ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
jarurote

วิเคราะห์แมวๆ เพื่อการลงทุนกองทุนทองคำ

โพสต์แนะนำ

สวัสดีค่ะ

 

เห็นคุณเหมียวโจอี้เชี่ยวชาญเรื่องเหรียญค่ะ

ขอความรู้ค่ะเรื่องเหรียญที่ระลึกราชาภิเษก และราชาภิเษกสมรส ชนิดเหรียญทอง

ราคาตลาดประมาณเท่าไหร่คะ

ถูกแก้ไข โดย Ooy

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดีค่ะ

 

เห็นคุณเหมียวโจอี้เชี่ยวชาญเรื่องเหรียญค่ะ

ขอความรู้ค่ะเรื่องเหรียญที่ระลึกราชาภิเษก และราชาภิเษกสมรส ชนิดเหรียญทอง

ราคาตลาดประมาณเท่าไหร่คะ

 

ข้อมูลอยู่ในนี้ http://www.royalthaimint.net/index.php?option=com_content&view=article&id=192%3A60kq&catid=28%3Aroyal-thai-mint-news&lang=th

 

เหรียญทองบริสูทธิ์ 99% นน. 1 บาท

คาดว่าราคาป่านนี้ก็คงอยู่ในช่วง 26,000-30,000 บาท

 

 

เนื่องจากรุ่นที่ผลิต มีทั้งชนิด ทองคำ เงิน ทองแดง

 

ข้อควรระวังก็คือ

 

ที่จะโดนหลอกต้ม ด้วยการเอา เหรียญทองแดง หรือเหรียญเงิน ที่มีมูลค่าน้อยกว่ามากๆ มาชุบทองหนาๆ แล้วหลอกขายว่าเป็นเหรียญทองคำ

 

ทางที่ดีควรเหรียญทีว่านั้นไปทำการทดสอบชั่งน้ำหนักและวัดขนาดทั้งเส้นผ่านศูนย์กลางและความหนา

 

หรือวิธีการนอกเหนือจากนี้ ก็ไปหาวิธีการเอาเอง คงไม่ขอตอบนอกเหนือจากนี้ (เดี๋ยวจะเป็นการชี้โพรงให้ ไอ้พวกโกงพยายามจะปิดอีก)

 

ง่วงแล้ว บ๊ายๆ !37

 

 

รายละเอียดของเหรียญ ขนาดและน้ำหนักเกือบๆใกล้เคียงกัน

 

ควรมีอุปกรณ์อย่างหน้อยสองอย่างคือ 1. เวอรเนียวัดขนาด 2.เครื่องชั่งเหรียญพร้อมตุ้ม100g สำหรับทดสอบนน. (แถวบ้านหม้อ คลองถมน่าจะมีขาย)

 

 

1. เหรียญที่ระลึกทองคำพ่นทราย

เนื้อโลหะทองคำ 99%

น้ำหนัก 15 กรัม

ขนาด 26 มิลลิเมตร

 

2. เหรียญที่ระลึกเงินรมดำพ่นทรายพิเศษ

เนื้อโลหะเงิน 95%

น้ำหนัก 15 กรัม

ขนาด 30 มิลลิเมตร (ต่างกันแค่ 4 มม.เทียบกับเหรียญทอง อาจหลอกตากันได้ <_< )

 

4. เหรียญที่ระลึกทองแดงรมดำพ่นทราย

เนื้อโลหะทองแดง 95%

น้ำหนัก 13 กรัม (ต่างกันแค่ 2 กรัม เทียบกับเหรียญทองหรือเงิน อาจความรู้สึกน้ำหนักต่างกันเพียงเล็กน้อยได้ยาก เมื่อมาวางกระทบที่มือ <_< )

ขนาด 30 มิลลิเมตร (ต่างกันแค่ 4 มม.เทียบกับเหรียญทอง อาจหลอกตากันได้ <_< )

