ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

ราคาทองคำปิดลบ 17.60 เหรียญ หลังค่าเงินยูโรร่วง

 

Posted on Tuesday, June 22, 2010

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลง เพราะถูกกดดันจากการร่วงลงอย่างหนักของสกุลเงินยูโร แต่ในระหว่างวัน สัญญาทองคำทะยานขึ้นไปแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติกาณ์ ขานรับข่าวธนาคารกลางจีนประกาศปรับค่าเงินหยวนให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น

 

สัญญาทองคำทะยานขึ้นในช่วงแรกนั้นขานรับข่าวที่ว่าธนาคารกลางจีนได้ตัดสินใจปรับเงินหยวนให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น โดยในระหว่างวัน สัญญาทองคำเดือนส.ค.ทะยานขึ้นไปแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1,266.50 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ แต่การที่ค่าเงินยูโรร่วงลงอย่างหนักเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับเสถียรภาพในตลาดยุโรป จึงทำให้มีแรงเทขายเข้าฉุดสัญญาทองคำในช่วงบ่าย

 

สัญญาโลหะทองแดงพุ่งขึ้นแข็งแกร่ง เนื่องจากนักลงทุนเชื่อมั่นว่าการปรับเงินหยวนให้มีความยืดหยุ่นจะช่วยให้ดีมานด์สินค้าโภคภัณฑ์จากจีน รวมถึงโลหะพื้นฐานอย่างทองแดง ฟื้นตัวขึ้นด้วย

 

- ทองคำ ส่งมอบเดือนสิงหาคม ปิดที่ 1,240.70 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ (-17.60 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์)

- เงิน ส่งมอบเดือนกรกฎาคม ปิดที่ 18.808 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ (-0.37 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

22 มิ.ย. 2553

 

 

สรุปภาวะตลาดก่อนหน้านี้

 

 

ราคาโกลด์ฟิวเจอร์สแกว่งตัวผันผวนตามราคาทองคำสปอตที่กลับมาปรับตัวลดลงรุนแรงเมื่อคืนหลังTFEXปิดทำการ เงินบาททรงตัวตามภูมิภาค ทองคำแท่งสมาคมปิดที่ 19,050/19,150 บาท

ปัจจัยที่อาจส่งผลต่อเนื่องถึงวันนี้

 

 

กรณีเรื่องค่าเงินหยวนที่มีการเก็งกำไรถึงขั้นปล่อยลอยตัวก่อนหน้านี้ เริ่มมีความชัดเจนขึ้นว่าจีนเพียงแค่ต้องการเพิ่มความยืดหยุ่นของค่าเงินหยวนอย่างช้าๆเท่านั้นเพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของจีนเองและเพื่อลดความกดดันทางการเมืองเท่านั้น นอกจากนี้รัสเซียยังออกมาให้ความเห็นอีกด้วยว่าจะไม่มีการพูดถึงค่าเงินหยวนของจีนเป็นประเด็นแยกในการประชุมกลุ่มจี20ในสุดสัปดาห์นี้แต่อย่างใด แต่จะมีการพูดถึงภาวะเศรษฐกิจและความเหมาะสมของนโยบายอัตราแลกเปลี่ยนของประเทศต่างๆโดยรวมเท่านั้น นักเก็งกำไรจึงเริ่มเทขายสินทรัพย์เสี่ยงทั้งหุ้นและเงินยูโรเพื่อทำกำไรหลังจากที่ได้มีการเก็งกำไรก่อนหน้านี้ ซึ่งทองคำก็เป็นหนึ่งในสินทรัพย์เสี่ยงที่ได้รับผลกระทบจากการเทขายดังกล่าวด้วย [Reuters, AFC Research]

นักลงทุนจะจับตามองความเชื่อมั่นผู้ประกอบการเยอรมันในบ่ายวันนี้ และยอดขายบ้านเก่าในสหรัฐฯคืนนี้ ซึ่งเรามองว่ารายงานในยุโรปน่าจะยังออกมาค่อนข้างดีในขณะที่รายงานตลาดอสังหาริมทรัพย์ในสหรัฐฯอาจไม่เป็นที่น่าพอใจนัก [AFC Research]

แนวโน้มทองคำวันนี้

 

