้ ตลอดจนการทำแปลงสาธิตการพัฒนาที่ดินแก่เกษตรกร ในบางพื้นที่ที่มีปัญหาในการพัฒนาปรับปรุงดินเสื่อมโทรมด้วยสาเหตุต่าง ๆ เช่น ดินเปรี้ยว ดินเค็ม ดินทราย ดินดาน ฯลฯ ทั้งนี้ เพื่อให้พื้นที่ที่มีปัญหาเรื่องดิน ทั้งหลาย สามารถใช้ประโยชน์ทางการเกษตรได้ นอกจากนั้นเมื่อวันที่ ๒๒ มิถุนายน ๒๕๓๔ ได้พระราชทานพระราชดำริเกี่ยวกับหญ้าแฝกเป็นครั้งแรกกับ ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการ กปร. ในขณะนั้นว่า ให้ทำการศึกษาทดลองปลูกหญ้าแฝกเพื่อป้องกันการชะล้างพังทลายของดิน และอนุรักษ์ความชุ่มชื้นไว้ในดิน เพราะขั้นตอนการดำเนินงานเป็นวิธีการแบบง่าย ๆ ประหยัด และที่สำคัญคือเกษตรกรสามารถดำเนินการเองได้ โดยไม่ต้องให้การดูแลภายหลังการปลูกมากนัก และได้พระราชทานพระราชดำริอีกกว่า ๒๐ ครั้ง เกี่ยวกับการนำหญ้าแฝกมาใช้ประโยชน์ในลักษณะต่าง ๆ ดังเช่น เมื่อวัน ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๔๐ ได้พระราชทานพระบรมราโชวาทแก่ผู้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์มีส่วนเกี่ยวข้องกับหญ้าแฝกตอนหนึ่งว่า “…ปลูกหญ้าแฝกจะต้องปลูกให้ชิดติดกันเป็นแผงและวางแนวให้เหมาะสมกับลักษณะภูมิประเทศเป็นต้นว่าบนพื้นที่สูงจะต้องปลูกตามแนวขวางของความลาดชันของร่องน้ำ บนพื้นที่ราบจะต้องปลูกรอบแปลงหรือปลูกตามร่องสลับกับพืชไร่ ในพื้นที่เก็บกักน้ำจะต้องปลูกเป็นแนวเหนือแหล่งน้ำ หญ้าแฝกมีหลักวิธีดังนี้ จะช่วยการป้องกันการพังทลายของหน้าดิน รักษาความชุ่มชื้นในดิน เก็บกักตะกอนดินและสารพิษต่าง ๆ ไม่ให้ไหลลงในน้ำ ซึ่งจะอำนวยผลประโยชน์อย่างยิ่งแก่การอนุรักษ์ดินและน้ำ ตลอดจนการฟื้นฟูดินและป่าไม้ให้สมบูรณ์ขึ้น…” การดำเนินโครงการต่าง ๆ ดังกล่าวนี้ ทรงเน้นอยู่เสมอว่ากระบวนการพัฒนาที่ดินทั้งหมดนี้จะต้องชี้แจงให้ราษฎรซึ่งเป็นผู้ได้รับประโยชน์มีส่วนร่วมและลงมือลงแรงด้วย ๑.๒ การจัดสรรและปฏิรูปที่ดิน พัฒนาที่ดินว่างเปล่าแล้วจัดสรรให้เก่เกษตรกรที่ไร้ที่ทำกินได้ประกอบอาชีพในรูปของหมู่บ้านสหกรณ์ทั้งนี้โดยให้สิทธิทำกินแต่ไม่ให้กรรมสิทธิ์ในการถือครอง พร้อมกับจัดบริการพื้นฐานให้ตามความเหมาะสม นอกจากนี้ยังมีการจัดพื้นที่ทำกินให้ราษฎรชาวไทยภูเขาให้สามารถดำรงชีพอยู่ได้เป็นหลักแหล่งโดยไม่ต้องทำลายป่าอีกต่อไป ในการจัดพื้นที่ต่าง ๆ ดังกล่าวนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีหลักการว่า ต้องวางแผนการจัดให้ดีเสียตั้งแต่ต้น โดยใช้แผนที่และภาพถ่ายทางอากาศช่วยการจัดสรรพื้นที่ทำกินควรจัดสรรตามแนวพื้นที่รับน้ำจากโครงการชลประทานเป็นหลักปัญหาการขาดแคชนที่ดินทำกินของเกษตรกรเป็นปัญหาสำคัญยิ่งในปัจจุบัน ด้วยพระอัจฉริยะในการแก้ปัญหาจึงได้พระราชทานแนวพระราชดำริ เกี่ยวกับการทำการเกษตร “ทฤษฎีใหม่” ดังพระราชดำรัสตอนหนึ่งว่า “…ทฤษฎีใหม่…เป็นวิธีการอย่างหนึ่งที่จะทำให้ประชาชนมีกินแบบตามอัตภาพ คืออาจไม่รวยมากแต่ก็พอกินไม่อดอยาก…” เป็นการพัฒนาพื้นที่ทำกินที่มีขนาดเล็ก ด้วยการจัดสรรที่ดินให้เหมาะสมกับการทำการเกษตรแบบผสมผสานอย่างได้ผล ทฤษฎีใหม่ เป็นการบริหารจัดการที่ดินและแหล่งน้ำเพื่อพัฒนาการเกษตรให้เกิดประโยชน์สูงสุดและสามารถเลี้ยงตัวเองได้ โดยแบ่งพื้นที่ออกเป็น ๔ ส่วนคือ - ร้อยละ ๓๐ ที่หนึ่งสำหรับปลูกข้าว - ร้อยละ ๓๐ ที่สองสำหรับปลูกพืชไร่ พืชสวน - ร้อยละ ๓๐ ที่สามสำหรับขุดสระน้ำไว้ใช้ในการเกษตร รวมถึงเลี้ยงปลาไว้บริโภค - ร้อยละ ๑๐ สุดท้ายเป็นที่อยู่อาศัย พร้อมกับปลูกพืชสวนครัวในลักษณะแบบครบวงจร ซึ่งจะทำให้เกษตรกรมีกินตลอดทั้งปี ๒. ด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรแหล่งน้ำ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงทราบดีว่าประชาชนส่วนใหญ่มีอาชีพทางการเกษตรและอาศัยน้ำฝน จึงทรงเน้นการอนุรักษ์และพัฒนาแหล่งน้ำเป็นพิเศษและทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้งศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้อันเนื่องมาจากพระราชดำริ อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับรูปแบบที่เหมาะสมของการพัฒนาพื้นที่ต้นน้ำลำธาร เพื่อประโยชน์ทางเศรษฐกิจรวมทั้งรูปแบบการพัฒนาต่าง ๆ ที่ทำให้เกษตรกรพึ่งตนเองได้โดยไม่ต้องทำลายสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ ทั้งนี้เพื่อให้ประชาชนที่สนใจเข้าไปศึกษาและนำไปใช้ในการประกอบอาชีพได้โดยที่มีการอนุรักษ์ ต้นน้ำลำธารและพัฒนาป่าไปพร้อม ๆ กัน สุดท้ายความชุ่มชื้นจะเกิดขึ้นและจะบรรเทาปัญหาการขาดแคลนน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคได้ในที่สุด โดยพระราชทานพระราชดำริให้มีการสร้างฝายชะลอความชุ่มชื้น (Check Dam) ในศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดเชียงใหม่ ดังพระราชดำรัสที่ได้พระราชทานไว้ความว่า “…ให้พิจารณาดำเนินการสร้างฝายราคาประหยัด โดยใช้วัสดุราคาถูกและหาง่ายในท้องถิ่น เช่น แบบทิ้งหินคลุมด้วยตาข่าย ปิดกั้นร่องน้ำกับลำธารเล็กๆเป็นระยะๆ เพื่อใช้เก็บกักน้ำและตะกอนดินไว้บางส่วนโดยน้ำที่กักเก็บไว้จะซึมเข้าไปในดิน ทำให้ความชุ่มชื้นแผ่ขยายออกไปทั้งสองข้าง ต่อไปจะสามารถปลูกพันธุ์ไม้ป้องกันไฟ พันธุ์ไม้โตเร็วและพันธุ์ไม้ไม่ทิ้งใบ เพื่อฟื้นฟูพื้นที่ต้นน้ำลำธารให้มีสภาพเขี้ยวชอุ่มขึ้นเป็นลำดับ…” ประเภทของ Check Dam นั้น ทรงแยกออกเป็น ๒ ประเภท ดังพระราชดำรัส คือ “..Check Dam มี ๒ อย่าง ชนิดหนึ่งสำหรับให้มีความชุ่มชื้นรักษาความชุ่มชื้น อีกอย่างสำหรับป้องกันมิให้ทรายลงในอ่างใหญ่…” อาจกล่าวได้ว่า Check Dam นั้นประเภทแรก คือ ฝายต้นน้ำลำธารหรือฝายชะลอความชุ่มชื้น ส่วนประเภทที่สองนั้นเป็นฝายดักตะกอนนั่นเอง การสร้าง Check Dam พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระราชดำริเพิ่มเติมในรายละเอียดว่า “…สำหรับ Check Damชนิดป้องกันไม่ให้ทรายลงไปในอ่างใหญ่จะต้องทำให้ดีและลึก เพราะทรายลงมากจะกักเก็บไว้ ถ้าน้ำตื้นทรายจะข้ามไปลงอ่างใหญ่ได้ ถ้าเป็น Check Dam สำหรับรักษาความชุ่มชื้นไม่จำเป็นต้องขุดลึกเพียงแต่กักน้ำให้ลงไปในดิน แต่แบบกักทรายนี้จะต้องทำให้ลึกและออกแบบอย่างไร ไม่ให้น้ำลงมาแล้วไล่ทรายออกไป…” พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานแนวพระราชดำริเกี่ยวกับการพิจารณาสร้างฝายชะลอความชุ่มชื้น เพื่อสร้างระบบวงจรน้ำแก่ป่าไม้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด คือ “…ให้ดำเนินการสำรวจหาทำเลสร้างฝายต้นน้ำลำธารในระดับที่สูง ที่ใกล้บริเวณยอดเขามากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ลักษณะของฝายดังกล่าวจำเป็นจะต้องออกแบบใหม่ เพื่อให้สามารถเก็บกักน้ำไว้ได้ปริมาณมากพอสมควรเป็นเวลานาน ๒ เดือน…การเก็บรักษาน้ำสำรองได้นานหลังจากฤดูฝนผ่านไปแล้ว จะทำให้มีปริมาณน้ำหล่อเลี้ยง และประคับประคองกล้าไม้พันธุ์ที่แข็งแรงจะโตเร็วที่ใช้ปลูกแซมในป่าแห้งแล้งอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง โดยการจ่ายน้ำออกไปรอบ ๆ ตัวฝายจนสามารถตั้งตัวได้…” ๓. ด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ ป่าไม้เป็นทรัพยากรธรรมชาติที่อำนวยประโยชน์ทั้งทางตรงและทางอ้อมให้แก่มนุษยชาติ ควบคุมสภาพดินฟ้าอากาศให้อยู่ในสภาพปกติ รักษาต้นน้ำลำธาร พรรณพฤกษชาติและสัตว์ป่า อีกทั้งยังเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจป่าไม้เป็นแหล่งทรัพยากรธรรมชาติที่มนุษย์ได้บริโภคใช้สอย ประกอบอาชีพด้านการทำป่าไม้ เก็บของป่าการอุตสาหกรรม การผลิตไม้แปรรูปและผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปที่ใช้วัตถุดิบจากไม้และของป่า แต่สภาพปัจจุบันประชากรไทยมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จึงเป็นแรงผลักดันให้เกิดการบุกรุกทำลายป่าไม้ เพื่อบุกเบิกพื้นที่ทำกิน ลักลอบตัดไม้ป้อนโรงงานอุตสาหกรรมและเผาถ่าน อีกทั้งมีการก่อสร้างถนน สร้างเขื่อนทำให้มีการตัดไม้โดยไม่คำนึงถึงการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ ป่าไม้จึงมีเนื้อที่ลดลงตามลำดับ และบางแห่งอยู่ในสภาพเสื่อมโทรมเป็นอย่างมาก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเล็งเห็นความสำคัญของป่าไม้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเกิดปัญหาฝนแล้ง น้ำท่วม ดังที่ประเทศไทยประสบอยู่ในขณะนี้ สาเหตุสำคัญมาจากการทำลายป่า ด้วยเหตุนี้จึงมีพระราชหฤทัยมุ่งมั่นที่จะแก้ไข ปรับปรุงและพัฒนาป่าไม้ให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ดังเดิม ก่อให้เกิดโครงการพัฒนาและบำรุงป่าไม้จำนวนมากมายทั่วประเทศ โดยเฉพาะป่าไม้ที่เป็นแหล่งต้นน้ำลำธารให้คงสภาพอยู่เช่นเดิม เพื่อป้องกันอุทกภัยต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้น