ทิศทางทอง--ตอน thaigold2

[ทองใหม่ 7,435]

ถูกแก้ไข ตุลาคม 24, 2010 โดย ทองใหม่

[ทองใหม่ 7,435]

มั่วแต่ทำกราฟ ลืมอรุณสวัสดิ์ไปเลย เปลี่ยนเป็นทิวาสวัสดิ์ก็แล้วกัน

 

ทิวาสวัสดิ์จ้า

[gold8 37]

สัสดีครับ !01 !01 !01

[ทองคำแท้ 13]

หวัดดีครับ !gd !gd !gd

[puk_pook 25]

สวัสดีค่ะ ท่าน อ.ทองใหม่

ขอให้มีสุขภาพแข็งแรง และ มีความสุข อีก 1 วันค่ะ

 

!thk !30 !thk !30

[อันอัน 12]

ต้นปีกรุงเทพถูกเผา ปลายปีน้ำจะท่วมกรุงเทพขนาดไหน มาติดตามกัน

[ปุยเมฆ 2,791]

[ปุณณ์ 639]

+3 ขอบคุณค่ะ

กราฟใหม่รูปสวยดูสะอาดจังเลยค่ะ เหล่าซือ

[am-pang 0]

ขอบคุณมากๆนะคะ อจ.น่ารักขนาดนี้ขอทิวาสวัสดิ์เช่นเดียวกันค่ะ !thk

ปล.SUB อจ.สุดยอดค่ะ !gd !gd !gd

[jingjo 53]

ขอบคุณคะอ.ทองใหม่ เห็นหายไปหลายวันอดเป็นห่วงไม่ได้ ดีใจจังที่อาจารย์สบายดี บวกเต็มแม๊กให้อาจารย์คนเดียวเลย

[ทองใหม่ 7,435]

[tanawatbkk 60]

อรุณสวัสดิ์อ.ทองใหม่ครับ ชอบกราฟนี้ครับ ลงทุกวันนะอ.ทองใหม่ :lol:

[ทองใหม่ 7,435]

ขุนคลังสหรัฐฯเร่งเร้าG-20ผ่าทางตันค่าเงิน

วันจันทร์ที่ 25 ตุลาคม 2010 เวลา 08:45 น. กอง บก.ฐานเศรษฐกิจ เศรษฐกิจโลก - เศรษฐกิจโลก

สหรัฐฯ มั่นใจใช้เวที จี-20 คลี่คลายปัญหาค่าเงินโลก ไกธ์เนอร์เรียกร้องชาติสมาชิกจี- 20 ร่วมตกลงจัดทำแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับนโยบายค่าเงิน ให้เป็นไปในลักษณะร่วมมือกัน อย่างไรก็ตาม คาดว่ารายละเอียดข้อตกลงอย่างเป็นรูปธรรมจะถูกเก็บไว้ให้เวทีการประชุมระดับผู้นำจี-20 ที่กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ เป็นผู้ประกาศในเดือนหน้า

 

นายทิโมธี ไกธ์เนอร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐอเมริกา เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวก่อนเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีคลังกลุ่มจี-20 ที่เมืองคยองจู ประเทศเกาหลีใต้ ในช่วงสุดสัปดาห์นี้ (22-23 ต.ค.) ว่า สหรัฐฯ จะพยายามใช้เวทีการประชุมดังกล่าว สร้างความคืบหน้าให้กับการเจรจาหาทางสร้างความสมดุลให้กับเศรษฐกิจโลก ซึ่งส่วนหนึ่งนั้นหมายถึงการลดความพึ่งพาแรงซื้อจากตลาดสหรัฐฯ มากจนเกินไป และการแสวงหาแนวทางปฏิบัติร่วมกันเกี่ยวกับนโยบายอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินระหว่างประเทศ "โลกจำเป็นอย่างยิ่งยวดที่จะต้องมีแนวทางปฏิบัติร่วมกันเกี่ยวกับนโยบายค่าเงิน ในเวลานี้ยังไม่มีหลักเกณฑ์ใดๆ เลยว่าแค่ไหนอย่างไร จึงจะเรียกว่าเป็นธรรม" รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ กล่าว

 

ฉะนั้น สหรัฐฯ จะพยายามเรียกร้องให้ชาติสมาชิกกลุ่มจี-20 ทั้งประเทศอุตสาหกรรมพัฒนาแล้วและประเทศกำลังพัฒนา รับรองการนำกฎเกณฑ์ที่สามารถวัดค่าได้มาใช้ในการประเมินหรือพิจารณาว่า สภาวะการได้เปรียบหรือเสียเปรียบดุลการค้าของประเทศใดประเทศหนึ่งนั้น เป็นสภาวะที่เหมาะสมและยั่งยืนหรือไม่ ซึ่งจะทำให้แต่ละประเทศสามารถดำเนินไปสู่ทิศทางของการสร้างความเติบโตให้กับเศรษฐกิจโลกอย่างสมดุลได้ ขณะเดียวกัน รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ได้ออกตัวปกป้องนโยบายเกี่ยวกับค่าเงินของสหรัฐฯ ด้วยว่า ขณะนี้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ เคลื่อนไหวในทิศทางที่สอดคล้องกับสกุลเงินหลักอื่นๆ ของโลก ๆไม่ว่าจะเป็นเงินยูโรหรือเยน

