ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

เห็นแล้วหิว อยากทานด้วย

สบายดีนะคะ ไม่ค่อยได้ปะหน้ากันเลย เวลาไม่ค่อยตรงกัน แต่ใจตรงกันแน่เลย รอซื้ออยุ่ใช่มั้ยอ่ะ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดีค่าคุณตาปี คิดถึงนะคะ

กลางวันทานอะไรคะ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สบายดีนะคะ ไม่ค่อยได้ปะหน้ากันเลย เวลาไม่ค่อยตรงกัน แต่ใจตรงกันแน่เลย รอซื้ออยุ่ใช่มั้ยอ่ะ

 

อ้าวๆเจ้าป้า จีบผู้การท่านอีกแล้ว

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ป้ามีอะไรไหว้วาน ห้องอ.ทองใหม่ กราฟดูดีมีสกุล ใครแปลเปน แปลให้หน่อยสิจ๊ะ มาสอนอ่านก็ได้ แปลกๆดี

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

 

อ้าวๆเจ้าป้า จีบผู้การท่านอีกแล้ว

อยากเปนต้นห้องอ่ะ อิอิ เปนแต่ต้มไข่ ไหวป่าวไม่รุ ตกลงจะให้ไปตัดผมยัง

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

อยากเปนต้นห้องอ่ะ อิอิ เปนแต่ต้มไข่ ไหวป่าวไม่รุ ตกลงจะให้ไปตัดผมยัง

 

 

ผู้การบอกให้เจ้าป้าไปทำอาหารฝาหรั่งให้ทาน กับแนะเทรดเจ๋งๆลำใยๆทุกครั้งให้ก็พอแล้ว

เรื่องอาหารอีสานแซ่บๆ อาหารไทยอร่อยๆ ผู้การปรุงอยู่เป็นประจำ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สุภาษิต "ผิดเป็นครู" ผมคงเป็น "อธิการบดี" เรียบร้อยแล้ว

รวมๆแล้ว อธิการบดี ตั้งแต่เล่นมายังกำไรอยู่ใช้มั๊ยคะ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

รวมๆแล้ว อธิการบดี ตั้งแต่เล่นมายังกำไรอยู่ใช้มั๊ยคะ

รวมๆ แล้วยังเจ็บตัวอยู่ครับ เพราะเริ่มเล่นช่วงที่มีน้ำตกทีลอซู ตามด้วยทีลอจ่อ โดนไป 2 ดอกเน้นๆ เม่าเลยเกรียมครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

รวมๆ แล้วยังเจ็บตัวอยู่ครับ เพราะเริ่มเล่นช่วงที่มีน้ำตกทีลอซู ตามด้วยทีลอจ่อ โดนไป 2 ดอกเน้นๆ เม่าเลยเกรียมครับ

โอเคค่ะ ตำแหน่งนี้ยังยกให้เป็นของ ดช เม่า ดอดขอเป็นเลขาอธิการฯละกันนะคะ เจ็บมาเหมือนกันค่ะ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เมื่อโลกทั้งใบไล่ล่า QE

 

เราได้ยินคำนี้กันมา ตั้งแต่หลังเกิดวิกฤติ Subprime ที่โด่งดังในสหรัฐฯ

แล้วตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เจ้า QE ที่ว่ามันก็คอยมาหลอกหลอนเรามาจนถึง

ทุกวันนี้ แล้วคนก็ไล่ล่าตามหา QE3 กันทั้งโลก

 

ก่อนจะบ่นเรื่อง QE ขอเริ่มจากศัพท์ ย่อๆ ที่เขาใช้เรียกธนาคารกลาง (Central Bank)

ก่อน ต่อไปจะได้เรียกด้วย ชื่อต่างๆ และ ชื่อย่อได้ไม่ต้องเมื่อยมือพิมพ์ (ซึ่งความจริงก็คือ

การจิ้มดีดนั่นแหละ)

 

ธนาคารกลาง บ้านเรา เรียกกันว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือธนาคารชาติ หรือแบงค์ชาติ

ใช้คำย่อเป็นอังกฤษว่า BOT/// ของอเมริกาเรียกย่อว่า FED /// ของอังกฤษเรียก BOE

ของญี่ปุ่นเรียก BOJ /// ของสหภาพยุโรปเรียกว่า ECB

 

เอาละพอแค่นี้ ไม่ต้องไล่ไปจนครบ 200 กว่าประเทศในโลกแล้ว

 

ทีนี้ก็มาถึงคำว่า QE ละ

 

เจ้า Quantitative Easing หรือ QE เนี่ยะ ไม่เคยปรากฏตนในหนังสือเรียนทางเศรษฐศาสตร์เลย

