Jump to content
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

Chantima

Junior
  • Content Count

    54
  • Joined

  • Last visited

Community Reputation

0 medium

About Chantima

  • Rank
    ขาประจำ

Profile Information

  • เพศ
    หญิง
  • ที่อยู่
    กรุงเทพมหานคร
  1. เครื่องมือช่างจัดว่าเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่มีกันแทบทุกบ้าน เพราะเอาไว้ซ่อมแซมแก้ไขสิ่งของเครื่องใช้ในบ้านที่ชำรุดเสียหาย เล็ก ๆ น้อย ๆ ภายในบ้าน หรือไม่ก็เอาไว้ใช้ประดิษฐ์ข้าวของเครื่องใช้ในบ้าน โดยเครื่องมือช่างที่ควรต้องมีติดบ้านไว้เลยก็จะมีดังนี้ 10 เครื่องมือช่างที่ควรมีติดบ้านไว้ 1.ค้อน มีหลากหลายชนิด แต่ที่ควรมีติดบ้านไว้ คือ ค้อนหงอน ที่สามารถใช้ได้ทั้งตอก ทุบ และถอนตะปูได้ แนะนำให้เลือกค้อนที่มีขนาดน้ำหนักอยู่ที่ 16 ออนซ์ ด้ามค้อนควรมีความยาวพอเหมาะจับถนัดและกระชับมือ หุ้มด้วยยาง เพื่อช่วยให้ค้อนไม่หลุดมือได้ 2.ตลับเมตร เป็นเครื่องมือช่างพื้นฐานที่ควรมี ไม่มีไม่ได้ ใช้วัดระยะ วัดขนาดของสิ่งของ เช่น วัดระยะการเดินสายไฟ ระยะเดินท่อน้ำ ตลับเมตรที่นิยมใช้จะอยู่ที่ความยาว 2-5 เมตร หน้ากว้าง 1 นิ้ว สายวัดจะได้ไม่บิดเกลียว เวลาดึงออกมาใช้งานต้องไม่หดกลับคืนตลับ เวลาเก็บสายวัดต้องดึงกลับได้ง่าย และควรมีขอเกี่ยวที่ปลายสายวัดด้วย 3.ประแจเลื่อน อีกหนึ่งเครื่องมือช่างที่ขาดไม่ได้ ใช้สำหรับขันหรือคลายหัวน็อตที่มีลักษณะเป็นเหลี่ยม โดยที่ไม่ต้องออกแรงมาก มีแค่ประแจเลื่อนตัวเดียวก็สามารถใช้ขันน็อตได้เกือบทุกขนาด เพราะปากประแจสามารถเลื่อนปรับขนาดได้ เวลาเลือกซื้อ ให้ลองเลื่อนปรับขนาดดูว่า ตัวเลื่อนปรับขนาดหมุนง่าย ปากประแจไม่โยนเยก 4.คีม เป็นเครื่องมือช่างที่ใช้ในการจับ ดัด บีบ ตัด ซึ่งจะสามารถใช้กับวัตถุขนาดเล็ก เช่น เส้นลวดหรือสายไฟ ที่แนะนำให้มีติดบ้านไว้ คือคีมปากจระเข้ ปากคีมมีคมไว้สำหรับตัดด้านข้าง และสามารถใช้จับชิ้นงานได้อยู่ภายในตัวเดียวกัน และคีมปากจิ้งจก ใช้สำหรับจับโลหะแบนหรือสายไฟ ปากคีมมีลักษณะเรียวแหลมและมีขนาดเล็ก เหมาะกับการใช้งานในที่แคบ และงานไฟฟ้า 5. ไขควง ใช้ขันสกรูให้แน่นหรือคลายสกรูออก มีทั้งแบบแฉก แบบแบน และแบบอื่น ๆ ควรมีติดบ้านไว้หลายขนาด เพื่อรองรับได้ทุกการใช้งาน ในการเลือกซื้อ อาจเลือกไขควงแบบหลายขนาดที่ถอดเปลี่ยนหัวได้ในด้ามเดียว และไขควงอีกชนิดที่ขาดไม่ได้เลย ก็คือ ไขควงวัดไฟ ใช้วัดกระแสไฟฟ้า เช่น วัดว่าเต้าเสียบปลั๊กมีกระแสไฟฟ้าหรือไม่ ควรเลือกที่มีขนาดแรงดันไฟฟ้าเหมาะสำหรับ บ้านเราคือ 200 - 250 โวลต์ และเลือกที่มีวัสดุฉนวนหุ้มทั้งตรงด้ามจับกันไฟฟ้ารั่วมาช็อตได้ 6.สว่านไฟฟ้า เป็นเครื่องมือช่างที่ช่วยงานเจาะ ไม่ว่าจะเจาะผนัง เจาะไม้ พลาสติก และโลหะให้เป็นรู ใช้งานง่าย ไม่ต้องออกแรงมาก สำหรับการเลือกซื้อ ก็อาจเลือกซื้อรุ่นที่มีโหมดการเจาะทั่วไป สำหรับงานเจาะผนัง เจาะเฟอร์นิเจอร์ที่ไม่ต้องใช้แรงกระแทกมาก กำลังไฟที่ใช้ควรเลือกแบบ 300 วัตต์ 7.เลื่อย ใช้ในการตัดวัสดุต่าง ๆ ที่เราต้องการซ่อมแซม ไม่ว่าจะเป็นท่อ PVC ท่ออลูมิเนียม ตะปู นอต สกรู หรือไม้ แต่เราต้องเลือกชนิดของเลื่อยให้เหมาะกับวัสดุที่ต้องการตัด ถ้าต้องการตัดพวกท่อ PVC ตะปู นอต ให้เลือกเลื่อยตัดเหล็ก เลื่อยชนิดนี้สามารถเปลี่ยนใบเลื่อยได้ และฟันของเลื่อยชนิดนี้จะค่อนข้างละเอียดและไม่ลึกทำให้เลื่อยไม้ได้ช้ามาก หากคุณจะเลื่อยไม้ คุณควรเลือกเลื่อยลันดา หากเลือกฟันเลื่อยที่ค่อนข้างถี่ คือ 10-12 ซี่ ต่อ 1 นิ้ว จะใช้เพื่อตัดขวางเนื้อไม้ ให้เกิดรอยตัดที่เรียบ หากเลือกฟันเลื่อยที่หยาบหรือฟันห่าง คือ 5-6 ซี่ ต่อ 1 นิ้ว ใช้ตัดตามแนวยาวของเนื้อไม้ ซึ่งฟันเลื่อยที่หยาบนี้จะสามารถใช้ตัดไม้ได้อย่างรวดเร็ว 8. เทปพันสายไฟ เป็นอีกเครื่องมือช่างที่ควรมีติดบ้านไว้ เพราะหากสายไฟเกิดชำรุดขึ้นมา ก็สามารถใช้เทปพันสายไฟมาซ่อมแซมได้ อีกทั้งยังสามารถใช้พันรอยต่อของสายไฟเพื่อป้องกันไฟรั่วหรือไฟดูดได้อีกด้วย วัสดุที่ใช้ทำเทปพันสายไฟนั้น เป็นพลาสติกที่ทนต่อการความร้อน ยืดหยุ่นได้ ก่อนที่จะพันเทปเข้ากับสายไฟ ควรดึงเทปให้ยืดก่อน เพื่อลดการเกิดฟองอากาศ 9.เทปพันเกลียว ก็เป็นเครื่องมือช่างสามัญประจำบ้านที่ไม่ควรขาด เพราะเมื่อท่อน้ำ ท่อประปารั่วซึม สามารถหยิบเทปพันเกลียวมาพันได้ในทันที 10.มีดคัตเตอร์ เป็นได้ทั้งเครื่องเขียน และเครื่องมือช่าง แนะนำให้แยกการใช้งานกัน เพื่อให้ง่ายกับการหยิบใช้งานได้ ซึ่งในแง่ของเครื่องมือช่าง คัตเตอร์ใช้สำหรับ กรีด ตัด เซาะ เช่น ปอกฉนวนสายไฟ ทั้งนี้หากคุณสามารถใช้เครื่องมือช่างได้อย่างคล่องแคล่ว เข้าใจคุณสมบัติของอุปกรณ์เป็นอย่างดี และมีความรู้ความสามารถในการทำงาน ก็สามารถทำเป็นอาชีพได้ เป็นการหารายได้ ให้กับตนเอง โดยจะประกอบเป็นอาชีพเสริม หรืออาชีพหลักก็แล้วแต่ความพึ่งพอใจได้เลย #เครื่องมือช่าง
  2. บ้านจัดสรร หรือบ้านทาวน์เฮ้าส์ ทาวน์โฮม ศรีราชา ถือว่าเป็นหนึ่งในบ้านยอดนิยมที่ตั้งอยู่ใน จังหวัดชลบุรี เป็นอย่างมาก เพราะศรีราชาถือว่าเป็นอำเภอที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในจังหวัดชลบุรี ตั้งอยู่บนชายฝั่งตะวันออกของอ่าวไทย รายล้อมไปด้วยภูเขา และมีพื้นที่ส่วนลาดเนิน และทะเล พร้อมทั้งมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็น การคมนาคม การเกษตร รวมไปถึงสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย ดังนั้นหากใครที่สนใจและกำลังมองหาบ้าน หรือทาวน์โฮมดี ๆ แถวศรีราชา เพื่อการอยู่อาศัยแล้วละก็ตามเรามาทางนี้ได้เลย เพราะวันนี้เรามีเคล็ดลับน่ารู้ดี ๆ สำหรับการเลือกโครงการบ้านจัดสรร และทาวน์โฮม ศรีราชา เอามาฝาก ว่าแล้วก็มาดูกันเลยค่ะ 1. ระบบรักษาความปลอดภัยข้อนี้สำคัญมากถือเป็นหัวใจสำคัญในการเลือกซื้อโครงการบ้าน และทาวน์โฮม ศรีราชา เลยก็ว่าได้ เพราะหากคุณเลือกโครงบ้านที่ไม่มีระบบรักษาความปลอดภัย ไม่มีการตรวจสอบคนเข้าออก รวมไปถึงไม่มีระบบการป้องกันที่ได้มาตรฐาน จะส่งผลให้ผู้อยู่อาศัยไม่ได้รับการการันตีความปลอดภัย ซึ่งในปัจจุบันความปลอดภัยของบ้านหลาย ๆ โครงการเริ่มมีการพัฒนาในส่วนนี้ เช่น มีกล้องวงจรปิด และระบบรักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง เป็นต้น 2. สิ่งอำนวยความสะดวกอย่างครบครัน ถือเป็นตัวประกอบการตัดสินใจในการเลือกซื้อโครงการนั้น ๆ ไม่ว่าจะเป็น สวนสาธารณะ สระว่ายน้ำ สนามเด็กเล่น อย่างไรก็ตามเมื่อคุณต้องจ่ายค่าพื้นที่ส่วนกลางอยู่แล้ว ก็ควรเลือกโครงการบ้านที่เหมาะสม และมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคุณมากที่สุด นอกจากเรื่องต่าง ๆ เหล่านี้แล้วอีกสิ่งหนึ่งที่ลืมไม่ได้เลยคือ เรื่องฮวงจุ้ยของบ้าน ไม่ว่าจะเป็นทิศทางบ้าน รูปทรงของบ้าน แบบแปลนบ้าน ตำแหน่งของห้องต่าง ๆ รวมไปถึงเรื่องสีสัน เรื่องวันเดือนปีเกิดของเจ้าของบ้าน อันนี้เป็นเรื่องความสบายใจ ทำให้ถูกต้องตามหลักของศาสตร์ เพื่อความร่มเย็นเป็นสุข มีโชคมีลาภ และเป็นสิริมงคงในการอยู่อาศัยค่ะ