ถูกแก้ไข โดย Meaw_Joe

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

กบนอกกะลา เหรียญกษาปณ์ 16/04/10 (2-4)

http://www.youtube.com/watch?v=TQLfhyBg-uM&NR=1

 

ขอขอบคุณ คุณส้มโอมือมากนะครับ !01

 

สำหรับคลิปสารคดีเหรียญกษาปณ์ของกรมธนารักษ์ ทำให้ได้รู้อะไรอีกเยอะเกี่ยวกับขั้นตอนการผลิต B)

 

สำหรับเงิน 1 บาทในสมัยก่อนดูแล้วชวนเวียนหัวและสับสนมากๆ

 

เงิน 1 บาท

  • = 4 สลึง (100สตางค์ ระบบหลังสุดปลาย ร.5)
  • = 8 เฟือง
  • = 16 ซีก
  • = 32 เสี้ยว
  • = 64 อัฐ
  • = 128 โสฬส
  • = 6400 เบี้ย (อันหลังนี้แล้วแต่สถานกาณ์ ถ้าเบี้ยในระบบเยอะ อาจจะเฟ้อกว่านี้ ดั่งเช่นสมัย ร.3 เงินเบี้ยในระบบมาก มูลค่าลดลง)

 

และเงิน 1 บาทสมัยนี้ ให้นึกถึง แบงค์ 500-1000 บาท

 

ที่จริงแล้ว ในการผลิตเหรียญกษาปณ์ในปัจจุบันแบบนี้ เหรียญเงิน 1 บาท น่าจะตีตราเป็น 1000 บาทไปแล้ว (ต้นทุนโลหะอยู่ที่ 40% ของหน้าเหรียญ ไม่คิดค่าแรงงาน ค่าใช้จ่ายอื่นๆ)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

b-gold น่าเล่นกว่าk-gold ใช่ปะคับ

แล้วb-gold มีการปันผล ละป่าวคับ

ถูกแก้ไข โดย matay107

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

b-gold น่าเล่นกว่าk-gold ใช่ปะคับ

แล้วb-gold มีการปันผล ละป่าวคับ

 

ถ้าอยู่ในสภาวะราคาทองเป็นขาขึ้น

 

ในช่วงค่าเงินบาทแข็ง K-Gold, T-GoldBullion-H ที่มีนโยบายกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน

 

จะได้เปรียบกว่ากองทุนทองคำอื่นที่ไม่มีนโยบายกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน

 

 

 

แต่ในช่วงค่าเงินบาทอ่อน ทองคำแท่ง และกองทุนที่ไม่มีนโยบายกันความเสี่ยง (เช่น T-GoldBullion-UH, B-Gold) จะได้เปรียบกว่า K-Gold

 

 

 

เท่าที่ผ่านมาพบว่า ในช่วงบาทแข็ง กองทุนทองคำแบบไม่มีนโยบายกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนเช่น B-Gold จะให้ผลตอบแทน ห่วยแตก เมื่อเทียบกัย K-Gold, ทองคำแท่ง อาจเป็นเพราะต้องเสียค่าส่วนต่างเรื่องค่าธรรมเนียมจัดการซ้ำซ้อนยี้ปั้วซาปั้วเพิ่มเติมไปอีก

 

 

ซึ่งตารางเปรียบเทียบเคยโชว์มาแล้ว แต่ขี้เกียจหา ไปค้นหาเอาเองในกระทู้นี้ กองทุนB-Gold ไม่มีปันผล หมายถืงไม่ขายก็ไม่ได้ห่าอะไรเลย ไม่เหมือน K-Gold มันจึงเหมาะเป็นกองทุนที่ซื้อแล้วทิ้งไปเรื่อย โดยมันจะเอามูลค่าเพิ่มnav ตัดออกมาแล้วหักภาษี10% เพื่อมาเป็นปันผล หรือจะเอาปันผลไปลงทุนทบต้นเหมือนเอาดอกเบี้ยไปฝากประจำอีกที

 

 

ดังนั้นสรุปได้ด้งนี้ในสภาวะราคาทองเป็นขาขึ้น

 

ถ้าเหตุการณ์ช่วงค่าเงินบาทอ่อน ทองคำแท่ง ดูน่าสนใจกว่า อีกทั้งสามารถซื้อขายในช่วงวันหยุดได้

 

แต่สำหรับช่วงค่าเงินบาทแข็ง K-Gold, T-GoldBullion-H ที่มีนโยบายกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน น่าสนใจกว่า

 

 

แต่สุดท้ายแล้วถือ ของจริง ยังปลอดภัยกว่าถือเป็นกระดาษ ให้ลองนึกภาพตอนเหตุการณ์บ้านเืมืองวุ่นวายเมื่อปีที่แล้ว ซื้อขายกองทุนไม่ได้เลย (คาตรงนี้ไว้ก่อน เดี๋ยวจะกลับมาพิมพ์เพิ่มเติมกันต่อ)

ถูกแก้ไข โดย Meaw_Joe

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

การเก็บรักษาเหรียญ

•วัน•ศุกร์•ที่ 19 •มีนาคม• 2010 เวลา 22:03 น.•

คุณค่าของเหรียญโดยทั่วไปแล้ว จะถูกกำหนดโดยสภาพความสมบูรณ์ เหรียญเก่าที่มีสภาพเหมือนกับที่เพิ่งผลิตออกมาจากโรงกษาปณ์ใหม่ๆ ย่อมมีคุณค่าสูงกว่า เหรียญชนิดเดียวกัน ที่ถูกใช้มานาน จนเกิดรอยขูดขีด ชำรุด หรือ มีตำหนิ เงินโบราณหลายชนิด เช่น เงินพดด้วง เงินเจียง เงินกรีก โรคุณ ซึ่งมีอายุนัยร้อย จนถึงหลายพันปี ซึ่งถูกขุดขึ้นมา ด้วยผ่านกาลเวลาอันยาวนาน แล้งตกทอดกันมาจนถึงปัจจุบัน ย่อมผ่านการใช้จ่ายมามากบ้าง น้อยบ้าง หรือ ไม่ได้ถูกใช้เลยก็มี สภาพของเหรียญเหล่านี้จึงต่างกัน คุณค่าก็ต่างกันไปตามสภาพเช่นเดียวกัน ในปัจจุบันนี้ มีผู้นิยมสะสมเหรียญเพิ่มมากขึ้น นับเป็นสิ่งที่น่ายินดี ที่จะได้มาร่วมกันอนุรักษ์ เก็บรักษาเหรียญ อันเปรียบเหมือนหลักฐานทางประวัติศาสตร์ ให้คงสภาพเดิมในปัจจุบัน ให้ยาวนานที่สุด

 

 

 

เหรียญกษาปณ์ และเหรียญที่ระลึก ล้วนทำด้วยโลหะ ซึ่งคงทนต่อสภาพอากาศ และสิ่งแวดล้อมที่แปรเปลี่ยน ได้ดีกว่าแสตมป์ และ ธนบัตร การเก็บรักษาเหรียญเหล่านี้ จึงง่ายคลายกังวลลงได้ อย่างไรก็ตาม ยังคงมีปัจจัยหลายอย่าง ที่ทำให้เหรียญเสื่อมสภาพลงโดยที่คาดไม่ถึงได้ เพื่อให้คุณค่าของเหรียญไม่ลดลง โดยไม่ได้ตั้งใจ จึงขอเสนอเหตุปัจจัย ที่ทำให้เหรียญเสื่อมสถาพลง พร้อมทั้งวิธีการเก็บรักษา เพื่อให้เหรียญคงสภาพเดิมได้นานที่สุด หรือเพื่อชลอการเสื่อมสภาพ ให้ได้ยาวนานที่สุด ไม่ให้เสียหายเพราะน้ำมือของเราเอง

 

 

 

ปัจจัยที่ทำให้เหรียญเสื่อมสภาพ

 

