ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

boyles

ขาใหญ่
  • จำนวนเนื้อหา

    1,797
  • เข้าร่วม

  • เข้ามาล่าสุด

  • วันที่ชนะ

    6

ทุกๆอย่างที่โพสต์โดย boyles

  1. ขอบคุณครับ แต่ผมก็ไม่ได้แม่นมากนะครับ ผมมั่นใจว่า GURU คนอื่นเนี่ย อยู่ตลาดมามากกว่าผมแน่นอน และประสบการณ์มากกว่าแน่นอน ผมว่าสิ่งที่เราได้จากหลายๆ GURU ก็คือสไตล์ที่แตกต่าง พอเราศึกษาไปเรื่อยๆ เราจะเริ่มรู้แล้วว่าเราชอบเล่นสไตล์ไหน เล่นสั้น กลาง ยาว ที่เราเทรดแล้วสบาย เป็นตัวของตัวเอง ที่สิ่งเดียวที่จะตอบได้คือ การเทรดเอง และเราจะตอบตัวเองได้ในที่สุด ส่วนเรื่องที่ทำ VDO เพราะบางทีสิ่งที่ผมจะสื่อ มันเยอะเหลือเกินเลย ทำเป็น VDO สะเลย ^^ โดยส่วนตัว ผมก็ยังต้องเรียนรู้ไปเรื่อยๆ เช่นกัน ยังมีอีกหลายอย่างที่จะเรียนรู้ ที่จะเป็น trader ที่ดี ยังไงก็ขอเป็นกำลังใจให้มือใหม่ทุกท่าน และน่าจะทำให้การเทรดทางเทคนิคดูมีหลักการ และนำไปใช้ได้จิง (บางคนก็เรียกว่าปาหี่ - -! เหมือนหลอกลวง) 1. มาดูกราฟ คราวที่แล้ว ผมพลอต RSI จาก investor forum 4 hrs แล้ว ค่า RSI มันเพี้ยน เลยเอามาใหม่ มันก็เริ่มทำสัญญาณอ่อนตัวแล้วเช่นกัน ราคาปิดวันนี้ เราจะมาดู Candlestick กัน ส่วนใครเล่นผมแนะนำเล่นสั้น ตี Trendline ลักษณะนี้ก็ได้ครับ หลุดก็ออก ง่ายๆครับ หลักการที่ Larry williams สอน ง่ายๆ ลากจาก low 2 low เชื่อมกันจบ เดี๊ยววันนี้กราฟไม่ได้เปลี่ยนอะไรมาก ผมจะทำ VDO พูดถึงเรื่อง RISK/REWARD ทำไมจุดนี้ไป ผมถึงหยุดเล่น ถ้าเล่นก็เล่นน้อยๆ ส่วนตัวผมไม่ค่อยชอบการเทรดที่สภาวะใกล้แนวต้าน ความผันผวนสูง ผมจะรอจังหวะมากกว่า ยึดคติ ต้องรู้จักรอ ถ้าความเสี่ยงของเราเกินกว่าที่ตัวเองจะรับได้ ต้องรอให้เป็น ^^ (waiting is the hardest part of trading ยากจิงครับ) โควต้า หมดอีกแล้ว - -! บ่ายๆ รอเวลา post ได้อีกที BOYLES
  2. 1.ถ้าใครเล่นหลุด Trend line ก็เอาเป็นจุด STOP ก็ได้นะครับ ผมคงจะรอดูมากกว่าครับ 2. Divergence สัญญาณการอ่อนลง ไม่ได้ตีความหมายว่ามันจะลงนะครับ แต่หมายความว่าแรงซื้อเริ่มชะลอตัว และให้เราระวังมากขึ้น แรงขายแรงๆ หลังจาก divergence มีโอกาสย่อลึก Boyles
  3. แวะมาเยี่ยมเยียน สภากาแฟ สนุกสนาน ^^
  4. Update VDO GC 18-1-2012 ทำเสร็จล่ะครับ ^^ ขอบคุณทุกท่านนะครับ ที่ให้กำลังใจ วันนี้ โพสน์ไม่ได้แล้้ว โพสได้อีกทีตอนเย็น มือใหม่ โควต้าการ post มีจำกัด มาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นได้ตลอดนะครับ http://youtu.be/qAyzoSMO6to ตอบคุณ Phormaew ก่อนครับ ปกติผมไม่ค่อยอ่านข่าวเทรดอ่ะครับ แต่ก็พออ่านข่าวภาพกว้างๆบ้าง สิ่งที่จะมา Support ทองขึ้น มองว่าน่าจะเป็นพวก QE มากกว่า พวกเงินที่จะอัดฉีดเข้าระบบ ไม่ว่าจะถูกเรียกว่าอะไรก็แล้วแต่ แต่ช่วงนี้สิ่งที่น่ากังวลที่ผมมองคือ อเมริกาใกล้เลือกตั้ง ผมเลยคิดว่ามันน่าจะยากที่จะมีนโยบายไรพวกนี้ออกมา ส่วนที Support ที่ทำให้ทองขึ้น ผมมองว่า ผมจะดู Flow ของ COT รายใหญ่ และ กองทุนมากกว่า ถึงแม้ตอนนี้ รายใหญ่ ธนาคารกลางเก็บของ แต่พวกนี้เก็บของด้วยช่วงที่กว้าง แต่กองทุน โดยส่วนใหญ่ยังอยู่นอกตลาด ดังนั้น การวิ่งโดยที่กองทุนยังไม่เข้าเนี่ยก็ลำบากเหมือนกัน เพราะกองทุนหลายๆครั้งก็เป็น ผู้ Lead ตลาดทอง การขึ้้นช่วงนี้ ผมมองว่ามันก็ไม่ได้เยอะอะไร เพราะเทียบกับตอนที่มันลงมาก็ เกือบ 300 เหรียญ ขึ้นมา 100 กว่าเหรียญเอง คนติดดอยข้างบนยังเยอะครับ ยังไม่ขึ้นง่ายๆนะครับ คิดว่า ส่วนเรื่องนักวิเคราะห์ ฟังไว้เป็น Idea พอครับ อย่าไปเชื่อมาก แผนการเทรดของตัวเองสำคัญที่สุดครับ หลายๆครั้งที่ Indicator พวกนักวิเคราะห์ Bullish ตลาดมักจะลง และเมื่อนักวิเคราะห์ Bearish ตลาดจะขึ้น พวกนี้ต้องดูคู่กับ Fund flow COT ด้วย พวก Indicator Sentiment นักวิเคราะห์ก็แสดงให้เห็นหลายทีว่า มักจะผิด ผมขออนุญาตไม่ฟันธงนะครับ ว่าจะลงแรงไหม คงเล่นไปตามกราฟเรื่อย Larry สอนไว้ว่า you trade what you see (เทรดในสิ่งที่อยู่ตรงหน้าคุณ) ^^ แม้กระทั่งตัวผมเอง ก็อย่าเชื่อมากนะครับ ให้ฟังไว้เป็น Idea และตัดสินใจด้วยตัวเองอีกรอบ และเรียนรู้ไปกับมัน ปล. ผมเทรด Future มาตลอด สิ่งเดียวที่ผมแนะนำมือใหม่ได้ในเรื่อง Future คือเรื่อง ไม่ Overtrade ทำยังไง ไปดูใน Thaigold หน้า 2 นะครับ Boyles
  5. ขอบคุณเพื่อนๆ ทุกคนนะครับ มีกำลังใจอีกโขเลย พอดีจะทำ VDO มาเห็นกระทู้นี้เข้าเลย ขอตอบ ขอ Share idea ของผมดีกว่า นะครับ ผมเคยเขียนบทความเกี่ยวกับทองไปบ้าง เลยอยากเอามา Share นะครับ หวังว่าคงจะได้ Idea นะครับ แล้วรอฟังท่านอื่นมา Share ด้วยนะครับ อันแรก ผลตอบแทน ทอง VS ฝากประจำ เงินฝากประจำ VS ทอง ลองดู เผื่อเป็น IDEA เรื่องที่น้องบอยถาม บอกปีผลตอบแทน ทองก็ติดลบ ถ้านับย้อนหลังไป 30 ปี บางปีก็น้อยก็เงินฝากประจำ ตรงนี้ต้องศึกษาให้ดีก่อน ผลตอบแทนเฉลี่ยเงินฝากประจำ จากการทบต้น 82 % คิดย้อนหลัง 15 ปี ผลตอบแทนเฉลี่ยทอง จากการทบต้น 400 % คิดย้อนหลัง 15 ปี ส่วนข้อดี ข้อเสีย ก็ต้องลองคิดให้ดี อย่างพวก สภาพคล่อง การโดนโขมย การหาที่เก็บ เงินฝากข้อดี คือได้ชัวร์ มาก น้อยอีกเรื่อง เอาเงินออกมาหมุนได้เรื่อยๆ ถ้าฉุกเฉิน แต่ถ้าเป็นทองอาจจะต้องมองเป็นการลงทุนระยะยาวมากกว่าเพราะ ถ้าปีไหนติดลบ เราอยากใช้เงินฉุกเฉิน เราก็ต้องขายขาดทุน แต่จากตารางก็แสดง ความแตกต่างระหว่างผลตอบแทนของฝากประจำ และทองอย่างชัดเจนแล้ว ส่วนในอนาคต มันอาจจะไม่เป็นอย่างนี้ก็ได้ ห้ามประมาท แต่ถ้าถือเผื่อป้องกันเรื่องค่าเงิน