วิเคราะห์แมวๆ เพื่อการลงทุนกองทุนทองคำ

[jarurote 867]

กองทุนทองคำกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน เล่นเอามัน แต่อย่าจริงจังกะมันมาก

 

เพราะ มันก็เหมือนๆกองทุนทั่วๆไป อีกทั้งมี ตราสารทางการเงินอื่นๆซุกซ่อน เป็นองค์ประกอบอีก

 

ซึ่งไม่เว้นแม้กระทั่ง กองทุันที่อ้างว่าลงทุนของจริงกว่า (กูไม่เห็นกับตา เชื่อไม่ลง และทำไมยังต้องบังคับซื้อขายกองทุน ในเวลาเดียวกับ กองทุนที่ลงทุนใน GOLD ETF ด้วย ซึ่งน่าจะผ่อนเวลาได้มากกว่านี้)

 

 

 

ดังนั้น ถ้าอยากลงทุนทองคำ ควรมีของจริงติดตัวไว้บ้าง ถึงแม้ค่าเงินบาทจะแข็ง (เว้นเสียแต่ สมาคมกั๊ก ได้กั๊กราคาจนน่าเกลียด ถึงค่อยใช้กองทุนเป็นเครื่องมือคานอำนาจไว้อีกที )

 

 

 

จากคำบอกเล่าของ คนที่มีประสบการณ์ลงทุนกองทุนตราสารหนี้ยุคปี 40 ในเวปกองทุนแห่งหนึ่ง

 

ได้เล่านิทานให้ฟังว่า

 

"ราคากองทุนแห่งหนึ่ง จากราคาหน่วยลงทุนเป็นเลขสองหลัก ลดลงมาเหลือแต่หลักหน่วย ภายในข้ามคืน เกือบศูนย์บาท"

 

เอ เราเกิดไม่ทัน สงสัยคงจะคา port ไว้สัก 5000 ดูหน่อยกระมัง จะได้เห็นของจริงอย่างที่ล่ำลือกัน

ถูกแก้ไข กรกฎาคม 8, 2011 โดย Meaw_Joe

[เด็กสยาม 172]

!thk !thk !thk

[deb99 290]

!01

[jarurote 867]

เมี้ยวๆๆๆ !37 มีบทความฝาก

 

ไว้อ่านสนุกๆกันหน่อย คงมีคนจะจำได้ถึง คนที่เป็นชาวสวนแนะให้ไปซื้อดอลล่าร์ เน๊อะ

 

Contrarian Investing (ลงทุนแบบชาวสวน)

โดย สุมาอี้

Date: Wednesday, 25 March 2009

 

 

ในตลาดหุ้นมีแนวการลงทุน 2 แนวที่ไปคนทาง คือ

• แนวโมเมนตัม (Momentum Investing) กับ
  
• แนวคอนทราเรียน (Contrarian Investing)
  

 

แนว momentum อาศัยข้อสังเกตที่ว่า เวลาหุ้นจะขึ้น 100% นั้น หุ้นจะไม่ขึ้นวันเดียว 100%

 

แต่จะขึ้น วันละ 5% บ้าง 10% บ้าง สลับกับปรับฐานบ้าง จนกว่าจะไปถึง 100%

 

คล้ายกับว่า ราคาหุ้นมีความเฉื่อยแบบมวลสาร ดังนั้น ถ้าอยู่ดีๆ หุ้นขึ้นไป 5% ก็อาจจะยังซื้อได้อยู่

 

เพราะอาจจะยังมีโมเมนตัมเหลืออยู่ คนที่เล่นแนวนี้จะเล่นตามตลาด คือ เห็นหุ้นขึ้น ก็ยิ่งซื้อเพิ่ม

 

อาจเรียกว่าเป็นพวก "ชาวไร่" (ไล่ราคา) ก็ได้

 

 

 

ส่วนแนว contrarian จะคิดตรงข้าม กล่าวคือ ถ้าหุ้นตกมากๆ แสดงว่า ตลาดเกิดความ "กลัว" ขึ้น

 

ดังนั้นหุ้นน่าจะทำให้หุ้นมีราคาถูก คนที่เล่นแนวนี้จะชอบเข้าไปซื้อหุ้นที่ตกสวนกระแสตลาด

