ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
jarurote

วิเคราะห์แมวๆ เพื่อการลงทุนกองทุนทองคำ

โพสต์แนะนำ

คุณเหมียวอย่าเพิ่งน้อยใจครับ ผมก็มัวแต่สรรเสริญอยู่ในใจ ผมว่ามันก็ไม่ผิดอะไร ถ้าเราจะซื้อของถูก แล้วก็ไม่ผิดอะไรถ้าเขาจะงดจำหน่าย แต่ในอีกมุมหนึ่ง การสะสมทองหรือเงินในลักษณะเหรียญที่ระลึกก็ดูจะเป็นวิธีการออมหรือลงทุนที่ดีเหมือนกันนะ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ตัดสินใจแล้ว ในเมื่อมันรั่ว ก็ัปล่อยให้รั่วไปเลย ช่วยมะได้แล้ว

 

สำหรับคนตกรถงานนี้ ไปควานหาเอาเองซะแล้ว แต่อย่าไปรั่วให้ร้านอื่นได้ยินละ เดี๋ยวอดขุดซะอีก อิอิอิ

 

อ้าวละ ทั่นสุภาพบุรุษ สุภาพสตรี สุภาพกระเทย ขอเชิญพบกับ

 

วิธีซื้อเหรียญกษาปณ์เงินถูกกว่าชาวโลก

(ฉบับ รั่วอย่างเป็นทางการ) !57

 

ไปและ ได้เวลาธุระข้างนอกซะแล้ว บ๊ายบาย เมี้ยวๆๆๆ !La

ถูกแก้ไข โดย Meaw_Joe

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอบคุณมากครับพี่โจ :ph34r: :lol: แหมน่าเสียดายจังเหมืองเงินถูกปิดไปแล้ว อ่ะ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เมี้ยวๆๆ ดีคร้าบทุกๆคน !37

 

ก่อนหน้าโน้นเคยสำรวจแถวตลาดแถวจัตุจักร์

 

ราคาเหรียญกษาปณ์เงินในหลวง 80 พรรษา

 

กะ เหรียญกษาปณ์เงินพระพี่นาง 84 พรรษา

 

ทั้งคู่ยังจับกลุ่มที่ 900 บาทอยู่นานพอควร !37

 

 

 

วันนี้ลองไปสำรวจตลาดแถวจัตุจักร์ ดูว่า ฟามลับของชาติรั่วนี้ dispatch ไวกว่าที่คาดมั้ย ปรากฏว่า

 

เหรียญกษาปณ์เงินในหลวง 80 พรรษา

 

กะ เหรียญกษาปณ์เงินพระพี่นาง 84 พรรษา

 

บางแห่งหมดอย่างรวดเร็ว

 

 

 

บางแห่งอาจจะยังไม่หมด แต่กำหนดราคาไว้

 

เหรียญทั้งคู่ราคาไปถึง เลขหลักพัน ไปแล้ว (ในหลวง 1500 พระพี่นาง 1300)

 

 

 

สำหรับใครที่อยากลองของแปลกกับเหรียญแปลกๆ

 

เวปนี้จะอธิบายที่เกี่ยวกับมูลค่าที่แท้จริงของเหรียญกษาปณ์ในอเมริกามา ไปหาดูได้ที่

 

http://www.coinflation.com/

 

สำหรับในจัตุจักร์ ถ้าไปหาซื้อเหรียญกษาปณ์อะไรแปลกในปีต่างๆ กรุณาตรวจสอบข้อมูลให้ดีๆก่อนตัดสินใจรั่วเงินออกไป

 

เพราะอาจได้เหรียญเก๊ได้นะ ซึ่งวันนี้ก็เหรียญกษาปณ์อเมริกาอะไรไม่รู้ราคาถูกแสนถูก

 

ระบุ 1oz fine silver one dollar แต่ขายให้เราราคา 50 บาท !uu

 

โดยสามัญสำนึกพอรู้ว่าเก๊ แต่อยากเก็บไว้ดูเล่นว่ามันมีอะไรทดสอบดูเล่นๆได้บ้า่งสักสองเหรียญดู

 

1. ลักษณะ เหรียญพิมพ์มาดูเลือนๆ พิมพ์ตื้นๆ

 

2. ทำให้ดูเหมือนเก่ามีคราบคล้ายผ่านการใช้งานมานานแสนนาน เลยเอามาทำความสะอาดยาสีฟันถูๆหน้าเหรียญ แล้วล้างน้ำ

 

โหโลหะขาวสะอาดโอโม่เอี่ยมอย่างกะถูกฟอกสีมาใหม่เลย จากคราบเ่ก่านี้ไม่มี

 