หรือเพิ่มความมั่นคั่ง ก็อีกจุดประสงค์นึง ก็ต้องดูจุดประสงค์ด้วย ยังไงทองก็เป็นสกุลนึงในโลกที่ได้ยอมรับกันทั่วโลก มากกว่าค่าเงินไทย การสะสมทองก็น่าจะสมเหตุ สมผลอยู่ดี เพราะเงินทองใช้กัน เป็นร้อยปี เงินกระดาษใช้กันมาไม่กี่สิบปี ไม่รู้จะยังใช้ไปอีกนานแค่ไหน หรือจะเปลี่ยนอีกอย่างไร ลงทุนในทอง น่าจะไม่ได้คิดผลตอบแทนในเรื่องการลงทุนเท่านั้น แต่น่าจะหมายถึงการสะสมความมั่งคั่งเช่นกัน แต่ก็ขึ้นอยู่กับมุมมอง ถ้าคนมองแต่เรื่อง Cash Flow เหมือนหนังสือบางเล่ม ก็อาจจะไม่สนใจ ก็เป็นมุมมองใคร มุมมองมัน ลองดูนะครับ ครั้งหน้า เราจะมาดูเรื่องปัจจัยที่ทำให้ทองขึ้นลง และ COT ที่มีผลต่อการดู FLow ของสินค้า Commodity กันครับ อันที่สอง มาต่อกันเรื่องของ Gold นะครับ หลังจากดูผลตอบแทนของทองไปแล้ว ย้อนหลัง 15 ปี อันนี้ ผมเลยเอาให้ดูเพิ่มนิดนึงนะครับ ก่อนเราจะเริ่ม สะสมทอง ผมว่าเราน่าจะเริ่มเข้าใจก่อน คือ 1. ไม่มีใครรู้อนาคต บทความที่เราฟัง เราอ่าน คือการคาดการณ์ ในช่วงเวลานึง ดังนั้น ผมเลยอยากให้ดูสักนิด จากในรูป ที่ผมวงกลมไว้ ถ้าเราถือทองในช่วงนี้ เราจะได้ผลตอบแทน -20% ถึง 5% ในระยะเวลา 3-4 ปี เราอาจน้ำตาตกมานั่งเครียด หรือโทษตัวเองว่าทำไม ไม่ถือหุ้น หรือฝากประจำ บลาๆๆๆๆ แต่อย่างที่บอกครับ ในระยะยาว ทองก็ถือเป็นทรัพย์สินที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ และใช้กันมาอย่างยาวนาน และได้รับการยอมรับมากที่สุด การถือในลักษณะ Dollar cost average เป็นการถือแบบสะสมไปเรื่อยๆ น่าจะเป็นการสร้างความมั่นคั่งได้ดีอีกทางนึง 2. ต้องรู้ด้วยว่า ทองไม่ได้ขึ้นเป็นเส้นตรง ทุกปีนะครับ หรืออย่าง Jim Sinclair ก็บอกไว้ว่า การเล่นทองไม่เคยง่ายครับ ดังนั้น ผมค่อนข้างหลีกเลี่ยงการใบ้ ในอนาคตเราจะได้เห็นทองที่ 2000 เหรียญขึ้น ถึงแม้ผมจะเชื่ออย่างนั้นก็ตาม (สำหรับนักลงทุนใหม่ มันถือว่ามันคือกับดัก การยึดติดราคา ดังนั้นทองราคา 1600 ซื้อไปสิ ถูกจะตาย ถึงแม้เราจะลงทุนระยะยาว แต่ถ้าวันข้างหน้า เราเห็นทองวิ่งอยู่ที่ 1400 นักลงทุนใหม่ ผมไม่คิดว่าจะยอมรับ และไม่รู้สึกผิดหวัง การมีแผนการเทรด และเข้าใจปัจจัยการขึ้นลง ของทองจึงเป็นเรื่องสำคัญเช่นกัน) 3. เรื่องของการสร้างความมั่งคั่ง และความเสี่ยง แน่นอนเราต้องพูดถึงเรื่องการเก็งกำไรด้วยเช่นกัน ถ้าพูดถึงเรื่องเงินฝากประจำ แน่นอน ความเสี่ยงต่ำมากๆๆ ในทางกลับกันผลตอบแทนจึงต่ำ ดังนั้น เราไม่สามารถสร้างความมั่งคั่งจากเงินฝากได้แน่นอน ยกตัวอย่าง พัธบัตรรัฐบาลของกรีกให้ผลตอบแทนระดับ 14% ต่อปีเลยทีเดียว ผลตอบแทนสูง ความเสี่ยงสูง ท้ายที่สุด เราได้ดอกเบี้ยสูง แต่เราไม่เหลือเงินต้นแทน แต่อยากที่บอกครับ ข้อความที่ผมชอบมากที่สุดคือ การเก็งกำไรที่ถูกต้องเพียงแค่ 1-2 ครั้ง ในชีวิตเราก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เรามั่นคั่งได้ ชาวสวิสเป็นคนเขียน ชาวสวิสเป็นชาติที่ประสบความสำเร็จมากชาตินึง ในเรื่องการเก็งกำไร ดังนั้น ทองมีความเสี่ยงแน่นอน แต่ถ้าเรายอมรับไม่ได้ เราก็ต้องฝากประจำต่อไป ซึ่งแน่นอนไม่มีทางที่เราจะรวย และสร้างความมั่นคั่งในชีวิตแน่นอน เดี๊ยวเราลองมาดู ความแตกต่างระหว่างความเสี่ยงของหุ้น และ Commodities กันบ้าง แต่ทองก็ค่อนข้างก่ำกึ่ง เพราะน่าจะหนักไปทาง Currency มากกว่า สิ่งที่น่าสนใจ คือ ถ้าเรานับย้อนหลังไปหลายร้อยปี commodities เทรดกันมานานแล้ว แน่นอน commodities จะไม่มีวันเป็นศูนย์ (แต่เราเล่น margin เรามีสิทธิเป็นศูนย์) หุ้นถ้าถือผิดตัวเวลาผ่านไป อาจจะเป็นศูนย์ได้ และในทางกลับกัน ถ้าคนเราขาดน้ำตาลอยู่ได้ อยู่ไม่ได้ แต่ถ้าขาดหุ้น IBM อยู่ได้ครับ เบื้องต้นของความแตกต่าง 2 ตลาดครับ คือเรื่องระยะเวลาการเทรด ที่เขียนตรงนี้มาเพราะ กลับไปที่เรื่องของความเสี่ยงอีกครั้ง ระหว่างทอง หุ้น ฝากประจำ การเก็บทองจึงน่าสนใจที่สุดเพราะ อย่างมากมูลค่าของมันก็ลดลง แต่ไม่มีทางที่มันจะเป็นศูนย์ ไม่เหมือนหุ้น และถ้าโชคดี เราก็ยังสามารถเพิ่มความมั่นคั่งให้ตัวเองในทางที่ปลอดภัยที่สุดด้วยเช่นกัน 4. อันนี้จะเป็น เทคนิคนิดนึง การศึกษา COT ในการเทรดตลาด Commodities และ Forex สำคัญมาก นอกจากปัจจัยพื้นฐานแล้ว commodities จะลงหนักอย่างไร มันก็ไม่มีทางเป็นศูนย์ ดังนั้น การศึกษา COT และ OI จึงเป็นเรื่องสำคัญในการดู Fund Flow หรือคล้ายๆกับเล่นหุ้นตามฤดูกาล ลงถึงจุด จุดนึงมันก็ต้องขึ้น ยังไงของเหล่านี้คล้ายๆ ปัจจัย 4 ที่คนต้องกิน ต้องใช้ เดี๊ยวเรามาดูปัจจัยที่ทองให้ ทองขึ้นและลงบ้าง 1. อัตราดอกเบี้ย ผลของการกอบกู้ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำที่กำลังเกิดขึ้นทั่วโลก ทำให้ธนาคารชาติ ของ ประเทศต่างๆ ต้องลดอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับต่ำสุดและคงดำรงอยู่จนกว่าภาวะเศรษฐกิจจะดีขึ้น 2. อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ เป็นปัจจัยที่สำคัญในการทำให้ราคาทองในช่วงเจ็ดปีที่ผ่านมาสูงขึ้น ประเทศอินเดียและประเทศจีนเป็นประเทศที่มีการเติบโตในระดับสูงและเป็นประเทศที่มีการบริโภคทองคำสูง สุดในโลก 3. การขาดความเชื่อมั่นในเงินดอลลาร์สหรัฐ เป็นอีกปัจจัยที่มีบทบาทสำคัญที่ทำให้ราคาทองคำสูงขึ้น เงิน ดอลลาร์สหรัฐมี 2 บทบาทบทบาทแรก เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน (medium of exchange) บทบาทที่ สอง คือใช้สะสมความมั่งคั่ง 4. อัตราเงินเฟ้อ เป็นภาวะที่ทำให้ค่าเงินเสื่อมค่าหรืออำนาจซื้อของเงินเสื่อมค่าวิธีการป้องกันแนวทางหนึ่ง