 

อาจเรียกว่าเป็นพวก "ชาวสวน" ก็ได้

 

 

 

ผมเห็นนักลงทุนมือใหม่มักชอบเป็น contrarian

 

ในขณะที่ พวก momentum มักเป็นนักลงทุนที่มีประสบการณ์มาก

 

เพราะ momentum เล่นยาก เนื่องจาก ครั้งที่กำไรจะมีน้อยกว่าครั้งที่ขาดทุน แต่เวลาได้กำไรที จะได้เยอะมาก

 

คนที่จิตใจไม่เข้มแข็งพอ จะเล่นแบบนี้ไม่ได้

 

เวลาเป็น contrarian นั้น ต้องมีเชิงด้วย ไม่ใช่เห็นหุ้นตกก็วิ่งเข้าไปรับเลย

 

บอกว่าตลาดตกใจแล้ว ส่วนใหญ่แล้ว เวลาหุ้นตกใหม่ๆ จะมีคนอยากเป็น contrarian เยอะมาก

 

ทำให้ contrarian เป็นกลยุทธ์ใช้ไม่ได้ผล เพราะถ้าคนส่วใหญ่เป็น contrarian

 

การเป็น contrarian จะกลายเป็นการทำตามตลาดไปซะงั้น แต่เมื่อหุ้นตกต่อไปเรื่อยๆ contrarian จะเริ่มลดจำนวนลง

 

สักพักหนึ่งจะแทบไม่เหลือใครที่อยากเป็น contrarian แล้ว เวลาเช่นนี้ต่างหากที่ควรควักกลยุทธ์แบบ contrarian มาใช้

 

ห้ามใช้พร่ำเพรื่อ กลยุทธ์ใดๆ ย่อมใช้ไม่ได้ผล ถ้าหากมีคนใช้กลยุทธ์นั้นอยู่ในตลาดมากเกินไป

 

 

 

Sir John Templeton ปรมาจารย์แห่ง contrarian (contrarian ตัวพ่อ) บอกว่า

 

นักลงทุนควรจะเป็น contrarian ก็ต่อเมื่อตลาดมองโลกแง่ร้ายขั้น "สุดขีด" แล้วเท่านั้น (maximum pessimism)

 

ในรอบหลายๆ ปี Templeton จึงจะเข้าไปเก็บของถูกสักครั้ง นี่เรียกว่ารอให้ contrarian ตายหมดแล้วจริงๆ

 

ท่านจึงค่อยลุกขึ้นมาเป็น contrarian

 

 

 

โดยส่วนตัว ผมไม่ชอบแนว contrarian เท่าไร (พอๆ กับที่ไม่ชอบแนว momentum ด้วย)

 

ผมคิดว่าเราควรมีความคิดที่เป็นอิสระจากตลาดมากกว่าซึ่งไม่ใช่การเป็น contrarian

 

เพราะ contrarian เห็นว่าตลาดเป็นอย่างไร ก็ทำตรงข้าม จึงเป็นการขึ้นกับตลาดรูปแบบหนึ่ง

 

การคิดอย่างเป็นอิสระจริงๆ หมายความว่า ในบางครั้งเราก็อาจเห็นด้วยกับตลาด

 

ในบางครั้งเราก็เห็นแย้งกับตลาด ขึ้นอยู่กับข้อมูลและเหตุผลมากกว่า

ถูกแก้ไข กรกฎาคม 9, 2011 โดย Meaw_Joe

[vachira purivarangkakoonch 55]

thx ka ,vary useful for me , can diacnosis my self is a baby contralian. ka iwill change my mine

[ngoodin 12,920]

ขอบคุณครับคุณเหมียวโจ้

ผมเคยถือกองทุนช่วงปี 40 ครับ ของบัวหลวง เริ่มลงทุนไปในช่วงปี 38 จำนวน 40,000 บาท ดูเหมือนไม่มากในตอนนี้ แต่ตอนนั้นสำหรับผมถือเป็นจำนวนเงินมากทีเดียว แต่ด้วยความคาดหวังว่าจะได้กำไรดีกว่าเงินฝากประจำตามที่พนักงานโฆษณาชวนเชื่อไว้ พอเกิดวิกฤตปี 40 กองทุนปิดการดำเนินการแล้วคืนเงินมาให้ไม่ถึง 20,000 บาท