3. เหรียญนี้ไม่มีประวัติการผลิตออกตามปีนั้นๆ หรือถูกบิดเบือนปี ดูได้จาก http://www.silver-coins.org/

 

4. ทดสอบกับแม่เหล็ก ถ้าเป็นเหรียญเงินจริงๆ ไม่น่าถูกแม่เหล็กดูดติดเลย แต่นี่มันเป็นเหรียญเงินบ้าอะไรกัน แม่เหล็กดูดติดได้ !53 !uu

 

(เป็นไปได้สองกรณีเหรียญไส้เหล็ก หรืออาจจะเป็น เหรียญนิเกิ้ล100% ถ้าิคิวโปรนิเกิลแม่เหล็กดูไม่ติด)

 

 

ดังนั้นเหรียญแปลกๆที่ออกมาจำหน่ายบางแห่ง ถ้าไม่ชัวร์ ไม่มีข้อมูลไว้ซื้อขายจริงๆ ระวังโดนหลอกต้มนะ อิอิอิ !53

 

ไปละคร้าบ เมี้ยวๆๆๆ !bye !bye !bye

ถูกแก้ไข โดย Meaw_Joe

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

นึกแล้วก็อยากเตะก้นคนที่รั่วความลับออกมาจัง นี่ถ้ากรมธนารักษ์ไม่เลิกจำหน่ายเหรียญในหลวง80พรรษา เราคงได้ขุดเหมืองกะเขาบ้างแล้วราคาคงยังไม่พุ่งแรงมาถึงขนาดนี้ :angry:

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

+1 ขอบคุณค่ะ !thk ในที่สุดก๊อ มี น้องเงิน มากอดแน่นๆ... กะเค้าซ๊าก กะที !10

ไปซื้อ วันที่ 18 ค่ะโชคดีที่ ยังซื้อได้ !53 หุหุ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เมี้ยวๆๆ

 

มาปัดกว่าเช็ดถูก บ้านนี้หยักไหย้เยอะ หาคนเก็บกวาดไม่เจอเลย !_01

 

วันนี้คงไม่มีอารมณ์แคะ เพราะพูดล่วงหน้ามาครบเดือนแล้วมั้ง

 

ก็เป็นไปตามนั้นเดือน เม.ย. ขาขึ้น แต่ถ้าทำแบบนี้ก็ดีแฮะจะได้ลดภาระงานเขียนลง !_01

 

เดี๋ยวค่อยมาดูเดือน พ.ค. อีกที่แล้วกัน วันนี้รู้สึกขี้เกียจ !37

 

 

มีบทความน่าสนใจเกี่ยวกับเหรียญเหมือนเดิม พักนี้หลายคนสงสัยว่า ทำไมแมวเหมียวอย่างเราชักเริ่มหมกมุ่นเกี่ยวกับเรื่องนี้มากจัง

 

 

แก้เหรียญขาดตลาดธนารักษ์ดึงห้างตั้งโต๊ะแลก!ลดต้นทุนทำใหม่

วันที่ 28/03/2554 00:14 (ผ่านมา 33 วัน 19 ชั่วโมง 56 นาที

 

 

ธนารักษ์ปิ๊งไอเดียจับมือโมเดิร์นเทรดตั้งโต๊ะจุดแลกเหรียญกษาปณ์เพิ่มปริมาณเหรียญหมุนในระบบลดต้นทุนการผลิต หวังห้างยักษ์แจกคูปองส่วนลดจูงใจประชาชนนำเหรียญที่หายไปจากระบบมาหมุนเวียนใช้

 

นายวินัย วิทวัสการเวช อธิบดี กรมธนารักษ์ เปิดเผยว่า กรมธนารักษ์อยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อลงนามบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) กับห้างสรรพสินค้ขนาดใหญ่ที่มีสาขากระจายอยู่ทั่วประเทศ เช่น เทสโก้โลตัส บิ๊กซีและแม็คโคร ในการเข้าร่วมโครงการรับแลกเหรียญกษาปณ์คืนจากประชาชน เพื่อให้ประชาชนนำเหรียญกษาปณ์ 6 ชนิดราคาคือ 25,50 สตางค์ 1,2,5,10 บาทมาแลกเป็นคูปองไปแลกซื้อสินค้า เพื่อดึงเหรียญเหล่านี้กลับมาใช้ให้เกิดประโยชน์ในระบบเศรษฐกิจ มีการหมุนเวียนและยังลดภาระการผลิตเหรียญกษาปณ์ที่ต้องผลิตเพิ่มเติมในแต่ละปี เพราะเหรียญกษาปณ์จะคงทนมากกว่าธนบัตร ไม่ชำรุดง่าย ขณะเดียวกันห้างสรรพสินค้าเองก็จะลดภาระเดินทางมาแลกเหรียญเอง