  3. ปฏิเสธไม่ได้ว่าในการที่จะเลือกซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้า หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สักชิ้นหนึ่งนั้นเป็นอะไรที่คนส่วนใหญ่จะใช้เวลานานมากในการตัดสินใจ เพราะนอกจากเราจะต้องมั่นใจถึงความคุ้มค่าของเงินทุกบาททุกสตางค์ที่จ่ายไปแล้ว อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่เราจะต้องคำนึงถึงให้ดีได้แก่บริการหลังการขาย รวมไปถึงความน่าเชื่อถึงของร้านขายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ หรือเครื่องใช้ไฟฟ้า ซึ่งในการที่จะซื้อ ขายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าในแต่ละชิ้นล้วนแล้วแต่มีรายละเอียดที่เราควรจะต้องใส่ใจมากมาย ดังนั้นเราจึงอยากจะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับสิ่งที่ควรทำก่อนเลือกซื้ออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องใช้ไฟฟ้ากัน เพื่อให้ตัวเองได้ของดีในราคาที่คุ้มค่าที่สุด ว่าแต่รายละเอียดจะมีอะไรบ้างนั้นเรามาลองดูกันเลยค่ะ 1.เช็กคุณสมบัติของเครื่องใช้ไฟฟ้าจากเว็บไซต์ของผู้ผลิต ขั้นตอนแรกสุดที่เราควรทำก่อนเดินตรงดิ่งไปยังร้านได้แก่การลองเข้าไปดูในเว็บไซต์ของผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เราต้องการเพื่อตรวจสอบดูว่า บนหน้าเว็บไซต์มีการระบุคุณสมบัติรวมไปถึงฟังก์ชันการใช้งานและราคาไว้อย่างไร ซึ่งเราสามารถนำข้อมูลตรงนี้ไปใช้เป็นเกณฑ์หลักในการเลือกดูสินค้าจากร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เรามองไว้ได้ 2.ลองไปดูของจริงที่หน้าร้าน แน่นอนว่าการเดินไปดูของจริงก็นับว่าเป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยให้เราตัดสินใจได้ง่ายขึ้น เพราะถึงแม้เราจะสามารถดูข้อมูลจากหน้าเว็บไซต์ได้ แต่การไปเห็นหรือไปสัมผัสย่อมช่วยให้เราเห็นภาพว่าจริง ๆ แล้วเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เรากำลังมองหาอยู่นั้นมีขนาดประมาณไหน หรือมีฟังก์ชันการใช้งานอย่างไร 3.ลองเปรียบเทียบราคาจากหลาย ๆ ร้าน การเปรียบเทียบราคาสินค้าที่เราต้องการจากร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้าหลาย ๆ ร้านนั้นเป็นเทคนิคหนึ่งที่จะทำให้เราได้สินค้าที่กำลังมองหาในราคาที่คุ้มค่ามากที่สุด โดยไม่ทำให้เกิดอาการเสียดายในภายหลังว่าทำไมเราถึงไม่เห็นสินค้าชนิดเดียวกันที่ขายถูกกว่า แถมยังมีบริการหลังการขายมากกว่าร้านที่เราซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าไปก่อนหน้านี้ 4.ตรวจสอบความน่าเชื่อถือของร้านที่เรามองหาให้ดี หลังจากได้ร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ตอบโจทย์ทั้งในเรื่องของคุณภาพและราคาแล้ว ขั้นตอนสุดท้ายที่เราอยากจะให้ทุกคนใส่ใจกันเป็นพิเศษได้แก่การตรวจสอบความน่าเชื่อถือของร้านที่เราเลือกไว้ โดยเรื่องนี้ เราสามารถเช็กได้ง่าย ๆ จากกระแสตอบรับของลูกค้าที่เคยใช้บริการมาก่อนหน้าว่าเป็นไปในทิศทางไหน แต่ทั้งนี้การ ซื้อ ขายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เพื่อเอามาใช้งานแล้วนั้นก็ต้องมีวันที่มันจะหมดอายุการใช้งาน หรือสภาพเสื่อมจนไม่สามารถนำเอามาใช้งานได้ ชิ้นส่วนอุปกรณ์เหล่านั้นจะเป็นอันตรายต่อธรรมชาติได้ เพราะมันไม่สามารถย่อยสลายตามธรรมชาติได้ ดังนั้นจึงต้องกำจัดขยะเหล่านี้ให้ถูกวิธี อย่างเช่น นำไปรีไซเคิลนำกลับมาใช้ใหม่ หรือไม่ก็ต้องพัฒนาวัสดุอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่จะเอามาใช้ให้สามารถย่อยสลายได้ง่าย เป็นต้นค่ะ
  4. พอมีอายุเข้าสู่ช่วงวัย 30+ ขึ้นไปแคลเซียมในร่างกายจะเริ่มลดน้อยลง อาจมีมวลกระดูกที่ไม่สมบูรณ์ ทำให้กระดูกหักได้ง่ายขึ้น เพราะว่าความแข็งแรงของมวลกระดูกลดน้อยลง จนมีอาการปวดข้อเข่าตามมา ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องหาอาหารเสริมกระดูกและข้อเอามาทานเพื่อบำรุง หรือไม่ก็หาอาหารที่มีแคลเซียมสูง ๆ มาทาน เช่น นมและผลิตภัณฑ์ของนม ,ถั่วเหลืองและผลิตภัณฑ์ที่ทำจากถั่ว ,ผักใบเขียว เป็นต้น หรือถ้าเน้นเรื่องความง่าย และสะดวกต้องยกให้อาหารเสริมกระดูกและข้อเลยตอบโจทย์สุด ๆ เพราะเขารวมเอาวิตามิน แคลเซียม และแร่ธาตุอื่น ๆ ที่ส่งผลดีกับข้อแล้วก็กระดูกเอามาให้แล้ว นอกจากการทานอาหารเสริมแล้วก็ยังมีวิธีเสริมสร้างแคลเซียมและวิธีบำรุงกระดูกในแบบต่าง ๆ เอามาฝากกับทุก ๆ คนด้วยพร้อมแล้วก็มาดูกันเลยค่ะ 1.ดื่มนมและกินอาหารที่มีแคลเซียม อยากเสริมแคลเซียมให้ร่างกาย ทำง่ายอย่างมาก เพียงดื่มนมและกินอาหารที่มีแคลเซียมในปริมาณที่พอเหมาะกับความต้องการร่างกาย โดยแคลเซียมที่ได้จากนมและผลิตภัณฑ์จากนมทุกชนิดนั้นจะสามารถดูดซึมนำไปใช้งานได้ง่ายมากที่สุด พร้อมกันนี้ก็ควรกินอาหารที่มีแคลเซียมพร้อมกันด้วย เช่น ปลาเล็กปลาน้อย ถั่ว งา ผักใบเขียวเข้มอย่างคะน้า เต้าหู้ก้อนและผลิตภัณฑ์จากนมอื่น ๆ อย่างเช่น โยเกิร์ต นมเปรี้ยว และชีส 2.รับวิตามินดีและแมกนีเซียม นอกจากการกินอาหารที่มีแคลเซียมแล้ว การกินอาหารที่มีวิตามินดีก็จะช่วยให้การดูดซึมแคลเซียมเป็นไปอย่างได้ผลดียิ่งขึ้นเช่นกัน โดยอาหารที่มีวิตามินดีก็ได้แก่ นม ปลาแซลมอน ไข่แดง เห็ด น้ำมันพืชและแสงแดด สำหรับการรับวิตามินดีจากแสงแดดนั้น แนะนำให้ออกไปรับแสงแดดอ่อน ๆ ยามเช้าหรือเย็นประมาณวันละ 10-15 นาทีก็พอ และแมกนีเซียมก็เป็นสารสำคัญที่มีบทบาทต่อกระบวนการสังเคราะห์และช่วยควบคุมการขนส่งแคลเซียมในร่างกาย 3.