ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

ราคาทองคำปิดร่วง 39 เหรียญ หลังมีสัญญาณชี้ภาคการเงินยุโรปฟื้นตัว

 

Posted on Friday, July 02, 2010

นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวปัญหาภาคการเงินในยุโรป จึงพากันเทขายสัญญาทองคำ หลังจากมีรายงานว่าธนาคารกลางยุโรป (ECB) จัดหาเงินกู้ระยะ 3 เดือน วงเงินรวม 1.319 แสนล้านยูโร หรือ 1.614 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ให้กับธนาคารพาณิชย์ในยุโรป ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดไว้ที่ 2.10 แสนล้านยูโร

นอกจากนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐฯยังกระตุ้นให้นักลงทุนเทขายสัญญาทองคำ อันเนื่องมาจากความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยจำนวนคนว่างงานสัปดาห์ที่แล้วของสหรัฐฯเพิ่มขึ้น 13,000 ราย สู่ระดับ 472,000 ราย สวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะลดลงมาอยู่ที่ระดับ 452,000 ราย

ขณะที่ดัชนีการทำสัญญาซื้อบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนพ.ค.ร่วงลงสู่ระดับ 77.6 จุด ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 9 ปี และดัชนีภาคการผลิตเดือนมิ.ย.ร่วงลงสู่ระดับ 56.2 จุด จากเดือนพ.ค.ที่ระดับ 59.7 จุด

 

กองทุน SPDR Gold Trust ซึ่งเป็นกองทุน ETF ทองรายใหญ่ที่สุดในโลก เข้าถือครองทองคำแท่ง 1,320.436 ตันในช่วงเวลาที่สิ้นสุด ณ วันที่ 30 มิ.ย. ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงจากระดับของวันที่ 29 มิ.ย.

 

- ทองคำ ส่งมอบเดือนสิงหาคม ปิดที่ 1,206.70 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ (-39.20 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์)

- เงิน ส่งมอบเดือนกรกฎาคม ปิดที่ 17.790 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ (-0.07 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

:rolleyes:

 

อรุณสวัสดิ์..คุณทองใหม่..

 

ทองร่วงเป็นน้ำฝนเลย..ที่นครปฐม..ฝนก็ตกตลอดตั้งแต่เช้า..จนป่านนี้ 9 โมงกว่าๆ ยังไม่หยุดเลย

 

หากคืนนี้ทองร่วงต่อ..ก็คงเหมือนฝนที่ตกที่นครปฐมในขณะนี้เช่นกัน..รักษาสุขภาพหน่อยครับ..สุขภาพมีค่ามากกว่าสิ่งใดๆ จริงๆ ครับ.. :)

 

ปล.อ่านข้อมูลคุณทองใหม่..ประหยัดสตังค์ค่า นสพ.ได้หลายเลยครับ.. :D

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

หยิบเงินหยิบทอง : บล.กิมเอ็ง

วันศุกร์ที่ 02 กรกฏาคม 2010 เวลา 09:37 น. ณัฐญา เนตรหิน ข่าวรายวัน - ข่าวในประเทศ

 

หยิบเงินหยิบทอง : บล.กิมเอ็งกลยุทธ์วันนี้ Sideways

ประเด็นสำคัญวันนี้ ตลาดหุ้นไทยเมื่อวันพุธที่ผ่านมาถือเป็นอีกวันที่ดีกว่าค่าเฉลี่ยในภูมิภาคเอเชีย ลดลงเพียง 1.78 จุดเท่านั้น ทั้งนี้กลุ่ม ICT เป็นตัวพยุง SET INDEX หลังรมว.คลังยืนยันการแปรสัญญาสัมปทานและการออกใบอนุญาต 3G บวกกับนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิเป็นวันที่ 2

KimEng คาดว่า SET INDEX วันนี้จะเคลื่อนไหวในกรอบแคบอีกวัน พร้อมกับมูลค่าการซื้อขายที่เบาบาง เพราะเป็นช่วงคาบเกี่ยววันหยุด บวกกับปัจจัยแวดล้อมต่อการลงทุนในวันนี้ไม่ชัดเจน

 

 

 

แม้ว่าประเด็นด้านเศรษฐกิจในสหรัฐฯ – ยุโรปเริ่มส่งสัญญาณการชะลอตัวของการเติบโต แต่เชื่อว่าเศรษฐกิจไทยอยู่ในฐานะที่ดีกว่า ด้วยโครงสร้างเศรษฐกิจ – ฐานะการเงินการคลัง ทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่จะชะลอการลงทุนออกไปเป็นต้นสัปดาห์หน้า เพื่อติดตามประเด็นของสเปน หลัง Moody’s ออกโรงเตือนความน่าเชื่อถืออาจหลุด AAA และภาพเศรษฐกิจให้ชัดเจนอีกครั้ง

 

 

นอกจากนี้การเคลื่อนย้ายเงินทุนระหว่าง Asset Class เริ่มไม่สอดคล้องไปในทางทฤษฎี โดยสินทรัพย์เสี่ยงอย่างตลาดหุ้น และราคาน้ำมันปรับฐาลงแรง แต่ Safe haven อย่างทองคำลดลงแรงเช่นกันคืนวานนี้ สะท้อนสภาพคล่องทางการเงินที่ล้นอยู่ในระบบเป็นจุดที่ต้องระมัดระวังอย่างยิ่ง