 

โดยในขณะนี้กำลังติดต่อห้างค้าปลีกรายใหญ่ที่จะเข้าร่วมโครงการ เพราะจะต้องพิมพ์คูปองออกมาแลกด้วย และบางห้างอาจจะมีส่วนลดจากการนำคูปองเหล่านั้นไปจับจ่ายใช้สอยในห้างสรรพสินค้านั้นๆ ด้วย ซึ่งจะช่วยกระตุ้นให้ประชาชนนำเหรียญที่เก็บไว้เป็นเวลานานออกมาใช้ประโยชน์ จะทำให้เกิดประโยชน์กับทุกฝ่าย โดยจะเปิดตัวโครงการดังกล่าวในงาน มหกรรมการเงิน Money Expo ระหว่างวันที่ 14-18 มิถุนายน 54 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

 

ขณะเดียวยังจะจัดงานนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 84 พรรษาในงานนี้ด้วย เพื่อให้ผู้เข้าร่วมกิจการได้รับความรู้ ทั้งการประเมินราคาที่ดิน เพื่อรองรับร่าง พ.ร.บ.ที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง การนำทรัพย์สินอันมีค่าของแผ่นดินมาแสดงให้ประชาชนได้ชมด้วย

 

นายวินัยกล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่าขาดแคลนเหรียญชนิดราคา 1 บาทในระบบว่า ไม่เป็นความจริง เพราะปัจจุบันมีเหรียญบาทหมุนเวียนในระบบมากที่สุดถึง 55% ของเหรียญทุกประเภทหรือ 12,287 ล้านเหรียญจากจำนวนทั้งหมด 22,653 ล้านเหรียญเป็นเหรียญราคา 10 บาท จำนวน 1,408 ล้านเหรียญ เหรียญราคา 5 บาท จำนวน 2,500 ล้านเหรียญ เหรียญราคา 2 บาท 1,200 ล้านเหรียญ เหรียญราคา 1 บาท จำนวน 12,300 ล้านเหรียญ เหรียญราคา 50 สตางค์ 2,100 ล้านเหรียญและเหรียญ 25 สตางค์ จำนวน 3,100 ล้านเหรียญ

 

 

โวยเหรียญ 5 ปลอม เก็บปี 2546 รับซื้อ 150บาท/เหรียญ

วันจันทร์ ที่ 17 สิงหาคม 2552

Posted by A.punnee , ผู้อ่าน : 2382 , 22:04:53 น.

 

เหรียญ 5 บาทนิวซีรีส์...แม่ค้าไม่คุ้น

 

นับตั้งแต่กรมธนารักษ์ทยอยนำเหรียญชุดใหม่ (เหรียญนิวซีรีส์) ออกมาใช้ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา โดยปรับปรุงใหม่ทั้งเหรียญ 1บาท 2 บาท 5 บาท และ 10 บาท ปรากฏว่าประชาชนยังสับสน หลายคนไม่กล้าใช้คิดว่าเป็นเหรียญปลอม โดยเฉพาะเหรียญ 5 บาท ที่มีขนาดบางและเบาลงกว่าเดิมมาก นอกจากนี้ ยังไม่สามารถนำไปหยอดในตู้ซื้อสินค้าบางชนิดได้ เช่น ตู้น้ำอัดลม ตู้ซื้อตั๋วรถไฟฟ้าบีทีเอส ฯลฯ

 

2coin.jpg

 

"วรรณา ยินดียั่งยืน" ผอ.ส่วนวางแผนพัฒนาและเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักกษาปณ์ กรมธนารักษ์ เล่าว่า ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2552 เป็นต้นมา กรมธนารักษ์ได้ผลิตเหรียญนิวซีรีส์ หรือเหรียญกษาปณ์หมุนเวียนรุ่นใหม่ออกมาใช้ ขณะนี้ในตลาดมีครบทุกเหรียญแล้ว แต่ปริมาณไม่เท่ากัน

 

แบ่งเป็นเหรียญ 25 สตางค์ 25 ล้านเหรียญ 50 สตางค์ 29 ล้านเหรียญ 1 บาท 19 ล้านเหรียญ 2 บาท 241 ล้านเหรียญ 5 บาท 229 ล้านเหรียญ และ 10 บาท 10 ล้านเหรียญ

 

