ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
jarurote

วิเคราะห์แมวๆ เพื่อการลงทุนกองทุนทองคำ

โพสต์แนะนำ

อ้าว...แล้วกัล... คุณเหมียวงอลลลหนีปายซะแล้น..

ช่วงนี้ยุงๆเลยมะได้ post.. เมื่อวานยังคิดอยู่เลยว่าสงสัยคุณเหมียวจะมัวแต่กินของไหว้ตรุษจีนเลยไม่ว่างมาวิแคะให้แควนๆฟัง

ถ้าไง..คุณเหมียวกลับมาก่อนนะ.. ยังติดตามอยู่เสมอจ้า...

:wub:

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

หว่า คุนเหมียวงอนซะละ

โอ๋ๆ เด่วเอาปลาทูตัวอ้วนมาให้ครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เมี้ยวๆๆๆ สวัสดีหลังตรุษจีน กลับมาแย้วคร้าบ !La !La !La

 

 

คราวนี้ Chinese New Year Effect ได้สำแดงผลออกมาแล้ว

 

แต่คราวนี้กลับเป็นทองคำ ส่วน น้ำมัน กับ หุ้น กลับสวนทางตรงกันข้าม

 

สลับกับช่วง January Effect หลังปีใหม่ งงเนอะ :lol:

 

 

 

กองทุนทองคำ K-GOLD

 

ราคาทองคำในช่วงหลังตรุษจีนช่วงต้นเดือนถึงแม้จะปรับตัวสูงขึ้น

 

แต่ช่วงใกล้สิ้นเดือน สังเกตได้ว่าส่วนใหญ่หลังวันที่ 20 (ดูจาก chart kitco 5-6 ปีย้อนหลัง)

 

จะปรับตัวลงมา เป็นช่วงเวลาที่ใกล้ปิดสัญญาตลาดล่วงหน้า

 

ซึ่งในวันที่ 23-25 ก.พ. ใกล้ปิดสัญญา option กะ future

 

ดังนั้นอาจจะต้องเผ่นในช่วงก่อนปลายเดือน ศุกรสัปดาห์หน้า

 

เพราะเดี๋ยวอดโปรโมชั่นอั่งเปาของ K-GOLD ลงทุึนทุกแสนได้ร้อยนึง !gvme

 

ต้องขายเพื่อซื้อตอนย่อก่อนก่อนหมดวาระ !ee

 

 

 

แต่ทว่าสัปดาห์นี้ หลายคนอาจจะเซ็งกับราคาทองอาจจะไปไม่ถึงไหน แต่สิ่งที่ต้องสังเกตก็คือ

 

กองทุึน เพ่หย่าย SPDR เอาแต่ขายลูกเดียว ไม่ค่อยเข้ามาซื้อเก็งกำไรเยอะๆเหมือนปีที่แล้ว เซ็งแมว !_09

 

กะ ในทางเทคนิคถ้ามองจาก chart ราคาทองสกุลยูโร รายวีค เกิด bullish divergence ตามรูป

 

gold-eu.gif

 

จะเห็นได้่ว่ากำลังทำ Rebound อีกครั้งก่อนจะปรับฐาน ก็คงในเดือน มี.ค. ที่จะถึงนี้

 

กรอบแนวต้านสุดอยู่ที่ 1368 หลุดเจอะ 1372 1378

กรอบแนวรับสุดอยู่ที่ 1361 1359

 

 

 

กองทุนน้ำมัน K-DOIL

 

น้ำมันยังเคลื่อนอยู่ใน กรอบการขึ้นลงยังอยู่ในช่วง 85-93

 

ดังนั้น ราคาปิดที่ 85-87 ยังเข้าได้อยู่ DBO ประมาณ 28.5 เป็นต้นไป (แต่ไม่เกิน 29)

 

สิ่งที่ต้องระวังก็คือ ราคาน้ำมัน ช่วงนี้ปรับตัวลงอยู่ในแนวรับที่ 85-87

 

แต่ราคาในตลาดล่วงหน้าใน 1 ปีข้างหน้ายังอยู่ที่ 99 ก่าๆ

 

ถึงแม้เป็นนัยว่ายังมีแนวโน้มที่ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นมีมาก

 

แต่ทว่าทางกองทุน DBO อาจจะสร้างปัญหาให้เราดอยอีก 10 กว่าเหรียญต่อบาร์เรลอีกรอบ เหมือนคราวเดือน พ.ค.-มิ.ย.

 

นั้นคือ ขายในราคา series ใกล้ปิดที่ 85 แล้วซื้อซีรีย์ไกล1ปี ปิดที่ 99

 

อีกทั้งสัญญาเดือนมี.ค.จะสิ้นสุดในวันที่ 23 ก.พ.

