ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

ส้มโอมือ

ขาใหญ่
  • จำนวนเนื้อหา

    5,036
  • เข้าร่วม

  • เข้ามาล่าสุด

  • วันที่ชนะ

    15

ทุกๆอย่างที่โพสต์โดย ส้มโอมือ

  1. ผมซื้อกองทุนทองคำครับ ผมไม่ได้ซื้อทองแท่งมานานแล้วเพราะราคากั๊กและบางครั้งไปซื้อทางร้านบอกว่าทองแท่งหมดครับ
  2. จับตาหนี้สาธารณะของโลก คอลัมน์ ระดมสมอง โดย เพสซิมมิสต์ ประชาชาติธุรกิจ วันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2553 ปีที่ 34 ฉบับที่ 4221 ปัญหาหนี้สาธารณะกำลังเป็นปัญหาที่พูดกันหนาหูมากขึ้น และมีบทวิเคราะห์ออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยอาจเป็นปัญหาที่ลุกลามสร้างความเสียหายจนกระทั่งส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก หมายความว่าแนวโน้มเศรษฐกิจโลกอาจไม่สดใสดังที่หลายคนกำลังคาดหวังเอาไว้ และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจอาจกลายเป็นตัว "W" หรือฟื้นตัวแล้วก็ทรุดตัวได้ในปีหน้า หนี้สาธารณะของโลกปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างน่าใจหายจริง ๆ ทั้งนี้นิตยสารอีโคโนมิสต์ได้จัดทำแหล่งข้อมูลเกี่ยวกับหนี้สาธารณะทั่วโลกที่เว็บไซต์ http://buttonwood.economist.com/content/gdc ทั้งนี้ buttonwood คือนามปากกาของผู้ที่เขียนคอลัมน์วิเคราะห์เศรษฐกิจของนิตยสารอีโคโนมิสต์ซึ่งผู้เขียนจะผลัดเปลี่ยนกันไป เมื่อเปิดเว็บไซต์ดังกล่าวก็จะเห็นตัวเลขหนี้สาธารณะของโลกขึ้นมาที่จอทันที และท่านผู้อ่านอาจจะเพลิดเพลินกับการปรับขึ้นของหนี้สาธารณะซึ่งปัจจุบันเพิ่มขึ้นประมาณ 10 ล้านเหรียญสหรัฐทุก ๆ นาที หรืออีกนัยหนึ่งคือ ประชาชนโลกจะต้องรับภาระหนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นคนละประมาณ 2 เหรียญสหรัฐต่อ 24 ช.ม.นั่นเอง หนี้สาธารณะของโลกได้ปรับเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงที่ผ่านมาเห็นได้จากตารางข้างล่าง จะเห็นได้ว่าหนี้สาธารณะของโลกปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวภายในระยะเวลาเพียง 10 ปีตั้งแต่เริ่มศตวรรษปัจจุบันจาก 2000-2010 คือเพิ่มจาก 18.84 ล้านล้านเหรียญมาเป็น 38.58 ล้านล้านเหรียญ ซึ่งเป็นการเพิ่มที่น่าใจหาย การเพิ่มของหนี้สาธารณะนั้นเพิ่มในอัตราที่เร่งตัวคือในช่วง 2000-2005 หนี้เพิ่ม 5.95 ล้านล้านเหรียญ แต่ในช่วง 2005-2010 การเพิ่มของหนี้สาธารณะก้าวกระโดดเป็น 13.74 ล้านล้านเหรียญ กล่าวคือเพิ่มปีละประมาณ 1.2 ล้านล้านเหรียญในช่วง 2002-2005 เป็นปีละ 2.5 ล้านล้านเหรียญในช่วง 2005-2010 แต่ก็ยังน้อยมากเมื่อเทียบกับการเพิ่มของหนี้สาธารณะในปี 2011 (ประมาณการ) ที่ 5.12 ล้านล้านเหรียญจากปี 2010 ซึ่งเป็นอัตราการเพิ่มที่จะปล่อยให้เกิดขึ้นไม่ได้เพราะเศรษฐกิจโลกจะไม่สามารถรองรับการเพิ่มตัวของหนี้อย่างต่อเนื่องได้อย่างแน่นอน โดยดูจากการประเมินจีดีพีของโลกโดยไอเอ็มเอฟเปรียบเทียบกับหนี้สาธารณะที่พอกพูนขึ้นอย่างรวดเร็ว จะเห็นได้จากตารางข้างต้นว่า ในครึ่งแรกของทศวรรษนั้นจีดีพีของโลกขยายตัวเร็วกว่าหนี้สาธารณะ ทำให้สัดส่วนของหนี้สาธารณะปรับลดลงจาก 