สำหรับสาเหตุที่ต้องเปลี่ยนรูปโฉมผลิตเหรียญ 2 บาทใหม่ และผลิตออกสู่ตลาดมากที่สุดก็เพราะที่ผ่านมาประชาชนสับสนระหว่างเหรียญ 2 บาทกับ 1 บาท เนื่องจากมีสีเงินและขนาดใกล้เคียงกันมาก กรมธนารักษ์จึงพยายามเรียกเก็บเหรียญ 2 บาทเดิม แล้วผลิตเหรียญ 2 บาทใหม่สีเหลืองทองออกมาใช้แทน

 

"ตอนนี้ไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องเหรียญ 2 บาทแล้ว เพราะเปลี่ยนสีไปเลย จากสีเงินที่มีส่วนประกอบโลหะนิกเกิลชุบเคลือบไส้เหล็กมาเป็นอะลูมิเนียมบรอนซ์ ทำให้มีสีเหลืองทอง เส้นผ่าศูนย์กลางเท่าเดิม แต่น้ำหนักลดลงจาก 4.4 กรัม เป็น 4.0 กรัม พอเปลี่ยนสีให้แตกต่างจากเหรียญ 1 บาทแล้ว ชาวบ้านก็ชอบ" วรรณา กล่าว

 

อย่างไรก็ดี สำหรับเหรียญ 5 บาทใหม่กลับพบว่า กรมธนารักษ์ได้รับการร้องเรียนเข้ามามาก เนื่องจากน้ำหนัดลดลงทำให้เหรียญบาง ไม่หนาเหมือนเดิม จนมีข่าวลือในแถบภาคใต้ว่าเป็นเหรียญปลอม เวลาซื้อของพ่อค้าแม่ค้าไม่ยอมรับ ดังนั้น กรมธนารักษ์จึงพยายามชี้แจงว่าเป็นการลดต้นทุนการผลิต ใช้วัสดุเหมือนเดิมคือคิวโปรสอดไส้ทองแดง เพียงแต่เหรียญ 5 บาทซีรีส์ใหม่จะมีน้ำหนักแค่ 6.0 กรัม ต่างจากรุ่นเก่าที่หนัก 7.5 กรัม ส่วนเรื่องการหยอดตู้อัตโนมัติไม่ได้นั้น กรมธนารักษ์ได้ประสานผู้ผลิตตู้ให้เร่งปรับเครื่องรองรับเหรียญรุ่นใหม่แล้ว

 

ส่วนเหรียญ 1 บาทใหม่จะแตกต่างจากเดิมคือ น้ำหนักน้อยกว่า 0.4 กรัม และเปลี่ยนจากเนื้อโลหะคิวโปรนิกเกิลเป็นนิกเกิลชุบเคลือบไส้เหล็ก ผอ.ส่วนวางแผนพัฒนาฯ อธิบายเพิ่มเติมว่า เพื่อลดต้นทุนการผลิต เนื่องจากเหรียญ 1 บาทชุดเดิม มีต้นทุนการผลิตเกือบ 2 บาทต่อเหรียญ ซึ่งไม่เป็นไปตามหลักสากล ที่ระบุให้มูลค่าวัสดุที่ใช้ผลิตเหรียญกษาปณ์แต่ละชนิด ไม่ควรเกินร้อยละ 40 ของราคาเหรียญ เช่น เหรียญ 1 บาท ต้องใช้มูลค่าโลหะที่ผลิตไม่เกิน 40 สตางค์ เป็นการป้องกันคนเอาเหรียญไปหลอมละลายทำเป็นสินค้าอย่างอื่น

 

1coin.jpg

 

ทั้งนี้ เหรียญนิวซีรีส์ทุกรุ่นได้เปลี่ยนแปลงพระบรมฉายาลักษณ์ของในหลวงด้วย โดยเปลี่ยนให้เป็นรูปแบบพระชนมายุปัจจุบันมากขึ้น เพราะเหรียญชุดเดิมใช้มากว่า 20 ปีแล้ว ส่วนลวดลายด้านหน้าและด้านหลังของเหรียญยังคงเหมือนเดิม เพียงแค่ปรับปรุงให้สวยงามคมชัดมากขึ้น

 