 

ท่าทีของสหรัฐฯ ในครั้งนี้ชี้ให้เห็นถึงความคาดหวังและความสำคัญของการประชุมรัฐมนตรีคลังของกลุ่มจี-20 ในครั้งนี้เป็นอย่างมาก เพราะเป็นที่จับตามองว่า ขุนคลังของจี-20 ซึ่งสมาชิกประกอบด้วยประเทศอุตสาหกรรมและประเทศกำลังพัฒนาระดับดาวรุ่งทางเศรษฐกิจ จะสามารถคลี่คลายปัญหาค่าเงินที่สร้างความอ่อนไหวให้กับตลาดเงินทั่วโลกในเวลานี้หรือไม่ นายเมอร์วิน คิง ผู้ว่าการธนาคารกลางแห่งประเทศอังกฤษ ให้ความเห็นว่า อันตรายมีสูง หากที่ประชุมจี-20 ไม่สามารถตกลงวางนโยบายค่าเงินร่วมกัน เพราะนั่นหมายความว่า การนำนโยบายต่างคนต่างทำมาใช้อาจก่อให้เกิดความขัดแย้ง และส่งผลให้ประสิทธิภาพในการผลิตในระบบเศรษฐกิจโลกลดต่ำลงอย่างที่ไม่มีใครคาดคิด ซึ่งสุดท้ายแล้วก็จะส่งผลให้ทุกประเทศย่ำแย่กันทั่วหน้า

 

อย่างไรก็ตาม เป็นที่คาดหมายว่าสุดสัปดาห์นี้ เวทีประชุมของรัฐมนตรีคลังกลุ่มจี-20 จะยังไม่มีบทสรุปที่เป็นรูปธรรมในแถลงการณ์ร่วม เพราะเชื่อว่า มาตรการที่เป็นรูปธรรมอย่างแท้จริงเกี่ยวกับนโยบายค่าเงิน จะเป็นผลลัพธ์จากเวทีประชุมระดับผู้นำรัฐบาลของกลุ่มจี-20 ที่กำลังจะมีขึ้นที่กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ในเดือนพฤศจิกายนนี้มากกว่า แม้ว่ายังมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันอย่างมากเกี่ยวกับนโยบายค่าเงิน แต่อย่างน้อยก็เป็นที่ประจักษ์ชัดและต่างฝ่ายก็มีความเห็นตรงกันแล้วว่า ประเด็นนโยบายค่าเงินมีความสำคัญยิ่งและจำเป็นที่เวทีประชุมจี-20 จะต้องหยิบยกมาหารือร่วมกัน ทั้งนี้ หลายฝ่ายมองว่านโยบายของรัฐบาลจีนในการควบคุมค่าเงินหยวนอย่างเข้มงวดไม่ให้แข็งค่าขึ้นตามที่ควร กำลังส่งผลกระทบต่อแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกในภาพรวม นับตั้งแต่ช่วงเดือนมิถุนายนปีนี้เป็นต้นมา จีนปรับนโยบายค่าเงินโดยยอมให้เงินหยวนขยับแข็งค่าเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ทำให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนตัวลงราวๆ 2.6% เมื่อเทียบกับค่าเงินหยวน

 

เจ้าหน้าที่เตรียมการประชุมจี- 20 บางรายให้ทรรศนะว่า รัฐมนตรีคลังจี-20 อาจจะมีข้อตกลงร่วมกันเกี่ยวกับความพยายามในการสร้างสมดุลให้กับบัญชีเดินสะพัดและนโยบายค่าเงินที่มีเนื้อหาจับต้องได้มากกว่าการประชุมในคราวที่แล้ว แต่มีความเป็นไปได้ว่า ข้อตกลงทั้งหลายเหล่านี้จะถูกเก็บเอาไว้ก่อนเพื่อรอประกาศอย่างเป็นทางการในเวทีประชุมระดับผู้นำของกลุ่มจี-20 ในเดือนหน้า

 

