ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
ginger

ใบไม้ผลิบนดวงจันทร์

โพสต์แนะนำ

หวัดดีคับคุณginger lavender fairy คุณตู้เย็น ดอกเหมย เด็กสยาม เพื่อน

 

970151_534584556589614_1124153424_n.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

หอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญ : Buddhadasa Indapanno Archives

ขอเชิญฟังธรรมวันอาทิตย์

 

หัวข้อ พุทธวิธีการสื่อสาร ด้วยจิตว่าง (ปราศจากตัวกู ของกู)

 

ความโดยย่อ

 

ในแต่ละวันพระพุทธเจ้าต้องพบปะคนเป็นอันมาก

 

เพื่อสั่งสอนบุคคลต่าง ๆ รวมไปถึงเจ้าลัทธิอื่น ที่เป็นผู้แข่งขันกันอยู่

 

มีเรื่องมาซักไซ้ ไต่ถาม ต่อสู้ หักล้าง โต้วาทะ

 

พระพุทธเจ้าท่านอยู่ด้วยสุญญตาวิหาร คือ

 

อยู่ด้วยความว่าง แม้ว่ากำลังโต้วาทะกับพวกเดียรถีย์จิตก็ไม่เสียสุญญตาวิหาร

 

หมายความว่า จิตนั้นสะอาดเหมือนเดิม ไม่ปรุงแต่งเป็นตัวกูของกู

 

เมื่อสนทนากับเดียรถีย์อื่น เพื่อให้เห็นจริงเห็นผิดเห็นถูกจิตก็ยังว่าง

 

นี่คนโง่เข้าใจเรื่องนี้ไม่ได้ จิตของท่านไม่มีความรู้สึกเป็นเขาเป็นเรา

 

รู้แต่ว่าอะไรผิด-ถูก จริง-ไม่จริง มีเหตุผล-ไม่มีเหตุผล

 

จิตไม่ได้ปรุงเป็นฝ่ายโน้นฝ่ายนี้มีแต่ว่าความจริงมีอยู่อย่างไรก็พูดไปตามความจริง

 

เมื่อเขาพูดผิดก็ไม่รู้สึกว่า "มึง" พูดผิด

 

แล้วก็อธิบายเสีย โดยไม่ต้องให้ผิดเป็นของมึง ถูกเป็นของกู

 

เหมือนพระเณร อุบาสก อุบาสิกา จำนวนมาก

 

ที่มันเถียงกัน ทะเลาะกัน มันมีผิดเป็นของมึง

 

ถูกเป็นของกู เวลาที่คุยธรรมะกลับมีตัวตนมากกว่าเวลาอื่น ๆ

 

มันมีตัวตนที่จะเถียงธรรมะกัน จะเอาแพ้เอาชนะกันด้วยเรื่องธรรมะ มันก็มีตัวตน

 

บางทีก็อยากจะตั้งตัวเป็นอาจารย์ ระวังให้ดีนักธรรมะทั้งหลาย

 

การติดจะเป็นอาจารย์เกิดขึ้นในใจเมื่อไร มันฉิบหายหมดแล้ว คือ

 

มันไม่มีสุญญตาวิหารเหลือ มันมีตัวกูที่จะเป็นอาจารย์ของมึง

 

และมึงต้องเชื่อกู มันมีอาจารย์ อาจารย์ของกูว่าอย่างนี้

 

เรียกว่ามีตัวกู ของกู แม้ในหมู่คนที่มีธรรมะ

 

ฟังและ download ได้จาก

https://dl.dropboxusercontent.com/u/46401199/257-2a.mp3

 

 

1000292_10151771487885535_64374638_n.png

ถูกแก้ไข โดย ginger

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

10 อันดับวิธี สร้างความสุขแบบง่าย ๆ ให้ชีวิตคุณ

 

bangsi@hotmail.co.th_2012062391202.jpg

 

20120513163437.jpg

 

ความจริงแล้วคนจำนวนมากอาจหลงลืมไปว่า ความสุขที่แท้จริงอยู่ใกล้ตัวกว่าที่คิด โดยที่ไม่จำเป็นต้องเสียเงินซื้อแม้แต่สตางค์เดียว อาจเพราะบางทีคุณเผลอมองข้ามความสุขนั้นไปเอง... วันนี้ ทีมงาน toptenthailand จึงได้นำเคล็ดลับการสร้างความสุขแบบง่าย ๆ มาเผยให้ทราบกัน ใน "10 อันดับวิธี สร้างความสุขแบบง่าย ๆ ให้ชีวิตคุณ "

 

 

20120513163745.jpg

 

10. มีความกตัญญูรู้คุณคน

 

การเป็นผู้รู้จักทดแทนบุญคุณคือ สิ่งสำคัญที่ช่วยเสริมสร้างให้คุณกลายเป็นคนที่น่านับถือที่ไม่เคยลืมว่าใครเคยให้ความช่วยเหลือแก่ตนเองบ้าง ซึ่งการตอบแทนสิ่งดี ๆ คืนกลับไปให้ผู้มีพระคุณ ช่วยให้จิตใจตัวเองรู้สึกอิ่มเอมกับความสุขมากขึ้น...มากกว่าตอนที่ได้รับความช่วยเหลือด้วยซ้ำไป

 

 

 

 

 

 

 

20120513164058.jpg

 

9. รู้จักเป็นฝ่ายให้

 

"สุขใจที่ได้ให้มีคุณค่ากว่าสุขใจที่ได้รับ" ซึ่งการให้ที่ว่าไม่จำเป็นต้องแก้ว แหวน เงินทองหรือของมีค่าเท่านั้น แต่อาจเป็นการกระทำหรือคำพูดก็ได้เช่นเดียวกัน เช่น ให้เวลากับคนที่คุณรัก สละแรงช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ให้คำปรึกษาแก่เพื่อนที่กำลังมีปัญหา เพราะทุกครั้งที่คุณทำสิ่งดี ๆ ให้กับคนอื่น ก็เหมือนกับให้ความสุขกลับมาสู่ตัวเองทางอ้อม

 

 

 

 

20120513164227.jpg

 

8. เป็นมิตรกับคนรอบข้าง

 

การมีมิตรไมตรีต่อเพื่อนมนุษย์ที่อยู่ร่วมกันในสังคมเดียวกัน ก่อให้เกิดความสุขขึ้นได้ทั้งต่อตัวเองและผู้อื่น เช่น ช่วยคนชราเดินข้ามถนน ช่วยคนถือของ ซึ่งแม้จะดูเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ความรู้สึกที่มอบให้ก็ยิ่งใหญ่พอที่ทำให้คุณรู้สึกอบอุ่นใจได้ไม่น้อย

 

 

 

20120513164356.jpg

 

 

7. รักษาความสัมพันธกับคนใกล้ชิดให้แนบแน่น

 

ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว คนรัก หรือเพื่อนสนิท สิ่งสำคัญคือ คุณต้องพยายามรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับบรรดาคนสนิทเหล่านี้เอาไว้ให้อย่างยาวนานและมั่นคง อย่าให้ภาระเรื่องงานเข้ามาก้าวก่ายชีวิตส่วนตัว จนทำให้คุณต้องห่างเหินกับพวกเขา หรือถ้ามีปัญหาที่ไม่เข้าใจกัน ก็รีบเคลียร์ให้เรียบร้อย เพราะพวกเขาคือคนที่มีบทบาทในชีวิตของคุณเป็นอย่างมาก

 

 

 

 

 

 

20120513164527.jpg

 

 

6. พยายามอยู่กับคนที่คิดบวก

 