เลี่ยงอาหารที่ยับยั้งการดูดซึมของแคลเซียม แม้ว่าเราจะกินอาหารที่มีแคลเซียมเพื่อบำรุงกระดูกให้แข็งแรง แต่อย่าลืมว่าอาหารบางชนิดก็มีส่วนยับยั้งการดูดซึมของแคลเซียมได้เช่นเดียวกัน เช่น ผักโขม รำข้าวสาลี มันเทศ พืชมีเมล็ดและโปรตีนสกัดจากถั่วเหลือง แนะนำให้กินผักที่มีแคลเซียมสูง แต่มีออกซาเลตปริมาณต่ำ เช่น ผักคะน้า กวางตุ้ง ตำลึง ใบบัวบก ถั่วพูและขี้เหล็ก เป็นต้น 4.หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มบางชนิด ควรหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ชา กาแฟ และเลี่ยงการสูบบุหรี่ การดื่มแอลกอฮอล์นั้นนับเป็นศัตรูตัวร้ายที่จะคอยกีดขวางการดูดซึมแคลเซียมจากในระบบทางเดินอาหาร และควรหลีกเลี่ยงการดื่มน้ำอัดลมด้วยเช่นเดียวกัน เพราะน้ำอัดลมเป็นเครื่องดื่มที่ทำให้เกิดภาวะของโรคกระดูกพรุนได้ง่าย 5.ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ควรออกกำลังกายที่ต้องใช้การแบกรับน้ำหนักตัว เพราะจะช่วยเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรงและยังชะลอการเกิดภาวะกระดูกพรุนขึ้นได้อีกด้วย โดยควรออกกำลังกายเป็นประจำสัปดาห์ละ 3-5 ครั้ง ในกรณีผู้สูงอายุ แนะนำให้ออกกำลังกายประเภทที่ต้องรองรับน้ำหนักตัวโดยมีแรงกระแทกต่ำ เช่น เดิน ตีกอล์ฟ ไทชิ รำไท่เก็ก และโยคะก็จะช่วยลดความเสี่ยงจากการหกล้มและป้องกันการเกิดกระดูกหักลงได้ แหละถ้าจะให้ดีตอนทานอาหารเสริมกระดูกและข้อ อย่างแคลเซียมแล้ว ก็ควรทานผลไม้รสเปรี้ยวอย่าง ส้ม ด้วย เพราะมีงานวิจัยสนับสนุนว่า วิตามินซีและสารแอนติออกซิแดนต์ในส้ม หรือผลไม้รสเปรี้ยว ช่วยลดความเสี่ยงการเกิดโรคข้อเข่าเสื่อมได้ รวมถึงการกินผักและผลไม้ที่มีสีสันหลากหลาย เช่น มะเขือเทศสีแดง แครอตสีส้ม กะหล่ำปลีสีม่วง ข้าวโพดและฟักทองสีเหลือง ผักใบเขียวชนิดต่าง ๆ ก็สำคัญ เพราะในผักและผลไม้เหล่านี้ อุดมไปด้วยใย ซึ่งเป็นมีสารอาหารบํารุงข้อได้เช่นกันค่ะ
  5. ในทุกวันนี้ต้องยอมรับเลยว่าบริษัทขายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์นั้นเกิดขึ้นใหม่เยอะมาก เพราะเนื่องมาจากมีความต้องการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้ากันสูง ดังนั้นเพื่อให้ตอบสนองความต้องการของผู้บริโรคและเพิ่มความสะดวกสบาย ในชีวิตประจำวันรวมถึงรูปแบบพฤติกรรมการบริโภคที่เปลี่ยนไป อย่างการเปลี่ยนรุ่นของเครื่องใช้ไฟฟ้า ยกตัวอย่างเช่น โทรศัพท์เคลื่อนที่ชนิดสมาร์ทโฟน และโทรทัศน์ชนิดสมาร์ททีวี เป็นต้น นอกจากนี้ก็ยังมีอาชีพอื่น ๆ อีกมากมายที่ต้องใช้บริการบริษัทขายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ดังนี้ อาชีพที่เกี่ยวข้องกับบริษัทขายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ 1. ช่างซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้า เช่น เตารีด พัดลม เครื่องดูดฝุ่น เป็นต้น 2. ช่างซ่อมเครื่องใช้อิเล็กทรอนิกส์ เช่น วิทยุ โทรทัศน์ เป็นต้น 3. ช่างซ่อมโทรศัพท์ เดินระบบโทรศัพท์ ติดตั้งตู้สาขาโทรศัพท์ 4. ช่างติดตั้งจานรับสัญญาณดาวเทียว ซ่อมบำรุงและลงโปรแกรม 5. ช่างประกอบ ซ่อม ติดตั้งระบบเสียง และงานปรับแต่งระบบเสียง 6. งานลงโปรแกรม ประกอบและซ่อมเครื่องคอมพิวเตอร์ โน๊ตบุ๊ค 7. งานเดินระบบและแก้ปัญหาเครือข่ายคอมพิวเตอร์ 8. งานเขียนโปรแกรมควบคุมไมโครคอนโทรลเลอร์ เช่น วงจรไฟวิ่ง โปรแกรมหุ่นยนต์ เป็นต้น 9. งานรับออกแบบแผ่นวงจรพิมพ์ 10. งานติดตั้งระบบสายอากาศวิทยุและโทรทัศน์ 11. งานออกแบบด้านผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ 12. จำหน่ายอุปกรณ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เห็นแบบนี้ก็ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงมีบริษัทขายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์มากมายในปัจจุบัน เมื่ออุปสงค์เยอะอุปทานก็ต้องเยอะด้วยเป็นธรรมดา แต่ทั้งนี้พวกอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์หากมันหมดอายุการใช้งานแล้ว เวลาจะกำจัดทิ้งต้องกำจัดให้ถูกวิธีด้วย เพราะขยะเหล่านี้เป็นอันตรายต่อธรรมชาติ ถ้ากำจัดทิ้งไม่ถูกวิธีจะส่งผลเสียต่อธรรมชาติหลายด้านได้ค่ะ
  6. จังหวัดชลบุรีนั้นมีระดับตัวเลขสำคัญทางเศรษฐกิจที่สูงเป็นอันดับ 2-3 ของประเทศไทยเลยก็ว่าได้ รวมทั้งยังมีการขยายตัวของอุตสาหกรรมอยู่ตลอด จึงทำให้มีความต้องการอยู่อย่างต่อเนื่อง มีแหล่งงานจำนวนมากซึ่งทำให้ผู้ประกอบการหลายเจ้า กล้าเข้ามาลงทุนในตลาดที่อยู่อาศัยในรูปแบบต่าง ๆ ทั้งคอนโดมิเนียม , บ้านเดี่ยว , บ้านแฝด , ทาวน์เฮ้าส์ , ทาวน์โฮม ศรีราชา , เซอร์วิสอพาร์ทเมนท์ และโรงแรมผุดขึ้นมาเป็นจำนวนมาก ซึ่งพื้นที่ศรีราชานั้นเป็นอำเภอหนึ่งที่ถูกนักธุรกิจและผู้ประกอบการเจ้าใหญ่เจ้าเล็กเลือกมาลงทุนเยอะมาก นอกจากนี้ยังเป็นที่นิยมในหมู่ชาวต่างชาติที่ชอบมาเที่ยว และมีสถานที่ทำการสำคัญอยู่ใกล้อีกด้วย ดังนั้นหากใครที่สนใจและกำลังมองหาโครงการบ้านหรือพวกทาวน์โฮม ศรีราชา ในการซื้อเพื่อที่จะเข้ามาอยู่อาศัยแล้วล่ะก็ควรที่จะต้องศึกษาถึงรายละเอียดต่าง ๆ ให้ดีก่อนซื้อ โดยมีข้อสำคัญหลัก ๆ ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อดังนี้ 1. หน้ากว้างเท่าไร เมื่อก่อนทาวน์โฮมส่วนใหญ่จะหน้ากว้าง 4 เมตร สามารถจอดรถได้ 1 คัน แต่ปัจจุบันหลายโครงการปรับแบบใหม่เพื่อให้มี Value มากขึ้น ด้วยการทำหน้ากว้างเพิ่มเป็นประมาณ 5 เมตร บางหลัง 5.7-6 เมตรก็มี เพื่อที่สามารถจอดรถได้ 2 คัน หลายโครงการอาจจะเคลมว่าจอดรถได้ 2 คันก็จริง แต่ขนาดหน้ากว้างกว่าย่อมดีกว่า เพราะมีพื้นที่มากกว่า 2. ความลึกของหน้าบ้านทาวน์โฮม ตามกฎหมายจะต้องลึกอย่างน้อย 3 เมตร ซึ่งพอที่จะจอดรถเก๋งเล็กได้ ซึ่งความลึกของหน้าบ้านหรือที่จอดรถมีความสำคัญพอๆ กับความกว้างของหน้าบ้าน เพราะความลึกของหน้าบ้านจะเป็นตัวบอกว่าเจ้าของบ้านสามารถจอดรถได้กี่คันด้วย บางโครงการเคลมว่าจอดได้ 2 คันจริง จอดได้ 2 คันก็จริง แต่แทบจะเปิดประตูเข้าบ้านไม่ได้ เช่น ใครที่ใช้รถกระบะซึ่งมีความยาวอยู่ที่ประมาณ 5 เมตร ถ้าเราจะเลือกซื้อทาวน์โฮม และสามารถจอดรถกระบะหน้าบ้านได้ ที่จอดรถต้องลึกอย่างน้อย 5.5 เมตร 3. ความลึกของหลังบ้าน ตามกฎหมายต้องลึกอยู่ที่ 2 เมตร แต่ถ้าโครงการไหนให้มากกว่า 2 เมตรก็แสดงว่าคนซื้อได้กำไร เพราะได้พื้นที่ดินมากกว่า (แต่ก็ต้องดูเปรียบเทียบราคาขายกับโครงการอื่นด้วย) 4. เสาเข็ม เรื่องนี้ก็สำคัญ เพราะว่าบางโครงการจะลงเสาเข็มเฉพาะตัวบ้าน