คือหันไปซื้อสินทรัพย์ที่ค่าของมันไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเงินเฟ้อ ทองคำเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ประเภทดัง กล่าว 5. ผลตอบแทนระหว่างหุ้น ตราสารหนี้ และทองคำ สินทรัพย์ทั้งสามให้ผลตอบแทนต่อผู้ที่สะสมความมั่งคั่ง ในรูปของสินทรัพย์ทางการเงินทั้งสาม 6. การเก็งกำไรของกลุ่ม Hedge Funds เป็นอีกปัจจัยที่ผลลักดันที่ทำให้ราคา ทองคำและน้ำมันปรับตัวสูง 7. การตัดสินใจซื้อหรือขายของสถาบันที่สะสมทองคำ ซึ่งได้แก่ธนาคารชาติของแต่ละประเทศ หรือ IMF เป็นต้น ตัวอย่างเช่น ในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจในเอเชียปี 2540 ธนาคารชาติของหลายประเทศในเอเชียนำทอง มาขายเพื่อเติมดอลลาร์สหรัฐให้กับระบบเศรษฐกิจ 8. สงครามหรือการขัดแย้งการเมืองระหว่างประเทศ จะมีผลต่อราคาทองคำ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าคู่กรณี เป็นเจ้าของบ่อน้ำมัน ในภาวะวิกฤตมีสิ่งเดียวที่จะไว้ใจได้คือ ทองคำ ไม่ใช่สินทรัพย์อย่างอื่น หรือ แม้แต่พระเจ้า “In Gold We Trust” ไม่ใช่ “In God We Trust” ปัจจัยอ่านเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thaistock...2010/f0004.html บทความที่ผมเขียนไปนี้ อยากสรุปว่า ไม่มีใครรู้จริงๆ ไตร่ตรองให้ดีก่อน วางแผนให้ตัวเอง ABC ห้ามมีแผนเดียว อย่าเชื่อเพราะเพียงว่าเขาเก่ง หรือประสบความสำเร็จแล้ว เราจะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจทีหลัง จะเล่นทอง สะสมทอง ตอบตัวเองถึงวัตถุประสงค์ให้ดีก่อน ศึกษา ให้รอบคอบ ฝากไว้ครับ ^^ คิดอะไรออก เดี๊ยวเขียนใหม่ครับ Boyles
  6. พอได้ IDEA ในการเทรด Week นี้ล่ะครับ Candlestick ดูน่ากังวลทีเดียว แต่เดี๊ยวบ่ายๆ มาทำเป็น VDO ดีกว่าจะได้เห็นภาพ รูปแบบ Candlestick ที่แนวต้านที่เราต้องระวัง โชคดีในการเทรดครับ Boyles
  7. เหลือ Upside Gain อีกไม่เยอะนะครับ รวมถึง Time Frame 4 Hrs ก็ดูไม่ค่อยดี ก็อยากให้ระวังอยู่ดีนะครับ หวังว่าคงไม่ทำให้ตกรถกันนะครับ - -! Boyles
  8. ไม่เป็นไรครับ ^^ ไม่ serious ครับ มาคุย แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันหนุกๆ ก็พอครับ ^^ มีอีกนิดนะครับ ยังไงก็ยังอยากให้ระวังการเทรดอยู่ดี ช่วงนี้ตลาดอเมริกา กำลังเข้าสู่ Short Side แต่เขาไม่ได้พูดถึงทอง แต่ถ้า Panic หนักๆ ยังไงก็น่าจะโดนทุกตลาดอยู่ดี เพราะปัญหาเรื่อง Liquidity และ Margin วันนี้ ราคาปิดที่ออกมาวันนี้น่าจะได้ Idea สำหรับ Gold ว่า CandleStick จะออกมารูปแบบไหน น่าจะพอได้ Idea ในการเทรดทั้งอาทิตย์ มีข้อความอีกนิด On the short side I see the Commercial Index for the E-minis has dipped to the sell side while the Advisors are 81% bullish. I expect a dip until the first week of February. (2012) Larry williams โชคดีครับ Boyles
  9. Update VDO GOLD ครับ 16-1-2012 http://youtu.be/88TbltGnQnI สรุปใน VIDEO คร่าวๆนะครับ เราจะ concentrate การเล่นฝั่ง Long อยู่ และความคิดเห็นส่วนตัวผมมองว่า การย่อของทองลงไปในระดับ 1580-1610 น่าจะเป็นโอกาสในการเล่น ซึ่งคิดว่ามีโอกาสเกิดภายใน 1-2 อาทิตย์ข้างหน้า การเล่นในช่วงนี้ ถ้าเล่น Long ให้เล่นน้อย หรือเพิ่มความระวังในการเล่นมากหน่อย เพราะอยู่ที่แนวต้านของ FIBO และ Candlestick แล้ว (การเล่นเหนือ 1550 น่าจะเจอแกว่งพอสมควร) เกือบลืม สวัสดีครับ ^^ ผมคิดว่าตอนนี้ ไม่น่าเข้าเกณฑ์อะไรนะครับ โชคดีการเทรดกันนะครับ Boyles ^^
  10. เนื่องจาก อเมริกาหยุด วันนี้ ผมเลยทำ VDO เรื่อง GARTLEY PATTERN มาเรียนรู้กันครับ http://youtu.be/ZDtiPWGHmkc พอดีลืม อธิบายรูปนี้ ด้วย แนบเอาไว้คู่กันล่ะกัน - -! ปล. ย่อรูปได้ไหมอะครับ ดูมันใหญ่มากเลย - -! Boyles
  11. 15-1-2012 พรุ่งนี้ ตลาดอเมริกาปิด ทองก็คิดว่าน่าจะปิดเหมือนกัน เลยขอ Up หุ้นทางฝั่งอเมริกาหน่อย เพราะมันสั้นมากเลย ไม่ได้ทำ File Video นะครับ หุ้นอเมริกา สัญญาณไม่ค่อยดีด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้นะครับ 1. ราคาทำ High แต่ Indicator สีเขียวบนราคา ไม่ทำ High ตาม ดูแล้วน่ากังวล 2. Fibo ในกราฟ S&P ใกล้ถึง Target มากๆแล้ว บริเวณ 1600 ต้นๆ 3. Commercial ผู้เล่นรายใหญ่ในตลาด Bearish 4. นักวิเคราะห์ Bullish เส้นสีเขียวด้านล่าง (เป็นสัญญาณอันตราย ถ้าเจอร่วมกับรายใหญ่ Bearish) ตามความคิดส่วนตัว อยากให้ระวังตลาดอเมริกา Pull back สัก 1-2 สัปดาห์ แล้วเราค่อยดูกันอีกที ผมเลยคิดว่าตลาดทอง ที่ตอนนี้ อยู่บริเวณแนวต้านแล้ว ก็น่ากังวลเช่นกัน ช่วงนี้ น่าจะใจเย็นๆในการเล่น หรือเพิ่มความระมัด ระวังในการเล่น หรือ รอจังหวะที่ดีในการลงทุน ก็น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีนะครับ ปล. EURO FX COT BULLISH น่าสนใจหาสัญญาณกลับตัว แต่ไม่รู้ว่ามันจะเกี่ยวกับทอง หรือ ค่าเงิน Dollar อะไรหรือเปล่านะครับ แต่ผมว่า อย่าไปสนใจมากเลยครับ Boyles