ในขณะเดียวกันช่วยถนอมน้ำไว้สำหรับหล่อเลี้ยงแม่น้ำลำธารด้วย สำหรับวิธีการปลูกป่าอันเนื่องมาจากพระราชดำริมีหลายวิธี ดังเช่น การปลูกป่าโดยไม่ต้องปลูก ที่ได้ดำเนินการในโครงการพัฒนาพื้นที่ดินเสื่อมโทรมเขาชะงุ้มอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดราชบุรี เป็นแนวพระราชดำริเกี่ยวกับการฟื้นฟูสภาพป่าด้วยวัฏจักรธรรมชาติ โดยมีวิธีการที่เรียบง่ายและประหยัดในการดำเนินงาน ตลอดจนส่งเสริมระบบวงจรป่าไม้ในลักษณะธรรมชาติดั้งเดิม ซึ่งมี ๓ วิธีคือ “…ถ้าเลือกได้ที่ที่เหมาะสมแล้ว ก็ทิ้งป่านั้นไว้ตรงนั้นไม่ต้องไปทำอะไรเลย ป่าจะเจริญเติบโตขึ้นมาเป็นป่าสมบูรณ์โดยไม่ต้องไปปลูกเลยสักต้นเดียว…” “…ไม่ไปรังแกป่าหรือตอแยต้นไม้ เพียงแต่คุ้มครองให้ขึ้นเองได้เท่านั้น…” “…ในสภาพป่าเต็งรัง ป่าเสื่อมโทรมไม่ต้องทำอะไรเพราะตอไม้ก็จะแตกกิ่งออกมาอีก ถึงแม้ต้นไม้ไม่สวยแต่ก็เป็นต้นไม้ใหญ่ได้…” ป่า ๓ อย่าง ประโยชน์ ๔ อย่าง ที่ได้ดำเนินการในศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยทรายอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดเพชรบุรี และศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดเชียงใหม การปลูกป่า ๓ อย่าง คือ ป่าสำหรับไม้ใช้สอยป่าสำหรับเป็นไม้ผล และป่าสำหรับเป็นเชื้อเพลิงซึ่งราษฎรสามารถใช้ประโยชน์จากป่าได้อย่างเกื้อกูล นอกจากนี้ยังได้ประโยชน์อย่างที่ ๔ อันเป็นการอนุรักษ์ดินและน้ำอีกด้วย ป่าชายเลน เป็นแนวพระราชดำริในการอนุรักษ์และฟื้นฟูระบบนิเวศน์ของพื้นที่ชายฝั่งทะเลและอ่าวไทยซึ่งถูกบุกรุกทำลาย โดยการปลูกป่าไม้ชายเลน โดยอาศัยระบบน้ำขึ้นน้ำลงในการเติบโต อันเป็นแนวป้องกันลมและป้องกันการกัดเซาะชายฝั่งที่สำคัญและเป็นแหล่งอาศัยของสัตว์น้ำซึ่งเป็นการช่วยสร้างความสมดุลให้แก่ธรรมชาติให้กลับคืนสู่ความอุดมสมบูรณ์ดังเดิม โครงการที่สำคัญ · โครงการอนุรักษ์และฟื้นฟูสภาพพื้นที่บริเวณเขานางพันธุรัต (เขาเจ้าลายใหญ่)อันเนื่องมาจากพระราชดำริ อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี · โครงการอนุรักษ์และพื้นฟูสภาพป่าบริเวณป่าสงวนแห่งชาติป่ากุยบุรี อันเนื่องมาจากพระราชดำริ อำเภอกุยบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ · โครงการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้และสัตว์ป่า ในพื้นที่ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด (ภาคตะวันออก) อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดฉะเชิงเทรา สระแก้ว จันทบุรี ระยอง และชลบุรี · ศึกษาวิจัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อมแหลมผักเบี้ยอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดเพชรบุรี · โครงการฟื้นฟูทรัพยากรชายฝั่งทะเล จังหวัดปัตตานี สำนักข่าวเจ้าพระยา อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น