หรือมี แต่หาไม่เจอก็ไม่ทราบได้ แต่มันเพิ่งมาดังเอาในไม่กี่ปีก่อน โดยเราได้ยินคำนี้กันมา

ตั้งแต่หลังเกิดวิกฤติ Subprime ที่โด่งดังในสหรัฐฯ แล้วตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เจ้า QE ที่ว่ามัน

ก็คอยมาหลอกหลอนเรามาจนถึงทุกวันนี้

 

แล้วคนก็ไล่ล่า ตามหา QE3 กันทั้งโลก แถมยังตลกจนขำไม่ออกเมื่อบางคนไล่ล่าหา QE

ทั้งๆ ที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันคืออะไร

 

แล้วเจ้า QE มันคืออะไรล่ะ

 

บางคนเขาบอกว่า มันคือสภาพที่ไม่มีกลไกอื่น ที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจที่วิกฤติ

ให้กระเตื้องขึ้นได้แล้ว เช่น หากธนาคารกลางจะไปใช้นโยบายการเงินด้วยการ

กดดอกเบี้ยลงไปอีกก็ไม่ได้แล้ว เพราะอัตราดอกเบี้ยลดลงจนเป็นศูนย์ หรือ ใกล้ศูนย์แล้ว

แต่เศรษฐกิจยังไม่ฟื้น และ รัฐบาลจะไปใช้นโยบายการคลัง ด้วยการกู้ หรือ ยอมขาดดุลเพิ่ม

เพื่อนำไปใช้จ่ายกระตุ้นเศรษฐกิจ และ การจ้างงานก็ไม่ไหวแล้ว เพราะไปติดเพดานหนี้

ภาครัฐที่กฏหมายกำหนด เป็นต้น

 

จากข้อจำกัด ที่ว่า ธนาคารกลาง จึงใช้วิธีเสกเงินจำนวนมหาศาลโดยไม่มีอะไรมารองรับ

แล้วผลักเงิน เข้าสู่ระบบโดยตรง เพื่อเข้าไประดมซื้อสินทรัพย์ คือ ตราสารทางการ เงิน ต่างๆ

ในตลาด เป็นการพิมพ์เงินเพิ่มขึ้นมา แล้วนำเงินไปลงทุน เช่น ซื้อพันธบัตรรัฐบาล หรือ

ให้แบงค์ต่างๆ กู้ต่อในอัตราดอกเบี้ยต่ำมากๆ (เหมือนยกลูกสาวให้ โดยจ่ายสินสอดบาทเดียวก็ว่าได้)

ทั้งนี้ ก็เพื่อให้แบงค์เหล่านั้นนำเงินไปปล่อยกู้อีกที ทำให้ระบบมีเงินหมุนเวียนเพิ่มขึ้น

 

QE จึงเป็นการเพิ่มเงิน ที่คล้ายเลือด เข้าไปในระบบพร้อมกับปั๊มหัวใจที่กำลัง อ่อนแรงจะหยุดเต้น

ให้เลือดหมุนเวียนทั่วร่างกายขึ้นมาอีกครั้ง ก็อาจจะรอดจากโคม่าบ้าง ไม่รอดบ้างมั่งแหละ

และ FED ไม่ใช่แห่งแรกที่ออก QE ใครจะออกก่อนไม่รู้ แต่ไม่ได้ใช้คำว่า QE แน่ๆ

 

อังกฤษก็เคยทำมาเป็น ร้อยๆ ปีแล้ว

 

ญี่ปุ่น โดย BOJ เขาก็ใช้มาตรการ QE ตั้งแต่ปี 2001 โดยเสกเงินเอาไปซื้อพันธบัตรรัฐบาล

ญี่ปุ่นมาเก็บไว้ ทำให้งบดุลที่มีขนาด 5 ล้านล้านเยน พุ่งปรี๊ดไปเป็น 35 ล้านล้านเยนภายใน

เวลาเพียง 3 ปี และ แขวนเติ่งอยู่อย่างนั้นจนถึงปี 2006 จนกลับมาอยู่ที่ไม่ถึง 10 ล้านล้านเยน

แต่เศรษฐกิจ ก็ยังไม่มีทีท่าว่า จะฟื้นจริงมาจนทุกวันนี้ ก็ น่าเห็นใจ เพราะญี่ปุ่นไม่มี Growth แล้ว

ประเทศนี้จะ Growth ได้อย่างไร ในเมื่อมีเด็กมาเกิดใหม่ ในอัตราที่ต่ำจนน้าจิม โรเจอร์ส