  12. 15-1-2012 ว่างล่ะ สรุปๆล่ะกันนะครับ แปลคงไม่ไหว มันยาวเหลือเกิน จาก Guild Investment ถ้าแปลผิด หรือคำไม่สวยก็ขออภัยะนะครับ เขาคาดว่าจะมีบางประเทศจะต้องออกจากกลุ่ม Eurozone สภาพคล่องของแบงก์มีความสำคัญมากกว่าหนี้สะสมของรัฐบาล ในความคิดเห็นเขาสภาพคล่องของระบบ bank มีความสำคัญมากต่อคนทั่วไป และมากกว่างบประมาณแผ่นดินที่ประกาศออกมาแย่ๆ ซึ่งคนส่วนใหญ่ยังค่อยเข้าใจ มาดูตลาดอินเดียวกันบ้าง การคอรับชั่นใน India มีมานานมากแล้ว สรุป คือ เริ่มมีการพูดถึง และต่อต้านกันในวงกว้างมากขึ้น แต่ดูเหมือนมันก็ยากที่จะผ่านสภาในอินเดีย แต่อย่างน้อยการช่วยเหลือภาคธุรกิจด้วยมาตราการต่างๆ และการผ่อนคลายๆที่มากขึ้น จะช่วยให้ตลาดหุ้นอินเดียขึ้นมหาศาลเลยทีเดียว มาดูทางจีนบ้าง เมื่อปลาย Q4 2554 จีนได้ผ่อนผันมาตราการช่วย Bank มากขึ้น พวกเราก็ได้เห็นความพยายามในการกระตุ้นเศรษฐกิจในจันมากขึ้น และจีนแน่นอนยังเป็น VIP ในตลาดโลก พวกเราคาดหวังว่าจันจะโตไม่เยอะในอีก 2-3 เดือนข้างหน้า แต่ในครึ่งปีหลังจีน น่าจะกลับมาแข็งแกร่งอีกครั้ง จากการที่เงินเข้ามาในระบบเริ่มส่งผล มาดูเรื่องน้ำมัน ความไม่สงบในตะวันออกกลางยังคงไม่มีท่าทีว่าจะจบลงง่ายๆ เมื่อใดก็ตามที่เกิดการย่อตัวลงของน้ำมัน คือโอกาสการเข้าซื้อ ของนักลงทุน และนั้นคือเหตุผลว่าทำไม บริษัทน้ำมันจึงเริ่มมีการลงทุนทางเหนือของอเมริกา และแคนาดามากขึ้น ทางฝั่งอเมริกา โปรเจคการเดินท่อส่งน้ำมัน ทางตอนเหนือไปยังแคนาดา ได้ถูกต่อต้านอย่างหนักจากกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เนื่องจากปัญหาการรั่วซึม แต่เราก็เชื่อว่า การโต้แย้งในเรื่องนี้ ความอันตรายในเรื่องการรั่วซึม การแตกของท่อส่งนี้จะไม่อันตรายจนมีน้ำหนัก ที่ทำให้ โปรเจคนี้ต้องหยุด และการโต้แย้งระหว่างผลได้ และผลเสียจะถูกยกขึ้นมาพูด โดยผลประโยชน์จะรวมถึงงานเป็นแสนๆ ที่จะเกิดขึ้น การมีพลังงานเป็นของตัวเอง การจ่ายค่อพลังงานที่ลดลง ความมั่นคงทางการทหารด้วยเช่น เราขอยกตัวอย่าง ซาอุมีประชากร 18 ล้านคน และเป็นประเทศที่มีแหล่งพลังงานสำรองที่เยอะมาก และเป็นแหล่งพลังงานของตัวเอง ดังนั้นแน่นอนว่าจะเข้มแข่ง มากกว่าประเทศที่ไม่มีแหล่งพลังงานของตัวเอง ดังนั้นก็เหมือนกันถ้าอเมริกา เพิกเฉยต่อแหล่งพลังงานที่ใกล้เคียงอย่างประเทศในแคนาดา มันจะชั่งงี่เง่าสิ้นดี เพราะนั้นจะหมายถึงความมั่นคงทางพลังงานของตัวเองเช่นกัน หรือในอนาคตเราจะได้เห็นแหล่งพลังงานในแคนาดาจะถูกส่งไปจีนแทน หุ้นบริษัทกลุ่มน้ำมัน ก็เป็นกลุ่มที่ให้ผลตอบแทนสูง ซึ่งเราก็ยังคงแนะนำ และเราจะแนะนำในจดหมายข้างหน้าอีกครั้ง เหมืองทอง ในปี 2011 หุ้นกลุ่มเหมืองทอง มีผลงานที่แย่ เมื่อเทียบกับราคาทองซึ่งขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง 11 ปี และเราคิดว่า มันก็ยังจะขึ้นต่อไป ไม่ช่วงเวลาใด ก็เวลานึง เราได้วิเคราะห์ว่า 2 เหตุผลที่เหมืองทองมี ผลงานไม่ดีในปีที่ผ่านมา 1. การเกิดขึ้นของ พวกกองทุนทอง ETFs ที่ดึงดูดนักลงทุนที่สนใจหุ้นกลุ่มเหมืองทอง แทนที่จะไปลงทุนใน Future (ตรงนี้ผมก็งงๆ ทำไมทำให้กลุ่มเหมือง ขอเรียบเรียงสักนิด) 2.การหาแหล่งทองใหม่ๆ เป็นไปได้ยากขึ้น รวมถึงต้นทุนการผลิตก็สูงขึ้นเช่นเดียวกัน ในตอนท้ายเขาจะพูดถึง บริษัทเหมืองทองแบบไหนที่น่าลงทุน ถ้าคุณเป็นพวกสนใจ high risk high return กลุ่มนี้ก็ดูน่าสนใจทีเดียว Boyles We expect some countries will opt out of the Eurozone because the pain of compliance with European Community edits will lead to depression-like economic contractions. Healthy Banking System Trumps Government Solvency In our opinion, the health of the world banking system is a transcendent issue, the magnitude of which is poorly understood by 99 percent of the people living on the planet. In many ways, banking systems are more important to societal standard of living than are the headline-making fiscal woes of nations. Corruption-India's Self-Destructive Addiction A prerequisite for consideration of the Indian economy is to understand the corruption culture that pervades most aspects of national life. India is a highly-bureaucratized country. Anytime you need approval to do something you have to run a gauntlet of bureaucrats. Unless they receive some favor, they will slow down your approval process or stop the process entirely. As examples, that means handouts to get government approval to buy a house, invest in land, or any activity that requires permits, or to register a business, start a new line of business, or expand a business operation. Corruption even extends to getting government officials to show up at their offices to manage the affairs for which they are paid and to get teachers to show up at school. Sometimes even to mail a letter. The people of India are tired of having to pay somebody, or several somebodies, to get things done. This ruinous behavior affects everyone in the smallest villages or the biggest cities. The practice is unsustainable. Although corruption has a long tradition, the suffering public which has tolerated this gross inefficiency for years has been rising up to complain and demand that politicians do something. Religious and business leaders, social activists, foreign investors and others are also raising their voices. Several high-profile figures have gone on hunger strikes. Hopefully, the corrupt political and bureaucratic classes will get the message and realize that reform is necessary if the country is to ever to fulfill its great economic potential. Strong anti-corruption legislation is critically needed to stop the corruption and its