เชื่อไหมว่า สังคมที่เราเข้าไปคลุกคลีอยู่ด้วยมีผลต่อตัวคุณ ทั้งด้านความคิดและการกระทำ ซึ่งถ้าหากคุณใช้ชีวิตอยู่กับกลุ่มคนที่มีความคิดเชิงบวก คุณก็จะได้รับอิทธิพลจากพวกเขาเหล่านั้นมาด้วยเช่นกัน จากนั้นคุณก็ค่อย ๆ กลายเป็นคนที่มองโลกในแง่ดีกว่าเดิม และเห็นความสุขที่อยู่รอบตัวได้ชัดขึ้น

 

 

 

20120513164646.jpg

 

 

5. ใช้ชีวิตอยู่กับปัจจุบัน

 

หากคุณเป็นคนที่ชอบหมกมุ่นอยู่กับปัญหาที่เกิดขึ้นไปแล้ว หรือหวั่นเกรงกับอุปสรรคที่กำลังจะผ่านเข้ามา รับรองเลยว่าคุณไม่มีทางสัมผัสช่วงเวลาแห่งความสุขได้เลย ซึ่งก็คือ ปัจจุบัน นั่นเอง อดีตคือ สิ่งที่จบไปแล้ว ส่วนอนาคตคือ สิ่งที่ยังมาไม่ถึง แล้วคุณจะมัวไปนั่งกังวลอยู่ทำไมล่ะ จงยิ้มให้กับวันนี้ที่มีความสุขจะดีกว่า

 

 

 

 

 

20120513164806.jpg

 

 

4. อย่าเครียดกับชีวิตเกินไปนัก

 

ความเครียด คือ เป็นบ่อเกิดของปัญหาหลาย ๆ ชนิดที่จะตามมา ซึ่งส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจและร่างกาย ตั้งแต่ ความดันโลหิตสูง โรคนอนไม่หลับ โรคซึมเศร้า ไปจนถึงความวิตกกังวล ฉะนั้นหาเวลาออกไปทำกิจกรรมอะไรที่ตัวเองชอบ หรือเดินทางไปท่องเที่ยวไกล ๆ เพื่อผ่อนคลายความเครียดบ้างนะ

 

 

 

20120513164921.jpg

 

 

3. ฉลองความสำเร็จให้กับตัวเองบ้าง

 

เติมความสดชื่นให้ชีวิต โดยการฉลองความสำเร็จให้ตัวเองบ้าง เช่น โปรเจ็กท์งานที่มานะบากบั่นทำมานานหลายเดือน ได้รับการอนุมัติให้ผ่านแล้ว ซึ่งอาจจะชวนเพื่อนสนิทไปนั่งสังสรรค์กิน ดื่มเพื่อผ่อนคลายอารมณ์ให้รู้สึกดีขึ้น และเหมือนเป็นการชาร์จไฟให้ตัวเอง ก่อนจะเริ่มต้นกับงานชิ้นใหม่อย่างมีพลัง

 

 

20120513165034.jpg

 

 

2. รู้จักควบคุมการทำงานของความคิดและจิตใจ

 

ถ้าหากอยากให้ความคิดและทัศนคติของคุณเป็นไปในเชิงบวก รวมทั้งรู้จักควบคุมจิตใจให้พร้อมรับมือกับปัญหาต่าง ๆ อย่างมั่นคง คุณน่าจะลองหาหนังสือที่ช่วยขัดเกลาความคิด และเป็นแรงบันดาลใจให้ทำสิ่งดี ๆ มาอ่านเพื่อพัฒนาสมอง รวมไปถึงหัดฟังธรรมะอยู่เป็นประจำ ซึ่งจะคอยช่วยเตือนสติให้จิตใจเข้มแข็งมากขึ้น

 

 

 

20120513165142.jpg

 

 

1. ออกกำลังกาย

 

หลาย ๆ คน อาจเคยได้ยินกันมาบ้างแล้วว่า การออกกำลังกาย สามารถสร้างความสุขให้กับคุณได้ เพราะการออกกำลังกายเผาผลาญพลังงาน ทำให้คุณมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง มีรูปร่างดี นอนหลับง่าย และช่วยลดความเครียดได้อีกต่างหาก

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

D KA yot

 

 

26 พุทธศตวรรษ

"ธรรมะสบายๆ วันหยุด"

 

จงจำ "คำสอนของพ่อ" เอาไว้เสมอนะว่า ..