 

 

 

สำหรับกลุ่มรับเหมาก่อสร้างคาดว่าวันนี้ CK จะเคลื่อนไหวโดดเด่น หลังจากชนะการประกวดราคาสัญญาที่ 1-2 ของรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน มูลค่างานรวมกันกว่า 2 หมื่นล้านบาท อย่างไรก็ตาม KimEng เสนอให้ขายทำกำไรไปตั้งแต่วันพุธที่ผ่านมา เพราะเชื่อว่าราคาหุ้นที่ดีดขึ้นในวันนี้ เป็นเพียงช่วงสั้น และน่าจะเกิด Sell on Fact จากประเด็นดังกล่าวตามมาได้เช่นกัน จึงควรหลีกเลี่ยงเข้าไปเก็งกำไรระยะสั้น และเชื่อว่ากลุ่มรับเหมาก่อสร้างจะพักฐานช่วงสั้นอีกครั้ง

 

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้: KimEng เสนอให้ “ถือพอร์ตการลงทุน” และเสนอให้ “เริ่มทยอยสะสม” AP และ “ขายทำกำไร” CCET

การลงทุนทางเลือก: แนะนำให้นักลงทุน “ถือสถานะ Long ใน S50U10 เพื่อรอปิดทำกำไรบริเวณ 560 จุด Stop Loss: S50U10 < 545 จุด ปิด Long และ เปิด Short

 

Portfolio HOLD: RCL/ CPF/ KCE/ TASCO / MCOT/ TTCL/ TMB/ BBL/ KTB/ PTTAR/ PTT/PTTEP/ AP

Profit-Taking: CCET

Accumulative Buy: AP

Technical View แนวรับ 782-785จุด, 773-777 จุด และ 767 จุด ส่วนแนวต้าน 805-810 จุด และ 820-822 จุด แนะนำหาจังหวะขายให้ได้ราคาที่ดี

 

 

-Strategy Today

 

ตลาดหุ้นในเอเชียเมื่อวันพุธที่ผ่านมาถูกกดดันจากบรรยากาศการลงทุนที่เป็นลบ หลังคืนวันที่ 29 มิ.ย. DJIA ปรับฐานลงหลุด 10,000 จุด แต่ปัจจัยลบดังกล่าวกลับกดดัน SET INDEX ได้เพียงจำกัด ปิดลดลงเพียง 1.78 จุด มาอยู่ที่ 797.31 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่หนาแน่น 21,731 ล้านบาท ทั้งนี้กลุ่ม ICT เป็นกลุ่มที่ช่วยบรรยากาศการลงทุน หลังรมว.คลังยืนยันแนวความคิดแปรสัญญาสัมปทานโทรศัพท์เคลื่อนที่ และการออกประมูลใบอนุญาต 3G แม้ว่ากลุ่มหลักอย่างกลุ่มธนาคารและกลุ่มพลังงานปรับฐานลงก็ตาม

 

 

 

กลุ่มที่สร้างผลตอบแทนดีที่สุดวานนี้ได้แก่ กลุ่ม ICT +2.43%, กลุ่ม Packaging +2.38% และกลุ่มท่องเที่ยว +1.51%

 

 

สำหรับมุมมองต่อ SET INDEX วันนี้คาดว่าจะเคลื่อนไหวในกรอบแคบ พร้อมกับมูลค่าการซื้อขายที่เบาบาง เช่นเดียวกับตลาดหุ้นอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชีย จากการสิ้นสุดช่วงเวลาการทำ Window Dressing ไปแล้วก็ตาม และวันซื้อขายคาบเกี่ยววันหยุด บวกกับประเด็นการลงทุนยังขาดความชัดเจน ทำให้นักลงทุนจำนวนไม่น้อยน่าจะชะลอการลงทุนออกไปเป็นต้นสัปดาห์หน้ามากกว่าการเร่งเก็งกำไรในวันนี้

 

นอกจากนี้ การเคลื่อนไหวของกระแสเงินทุนเริ่มผิดไปจากทางทฤษฎีทางการเงินมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยปัญหาสภาพคล่องทางการเงินส่วนเกินที่ล้นอยู่ในระบบ อันเป็นผลพวงของการใช้นโยบายการเงินและการคลังที่ผ่อนคลายแบบสุดโต่ง ส่งผลให้เกิดการเข้าเก็งกำไรในทุกๆ ประเภทของสินทรัพย์ เมื่อเกิดภาวะปรับน้ำหนักพอร์ตการลงทุน ทำให้เกิดการปรับตัวไปในทิศทางเดียวกันหมด ดังจะเห็นได้จาก ตลาดหุ้น – ราคาน้ำมันดิบ – ทองคำ คืนวานนี้ปรับฐานลงแรงในทุกๆ ประเภท สะท้อนการไต่ระดับขึ้นของราคาในสินทรัพย์เหล่านี้ เป็นไปอย่างเปราะบาง เพราะด้วยโครงสร้างเศรษฐกิจไม่เอื้อต่อการลงทุน เพียงแต่ Hot Money ต้องหาช่องทางของการลงทุน อย่างไรก็ตาม KimEng เชื่อว่าโครงสร้างเศรษฐกิจในเอเชีย ยังอยู่ในฐานะที่แข็งแกร่งมากกว่ามาก เทียบกับยุโรป และสหรัฐฯ ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงที่กระแสเงินส่วนเกินเหล่านี้จะเข้ามาลงทุนในเอเชีย เพื่อเป็นการพักเงินช่วงสั้น ก่อนที่สหรัฐฯ – ยุโรปทรงตัว หรือมีประเด็นการลงทุนใหม่