drag on everyday activities. When that happens, India can count on a huge surge in foreign investments. But so far, the ruling Congress party has been unable to pass strong anti-corruption legislation. At the very least, politicians need to remove some of the ponderous burden caused by administrative hurdles and make the environment more friendly to business. Even if they just dismantle some of the decades-old socialist economic practices, such as subsidizing prices for certain commodities, or subsidizing bank loans to those who cannot repay, then the vast but stifled industrious energies of India could be unleashed, and the Indian economy, standard of living, and stock market could move forward dynamically. Now that we see efforts by China to expand its economic activity and stimulate borrowing for business expansion, we expect more of the same going forward. China continues to be a VIP in the world economy. We expect slightly slower economic growth rate in China for a few months followed by a robust expansion in the second half of 2012 as the money flow starts to have an effect. Covering the Oil Front: North American Oil Taking Center Stage We aren't meteorologists here at Guild Investment, but we have learned to expect political heat and unrest to rise in the Middle East with cooler seasonal weather. That's what's happening now. Social turmoil continues to simmer in Bahrain and boil in Syria. There's escalating bickering between Shiites, Sunnis, and Kurds in Iraq. And, of course, there's the endless threats and counter-threats between nuclear-bound Iran and the West. The Middle East is all about politics and oil revenue. Looking ahead, we anticipate more political instability. The more intense the level of instability the higher goes the price of oil. So, any declines in price levels along the way should serve as buy signals for investors. As far as oil production is concerned, regional turmoil has had a negative impact in several areas. Examples: Production has not returned to normal in Libya, Syria, and Iraq. Predictions of increased production in 2012 appear unrealistically optimistic to us. Both history and current events in the Middle East make it clear why major foreign oil investors are increasingly flocking to energy opportunities in the shale and oil sands of politically-stable North America. For instance, France, China, and Spain have enlarged their North American oil assets. In just one day last week, Sinopec, China's second largest oil company, committed $2.5 billion to partner with Devon Energy of Tulsa in five shale properties, and Total, the large French oil company, invested $2.3 billion in an Ohio oil and gas shale project with two American producers, Chesapeake and EnerVest. Not long before that, PetroChina, China's largest oil and gas producer and distributor, spent $680 million Canadian to purchase the remaining 40 percent that it did not own of the Athabasca Oil Sands property in Northern Alberta.They now own 100 percent of the project. These are just two of numerous investments by Chinese companies in Canadian oil and gas enterprises over the last few years. Even Spain has gotten into the action. Just before Christmas, the Spanish oil giant Repsol invested $1 billion in a joint venture with Sandridge Energy's oil acreage in Oklahoma and Kansas. Where's the U.S. Government in All This? We would not be far off the mark to say, with disappointment, that Washington has its head in the sand. Politicians are under pressure from environmental groups to deny laying pipelines through the U.S. carrying southbound oil from Canada. Some groups are also against hydraulic fracturing (fracking) for oil and gas wells (fracking involves applying pressurize fluid to fracture rock layers in order to release oil and natural gas for extraction). While we support some of the environmentalists concerns, we remain confident that a factual debate will show that fracturing and pipelines are not sufficiently risky to the environment to warrant stopping them. It is high time for a serious and factual debate about the risks and rewards. The benefits include, hundreds of thousands of new jobs, energy self-sufficiency, lower energy prices, and military energy security. Shouldn't those benefits be priority items on Washington's checklist? It is obvious to us that nations put themselves in a stronger geopolitical position when they have access to large energy supplies. For example, Saudi Arabia wields significant influence in spite of its small population of only 18 million citizens (and 9 million