 

เรามองว่าราคาทองคำวันนี้น่าจะกลับมาเป็นสินทรัพย์เสี่ยงเช่นเดิม ซึ่งจากการคาดการณ์ข้างต้น เรามองว่า "ราคาทองคำอาจแกว่งตัวเพิ่มขึ้นในช่วงบ่ายและลดลงช่วงข้ามคืน" เราจึงแนะนำให้ "สะสม SHORT เมื่อราคาทองคำสปอตเพิ่มสูงขึ้น"

มุมมองทองคำ

 

 

สถานะของทองคำไม่ชัดเจนนัก ซึ่งนักลงทุนจะต้องติดตามความคืบหน้าของปัญหาต่างๆ และแนวโน้มเศรษฐกิจแต่ละภูมิภาคอย่างใกล้ชิด

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

อังกฤษเตรียมเผยแผนรัดเข็มขัดควบคุมการใช้จ่ายครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 30 ปี

 

Posted on Tuesday, June 22, 2010

รมว. คลังอังกฤษเตรียมแถลงแผนรัดเข็มขัดวันนี้

 

จอร์จ ออสบอร์น รัฐมนตรีคลังอังกฤษเปิดเผยว่า อังกฤษจะขึ้นภาษีกับธนาคารและผู้ฝากเงิน ขณะเดียวกันก็จะลดการใช้จ่ายด้านสวัสดิการสังคมในการแถลงงบประมาณวันนี้ (23 มิ.ย. 53) เพื่อลดยอดขาดดุลงบประมาณที่สูงเป็นประวัติการณ์ โดยไม่ส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ

 

รมว.คลังอังกฤษ กล่าวว่า การควบคุมการใช้จ่ายครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 30 ปีจะกินระยะเวลาตลอดวาระการทำงาน 5 ปีของรัฐสภา โดยอังกฤษไม่สามารถปล่อยให้หนี้สูงขึ้นมากไปกว่านี้ได้ เพราะความเสี่ยงสูงสุดสำหรับเศรษฐกิจของประเทศในขณะนี้ก็คือ ความเสี่ยงเรื่องหนี้สาธารณะ

 

ทั้งนี้ แผนการลดรายจ่ายอย่างเข้มงวดดังกล่าว ซึ่งมีขึ้นหลังจากที่รัฐบาลผสมภายใต้การนำของพรรคอนุรักษ์นิยมได้ก้าวขึ้นมาทำหน้าที่บริหารประเทศเมื่อ 6 สัปดาห์ก่อนนั้น จะกำหนดขนาดของงบประมาณของประเทศ

 

Institute for Fiscal Studies ซึ่งเป็นสถาบันอิสระที่ดำเนินการศึกษาด้านการคลัง ประเมินว่า รมว.คลังอังกฤษจะลดงบประมาณลง 8.5 หมื่นล้านปอนด์ (1.26 แสนล้านดอลลาร์) หรือคิดเป็น 5.7% ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี)

 

 

ผู้นำรัสเซีย-สหรัฐฯ จ่อสานความสัมพันธ์ธุรกิจระหว่างประเทศ

 

ภารกิจของผู้นำรัสเซียและสหรัฐที่กำลังจะสานต่อการฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างกัน เป็นสิ่งที่น่าจับตามองในสัปดาห์นี้

 

เมื่อทั้งประธานาธิบดีบารัค โอบามา และนายดมิทรี เม็ดเวเดฟ (Dmitry Medvede) พยายามที่จะเชื่อมความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ โดยอาศัยโอกาสที่ประธานาธิบดีของรัสเซียเดินทางเยือนแหล่งอุตสาหกรรมไฮเทคของสหรัฐฯ อย่าง Silicon Valley และกรุงวอชิงตัน

 

การเดินทางเยือนสหรัฐฯของผู้นำรัสเซียที่จะมีขึ้นในวันนี้ มีกำหนดการประชุมร่วมกับบรรดาผู้บริหารขององค์กรธุรกิจชั้นนำหลายแห่ง รวมทั้ง ซีอีโอของบริษัท Google ซึ่งก็คือ นาย Eric Schmidt ขณะที่ทาง Medvedev เองก็มีความต้องการเสียงสนับสนุนการก่อตั้ง Silicon Valley ที่รัสเซียด้วย