 

วันนี้กลุ่มรับเหมาก่อสร้างคาดว่าจะมีมูลค่าการซื้อขายโดดเด่น หลังรฟม.ประกาศ CK เป็นผู้เสนอราคาในสัญญาที่ 1-2 ของโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินต่ำที่สุด มูลค่างานกว่า 2 หมื่นล้านบาท ส่วนสัญญาที่ 5 ยังไม่ระบุวันการประกาศเปิดซองราคา วงเงิน 5.1 พันล้านบาท อย่างไรก็ตาม KimEng เสนอให้นักลงทุนหลีกเลี่ยงการเข้าไปเก็งกำไรต่อหุ้น CK ในวันนี้ เพราะราคาหุ้นได้ปรับตัวขึ้นมารับข่าวดังกล่าวตั้งแต่ช่วงราคา 5.20 บาท ปลายเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา แม้ว่าในช่วงเปิดตลาดวันนี้ราคาหุ้น CK น่าจะดีดตัวขึ้นไปได้แรง แต่ก็เชื่อว่าจะเป็นเพียงช่วงสั้นๆ และเกิดแรงขายทำกำไรเข้ามาเพื่อสะท้อนข่าวดังกล่าว

 

 

 

มุมมองต่อตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์หน้า KimEng คาดว่าจะเกิดแรงเก็งกำไรในหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์มากขึ้น เพราะเริ่มเข้าสู่ช่วงประมาณการงบการเงิน 2Q53 ก่อนที่จะเริ่มทยอยประกาศงบในช่วงกลางเดือนก.ค. บวกกับความเป็นไปได้สูงที่การประชุมกนง.กลางเดือนก.ค.นี้จะมีการพิจารณาขึ้นอัตราดอกเบี้ย RP 1 วัน 25bps เป็น 1.50% เพื่อให้สอดคล้องกับทิศทางอัตราเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มขยับขึ้น จากขยายมาตรการช่วยเหลือค่าครองชีพไปจนถึงสิ้นปีนี้

 

 

หมายเหตุ: ตลาดหุ้น – ตลาดล่วงหน้า ของสหรัฐฯ ปิดทำการในวันที่ 5 ก.ค. เนื่องในวันชาติสหรัฐฯ

ประเด็นที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดได้แก่

 

1.อันดับความน่าเชื่อถือของสเปน: หลัง Moody’s เตือนความเสี่ยงที่จะปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของสเปนลงราว 2 ขั้นจาก AAA ณ ปัจจุบัน หลังคืนวานนี้ขายพันธบัตรรัฐบาลอีกระละอก ทำให้ระดับหนี้สาธารณะต่อ GDP อยู่ในระดับเสี่ยง และสะท้อนไปยัง CDS Spread คืนวานนี้ 262.5bps ซึ่งยังอยู่ในระดับสูง ขณะที่ CDS Spread ของกลุ่ม PIIGS ลดลงแล้ว

2. เงื่อนไข และการรายงาน Stress Test: ถึงแม้ว่าการรายงานผลจะเกิดขึ้นในช่วงครึ่งหลังของเดือนก.ค. แต่คาดว่าในช่วงสั้นนี้ ทาง EU และ ECB อาจออกมารายงานเงื่อนไขการจัดทำ Stress Test ให้สาธารณะชนทราบ เพื่อเป็นการประเมิน และทดสอบตลาดต่อเงื่อนไขดังกล่าว

 

3.ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญในสัปดาห์หน้า:

a.สหรัฐฯ: ดัชนี ISM ภาคบริการ และยอดสินเชื่อเพื่อผู้บริโภคของสหรัฐฯ เพราะเป็นปัจจัยที่บ่งบอกถึงการเติบโตทางเศรษฐกิจในช่วง 2H53 อยู่ในภาวะเสี่ยงต่อการเติบโตในอัตราที่ชะลอตัวหรือไม่

b.จีน: การส่งออก – นำเข้า และตัวเลข GDP ซึ่งเป็นตัวเลขทางเศรษฐกิจที่สำคัญของจีน และเป็นการบ่งชี้ถึงแนวโน้มเศรษฐกิจในช่วง 2H53 ของจีนจะชะลอตัวลงมากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้มากน้อยเพียงใด