guest workers). The Saudis have global muscle because of their energy reserves. Any country with energy self-sufficiency is much stronger than an otherwise comparable country without such self-sufficiency. That's the geopolitical reality in today's world. The U.S. should encourage the development of its oil and gas resources and those of its close ally Canada. If we ignore energy security now, we can count on future generations cursing our stupidity. Among readers who may be members of Congress, the executive branch of the U.S. Administration, or in government positions at state and local levels, we sincerely appeal for reality ahead of politics. The oil and gas reserves in the U.S. and Canada should be valued at premium prices. Please wake up and approve the Keystone pipeline. The U.S. needs the secure and available Canadian oil. Do not encourage Canada to send its energy reserves to Kittimat in British Columbia for shipment to China. Oil Investments We like U.S. oil producers with strong current dividend yields and the probability of increasing yields in coming years as the price of oil rises. We additionally anticipate for capital gains as investors gravitate to more high-yielding and energy-related securities. We may recommend some of them in coming letters. Covering the Gold Front: Diagnosing Gold Mine Anemia Gold mining company stocks performed poorly in 2011 while gold bullion rose in price. The price of gold bullion has climbed for 11 years in a row and will, in our opinion, continue to rise for some time. Why the disconnect between the price of bullion and mining shares? We see two primary reasons: The emergence of gold ETFs as an investment vehicle. The ETFs have attracted investors who might otherwise have bought gold mining shares instead of futures. The underperformance of the mining industry, a result of the difficulty finding new gold properties along with the rising costs of mining. Large companies have not had big success in finding new properties. We'd like to expand on the second point, and specifically the need of big companies to make acquisitions of gold mining properties or related enterprises in order to grow. Often, it is less expensive to acquire smaller miners with attractive, underdeveloped properties than it is to find new reserves. Some smaller gold miners sell below their asset value and should rise as investors realize that the value of their reserves exceeds their market value. In our experience, there are three key differentiators among small gold miners that explain why some stay small and others grow or become acquired. To be attractive, they must first and foremost be located in a politically-stable country. The government needs to allow the companies to keep a fair and reasonable share of profits for stockholders, while at the same time receiving satisfactory income from royalties, co-ownership, or taxes. From our perspective, we see strong, reasonable, and well-managed governments...as well as bad ones...on every continent. For example, we view Canada, Mexico, Australia, Chile, Colombia, Tanzania, Ghana, and Philippines as reasonable. On the other side of the gold coin, we see Venezuela, Bolivia, Argentina, South Africa, Zimbabwe, among others, as unreasonable. Going further in our analysis, let's discuss three types of small gold mining companies that may be available for investment. Type 1 Run by promoters on sites with no proven or probable gold reserves. They have possibilities, hope, and some land, and may possibly produce gold. The challenges for these companies are finding gold, raising capital, and financing the company during the time it takes to bring any gold to market. Type 2 Run by geologists who know mining but are ignorant of financing gold ventures. They often fall into traps such as selling their future production in the forward market. They end up with greatly-diluted equity, a result of inability to keep income above costs and having locked in their income when they sold forward their future production. These operators may be honest and have solid gold reserves, but lack a coherent plan for exploiting their reserves. Type 3 Run by managements with identifiable reserves, mining and engineering expertise, and solid financial planning. These are the operations best equipped to bring mines to fruition and to become recognized by value investors. Overall, if you are interested in high risk, high upside potential stocks that have been beaten down to historically-low valuation levels, gold mining stocks may be an attractive choice.