 

บทเรียนครานั้นทำให้ผมสาบส่งกองทุนไปหลายปี จนกระทั้งโลกไซเบอร์เข้ามามีบทบาทช่วยการซื้อขายเป็นไปตามใจเรา ไม่ได้ฝากเงินให้ผู้จัดการกองทุนไปปู้ยี่ปู้ยำได้ตามใจเหมือนเมื่อก่อน ผมจึงกลับมาเล่นกองทุนอีกครั้ง

[MISS K 4]

ขอบพระคุณสำหรับข้อมูล บทวิเคราะห์ บทความ

และการแบ่งปันประสบการณ์มากค่ะ คุณเหมียวโจอี้

คุณงูดิน คุณส้มโอมือ

 

 

ปล.เห็นด้วยสำหรับวิธีกาลงทุนโดยคิดเป็นอิสระจากตลาดเช่นกันค่ะ

[jarurote 867]

เมี้ยวๆๆๆ ดีคร้าบทุกๆคน !37

 

วันนี้เผอิญเห็นรูปโพสเวปแห่งหนึ่ง อ่านแล้วโดนจริงๆ เกี่ยวกับแนวคิดน่าสนใจมาก เลยเอามาฝากกันสักหน่อย !54

 

 

ลงทุนมาก แต่ได้ผลน้อย

ลงทุนน้อย กลับได้ผลมาก

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

อืม ลงทุนน้อยที่สุดก็คือ สมาธินี้นี่เอง คราวหลังต้องฝึกบ่อยๆแล้ว เมี้ยวๆๆ

 

[kunghdy 3,187]

จริงๆ แล้วการสร้างกุศลเพื่อให้หลุดพ้นนั้นมีได้ 4 อย่างใหญ่ๆ ค่ะ เรียงจากน้อยไปมาก

1. การให้ทาน

2. การรักษาศีล

3. การฝึกสมาธิ

4. การเดินปัญญา (กุศลสูงสุด ง่ายแต่ยากค่ะ น้อยคนที่จะถึงจุดนี้ได้อย่างมั่นคง)

 

การให้ทาน เป็นการลดละความโลภของตัวเองให้น้อยลง ได้กุศลน้อยสุด ใครๆ ก็ทำได้ โจรที่ขโมยหรือปล้นทรัพย์จากผู้อื่นก็สามารถให้ทานได้ ได้บุญเหมือนกัน แต่กรรมที่เค้าทำก็ต้องรับผลเช่นกัน บุญกุศลจะสูงถ้าทานที่เราให้นั้นมาจากทรัพย์ที่ได้มาอย่างบริสุทธิ์ค่ะ

 

การทำตนให้เป็นผู้มีศีลบริสุทธิ์ ศีลคือระเบียบควบคุมรักษากายวาจาใจให้เรียบร้อย เพื่อควบคุมใจให้รู้จักละอายต่อการทำชั่วเสียหาย และรู้สึกตัวกลัวผลของความชั่วจะตามมา เมื่อศีลไม่บริสุทธิ์เพราะกายวาจาสกปรก ก็เป็นผลให้จิตใจเศร้าหมอง ขัดต่อการปฏิบัติธรรม และเป็นเครื่องกั้นใจมิให้บรรลุถึงจุดหมาย

 

การฝึกสมาธิ ก็คือการฝึกจิตของเราให้ตั้งมั่นและมีความสงบเพราะตามปกติ จิตนี้เป็นธรรมชาติดิ้นรน กวัดแกว่ง ห้ามได้ยาก รักษาได้ยาก ชอบไหลไปตามอารมณ์ต่ำๆ เหมือนน้ำชอบไหลสู่ที่ลุ่มเสมอ จิตที่เราฝึกดีแล้วย่อมเป็นประโยชน์แก่การประกอบอาชีพทุกอย่าง ยังเป็นทางให้รู้จักทำงานด้วยความรอบคอบ ไม่เป็นคนหุนหันพลันแล่น ทำให้ตนเองมีเหตุผล และได้รับความสุขตามสมควรแก่ฐานะ การฝึกสมาธิต้องทำบ่อยๆ และต่อเนื่อง