58.7% ในปี 2000 มาเป็น 54.6% ในปี 2005 แต่สถานการณ์ถดถอยลงในครึ่งหลังของทศวรรษที่ผ่านมา ทำให้สัดส่วนของหนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นไปสู่ขีดอันตรายที่ 62.4% ของจีดีพี (มาตรฐานสากลนั้นกำหนดให้หนี้สาธารณะไม่ควรเกิน 60% ของจีดีพี) แต่หากหนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นถึง 75% ของจีดีพีก็น่าจะเป็นภาระที่หนักเกินไปที่เศรษฐกิจโลกจะรองรับได้ ทั้งนี้เพราะประเทศหลักหลายประเทศน่าจะเผชิญปัญหาอย่างมากเนื่องจากประเทศในเอเชียมีหนี้สาธารณะไม่สูงมากนัก (เช่นไทยเองก็มีหนี้สาธารณะเพียง 42-43% ของจีดีพี และไม่น่าจะสูงกว่า 50% ของจีดีพีในปลายปี 2011 ในขณะที่ประเทศจีนมีหนี้สาธารณะประมาณ 30% ของจีดีพี เป็นต้น) แปลว่าประเทศที่จะมีปัญหาหนี้สาธารณะจะเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว เช่นที่คาดการณ์โดย Bank for International Settlement ซึ่งเป็นองค์กรที่ถือได้ว่าเป็นธนาคารที่ทำหน้าที่นายธนาคารให้กับธนาคารกลางของโลก จะเห็นได้ว่าหนี้สาธารณะของประเทศพัฒนาที่เป็นเศรษฐกิจหลักของโลกกำลังจะเผชิญปัญหาหนี้สาธารณะท่วมตัว คือหนี้สาธารณะจะเพิ่มขึ้นเป็น 100% ของจีดีพี หรือสูงกว่านั้นภายใน 1-2 ปีข้างหน้า ยกเว้นบางประเทศ เช่น อิตาลี และญี่ปุ่น ซึ่งมีหนี้สินเกินกว่า 100% ของจีดีพีไปแล้ว ดังนั้น จึงสรุปได้ว่าปัญหาหนี้สาธารณะกำลังจะเป็นปัญหาหลักของเศรษฐกิจโลกใน 1-2 ปีข้างหน้า หากแก้ปัญหาไม่ได้เศรษฐกิจโลกก็อาจต้องเผชิญกับปัญหาที่ท้าทายอีกในเร็ววันนี้ ทั้งนี้การแก้ปัญหานั้นจะต้องลดรายจ่ายของภาครัฐลงอย่างมาก และในหลายกรณีต้องเพิ่มภาษีสมทบงบประมาณอีกด้วย โดยมาตรการดังกล่าวต้องไม่กระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจมากนัก เพราะหากการดำเนินการของรัฐทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวลง รัฐบาลก็ต้องลดรายจ่ายลงไปอีกและเพิ่มภาษีขึ้นไปอีกเพื่อให้สามารถปรับลดการขาดดุลงบประมาณได้ตามเป้าหมายที่กำหนดเอาไว้ จึงเป็นเรื่องที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดต่อไปครับ หน้า 34
  3. ธนาคารกลางอังกฤษเตือนวิกฤตยูโรโซนเป็นภัยต่อภาคธนาคารอังกฤษ ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- เสาร์ที่ 26 มิถุนายน 2553 17:53:59 น. ธนาคารกลางอังกฤษเตือนวิกฤตหนี้ยูโรโซนถือเป็นความเสี่ยงที่สำคัญต่อภาคการธนาคารของอังกฤษ พร้อมแนะให้ธนาคารเพิ่มทุนสำรองเงินสดเพื่อเตรียมรับมือหากเกิดปัญหาขึ้น ในรายงานเสถียรภาพการเงินครั้งล่าสุด แบงก์ชาติอังกฤษได้ขานรับมาตรการที่สหภาพยุโรปได้นำมาใช้เพื่อควบคุมวิกฤตไม่ให้ขยายเป็นวงกว้าง แต่ขณะเดียวกันแบงก์ชาติระบุว่า การที่ธนาคารต่างๆของอังกฤษได้เข้าไปลงทุนหรือมีธุรกรรมเกี่ยวข้องกับธนาคารอื่นๆของยุโรปอาจทำให้ธนาคารของอังกฤษตกอยู่ในความเสี่ยงได้ โดยนักลงทุนยังคงวิตกว่าประเทศที่ใช้เงินสกุลยูโรบางประเทศอาจผิดนัดชำระหนี้ ธนาคารกลางอังกฤษระบุว่า ปัญหาหนี้สาธารณะทำให้นักลงทุนเกิดความไม่แน่ใจเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของธนาคารยุโรปบางแห่ง ซึ่งอาจจะส่งผลสืบเนื่องมาถึงภาคการเงินของอังกฤษ ทั้งนี้ ธนาคารของอังกฤษไม่ได้เข้าไปลงทุนโดยตรงในตราสารหนี้ของกรีซและรัฐบาลประเทศอื่นๆในยุโรปที่ได้รับผลผระทบจากวิกฤต อาทิ สเปน โปรตุเกส และไอร์แลนด์ อย่างไรก็ตาม แบงก์ชาติชี้ว่า การลงทุนโดยอ้อมมีอยู่ค่อนข้างมาก อาทิ ธนาคารพาณิชย์ของอังกฤษปล่อยสินเชื่อให้แก่ผู้กู้ในเยอรมนีและฝรั่งเศสเป็นมูลค่าถึงราว 2.66 แสนล้านปอนด์ ซึ่งผู้กู้ในสองประเทศดังกล่าวมีการลงทุนเป็นจำนวนมากในสี่ประเทศที่กำลังประสบปัญหาหนี้ ซึ่งถ้าหากวิกฤตหนี้สาธารณะของประเทศเหล่านี้ทวีความรุนแรงขึ้น ธนาคารของอังกฤษที่เป็นผู้ปล่อยกู้ก็จะได้รับผลกระทบตามไปด้วย
  4. คุณเสมน่ารักและมีน้ำใจมากครับ อีกอย่างคุณเสมเป็นหนุ่มหล่อ หุ่นนักกีฬา โสด(ยืนยันว่าเรื่องจริงนะครับ ลงแบบนี้จะผิดกฏมั้ยครับ ถ้าผิดกฏจะรีบลบครับ)
  5. ผมเข้าซื้อวันจันทร์นี้ครับ เพราะระบบเขียวบ้องแรกครับ
  6. ใช่ครับคุณเสมไม่มีเรื่องอะไรกับใครในwebนี้ครับ คุณกัมพลเจ้าของWEBเป็นคนที่น้องเสมชมเชยเรื่องของนิสัยให้ผมฟังบ่อยว่าน่ารักมาก(ถึงจะไม่เคยเจอกันครับ) จริงๆคุณเสมเคยคุยกับผมหลายครั้งแล้วว่าจะหยุดโพสแต่สุดท้ายก็ใจอ่อนช่วยโพสต่อ คุณเสมมีอะไรที่อยากทำหรือต้องทำอะไรอีกหลายอย่างครับ ลองอ่านดีๆนะครับบรรทัดที่3จากท้ายคำว่า บุญคุณต้องทดแทน แสดงว่าคุณเสมน่าจะไปทำอะไรหรือมีภาระกิจบางอย่าง(ผมเดานะ เพียงแต่ผมอ่านสิ่งที่น้องพูดหลายเที่ยวแล้วมาสะดุดตรงประโยคนี้ เป็นการพูดลอยๆหรือว่าคุณเสมมีภาระกิจบางอย่าง) ขอให้น้องเสมมีความสุขความเจิญยิ่งๆขึ้นไป ขอให้คิดว่าพี่เป็นพี่ชายอยู่เสมอนะมีอะไรให้คิดถึงพี่นะ น้องเสมว่างๆก็นัดเจอกินข้าวกัน
  7. ผมเลือดThaigoldแรงครับ ลองดูบริษัทที่เป็นสปอนเซอร์ให้webเราก่อนมั้ยครับ ถ้าไม่สะดวกค่อยดูบริษัทอื่นครับ GTWMไง อยู่หน้าแรกของบอร์ด บนสุดเลยครับ ข้อสำคัญช่วยบอกด้วยนะครับมาจากWEB.Thaigold
  8. น้องเสมครับ แนะนำแบบนี้ไม่มีทางโดนข้อหาครับ ถ้าโดนพี่ลุยเอง แต่ถ้าแนะนำคนซื้อทองเก็บทุกครั้งที่ย่อ ถึงเวลที่ทองขึ้นกระจาย(พี่เชื่อว่าทองอนาคตดีมาก) ระวังข้อหาพาคนไปร่ำรวยก็แล้วกัน ข้อหานี้น้องเสมรับไปเต็มๆก็แล้วกัน
  9. ก.ล.ต.กล่าวโทษนิติบุคคล-บุคคล 13 ราย หลอกลวงปชช.ซื้อขายทองคำล่วงหน้า ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 24 มิถุนายน 2553 17:09:54 น. รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) แจ้งว่า ก.ล.ต. ได้ดำเนินการกล่าวโทษบริษัท ซี.เอ็น.บี.ซี. (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท ที.เอ็น.เอ็น. (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท จี.แอล.อี. (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท เอ.แอล.ที.