ความชื้น ประเทศไทยของเราตั้งอยู่ในเขตร้อนชื้น ความชื้นในอากาศ เมื่อมีปัจจัยอื่นร่วมด้วย เช่น ความร้อน ความเย็น อาจทำให้ไอน้ำในอากาศ ควบแน่นเป็นหยดน้ำ ติดอยู่บนผิวเหรียญ ถ้ามีก๊าซพิษ เช่น คาร์บอนไดออกไซด์ ก๊าซไข่เน่า อยู่ด้วย น้ำจะมีฤทธิ์เป็นกรดอ่อนทันที ทำให้กัดกร่อนผิวของเหรียญได้

น้ำ เหรียญที่แช่ในน้ำนานๆ ย่อมสึกกร่อนได้เร็วกว่า การเก็บไว้ในที่ชื้น เพรษะน้ำในธรรมชาติ จะมีฤทธิ์เป็นกรด (Acid) หรือ ด่าง (Base) อย่างอ่อน ยากที่จะมีฤทธิ์เป็นกลาง (Neutral) ทั้งกรดและด่าง ล้วนสามารถที่จะกัดกร่อนโลหะได้ทั้งสิ้น

ความร้อน มีผลต่อเหรียญที่ผิวสกปรก มีคราบเหงื่อไคล ซึ่งมีน้ำคุณ และ เกลือที่ละลายอยู่ในเหงื่อ หรือ เหรียญที่มีไอน้ำกรดด่างติดอยู่ ความร้อนจะเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาให้สารเคมีเหล่านี้ กัดกร่อนผิวเนื้อเหรียญให้เสียหายได้

แสงสว่าง เมื่อถูกผิวเหรียญ พลังงานส่วนหนึ่งของแสง จะถูกเปลี่ยนเป็นความร้อน ซึ่งเป็นผลเสียต่อผิวของเหรียญได้ เมื่มีปัจจัยอื่น เช่น ก๊าซ หรือ ความชื้น เข้ามาเกี่ยวข้อง

อากาศ ในอากาศมีก๊าซหลายชนิด ผสมปนกันอยู่ เหรียญที่ทำด้วยโลหะชนิดต่างๆ มีความไวต่อปฏิกิริยากับก๊าซชนิดต่างๆ ไม่เท่ากัน ถ้าเก็บอย่างไม่ระมัดระวัง ผิวเหรียญอาจสึกกร่อนได้

สารเคมี อันประกอบด้วย กรด ด่ง และ เกลือ ล้วนมีผลทำให้เกิดปฏิกิริยาเคมี กับผิวเหรียญได้ ควรเก็บเหรียญให้ห่างจากสารเคมีต่างๆ

เหงื่อ บนนิ้วมือของเรา มีต่อมเหงื่ออยู่ทั่วไปตามแนวเส้นลายมือ นอกจากนั้น นิ้วมือที่จับเหรียญยังอาจนำคราบสกปรกอื่นๆ เช่น ฝุ่น หรือ เศษอาหารมาติดเหรียญได้

สัตว์ต่างๆ เช่น มด หนู แมลงสาบ อาจมาทำรังในตู้เก็บเหรียญ หรือมาเหยียบย่ำเหรียญให้เป็นรอยได้ ควรหมั่นตรวจตราอยู่เสมอ

ฝุ่นละออง เป้นสิ่งที่มองไม่เห็น มีอยู่ทั่วไปในบรรยากาศ อาจทำให้เกิดคราบติดแน่นบนผิวเหรียญได้

การตกหล่น กระทบกระแทก และการขัดถูเหรียญ เป็นสิ่งที่ต้องระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง เพราะทำให้ เหรียญสูญเสียคุณค่าไปโดยไม่ได้ตั้งใจ สภาพของเหรียญที่ไม่ได้แตะต้องเลย เรียกว่า "ผิวเดิม" เป็นที่ปรารถนาของผู้สะสม เหรียญผิวเดิมบางชนิด มีราคาสูงกว่าเหรียญชำรุดหลายสิบเท่า