พ่อจะไม่สอนลูกของพ่อให้เป็น "คนรวย" หรอก

แต่ พ่อจะสอนลูกของพ่อให้เป็น "คนดี" ต่างหาก

 

เพียงเพื่อลูก ได้มี...ชีวิตรอด

พ่อทนกอด อดกลั้น...ทุกปัญหา

เพียงลูกรัก จักเกิด...เลิศปัญญา

พ่ออุตสาห์ หาเงิน...เกินกำลัง

 

พ่อทำงาน ทุกอย่าง...เพื่อสร้างลูก

พ่อพันผูก ปลูกจิต...ให้คิดหวัง

พ่อสอนเจ้า อย่างเย่อหยิ่ง...เขาชิงชัง

อย่าหมดหวัง ตั้งใจสู้...เป็นผู้คน

 

^_______^

BY : เด็กวัด / 26 พุทธศตวรรษ

 

 

1001696_318078534994927_746206756_n.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

โลกทรรศนะ

หนึ่งปีซีอีโอยาฮู

 

แมริสซา แมเออร์ ซีอีโอ ยาฮู ทำงานมาได้ครบปีแล้ว ข่าวคราวของเธอมีมาโดยตลอด รวมทั้งเรื่องคลอดลูก เรามาดูว่ายาฮูจะสามารถกลับมายิ่งใหญ่ได้หรือไม่

 

ช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา ยาฮูได้ซื้อบริษัทตั้งใหม่มาถึง 16 แห่ง เพื่อมาร่วมงานและเพื่อทำให้บริษัทยาฮูเข้มแข็งขึ้น กลยุทธ์เติบโตด้วยวิธีควบรวมและซื้อหากิจการนั้น มีข้อดีที่ทำให้บริษัทเติบโตเร็ว แต่ของเธอนั้น เวลาซื้อบริษัท ไม่ได้ต้องการที่จะเพิ่มทรัพย์สิน เธอต้องการที่จะเพิ่มคนเก่ง เพิ่มคุณค่าทรัพยากรมนุษย์เสียมากกว่า

 

เริ่มแรกนั้นเธอให้ความสนใจเรื่องมือถือก่อน เพราะสมัยเธออยู่ที่กูเกิล เธอก็ชำนาญเรื่องมือถือ 16 บริษัทตั้งใหม่ที่ซื้อมานั้น จะเป็นเรื่องของเนื้อหาในโทรศัพท์เคลื่อนที่ หรือคอนเทนท์ แอพส์ และก็บริการต่าง ๆ ในมือถือทั้งหลาย

 

แมเออร์จะมุ่งหาคนที่ชอบและมุ่งมั่นกับมือถือ และคนนั้นจะต้องมีวัฒนธรรมที่มุ่งจะเอาชนะให้ได้ เพื่อที่จะให้บริษัทมีผลิตภัณฑ์แปลกใหม่ให้ผู้ใช้ใช้ได้ตลอดเวลาทุกวัน

 

จำนวน 16 บริษัทที่เธอซื้อมาเหลือแค่สาม แต่ก็ได้ทีมงานระดับมือฉมังมาเยอะ วิธีนี้เขาเรียกว่า ควบรวมเพื่อจ้างคน หรือภาษาอังกฤษเรียก “acqui-hire” โดยเฉพาะบริษัททางวิศวกรรมสามบริษัทที่เหลือ คือ ทัมเปลอร์ (Tumblr) ทำบล็อกเพลย์เออร์สเกล (Player Scale) และ ควิคิ (Qwiki) ทำวิดีโอ