ไอ. จำกัด และบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการประกอบธุรกิจของบริษัท รวม 13 ราย ได้แก่ นายศักดา ปันนิตามัย (หรือ ขวัญ/สา/แพท) นายชูเกียรติ ปันนิตามัย (หรือ ต๋อง/แคท) นางสาววรรัตน์ จันทร์โอกุล (หรือ รัตน์/รินทร์/แอ๊ด) นางสาวทัศนีย์ สมทอง (หรือ กี้/อิ่ม) นางสาวกนกวรรณ นาคบาตร์ (หรือ เพ็ญพัชมน/พัชมน พรรณาราย) นางสาวจันทร์จิรา แก่นแสนดี นางสาวณัฐฐา สินธุวานิช นางสาวพลอยนัชชา ทิพย์จิรโรจน์ นายณัฐพงษ์ เอกพันธุ์ นายพิษณุ บุญอาจ นางสาวมนัสนันท์ ปิยพงพันธุ์ นางสาวอินทิรา สืบสังข์ และนางสาวสุภารักษ์ รักษาศรี ในข้อหาประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าโดยไม่ได้รับใบอนุญาต ทั้งนี้ สำหรับประชาชนที่ได้รับความเสียหายจากการติดต่อชักชวนของบุคคลเหล่านี้ ให้แจ้งไปยังกองบังคับการปราบปราม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่โทรศัพท์ 0-2513-1273 เพื่อให้ดำเนินการกับผู้กระทำผิดต่อไป สืบเนื่องจากมีประชาชนเข้าแจ้งความต่อเจ้าพนักงานตำรวจว่า บริษัท ซี.เอ็น.บี.ซี. (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งตั้งอยู่ที่อาคารกมลสุโกศล ชั้นที่ 13 ถนนสีลม แขวงสีลม เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร ประกอบธุรกิจ สัญญาซื้อขายล่วงหน้าโดยไม่ได้รับใบอนุญาตและทำการชักชวนประชาชนให้ซื้อขายสัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้า ทำให้ประชาชนที่หลงเชื่อได้รับความเสียหายเป็นเงินจำนวนมาก ซึ่งกรณีดังกล่าวตรงกับข้อร้องเรียนที่ ก.ล.ต. ได้รับ ดังนั้น เมื่อวันที่ 18 มิ.ย.53 ก.ล.ต. จึงร่วมกับเจ้าพนักงานตำรวจกองบังคับการปราบปรามเข้าตรวจค้นบริษัทตามที่มีผู้แจ้งความ จากการตรวจค้น พบเอกสารชักชวนให้ซื้อขายสัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้า ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลที่ได้รับการติดต่อให้ซื้อขาย และเอกสารเกี่ยวกับการซื้อขายของลูกค้า ซึ่งจากการตรวจสอบเอกสารหลักฐาน ประกอบกับข้อมูลการร้องเรียนและการสอบปากคำบุคคลที่เกี่ยวข้องพบว่า ตั้งแต่เดือน พ.ค.52 เป็นต้นมา บริษัท ซี.เอ็น.บี.ซี. (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท ที.เอ็น.เอ็น. (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท จี.แอล.อี. (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท เอ.แอล.ที.ไอ. จำกัด ได้แสดงตนต่อประชาชนทั่วไป ว่าเป็นตัวแทนซื้อขายทองคำล่วงหน้าของบริษัทโบรกเกอร์ต่างประเทศ และทำการติดต่อชักชวนประชาชนให้เข้าใจว่าการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าดังกล่าวสามารถทำกำไรได้โดยง่าย โดยให้เปิดบัญชีผ่านทางเว็บไซต์ www.sunnybullion.com www.winwoodgroup.com www.thaipalmgold.com และ/หรือ www.bullionhk.com จนมีผู้หลงเชื่อหลายรายโอนเงินให้ ทำให้ผู้ที่หลงเชื่อได้รับความเสียหายรวมกว่า 100 ล้านบาท การกระทำดังกล่าวเข้าข่ายเป็นความผิดฐานประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าโดยไม่ได้รับใบอนุญาต ตามมาตรา 16 แห่งพระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 ซึ่งมีโทษตามมาตรา 125 แห่ง พระราชบัญญัติฉบับเดียวกัน คือ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินสามแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และปรับอีกไม่เกินวันละหนึ่งหมื่นบาทตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืน ก.