 

หลังจากนั้น ผู้นำอดีตอาณาจักรสหภาพโซเวียตจะเดินทางต่อไปยังกรุงวอชิงตันเพื่อพูดคุยกับประธานาธิบดี โอบามา ในวันที่ 24 มิถุนายน

 

ก่อนที่ทั้งคู่จะมีกำหนดนัดพบกับผู้บริหารสูงสุดของหลายบริษัท รวมถึง นาย Jim McNerney ที่เป็นซีอีโอของบริษัท Boeing เป็นต้น

 

ย้อนกลับไปเมื่อปีที่แล้ว ตั้งแต่ที่ผู้นำสหรัฐฯ เรียกร้องให้มีการปรับสัมพันธ์กับรัสเซีย ทั้งคู่ก็ได้เริ่มต้นด้วยการลงนามในสนธิสัญญาเรื่องการลดอาวุธนิวเคลียร์ พร้อมกับร่วมมือกันในกรณีของอัฟกานิสถาน

 

นอกจากนั้น รัสเซียยังสนับสนุนข้อเสนอของทางสหรัฐฯ ที่ต้องการให้เข้าแทรกแซงเพื่อตอบโต้กับอิหร่านด้วย ทั้งทำเนียบขาวและรัฐบาลจากเกรมลินระบุว่า การเยือนสหรัฐฯ ของ Medvedev นี้ ถือเป็นอีกก้าวที่สำคัญในการย่างกรายเข้าสู่เรื่องความสัมพันธ์ของภาคธุรกิจระหว่างทั้งสองประเทศ

 

 

รัสเซียจะลดปริมาณส่งก๊าซไปเบลารุส

 

ประธานาธิบดีรัสเซีย ดมิทรี เมดเวเดฟ สั่งก๊าซปรอม ซึ่งเป็นกิจการผูกขาดของชาติ ลดปริมาณส่งก๊าซไปเบลารุส สำนักงานสารนิเทศแห่งทำเนียบเครมลินเผยเมื่อวันจันทร์นับเป็นความเคลื่อนไหวที่เกรงกันว่า จะส่งผลกระทบต่ออุปทานไปยังยุโรป

 

อเลคเซย์ มิลเลอร์ ซีอีโอของก๊าซปรอม เผยว่า จะค่อยๆ ตัดอุปทานไปเบราลุสอย่างค่อยเป็นค่อยไป ตามสัดส่วนหนี้ที่เพื่อนบ้านอดีตส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียตแห่งนี้ ค้างชำระมูลค่า 192 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งจะเริ่มขึ้นตั้งแต่เวลา 06.00 น. ตามเวลามาตรฐานสากล หรือเวลา 13.00 น. วานนี้ ตามเวลาไทย เขาบอกกับสำนักข่าวอาร์ไอเอ นอวอสตี ด้วยว่า จะตัดสัมปทานลงร้อยละ 85

 

รัสเซียมีปัญหาพิพาทเรื่องราคาก๊าซกับชาติเพื่อนบ้าน ทำให้เกิดความกังวลเรื่องซัปพลายในยุโรป หลังจากมอสโกและยูเครนโต้เถียงกันเรื่องราคาและข้อกำหนดในการส่งก๊าซ ทำให้การส่งก๊าซไปยุโรปหยุดชะงักเป็นเวลา 2 สัปดาห์ ในเดือนมกราคม 2009 ที่ผ่านมา

 

อย่างไรก็ตาม ก๊าซปรอมเผยว่า มีศักยภาพในการเปลี่ยนเส้นทางส่งไปยุโรปแทนเส้นทางเบลารุส และผลกระทบจากการตัดก๊าซครั้งนี้จะรุนแรงน้อยกว่า เนื่องจากความต้องการในช่วงฤดูร้อนต่ำ

 

ก่อนหน้านี้ เบลารุสส่งคณะผู้แทนเข้าประชุมฉุกเฉินเพื่อแก้ไขปัญหาความขัดแย้งเรื่องราคาที่มอสโก และซีอีโอของก๊าซปรอมออกมาเผยว่า เบลารุสยอมรับว่าเป็นหนี้ และเสนอที่จะจ่ายหนี้เป็นเครื่องจักร อุปกรณ์ และผลิตภัณฑ์ต่างๆ แทน อย่างไรก็ตาม การหารือก็จบลงโดยปราศจากข้อยุติ