 

นอกจากนี้ ยุทธศาสตร์ของเธอ คือมุ่งเฉพาะเรื่องการเติบโตโดยเฉพาะในสี่ตะกร้าด้วยกัน คือ หนึ่ง ธุรกิจหลัก เช่น คอนเทนท์ แอพส์ และเสิร์ช (ค้นหา) สองโซเชียล สาม เกมส์ และ สี่ วิดีโอ (คุยและโทรฯเรียกประชุม–chat and conference calling) และบริษัทที่ควบรวมและซื้อหามาไม่ใช่เฉพาะได้คนเก่ง แต่ช่วยเพิ่มศักยภาพของยาฮูด้วย

 

แมริสซา แมเออร์ มีเส้นสายที่ดีในซิลิกอนแวลลีย์ และเธอก็สามารถทำให้ธุรกิจเว็บเติบโตในยาฮูได้ดี และเธอก็สามารถปรับเปลี่ยนวัฒนธรรมองค์กรได้สำเร็จ บริษัทที่ควบรวมมานั้นเฉพาะในควอเตอร์แรกนั้น เธอภูมิใจว่า หลายคนได้ทำงานยาฮูมาก่อน นอกจากนี้ เธอก็ได้รับเสียงชื่นชมในการที่เธอสามารถซื้อหุ้นใหญ่ของบริษัทอาลิบาบาของประเทศจีนมาสำเร็จ

 

โจซีย์ กล่าวว่า “สิ่งที่เธอทำและสามารถควบรวมเพื่อจ้างคนเก่งมาได้ สามารถทำให้ผู้ถือหุ้นและลูกค้ารู้สึกตื่นเต้น”

 

“แต่สิ่งที่น่าท้าทายมากกว่าก็คือ เธอจะต้องใช้วิธีการผสมผสานหลายอย่างเพื่อที่จะฟื้นฟูกิจการยาฮูกลับมาได้”

 

แต่ก็มีนักวิเคราะห์ยาฮูจะกลับมาสร้างตนเองใหม่อย่างที่ประชาชนคาดหวังได้หรือไม่ และดูแล้วก็วิเคราะห์ต่อไปว่า แมริสซา แมเออร์ ยังต้องทำงานยากจริง ๆ ต่อไปนี้ และก็สรุปว่ายากจริง ๆ ที่จะทำให้บริษัทที่กำลังจะตายกลับมาเป็นผู้นำทางการตลาดที่ยิ่งใหญ่

 

ที่นำมาเขียนนี้ผู้อ่านจะเห็นได้ว่า บริษัทไอทีของสหรัฐอเมริกามักจะใช้วิธีการควบรวมกิจการเพื่อให้บริษัทโตไว มากกว่าที่จะทำให้บริษัทค่อย ๆ เติบโตทางธุรกิจอย่างมั่นคง.

 

รศ.ดร.บุญมาก ศิริเนาวกุล

อธิการบดีมหาวิทยาลัยนานาชาติแสตมฟอร์ด

boonmark@stamford.edu

 

คอลัมน์ โลกาภิวัตน์, เดลินิวส์ออนไลน์

วันพฤหัสบดีที่ 25 กรกฎาคม 2556

http://www.dailynews.co.th/technology/221198

 

 

970276_647707861907208_43237471_n.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

น้ำใจเล็ก ๆ ที่ยิ่งใหญ่ของป้าหาบ...แม่ค้า 5 บาท

 

 

 

011111567.jpg

 

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก นิตยสาร ค ฅน

 

