ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
jarurote

วิเคราะห์แมวๆ เพื่อการลงทุนกองทุนทองคำ

โพสต์แนะนำ

ผมสั่งขายทองกระดาษหมดเลย กลัวหยุดยาว

เที่ยวแบบสบายๆใจ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เมี้ยวๆๆๆ !La !La !La

 

วันนี้ตบะแตกไปนิด ขายปิดพอร์ตเมื่อวาน แต่ดันเห็นราคาดิ่งลงมาวันนี้ ขอแย๊บ K-Gold ส่งท้ายก่อนสงกรานจั๊กนิดนึง :ph34r:

 

ไหนๆสองสามวันนี้จะปิดสงกรานต์ เจิมทั้ง T-GoldBullion แบบ H (Hedge) ธนชาติไปด้วย

 

ส่วน UH ไม่รู้จะมีไปทำไมขายทิ้งเมื่อวาน ยังไม่คิดจะเข้าอีก เอาไว้กรณีตังค์ไม่เยอะพอจะซื้อทองแท่งไว้แค่นั้นแหละมั้ง :ph34r:

 

ไปละคร้าบเมี้ยวๆๆๆ !bye

ถูกแก้ไข โดย Meaw_Joe

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดีปีใหม่ไทยคะ มีความสุขมากๆเท่ี่ยวให้สนุกนะคะ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดีวันปีใหม่ไทย 

ขอให้สุขใจสุขสรรและสุขขี

ทุกถ้วนหน้าทุกคนสมฤดี 

ตลอดปีตลอดไปทุกคน..^_^

      

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

!031 สุขสันต์วันสงกรานต์ค่ะ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
post-442-062438000 1302706991.jpgสุขสันต์วันสงกรานต์ วันปีใหม่ไทยๆครับอาจารย์โจpost-442-036821700 1302707012.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เมี้ยวๆๆๆ

 

ขอขอบคุณแฟนานุแฟนที่ติดตามนะคร้าบ !01 สองสามวันนี้ปายเที่ยวแล้ว

สำหรับใครมี่เดินทางไปเที่ยว ขอให้เดินทางปลอดภัย จิตใจเบิกบาน นะคร้าบ :lol:

ยังไงฝากบทความของคนๆนี้ จำได้ว่าชื่อ สุมาอี้ ในเวปblog settrade bye bye เมี้ยวๆๆๆ !bye

 

 

The Buffett Lift - อย่าเชื่อเพราะว่าเค้าเทพ

April 12th, 2011

 

Warren-Buffett-BYD2.jpg

 

ในปี 2008 วอเรน บัฟเฟต ได้ตัดสินใจเข้าลงทุนใน BYD บริษัทสัญชาติจีนผู้ผลิตรถยนต์ แบตเตอรีมือถือ และแผงโซล่าร์เซลล์ โดยเข้าถือหุ้นในบริษัทคิดเป็นสัดส่วนทั้งสิ้น 10%

 

ก่อนหน้านั้น BYD เริ่มต้นประสบความสำเร็จจากธุรกิจแบตเตอรีมือถือเป็นอันดับแรก เมื่อธุรกิจแบตเตอรีของบริษัทเริ่มอิ่มตัว BYD ก็ก้าวเข้าสู่ธุรกิจรถยนต์ โดยผลิตรถยนต์ขนาดเล็กที่มีราคาถูกมาก แต่มีฟังก์ชั่นอย่างครบครัน ทำให้บริษัทประสบความสำเร็จอย่างงดงามได้อีกครั้ง

 

ชาร์ลี มังเจอร์ คู่หูของบัฟเฟตนั้น ประทับใจในตัว Mr.Wang ประธาน BYD เป็นอย่างมากถึงกับบอกว่า เขาผู้นี้คือส่วนผสมระหว่าง โธมัส เอดิสันในด้านวิศวกรรม และแจ็ค เวลช์ ในด้านการจัดการธุรกิจ หลังจากบัฟเฟตเข้าลงทุน แผนการต่อไปของ BYD (ชื่อบริษัทนั้นย่อมาจากคำว่า Build Your Dreams) คือ การผลิตรถยนต์ไฮบริดจ์รุ่นแรกที่สามารถสับเปลี่ยนการใช้พลังงานจากน้ำมันเป็นไฟฟ้าได้อย่างง่ายดายเพียงแค่คนขับกดสวิทซ์ไปมาเท่านั้น

 