ยังอุทานว่า หากอัตราการเกิด ยังเป็นอย่างนี้ต่อไป อีกไม่นาน จะไม่มีคนญี่ปุ่นหลงเหลือมาจ่าย

คืนเงินกู้แล้ว

เมื่อไม่มีเด็ก ไม่มีคนรุ่นใหม่ จะไป Growth เอามาจากไหน ใครจะบริโภค ใครจะสร้างอนาคต

ของชาติได้ คนแก่ๆ มีแต่เสื่อมสังขารลงไปทุกที และ บริโภคก็น้อยลง ยกเว้นคนแก่บางคน

ที่ยิ่งแก่ยิ่งโกง แต่ก็ไม่ทำให้เศรษฐกิจ Growth ได้เลย มีแต่จะตรงกันข้าม

หรือคนญี่ปุ่นเขาไม่ขยันเรื่องนั้นไปแล้ว ก็ไม่น่าจะใช่ ในเมื่อหนัง AV แสนจะดังข้ามทวีป

 

เอาละ หากอยากทำความเข้าใจมากกว่านี้ ช่วยไปหาความรู้เพิ่มเติมเอาเองจาก

“น้องกู” แล้วกัน (Google) เพราะมีหลายคนเขียนไว้ดีมาก

 

แต่ที่น่าจะคิดกัน ก็คือ QE ที่ออกกันมานั้น ทำให้เศรษฐกิจรอดพ้นได้หรือยัง

 

ตัวอย่าง ที่นอกเหนือจากญี่ปุ่น เช่นในสหรัฐฯ นั้น การที่ ลุงเบน ประธาน FED

เขาออก QE มา 2 รุ่นแล้วนั้น คนกลับไปมีงานทำในอัตราที่ควรพอใจหรือยัง

เศรษฐกิจ ขยายตัวได้ในระดับที่ต้องการหรือยัง ธนาคารต่าง ๆ เขาเอาเงินที่ได้

จากลุงเบนไปปล่อยกู้ได้ตามปกติ หรือยัง ภาคธุรกิจเริ่มขยายกิจการได้หรือยัง

 

ยัง ยัง ยัง และ ยัง

 

อ้าว แล้วใครละ ที่ได้ประโยชน์จากการออก QE

 

ลองคิดดูนะ หากเราเป็นธนาคารต่างๆ แล้วเราได้เงินมา เราก็ควรเอาไปปล่อยกู้

เพื่อหากำไรใช่ไหม

 

แต่ ในเมื่อภาคธุรกิจ ไม่กู้เพราะยังไม่มั่นใจว่า กู้ไปฟื้นฟู หรือ ขยายกิจการ แล้วจะมีคนมาซื้อ

สินค้าและบริการของเขา เขาก็เลยไม่กู้ ภาคประชาชนตกงานก็ไม่กู้ หรือ กู้ไปแบงค์ก็ไม่กล้าปล่อย

กลัวเจอประเภท ไม่เบี้ยว ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย ธนาคารเหล่านั้น ก็ต้องเอาเงินที่ได้ไปหาประโยชน์

ใช่ไหมล่ะ ไม่งั้นก็ต้องคอยจ่ายแต่ดอกเบี้ยที่กู้ แม้จะต่ำมาก มันก็เป็นต้นทุนที่ต้องจ่าย

 

ทีนี้ จะเอาเงินไปหาประโยชน์จากที่ไหนล่ะ หากไม่ใช่ในสินทรัพย์เสี่ยงต่างๆ เช่นตลาดหุ้น ทองคำ ฯลฯ

 

QE2 รุ่นที่ออกมาก่อนหน้า ก็เลยไปทำให้ราคาหุ้น ทองคำ พุ่งขึ้น แบงค์ก็รวย คนเก็งกำไรก็รวยกัน

ไป และนั่น ก็คนส่วนน้อยนิดของประเทศ ไอ้ที่ตกงานก็ยังตกงานอยู่นั่นแหละ เพราะเงินมันไม่ลงไป

ถึงผู้บริโภค

 

แต่ จะยังไงก็ตาม อาการเสพติด QE มันก็เกิดขึ้นแล้ว ทั้งสถาบันการเงิน ทั้งผู้ลงทุนทั่วไป ต่างเรียกร้อง QE ปานคนติดยา ที่มีอาการมือไม้สั่นหน้าซีด ขอยารุ่น 3 อยู่ร่ำไป

ยา ... ยา ... ยา ... อยู่หนาย....

 

ล่า สุด ไม่กี่นาทีนี้ ECB ประชุมกันแล้ว ตกลงคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 0.75%

ในขณะที่ BOE มีมติคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 0.5% กับบอกว่าไม่เพิ่ม QE

 

โอย .... ยา... ยา .... ยา.....