 

ดังนั้นเพื่อความชัวร์รอหลังวันที่ 23 ก.พ. ค่อยแหยมเข้าไปจะดีกว่า

 

 

ถ้าเน้นความปลอดภัยจริงๆ

 

ควรเป็นกองทุนหุ้นปันผลที่มีสัดส่วนหุ้นพลังงานในเปอร์เซนต์ที่มากหน่อยจะปลอดภัยกว่า !ee

 

หรือ หุ้นพลังงานที่จ่ายปันผลสม่ำเสมอต่อเนื่องมาหลายปี

 

ไม่ใช่แบบประเภท สองสามปีทีแล้วไม่จ่าย ปีนี้พึ่งมาจ่าย แบบนี้มันใช่ไม่ได้หรอก !ee

 

 

 

ส่วนดัชนี SET รู้สึกขี้เกียจแคะจริง !37

 

เอาเป็นว่า เท่าที่สังเกตก็คือ มักจะขึ้นลงตามดัชนีราคาน้ำมัน กะ ราคาถ่านหิน

 

ดังนั้นราคาน้ำมันดิบกะถ่านหินลง หุ้นพลังงานหลักๆ แม้แต่หุ้นถ่านหินก็ลงตาม เอาแค่นี้ดีก่า

 

ดังนั้นโอกาสลงมาแตะที่ 900 ไม่ง่ายสักเท่าไหร่ 950 ยังถือว่าเป็นแนวรับแข็งโป๊ะนะจะบอกให้

 

 

 

ว่าจะพูดเรื่อง US Index สักหน่อย แต่ขี้เกียจ เพราะรมบ่จอย

 

ไว้ก่อนดีก่า บ๊ายบาย เมี้ยวๆๆๆ !bye !bye !bye

ถูกแก้ไข โดย Meaw_Joe

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

พลิกตำราลงทุน สู้ดอกเบี้ยแพง-เงินเฟ้อพุ่ง - กรุงเทพธุึรกิจ วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2554 10:30

 

 

http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/finance/personal/20110206/375382/%E0%B8%9E%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%95%E0%B8%B3%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%B8%E0%B8%99-%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%9A%E0%B8%B5%E0%B9%89%E0%B8%A2%E0%B9%81%E0%B8%9E%E0%B8%87-%E0%B9%80%E0%B8%87%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%9F%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%9E%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%87.html

 

 

ตลาดโภคภัณฑ์

 

ในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา ปรากฏข่าวธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศแผนอัดฉีดเงินเข้าเศรษฐกิจสหรัฐเพิ่มเติม อีก 6 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ และช่วงเดียวกันนี้ก็เกิดเสียงเตือนมาจากฟากฝั่งนักลงทุน ที่กังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อปรับขึ้นต่อเนื่อง และแม้เฟดพยายามลดความกังวลเรื่องนี้แต่ไม่เป็นผล

 

เพราะต้นเดือน ม.ค.ปีนี้ "จิม โรเจอร์ส" กูรูโภคภัณฑ์ ลุกขึ้นมาตอบโต้ วิจารณ์ตัวเลขเงินเฟ้อของรัฐบาลสหรัฐว่าเหมือน "การโกหกหลอกลวง" และกล่าวต่อที่ประชุมสุดยอดด้านการลงทุน ซึ่งจัดโดยธอมสัน รอยเตอร์ส ว่า ทุกคนในห้องประชุมต่างรู้ดีว่า ราคาสินค้าทุกอย่างกำลังปรับขึ้น

 

ดังนั้นสิ่งที่เขาแนะนำให้นักลงทุนทำจากนี้ไป คือการซื้อสินค้าโภคภัณฑ์โดยเฉพาะโลหะมีค่า เพื่อรับมือและสู้กับภาวะเงินเฟ้อที่กำลังปรับขึ้น

 

คำแนะนำของโรเจอร์ส ปฏิเสธไม่ได้และโต้แย้งไม่ได้ว่า ความคิดเขาไม่ถูกต้อง เพราะนับจากโรเจอร์สคาดการณ์ถึงตลาดโภคภัณฑ์เข้าสู่ภาวะกระทิงตั้งแต่ปี 2542 ปรากฏว่าดัชนีโภคภัณฑ์เอสแอนด์พีพุ่งขึ้นถึง 200% แล้ว และในเดือน ม.ค.ปีนี้ โรเจอร์สยังกล่าวด้วยว่า ราคาทองคำยังจะปรับขึ้นอีกแตะ 2,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ส่วนราคาโลหะเงินจะขึ้นอีก 50 ดอลลาร์ และอาจสูงขึ้นอีกช่วง 10 ปีข้างหน้า

 

 

น้ำมัน

 