ด้วยมุมมองข้างต้น KimEng เสนอให้นักลงทุนชะลอ / ถือหุ้นในกลุ่มพลังงานที่มีอยู่ เพื่อรอจังหวะลดน้ำหนักการลงทุน หากมีการดีดตัวของราคา โดยหันมาให้น้ำหนักกับภาคการลงทุนการบริโภคภายในประเทศเป็นสำคัญ หลังมุมมองต่อเศรษฐกิจไทยในปี 2553 ดีขึ้นจากเดิมที่ประเมินไว้ 4.5% เป็น 5.3% อีกทั้งในช่วง 1-2 สัปดาห์ข้างหน้าจะเป็นเทศกาลของการคาดการณ์ – ประกาศงบการเงิน 2Q53 ของกลุ่มธนาคาร จึงน่าจะเป็นจุดที่ใช้ลงทุนระยะ 1-2 สัปดาห์ข้างหน้าเป็นสำคัญ

 

 

 

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำให้นักลงทุน “ทยอยสะสม” หุ้นดังต่อไปนี้

1.AP: ราคาปิดวานนี้ 5.55 บาท ราคาเหมาะสม 6.55 บาท

a.NVDR เริ่มเข้าทยอยสะสม AP อย่างโดดเด่นในวันพุธที่ผ่านมาถึง 55 ล้านบาท

b.หลังราคาหุ้นเริ่มฟื้นตัวขึ้น หลังยืนบริเวณ 5.00 บาทมาระยะหนึ่ง สะท้อนถึงแนวโน้มผลการดำเนินงานใน 2Q53 ของ AP จะด้อยกว่าหุ้นอื่นๆ ในกลุ่มเดียวกัน

c.AP ประกาศเปิดตัวโครงการ 15 โครงการทั้งแนวราบ และคอนโดมิเนียม เพื่อกระตุ้นยอดขาย Presales ซึ่ง KimEng เชื่อว่า AP จะประสบความสำเร็จต่อการเปิดตัวโครงการดังกล่าว และจะเป็นการต่อยอดรายได้และผลการดำเนินงานให้แก่ AP ในปี 2554 เช่นกัน

และ KimEng เสนอให้ “ทยอยขายทำกำไรใน CCET” บริเวณ 3.60 บาทหรือสูงกว่า หลัง CCET รายงานโครงการลงทุนใหม่ในมาเลเซีย เพื่อใช้เป็นฐานการผลิตชิ้นส่วน PCBA รองรับการเปิดโรงงานใหม่ของลูกค้า Western Digital อีกทั้งราคาหุ้น ณ ปัจจุบันใกล้เคียงกับราคาปัจจัยพื้นฐานที่ให้ไว้ 3.75 บาท KimEng จึงแนะนำให้ขายทำกำไรออกไปก่อน เพื่อหาจังหวะกลับมาสะสมเมื่อราคาอ่อนตัวลง เพราะด้วยมุมมองด้านปัจจัยพื้นฐานยังคงเป็นบวก

 

 

 

What will DJIA move tonight? คืนนี้มีปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อทิศทางตลาดหุ้นสหรัฐฯ คือ

1.การจ้างงานนอกภาคเกษตร เดือนมิ.ย.: ตลาดคาดว่าจะลดลง 7.5 หมื่นตำแหน่ง จากเดือนก่อนหน้าเพิ่มขึ้น 4.31 แสนตำแหน่ง

2.อัตราการว่างงานเดือนมิ.ย.: ตลาดคาดว่าจะทรงตัวที่ 9.7% เท่ากับเดือนก่อนหน้า

3.ยอดสั่งซื้อจากโรงงานเดือนพ.ค.: ตลาดคาดว่าจะหดตัว 0.4% mom จากเดือนก่อนหน้า 1.2% mom

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

:rolleyes:

 

อรุณสวัสดิ์..คุณทองใหม่..

 

ทองร่วงเป็นน้ำฝนเลย..ที่นครปฐม..ฝนก็ตกตลอดตั้งแต่เช้า..จนป่านนี้ 9 โมงกว่าๆ ยังไม่หยุดเลย

 

หากคืนนี้ทองร่วงต่อ..ก็คงเหมือนฝนที่ตกที่นครปฐมในขณะนี้เช่นกัน..รักษาสุขภาพหน่อยครับ..สุขภาพมีค่ามากกว่าสิ่งใดๆ จริงๆ ครับ.. :)

 

ปล.อ่านข้อมูลคุณทองใหม่..ประหยัดสตังค์ค่า นสพ.ได้หลายเลยครับ.. :D

post-237-020657400 1278039496.gif

post-237-093438700 1278039538.gif

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ตลาดทองเอเชีย:ราคาทองร่วงหลุด 1,200 ดอลล์แตะนิวโลว์ 5 สัปดาห์เช้านี้ (02-07-53)

 

02 ก.ค. 2553

 

 

ตลาดทองเอเชีย:ราคาทองร่วงหลุด 1,200 ดอลล์แตะนิวโลว์ 5 สัปดาห์เช้านี้

 

 

ราคาทองร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 5 สัปดาห์เช้านี้ ก่อนดีดตัวขึ้น

หลังจากดิ่งลงเกือบ 4% วานนี้ ขณะที่กองทุนได้เทขายทองแท่งเพื่อชดเชยการ

ขาดทุนในตลาดอื่นๆ ส่วนกองทุน ETF ทองได้ลดการถือทองเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่

เดือนมิ.ย.