วัน ก่อน FED ก็ยังไม่ออก QE3 แม้จะระบุว่าอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจลดลงไปอีกแล้ว

และคาดว่าจะช้าลงไปอีก ในไตรมาสที่เหลือของปีนี้ การบริโภคก็เชื่องช้า อัตราการจ้างงาน

ก็กระเตื้องขึ้นช้ามาก สถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัยก็ยังย่ำแย่ และ อัตราเงินเฟ้อก็คาดว่าจะต่ำ

กว่าระดับที่ FED ต้องการ

 

คนที่เก็ง ผิด ก็ยิ่งออกอาการหงุดหงิดกันว่าในเมื่ออะไรๆ ก็บ่งชี้ จนหลายสำนักดังๆ ออกมาฟันธง

ว่าจะมี QE3 แน่ แต่ FED ก็ยังยึกยักไม่ออกสักที ต้องรอสัญญาณอะไร หรือ จะไปออกในเดือน

กันยายน (จะได้ตามไปเก็งกำไรกันต่อไป หลังจากที่รอบนี้แห้ว และ เจ๊งไปแล้ว)

 

ก็นับเป็นความแปลกประหลาดยิ่ง ที่ผู้ลงทุนในโลก เขาเลิกคิดถึงคุณค่าหุ้นที่ตนเองจะซื้อแล้ว

เพราะเอาชะตาชีวิต ไปแขวนไว้กับความหวังว่า FED จะ ออก QE มากกว่าจะไปคัดสรรหาหุ้น

ที่มีอนาคตดีมาลงทุน

 

พอคาดว่า FED จะออก QE3 ก็จะกระดี๊กระด๊า เข้าหาหุ้นและสินทรัพย์เสี่ยงอย่างอื่น เช่น ทองคำ

โดยเก็งว่าจะรวยมากๆ เหมือนการออก QE รุ่นก่อนๆ

 

พอ FED ของลุงเบน ไม่มีทีท่าว่าจะออก QE3 สักที ก็คอตก ผิดหวังไปตามๆ กัน

เหมือนเขา เคาะกะละมังเรียกน้องหมาไปกินข้าว.. พอน้องหมาได้ยินเสียงก็ร่าเริงดีใจมาก

วิ่งปุเลงๆ..เข้าหาชามข้าวตน แต่พอก้มลงดูปรากฏว่าไม่มีอะไรเลย..ก็เลยต้องผิดหวัง

คอตก หางลู่ หูตูบไปอีกครั้ง

 

แต่ก็ยังรอว่ายังไง ๆ FED ก็ต้องออก QE3 แน่

เอา .... ก็ตั้งความหวังกันต่อไป

 

****************************************************************

บทความเก่า จาก คุณวรวรรณ ธาราภูมิ

CEO บลจ. บัวหลวง ขอบคุณมากๆค่ะ

 

อ่านกันเล่นๆ แก้เซ็งนะคะ เอ..รึว่าจะเซ็งกว่าเดิม 55+ :D

ถูกแก้ไข โดย TonYa

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เมื่อโลกทั้งใบไล่ล่า QE

 

เราได้ยินคำนี้กันมา ตั้งแต่หลังเกิดวิกฤติ Subprime ที่โด่งดังในสหรัฐฯ

แล้วตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เจ้า QE ที่ว่ามันก็คอยมาหลอกหลอนเรามาจนถึง

ทุกวันนี้ แล้วคนก็ไล่ล่าตามหา QE3 กันทั้งโลก

 

ก่อนจะบ่นเรื่อง QE ขอเริ่มจากศัพท์ ย่อๆ ที่เขาใช้เรียกธนาคารกลาง (Central Bank)

ก่อน ต่อไปจะได้เรียกด้วย ชื่อต่างๆ และ ชื่อย่อได้ไม่ต้องเมื่อยมือพิมพ์ (ซึ่งความจริงก็คือ

การจิ้มดีดนั่นแหละ)

 

ธนาคารกลาง บ้านเรา เรียกกันว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือธนาคารชาติ หรือแบงค์ชาติ

ใช้คำย่อเป็นอังกฤษว่า BOT/// ของอเมริกาเรียกย่อว่า FED /// ของอังกฤษเรียก BOE

ของญี่ปุ่นเรียก BOJ /// ของสหภาพยุโรปเรียกว่า ECB

 

เอาละพอแค่นี้ ไม่ต้องไล่ไปจนครบ 200 กว่าประเทศในโลกแล้ว

 

ทีนี้ก็มาถึงคำว่า QE ละ

 