  13. อย่างแรก ขอบคุณคุณ มู๋ ลาดพร้าว ก่อนนะครับ ทำได้ล่ะ ^^ พาลูกชายไปเที่ยวไหนมาครับ วันเด็กปีนี้ ผมไม่ได้ออกไปไหนเลย ^^ CD ลุงโฉลก ลองเข้า Web www.chaloke.com แล้วลองหาดูใน Forum ใน board ของเขานะครับ น่าจะมีบอกไว้่ คือผมไม่ได้เข้า web คุณลุงนานแล้วครับเลยไม่แน่ใจ อยู่ตรงไหน หรือลองถามใน board เขาก็น่าจะมีคนตอบให้นะครับ อย่างไรก็ศึกษาแล้ว ก็อยาเพิ่งปักใจเชื่อเลยนะครับ ให้ลองทดสอบ backtest จนเรารู้สึกว่าใช้ได้ และเหมาะสมกับตัวเรา แล้วเราค่อยนำมาใช้ วิธีการทดสอบ ผมเคยเอาบทความมาลงไว้นานแล้ว ลองเข้าไปศึกษาดูนะครับ เอามาจาก mangmaoclub.com นะครับ ก็เป็น Idea ที่ดีนะครับ www.bigmoveclub.com/system ในหัวข้อ Trading System เขียนสิ่งที่ต้องรู้ลงในกระดาษ สำหรับคนเริ่มต้น อันนี้ก็เป็นแนวทางในการเริ่มต้น ที่เราต้องรู้ ว่าจะต้องเริ่มศึกษาอะไรบ้างนะครับ แล้วจะมา Up บ่อยๆนะครับ ^^ Boyles
  14. ถึงคุณ num3975 ขอโทษนะครับ พอดี Ref ไปเป็น ขอตอบแบบนี้ล่ะกัน กราฟเทคนิค ที่ศึกษาได้ เท่าที่ผมเจอ ดีๆ ก็ CD ลุงโฉลก เป็น CD 24 แผ่นที่คุณลุงสอนไว้ น่าจะเป็นพื้นฐานเทคนิคที่ค่อนข้างดี และไม่แพง ไม่กี่พันบาท แต่ตัวผมเองก็ไม่ได้เทรดตามคุณลุงโฉลก แต่สำหรับพื้นฐานทางเทคนิคผมว่า CD เขาก็ถือว่าค่อนข้างดีทีเดียว ส่วน Course ที่คิดกันแพงๆ หลายหมื่น ไปจนถึงหลักแสน อย่าไปเรียนเลยครับ แพงเกินไป ไม่รู้เอาอะไรเป็นบรรทัดฐานทางการตั้งราคา เทรดจริงก็ไม่คิดว่าจะได้ด้วย เมืองนอกเขาก็สอนกันประมาณนี้แหล่ะ แสนนึงแต่ประสบการณ์เขาระดับ 40-50 ปี และยัง โชว์ port ตัวเองจริงๆด้วยครับ แนะนำว่าเริ่มจากอย่างนี้ก่อน ส่วนหนังสือพวก Day trade ไรพวกนี้ ไม่แนะนำนะครับ เห็นออกกันในท้องตลาดเยอะๆ เนี่ย พวกเนี่ย ไม่ใช่ของสำหรับมือใหม่ การเล่น day trade ต้องมีประสบการณ์ และความชำนาญสูง การเริ่มต้นต้องอ่าน Trend ต้องรู้แนวโน้มระยะใหญ่ให้ได้ก่อน กำหนดจุดเข้า จุดออก จากวิธีอะไร Stop loss อย่างไรพวกนี้นะครับ เป็นเรื่องที่ต้องค่อยๆ ศึกษาครับ ส่วนเรื่อง GF ผมเคยเห็นคนกำไรเป็น 3-4 ล้านแล้ว หมดตัวก็มีนะครับ หมดตัวนี้ เงินต้นก็ไม่เหลือนะครับ ไม่ใช่กำไรหายหมดอย่างเดียว SET50 ขาดทุนกันเป็นระดับล้านถึง 10 ล้านก็มี ยังไง ตลาด Future เป็นตลาดที่น่ากลัวนะครับ ถ้าใครที่บอกได้กำไรเยอะๆ ฟังหู ไว้หูนะครับ อย่าไปคล้อยตาม แล้วโลภตาม สิ่งแรกที่ผมมักจะเตือนเพื่อนๆ ผมคือเรื่อง over trade และเรื่องการปกป้องตัวเอง ให้ได้สะก่อน ไม่ใช่ฟังคนที่เขาได้เยอะๆ แล้วเชื่อเลย อย่างน้อยเราต้องรู้วิธีปกป้องตัวเองให้ได้ก่อน อยู่ในตลาดให้ได้ก่อน แล้วถึงจะคิดเรื่องกำไรครับ ค่อยๆ ศึกษาครับ โอกาสมีเสมอสำหรับ คนที่มีความรู้ อย่าง Larry williams หรือนักเทรดระดับโลกหลายคนเขาก็ กว่าจะได้กำไรสม่ำเสมอเขาก็เทรดกันระดับ 4-10 ปีกันทีเดียวนะครับ ถึงคุณ ZV735 ผม ให้ file เพิ่มแล้วนะครับ สำหรับ download Excel version 2003 เพราะถ้า version เก่ามันจะเปิด version ใหม่ไม่ได้ ตอนนี้ Up version เก่าให้แล้ว ลองไป Load ดูใหม่นะครับ ^^ Boyles ^^
  15. ขอ POST อีกนิดนึงนะครับ เนื่องจากผมไปสัมมนามาหลายๆที่ ก็จะได้เจอนักลงทุนรายย่อยที่ขาดทุนมหาศาล จาก Future ผมก็เป็นหนึ่งในคนที่เล่น Future มาหลายปี อย่างหลายๆ โบรคที่ผมไปเจอ ไม่ขอเอ่ยนามนะครับ ก็ไม่ได้สอนหลักการลงทุนที่ถูกต้อง หาลูกค้าอย่างเดียว ทำอย่างไรก็ได้ให้คนเทรดเยอะๆ volume เยอะๆ ไม่มีการปกป้องรายย่อย ดังนั้น ไม่แปลกที่จะเจอรายย่อยขาดทุน กระจุย กระจาย ในการเล่น Future เงินไปไหน ก็ไปที่รายใหญ่ กองทุนบ้าง การ Over trade เหมือนกับการเดินเข้า บ่อน ไม่ ช้าไม่เร็วก็หมดตัว