ไฟ นอกจากทำลายตัวเหรียญให้หลอมละลายแล้ว ยังทำลายทรัพย์สินอื่นๆ อีกด้วย

วิธีการเก็บรักษาเหรียญ

 

เก็บในที่ๆ อากาศแห้งที่สุด โดยใช้ถุง หรือ ภาชนะอื่นที่ปิสนิท อากาศเข้าไม่ได้ แล้วใช้สารดูดความชื้น ที่ไม่มีไอพิษ เช่น ซิลิกาเจล ควบคุมความชื้นสัมพัทธ์ให้ต่ำกว่า 45% ไม่ควรเก็บไว้ในห้องอับชื้น อันอาจเกิดเห็ด รา หรือเป็นที่ทำรังของมดปลวกได้ เก็บในที่ๆควบคุมอุณหภูมิได้ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ควรเก็บไว้ในห้องที่ปรับอากาศบางเวลา เพราะว่าเมื่อปิดเครื่องปรับอากาศแล้ว จะทำให้หยดน้ำมาเกาะที่ผิวเหรียญได้

หมั่น ตรวจตราดูแลความสะอาดบริเวณที่เก็บ ไม่ให้มีเศษอาหารตกค้าง ไม่ให้รกรุงรัง เป็นที่อาศัยของ มด หนู และ แมลงต่างๆ หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับบรรยากาศ โดยใส่ตลับ ซองพลาสติก หรือ ซองเหรียญ (Mount) แล้วปิดผนึกไม่ให้อากาศเข้าได้ ไม่ควรผนึกแน่นเกินไปจนกดทับตัวเหรียญ

ไม่วางทับซ้อนกัน ควรวางแยกจากกัน ระวังไม่ให้เหรียญกระทบ ขูดขีดกัน

ไม่ควรเคลือบผิวเหรียญด้วยสารใดๆ เพราะทำให้สารเหล่านี้ ติดกับผิวเหรียญ เมื่อลอกออก จะทำให้ผิวเสียหายได้

การ หยิบจับ ควรใช้ถุงมือป้องกันเหงื่อติดตัวเหรียญ หรือ ถ้าต้องใช้มือจับ ควรจับที่ขอบเหรียญ โดยล้างมือให้สะอาดด้วยสบู่แล้วเช็ดให้แห้งเสียก่อน เมือหยิบจับ ควรระวังไม่ให้ตก เมื่อเคลื่อนย้ายควรวางบนถาด ที่ปูด้วยผ้านุ่มที่ปราศจากสารเคมี

ห้ามใช้กาว หรือ เทปกาว ติดตัวเหรียญ

ตู้เก็บหรือตู้จัดแสดง ต้องปราศจากสารระเหย เช่น แลคเกอร์ หรือ ยาฆ่าแมลง และ ต้องปิดสนิท

ตู้ เก็บเหรียญเงิน ควรอยู่ห่างพื้นดินมากๆ ไม่ควรอยูใกล้ห้องน้ำ ท่อระบายน้ำ และ น้ำเน่า ฐานตู้จัดแสดง ควรใช้ผ้าชุบสารละลายตะกั่วอาซีเตท (PbAcO) เพื่อป้องกันก๊าซไข่เน่า จากบรรยากาศที่ทำให้ผิวเงินดำได้ ไม่เก็บเหรียญที่เป็นสนิมปะปนกับเหรียญสภาพดี เพราะสนิมสามารถลามไปติดเหรียญได้ ยิ่งถ้าร้อนชื้น จะทำให้เกิสนิมเร็วขึ้น

วิธีการทำความสะอาดเหรียญ

 

 

 