ราคาทองสปอตแตะระดับต่ำถึง 1,196.00 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุด

นับตั้งแต่วันที่ 25 พ.ค. ก่อนดีดตัวขึ้นแตะ 1,207.00 ดอลลาร์ ณ เวลา 09.36 น.

ตามเวลาไทย ซึ่งบวกขึ้น 8.35 ดอลลาร์จากระดับปิดในตลาดสปอตนิวยอร์คเมื่อวานนี้

ราคาทองได้แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1,264 ดอลลาร์ในสัปดาห์ที่แล้ว

สัญญาทองล่วงหน้าส่งมอบเดือนส.ค.ที่ตลาด COMEX ปรับตัวลง 3.9 ดอลลาร์

อยู่ที่ 1,202.8 ดอลลาร์/ออนซ์

กองทุน SPDR Gold Trust ซึ่งเป็นกองทุน ETF ทองรายใหญ่ที่สุดในโลก

เปิดเผยว่าทางกองทุนได้ลดการถือครองทองคำลงสู่ระดับ 1,319.219 ตัน ณ วันที่

1 ก.ค. โดยลดลง 1.217 ตัน จากระดับ 1,320.436 ตัน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็น

ประวัติการณ์ที่ทำไว้ในวันที่ 29 มิ.ย.

 

แหล่งที่มา (รอยเตอร์ โดย พันธุ์ทิพย์ คำเพิ่มพูล แปล; ก้องเกียรติ กอวีรกิติ เรียบเรียง)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เจ่าเฃินฮ่าว เหล่าฃือทองใหม่ขอคารวะท่านอาจารย์ด้วยน้ำชา 1 ถ้วย โชคดีที่ดูกราฟอาจารย์เลยหนึทัน

ขอบคุณมากมาย เสี้ยๆหนี่ พักผ่อนบ้างนะคะส่งข่าวทั้งเทศทั้งไทย

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เอกชนสหรัฐฯกว่า 90 ราย คึกคักแห่ยื่น Filing เตรียมออกหุ้น IPO ตามเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว

 

Posted on Friday, July 02, 2010

ดีล IPO สหรัฐฯ กลับมาคึก แม้ราคาถูกกดดันจากปัจจัยเสี่ยง

 

เมื่อเศรษฐกิจเริ่มจะเข้าที่เข้าทางได้บ้างแล้ว ก็มีข้อมูลที่ระบุว่าบริษัทอเมริกันกำลังฉวยโอกาสการฟื้นตัวของตลาดหุ้นแห่ออกดีล IPO ขายกันยกใหญ่ ซึ่งคราวนี้เรียกได้ว่าเป็นการกวาดนำหุ้นออกขายต่อสาธารณะครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่การเกิดวัฏจักรตลาดกระทิงในรอบที่แล้ว ก่อนที่จะต้องจำใจยกเลิกการเสนอขายหุ้นภายในเวลาอันรวดเร็วเมื่อเกิดกรณีการล้มของธนาคารวาณิชธนกิจชื่อดัง อย่าง Lehman Brothers Holdings

 

ข้อมูลของสำนักข่าว Bloomberg ระบุว่า สำนักงาน ก.ล.ต.ของสหรัฐฯ ได้รับเอกสาร Filing ที่ยื่นโดยบริษัทจำนวนกว่า 90 รายเพื่อเสนอออกขายหุ้นจำนวน 23,600 ล้านหุ้นในไตรมาสที่ผ่านมา หลังจากสภาวะที่มีบริษัทนำหุ้น IPO แห่ออกขายเช่นนี้เคยเกิดขึ้นครั้งสุดท้ายเมื่อปี 2550

 

ที่น่าสนใจ ก็คือ มีจำนวนดีล IPO ที่มากถึง 4 ใน 5 ของดีลใหญ่ที่สุด เป็นของบริษัทที่ผู้ถือหุ้นเคยใช้วิธีการกู้ยืมเงินมาเพื่อซื้อธุรกิจดังกล่าว ซึ่งบริษัทที่นำเงินมาลงทุนนี้รู้จักกันดีในชื่อว่า leveraged-buyout firm นั่นเอง

 

ผู้บริหารของหน่วยงาน investment banking จาก Merrill Lynch ที่เป็นธุรกิจภายใต้ปีกของ Bank of America ให้ความเห็นว่า จากสถานการณ์ตลาดผันผวนอย่างเช่นทุกวันนี้ บริษัทลงทุนหลายๆ แห่ง ต่างจ้องมองหาโอกาสที่จะปล่อยหุ้นออกขายให้สำเร็จ แต่ด้วยปัจจัยกดดันทางเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของวิกฤติการณ์หนี้ในยุโรป หรือแนวโน้มการถอนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากรัฐบาลหลายแห่ง ก็ทำให้ราคาหุ้น IPO ในสหรัฐฯ ที่เปิดขายในปีนี้ ร่วงหล่นลงไปแล้วกว่า 7%

 

 

สภาผู้แทนฯ สหรัฐผ่านร่างกฎหมายปฏิรูปภาคการเงิน

 

สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติด้วยคะแนนเสียง 237 ต่อ 192 ผ่านร่างกฎหมายยกเครื่องระบบการเงินครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 80 ปี โดยมีเป้าหมายที่จะป้องกันเศรษฐกิจไม่ให้เผชิญกับวิกฤตการณ์การเงิน