 

 

การเดินปัญญาปัญญาเกิดเมื่อจิตดีแล้ว เมื่อเราใช้จิตที่ฝึกดีแล้วพิจารณารูปนาม ให้รู้แจ้งแน่ชัดว่าไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา ปัญญารู้เท่าทันสภาพความเป็นจริงของสังขารที่เกิด เป็นเหตุให้เราไม่ยึดถือหรือหลงใหล เมื่อเราได้อะไรมาก็มีสติ ไม่ดีใจจนเกินไป เมื่อของสูญหายไป ก็ไม่เสียใจจนเกิดทุกขเวทนา เพราะรู้เท่าทัน เมื่อประสบความเจ็บไข้หรือได้รับทุกข์อื่นๆ ก็มีการยับยั้งใจ เพราะอาศัยจิตที่ฝึกมาดีแล้ว เรียกว่ามีที่พึ่งทางใจเป็นอย่างดี สิ่งเหล่านี้เรียกได้ว่าเกิดปัญญารู้ทันตามความเป็นจริง ที่จะเกิดปัญญาเพราะมีสมาธิ สมาธิจะเกิดเพราะมีศีล มันเกี่ยวโยงกันอยู่อย่างนี้ ไม่อาจแยกออกจากกันไปได้

 

จาก web หลวงปู่ชาสอนสมาธิค่ะ

http://torthammarak.wordpress.com/2011/03/24/%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%A8%E0%B8%B5%E0%B8%A5-%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%98%E0%B8%B4-%E0%B8%9B%E0%B8%B1/

[p59 646]

ข้อมูล มันแปลๆนะ

จริงๆมี3ข้อเอง (ทาน, ศีล, ภาวนา)

แต่ข้อ3มันมี3.1 และ3.2 และ3.3 (ข้อนี้ละเอียดมาก)

ข้อที่ทำให้ หลุดพ้น ได้นั้น อยู่ในข้อ3

จะทำข้อ 3 ได้ ต้องมีข้อ 2 และข้อ 1 ก่อน

หรือพูดง่ายๆว่า ต้องทำทานก่อน เมื่อทานดีแล้ว ถึงจะมีศีลได้

และเมื่อศีลดีแล้ว จึงจะมีสมาธิ( สมถภาวนา)

และสมาธิก็มีหลายขั้นมาก จากนั้นก้ถึง

วิปัสสนาภาวนา ( การเจริญปัญญา ) ในข้อนี้ก็มี หลายขั้นมาก

 

ส่วนข้อปัญญา มันอยู่หลังสมาธิ แต่หาไม่ค่อยเจอหรอก มันหาเจอยาก มันมาตอนไหนก็บอกไม่ถูก ไม่แน่ชัด แต่รู้ประมาณว่า จิตสงบแล้วจะเห็นปัญหา หรือมีสามาธิแล้วจะเกิดปัญญา

แต่ถ้าพูดอีกมุม ถ้าไม่มีปัญญา ก็ไม่เดินเข้าวัด ไม่เดินเข้าทางธรรมหรอก

ดังนั้นตัวปัญญามันจึงหาเจอยากว่าตกลงมันอยู่ตรงไหน มันมาตอนไหน

เรื่องแบบนี้ คุยกันยาวมาก และถ้าไม่ได้ลงมือทำเขาห้ามคุยด้วย เพราะจะคุยกันไมู่้เรื่อง

ถูกแก้ไข กรกฎาคม 10, 2011 โดย p59

[p59 646]

การนั่งกรรมฐาน แก้กรรมได้ ช่วยให้ชีวิตดีขึ้นได้ แต่ไม่ใช่ทำกันง่ายๆ และไม่ใช่ทำกันแค่ไม่กี่นาทีจะเห็นผลได้

ถูกแก้ไข กรกฎาคม 10, 2011 โดย p59

[kunghdy 3,187]

ข้อมูล มันแปลๆนะ

จริงๆมี3ข้อเอง (ทาน, ศีล, ภาวนา)