"ขอให้ประชาชนอย่าเก็บสะสมเหรียญไว้ในบ้าน หากอยากออมเงินให้มาแลกเป็นธนบัตรไปเก็บ เพราะกรมธนารักษ์ต้องผลิตเหรียญใหม่ออกมาใช้แทนเหรียญเก่าที่หายไปจากตลาด การผลิตเหรียญโลหะเป็นการใช้ต้นทุนสิ่งแวดล้อมสูง ทั้งกระบวนการขุดเจาะหาแหล่งแร่โลหะ การถลุงโลหะ การหลอมโลหะ ฯลฯ ขั้นตอนเหล่านี้ล้วนก่อให้เกิดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมทั้งสิ้น และประเทศไทยต้องซื้อเหรียญจากผู้ผลิตในต่างประเทศ ทำให้สิ้นเปลืองงบประมาณ ถ้าทุกคนนำเหรียญเก่ามาหมุนเวียนใช้อย่างต่อเนื่อง ก็ไม่ต้องผลิตเหรียญใหม่ ไม่ต้องขุดวัตถุดิบจากธรรมชาติมาใช้มากเกินความจำเป็น ถือว่าช่วยกันรักษาสิ่งแวดล้อมทางอ้อม" ผอ.ส่วนวางแผนพัฒนาฯ กล่าว

 

ด้าน "จิราวุธ ตันตระกูล" ผู้เชี่ยวชาญจากสมาคมเหรียญกษาปณ์แห่งประเทศไทย กล่าวถึงปัญหาของการใช้เหรียญซีรีส์ใหม่คือเรื่องน้ำหนัก เพราะตู้หยอดเหรียญอัตโนมัติจะรับเหรียญโดยคำนวณจากเส้นผ่าศูนย์กลางและน้ำหนัก หากผิดไปจากที่ตั้งโปรแกรมไว้ก็จะหล่นออกมา ส่วนตัวเห็นด้วยที่เปลี่ยนสีเหรียญ 2 บาทเป็นแบบใหม่ ป้องกันความสับสนกับเหรียญบาท ส่วนเหรียญ 5 บาทตอนนี้ประชาชนยังไม่เคยชิน แต่สักพักปัญหาต่างๆ จะหมดไป และเหรียญ 5 บาทเดิมก็จะเริ่มหมดไปจากตลาดด้วย

 

"เหรียญ 5 บาทผลิตเกือบทุกปี ประมาณปีละ 30-100 ล้านเหรียญ คนที่สะสมจะเลือกรุ่นที่ผลิตน้อย เช่น เหรียญ 5 บาทปี 2546 ผลิตแค่ 182,000 เหรียญ สังเกตปีที่ผลิตได้จากตัวเลข พ.ศ.ที่ปั๊มอยู่ด้านหลังของเหรียญทุกอัน แม้หน้าเหรียญจะปั๊มราคาแค่ 5 บาท แต่ราคาที่นักสะสมซื้อคือเหรียญละ 50 บาท ซึ่งหาไม่ค่อยเจอแล้วเพราะผลิตน้อยมาก" จิราวุธ ระบุ

 

ทั้งนี้ เว็บไซต์นักสะสมเหรียญหลายแห่ง ได้นำเหรียญกษาปณ์รุ่นต่างๆ มาประกาศขายกันอย่างคึกคัก โดยเหรียญ 5 บาทในปี 2546 มีการประกาศขายราคาเหรียญละ 150 บาท ส่วนเหรียญ 2 บาทบางรุ่นราคาสูงถึง 50 บาท

 

เจ้าหน้าที่ศูนย์ฮอตไลน์ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือรถไฟฟ้าบีทีเอส ชี้แจงถึงกรณีที่ไม่สามารถใช้เหรียญ 5 บาทกับเครื่องซื้อตั๋วอัตโนมัติว่า ขณะนี้ศูนย์วิศวกรรมของบริษัทยืนยันว่า กำลังมีการปรับปรุงระบบใหม่ทั้งหมด เพื่อทำให้เหรียญ 5 บาทซีรีส์ใหม่สามารถใช้ได้กับทุกเครื่องแล้ว

 

คม ชัด ลึก 16/08/2552

 

 

 

เมื่อเงินเฟ้อมา เศษเหรียญก็หายไป

อาหารสมอง

วีรกร ตรีเศศ Varakorn@dpu.ac.th

มติชนรายสัปดาห์ วันที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2549 ปีที่ 26 ฉบับที่ 1356

 

เงินเฟ้อสร้างปัญหามากมายให้แก่สมาชิกของระบบเศรษฐกิจ เมื่อข้าวของแพงขึ้น จำนวนเงินเท่าเดิมก็ย่อมซื้อสินค้าได้ปริมาณน้อยลงเป็นธรรมดา หรือพูดอีกอย่างหนึ่งว่าเงินเฟ้อทำให้อำนาจซื้อลดลง หรือค่าเงินที่แท้จริงลดลง อย่างไรก็ดี มีผลกระทบอีกอย่างหนึ่งที่อาจนึกไม่ถึง นั่นก็คือเศษเงินเหรียญอาจหายไปจากระบบเศรษฐกิจ จนทำให้เกิดความวุ่นวายไปทั่ว