เจ้า Quantitative Easing หรือ QE เนี่ยะ ไม่เคยปรากฏตนในหนังสือเรียนทางเศรษฐศาสตร์เลย

หรือมี แต่หาไม่เจอก็ไม่ทราบได้ แต่มันเพิ่งมาดังเอาในไม่กี่ปีก่อน โดยเราได้ยินคำนี้กันมา

ตั้งแต่หลังเกิดวิกฤติ Subprime ที่โด่งดังในสหรัฐฯ แล้วตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เจ้า QE ที่ว่ามัน

ก็คอยมาหลอกหลอนเรามาจนถึงทุกวันนี้

 

แล้วคนก็ไล่ล่า ตามหา QE3 กันทั้งโลก แถมยังตลกจนขำไม่ออกเมื่อบางคนไล่ล่าหา QE

ทั้งๆ ที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันคืออะไร

 

แล้วเจ้า QE มันคืออะไรล่ะ

 

บางคนเขาบอกว่า มันคือสภาพที่ไม่มีกลไกอื่น ที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจที่วิกฤติ

ให้กระเตื้องขึ้นได้แล้ว เช่น หากธนาคารกลางจะไปใช้นโยบายการเงินด้วยการ

กดดอกเบี้ยลงไปอีกก็ไม่ได้แล้ว เพราะอัตราดอกเบี้ยลดลงจนเป็นศูนย์ หรือ ใกล้ศูนย์แล้ว

แต่เศรษฐกิจยังไม่ฟื้น และ รัฐบาลจะไปใช้นโยบายการคลัง ด้วยการกู้ หรือ ยอมขาดดุลเพิ่ม

เพื่อนำไปใช้จ่ายกระตุ้นเศรษฐกิจ และ การจ้างงานก็ไม่ไหวแล้ว เพราะไปติดเพดานหนี้

ภาครัฐที่กฏหมายกำหนด เป็นต้น

 

จากข้อจำกัด ที่ว่า ธนาคารกลาง จึงใช้วิธีเสกเงินจำนวนมหาศาลโดยไม่มีอะไรมารองรับ

แล้วผลักเงิน เข้าสู่ระบบโดยตรง เพื่อเข้าไประดมซื้อสินทรัพย์ คือ ตราสารทางการ เงิน ต่างๆ

ในตลาด เป็นการพิมพ์เงินเพิ่มขึ้นมา แล้วนำเงินไปลงทุน เช่น ซื้อพันธบัตรรัฐบาล หรือ

ให้แบงค์ต่างๆ กู้ต่อในอัตราดอกเบี้ยต่ำมากๆ (เหมือนยกลูกสาวให้ โดยจ่ายสินสอดบาทเดียวก็ว่าได้)

ทั้งนี้ ก็เพื่อให้แบงค์เหล่านั้นนำเงินไปปล่อยกู้อีกที ทำให้ระบบมีเงินหมุนเวียนเพิ่มขึ้น

 

QE จึงเป็นการเพิ่มเงิน ที่คล้ายเลือด เข้าไปในระบบพร้อมกับปั๊มหัวใจที่กำลัง อ่อนแรงจะหยุดเต้น

ให้เลือดหมุนเวียนทั่วร่างกายขึ้นมาอีกครั้ง ก็อาจจะรอดจากโคม่าบ้าง ไม่รอดบ้างมั่งแหละ

และ FED ไม่ใช่แห่งแรกที่ออก QE ใครจะออกก่อนไม่รู้ แต่ไม่ได้ใช้คำว่า QE แน่ๆ

 

อังกฤษก็เคยทำมาเป็น ร้อยๆ ปีแล้ว

 

ญี่ปุ่น โดย BOJ เขาก็ใช้มาตรการ QE ตั้งแต่ปี 2001 โดยเสกเงินเอาไปซื้อพันธบัตรรัฐบาล

ญี่ปุ่นมาเก็บไว้ ทำให้งบดุลที่มีขนาด 5 ล้านล้านเยน พุ่งปรี๊ดไปเป็น 35 ล้านล้านเยนภายใน

เวลาเพียง 3 ปี และ แขวนเติ่งอยู่อย่างนั้นจนถึงปี 2006 จนกลับมาอยู่ที่ไม่ถึง 10 ล้านล้านเยน

แต่เศรษฐกิจ ก็ยังไม่มีทีท่าว่า จะฟื้นจริงมาจนทุกวันนี้ ก็ น่าเห็นใจ เพราะญี่ปุ่นไม่มี Growth แล้ว

ประเทศนี้จะ Growth ได้อย่างไร ในเมื่อมีเด็กมาเกิดใหม่ ในอัตราที่ต่ำจนน้าจิม โรเจอร์ส