 

ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ได้แสดงความพอใจที่ร่างกฎหมายปฏิรูปภาคการเงินดังกล่าวผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎร โดยกล่าวว่า "กฎหมายฉบับนี้ถือเป็นชัยชนะของชาวอเมริกันทุกคน และการปฏิรูปภาคการเงินจะช่วยให้ระบบการเงินของเรามีความโปร่งใสมากขึ้น"

 

ปัญหาต่างๆที่สหรัฐเรียนรู้จากวิกฤตการณ์การเงินในปี 2551 นั้น ทำให้กฎหมายฉบับนี้กำหนดข้อบังคับที่เข้มงวดเกี่ยวกับกิจกรรมการซื้อขายและการลงทุนด้านเฮดจ์ฟันด์ของธนาคาร

 

นอกจากนี้ ยังเปิดทางให้รัฐบาลสามารถปิดกิจการสถาบันการเงินเสี่ยงต่อการล้มละลายได้ รวมทั้งการจัดตั้งหน่วยงานใหม่เพื่อคุ้มครองกลุ่มผู้บริโภคทางการเงิน จัดตั้งกระบวนการในการปิดบริษัทการเงินที่ประสบปัญหา และยกระดับมาตรฐานเงินกองทุนของธนาคาร โดยมีจุดประสงค์เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดวิกฤติสินเชื่อแบบในปี 2550 - 2552 ขึ้นอีก

 

สำหรับร่างกฎหมายปฏิรูปภาคการเงินดังกล่าวได้ผ่านการเจรจาต่อรองมานานหลายเดือน จนกระทั่งเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาสหรัฐจึงสามารถตกลงประนีประนอมกันได้ในที่สุดเกี่ยวกับรายละเอียดต่างๆของร่างกฎหมาย โดยหลังจากผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนฯแล้ว ร่างกฎหมายดังกล่าวจะต้องผ่านการลงมติโดยวุฒิภา จากนั้นจึงจะส่งให้ประธานาธิบดีลงนามเพื่อบังคับใช้เป็นกฎหมายต่อไป

 

ทั้งนี้ คาดว่าวุฒิสภาสหรัฐจะลงมติร่างกฎหมายฉบับดังกล่าวหลังจากวันที่ 12 ก.ค.

 

 

มูดีส์ขู่ลดอันดับเครดิตสเปนลง 2 ขั้น

 

มูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส ประกาศทบทวนอันดับเครดิต Aaa ของสเปน และมีความเป็นไปได้ที่สเปนอาจถูกปรับลดอันดับ

 

ในขณะที่สเปนเตรียมระดมทุนสูงถึง 3.5 พันล้านยูโร หรือ 4.3 พันล้านดอลลาร์ ด้วยการนำพันธบัตรอายุ 5 ปีออกจำหน่ายในวันนี้

 

นักวิเคราะห์ของมูดีส์ ซึ่งรวมถึงคริสติน ลินโดว์ รองประธานอาวุโสกล่าวในแถลงการณ์ว่า "เศรษฐกิจที่มีแนวโน้มชะลอตัว และความท้าทายที่สเปนจะต้องไปให้ถึงเป้าหมายด้านการคลัง อาจทำให้สเปนถูกปรับลดอันดับเครดิตลงมากถึง 2 ขั้น มูดีส์จะพิจารณาเรื่องการทบทวนอันดับเครดิตของสเปนภายในระยะเวลา 3 เดือนนี้"

 

ความเคลื่อนไหวครั้งล่าสุดของมูดีส์มีขึ้นก่อนที่รัฐบาลสเปนจะประมูลขายพันธบัตรอายุ 5 ปีเพื่อระดมทุน 4.3 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งการแสดงความเห็นของมูดีส์ได้สร้างแรงกดดันให้กับรัฐบาลสเปนในการลดงบประมาณการใช้จ่ายในขณะที่รัฐบาลกำลังเริ่มร่างงบประมาณของปีหน้า

 

ทั้งนี้ ข่าวมูดีส์ประกาศทบทวนอันดับเครดิตของสเปนเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ฉุดตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงเมื่อคืนที่ผ่านมา และยังสกัดช่วงขาขึ้นของสกุลเงินยูโร

 

 

ผู้เชี่ยวชาญจีนคาด GDP จีนไตรมาส 2 โตกว่า 10%

 

สำนักงานสถิติแห่งชาติของจีน (NBS) เตรียมเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของจีนประจำไตรมาส 2 ในช่วงกลางเดือนนี้ ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่คาดว่า จีดีพีไตรมาส 2 ของจีนจะขยายตัวมากกว่า 10% ต่อปี

 

นายลู่ เจิงเหว่ย หัวหน้านักวิเคราะห์จากอินดัสเทรียล แบงค์ คาดว่า จีดีพีไตรมาส 2 ของจีนจะขยายตัวในอัตรา 10.4% ต่อปี

 