 

ประเทศที่ประสบปัญหานี้ก็คือฟิลิปปินส์เพื่อนอาเซียนของเราที่ปัจจุบันมีจำนวนประชากรแซงหน้าเราไปมากจนปัจจุบันมีถึงประมาณ 80 ล้านคน บนพื้นที่ดิน 3 ใน 5 ของไทย (ฟิลิปปินส์ประกอบด้วย 7,100 เกาะ รวมพื้นที่ 300,000 ตารางกิโลเมตร) มะนิลามีจำนวนประชากรใกล้เคียงกับกรุงเทพฯ คือ 10.3 ล้านคน

 

หน่วยของเงินคือเปโซ (Peso) และหน่วยย่อยคือเซนตาโว (Centavos) (100 Centavos เท่ากับ 1 Peso) ตอนเมื่อเกิดวิกฤตเศรษฐกิจในปี 2540 1 บาท เท่ากับ 1 เปโซ แต่ปัจจุบัน 1 บาท เท่ากับประมาณ 1.3 เปโซ (เงินบาทแข็งขึ้นเมื่อเทียบกับเปโซ)

 

ฟิลิปปินส์ประสบปัญหาเงินเฟ้อยาวนานกว่าไทย และตลอดเวลากว่าครึ่งปีที่ผ่านมาก็อยู่ในเรือลำเดียวกับไทย กล่าวคือ น้ำมันมีราคาแพงขึ้นมาก ข้าวของแพงขึ้นจนเศษเหรียญแทบไร้ค่า โดยเฉพาะเซนตาโวค่าต่ำๆ และเศษเหรียญในหลายราคาหายไปจากการหมุนเวียน จนผู้ว่าการธนาคารชาติของฟิลิปปินส์ออกมาขอร้องให้คนฟิลิปปินส์อย่า "กักขัง" (imprison) เหรียญกษาปณ์ที่มีจำนวนอยู่ถึง 11,000 ล้านอันไว้ในบ้านเลย เพราะจะทำให้ประเทศเสียเงินทองโดยไม่จำเป็นต้องผลิตเหรียญออกมาเพิ่มขึ้น

 

ปัญหาในเรื่องการหายไปของเหรียญกษาปณ์ฟิลิปปินส์มีหลายประการโดยมีสาเหตุอื่นนอกจากเงินเฟ้อเข้ามาเกี่ยวพันด้วย ถ้าสรุปเป็นประเด็นๆ ก็จะได้ดังนี้

 

  1. ประการแรก ฟิลิปปินส์ผลิตเหรียญกษาปณ์ออกมาเป็นจำนวนมากเมื่อเปรียบเทียบกับธนบัตรเพื่อเป็นเงินให้ประชาชนใช้ เฉลี่ยคนฟิลิปปินส์แต่ละคนมีเหรียญให้ใช้ประมาณ 140 อัน ซึ่งสูงกว่าตัวเลขเฉลี่ยของคนในประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อื่นๆ ถึง 3 เท่าตัว (เหรียญคงทนกว่าธนบัตร ผลิตออกมาหนึ่งครั้งใช้ได้นานกว่าธนบัตรมาก) ดังนั้น เมื่อเกิดสิ่งใดขึ้นกับการใช้เหรียญกษาปณ์ทั้งทางตรงและทางอ้อม ก็ย่อมเกิดผลกระทบเป็นลูกโซ่อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
  2. ประการที่สอง เมื่อข้าวของแพงขึ้นโดยเพิ่มทีละหลายเปโซ เหรียญเซนตาโวจึงไร้ค่าเพราะเอาไปทำอะไรไม่ได้ "ลูกแหง่" หรือเศษเหรียญที่ทำให้หนักกระเป๋าเหล่านี้จึงถูกทิ้งไว้ในกระป๋อง ขวด ลิ้นชัก กระปุกออมสิน กระเป๋า มุมซอกแซกของบ้าน หรือเอาไปใช้ประโยชน์อื่น เช่น ใช้เป็นแหวนรองน็อต (5 เซนตาโวมีรูที่ใหญ่พอเหมาะกับการใช้เป็นแหวนรองพอดี) ฯลฯ เมื่อขาดแคลนเหรียญราคาต่ำก็เลยทำให้ต้องใช้ลูกอมหรือลูกกวาดเป็นเงินทอนแทน
  3. ประการที่สาม เหรียญเปโซที่ผลิตก่อนหน้า ค.ศ.2004 ซึ่งมีส่วนผสมของทองแดงร้อยละ 75 และนิกเกิ้ลร้อยละ 25 หายไปจากตลาดเมื่อราคาทองแดง และนิกเกิ้ลในตลาดโลกพุ่งสูงขึ้นเกือบหนึ่งเท่าตัวจนทำให้มูลค่าเนื้อโลหะที่ใช้ทำเหรียญเปโซทั้งหมดสูงกว่าราคา 1 เปโซหน้าเหรียญ