ล.ต. จึงได้กล่าวโทษบริษัททั้งสี่แห่งและบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้ง 13 ราย ต่อกองบังคับการปราบปราม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นอกจากนี้ ในการตรวจค้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมนายชูเกียรติ ปันนิตามัย และนางสาวกนกวรรณ นาคบาตร์ ด้วย เนื่องจากบุคคลทั้งสองเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญารัชดา ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชนและประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าโดยไม่ได้รับอนุญาต และนายศักดา ปันนิตามัย เคยถูก ก.ล.ต. กล่าวโทษฐานประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าโดยไม่ได้รับอนุญาต ร่วมกับ บริษัทโกรว์ เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด อนึ่ง ประชาชนที่สนใจลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ขอให้เลือกลงทุนเฉพาะกับบริษัทที่ได้รับใบอนุญาตการประกอบธุรกิจอย่างถูกต้อง เพื่อให้ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย โดยสามารถตรวจสอบรายชื่อผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับใบอนุญาตได้ที่เว็บไซต์ของ ก.ล.ต. www.sec.or.th หรือกรณีที่อ้างอิงสินค้าเกษตร ขอให้ตรวจสอบรายชื่อที่เว็บไซต์ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับการซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้า (ก.ส.ล.) www.aftc.or.th และหากได้รับการติดต่อชักชวนจากบุคคลที่สงสัยว่าไม่ได้รับใบอนุญาต โปรดแจ้งเบาะแสมายังศูนย์รับเรื่องร้องเรียนของ ก.ล.ต. ที่โทรศัพท์ 0-2263-6000 หรือ complain@sec.or.th หรือ ก.ส.ล. ที่ enforcement@aftc.or.th เพื่อดำเนินการตรวจสอบต่อไป
  10. ดูเองก็แล้วกันครับ รับรองไม่อนาจารแน่ครับ แต่มองทะลุเห็นชัดเเจ๋วเลยครับ http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9530000086436
  11. ค่าเงินยูโรกำลังจะแย่ คอลัมน์ คนเดินตรอก โดย วีรพงษ์ รามางกูร ประชาชาติธุรกิจ วันที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2553 ปีที่ 34 ฉบับที่ 4220 ข่าวคราวเรื่องเศรษฐกิจของโลกก็คงหนีไม่พ้นวิกฤตการณ์ทางการเงินของยุโรปจะมีทิศทางหันเหไปทางใด ซึ่งคงจะเกี่ยวโยงไปถึงค่าเงินดอลลาร์ ค่าเงินเยน ค่าเงินหยวน และค่าเงินยุโรปอื่น ๆ ไปด้วยอย่างไม่ต้องสงสัย วิกฤตการณ์ทางการเงินในยุโรปซึ่งเริ่มขึ้นที่ประเทศกรีซเมื่อ 2 ปีก่อน ได้ค่อย ๆ ขยายวงออกไปยังประเทศอื่น ๆ ที่ใกล้เคียง จนกลายเป็นกลุ่มที่เรียกว่า PIGS หรือโปรตุเกส อิตาลี กรีซ และสเปน และทำท่าจะขยายไปประเทศอื่นที่ยังไม่ใช้เงินยูโรแทนเงินสกุลของชาติตน เช่น ฮังการี และอังกฤษ สาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดวิกฤตการณ์ซับไพรมหรือหนี้ด้อยคุณภาพ ที่ลุกลามใหญ่โตกลายเป็นวิกฤตการณ์แฮมเบอร์เกอร์ในสหรัฐอเมริกา จนเรื้อรังกลายเป็นเหตุของวิกฤตการณ์ทางการเงินในยุโรป เริ่มขึ้นที่ประเทศที่มีฐานะทางการเงินอ่อนแอที่สุด แล้วก็ขยายไปสู่ประเทศอื่น ๆ ในยุโรปก็คือ ความไม่สมดุลทางการค้าระหว่างประเทศ ในขณะที่ประเทศจีนซึ่งเป็นยักษ์หลับมานานหลายทศวรรษหรือกว่าศตวรรษได้ฟื้นคืนชีพ ประเทศจีนมีพลเมืองมากกว่า 1,300 ล้านคน มีพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาล ในทางภูมิศาสตร์อาจถือได้ว่าจีนเป็นทวีปหนึ่งของโลกก็ได้ เมื่อเศรษฐกิจการค้าของจีนขยายตัวอย่างรวดเร็ว ทั้งในด้านการค้า การผลิต การลงทุนภายในประเทศ การบริโภค รวมทั้งทุนสำรองระหว่างประเทศก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว การที่เศรษฐกิจการลงทุน การบริโภค และทุนสำรองระหว่างประเทศของจีนขยายตัวอย่างรวดเร็ว ก็เท่ากับจีนได้ดูดเอาทรัพยากรทั้งที่เป็นวัตถุดิบ เช่น น้ำมัน ทองคำ แร่ธาตุ และทรัพยากรที่เป็นพลังงาน เพื่อใช้เป็นวัตถุดิบป้อนโรงงานต่าง ๆ ในประเทศจีน ทำให้ราคาสินค้าเหล่านี้มีราคาแพงขึ้นไปเรื่อย ๆ ประเทศอุตสาหกรรมอื่น ๆ เช่น สหรัฐอเมริกา ยุโรป ญี่ปุ่น ก็ต้องใช้ทรัพยากรต่าง ๆ เหล่านี้ ในราคาที่แพงขึ้น อเมริกาและยุโรปจึงกลายเป็นประเทศผู้ใช้ไม่ใช่ผู้ผลิต ขณะเดียวกัน การที่ทุนสำรองของจีนมีปริมาณเพิ่มขึ้นก็เกิดการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานอย่างมหาศาล ทั้งระบบขนส่งมวลชนทางบก ทางทะเล ทางอากาศ ระบบโทรคมนาคม มีการรื้อเมืองเก่าทั้งเมืองแล้วสร้างเมืองใหม่ที่ทันสมัยที่สุดในโลกขึ้นโดยทั่วไป ตั้งแต่เมืองชายทะเลทางด้านตะวันออก เช่น เมืองกว่างโจว เมืองซัวเถา เมืองเสิ่นเจิ้น เมืองเอ้หมึง หรือเซียะเหมิน เซี่ยงไฮ้ เทียนสิน ปักกิ่ง เรื่อยไปถึงเมืองโฉงชิ่งไปที่เมืองลาซา ทิเบต การลงทุนอย่างมหาศาลไม่ได้เกิดขึ้นทั้งเฉพาะในภาครัฐบาล ทั้งรัฐบาลกลาง รัฐบาลของมณฑล จังหวัด และการลงทุนของรัฐวิสาหกิจเท่านั้น แต่การลงทุนของภาคเอกชนทั้งจากต่างประเทศ และการลงทุนของบริษัทจีนภายในประเทศก็เกิดขึ้นอย่างมหาศาล การลงทุนและการบริโภคภายในประเทศเท่ากับการแย่งทรัพยากรของโลกมาใช้ภายในประเทศจำนวนมหาศาล ขณะเดียวกันภาคการผลิตของอุตสาหกรรมของจีนก็มีการเพิ่มพูนประสิทธิภาพจนไม่มีใครแข่งขันกับสินค้าอุปโภคบริโภคของจีนได้ ต่อมาจีนเริ่มส่งออกสินค้าประเภททุน เช่น เครื่องมือ เครื่องจักรกล หัวรถจักรไฟฟ้า เครื่องกำเนิดไฟฟ้า สำหรับโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ ทั้งที่ใช้กับเขื่อนขนาดใหญ่ หรือใช้กับถ่านหิน ก๊าซธรรมชาติ รถยนต์นั่ง รถบรรทุก รวมทั้งจรวดส่งดาวเทียม และอุตสาหกรรมหลักอื่น ๆ จีนได้พัฒนาใช้เองเกือบทั้งหมดและกำลังจะส่งออกสินค้าไปแข่งขันกับยุโรป อเมริกา ญี่ปุ่น ขณะนี้ทิศทางของการค้าของประเทศต่าง ๆ ในภาคพื้นเอเชียตะวันออกกลาง เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเอเชียตะวันออกไกล รวมทั้งออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ จึงมุ่งไปที่จีนแทนที่จะเป็นอเมริกาและยุโรป ไม่เหมือนเมื่อก่อน 20 ปีที่ผ่านมา เมื่อทรัพยากรทั้งที่เป็นวัตถุดิบ และทรัพยากรทางการเงินไหลเข้าไปที่จีนก็เท่ากับว่าทรัพยากรเหล่านั้นก็ไหลออกจากอเมริกาและยุโรป เมื่อเป็นเช่นนี้พื้นฐานเศรษฐกิจการเงินของอเมริกาและยุโรปก็จะต้องอ่อนแอลงเป็นของธรรมดา