ยุคสมัยนี้ เดินไปทางไหน หันไปร้านใด ก็มักจะเจอป้ายขอปรับขึ้นราคาสินค้า และอาหารอยู่จนชินตา โดยเจ้าของร้านมักจะอ้างว่า เพราะของมันแพงขึ้น ต้นทุนสูงขึ้น จึงจำเป็นต้องขึ้นราคาสินค้า เพื่อให้สามารถประคับประคองร้านให้อยู่ต่อไปได้

 

แต่ทว่า ในอีกมุมหนึ่งของสังคม ยังมีแม่ค้าวัยย่างหกสิบปีคนหนึ่ง ประกอบอาชีพหาบเร่ค้าขายกับข้าวมานานกว่า 30 ปีแล้ว ตั้งแต่สมัยที่ไข่ไก่ยังราคาเพียงฟองละห้าสิบสตางค์ และแม้วันนี้ราคาไข่ไก่จะพุ่งเกือบฟองละ 5 บาท แต่แกก็ยังคงยืดหยัดขายกับข้าวทุกอย่างในราคา 5 บาทเหมือนเมื่อสามสิบปีที่แล้วไม่มีผิดเพี้ยน

 

ในเวลาใกล้บ่ายสองของทุกวัน สายตาหลายคู่ในซอยจรัญสนิทวงศ์ 33 แยก 3 จะเฝ้ามองหา ป้าแดง บุญยัง พิมพ์รัตน์ หรือที่ทุกคนเรียกแกว่า "ป้าหาบ" เพื่ออุดหนุนกับข้าวอร่อย ๆ ของแก ที่ทุกวันหาบหน้าของแกจะเต็มไปด้วยมะละกอ ข้าวเหนียว และครก ขณะที่หาบหลังเต็มไปด้วยกับข้าวและขนมหวานใส่ถุงพลาสติกกองสูงเป็นภูเขา

 

"ของทุกอย่างป้าแกขาย 5 บาท ที่ขายสิบบาทก็มีอย่างเดียว คือปลาหมึกเท่านั้น แกขายของแกอย่างนี้มาแต่ไหนแต่ไร ไม่เคยขึ้นราคาสักที" ลูกชายเจ้าของบ้านที่ป้าหาบใช้เป็นพื้นที่ขายของพูดถึงป้า

 

จุดเริ่มต้นของแม่ค้า 5 บาท ต้องย้อนไปตั้งแต่สมัยปี พ.ศ.2520 ที่ป้าหาบเดินทางจากจังหวัดร้อยเอ็ดเข้ามาอยู่กรุงเทพมหานคร และตัดสินใจจะขายส้มตำครกละ 5 บาท ให้คนงานในซอยซึ่งมีรายได้น้อยได้ทานกันอย่างอิ่มท้อง จนหลายสิบปีผ่านไป แกก็มีเงินเก็บไปปลูกบ้านที่ร้อยเอ็ดได้หนึ่งหลัง ทั้ง ๆ ที่ขายส้มตำในราคาเพียงครกละ 5 บาท และไม่เคยขยับราคาเลยสักครั้ง แม้ข้าวของจะแพงขึ้น แพงขึ้น เกือบเท่าตัว

 

"ขายราคานี้เพราะมันขายง่าย คนซื้อก็จ่ายง่าย ทุนฉันแต่ละวันก็พันกว่าบาท ก็พอมีกำไรนิด ๆ หน่อย ๆ ไอ้เรามันไม่มีหนี้สิน ก็อยู่ได้ ไม่ต้องไปโขกเอากำไรกับเขามากเกินไป" ป้าหาบ บอกถึงเหตุผลที่ขายกับข้าวเพียง 5 บาท

 

 

 

 

 

02222.jpg

 

ป้าหาบ หรือ ป้าแดง ยังบอกอีกด้วยว่า ตลอด 30 ปีที่ผ่านมา ลูกค้าหาบของแกมีมากหน้าหลายตา ทั้งขาประจำ ขาจร โดยเฉพาะช่วงวิกฤตต้มยำกุ้ง ปี พ.ศ.2540 หาบของแกยิ่งขายดิบขายดีเป็นเทน้ำเทท่า ซึ่งถ้าตอนนั้นแกปรับขึ้นราคาก็คงมีกำไรอู่ฟู่ไปแล้ว แต่แกไม่เคยคิดจะขึ้นราคาเลยสักที