ยังอุทานว่า หากอัตราการเกิด ยังเป็นอย่างนี้ต่อไป อีกไม่นาน จะไม่มีคนญี่ปุ่นหลงเหลือมาจ่าย

คืนเงินกู้แล้ว

เมื่อไม่มีเด็ก ไม่มีคนรุ่นใหม่ จะไป Growth เอามาจากไหน ใครจะบริโภค ใครจะสร้างอนาคต

ของชาติได้ คนแก่ๆ มีแต่เสื่อมสังขารลงไปทุกที และ บริโภคก็น้อยลง ยกเว้นคนแก่บางคน

ที่ยิ่งแก่ยิ่งโกง แต่ก็ไม่ทำให้เศรษฐกิจ Growth ได้เลย มีแต่จะตรงกันข้าม

หรือคนญี่ปุ่นเขาไม่ขยันเรื่องนั้นไปแล้ว ก็ไม่น่าจะใช่ ในเมื่อหนัง AV แสนจะดังข้ามทวีป

 

เอาละ หากอยากทำความเข้าใจมากกว่านี้ ช่วยไปหาความรู้เพิ่มเติมเอาเองจาก

“น้องกู” แล้วกัน (Google) เพราะมีหลายคนเขียนไว้ดีมาก

 

แต่ที่น่าจะคิดกัน ก็คือ QE ที่ออกกันมานั้น ทำให้เศรษฐกิจรอดพ้นได้หรือยัง

 

ตัวอย่าง ที่นอกเหนือจากญี่ปุ่น เช่นในสหรัฐฯ นั้น การที่ ลุงเบน ประธาน FED

เขาออก QE มา 2 รุ่นแล้วนั้น คนกลับไปมีงานทำในอัตราที่ควรพอใจหรือยัง

เศรษฐกิจ ขยายตัวได้ในระดับที่ต้องการหรือยัง ธนาคารต่าง ๆ เขาเอาเงินที่ได้

จากลุงเบนไปปล่อยกู้ได้ตามปกติ หรือยัง ภาคธุรกิจเริ่มขยายกิจการได้หรือยัง

 

ยัง ยัง ยัง และ ยัง

 

อ้าว แล้วใครละ ที่ได้ประโยชน์จากการออก QE

 

ลองคิดดูนะ หากเราเป็นธนาคารต่างๆ แล้วเราได้เงินมา เราก็ควรเอาไปปล่อยกู้

เพื่อหากำไรใช่ไหม

 

แต่ ในเมื่อภาคธุรกิจ ไม่กู้เพราะยังไม่มั่นใจว่า กู้ไปฟื้นฟู หรือ ขยายกิจการ แล้วจะมีคนมาซื้อ

สินค้าและบริการของเขา เขาก็เลยไม่กู้ ภาคประชาชนตกงานก็ไม่กู้ หรือ กู้ไปแบงค์ก็ไม่กล้าปล่อย

กลัวเจอประเภท ไม่เบี้ยว ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย ธนาคารเหล่านั้น ก็ต้องเอาเงินที่ได้ไปหาประโยชน์

ใช่ไหมล่ะ ไม่งั้นก็ต้องคอยจ่ายแต่ดอกเบี้ยที่กู้ แม้จะต่ำมาก มันก็เป็นต้นทุนที่ต้องจ่าย

 

ทีนี้ จะเอาเงินไปหาประโยชน์จากที่ไหนล่ะ หากไม่ใช่ในสินทรัพย์เสี่ยงต่างๆ เช่นตลาดหุ้น ทองคำ ฯลฯ

 

QE2 รุ่นที่ออกมาก่อนหน้า ก็เลยไปทำให้ราคาหุ้น ทองคำ พุ่งขึ้น แบงค์ก็รวย คนเก็งกำไรก็รวยกันไป

และนั่น ก็คนส่วนน้อยนิดของประเทศ ไอ้ที่ตกงานก็ยังตกงานอยู่นั่นแหละ เพราะเงินมันไม่ลงไปถึงผู้บริโภค

 

แต่ จะยังไงก็ตาม อาการเสพติด QE มันก็เกิดขึ้นแล้ว ทั้งสถาบันการเงิน ทั้งผู้ลงทุนทั่วไป ต่างเรียกร้อง QE

ปานคนติดยา ที่มีอาการมือไม้สั่นหน้าซีด ขอยารุ่น 3 อยู่ร่ำไป

 

ยา ... ยา ... ยา ... อยู่หนาย....

ล่า สุด ไม่กี่นาทีนี้ ECB ประชุมกันแล้ว ตกลงคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 0.75%

ในขณะที่ BOE มีมติคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 0.5% กับบอกว่าไม่เพิ่ม QE

 

โอย .... ยา... ยา .... ยา.....