 

ก่อนหน้านี้ ในเดือนที่ผ่านมา เบลารุส จ่ายค่าก๊าซ 150 ดอลลาร์ต่อ 1,000 คิวบิคเมตร จากราคา 169.20 ต่อคิวบิคเมตรที่ก๊าซปรอมตั้งไว้ในช่วงไตรมาสแรก และ 184.80 ดอลลาร์ในไตรมาสที่ 2

 

 

นายกญี่ปุ่นเตรียมอภิปรายการขึ้นภาษีการบริโภคเดือนหน้า

 

นาโอโตะ คัง นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น กล่าวเมื่อวานนี้ว่า เขาจะเปิดอภิปรายเต็มรูปแบบเพื่อพิจารณาเรื่องการขึ้นอัตราภาษีเพื่อการบริโภค (consumption tax rate)

 

ภายหลังเสร็จสิ้นการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาในวันที่ 11 กรกฎาคมนี้ พร้อมกับเปิดเผยว่า การขึ้นภาษีดังกล่าวต้องใช้เวลาเตรียมการอย่างน้อย 2-3 ปี

 

นอกจากนี้ นายคังกล่าวระหว่างการแถลงข่าวที่สำนักนายกรัฐมนตรีว่า นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ซึ่งจะพบปะพูดคุยกับประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของสหรัฐในวันอาทิตย์นี้ที่โทรอนโต แคนาดา นอกรอบการประชุม G20

 

ทั้งนี้ พรรคเดโมเครติค พาร์ตี ออฟ เจแปน (DPJ) ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลญี่ปุ่นชี้แจงว่ารายได้จากการจัดเก็บภาษีบริโภคจะถูกจัดสรรไปใช้ในด้านสวัสดิการสังคม ซึ่งขณะที่ยังมีความจำเป็นต้องใช้เงินอีก 10 ล้านล้านเยนเพื่อรองรับสังคมผู้สูงอายุในอนาคต

 

ปัจจุบัน ญี่ปุ่นมีอัตราการจัดเก็บภาษีบริโภคอยู่ที่ 5% และมีความเป็นไปได้ว่า ในอนาคตรัฐบาลอาจสั่งให้มีการปรับขึ้นภาษีดังกล่าวสู่ระดับ 10%

 

ขณะที่ แอนดรูว์ คาฮูน ผู้อำนวยการฝ่ายการจัดอันดับความน่าเชื่อถือของฟิทช์ เรทติ้งส์ ประจำเอเชียแปซิฟิค กล่าวว่า การผลักดันการปฏิรูปการคลังของนายนาโอโตะ คัง นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ถือเป็นความเคลื่อนไหวที่น่ายินดี

 

อย่างไรก็ตาม กระบวนการทางการเมืองถือเป็นปัจจัยสำคัญที่อาจจะส่งผลกระทบต่อแผนการดังกล่าว โดยการเลือกตั้งสภาสูงในเดือนหน้าจะแสดงให้เห็นถึงอำนาจในมือของนายกฯว่า จะสามารถผลักดันให้มีการปรับโครงสร้างการคลังของประเทศได้หรือไม่

 

สำหรับการต่อสู้กับกับภาวะเงินฝืดของประเทศนั้น นายคาฮูนแนะนำให้ธนาคารกลางญี่ปุ่นดำเนินการมากกว่านี้ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นกับประชาชนว่าภาวะเงินฝืดของประเทศจะสิ้นสุดลงได้ ซึ่งการกำหนดเป้าหมายเงินเฟ้อ และการซื้อหลักทรัพย์ของบริษัทเอกชนมากขึ้นน่าจะเป็นหนึ่งในทางเลือกที่เป็นไปได้

 

ในส่วนของอันดับความน่าเชื่อถือนั้น นายคาฮูนกล่าวว่า ในระยะอันใกล้นี้ ฟิทช์ยังไม่มีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนแปลงอันดับความน่าเชื่อถือพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ระดับ AA เนื่องจากพันธบัตรดังกล่าวขึ้นอยู่กับปัจจัยในประเทศเป็นหลัก อีกทั้งอัตราดอกเบี้ยระยะยาวยังคงอยู่ในระดับต่ำ