 

"เคยยุให้แกขึ้นราคา แกก็งอนนะ บอกว่าขึ้นแล้วสงสารพวกโรงงาน ป้าแกมองถึงคนล่าง ๆ ที่ซื้อของแกกิน" ลูกค้าประจำ ซึ่งเป็นคุณครูโรงเรียนวัดสุวรรณาราม แอบกระซิบเรื่องของป้าอย่างชื่นชม

 

หลายคนสงสัยว่า แกขายกับข้าวในราคาเพียง 5 บาทมาได้อย่างไรตั้งนานกว่า 3 ทศวรรษ แล้วจะมีกำไรหรือ ป้าหาบยิ้มแล้วบอกว่า ตัวแกเองก็จำไม่ได้หรอกว่า ได้กำไรหรือขาดทุนอย่างไร เพราะแกคิดเพียงว่า แม้แกจะขายข้าวในราคา 5 บาท แต่ตัวแกเองไม่ได้เดือดร้อนอะไร อยากทานอะไรก็ได้ทาน ไม่เคยลำบาก และไม่ทำให้เป็นหนี้ใคร เพราะฉะนั้นก็ยังขาย 5 บาทได้อยู่

 

นอกจากป้าหาบจะใจดีขายกับข้าวทุกอย่างในราคาถุงละ 5 บาทแล้ว บ่อยครั้งที่จะเห็นแม่ค้าวัยชราคนนี้ หยิบยื่นกับข้าวให้ลูกค้าที่ไม่ค่อยมีเงินได้ทานกันฟรี ๆ แถมยังให้เสียเยอะจนผู้รับเองยังตกใจ

 

"นึกถึงตัวเองเวลาไม่มี ท้องหิวมันทรมานมากนะ คนเงินเดือนน้อย ๆ ก็อยากให้เขากินอิ่ม บางคนมีเงินมา 10 บาท มาซื้อกับป้า ป้าก็ให้เขาเยอะ ๆ เป็นข้าวเหนียวเป็นอะไรอย่างนี้ บางคนมาไกล ๆ ไม่มีเงินมา ป้าก็ให้ไปบ้าง หรือไม่ก็คิดเขาแค่ครึ่งเดียว 20 บาท เอา 10 บาทพอ" ป้าหาบ บอก

 

 

 

009090.jpg

 

ความใจดีของป้าหาบ อาจจะเป็นเพราะในสมัยสาว ๆ แกเคยลำบากมาก่อน ทำมาหมดแล้วทุกอย่าง ไม่ว่าจะทำนา ทำไร่ เป็นแม่บ้าน สุดท้ายมาจบที่แม่ค้าขายส้มตำ และเก็บหอมรอมริบเรื่อยมาจนพอมีเงินเก็บ แต่แกก็ยังเข้าใจหัวอกของคนยากไร้เป็นอย่างดี

 

"ของอย่างนี้นะหนู คนไม่เคยลำบากมาก่อนไม่มีทางเข้าใจหรอก บางทีแค่ยี่สิบบาท เราเห็นว่าน้อยนิด เขาก็หาไม่ได้นะ หรือบางคนย้ายไปอยู่ที่ไกล ๆ มาซื้อของป้า ป้าก็ยิ่งไม่เอาเงินเขาเลย กลัวเขาจะไม่มีค่ารถกลับบ้าน" ป้าหาบ เล่าด้วยความเข้าใจคนหัวอกเดียวกัน

 