 

วัน ก่อน FED ก็ยังไม่ออก QE3 แม้จะระบุว่าอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจลดลงไปอีกแล้ว

และคาดว่าจะช้าลงไปอีก ในไตรมาสที่เหลือของปีนี้ การบริโภคก็เชื่องช้า อัตราการจ้างงาน

ก็กระเตื้องขึ้นช้ามาก สถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัยก็ยังย่ำแย่ และ อัตราเงินเฟ้อก็คาดว่าจะต่ำ

กว่าระดับที่ FED ต้องการ

 

คนที่เก็ง ผิด ก็ยิ่งออกอาการหงุดหงิดกันว่าในเมื่ออะไรๆ ก็บ่งชี้ จนหลายสำนักดังๆ ออกมาฟันธง

ว่าจะมี QE3 แน่ แต่ FED ก็ยังยึกยักไม่ออกสักที ต้องรอสัญญาณอะไร หรือ จะไปออกในเดือน

กันยายน (จะได้ตามไปเก็งกำไรกันต่อไป หลังจากที่รอบนี้แห้ว และ เจ๊งไปแล้ว)

 

ก็นับเป็นความแปลกประหลาดยิ่ง ที่ผู้ลงทุนในโลก เขาเลิกคิดถึงคุณค่าหุ้นที่ตนเองจะซื้อแล้ว

เพราะเอาชะตาชีวิต ไปแขวนไว้กับความหวังว่า FED จะ ออก QE มากกว่าจะไปคัดสรรหาหุ้น

ที่มีอนาคตดีมาลงทุน

 

พอคาดว่า FED จะออก QE3 ก็จะกระดี๊กระด๊า เข้าหาหุ้นและสินทรัพย์เสี่ยงอย่างอื่น เช่น ทองคำ

โดยเก็งว่าจะรวยมากๆ เหมือนการออก QE รุ่นก่อนๆ

 

พอ FED ของลุงเบน ไม่มีทีท่าว่าจะออก QE3 สักที ก็คอตก ผิดหวังไปตามๆ กัน

เหมือนเขา เคาะกะละมังเรียกน้องหมาไปกินข้าว พอน้องหมาได้ยินเสียงก็ร่าเริงดีใจมาก

วิ่งปุเลงๆ เข้าหาชามข้าวตน แต่พอก้มลงดูปรากฏว่าไม่มีอะไรเลย ก็เลยต้องผิดหวัง

คอตก หางลู่ หูตูบไปอีกครั้ง

 

แต่ก็ยังรอว่ายังไง ๆ FED ก็ต้องออก QE3 แน่

 

เอา .... ก็ตั้งความหวังกันต่อไป

 

****************************************************************

บทความเก่า จาก คุณวรวรรณ ธาราภูมิ

CEO บลจ. บัวหลวง ขอบคุณมากๆค่ะ

 

อ่านกันเล่นๆ แก้เซ็งนะคะ เอ..รึว่าจะเซ็งกว่าเดิม 55+ :D

 

เยี่ยมๆ เคาะกะลาให้หมาดีใจ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ก่อนอื่น เราต้องทำความเข้าใจก่อน QE ที่ US วิธีทำคืออะไร

 

Step 1 บอกอัตราดอกเบี้ยระยะยาวที่ต่ำลง ถ้าไม่เกิดผลกระตุ้น

 

Step 2 เข้าแทรกแซงพันธบัตรระยะยาว เพื่อให้เกิดดอกเบี้ยระยะยาวลดลงกระตุ้นการกู้ยืม

ถ้าไม้ได้ผล

 

Step 3 เข้าซื้อหนี้เสียธนาคาร ให้ธนาคารมีเงินปล่อยเงินกู้ เข้าไปในตลาดโดยลดมาตราฐาน

ความเสี่ยงลง ว่าง่ายๆ คือปล่อยกู้ง่ายขึ้น

 

มันเกี่ยวอะไรกับวันพฤหัส จริงๆแล้ว ECB ก็ตั้งใจจะทำ QE แต่วิธีทำ แตกต่างกัน

ถ้าใครจำได้ ECB ลดอัตราดอกเบี้ยจาก 1% มาเหลือ 0.75% แล้วให้ Center bank UK ทำ QE

โดยการพิมพ์เงินเข้าไปในระบบ ถ้าจำกันได้ ทองทะยานขึ้น แต่แล้วร่วงยาวเพราะ นลท มีมุมมอง