 

อย่างไรก็ตาม เขาเตือนว่า อันดับความน่าเชื่อถือของญี่ปุ่นอาจจะตกอยู่ภายใต้แรงกดดัน เนื่องจากความสามารถในการเพิ่มทุนยังอ่อนแอ เช่นเดียวกับอัตราการออมที่ลดลง แต่แรงกดดันดังกล่าวอาจจะได้รับการชดเชยหากรัฐบาลใช้แผนการปรับปรุงด้านการคลังที่มีความน่าเชื่อถือ

 

ขณะที่ สำนักข่าวเกียวโดจัดทำผลสำรวจความเห็นประชาชน 1,228 รายทั่วประเทศ โดยได้สอบถามความเห็นผ่านทางโทรศัพท์เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนที่บ่งชี้ว่า คะแนนสนับสนุนคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นปรับตัวลดลง 6% จากสัปดาห์ก่อนมาอยู่ที่ระดับ 58.8% โดยคะแนนของผู้ไม่เห็นชอบกับการทำงานของรัฐบาลขยับขึ้น 6.4% มาอยู่ที่ระดับ 30.0% และคะแนนสนับสนุนครม.ญี่ปุ่นปรับตัวลดลงหลังจากที่นายคังกล่าวถึงการพิจารณาปรับขึ้นภาษีบริโภค

 

 

ผู้เชี่ยวชาญแนะจีนคุมสินเชื่อ-ป้องกันฟองสบู่

 

นายเซียะ ปิ๋น หนึ่งในคณะกรรมการกำหนดนโยบายของธนาคารกลางจีน แนะนำให้ทางการจีนยึดเป้าหมายการขยายตัวของอัตราสินเชื่อที่ระดับ 7.5 ล้านล้านหยวนในปีนี้ เพื่อป้องกันภาวะสินทรัพย์ฟองสบู่ และกำลังผลผลิตล้นตลาดในบางภาคอุตสาหกรรม

 

นายเซียะกล่าวให้สัมภาษณผ่านหนังสือพิมพ์ซีเคียวริตี้ ไทม์สว่า จีนเผชิญกับความเสี่ยงจากการทำธุรกรรมทรัสต์ที่เพิ่มมากขึ้น โดยในสิ้นเดือนเม.ย. ธนาคารพาณิชย์จีนมียอดการทำธุรกรรมกับบริษัททรัสต์ ซึ่งเป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจด้านการซื้อขายหลักทรัพย์รวมทั้งสิ้น 1.88 ล้านล้านหยวน ด้วยอัตราการขยายตัวที่ระดับ 5.80 แสนล้านหยวนต่อเดือน

 

นอกจากนี้ เซียะกล่าวเสริมว่า อัตราการทำธุรกรรมทรัสต์ที่มีอยู่เกือบ 1.9 ล้านล้านหยวน ประกอบกับอัตราการขยายตัวของสินเชื่อที่ 7.5 ล้านล้านหยวนในปีนี้จะส่งผลให้จีนมีอัตราการขยายตัวของสินเชื่อเป็นจำนวนมาก

 

ดังนั้น ธนาคารพาณิชย์ควรใช้นโยบายควบคุมการออกผลิตภัณฑ์ด้านธุรกรรมทรัสต์อย่างเข้มงวด เพื่อควบคุมปัจจัยเสี่ยงต่างๆที่อาจเกิดขึ้นได้

 

ขณะเดียวกัน เซียะได้แนะนำแนวทางการคุมเข้มด้านนโยบายทางการเงินเพื่อป้องกันภาวะสินทรัพย์ฟองสบู่และกำลังการผลิตที่สูงเกินไปในภาคอุตสาหกรรมต่างๆ โดยเขาคาดว่า เศรษฐกิจจีนในปีนี้จะหดตัวลง 2-3% ในช่วงครึ่งหลังของปี เมื่อเทียบกับที่ขยายตัวได้ 11.7% ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้

 

 