ขณะที่นายฮวง กุ่ยเตียน รองผู้อำนวยการฝ่ายเศรษฐกิจจากมหาวิทยาลัยปักกิ่ง คาดว่า จีดีพีไตรมาส 2 จะขยายตัวอย่างน้อย 10% เนื่องจากอัตราการใช้พลังงานไฟฟ้าในภาคอุตสาหกรรมขยายตัว 23.33% ในเดือนพ.ค. ซึ่งบ่งชี้ถึงการฟื้นตัวในภาคการผลิตและเศรษฐกิจที่มีความคืบหน้าไปในทางที่ดี

 

นายจาง เสี่ยวจิง ผู้อำนวยการของสถาบันวิจัยเศรษฐกิจมหภาค ในสังกัดสถาบันสังคมศาสตร์ของจีน (CASS) คาดว่า จีดีพีจีนในช่วงไตรมาส 2 มีแนวโน้มขยายตัวกว่า 10% และนายเฉิน เจียกุย ผู้อำนวยการ CASS คาดการณ์ว่า จีดีพีของจีนอาจขยายตัวถึงประมาณ 11% ในไตรมาสสองปีนี้

 

 

จีนเริ่มขึ้นค่าแรง 9 มณฑล หลังเกิดเหตุประท้วงถี่

 

มณฑลต่าง ๆ ของจีนอย่างน้อย 9 มณฑลจะเริ่มขึ้นค่าแรงขั้นต่ำตั้งแต่เมื่อวานนี้เป็นต้นไป โดยปรับขึ้นสูงสุดถึง 1 ใน 3

 

หลังจากที่นายกรัฐมนตรีเหวิน เจียเป่า ได้ออกมาเรียกร้องให้มีการใช้มาตรการเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุประท้วงของพนักงานมากไปกว่านี้

 

ก่อนหน้านี้ ได้เกิดเหตุประท้วงผละงานหลายครั้งที่โรงงานผลิตรถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์ในจีน อาทิ ฮอนด้า มอเตอร์ที่ต้องปิดโรงงานผลิต 2 แห่งที่เมืองกวางโจว ก่อนที่จะกลับมาเปิดทำการอีกครั้งเมื่อวันที่ 24 มิ.ย.ที่ผ่านมา

 

ขณะที่การผลิตที่โรงงานของโตโยต้าในจีนก็ได้รับผลกระทบจากการผละงานประท้วงของพนักงานที่โรงงานเดนโซ ผู้ผลิตชิ้นส่วนป้อนโรงงานโตโยต้าเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

 

ความขัดแย้งเรื่องค่าแรงได้กระจายวงกว้างนับตั้งแต่ที่ฮอนด้าได้ตกลงขึ้นค่าแรงให้กับพนักงานที่บริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนอีก 24% เพื่อยุติการประท้วง ซึ่งการประท้วงที่โรงงานผลิตต่างๆสะท้อนให้เห็นถึงอุปทานแรงงานค่าแรงต่ำที่หดตัวลง

 

เหวิน เจียเป่า กังวลว่า ความขัดแย้งของพนักงานนี้จะนำไปสู่เหตุการณ์ความไม่สงบขึ้นในสังคม และได้เรียกร้องให้บริษัทต่างๆสร้างความสัมพันธ์ที่สมัครสมานสามัคคีในหมู่พนักงานด้วยการปรับขึ้นค่าแรงที่ละน้อย

 

หยิน เจิงจี โฆษกกระทรวงทรัพยากรมนุษย์และประกันสังคมของจีน กล่าวว่า เทศบาลและมณฑลกว่า 20 แห่งของจีนวางแผนที่จะขึ้นค่าแรงขั้นต่ำในปีนี้ โดยเซี่ยงไฮ้ ซึ่งเป็นศูนย์กลางการเงินของจีน ได้สั่งให้มีการขึ้นค่าแรง 17% เป็น 1,120 หยวนต่อเดือนแล้วตั้งแต่เมื่อเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา

 

ขณะที่กวางตุ้งซึ่งเป็นฐานการส่งออกใหญ่สุดของจีนก็ได้ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเฉลี่ย 21% โดยค่าแรงสูงสุดอยู่ที่ 1,030 หยวน

 

 

ราคาที่ดินในญี่ปุ่นปรับตัวลดลง 2 ปีซ้อน

 

กรมสรรพากรญี่ปุ่น (National Tax Agency) เปิดเผยว่า ราคาที่ดินในญี่ปุ่นปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 เนื่องจากจำนวนพื้นที่ว่างของอาคารสำนักงานปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังจากที่วิกฤตการเงินโลกในปี 2551 ได้ส่งผลกระทบให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์เผชิญภาวะซบเซา

 

ราคาที่ดินโดยเฉลี่ยของญี่ปุ่น ณ วันที่ 1 มกราคมของปีนี้ปรับตัวลดลง 8.2% จากปีก่อนหน้านี้ไปอยู่ที่ 126,000 เยน/ตารางเมตร โดยสัดส่วนการร่วงลงของเปอร์เซนต์นั้นสูงกว่าในปีที่แล้ว 2.5% ขณะที่ในปีที่ผ่านมาราคาที่ดินโดยเฉลี่ยปรับตัวลดลงใน 47 เขตทั่วญี่ปุ่น

 