ผลปรากฏว่า หลังจากที่ข่าวบัฟเฟตเข้าลงทุนใน BYD ถูกเปิดเผยออกมา ราคาหุ้น BYD ก็ปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็วจาก HK$8.xx ไปถึง HK$85.5 หรือกว่าเก้าเท่าตัว ภายในช่วงเวลาไม่ถึงหนึ่งปี ทำให้เบิร์กไชส์ ฮาร์ดาเวย์ บริษัทการลงทุนของบัฟเฟตบันทึกกำไรอย่างงดงาม ตลาดให้ความมั่นใจกับการตัดสินใจของบัฟเฟตหนนี้มาก เพราะแม้ดีลนี้จะถูกมองว่าบัฟเฟตเลือกลงทุนนอกความถนัดของเขา แถมยังเป็นการลงทุนนอกสหรัฐฯ อีกต่างหาก แต่ก่อนหน้านี้ บัฟเฟตก็เคยตัดสินใจลงทุนในบริษัทน้ำมันของจีน เปโตรไชน่า และได้กำไรอย่างมหาศาลในเวลาที่รวดเร็วมาแล้ว

 

อย่างไรก็ตาม หลังจากการเข้าลงทุนของบัฟเฟต BYD ได้ไม่นานนัก BYD ก็เริ่มประสบปัญหาอย่างต่อเนื่อง บริษัทยังคงไม่สามารถเข็นรถไฮบริดจ์รุ่นที่ฝันไว้ออกมาได้จนถึงปัจจุบัน ในขณะที่ รถไฮบริดจ์ที่วางแผนจะออกจำหน่ายในสหรัฐฯ ก็มีกำหนดต้องเลื่อนออกไปรุ่นแล้วรุ่นเล่า รถยนต์รุ่นเก่าๆ ของ BYD ในจีนที่เคยประสบความสำเร็จก็เริ่มสูญเสียส่วนแบ่งตลาดอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากมีบริษัทคู่แข่งที่ออกรถแบบเดียวกันในราคาที่ต่ำกว่าหรือมีเทคโนโลยีที่ทันสมัยกว่าออกมาอย่างต่อเนื่อง จนทำให้รถของ BYD สูญเสียความน่าดึงดูดในตลาดจีนไป

 

ในแง่รายได้ แม้ว่า BYD จะมียอดขายเติบโตถึง 18% ในปี 2010 แต่ก็ต่ำกว่าเป้าหมายที่บริษัทได้ตั้งเอาไว้เป็นอย่างมาก และเมื่อ เทียบกับตลาดจีนโดยรวมที่เติบโตกว่า 33% แล้วต้องถือได้ว่าคือความล้มเหลว อีกทั้งเมื่อเร็วนี้ๆ บริษัทก็ยังคาดว่า ยอดขายในปี 2011 อาจลดลงมากถึง 20% yoy เนื่องมาจากภาวะตลาดรถยนต์ในจีนปีนี้ดูไม่สดใสนัก

 

นอกจากนี้ บริษัทก็ยังเผชิญกับวิบากกรรมจากการถูกทางการปรับเงินในคดีซื้อที่ดินที่ใช้สร้างโรงงานมาอย่างไม่ถูกกฏหมาย และงบการเงินของบริษัทก็ยังมีข้อสงสัยเกี่ยวกับยอดขายบางส่วนของบริษัท ซึ่งอาจเกิดจากการผลักดันสินค้าไปยังงบของดีลเลอร์มากเกินกว่ายอดขายแท้จริงที่ขายสู่ผู้บริโภค เพื่อดันตัวเลขรายได้ให้ดูสูงขึ้นกว่าความเป็นจริงอีกด้วย

 

bydchart.gif

 

ข่าวร้ายที่ทยอยออกมาอย่างต่อเนื่องเหล่านี้ได้ลดความมั่นใจของตลาดเกี่ยวกับธุรกิจของ BYD ลงอย่างต่อเนื่อง จนทำให้ราคาหุ้นในปัจจุบันลดต่ำลงมาเหลือเพียงแค่ไม่ถึงหนึ่งในสามของราคาสูงสุดที่ขึ้นไปในปี 2009 แล้ว และยังไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้นด้วย

 

ว่าไปแล้ว กรณี BYD ช่วยเตือนนักลงทุนได้หลายอย่างเกี่ยวกับความเป็นจริงในตลาดหุ้น

 