เคล็ดลับที่ทำให้ป้าหาบสามารถคงราคา 5 บาทมาได้กว่า 30 ปี ก็ไม่ยากอะไร เพราะป้าหาบแกจะพยายามทำให้ต้นทุนต่ำที่สุด และซื้อวัตถุดิบจากเจ้าประจำทำให้ได้มาในราคาไม่แพงมาก ซึ่งแกก็จะตื่นแต่เช้ามืดมาทำกับข้าวเป็นหม้อ ๆ แล้วหาบของหนัก ๆ ออกมาขายช่วงบ่าย ๆ เป็นประจำเกือบทุกวันอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย ป้าหาบยังบอกอีกด้วยว่า แกสนุกกับสิ่งที่แกทำ เพราะได้คุยกับคนมากหน้าหลายตา และหากแกหยุดขายไปหนึ่งวันหรือสองวัน วันรุ่งขึ้นจะมีลูกค้ามาตัดพ้อเลยทีเดียว

 

 

 

0333333.jpg

 

"ถ้าเขาไม่มี เราก็ให้เขากินได้ เวลาเราไม่มี ก็คงจะมีคนยื่นมาให้เรากินบ้าง เหมือนว่าเราทำบุญ ยิ่งกว่าใส่บาตรอีกนะ การให้คนเขาได้กิน ใส่บาตรบางทีพระมีของกินเยอะ ๆ พระท่านก็ไม่ฉันอันนั้นอันนี้ แต่คนที่ไม่มีจะกิน ให้เขาไปเขาก็กินหมด และอิ่มด้วย ยิ่งบางคนให้ไป เขาไม่ลืมเลย ไปเจอกันอยู่กลางทาง เขาเห็นป้าแล้วบอกดีใจจังเลย นึกถึงที่ป้าให้ของกิน เขาบอกว่าไม่เคยลืมเรา ขนาด 9 ปี 10 ปี มาเจอกันวันนี้ ยังมีคนมาทักป้าเลย" ป้าหาบ เล่าด้วยความรู้สึกอิ่มเอมใจเป็นอย่างยิ่ง

 

ป้าหาบยังบอกด้วยว่า ชีวิตของแกพอมีพอกิน เงินเก็บก็พอมี หนี้สินไม่มี ลูกเต้าก็โตได้งานทำกันหมดแล้ว เพราะฉะนั้น ชีวิตของแกก็ไม่ได้ลำบากอะไร เช่นนั้นแล้ว เมื่อแกพร้อม ก็สามารถทำอะไรอย่างที่แกอยากจะทำได้ด้วยความสบายใจซึ่งสิ่งนั้นก็คือ "การให้" นั่นเอง

 

เห็นไหมว่า เพียงแค่ความคิดเล็ก ๆ ของป้าหาบที่เจือจานน้ำใจอันยิ่งใหญ่สู่เพื่อนมนุษย์ด้วยกัน กลับทำให้มุมหนึ่งของสังคมไทยในยุคข้าวยากหมากแพงดูแล้วมีความสุขขึ้นมาถนัดตา

 

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก

 

นิตยสาร ค ฅน เดือนกรกฎาคม

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

382275_431488420259378_980096764_n.jpg

ตู้เย็น เป็นไงบ้างดีขึ้นแหล่วบ่

คงบ่เปนหยังแล้วเนาะ

พักผ่อน... เด้อ

 

:) สมเป็นพยาบาลวิชาชีพเน๊าะ...บอกอาการได้เปะเลย

คุณหมอบอกอาหารเป็นพิษ เป็นคักเป็นแน่...ต้องให้น้ำเกลือ...เหมิดสภาพ

ตอนนี้กะดีขึ้นแล้ว....รับประทานขนมจีนน้ำยา คุณยายซื้อมาให้

รับประทานกับคุณยาย แต่คุณยายบ่เป็นหยัง แต่เฮากลับเป็นพู่เดียว

:01 ขอบคุณหลาย ๆ เด้อ สำหรับคำแนะนำและความห่วงใย

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...