มูดีส์ปรับเพิ่มอันดับความน่าเชื่อถืออินโดนีเซียเป็นเชิงบวก

 

มูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส ประกาศเพิ่มแนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถือของอินโดนีเซียขึ้นสู่ระดับ เชิงบวก จากเดิมมีเสถียรภาพ บ่งชี้เศรษฐกิจในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ของเอเชียยังคงแข็งแกร่ง ท่ามกลางปัญหาหนี้สาธารณะที่พุ่งขึ้นอย่างรุนแรงในกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว ตั้งแต่กรีซไปจนถึงญี่ปุ่น

 

ปัจจุบันอันดับความน่าเชื่อถือของอินโดนีเซียอยู่ที่ระดับ Ba2

 

การปรับเพิ่มแนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถือของมูดีส์มีขึ้นหลังจากเมื่อ 3 เดือนที่แล้ว สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P) ได้ปรับเพิ่มอันดับความน่าเชื่อถือของอินโดนีเซียขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 12 ปี

 

มูดี้ส์ระบุว่า โดยหลัก ๆ แล้ว อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจอินโดนีเซียถูกขับเคลื่อนด้วยตลาดภายในประเทศที่มีขนาดใหญ่ ซึ่งได้รับการบริหารจัดการเป็นอย่างดีด้วยนโยบายทางเศรษฐกิจ และคาดว่ารัฐบาลจะยังเดินหน้าปรับปรุงนโยบายการคลังและหนี้สาธารณะ

 

ส่วนภาวะผันผวนในต่างประเทศ รวมถึงตัวเลขหนี้สาธารณะที่ทำให้ยุโรปตกอยู่ในภาวะไร้เสถียรภาพนั้น ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อปัจจัยพื้นฐานด้านความน่าเชื่อถือของอินโดนีเซีย

 

ค่าเงินรูเปียห์พุ่งขึ้น 15% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการปรับขึ้นมากที่สุดเมื่อเทียบกับบรรดาสกุลเงินอื่นๆในเอเชีย เนื่องจากนักลงทุนแห่เข้าลงทุนในประเทศที่มีเศรษฐกิจขยายตัวได้ดีอย่างอินโดนีเซีย

 

อินโดนีเซียซึ่งเป็นประเทศอาเซียนประเทศเดียวที่อยู่ในกลุ่ม G-20 กำลังมีอิทธิพลทางการเมืองมากขึ้นเรื่อยๆในประชาคมโลกเนื่องด้วยเศรษฐกิจที่ขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง

 

ฮัตตา รัดจาซา รัฐมนตรีประสานงานด้านเศรษฐกิจของอินโดนีเซีย กล่าวว่า อินโดนีเซียได้เตรียมเสนอโครงการต่างๆ โดยเฉพาะโครงการที่เป็นประโยชน์กับประเทศกำลังพัฒนา เพื่อผลักดันให้เป็นวาระในการประชุม G-20 วันที่ 26-27 มิถุนายนนี้

 

ตัวอย่างโครงการที่อินโดนีเซียจะนำเสนอประกอบด้วย การเข้าถึงแหล่งเงินทุนของประเทศกำลังพัฒนา การแก้ปัญหาภาวะโลกร้อน การปฏิรูปการบริหารธนาคารโลกและ ไอเอ็มเอฟ รวมถึงการรื้อฟื้นการเจรจาขององค์การการค้าโลก

 

นอกจากนั้นอินโดนีเซียจะเดินหน้าผลักดันมาตรการที่เกี่ยวข้องกับประเด็นหลักๆ ที่ประเทศกำลังพัฒนาน่าจะนำเสนอในที่ประชุม อย่างเรื่องการเก็บภาษีธนาคาร มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และการคุ้มครองการค้า

 

 

ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯที่จะประกาศออกมาวันนี้ (อังคารที่ 22 มิ.ย. 2553)

• เริ่มการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (FOMC)

• ยอดขายบ้านมือสอง (พ.ค.) โดยสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติสหรัฐฯ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอบคุณครับ อ.ทองใหม่ รักษาสุขภาพครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอบคุณครับ ขอให้สุขภาพ แข็งแรง แข็งแรง แข็งแรง :lol: :lol: :lol: :lol: :lol:

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...