เนื้อหาส่วนหนึ่งของร่างแถลงการณ์ร่วมของรัฐมนตรีคลังจี-20 ซึ่งได้รับการเผยแพร่ออกมาก่อนโดยสำนักข่าว ดาวโจนส์ นิวส์ไวร์ส ระบุว่า จี-20 จะมุ่งไปสู่เป้าหมายของการมีระบบอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราที่เคลื่อนไหวไปตามกลไกตลาดมากยิ่งขึ้น และจะพยายามหลีกเลี่ยงมาตรการกดค่าเงินให้ต่ำเพื่อเพิ่มความได้เปรียบในการแข่งขันทางการค้า ขณะเดียวกันจี- 20 จะพยายามลดผลกระทบเชิงลบจากความเคลื่อนไหวอย่างผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินตราต่างประเทศให้เหลือน้อยที่สุด อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวใกล้ชิดการเจรจากล่าวว่า โดยปกติแล้ว ร่างแถลงการณ์ร่วม ยังอาจมีการปรับปรุงแก้ไขเนื้อหาและถ้อยคำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนที่เป็นประเด็นสำคัญที่หลายฝ่ายกำลังจับตา แต่เชื่อว่าต้องมีการระบุถึงประเด็นนโยบายค่าเงินอย่างแน่นอน

 

ด้านนายยุน จึง ฮยอน รัฐมนตรีคลังเกาหลีใต้ แสดงความมั่นใจว่า การประชุมสุดสัปดาห์นี้จะให้ความหวังในทางบวก แต่ปฏิเสธที่จะยืนยันว่าในแถลงการณ์ร่วมของที่ประชุมรัฐมนตรีคลังจี-20 จะมีการระบุถึงประเด็นค่าเงินโดยตรงหรือไม่ ขณะเดียวกันนายไกธ์เนอร์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ยอมรับว่า เงื่อนไขสถานการณ์ค่าเงินในเวลานี้ยังไม่ถึงขั้นสุกงอมสำหรับการจัดทำข้อตกลงโลกว่าด้วยเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินเหมือนเงื่อนไขสถานการณ์ในปีค.ศ. 1985 (พ.ศ. 2528) ซึ่งเป็นปีที่มีการจัดทำพลาซา แอกคอร์ด (Plaza Accord) หรือข้อตกลงพลาซา เพื่อแก้ปัญหาเงินเยนอ่อน-ดอลลาร์สหรัฐน แข็ง ซึ่งทำให้สหรัฐฯขาดดุลการค้าญี่ปุ่นอย่างมหาศาลในครั้งนั้น และผลจากความตกลงพลาซา ก็ทำให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯอ่อนลงมา

 

เจ้าหน้าที่อาวุโสกระทรวงการคลังสหรัฐฯ รายหนึ่ง เปิดเผยว่า จุดมุ่งหมายของข้อตกลงที่จะเกิดขึ้นนั้นมุ่งให้เกิดแนวทางปฏิบัติที่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันหรือเป็นความร่วมมือกัน ซึ่งแม้ไม่มีการผูกพันเป็นพันธะสัญญา ก็หวังจะให้นำไปสู่การที่จีนและประเทศอื่นๆใต้เงาของจีน ยอมปล่อยให้สกุลเงินของตนแข็งค่าขึ้นมา

 

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจฉบับที่ 2,577 24-27 ตุลาคม พ.ศ. 2553

[ทองใหม่ 7,435]

ไอเอ็มเอฟยาหอมประเทศเอเชีย

วันจันทร์ที่ 25 ตุลาคม 2010 เวลา 08:32 น. กอง บก.ฐานเศรษฐกิจ เศรษฐกิจโลก - เศรษฐกิจโลก

ไอเอ็มเอฟวอนประเทศเอเชียให้ยอมขยับค่าเงินแข็งขึ้นและถอนคันเร่งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจได้แล้ว ท่ามกลางภาวะเงินทุนนอกไหลเข้าจนก่อให้เกิดแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อพุ่งสูง

กองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ ไอเอ็มเอฟ แถลงที่กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย ในช่วงกลางสัปดาห์นี้ว่า ภูมิภาคเอเชียซึ่งรวมถึงญี่ปุ่น มีแนวโน้มการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่อัตรา 8% ในปีนี้ ซึ่งเพิ่มขึ้นจากที่เคยประมาณการไว้ 7% ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา แต่ไอเอ็มเอฟระบุว่าเอเชียควรปรับทิศทางการเติบโตให้มีความสมดุลมากขึ้นโดยควรเน้นการสร้างอุปสงค์ที่แข็งแกร่งภายในประเทศของตนเอง เนื่องจากเชื่อว่าความต้องการนำเข้าทั้งสินค้าและบริการ ของตลาดใหญ่เดิมๆ ในประเทศอุตสาหกรรม ไม่น่าจะกลับคืนสู่ระดับที่เคยเป็นก่อนเกิดวิกฤติเศรษฐกิจรอบล่าสุดในเร็ววันอย่างแน่นอน