การเก็บรักษา เหรียญ เป็นวิธีการป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหาย ขึ้นกับเหรียญ แต่ถ้าเหรียญสกปรกเสียหาย เหมือนกับเกิดโรคขึ้นแล้ว จำเป็นต้องใช้ยารักษา คือ การทำความสะอาด อันเป็นสิ่งที่ไม่ควรให้เกิดขึ้น เพราะเป็นผลเสียมากกว่าผลดี ทำให้คุณค่าของเหรียญลดลง โดยเฉพาะ เหรียญที่ทำปฏิกิริยากับอากาศนานๆ จนมีสี (Toning) แสดงถึงความเก่าแก่ อันเป็นที่นิยมมากในยุโรบ และอเมริกา อย่างไรก็ตามเหรียญที่สกปรกมากๆ อาจทำความสะอาดได้ โดยล้างอย่างระวัง ในน้ำสบู่ หรือ แปลงขนอ่อน ปัดเบาๆ ใช้สำลีนุ่มๆ ห้ามแช่ในน้ำกรดส้มมะขาม หรือมะนาวเด็ดขาด ข้อพึงสังวรคือ การทำความสะอาดนั้น แท้จริงแล้วเป็นการทำลายความเป็น "ผิวเดิม" ของเหรียญ อย่างที่ไม่สามารถกลับคืนมาได้อีก นอกจากนั้น เดี๋ยวนี้มีน้ำยาล้างเหรียญเงิน ที่มีสารไซยาไนด์เป็นส่วนประกอบ ทำให้เกิดปฏิกิริยารุนแรง ทั้งอาจเป็นอันตรายต่อผู้ใช้ จึงต้องระมัดระวัง ทั้งไม่แช่นานเกินไป จนผิวถูกกัดกร่อน ควรใช้น้ำยานี้ทำความสะอาจเหรียญที่สกปรกเท่านั้น ไม่ควรใช้กับเหรียญดีผิวเดิม

http://www.royalthaimint.net/index.php?option=com_content&view=article&id=149%3A2010-03-19-15-04-00&catid=43%3Ahow-to-keep-coins&Itemid=82&lang=th

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ราคาตลาดของเหรียญ

พอจะแบ่ง "ราคา" ออกได้เป็น

ราคาหน้าเหรียญ คือราคาที่ปรากฎอยู่บนเหรียญ เป็นมูลค่าที่กฎหมายรับรองให้ใช้ชำระหนี้ได้

ราคาจ่ายแลก คือราคาที่ทางราชการนำออกให้ประชาชนแลก โดยปกติจะจ่ายแลกในราคาหน้าเหรียญ ยกเว้นเหรียญขัดเงา จะจ่ายแลกในราคาสูงกว่าราคาหน้าเหรียญ แต่ก็ใช้ชำระหนี้ได้เพียงราคาหน้าเหรียญเท่านั้น

ราคาตลาด คือราคาที่ซื้อขายกันในท้องตลาด มักจะมีราคาสูงกว่าราคาจ่ายแลก

ราคาที่แสดงไว้ เป็นราคาตลาดโดยประมาณเท่านั้น ราคาอาจเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา

 

 

ลองนำราคาต่อชุด หารด้วย จำนวนเหรียญในชุด จะได้ราคาขายปลีกต่อเหรียญโดยประมาณ

ราคาขายปลีกของแต่ละเหรียญมักขึ้นกับจำนวนผลิต

เหรียญที่ผลิตปี 2525 ถึง 2530 มักมีจำนวนผลิตน้อย ราคาจึงสูงกว่าปีอื่น ๆ

 

เหรียญกษาปณ์ที่ระลึก ราคา 1 บาท 16 แบบ ราคาประมาณ 300 บาท

เหรียญกษาปณ์ที่ระลึก ราคา 2 บาท 41 แบบ ราคาประมาณ 300 บาท

เหรียญกษาปณ์ที่ระลึก ราคา 5 บาท 16 แบบ(ไม่รวม สยามินทร์) ราคาประมาณ 800 บาท

เหรียญกษาปณ์ที่ระลึก ราคา 10 บาท นิเกิล 46 แบบ ราคาประมาณ 3,500 บาท

เหรียญกษาปณ์ที่ระลึก ราคา 10 บาท นิเกิล ขัดเงา 33 แบบ ราคาประมาณ 22,000 บาท

เหรียญกษาปณ์ที่ระลึก ราคา 10 บาท สองสี 54 แบบ(รวม 50 ปี สนง.วิจัยฯ) ราคาประมาณ 900 บาท