หน้าบ้านบริเวณที่จอดรถ และหลังบ้านไม่ได้ลงไว้ให้ ในอนาคตถ้าอยู่ไปนานๆ อาจจะเจอปัญหาบ้านทรุดตามมา ฉะนั้นเวลาไปดูทาวน์โฮมควรถามเรื่องการลงเสาเข็มหน้าบ้านและหลังบ้านด้วยเสมอ 5. ระบบก่อสร้าง ส่วนใหญ่ทุกวันนี้งานก่อสร้างทาวน์โฮมหลายๆ โครงการใช้ระบบการก่อสร้างสำเร็จรูป ใช้ผนังสำเร็จรูปหรือระบบก่อสร้างแบบพรีแคส เนื่องจากมีความแข็งแรง ก่อสร้างได้เร็ว แต่ข้อด้อยของบ้านที่ก่อสร้างระบบสำเร็จรูปนี้ คือทุบ เจาะต่อเติมไม่ได้ ฉะนั้นถ้าใครมองเรื่องการต่อเติม เจาะ ทุบหลังจากซื้อไปก็ต้องถามโครงการก่อนนิดนึง 6. เพดานสูง ความสูงของเพดานก็สำคัญ ตามมาตรฐานเพดานบ้านทาวน์โฮมจะสูงอยู่ที่ 2.6 เมตร แต่ถ้าโครงการไหนให้เพดานสูง 2.7-3 เมตร นั่นแสดงว่าให้มากกว่าโครงการอื่นๆ จุดเด่นของเพดานสูงคือบ้านจะโปร่งโล่งมากขึ้น และในความคุ้มค่าลูกค้าได้พื้นที่ใช้สอยในแนวตั้งเพิ่มขึ้นด้วย (บิวท์อินตู้ได้สูงขึ้น) 7. ฟังก์ชันห้องน้ำ ส่วนใหญ่ทาวน์โฮม 2 ชั้น จะออกแบบให้มีห้องน้ำ 2 ห้อง คือที่ชั้น 1 และชั้น 2 อย่างละห้อง แต่สำหรับห้องน้ำชั้น 1 บางโครงการจะไม่ได้ทำที่อาบน้ำมาให้ หรือห้องน้ำเล็กเกินไป ฉะนั้นถ้าบ้านไหนสมาชิกเยอะ ห้องน้ำชั้น 1 อาบน้ำได้ก็ถือเป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญ ซึ่งทั้งหมดนี้จัดว่าเป็นเพียงส่วนหนึ่งของการเลือกซื้อทาวน์โฮม ศรีราชา เท่านั้น เพราะมันยังมีอีกหลายอย่างที่เราควรศึกษา และรู้ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อ นอกจากนี้ก็ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่ต้องพิจารณาอีกเยอะสำหรับใครที่กำลังจะตัดสินใจซื้อโครงการไหน อย่าลืมเพิ่มรายละเอียดทั้ง 7 ข้อที่ว่ามานี้เข้าไปด้วยนะคะ เพราะเราหวังว่ามันจะช่วยให้คุณสามารถตัดสินใจได้ถูกต้องและง่ายขึ้นค่ะ
  7. การที่จะซื้อบ้านสักหลังหนึ่งนั้น แน่นอนว่าผู้ซื้อจะต้องศึกษาถึงข้อมูลต่าง ๆ เกี่ยวกับบ้านที่จะซื้อให้ดี ๆ รวมถึงต้องรู้กฎหมายหรือข้อจำกัดของบ้านในแบบนั้น ๆ ด้วย เพื่อที่จะได้ไม่เกิดปัญหาตามมาทีหลัง อย่างเช่นจะซื้อบ้านแฝดก็ต้องไปดูว่าบ้านแฝดนั้นมีกฎหมายบังคับใช้อะไรบ้าง โดยกฎหมายที่บังคับใช้ของบ้านแฝดนั้นเบื้องต้นจะมีดังนี้ กฎหมายบ้านแฝดเบื้องต้น 1.ขนาดที่ดิน : บ้านแฝดใช้ที่ดินเริ่มต้นที่ 35 ตร.วา แต่ในทางกลับกันบ้านเดี่ยวต้องมีขนาดที่ดินมากกว่า 50 ตร.วา ส่วนใหญ่พื้นที่ใช้สอยของ 2 แบบบ้านนี้จะใกล้เคียงกัน แตกต่างกันที่พื้นที่ดินรอบตัวบ้านมากกว่าค่ะ 2.ความกว้าง : บ้านแฝดต้องมีหน้ากว้างที่ดินขั้นต่ำ 8 ม. แต่จะไม่สามารถสร้างเต็มที่ดินได้ เพราะตามกฎหมายแล้ว พื้นที่ด้านข้างตัวบ้านจะต้องมี “ที่ว่าง” มากกว่าหรือเท่ากับ 2 ม. ต้องเป็นพื้นที่ที่ไม่มีสิ่งก่อสร้างปกคลุม แต่เราสามารถจัดสวน ปลูกต้นไม้ได้ตามปกตินะ 3.ความลึก : ข้อจำกัดคล้าย ๆ บ้านเดี่ยว คือหน้าบ้านต้องมีระยะร่นจากแนวผนังบ้าน 3 ม. และหลังบ้านอีก 2 ม. คำว่า “ระยะร่น” นี้จะอนุโลมให้มีหลังคาปกคลุมได้ แต่ห้ามมีโครงสร้างปิดทึบ และต้องห่างจากแนวเขตที่ดินประมาณ 50 ซม. เพื่อไม่ให้รบกวนเพื่อนบ้านค่ะ 4.ส่วนที่เชื่อมกัน : ไม่ว่าจะเป็นผนัง หรือคาน ที่ใช้รวมกันระหว่าง 2 บ้าน ถือเป็นทรัพย์สินร่วมกัน เวลาจะทุบหรือดัดแปลงต้องได้รับความยินยอมจากเพื่อนบ้านก่อนนะคะ 5.ช่องเปิด/หน้าต่าง : สำหรับบ้านแฝด ถ้าห่างจากแนวเขตที่ดินไม่เกิน 50 ซม. จะไม่สามารถเจาะช่องเปิด/หน้าต่างได้ แต่ถ้าต้องการเจาะช่องหน้าต่าง ต้องห่างจากแนวเขตที่ดินเกิน 2 ม. หรือเจาะฝั่งที่หันออกด้านหน้าบ้าน และด้านหลังบ้านแทน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่ว่าคุณจะเลือกซื้อบ้านแบบไหน จะบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์เฮ้าส์ หรือคอนโดมิเนียม ก็ควรหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบ้านแบบนั้น ๆ ให้ดี และทำความเข้าใจอย่างละเอียดในทุก ๆ ด้านด้วย เพราะทุกสิ่งทุกอย่างเหล่านี้ล้วนเป็นตัวช่วยที่จะทำให้คุณตัดสินใจได้อย่างถูกต้อง และได้บ้านที่ดีที่สุดให้กับตัวคุณเองได้ค่ะ #บ้านแฝด
  8. จังหวัดชลบุรีนั้นมีระดับตัวเลขสำคัญทางเศรษฐกิจที่สูงเป็นอันดับ 2-3 ของประเทศไทยเลยก็ว่าได้ รวมทั้งยังมีการขยายตัวของอุตสาหกรรมอยู่ตลอด จึงทำให้มีความต้องการอยู่อย่างต่อเนื่อง มีแหล่งงานจำนวนมากซึ่งทำให้ผู้ประกอบการหลายเจ้า กล้าเข้ามาลงทุนในตลาดที่อยู่อาศัยในรูปแบบต่าง ๆ ทั้งคอนโดมิเนียม , บ้านเดี่ยว , บ้านแฝด , ทาวน์เฮ้าส์ , ทาวน์โฮม ศรีราชา , เซอร์วิสอพาร์ทเมนท์ และโรงแรมผุดขึ้นมาเป็นจำนวนมาก ซึ่งพื้นที่ศรีราชานั้นเป็นอำเภอหนึ่งที่ถูกนักธุรกิจและผู้ประกอบการเจ้าใหญ่เจ้าเล็กเลือกมาลงทุนเยอะมาก นอกจากนี้ยังเป็นที่นิยมในหมู่ชาวต่างชาติที่ชอบมาเที่ยว และมีสถานที่ทำการสำคัญอยู่ใกล้อีกด้วย ดังนั้นหากใครที่สนใจและกำลังมองหาโครงการบ้านทาวน์โฮม ศรีราชา ที่จะซื้อเพื่อเข้ามาอยู่อาศัยแล้วล่ะก็ควรที่จะต้องศึกษาถึงรายละเอียดต่าง ๆ เหล่านี้ให้ดี 1. หน้ากว้างเท่าไร เมื่อก่อนทาวน์โฮมส่วนใหญ่จะหน้ากว้าง 4 เมตร สามารถจอดรถได้ 1 คัน แต่ปัจจุบันหลายโครงการปรับแบบใหม่เพื่อให้มี Value มากขึ้น ด้วยการทำหน้ากว้างเพิ่มเป็นประมาณ 5 เมตร บางหลัง 5.7 - 6 เมตรก็มี เพื่อที่สามารถจอดรถได้ 2 คัน หลายโครงการอาจจะเคลมว่าจอดรถได้ 2 คันก็จริง แต่ขนาดหน้ากว้างกว่าย่อมดีกว่า เพราะมีพื้นที่มากกว่า 2. ความลึกของหน้าบ้านทาวน์โฮม ตามกฎหมายจะต้องลึกอย่างน้อย 3 เมตร ซึ่งพอที่จะจอดรถเก๋งเล็กได้ ซึ่งความลึกของหน้าบ้านหรือที่จอดรถมีความสำคัญพอ ๆ กับความกว้างของหน้าบ้าน เพราะความลึกของหน้าบ้านจะเป็นตัวบอกว่าเจ้าของบ้านสามารถจอดรถได้กี่คันด้วย บางโครงการเคลมว่าจอดได้ 2 คันจริง จอดได้ 2 คันก็จริง แต่แทบจะเปิดประตูเข้าบ้านไม่ได้ เช่น ใครที่ใช้รถกระบะซึ่งมีความยาวอยู่ที่ประมาณ 5 เมตร ถ้าเราจะเลือกซื้อทาวน์โฮม และสามารถจอดรถกระบะหน้าบ้านได้ ที่จอดรถต้องลึกอย่างน้อย 5.5 เมตร 3. ความลึกของหลังบ้าน ตามกฎหมายต้องลึกอยู่ที่ 2 เมตร แต่ถ้าโครงการไหนให้มากกว่า 2 เมตรก็แสดงว่าคนซื้อได้กำไร เพราะได้พื้นที่ดินมากกว่า (แต่ก็ต้องดูเปรียบเทียบราคาขายกับโครงการอื่นด้วย) 4. เสาเข็ม เรื่องนี้ก็สำคัญ เพราะว่าบางโครงการจะลงเสาเข็มเฉพาะตัวบ้าน หน้าบ้านบริเวณที่จอดรถ และหลังบ้านไม่ได้ลงไว้ให้ ในอนาคตถ้าอยู่ไปนานๆ อาจจะเจอปัญหาบ้านทรุดตามมา ฉะนั้นเวลาไปดูทาวน์โฮมควรถามเรื่องการลงเสาเข็มหน้าบ้านและหลังบ้านด้วยเสมอ 5. ระบบก่อสร้าง ส่วนใหญ่ทุกวันนี้งานก่อสร้างทาวน์โฮมหลายๆ โครงการใช้ระบบการก่อสร้างสำเร็จรูป ใช้ผนังสำเร็จรูปหรือระบบก่อสร้างแบบพรีแคส เนื่องจากมีความแข็งแรง ก่อสร้างได้เร็ว แต่ข้อด้อยของบ้านที่ก่อสร้างระบบสำเร็จรูปนี้ คือทุบ เจาะต่อเติมไม่ได้ ฉะนั้นถ้าใครมองเรื่องการต่อเติม เจาะ ทุบหลังจากซื้อไปก็ต้องถามโครงการก่อนนิดนึง 6. เพดานสูง ความสูงของเพดานก็สำคัญ ตามมาตรฐานเพดานบ้านทาวน์โฮมจะสูงอยู่ที่ 2.6 เมตร แต่ถ้าโครงการไหนให้เพดานสูง 2.7-3 เมตร นั่นแสดงว่าให้มากกว่าโครงการอื่นๆ จุดเด่นของเพดานสูงคือบ้านจะโปร่งโล่งมากขึ้น และในความคุ้มค่าลูกค้าได้พื้นที่ใช้สอยในแนวตั้งเพิ่มขึ้นด้วย (บิวท์อินตู้ได้สูงขึ้น) 7. ฟังก์ชันห้องน้ำ ส่วนใหญ่ทาวน์โฮม 2 ชั้น จะออกแบบให้มีห้องน้ำ 2 ห้อง คือที่ชั้น 1 และชั้น 2 อย่างละห้อง แต่สำหรับห้องน้ำชั้น 1 บางโครงการจะไม่ได้ทำที่อาบน้ำมาให้ หรือห้องน้ำเล็กเกินไป ฉะนั้นถ้าบ้านไหนสมาชิกเยอะ ห้องน้ำชั้น 1 อาบน้ำได้ก็ถือเป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญ ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการเลือกซื้อทาวน์โฮม ศรีราชา ที่เราควรศึกษาและรู้ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อ นอกจากสิ่งเหล่านี้แล้วก็ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่ต้องพิจารณาอีกเยอะสำหรับใครที่กำลังจะตัดสินใจซื้อโครงการไหน อย่าลืมเพิ่มรายละเอียดทั้งที่ว่ามานี้เข้าไปด้วยนะคะ หวังว่าจะช่วยให้คุณสามารถตัดสินใจได้ง่ายขึ้นค่ะ
  9. ปัจจุบันหากพูดถึงการที่จะซื้อที่พักอาศัยที่ให้โดนใจคนรุ่นใหม่ในช่วงหลังมานี้คงหนี้ไม่พ้น“คอนโดมิเนียม” เพราะตอบโจทย์ให้กับผู้อยู่อาศัยหลาย ๆ เรื่อง หรือหากใครมีงบประมาณสูงกว่าก็อาจมองหาเป็น “บ้านเดี่ยว” ก็ได้ เพราะจะได้มีพื้นที่ในการใช้สร้อยเยอะกว่าแบบคอนโดซึ่งเหมาะมากสำหรับการตั้งหลักปักฐานในการสร้างครอบครัว แต่ในขณะเดียวกันที่พักอาศัยในรูปแบบ “ทาวน์เฮ้าส์,ทาวน์โฮม” ก็ได้รับความนิยมมากขึ้นไม่แพ้กัน โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่น ที่กำลังมองหาสถานที่รองรับการประกอบธุรกิจส่วนตัวในอนาคต เพราะเดี๋ยวนี้คนรุ่นใหม่มีเป้าหมายที่จะเป็นนายของตัวเอง หรือพุ่งเป้าไปที่การทำธุรกิจส่วนตัวมากกว่าการมองหางานประจำที่ทำแบบเต็มเวลา ดังนั้นบ้านแบบทาวน์เฮ้าส์จึงกลายเป็นอะไรที่ตอบโจทย์ให้กับพวกเขาได้ดีกว่า และที่สำคัญยังมีปัจจัยอื่น ๆ มาประกอบด้วยว่าทำไมต้องเลือกดังนี้ รวมเหตุผลต่าง ๆ ว่าทำไมบ้านทาวน์เฮ้าส์จึงกลายเป็นที่นิยมของคนรุ่นใหม่ 1.ราคาเอื้อมถึง : ทาวน์โฮมมีราคาไม่สูงมากเมื่อเทียบกับราคาของบ้านเดี่ยวในทำเลใกล้เคียงกัน ซึ่งหากเป็นทาวน์โฮมย่านชานเมืองราคาจะยิ่งถูกลง และได้พื้นที่ตัวบ้านเยอะกว่า เนื่องจากบ้านเดี่ยวจะมีราคาที่ดินรอบตัวบ้านด้วย 2.ฟังก์ชันครบ : ทาวน์โฮมคือส่วนผสมที่ลงตัวของบ้านเดี่ยวและคอนโดมิเนียม จึงสนองตอบฟังก์ชันการใช้งานสำหรับการพักอาศัยได้เป็นอย่างดี 3.การออกแบบตกแต่งร่วมสมัย : มีกลุ่มคนรุ่นใหม่ไม่น้อยที่ให้ความสำคัญกับแปลน ฟังก์ชันที่ใช้ประโยชน์ได้จริง รวมถึงการออกแบบและตกแต่งที่ร่วมสมัย ซึ่งส่วนใหญ่โครงการทาวน์โฮมมักมาพร้อมงานดีไซน์ที่โดดเด่น ไม่ยึดติดกับกรอบเดิม พ่วงด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีล้ำสมัย ซึ่งนี่เองเป็นจุดเด่นอีกข้อที่ตอบโจทย์ และพร้อมตอบสนองไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ได้เป็นอย่างดี จนบางครั้งเรื่องราคาอาจเป็นเพียงองค์ประกอบท้าย ๆ ที่นึกถึง 4.ทำเลที่ตั้งไม่ไกลจากตัวเมือง : โครงการทาวน์โฮมส่วนใหญ่มีทำเลติดถนนใหญ่ย่านกลางเมืองมากกว่าบ้านเดี่ยว และบางโครงการอาจติดแนวรถไฟฟ้าและทางด่วนซึ่งสะดวกต่อการเดินทางมากกว่า หากไม่ได้พักอาศัยเอง ก็สามารถลงทุนในการปล่อยเช่าได้ เพราะราคาไม่สูงเท่าบ้านเดี่ยวหรือคอนโดมิเนียม 5.พื้นที่สีเขียวจัดเต็ม : หากคุณมีไลฟ์สไตล์ที่ชื่นชอบการจัดสวน และอยากให้พื้นที่ในเขตรั้วบ้านสดชื่นสบายตาด้วยสีเขียว ทาวน์โฮมโครงการคุณภาพมักมีการออกแบบจัดสรรพื้นที่ส่วนหนึ่งให้คุณได้ผ่อนคลาย และเติมเต็มจินตนาการเช่นกัน ทั้งบริเวณหน้าบ้านหรือหลังบ้าน นอกจากนี้ ยังมีสวนส่วนกลางของโครงการ ที่เป็นสเปซสำหรับพักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติอีกด้วย 6.ดูแลรักษาง่าย ประหยัดค่าใช้จ่าย : เนื่องจากทาวน์โฮมมีพื้นที่ภายในบ้านมากกว่าพื้นที่รอบนอก จึงสามารถดูแลรักษาง่ายและทั่วถึง ช่วยให้คุณประหยัดค่าใช้จ่ายจิปาถะในส่วนนี้ได้ด้วย 7.สามารถเพิ่มมูลค่าในตัวเองได้หลากหลาย : ข้อนี้เป็นจุดเด่นที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อทาวน์โฮมเป็นอย่างมาก เนื่องจากทาวน์โฮมถูกออกแบบมาให้มีหน้าตาเหมือนตึกแถว จะใช้เพื่อการอยู่อาศัยอย่างเดียวก็ได้ และยังสามารถปรับเปลี่ยนการใช้งานของพื้นที่ได้หลากหลายตามความต้องการ เพื่อให้คุณก้าวข้ามออกจากข้อจำกัดเรื่องพื้นที่ โดยส่วนใหญ่มักถูกดัดแปลงให้เป็นโฮมออฟฟิศก็สามารถทำได้เช่นเดียวกัน (หากคุณมีกิจการเป็นของตัวเอง) เพราะทาวน์โฮมส่วนใหญ่จะมี 3 ชั้นขึ้นไป ต่างจากบ้านเดี่ยวที่ถูกออกแบบมาเพื่อปลดล็อคการใช้ชีวิตที่เร่งรีบ ตอบโจทย์เรื่องพื้นที่ส่วนตัวและเพื่อพักผ่อนร่วมกับครอบครัวมากกว่า 8.ใกล้แหล่งกิน-เที่ยว : โครงการทาวน์โฮมส่วนใหญ่มักมาพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการ เช่น ฟิตเนส สวนส่วนกลางขนาดใหญ่ สระว่ายน้ำ คลับเฮ้าส์ ฯลฯ ไม่ต่างจากบ้านเดี่ยว แถมบางโครงการยังตั้งอยู่ในทำเลศักยภาพที่จำเป็นต่อการใช้ชีวิต อาทิ โรงพยาบาล โรงเรียน มหาวิทยาลัย ห้างสรรพสินค้า วัด สนามบิน และสถานที่สำคัญอื่น ๆ นอกจากสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้แล้วอีกสิ่งหนึ่งที่ต้องคำนึงถึงก่อนตัดสินใจซื้อบ้านทาวน์เฮ้าส์ เลยคือต้องศึกษากฎหมายที่อยู่อาศัยอย่างรอบคอบด้วย เพราะหากมีปัญหาเกิดขึ้น ก็จะกลายเป็นเรื่องยุ่งยากที่จะแก้ไข ดังนั้นเราควรมีความรู้เอาไว้ ป้องกันการเกิดเหตุการณ์เช่นนั้นขึ้นจึงจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดค่ะ