 

เศรษฐศาสตร์มีกฎเก่าแก่อยู่อันหนึ่งที่มีชื่อว่า Gresham"s Law (Thomas Gresham ค.ศ.1519-1579) ซึ่งบอกว่า "เงินเลวไล่เงินดี" กฎนี้คืออะไรจะเห็นได้ชัดหลังจากได้ทราบเรื่องราวของเหรียญฟิลิปปินส์

 

สถานการณ์ที่เหรียญจั๊ตเก่าของพม่าและเหรียญรูปีเก่าของอินเดียที่เป็นเนื้อเงินแท้หายไปจากตลาด และกลายเป็นวัตถุดิบสำหรับเครื่องเงินในภาคเหนือในสมัยก่อน และเหรียญเปโซหายไปดังกล่าวตรงกับกฎนี้

 

ตราบที่มูลค่าเนื้อโลหะของเหรียญต่ำกว่าหรือเท่ากับราคาหน้าเหรียญทำให้เหรียญไหลเวียนอยู่ในระบบเศรษฐกิจ วิธีป้องกันไม่ให้มูลค่าเนื้อโลหะลดลงก็โดยการจักขอบเหรียญเพื่อป้องกันไม่ให้คนขูดเศษโลหะออกจากเหรียญไป จนทำให้เหรียญมีขนาดเล็กลงและมูลค่าลดลง

 

เมื่อไม่นานมานี้เจ้าหน้าที่ศุลกากรฟิลิปปินส์จับคนลักลอบนำเหรียญหนึ่งเปโซที่ผลิตก่อนปี 2004 ซึ่งมูลค่าเนื้อโลหะสูงกว่าราคาหน้าเหรียญหนึ่งเปโซถึงสามเท่ากว่าออกไปญี่ปุ่นโดยใช้คอนเทนเนอร์ (ไม่ได้ขนด้วยกระเป๋าทางอากาศเป็นร้อยลูกนะครับ) เป็นจำนวน 3-4.5 ล้านอันเพื่อตั้งใจเอาไปหลอมเป็นทองแดงและนิกเกิ้ลขาย และจะใช้เศษโลหะที่เหลือเอาไปปั๊มเป็นเหรียญเพื่อการเล่นปาชิงโกะ

 

(เกมหยอดเหรียญและมีลูกเหล็กกลมวิ่งไปลงหลุมที่มีคะแนนต่างกัน รางวัลเป็นของเล็กน้อยที่เอาไปขายเป็นเงินได้ ปาชิงโกะโดยแท้จริงแล้วจึงเป็นการพนันถูก "กฎหมาย" ในสังคมญี่ปุ่น)

 

การหายไปของเหรียญเปโซทำให้ราคาไม่ลงตัว เช่น บริการรถสองแถว (ที่เรียกว่าจีพนี่) ราคาต่ำสุดคือ 7.50 เปโซ คนโดยสารและคนขับต้องต่อรองกันเสมอว่าจะจ่ายราคาใด เพราะเหรียญกษาปณ์ 25 เซนตาโวขาดแคลน (เหรียญที่ใช้มี 7 ราคาตั้งแต่ 1 เซนตาโวจนถึง 10 เปโซ แต่ไม่มี 50 เซนตาโว) เนื่องจากการมีหวยให้เล่นรายวันในฟิลิปปินส์

 

หวยถูกกฎหมายที่ออกรางวัลทุกวันเรียกว่า Jueteng มีราคา 50 เซนตาโว รางวัลใหญ่คือ 20,000 เปโซ เป็นที่นิยมของคนทั้งประเทศที่ยังมีคนยากจนอยู่เป็นจำนวนมาก (มีข้อมูลอ้างว่าครึ่งหนึ่งของประชากรมีรายได้ต่ำกว่า 2 เหรียญสหรัฐต่อวัน คนเชื่อตัวเลขนี้ทั้งหมดอาจลืมไปว่าคนในชนบทจำนวนมากมีชีวิตอยู่รอดในแต่ละวันได้โดยไม่ต้องใช้เงิน) จนทำให้เหรียญ 25 เซนตาโวเป็นที่ต้องการอย่างมากเพราะสามารถเอาไปใช้แทงหวยได้