เหรียญกษาปณ์ที่ระลึก ราคา 20 บาท นิเกิล 46 แบบ(รวม 9 รอบนักษัตร สมเด็จย่า) ราคาประมาณ 1,500 บาท

เหรียญกษาปณ์ที่ระลึก ราคา 20 บาท นิเกิล ขัดเงา 39 แบบ(รวม 9 รอบนักษัตร สมเด็จย่า) ราคาประมาณ 13,000 บาท

เหรียญกษาปณ์ที่ระลึก ราคา 50 บาท นิเกิล 5 แบบ(รวม 100 ปี นายเรือ) ราคาประมาณ 350 บาท

เหรียญกษาปณ์ที่ระลึก ราคา 50 บาท นิเกิล ขัดเงา 1 แบบ ราคาประมาณ 800 บาท

เหรียญกษาปณ์ที่ระลึก ราคา 100 บาท นิเกิล 2 แบบ ราคาประมาณ 300 บาท

เหรียญกษาปณ์ที่ระลึก ราคา 100 บาท นิเกิล ขัดเงา 2 แบบ ราคาประมาณ 1,200 บาท

 

เหรียญกษาปณ์ที่ระลึก ราคา 5 บาท 50 พรรษา ในหลวง "สยามินทร์" ราคาประมาณ 700 บาท

เหรียญกษาปณ์ที่ระลึก ราคา 5 บาท 75 ปี ลูกเสือโลก ราคาประมาณ 400 บาท

เหรียญกษาปณ์ที่ระลึก ราคา 10 บาท 75 ปี ลูกเสือโลก ราคาประมาณ 600 บาท

เหรียญกษาปณ์ที่ระลึก ราคา 10 บาท ปีต้นไม้ ราคาประมาณ 1000 บาท

เหรียญกษาปณ์ที่ระลึก ราคา 20 บาท 100 ปี หอสมุดฯ ราคาประมาณ 350 บาท

 

ตัดทอนบางส่วนจากหัวข้อสะสมเหรียญ

http://www.royalthaimint.net/index.php?option=com_content&view=article&id=155%3A2010-03-23-15-56-25&catid=44%3A2010-03-27-17-09-13&Itemid=117&lang=th

คุณngoodinมีเหรียญตามรายการข้างบนสะสมไว้บ้างมั้ย

ถูกแก้ไข โดย ส้มโอมือ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
:)ขอบพระคุณสำหรับ ข้อมูล ข่าวสาร ความรู้ ค่ะ คุณเหมียวโจอี้ :wub: คุณส้มโอมือ :wub:

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

แหะ แหะ ขอบคุณคุณส้มโอมือครับ ลองดู ๆ แล้วไอ้เหรียญที่แพง ๆ อย่างที่ list มาให้ดูนี่ สงสัยไม่มีซักกะเหรียญ ของผมมีเหรียญ 10 บาท 20 บาท พื้น ๆ ดูราคาตลาดแล้วคงปล่อยได้ไม่เกิน 30-40 บาท ต่อเหรียญ เดี๋ยวว่าง ๆจะลอง list เหรียญที่ผมมีให้เพื่อน ๆ ช่วยตีราคากันหน่อย หรือจะประมูลกันไปบ้างก็ดีสำหรับเพื่อนที่สนใจ

:ph34r:

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

แหะ แหะ ขอบคุณคุณส้มโอมือครับ ลองดู ๆ แล้วไอ้เหรียญที่แพง ๆ อย่างที่ list มาให้ดูนี่ สงสัยไม่มีซักกะเหรียญ ของผมมีเหรียญ 10 บาท 20 บาท พื้น ๆ ดูราคาตลาดแล้วคงปล่อยได้ไม่เกิน 30-40 บาท ต่อเหรียญ เดี๋ยวว่าง ๆจะลอง list เหรียญที่ผมมีให้เพื่อน ๆ ช่วยตีราคากันหน่อย หรือจะประมูลกันไปบ้างก็ดีสำหรับเพื่อนที่สนใจ