  10. Choosing a school for your child to study is considered another problem that causes many parents to worry about each other, not less. Because at present there is a high competition in the field of education of each school. Whether it's a government or private school and an international school. which is considered an international school with a very high standard But it has a very high cost as well. Which if any place is prosperous, there will be many international schools such as international school in bangkok which can be considered as a source of a lot of international schools. If any family has enough money, they can choose whether to Where can the child study? Sending your child to an international school, although it costs a lot more than a government school. But you can be confident that the results that will be obtained are definitely worth it. International schools are different from government schools in many ways as follows. difference between international school in bangkok and government schools 1. Expenses – The first issue is really undeniable that most international schools have very high expenses. Many schools have to pay hundreds of thousands of baht per semester, unlike government schools. where the cost is not that high 2. Teaching curriculum – Most of the curriculum, if it is an international school, will mainly focus on teaching English. If it is a Thai child, there are some Thai language courses added, but if other subjects are taught almost exclusively in English. all Unlike general public schools that teach even as a curriculum It's still not as intense as an international school. Therefore, the language of children studying in international schools will be stronger. 3. The general environment within the school – here we are talking about the various environments such as the various corners of the school, classmates, facilities. Of course international schools pay expensive tuition fees. Or different areas of the school are already of better quality. While the reality of friends depends on many factors, we can't say which one is better. If all children love each other and don't make mistakes, they can go to any kind of school and have good friends. 4. Opportunities for continuing education – If studying internationally and proficient in the language, the chances of going to study abroad are slightly higher than government schools. But on the other hand, if it is a general Thai university entrance exam, it depends mainly on the ability of children, but the government school will have the advantage that they have more understanding of the Thai language exam. Most of the popular international schools are located in Bangkok. because there are many international schools in bangkok to choose from, making it the best answer for parents and children. Both the place of study, pick-up, drop-off, as well as expenses that parents can choose at what level they are ready to pay for tuition fees. And convenient for children to study in any place, sure enough.
  11. การดูแลตนเองให้มีสุขภาพดีในทุก ๆ วันถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะในแต่ละวันเราใช้ร่างกายทำกิจกรรมต่าง ๆ มากมาย จนไม่มีเวลาดูแลตนเอง ดังนั้นอาหารเสริมจึงกลายเป็นอีกตัวเลือกที่หลาย ๆ คนใช้กัน เพราะง่าย สะดวก และได้รับสารอาหารที่ต้องการได้ครบถ้วน ตรงจุด เช่น ปวดเข่า ปวดข้อ ข้อเข่าเสื่อม ก็เน้นรับประทานอาหารเสริมพวก แคลเซียม คอลลาเจน หรือตัวอาหารเสริมยูซีทู เป็นต้น ซึ่งทุกคนรู้หรือไม่คะว่าตัว คอลลาเจน นั้นสามารถแบ่งออกได้เป็น 4ชนิด ได้แก่ คอลลาเจนชนิดที่ 1 (Collagen Type I) พบในผิวหนัง กระดูก และเส้นเอ็น ,คอลลาเจนชนิดที่ 2 (Collagen Type II) พบในกระดูกอ่อน ข้อต่อ และหมอนรองกระดูก ,คอลลาเจนชนิดที่ 3 (Collagen Type III) พบในหลอดเลือด เส้นใยกล้ามเนื้อ ปอด ตับ และไต ,คอลลาเจนชนิดที่ 4 (Collagen Type IV) พบใต้ชั้นผิวหนัง จะเห็นได้ว่าคอลลาเจนชนิดที่ 2 หรือคอลลาเจนไทป์ทูนั้น เหมาะสมที่จะใช้เพื่อฟื้นฟูกระดูกอ่อน ข้อต่อ และหมอนรองกระดูก นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมคอลลาเจนชนิดอื่น ถึงใช้ฟื้นฟูแทนไม่ได้ โดยคอลลาเจนไทป์ทู นั้นถูกแบ่งเป็น 2 ประเภทอีกทีดังนี้ ประเภทของคอลลาเจนไทป์ทู 1.Denatured Collagen Type II หรือ คอลลาเจนไทป์ทูทั่วไป (อาหารเสริมคอลลาเจน) เป็นคอลลาเจนที่ช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของข้อ ด้วยการกระตุ้นให้เกิดการสังเคราะห์เซลล์ใหม่เพิ่มขึ้น ช่วยเพิ่มระดับกรดไฮยาลูโรนิค ( Hyaluronic Acid ) และยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ที่ย่อยสลายน้ำหล่อเลี้ยงข้อ สามารถช่วยลดอาการปวดข้อและข้อยึด ทำให้ร่างกายเคลื่อนไหวได้ดีขึ้น 2.Undenatured Collagen Type II (UC-II) หรือ “ยูซี-ทู” (อาหารเสริมยูซีทู) เป็นคอลลาเจนเพียงชนิดเดียว ที่มีโครงสร้างสมบูรณ์เหมือนกับคอลลาเจนที่อยู่ในกระดูกอ่อน หมอนรองกระดูก และข้อต่อต่าง ๆ มีโครงสร้างใกล้เคียงกับคอลลาเจนที่ร่างกายสร้างขึ้น ทำให้ประสิทธิภาพในการดูดซึมดีกว่าคอลลาเจนไทป์ทู แต่ทั้งนี้แม้ว่าเราจะใส่ใจดูแลร่างกายมากแค่ไหน เลือกกิน เลือกใช้ ของดี ๆ มีคุณภาพมากเท่าไร ร่างกายก็มีโอกาสที่จะเจ็บป่วยขึ้นได้เหมือนกัน ดังนั้นนอกจากการทานอาหารเสริมอย่างอาหารเสริมยูซีทูแล้วอีกหนึ่งสิ่งที่ควรต้องมีเลยคือประกันสุขภาพ เพราะถ้าเกิดปัญหาสุขภาพกับร่างกายขึ้นมาจนต้องเข้ารับการรักษาจะได้ช่วยแบ่งเบาภาระทางด้านค่าใช้จ่ายให้กับเราได้ค่ะ
  12. ปัจจุบันการศึกษาถือเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ๆ สำหรับทุก ๆ คน โดยเฉพาะเด็ก ๆ เพราะเด็กเป็นวัยที่อยากรู้ อยากเห็น ชอบทำตามผู้ใหญ่ ปรับตัวได้เร็ว และจำสิ่งต่าง ๆ ได้ขึ้นใจ ดังนั้นจึงเหมาะมากที่จะต้องมอบแต่สิ่งดี ๆ ให้กับเขา โดยเฉพาะการเลือกโรงเรียนให้เขาไปเรียนควรเลือกโรงเรียนที่ดีมีคุณภาพ มีความพร้อมในทุก ๆ ด้าน อย่างดีที่สุด เช่น โรงเรียนที่เป็นนานาชาติ หรือเป็นอนุบาลอินเตอร์ เป็นต้น เพราะโรงเรียนที่เป็นนานาชาติ หรืออินเตอร์จะมีความพร้อมในทุก ๆ ด้านที่สนับสนุนพัฒนาการเรียนรู้ของเด็กให้ดีขึ้นได้ เช่น อุปกรณ์การเรียนการสอน สภาพแวดล้อม ตัวคุณครูผู้สอน มีความพร้อมหมด เพราะแบบนี้จึงไม่แปลกที่เราจะเห็นเด็กเรียนอนุบาลอินเตอร์กันเยอะ ถึงแม้ว่าจะต้องแลกมากับการที่จะต้องจ่ายเงินค่าเทอมแพงก็ตาม แต่ถ้าเทียบกับประโยชน์ที่เด็กจะได้รับแล้วถือว่าคุ้มค่ามาก นอกจากข้อดีต่าง ๆ ที่เราได้กล่าวมาแล้วก็ยังมีข้อดีอย่างอื่นอีกด้วย ว่าแล้วก็ตามเรามาทางนี้เลยค่ะ เดี๋ยวเราจะพาไปรู้จักกับข้อดีที่เหลือเอง ข้อดีของการให้เด็กเริ่มต้นการเรียนรู้ที่โรงเรียนอนุบาลอินเตอร์ 1. ทำให้ลูกรู้จักวัฒนธรรมที่หลากหลาย เมื่อลูกได้เข้าเรียนในโรงเรียนานาชาติ ลูกจะได้เรียนรู้วัฒนธรรมที่หลากหลายจากเพื่อน ๆ ต่างชาติ ต่างภาษา ทำให้เด็ก ๆ ได้เปิดโลกกว้าง ทำความเข้าใจความแตกต่างของคนอื่นได้มากกว่าเด็กที่เรียนกับเด็กไทยด้วยกันเอง ในอนาคตเมื่อเขาก้าวไปสู่การเรียนต่อต่างประเทศ เด็ก ๆ จะสามารถปรับตัวเข้ากับเพื่อนต่างชาติได้ดี ลดปัญหา culture shock ได้ 2. มีคอนเน็คชั่นที่ดี คุณพ่อคุณแม่ที่มีกำลังทรัพย์และมองการณ์ไกลหลายคน เลือกส่งลูกเรียนที่โรงเรียนนานาชาติ จึงปฏิเสธไม่ได้ว่าโรงเรียนนานาชาติเป็นอีกหนึ่งศูนย์รวมเด็ก ๆ ที่คุณพ่อคุณแม่ค่อนข้างมีฐานะ เด็ก ๆ จึงสามารถสร้างคอนเน็กชั่นดี ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่ออนาคตของเด็ก ๆ ได้ 3. ลูกมีสกิลภาษาสำหรับเข้าสังคมในอนาคต ในยุคที่การเรียนรู้เปิดกว้างมากขึ้น ภาษาอังกฤษเป็นเรื่องจำเป็นมากๆ ที่ช่วยให้เด็กๆ สื่อสารและเข้าสังคมได้ หากลูกมีสกิลภาษาอังกฤษดี ก็สามารถเปิดโลกเข้าสังคมได้กับคนทุกชาติ ทำให้เขามีโอกาสมีอนาคตที่ดีด้วยนั่นเอง ยิ่งบวกกับการที่เขาเข้าใจวัฒนธรรมที่แตกต่างของชาติต่าง ๆ เขาจึงสามารถโกอินเตอร์ไปเรียนรู้ได้โดยไม่ต้องกลัวเลยล่ะค่ะ โดยสิ้งต่าง ๆ เหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่สำคัญต่อเด็ก ๆ ที่จะทำให้เด็กกล้าแสดงออก โดยเฉพาะกล้าแสดงความคิดเห็นในเรื่องต่าง ๆ มีความคิดเป็นของตนเองทำให้เด็กยิ่งมีพัฒนาการที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ นอกจากนี้หลักสูตรนานาชาติ หรือหลักสูตรอินเตอร์ ยังการันตีได้ว่า ผู้ที่เรียนจบมานั้นจะมีทักษะภาษาที่ดีเยี่ยม พร้อมในการสื่อสาร ที่ต้องใช้ทักษะภาษาเข้ามาเกี่ยวข้องได้อย่างสบาย ๆ ได้อย่างแน่นอนค่ะ
  13. ในปัจจุบันเราจะเห็นว่ามีบริษัทขายอะไหล่อิเล็กทรอนิกส์ให้เราได้เลือกซื้อ และใช้บริการหลายบริษัทมาก ๆ เพราะด้วยความที่ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์อะไรล้วนต้องมีอะไหล่อิเล็กทรอนิกส์เป็นส่วนประกอบไปซะทุกอย่าง โดยเฉพาะพวกสินค้าไอที และเครื่องใช้ไฟฟ้า เป็นต้น และเพื่อให้ตอบสนองความต้องการของผู้ซื้อ หรือผู้ที่ต้องการใช้งาน บริษัทขายอะไหล่อิเล็กทรอนิกส์ จะต้องรวบรวมวัสดุ และอุปกรณ์ต่าง ๆ เหล่านั้นมาให้พร้อม เพื่อให้ผู้ที่ต้องการซื้อสะดวก สบายที่สุด โดยอะไหล่อิเล็กทรอนิกส์สำคัญ ๆ ที่จะต้องมีเลยมีดังนี้ รวมอะไหล่อิเล็กทรอนิกส์ที่จำเป็นและสำคัญที่ต้องมีอยู่ในบริษัทขายอะไหล่อิเล็กทรอนิกส์ 1.มัลติมิเตอร์ (Mutimeter) เป็นเครื่องมือวัดที่มีประโยชน์มาก เพียงแค่เราปรับหมุนสวิตซ์ก็สามารถตั้งเป็นโวลต์มิเตอร์ แอมมิเตอร์ หรือโอห์มมิเตอร์ ซึ่งแต่ละแบบก็สามารถเลือกพิสัยการวัดได้หลายระยะ และเลือกไฟฟ้ากระแสสลับ (AC) ไฟฟ้ากระแสตรง (DC) บางชนิดมีคุณสมบัติการวัดเพิ่มเติม เช่น วัดค่าความจุ วัดความถี่ และทดสอบทรานซิสเตอร์ เป็นต้น 2. แอมมิเตอร์ (Ammeter) เป็นเครื่องมือวัดที่ใช้วัดกระแสไฟฟ้าในวงจรไฟฟ้า โดยนำแอมมิเตอร์มาต่ออนุกรมกับวงจรไฟฟ้า ซึ่งสามารถวัดไฟฟ้ากระแสตรงได้ 3. โวลต์มิเตอร์ (Voltmeter) เป็นเครื่องมือวัดที่ใช้วัดความต่างศักย์ไฟฟ้าในวงจรไฟฟ้า โดยนำโวลต์มิเตอร์มาต่อขนานกับวงจรไฟฟ้า ซึ่งสามารถวัดไฟฟ้ากระแสตรงได้ 4. ตัวต้านทาน (Resistor) เป็นอุปกรณ์ทำหน้าที่ต้านทานการไหลของกระแสไฟฟ้าโดยใช้ได้ทั้งไฟฟ้ากระแสตรงและไฟฟ้ากระแสสลับ ถ้าความต้านทานมากกระแสไฟฟ้าก็จะไหลผ่านตัวต้านทานได้น้อย แต่ถ้าความต้านทานน้อยกระแสไฟฟ้าก็จะไหลผ่านตัวต้านทานได้มาก 5. ตัวเก็บประจุ (Capacitor or Condenser) มีคุณสมบัติในการเก็บประจุไฟฟ้า ซึ่งเกิดจากการที่มีแผ่นโลหะสองแผ่นวางอยู่ใกล้ๆ กัน แต่ไม่แตะถึงกัน โดยมีแผ่นไดอิเล็กตริก ซึ่งมีลักษณะเป็นฉนวนกั้นอยู่ระหว่างแผ่นโลหะทั้งสองแผ่น 6. ไดโอด (Diode) ทำมาจากสารกึ่งตัวนำ มีขนาดเล็ก มีขั้วต่อออกมาใช้งาน 2 ขั้ว มีคุณสมบัติยอมให้กระแสไฟฟ้าผ่านได้ทางเดียวเมื่อป้อนแรงดันไฟฟ้าตรงขั้ว และจะไม่ยอมให้กระแสไฟฟ้าผ่านได้เมื่อป้อนแรงดันไฟฟ้ากลับขั้ว 7. ทรานซิสเตอร์ (Transistor) เป็นอุปกรณ์สารกึ่งตัวนำชนิด 3 ตอนต่อชนกัน โดยใช้สารกึ่งตัวนำชนิด P และชนิด N ทรานซิสเตอร์ต้องสร้างให้ตัวนำตอนกลางแคบที่สุด มีขาต่อออกมาใช้งาน 3 ขา 8. ลำโพง (Speaker) มีหน้าที่ในการเปลี่ยนสัญญาณเสียงในรูปของพลังงานไฟฟ้าให้เป็นพลังงานเสียงที่หูเราสามารถรับรู้ได้ นอกจากนี้แล้วก็ยังมีอะไหล่อิเล็กทรอนิกส์อื่น ๆ อีกมากมายที่เราไม่ได้พูดถึง ซึ่งต้องบอกเลยว่าหากคุณสนใจสามารถหาซื้อตามช่องทางออนไลน์ได้เลย เพราะเดี๋ยวนี้บริษัทขายอะไหล่อิเล็กทรอนิกส์ ส่วนใหญ่จะมีช่องทางในการซื้อ ขาย ทางออนไลน์ หรือตามเว็บของบริษัท แทบจะทั้งหมด เพราะฉะนั้นแล้วจึงหมดกังวลไปได้เลย ว่าไม่ต้องไปซื้อที่หน้าร้านให้เสียเวลาอีกแล้ว เพราะอะไหล่อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ เหล่านี้จะมีอยู่ในระบบให้ท่านเลือกซื้อได้อย่างสบายใจแน่นอน