ประการแรก ธุรกิจเป็นเรื่องของความไม่แน่นอน ไม่มีใครในตลาดหุ้นที่สามารถคิดได้ถูกต้องตลอดเวลา ต่อให้เก่งขนาดไหนก็ตาม ความสำเร็จของบัฟเฟตในระยะยาวนั้นน่าจะมีอะไรมากกว่าแค่การเลือกหุ้นให้ถูกตัว

 

ประการต่อมา ราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้นไปในระยะสั้นบ่อยครั้งเกิดจากการเชื่อตามๆ กันของคนในตลาดหุ้นเท่านั้น ไม่ต้องเกี่ยวกับผลประกอบการแต่อย่างใด การเข้าลงทุนโดยบุคคลที่มีชื่อเสียงเป็น focal point ที่ยอดเยี่ยมที่ทำให้ทุกคนพร้อมใจกันเข้ามาลงทุนในหุ้นตัวเดียวกันได้ และบ่อยครั้ง การแห่ตามกันก็สามารถทำให้หุ้นปรับตัวขึ้นมากอย่างไม่น่าเชื่อ และดูจะมากกว่าผลประกอบการด้วยซ้ำ เพราะธุรกิจโดยทั่วไปนั้น การทำกำไรให้เพิ่มขึ้นได้ 20-25% ต่อปีนั้นก็ถือว่าหืดขึ้นคอแล้ว แต่ภาวะที่คนเชื่อตามๆ กัน สามารถทำให้ราคาหุ้นเพิ่มขึ้น 100-900% ในเวลาไม่ถึงปี

 

ปกติถ้ามีใครมาเขียนบทความบอกว่าการลงทุนด้วยวิธีแบบนี้น่าสนใจ คงจะโดนด่าแน่ๆ โดยเฉพาะจากคนที่มองการลงทุนว่าเป็นเรื่องของฝ่ายความดีต่อสู้กับความชั่ว แต่ถ้าจะว่ากันไปตามเนื้อผ้า ก็ต้องยอมรับว่า วิธีซื้อหุ้นตามคนดังอาจเป็นกลยุทธ์ที่ไม่เลวนัก เมื่อพิจารณาจาก downside vs. upside เพราะแม้ downside จะมาก แต่ upside ก็มากกว่าหลายเท่าด้วย

 

ประการถัดไป สุดท้ายแล้ว ผลประกอบการก็ยังคงเป็นสิ่งที่ส่งผลต่อราคาหุ้นอยู่เสมอ แต่เป็นในระยะยาวๆ เพราะต่อให้เทพมีชื่อเสียงขนาดไหน ถ้าผลประกอบยังคงไปคนละทางกับราคาหุ้นอย่างต่อเนื่อง สุดท้ายแล้วแม้แต่เทพก็ไม่อาจยันราคาไว้ให้ได้ เพราะฉะนั้น หากคิดจะเล่นหุ้นแนวนี้ ต้องรู้จัก “ตาสว่าง” เร็ว เพราะราคาตอนที่เราเข้าซื้อ มักไม่ใช่ราคาที่มืพื้นฐานใดๆ รองรับ แต่เป็นราคาพรีเมี่ยมแล้ว เนื่องจากเป็นราคาที่มีเทพการันตีแล้ว ดังนั้นหากปรากฏออกมาเมื่อใดว่า ผลประกอบการข้างหน้าอาจไม่ดีอย่างที่เทพคิด ต้องรู้จัก “ตื่น” ให้ไว เพราะ price correction จะรุนแรงมาก ในขณะที่ต้นทุนของเราไม่มีพื้นฐาน พูดง่ายๆ ก็คือ อย่ามัวแต่ “เคลิ้ม”

 

สุดท้ายแล้ว การซื้อตามเซียนก็ยังต้องดูเองเป็นอยู่ดี เพราะต้องพึ่งตนเองตอน “ขาย” เนื่องจากเวลาขาย เซียนมักไม่มาช่วยบอกเราก่อน และอย่าลืมว่า ตอนหุ้นตก เซียนไม่เสี่ยงอะไรกับเราเลย เพราะต้นทุนของเขาอยู่ต่ำกว่าตอนที่หุ้นเริ่มวิ่ง ฉะนั้น ถ้าราคาหุ้นตกกลับลงมาที่เดิม เขาก็เพียงแค่เท่าทุนเท่านั้น มีแต่เราเท่านั้นที่กระเป๋าฉีก

ถูกแก้ไข โดย Meaw_Joe

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...