แต่ข้อ3มันมี3.1 และ3.2 และ3.3 (ข้อนี้ละเอียดมาก)

ข้อที่ทำให้ หลุดพ้น ได้นั้น อยู่ในข้อ3

จะทำข้อ 3 ได้ ต้องมีข้อ 2 และข้อ 1 ก่อน

หรือพูดง่ายๆว่า ต้องทำทานก่อน เมื่อทานดีแล้ว ถึงจะมีศีลได้

และเมื่อศีลดีแล้ว จึงจะมีสมาธิ( สมถภาวนา)

และสมาธิก็มีหลายขั้นมาก จากนั้นก้ถึง

วิปัสสนาภาวนา ( การเจริญปัญญา ) ในข้อนี้ก็มี หลายขั้นมาก

 

ส่วนข้อปัญญา มันอยู่หลังสมาธิ แต่หาไม่ค่อยเจอหรอก มันหาเจอยาก มันมาตอนไหนก็บอกไม่ถูก ไม่แน่ชัด แต่รู้ประมาณว่า จิตสงบแล้วจะเห็นปัญหา หรือมีสามาธิแล้วจะเกิดปัญญา

แต่ถ้าพูดอีกมุม ถ้าไม่มีปัญญา ก็ไม่เดินเข้าวัด ไม่เดินเข้าทางธรรมหรอก

ดังนั้นตัวปัญญามันจึงหาเจอยากว่าตกลงมันอยู่ตรงไหน มันมาตอนไหน

เรื่องแบบนี้ คุยกันยาวมาก และถ้าไม่ได้ลงมือทำเขาห้ามคุยด้วย เพราะจะคุยกันไมู่้เรื่อง

 

ขอบพระคุณมากค่ะ ตอนนี้เพียรปฏิบัติอยู่ค่ะ เหมือนจะง่ายแต่ยาก กิเลสสะสมอย่างหนามานาน แต่ตอนนี้พยายามขัดเกลาลงทุกวัน วางได้เยอะขึ้นแต่ก็ยังห่างไกล หนทางยังอีกยาวไกล แต่ก็ยังดีที่ได้เริ่มต้นที่จะก้าวเดินออกไป สักวันคงจะถึงจุดหมายค่ะ !30 ตอนนี้ทานไม่มีปัญหา ศีลพยายามรักษาให้บริสุทธิ์ เหลือภาวนาที่ยังได้ไม่สม่ำเสมอ เฮ้อ...แต่สู้ๆ ค่ะ !La

ถูกแก้ไข กรกฎาคม 10, 2011 โดย kunghdy

[p59 646]

วันโกนและวันพระ ห้ามหยุดนะ ต้องทำให้ได้

ถ้าจะหยุด ให้ไปหยุดวันอื่น

 

การนั่งกรรมฐาน เมื่อนั่งถึงจุดหนึ่งจะมีการเปลี่ยนญาญ และมารจะมา ทำให้เราไม่สามารถเปลี่ยนญาญได้ ข้อนี้ต้องใส่ใจ

ถูกแก้ไข กรกฎาคม 10, 2011 โดย p59

[MISS K 4]

ขอบพระคุณคุณเหมียวโจอี้สำหรับการ์ตูนดีๆ เพื่อใจที่ผ่องใสค่ะ

[jarurote 867]

เมี้ยว ๆๆๆ

 

ดีคร้าบทุกคน ขณะนี้ ราคาทองไม่ว่าสกุลยูโร ดอลล์ บาท ทำ all time high ไปเเล้ว.

 

ถ้าเเนวต้าน เเถว new high นี้เเตก มีลุ้น 1600 ไม่่เดือนนี้ก็เดือนหน้า หลังจากนี้คงต้องมาดุกันอีกที

 

งานนี้มีลุ้นในใจ อาจจะได้เห็นราคาทองอยู่ที่2000ในปีหน้า

 

เเต่เก็บไว้ในใจดีก่า เดี๋ยวเหมือนในบทความของคุณสุมาอี้

 

ดังเชียร์กันเงียบๆเข้าไว้ ไม่งั้นบ่อนเตกกันพอดี