 

Jueteng นี้แหละที่มีส่วนทำให้เกิดการต่อต้านประท้วงประธานาธิบดีแอสตราด้าครั้งใหญ่ เพราะมีหลักฐานว่า รับเงินค่าคุ้มครองไป 545 ล้านเปโซเพื่อให้ออกหวยนี้ได้ จนตกอำนาจไปในปี 2001 (คนไทยที่อ่านตัวเลขนี้แล้วคงขำกลิ้ง) สิ่งที่ทำให้ "คนโกงเพียงแค่นี้" ต้องตกอำนาจก็เพราะประชาสังคมของฟิลิปปินส์นั้นเข้มแข็งกว่าเรา แถมมีรองประธานาธิบดีในตอนนั้นที่มีสมัครพรรคพวกมากมายรุมกันเลื่อยขาเก้าอี้ และมีผู้นำศาสนาที่มีอิทธิพลสูงยิ่งสนับสนุนรองประธานาธิบดีอีกด้วย

 

ก่อนหน้าที่ผู้ว่าการธนาคารชาติจะออกมาขอร้อง ก็ได้แก้ไขส่วนผสมของเหรียญหนึ่งเปโซในปี 2004 ให้มีส่วนผสมของเหล็กซึ่งมีราคาต่ำมากขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเงื่อนไขที่มูลค่าเนื้อโลหะสูงกว่าราคาหน้าเหรียญซึ่งจะทำให้ Gresham"s Law ทำงาน (ปัจจุบันเนื้อโลหะของเหรียญหนึ่งเปโซที่ผลิตก่อนปี 2004 มีมูลค่า 3.50 เปโซ) กล่าวคือ เหรียญที่มูลค่าเนื้อโลหะสูงกว่าราคาหน้าเหรียญ ("เงินดี") จะหายไป และมีเหรียญที่มูลค่าโลหะต่ำกว่าราคาหน้าเหรียญ ("เงินเลว") มาไหลเวียนแทน

 

ในเดือนกรกฎาคม 2006 นิวซีแลนด์ผลิตเหรียญใหม่เริ่มตั้งแต่ราคา 10 เซนต์ ถึง 50 เซนต์ (ลดการใช้เหรียญ 5 เซนต์เก่าลง) โดยใช้แผ่นเหล็กชุบเป็นวัตถุดิบซึ่งมูลค่าเนื้อโลหะต่ำกว่าราคาหน้าเหรียญพอควร อีกทั้งยังเบาและทนทานอีกด้วย

 

ผู้ว่าการธนาคารชาติฟิลิปปินส์แก้ปัญหาเหรียญกษาปณ์ขาดแคลนอย่างหลักแหลมด้วยการติดต่อ Catholic Church ของฟิลิปปินส์ ซึ่งได้รับเงินบริจาคในรูปของเหรียญกษาปณ์รวมเป็นเงิน 82 ล้านเปโซ นับตั้งแต่มีการรณรงค์เพื่อคนจนในปี 2004 เพื่อให้นำมาฝากกับธนาคารเร็วขึ้น เหรียญกษาปณ์จะได้ไหลเวียนในระบบเศรษฐกิจอย่างไม่ขาดแคลน ธนาคารชาติฟิลิปปินส์ยังเข็ดไม่หายกับต้นทุนการผลิตเหรียญกษาปณ์ในปี 2005 จำนวน 1 พันล้านเหรียญในราคา 700 ล้านเปซภายใต้สภาวการณ์เศรษฐกิจที่ฝืดเคืองพอควร และมีหนี้สาธารณะรวมถึง 4 ล้านล้านเปโซ

 

ไทยเรายังไม่มีวิกฤตเหรียญกษาปณ์เพราะถึงอย่างไรหนึ่งบาทและห้าสิบสตางค์ของเรายังมีค่า และคนไทยไม่ชอบใช้เหรียญกษาปณ์จนเงินส่วนใหญ่เป็นธนบัตร เราเคยมีปัญหาเหรียญกษาปณ์ก็เพียงเมื่อครั้งเหรียญ 2 บาทกับ 5 บาทมีหน้าตาและขนาดใกล้เคียงกันมาก

 

จนเป็นประเทศเดียวในโลกตอนนั้นที่มีสีเมจิคเขียนบนเหรียญสำทับอีกครั้งว่าเป็น 2 บาท หรือ 5 บาท

 

ถูกแก้ไข โดย Meaw_Joe

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เห็นที คงต้องเตรียมหยอดกระปุกไว้ใช้สักหน่อย ยามขาดแคลน !ee

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...