:ph34r:

555น่าสนุกดี กิจกรรมยามว่างช่วงทองคำปรับฐาน ช่วงนี้setเป็นขาขึ้นแล้วคุณngoodinคงรับทรัพย์มากมาย

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เมี้ยวๆๆๆ ดีคร้าบทุกๆคน !37

 

 

ช่วงนี้ยังเบื่อเซ็งๆ คงต้องขอแว๊บพักใหญ่ให้หายเบื่อๆหน่อย แล้วค่อยกลับมา !37

 

โดยส่วนตัว เชื่อว่า พื้นฐานทองคำได้เปลี่ยนไปแล้ว โดยเฉพาะ หลังผลการเลือกตั้งครั้งนี้

 

 

นโยบายประชานิยม แบบ กรีซ และ อาเจนตินา จะมาหลอนชาวไทยอีกรอบ

 

 

ต่อไปก็นึกภาพเอาเองว่าอนาคตประเทศไทยจะเป็นอย่างไร ให้ไปดูตัวอย่างจาก อาเจนติน่า ประชานิยมตัวพ่อ เป็นตัวอย่าง

 

แค่เหตุการณ์ล่าสุด วิกฤติการณ์เศรษฐกิจในกรีซ ก็เห็นๆกันอยู่แล้ว อีกทั้ง ภาษีบวกเพิ่มเป็น 20 กว่าเปอร์เซนต์ อีกทั้งต้องลดเงินเดือนข้าราชการลงไปอีก 5% http://www.thaistockinfo.com/forum2010/f0140.html

 

เพิ่มภาษีจัดเก็บ ลดเงินเดือน ลดสวัสดิการ ขายรัฐวิสาหกิจเพิ่ม (ในบ้านเรา เท่าที่เห็นๆก็มี EGAT ตัวเดียวที่ยังรอดตัว แต่อนาคตไม่แน่)

 

จำได้ว่ามี VDO CD ของ ดร.นิติภูมิ เนาวรัตน์ (คนๆนี้เดี๋ยวเหลืองเดี๋ยวแดง สงสัยนิยม สีส้มมั้ง !37 )

 

เคยนำมาตีแผ่ถึงอนาคตของประเทศไทยเช่นกัน http://www.nitipoom.com/th/article3.asp?idOpenSky=2516&ipagenum=85

 

 

 

ดังนั้น พื้นฐาน ทองคำระยะยาวในประเทศนี้ คือ Bullish ไม่ใช่ Buffalo Trap แน่นอน ดังนั้น ถือยาวต่อไป

 

ถ้าคิดจะขายออกไป ต้องมั่นใจว่า ราคาทองลงมาพอที่จะทำให้เกิดกำไรส่วนเกินได้ ไม่งั้นก็กินทุนไปอีก :ph34r:

 

ส่วนช่วงปรับฐานระยะนี้ ก็ซื้อไปเลย ไม่ต้องคิดมากแล้ว ไม่ต้องรอให้ต่ำไปถึง 1400 จนตกรถกันพอดี

 

ตราบใดแนวรับแถว NeckLine (1450-1470) ยังแข็งๆแบบนี้

 

อีกทั้ง น้ำมันดิบไม่ได้ลงต่ำกว่า 89-90 เช่นนี้ ราคาทองเชื่อว่า ทำให้ทองคำยังอยู่เหนือ 1440

 

โดยคำนวณจาำกราคาน้ำมันเฉลี่ยที่ 95 ในช่วงswing ในกรอบ 89-100 เช่นนี้

 

ไปและ บ๊ายบายเมี้ยวๆๆๆ !bye

 

 

Link: http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%A4%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%A9%E0%B8%90%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%B2

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...