ในขณะที่พื้นฐานทางเศรษฐกิจของอเมริกาและยุโรปอ่อนแอลง เพราะความสามารถในการแข่งขันในตลาดเศรษฐกิจที่แท้จริง อันได้แก่ ความสามารถในการแข่งขันในตลาดสินค้าและบริการได้ลดลงเมื่อเทียบกับจีนและประเทศที่ฟื้นตัวขึ้นใหม่ แต่มีตลาดที่ใหญ่โตเพราะมีประชากรจำนวนมาก เช่น อินเดีย และรัสเซีย บราซิล และประเทศอื่น ๆ สำหรับสหรัฐอเมริกานั้น โชคดีที่เงินดอลลาร์สหรัฐเป็นเงินตราที่ทั่วโลกใช้เป็นเงินทุนสำรองของประเทศ และบริษัทขนาดใหญ่โดยทั่วไปทั้งโลก เพราะทั่วโลกยังยอมรับที่จะใช้เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน โดยที่ดอลลาร์นั้นเป็นกระดาษแท้ ๆ ที่จะเปลี่ยนเป็นตราสารหนี้ของรัฐบาลสหรัฐอเมริกาได้ สหรัฐจึงสามารถตื้ออยู่ไปได้เรื่อย ๆ โดยการออกพันธบัตรขายให้กับผู้ที่ถือเงินดอลลาร์ เศรษฐกิจของอเมริกาจึงไม่มีทางฟื้นตัวได้อย่างมั่นคง นอกเสียจากอเมริกาค้นพบเทคโนโลยีใหม่ และสามารถผูกขาดได้ตามกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญา ส่วนจะฟื้นตัวได้จากการแข่งขันในตลาดสินค้าและบริการนั้นแทบเป็นไปไม่ได้เลย การตีฆ้องร้องป่าวว่าเศรษฐกิจอเมริกาฟื้นตัวอย่างมั่นคงแข็งแรงแล้วจึงเป็นการโฆษณาชวนเชื่อเท่านั้น ค่าเงินดอลลาร์แข็งขึ้นก็เพราะค่าเงินชาวบ้านอ่อนตัวลงเท่านั้นเอง ถ้ายังไม่เห็นอเมริกาค้นพบเทคโนโลยีอะไรใหม่ ๆ ที่นำมาใช้ในการผลิตได้ก็ไม่มีทางที่เศรษฐกิจของอเมริกาฟื้นตัวได้อย่างมั่นคง ในขณะเดียวกัน ยุโรปก็ประสบกับปัญหาอย่างเดียวกับที่ตนเคยทำกับอเมริกา คือ ขายของให้อเมริกามากกว่าซื้อจากอเมริกา แต่นัดนี้โดนจีนแย่งเอาไป แม้แต่ผู้ผลิตภายในยุโรปเอง ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมเบาหรืออุตสาหกรรมหนัก กำลังถูกจีนแย่งตลาดและตีตลาดของตนไป เมื่อจีนจะซื้อของหนัก ๆ ใหญ่ ๆ แพง ๆ จีนจะตั้งเงื่อนไขว่าต้องถ่ายทอดเทคโนโลยีให้จีน ต้องให้แกะชิ้นส่วนทุกอย่างออกดู และต้องสอนให้จีนผลิตให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องกำเนิดไฟฟ้า โรงไฟฟ้าปรมาณู รถไฟหัวกระสุน ดาวเทียม และอื่น ๆ ไม่ช้าไม่นานจีนก็ผลิตได้เอง และทำท่าจะส่งออกไปตีตลาดสินค้ายุโรปในภูมิภาคเอเชียและอื่น ๆ ด้วย เมื่อสถานการณ์เป็นอย่างนี้ ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่กระทบกระเทือนเศรษฐกิจและการเงินในทวีปยุโรปโดยทั่วไป ระบบเศรษฐกิจยุโรปเป็นระบบที่แปลก คือ ประเทศสมาชิกต่าง ๆ ยังเป็นประเทศเอกราช มีอิสระในทางการคลัง กล่าวคือ รัฐบาลแต่ละประเทศเป็นผู้รับผิดชอบในการบริหารประเทศในการเก็บภาษี และในการตั้งงบประมาณใช้จ่าย มีธนาคารกลางคอยดูแลทุนสำรองระหว่างประเทศ แต่ไม่มีเงินตราของตนเอง ที่อยู่ในเขตยูโร หรือ Euro-zone ใช้เงินยูโรซึ่งเป็นเงินของสหภาพเป็นทุนสำรองและสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน ประเทศต่าง ๆ ในสหภาพยุโรปจึงไม่มีเครื่องมือทางการเงินในการแก้ปัญหา กล่าวคือ ไม่สามารถดำเนินนโยบายทางการเงินที่สำคัญ อันได้แก่ อัตราแลกเปลี่ยน และอัตราดอกเบี้ย ซึ่งเป็นเครื่องมือที่สำคัญและมีประสิทธิภาพที่สุดในการแก้ไขปัญหาวิกฤตการณ์ทางการเงินได้ ถ้ายุโรปรวมกันเป็นประเทศเดียวจริง ๆ แบบมลรัฐต่าง ๆ รวมกันเป็นประเทศเดียวแบบสหรัฐเสีย ก็จะไม่มีปัญหาเสถียรภาพทางการเงิน เพราะหนี้สาธารณะส่วนใหญ่เป็นหนี้ของรัฐบาลสหรัฐ ไม่ใช่หนี้ของมลรัฐ หรือเทศบาล แต่ในยุโรปหนี้สาธารณะยังเป็นหนี้ของรัฐบาลแต่ละประเทศอยู่ เมื่อมีข่าวว่าฐานะทางการคลังของประเทศใดประเทศหนึ่งอ่อนแอ อาจจะชำระหนี้ไม่ได้ ราคาพันธบัตรของประเทศก็ลดลงอย่างรวดเร็ว ผู้มีเงินฝากในธนาคารพาณิชย์ในประเทศที่มีปัญหา เช่น กรีซ โปรตุเกส อิตาลี สเปน ก็จะพากันแห่ไปถอนเงินจากธนาคารพาณิชย์ในประเทศที่มีปัญหา นำไปฝากประเทศที่มีความมั่นคงกว่า เช่น ธนาคารพาณิชย์ในเยอรมนี ฝรั่งเศส หรือไม่ก็นำไปแลกเป็นทองคำ เงินดอลลาร์สหรัฐ หรือเงินสกุลหลักของโลกสกุลอื่น เช่น เงินเยนของญี่ปุ่น นโยบายที่ประเทศเหล่านี้จะทำได้ก็คือ นโยบายทางการคลัง อันได้แก่ การลดค่าใช้จ่ายของรัฐบาล ตัดงบประมาณแผ่นดินลง ปลดคนออกจากราชการ ขึ้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและนิติบุคคล ส่วนภาษีมูลค่าเพิ่มก็เพิ่มไม่ได้เพราะใช้อัตราเดียวกันทั้งยุโรป ถ้าจะเปรียบเทียบนโยบายการเงินนั้นเหมือน "ยาปฏิชีวนะ" ส่วนนโยบายการคลังนั้นเหมือน "ยาหม้อ" ยาปฏิชีวนะนั้นได้ผลชะงัด แต่มีผลข้างเคียงสูง ส่วนยาหม้อมีผลข้างเคียงต่ำ แต่ไม่ได้ผลชะงัด เมื่อราคาพันธบัตรของบางประเทศมีราคาต่ำลง ผู้ถือขาดทุนไม่คุ้มดอกเบี้ย เครดิตของธนาคารลดลง จะขึ้นดอกเบี้ยก็ไม่ได้เพราะใช้เงินยูโรด้วยกัน จะมีดอกเบี้ยต่างกันก็คงไม่ได้ มองไปข้างหน้าค่อนข้างมืดมน ค่าเงินยูโรเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐ เงินเยนจึงน่าจะมีค่าต่ำลงไปเรื่อย ๆ ถ้าจะให้เดาค่าเงินยูโรคงจะเท่ากับค่าเงินดอลลาร์ก่อนสิ้นปีนี้หรืออย่างช้ากลางปี 2554 เมื่อเงินดอลลาร์ถูกหิ้วให้มีค่าสูงขึ้น เงินเยนก็คงมีราคาสูงขึ้น เงินสกุลอื่น ๆ ในเอเชียของเราน่าจะมีค่าอ่อนลงเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐ หรืออย่างน้อยก็ไม่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐเหมือนกับที่ผ่านมา แต่เงินหยวนก็คงจะผูกติดกับดอลลาร์ต่อไป ถือโอกาสไม่ขึ้นค่าเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ ความผันผวนทางการเงินข้างหน้าคงจะมีอีกมากและนาน
  12. ตลาดเก็งกำไรมีเทรนด์ ซื้อเมื่อขึ้นผ่านPrevious High ขายเมื่อลงผ่านPrevious Low

    ไม่สนใจข่าวสาร(อ่านเพราะชอบเท่านั้น)ไม่กลัว แต่ไม่โลภ

    ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยเดิมเสมอ

    ธรรมชาติบอกทุกอย่างหมดแล้วแต่การมองให้ออกนั้นยาก

  13. ตลาดเก็งกำไรมีเทรนด์ ซื้อเมื่อขึ้นผ่านPrevious High ขายเมื่อลงผ่านPrevious Low

    1. ส้มโอมือ

      ส้มโอมือ

      ตลาดเก็งกำไรมีเทรนด์ ซื้อเมื่อขึ้นผ่านPrevious High ขายเมื่อลงผ่านPrevious Low

      ไม่สนใจข่าวสาร(อ่านเพราะชอบเท่านั้น)ไม่กลัว แต่ไม่โลภ

      ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยเดิมเสมอ

      ธรรมชาติบอกทุกอย่างหมดแล้วแต่การมองให้ออกนั้นยาก

×
×
  • สร้างใหม่...