ทั้งนี้ ราคาที่ดินโดยเฉลี่ยในสามเมืองใหญ่ของญี่ปุ่นปรับตัวลดลงอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในกรุงโตเกียวซึ่งราคาที่ดินดิ่งลงหนักสุดถึง 9.7% เมื่อเทียบกับ 6.5% ในปีก่อนหน้านี้

 

ขณะที่ราคาที่ดินโดยเฉลี่ยในโอซาก้าลดลง 8.3% จากระดับ 3.4% ส่วนราคาที่ดินในนาโกย่าตกลง 7.6% จากระดับ 6.3%

 

นอกจากนี้ ราคาที่ดินเฉลี่ยในพื้นที่อื่นๆทรุดตัวลง 5.9% เมื่อเทียบกับระดับที่ตกลง 3.8% ในปีก่อนหน้านี้

 

อย่างไรก็ตาม ที่ดินบริเวณหน้าร้านเครื่องเขียน Kyukyodo ในย่านกินซาของกรุงโตเกียวยังคงทำสถิติเป็นที่ดินที่มีราคาแพงที่สุดในญี่ปุ่นเป็นปีที่ 25 ติดต่อกัน ซึ่งมีราคาตารางเมตรละ 23.2 ล้านเยน ลดลง 25.6% จากปีก่อนหน้านี้ โดยที่ดินบริเวณนี้เคยมีราคาสูงสุดที่ตารางเมตรละ 36.5 ล้านเยนในปี 2535 และเคยมีราคาต่ำสุดที่ 11.36 ล้านเยนในปี 2540

 

 

EU สั่งปรับ 17 ผู้ผลิตเหล็ก ฐานฮั้วราคา

 

คณะกรรมาธิการยุโรปสั่งปรับกลุ่มบริษัทผู้ผลิตเหล็ก 17 แห่งเป็นเงินรวม 518 ล้านยูโร (636 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งรวมถึงบริษัทอาร์เซลอร์มิตตาล หนึ่งในบริษัทเหล็กรายใหญ่ที่สุดในโลกที่ต้องจ่ายเงินมากกว่าครึ่งหนึ่งของค่าปรับทั้งหมด โทษฐานร่วมกำหนดราคาในตลาด

 

โจอาควิน อัลมูเนีย รองประธานคณะกรรมาธิการด้านการแข่งขันทางการค้าของอียูกล่าวว่า "น่าแปลกที่เราพบว่ามีหลายบริษัทในภาคอุตสาหกรรมก่อสร้างเกือบทุกประเทศในยุโรปดำเนินธุรกิจในทางที่ผิด ที่สำคัญคือมีการกำหนดราคาสินค้าที่สำคัญมาเป็นเวลานาน"

 

เจ้าหน้าที่สอบสวนของคณะกรรมาธิการยุโรปพบว่ามี 17 บริษัทในกลุ่มสมาชิกอียูทุกประเทศ ยกเว้นอังกฤษ ไอร์แลนด์ และกรีซ ที่ร่วมกันจัดตั้งกลุ่มฮั้วราคาเหล็กมาตั้งแต่ปี 2527-2545

 

ตลอดระยะเวลาดังกล่าว บริษัทเหล็กเหล่านี้ร่วมกันกำหนดโควต้าลูกค้าและราคาเหล็ก รวมถึงแลกเปลี่ยนข้อมูลการค้าระหว่างกัน อีกทั้งยังติดตามราคา จัดสรรโควต้าลูกค้าผ่านกลุ่มผู้ประสานงานระดับประเทศและสัญญาทวิภาคี

 

นอกจากนี้ ยังพบหลักฐานว่าบริษัทที่รวมกลุ่มฮั้วราคาในลักษณะนี้ได้เข้าประชุมกันมากถึงกว่า 550 ครั้งทั่วยุโรป

 

ทั้งนี้ นับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์เป็นต้นมา อียูได้เดินหน้าสั่งปรับกลุ่มบริษัทที่ร่วมฮั้วราคาในภาคธุรกิจต่างๆมาแล้ว 4 ครั้งด้วยกัน ส่งผลให้ยอดการสั่งปรับเงินภายใต้นโยบายต่อต้านการผูกขาดในปีนี้อยู่ที่ระดับ 1,493 ล้านยูโร (1,832 ล้านดอลลาร์สหรัฐ)

 

 

ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯที่ประกาศออกมาเมื่อวานนี้ (พฤหัสบดีที่ 1 ก.ค. 53)

• ตัวเลขการขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ 472,00 ราย

• ดัชนีภาคการผลิต (มิ.ย.) อยู่ที่ระดับ 56.2

• ค่าใช้จ่ายด้านการก่อสร้าง (พ.ค.) ลดลง 0.2% จากเดือนก่อนหน้า

• ยอดทำสัญญาซื้อบ้านที่รอปิดการขาย (พ.ค.) อยู่ที่ระดับ 77.6 จุด ลดลง 30% จากเดือนก่อนหน้า

 

ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯที่จะประกาศออกมาวันนี้ (ศุกร์ที่ 2 ก.ค. 53)

• สถานการณ์ตลาดแรงงานสหรัฐฯ (มิ.ย.) โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ

• ยอดสั่งซื้อสินค้าโรงงาน (พ.ค.) โดยกระทรวงพาณิชย์

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...