ต่างไปว่า การลดอัตราดอกเบี้ย เท่ากับยอมรับตัวเองแย่ เงินถูกถอนออกจากพันธบัตร

ทำให้ค่าเงินยูโรร่วงลง นั่นเลยเป็นที่มาที่ ECB ออกมา ที่จะทำแบบ US คือซื้อพันธบัตร

 

ซึ่งจริงๆ แล้วถ้าทำได้ ในวันที่ 6 นี่ ECB ตั้งใจจะลดอัตราดอกเบี้ยจาก 0.75%-->0.50%

การทำเช่นนี้ ได้ผลลัพท์สองอย่าง หนึ่งลดอัตราดอกเบี้ยธนาคารพาณิชย์ลง สอง ทำให้หนี้

สาธารณะ ของสหภาพยูโรลดลง ซึ่งจะพยุง เศรษฐกิจยูโร ส่งผลไปถึง การว่างงาน และ อื่นๆ

 

ซึ่งถ้าทำได้ครั้งนี้ จะไม่ลงเหมือนครั้งที่แล้ว แต่ทอง หรือสินทรัพย์อื่น ๆ จะพุ่งทะลุเพดาน

เพราะว่าการแก้ไขนั้น ทำให้เห็นภาพรวมที่ชัดขึ้น แต่...ทุกอย่างไม่เป็นดั่งคาดของ ECB

เมื่อ German ออกมาคัดค้าน แล้วทุกอย่าง ก็อยู่ในการวินิจฉัยในข้อกฏหมายทำให้ชลอเวลา

มาถึงตอนนี้

 

ดังนั้น วันพฤหัสจะเกิดรถไฟ เหาะตีลังกา กับกราฟพอสมควร ถ้าเราจับทางถูก เราจะกำไร ไม่แตกต่างกับอาทิตย์ที่แล้ว

 

ในทำนองเดียวกันถ้าเดาผิด เราไม่ติดดอย ก็ติดอ่างยาว พอสมคว

 

สรุป

 

1. ECB ประกาศ low rate พร้อมซื้อพันธบัตร ทองจะขึ้น "แรง" แต่มองว่าน่าจะคงที่

แต่ซื้อพันธบัตร ทองก็ยังขึ้นแต่ไม่แรงมาก

 

2. ในเวลาเดียวกัน US จะประกาศ Nonfarm ซึ่งค่านี้แหละ ที่จะบอกว่า คุณเบนจะเลือกทำ QE

ในการประชุมวันที่ 12 ที่จะถึง ว่าเมื่อไหร่ ถ้าเกิดประกาศต่ำกว่าคาดมาก รับรองว่า

ทองผ่าน 1715-1721 แน่นอน และ อาจจะเห็นทองเทส 1760 แต่ ในมุมกลับกันถ้าประกาศดีกับ

US ทองเต็มที่ร่วงได้ไม่ต่ำกว่า 1677 แล้วไปลุ้นที่วันที่ 12

 

ดังนั้น โดยสรุปนี่คือเหตุผลที่ บอกทุกคนให้กอดทองเอาไว้ เพราะโอกาส

พุ่งทะลุฟ้านั้น มีมากกว่าดำลงดิน

 

yS5FN1.gif

 

**************************************************

ใช้วิจารณญานด้วยนะคะ... อ่านตา ไว้สองตาค่ะ... อุ่ย อิอิ :P

 

คนที่รับความเสี่ยงได้ ถือลุ้น ไม่ว่ากันค่ะ...แต่คนรับความเสี่ยงได้ไม่ค่อยมาก

ออกมายืนอยู่นอกสนาม น่าจะดีที่สุดนะคะ slime_v.gif

ถูกแก้ไข โดย TonYa

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

:gd บทความดีมาก น้องญ่า ยอดเยี่มที่ซู้ด อิๆๆ ๆ อ่านแล้ว ตาสว่างเลย

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

like หมด ยกนิ้วโป้ง ให้แทนละกันครับ คุณญ่า :aa

ถูกแก้ไข โดย ด.ช.เม่า

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

:gd บทความดีมาก น้องญ่า ยอดเยี่มที่ซู้ด อิๆๆ ๆ อ่านแล้ว ตาสว่างเลย

like หมด ยกนิ้วโป้ง ให้แทนละกันครับ คุณญ่า :aa

 

ขอบคุณค่ะ จริงอยากให้แบบ วันศุกร์นะคะ ลงแรง แล้วเด้งขึ้นอย่างเร็ว อ่ะ

คนติดแอล ก้อจะได้กำไร เอสก้อจะได้ออกกำไรเหมือนกัน 55+ จะได้เห็นอีกรึป่าว

ต้องติดตามตอนต่อไปค่ะ ^_^

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...