  14. อาหารเสริมวัยทองหรือวิตามินบำรุงร่างกาย ถือว่าเป็นตัวช่วยที่ดีที่สุดสำหรับคนที่เข้าสู่ช่วงวัย 40up ทั้งผู้หญิง และผู้ชาย เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงมีความกังวลใจต่อการเปลี่ยนแปลงอยู่ไม่น้อย ทั้งด้านร่างกาย ฮอรโมนและสภาพจิตใจ ที่จะมีความรู้สึกว่า เหวี่ยงง่าย ร้อนวูบวาบ เหงื่อออกตอนกลางคืน นอนไม่หลับกระสับกระส่าย อาการเหล่านี้ล้วนเป็นอาการของสาวใหญ่วัยทองแทบจะทุกคน ขึ้นอยู่กับว่าใครจะเป็นมากเป็นน้อย ดังนั้นการดูแลตัวเองเพื่อเตรียมรับมือกับอาการวัยทองด้วยการเลือกทานอาหารเสริมวัยทองนั้นจึงเป็นสิ่งที่จำเป็น เพราะสามารถช่วยบำรุงร่างกายและลดความเสี่ยงที่จะเกิดโรคอื่น ๆ ตามมาได้ โดยอาหารเสริมที่เราจะแนะนำให่ได้รู้จักกันเลยมีดังนี้ อาหารเสริมวัยทองที่มีสารต้านอนุมูลอิสระและวิตามิน 1. วิตามินอี วิตามินอีเป็นสารอาหารอีกตัวหนึ่งที่ช่วยบรรเทาอาการร้อนวูบวาบของคนที่อยู่ในภาวะโรควัยทองได้ จากงานวิจัยพบว่าการทานวิตามินอีปริมาณ 400 IU ต่อเนื่องอย่างน้อย 4 สัปดาห์ขึ้นไป จะสามารถบรรเทาอาการร้อนวูบวาบได้ นอกจากนี้วิตามินอียังช่วยลดอาการช่องคลอดแห้งสำหรับผู้หญิงได้อีกด้วย 2. วิตามินดี วิตามินดีสามารถช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุนที่สามารถพบได้ในผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน ซึ่งวิตามินดีมีความสำคัญต่อร่างกายอย่างมาก คือช่วยส่งเสริมให้ร่างกายมีการดูดซึมแคลเซียมในลำไส้เข้าสู่กระแสเลือดได้ดีขึ้น หากร่างกายขาดวิตามินดีจะทำให้แคลเซียมในกระแสเลือดลดลง และกระตุ้นให้ฮอร์โมนพาราไทรอยด์เพิ่มขึ้น ที่อาจก่อให้เกิดภาวะ secondary hyperparathyroidism จนทำให้มีการสลายของกระดูก 3. แคลเซียม แคลเซียมเป็นสารที่จำเป็นสำหรับกระดูก แน่นอนว่าเมื่อเข้าสู่วัยทองเนื้อกระดูกจะบางลง กระดูกแตกหักได้ง่าย ซึ่งถ้าหากร่างกายได้รับแคลเซียมอย่างเพียงพอก็จะช่วยลดอัตราการเกิดภาวะกระดูกพรุนลงได้ ส่วนใหญ่แล้วเรามักจะรับแคลเซียมจากการดื่มนม แต่เนื่องจากบางรายทานนมแล้วเกิดอาการท้องอืด กรณีนี้ควรรับประทานแคลเซียมเสริมจากอาหารชนิดอื่น 4. วิตามินเอ วิตามินเอเป็นหนึ่งในสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) ที่จำเป็นสำหรับคนที่เข้าสู่ช่วงอายุวัยทอง เนื่องจากมีบทบาทสำคัญต่อระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายให้ทำงานปกติ ป้องกันการติดเชื้อในระบบทางเดินอาหาร, ระบบทางเดินหายใจและระบบปัสสาวะ 5. แคโรทีน แคโรทีนมีส่วนช่วยในการสร้างภูมิคุ้มกัน กระตุ้นเซลล์ภูมิต้านทานในร่างกายให้มีประสิทธิภาพการทำงานได้ดีขึ้น ช่วยลดความเสี่ยงการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด โรคมะเร็ง ทั้งนี้อาหารเสริมวัยทองและสมุนไพรอาจทำปฏิกิริยาบางอย่างกับยาที่คุณรับประทานอยู่ โดยสมุนไพรอาจจะไปเพิ่มหรือลดการออกฤทธิ์ของยานั้นได้ หรืออาจทำให้เกิดปัญหาสุขภาพบางอย่างขึ้นได้ ดังนั้นควรศึกษาข้อระวังในการใช้สมุนไพรให้ดี ๆ กันด้วยนะคะ
  15. อาการวัยทองของผู้หญิง และผู้ชายนั้นไม่แตกต่างกัน ช่วงอายุวัยทองอยู่ระหว่าง 40-55 ปี และอาการที่พบคือ เครียด หงุดหงิดง่าย โกรธง่าย เดี๋ยวร้อน เดี๋ยวหนาว นอนไม่หลับ เหนื่อยง่าย มีพละกำลังลดลง และมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่าง ๆ ได้ง่าย เช่น โรคหัวใจ โรคเบาหวาน กระดูกพรุน ต่อมลูกหมากโต ปัสสาวะขัด สมรรถภาพลดลง และเมื่อเข้าสู่วัยทอง หลายคนก็เริ่มมีอาการแปลก ๆ ที่ทำให้รู้สึกไม่ค่อยสบายตัวสักเท่าไหร่ โดยเฉพาะอาการร้อนวูบวาบ และอารมณ์แปรปรวน หงุดหงิดง่าย แต่อาการเหล่านี้ก็สามารถแก้ได้ไม่ยาก เพราะวันนี้เรามีวิธีแก้อาการวัยทองเอามาฝากพร้อมแล้วก็มาดูกันเลยค่ะ วิธีแก้อาการวัยทองที่คนในวัย 40+ ไม่ควรพลาด 1.แช่น้ำอุ่นหรืออาบน้ำอุ่นทุกเช้า การแช่น้ำอุ่นเป็นประจำทุกเช้า จะช่วยให้เลือดลมไหลเวียนดี อุณหภูมิในร่างกายมีความสมดุล และลดอาการร้อนวูบวาบได้ ทั้งยังดีต่อสุขภาพเป็นอย่างมากอีกด้วย ดังนั้นหลังตื่นนอนตอนเช้า ก็อย่าลืมแช่น้ำอุ่นกันก่อน สักประมาณ 20 นาทีก็เพียงพอแล้ว 2.กินอาหารที่อุดมไปด้วยแคลเซียม การกินอาหารที่อุดมไปด้วยแคลเซียม จะทำให้ได้รับแคลเซียมอย่างเพียงพอ ลดปัญหาโรคกระดูกพรุน กระดูกเปราะบางแตกหักง่าย และยังช่วยลดอาการร้อนวูบวาบได้ดีอีกด้วย โดยเฉพาะใครที่เหงื่อออกตอนกลางคืนบ่อยๆ ต้องเสริมด้วยแคลเซียมเยอะ ๆ จะช่วยได้มากทีเดียว 3. สร้างความผ่อนคลายด้วยน้ำมันหอมระเหย น้ำมันหอมระเหย จะช่วยให้เกิดความผ่อนคลาย ลดความตึงเครียด แก้อาการร้อนวูบวาบ และช่วยลดอารมณ์แปรปรวนได้ โดยให้นำน้ำมันหอมระเหยมาผสมกับน้ำ แล้วอาบหรือแช่สัก 15-20 นาที ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะนิยมใช้เป็นน้ำมันหอมระเหยลาเวนเดอร์ แครีเสจ หรือเจอราเนียม เพราะได้ผลลัพธ์ที่ดีมาก 4. ออกกำลังกายเป็นประจำ ยิ่งเข้าสู่วัยทองก็ยิ่งต้องออกกำลังกาย เพื่อเพิ่มความแข็งแรง ให้มีสุขภาพที่ดีอยู่เสมอ โดยเลือกวิธีออกกำลังกายที่เหมาะสมกับตัวเอง เช่น เดินเร็ว เล่นโยคะ หรือเต้นแอโรบิก ทำเป็นประจำอย่างน้อยสัปดาห์ละ 3-4 ครั้ง ก็จะช่วยแก้อาการวัยทองได้ และยังมีร่างกายที่แข็งแรงอีกด้วย 5. พักผ่อนให้เพียงพอ คนวัยทองมักจะมีอาการนอนไม่หลับ ซึ่งส่งผลเสียต่อสุขภาพอย่างมาก และเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดอาการต่าง ๆ ได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นสภาวะอารมณ์ที่ไม่คงที่ แปรปรวน หงุดหงิดง่าย หรืออาการร้อนวูบวาบที่เกิดขึ้นบ่อย ๆ ดังนั้นควรพยายามพักผ่อนให้เพียงพอ อย่าคิดหรือเครียดกับเรื่องอะไรมากมาย เมื่อคุณนอนหลับพักผ่อนได้เต็มที่แล้ว อาการต่าง ๆ ก็จะค่อย ๆ ดีขึ้นเอง นอกจากวิธีแก้อาการวัยทองที่เราแนะนำมาด้านบนนี้แล้ว ก็ต้องดูแลตนเองและรับมือกับการเปลี่ยนแปลงในช่วงวัยนี้ด้วย โดยเริ่มต้นง่าย ๆ จากการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ครบ 5 หมู่ เน้นอาหารที่มีปริมาณแคลเซียมสูงและไขมันต่ำ งดสูบบุหรี่ ลดการดื่มแอลกอฮอล์ หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนสูง ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมออย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้ง ครั้งละ 30 นาที พักผ่อนให้เพียงพอ ฝึกการควบคุมอารมณ์ให้มีความคิดในเชิงบวก และตรวจร่างกายอย่างสม่ำเสมอปีละ 1 ครั้ง หากรู้สึกว่าการเปลี่ยนแปลงในช่วงวัยทองมีผลกระทบกับคุณภาพชีวิต ควรไปพบแพทย์เพื่อปรึกษา พูดคุย และรับการรักษาต่อไปด้วยนะคะ
×
×
  • Create New...