รายงานแนวโน้มเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิกของไอเอ็มเอฟระบุว่า ภูมิภาคดังกล่าวมีแนวโน้มการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งในอนาคตอันใกล้ อีกทั้งบางประเทศกำลังมีแนวโน้มจะเกิดภาวะเงินเฟ้อ เอเชียจึงถึงจุดที่จะต้องปรับนโยบายเศรษฐกิจให้คืนสู่ภาวะปกติได้แล้ว และการเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินตราของเอเชียก็เป็นองค์ประกอบสำคัญยิ่งสำหรับกระบวนการปรับนโยบายเศรษฐกิจดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ในระยะไม่กี่เดือนที่ผ่านมา หลายประเทศในเอเชียต้องเผชิญกับภาวะเงินทุนนอกไหลเข้าอย่างรวดเร็วเนื่องจากนักลงทุนพากันเลี่ยงแหล่งลงทุนที่มีความไม่แน่นอนอย่างสหรัฐฯและยุโรป ทำให้รัฐบาลประเทศเอเชียต้องนำมาตรการรับมือทุนทะลักเข้าหลากรูปแบบออกมาใช้เพื่อป้องกันสกุลเงินของตนเองไม่ให้แข็งค่ามากเกินไปจนส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการส่งออก มาตรการรับมือและการแทรกแซงค่าเงินดังกล่าวส่งผลสั่นสะเทือนไปยังตลาดเงินทั่วภูมิภาค

"ประเทศในเอเชียมีเครื่องมือที่หลากหลายในการจัดการกับทุนไหลเข้า ความท้าทายก็คือการหาวิธีการที่จะชักทุนไหลเข้าเหล่านั้นออกจากตลาดเงิน เข้าสู่โครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านต่างๆ ให้ได้" นายอานุป ซิงห์ ผู้อำนวยการไอเอ็มเอฟ ประจำภาคพื้นเอเชีย-แปซิฟิก กล่าว และยังระบุด้วยว่า ปัจจุบันทุนนอกที่ไหลเข้าสู่ภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกยังไม่แตะถึงระดับสูงสุดที่เคยมีมาก่อนเกิดวิกฤติเศรษฐกิจในปี 2551 และไอเอ็มเอฟเองก็เชื่อว่า สถานการณ์ในขณะนี้ ยังไม่ถึงจุดที่รัฐบาลประเทศต่างๆในเอเชียจะงัดมาตรการควบคุมทุนนอกมาใช้ กระนั้นก็ตาม เขาเห็นว่า เอเชียอาจจำเป็นต้องนำมาตรการคุมเข้มทางการเงินมาใช้เพิ่มเติมจากที่เป็นอยู่ ซึ่งนั่นอาจรวมถึงการปล่อยให้ค่าเงินของแต่ละประเทศขยับสูงขึ้น

นอกจากนี้ เขายังแนะนำว่า เพื่อเป็นการป้องกันภาวะเศรษฐกิจขยายตัวอย่างร้อนแรงจนเกินไปซึ่งจะส่งผลให้เกิดเงินเฟ้อพุ่งสูงตามมา รวมทั้งเพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงภาวะไม่สมดุลทางการคลังที่กำลังทวี บางประเทศควรถอนการใช้มาตรการการคลังเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้เร็วยิ่งขึ้น ทั้งนี้ เขาเห็นว่า หลายประเทศในเอเชีย อาทิ จีน ฟิลิปปินส์ และไทย มีสถานภาพทางการเงินที่เอื้ออำนวย และสามารถเพิ่มมาตรการเข้มงวดทางการเงินมากกว่าที่เป็นอยู่

ผู้บริหารของไอเอ็มเอฟมองสถานการณ์ว่า การบริหารจัดการเงินทุนไหลเข้าเป็นความท้าทายเชิงนโยบายที่สำคัญสำหรับภูมิภาคเอเชียในเวลานี้ เนื่องจากสถานการณ์การเงินในสหรัฐฯ ส่อเค้าจะเป็นปัจจัยในเรื่องนี้ต่อไปอีกระยะหนึ่งและแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยทั่วโลกก็น่าจะทรงอยู่ในระดับต่ำ ขณะที่สกุลเงินหลักๆของเอเชียต่างขยับค่าแข็งขึ้นมากในระยะ 2 เดือนที่ผ่านมา (ดังแผนภูมิประกอบ) รายงานของไอเอ็มเอฟชี้ว่า อาจเกิดภาวะฟองสบู่ด้านอสังหาริมทรัพย์ในหลายเมืองใหญ่ของจีน แม้ราคาอสังหาริมทรัพย์โดยภาพรวมทั่วประเทศจีนอาจจะยังไม่สูงเกินระดับพื้นฐานอย่างมีนัยสำคัญ

 

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจฉบับที่ 2,577 24-27 ตุลาคม พ.ศ. 2553

[ทองใหม่ 7,435]

เช้านี้เปิดตลาดดอลล์ร่วง เป็นเหตุให้ทองขึ้น