ยังเป็นอีกช่องทางการลงทุน ที่อยู่ในใจของแบงก์ยักษ์อย่างโกลด์แมน แซคส์ ที่คาดการณ์ว่าตลาดโภคภัณฑ์ช่วงปี 2554 อยู่ในภาวะกระทิง และเหมาะที่จะเป็นการลงทุนให้ผลตอบแทนที่ดีแก่นักลงทุนผู้กังวลปัญหาเงินเฟ้อสูงขึ้น

 

และน้ำมันดิบติดอันดับ 1 ของสินค้าโภคภัณฑ์ ที่มีรายชื่ออยู่ในบัญชีสินค้าโภคภัณฑ์น่าลงทุนมากสุดของกลุ่มงานวิจัยโกลด์แมน แซคส์ แม้น้ำมันในช่วงปี 2553 ราคาขึ้นไม่มากและปรับขึ้นช้าเมื่อเทียบกับสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ แต่โกลด์แมน แซคส์คาดว่าการฟื้นตัวของสหรัฐ บวกอำนาจทางเศรษฐกิจของจีน จะช่วยดันราคาน้ำมันเฉลี่ยปีนี้อยู่ที่ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และ 110 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ในปี 2555

 

อย่างไรก็ดีการลงทุนในน้ำมัน ผ่านกองทุนรวมที่ไปจดทะเบียนเทรดในตลาดหลักทรัพย์ (oil exchange-traded-funds) หรืออีทีเอฟลงทุนในน้ำมัน อาจไม่ดีและอันตรายสำหรับนักลงทุนรายย่อย จึงแนะนำให้มองหาซื้อหุ้นขนาดใหญ่ดีเยี่ยม อย่าง Royal Dutch Shell ซึ่งเป็นหุ้นที่กูรูโภคภัณฑ์จากการสำรวจของฟอร์จูนเคยนำเสนอ

 

ทั้งนี้ เพราะ Royal Dutch Shell เป็นหุ้นให้อัตราผลตอบแทนถึง 5.5% ค่าพีอีก็ต่ำกว่าบริษัทคู่แข่ง และบริษัทมีแผนต่างๆ ช่วยให้ธุรกิจเติบโต ซึ่งควรสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น ถึงแม้ว่าราคาน้ำมันดิบไม่ปรับขึ้นเลยก็ตาม

 

 

 

ไล่ล่าหาดีวิเดนท์

 

เมื่อเงินเฟ้อสูงขึ้น สามารถกัดกร่อนผลประกอบการบริษัทในอนาคตได้ เพราะหนึ่งดอลลาร์ตอนนี้อีก 1 ปีข้างหน้า หนึ่งดอลลาร์จะมีมูลค่าน้อยลง ดังนั้นราคาหุ้นบริษัทจึงมักจะปรับลดลง แต่ไม่ส่งผลกระทบต่อการชำระเงินปันผลของบริษัท

 

โดยนักวางแผนการลงทุน จากกองทุนรวมในเครือของ MFS Investment Management ให้คำแนะนำในจดหมายถึงลูกค้าเกี่ยวกับแนวโน้มการลงทุนในปี 2554 นี้ ว่า ตลาดไม่สนใจหรือคาดหวังอะไรกับผลประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาเงินเฟ้อ แต่ตลาดกลับไม่สงสัยหรือคลางแคลงใจกับดีวิเดนท์ (dividend) หรือ อัตราผลตอบแทนที่จะได้รับ

 

ความหมายจากคำแนะนำของนักวางแผนการลงทุนจาก MFS Investment Management ข้างต้นนั้นหมายถึงกลุ่มหุ้นให้อัตราผลตอบแทนสูง ล้วนเป็นหุ้นที่ยังให้ผลตอบแทนดี ให้ประโยชน์กับผู้ถือครองในช่วงเวลาเงินเฟ้อสูงขึ้น

 

ในตลาดหุ้นสหรัฐนั้น เจมส์ สวอนสัน หัวหน้านักวางแผนการลงทุนของ MFS Investment Management แนะนำนักลงทุนไทยว่า หุ้นบริษัทกลุ่มเทคโนโลยีและสาธารณูปโภคที่มีราคาต่ำ น่าลงทุนเข้าไปซื้อเก็บไว้ เพราะบริษัทเกี่ยวข้องกับสาธารณูปโภคพร้อมจะได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ และจ่ายผลตอบแทนงามจากรายได้ที่รับมาอย่างสม่ำเสมอ

 

 

แค่นี้ก่อนดีก่า ปายเฉ่ก่อน เมี้ยวๆๆ !La

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอบคุณคุณเหมียวโจ้กลับมีวิเคราะห์คัน ๆ มัน ๆ เฉาะ ๆ เหมือนเดิม

:ph34r:

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...