ขึ้นอยู่กับเวลา สำหรับคนที่เข้ามาในตลาด Future ไม่ว่าจะทั้ง GOLD หรือ SET50 อย่างแรก เราต้องรู้ว่า อย่างไรที่เรียกว่าไม่ OVER TRADE ก่อน การเรียนรู้ Money management จึงเป็นเรื่องสำคัญลำดับต้นๆ ไม่แพ้ เทคนิค ผมได้เคยทำ VDO เอาไว้ ก็จะขอ Share นะครับ หลักการพวกนี้เป็นหลักการง่ายๆ ของ LARRY WILLIAMS (คนที่ชนะรางวัลเทรดเงินจริงจาก 3 แสนบาท เป็น 30 ล้านในหนึ่งปี) รวมถึง VAN K THARP ชื่อดังอีกด้วย เขาว่า Money Management Create Wealth นะครับ ผมเลยทำ File Excel มาให้เพื่อนๆ ลองใช้ดู ยังไง เทรดตามนี้ ไม่ควรเกินกว่านี้นะครับ เป็น File การทำ Position Sizing เพื่อให้รู้ขนาดการลงทุน ณ ตำแหน่งที่เราจะเข้า อย่างน้อยเราทำได้ตามตารางนี้ เชื่อเถอะครับ เราจะไม่ Over trade แน่นอนครับ มีทั้ง Link และ File Excel นะครับ File Excel Download: http://www.bigmovecl...move-club1.xlsx File Excel 2003 Download: http://www.bigmoveclub.com/wp-content/uploads/2012/01/Money-management-By-Big-move-club-20031.xls http://www.youtube.com/watch?v=Fh3YKiRvvlE&context=C3a11d74ADOEgsToPDskJVkCgtmyw0CI4gStPYCP4O โชคดีในการเทรดครับ Boyles
  16. เนื่องจาก มือใหม่ ไม่รู้เรื่อง เลย Post สะเพลินเลย ไม่รู้ว่า วันนึงเขาให้ post ได้แค่ 5 เอง ^^ จะมาขอบคุณเพื่อนๆ ตั้งแต่เย็นล่ะ เพิ่งเข้าได้ ที่กด like แล้วก็คำติชม ต่างๆ ทุกความเห็นที่เป็นกำลังใจให้นะครับ ^^ และยินดีที่ได้รู็จักนะครับ ทั้งแฟนแมนยู และแฟนลิเวอพูล เพิ่งครบกำหนด post ได้่ตะกี้นี้เอง เลยเอา กราฟ มา post fibo จะได้ ไม่ต้องกลับไปดู VDO จะได้ดูสะดวกๆ หน่่อยครับ โดยส่วนตัว ผมคิดว่า น่าจะใจเย็นๆ ยังไม่ต้องรีบรับ รอจุดที่ดีๆกว่านี้ น่าจะได้ หรือถ้าไม่ได้ มันขึ้นไปก่อน ก็เข้าเมื่อมัน break trend แนวต้าน แล้วค่อย follow ครับ อีกเรื่องการเล่นทอง วันหลังจะเอา Share เพิ่มเติมนะครับ การวิเคราะห์ COT ก็สำคัญนะครับ Commitment of Trader จะได้วิเคราะห์ Fund Flow รายใหญ่ รายย่อยในตลาด commodities ได้ดีขึ้น ขืนนั่งตามข่าว เราเทรดตามพวกนั้นไม่ทันแน่ครับ เพราะเขาบอก สิ่งที่เราอ่าน กว่ามันจะตีพิมพ์ กว่าเราจะรับรู้ มันก็เป็นข่าวเก่าไปแล้ว ดังนั้น เราไม่มีทางอ่านข่าวใหม่ ได้เร็วกว่าพวกวงในอยู่แล้ว เผอิญ มีเพื่อนถาม กราฟหมายความว่าอย่างไร เลย Edit อีกนิดนึง แถวเส้นแดง คือ Zone ที่ผมคิดว่า ทองมีโอกาสย่อไปถึงครับ ประมาณ 1600 น่าจะเป็นราคาที่น่าสนใจ เหมือนกับ CLIP ก่อนหน้านี้ ที่ได้อธิบาย Idea ผมไว้ ^^ ข้อมูล COT ก็แสดงสัญญาณว่าน่าจะอยู่หาจังหวะ Long มากกว่า เฮงๆครับ ^^ BOYLES
  17. ขอบคุณมากๆเลยครับ จะรับไว้พิจารณาแล้วปรับปรุง มีประโยชน์มากๆเลยครับ ปล. ผมก็ชอบลิเวอร์พูลเหมือนกัน เชียร์หัวใจจะวายในวันมหาอุดวันนั้น 555+
  18. ทองน่านะมี response ที่ FIBO เพราะ ขึ้นด้วย OI ที่ต่ำมาก ดังนั้น การ Rally ของทองไม่น่าจะไกลเกิน FIBO ครับ เราคงต้องดู CandleStick ประกอบ รูปแบบเทขายจะเกิดที่ตำแหน่งใด ของ Fibo ครับ ^^
  19. http://www.youtube.com/watch?v=ZbRWzD1E0gE&context=C38a1856ADOEgsToPDskLoiA7DDczPzP1vCYCE4oPM มา Share มุมมองนะครับ ผิดทาง ก็ขอคำชี้แนะด้วยนะครับ พอดีทำไว้ เมื่อวานซืน ^^ Boyles
  20. คร๊าบ ผมว่าหมายความว่า 5. เมื่อทองถึง target ที่คุณลุงหมายถึง next 2 angels 1849 และ 1936 หุ้นพวกเหมืองทองน่าจะผ่านความวุ่นวาย จนมูลค่ามันต่ำกว่าความเป็นจริง 6. ดังนั้น มันจึงสมเหตุ สมผล ที่ เราจะขายทองส่วนนึง นำมาลงทุนในหุ้นพวกเหมืองทองเหล่านี้ ไม่รู้จะถูกหรือเปล่านะครับ ขอบคุณครับ ^^
×
×
  • สร้างใหม่...